เมื่อก่อนขาของเขาเหมือนท่อนไม้ที่ไร้ความรู้สึก ดังนั้นจึงส่งผลให้เขาต้องเดินลากขาเดียวอย่างลำบากเขาลืมไปนานแล้วว่าการได้สัมผัสพื้นมันรู้สึกอย่างไร ตอนนี้เขาถึงกับได้รับประสบการณ์อีกครั้งแล้ว!ลุงฝูรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย กระทั่งดิ้นรนอยากที่จะลุกขึ้น แม้จะเจ็บแต่เขาก็ยังอยากจะสัมผัสได้ถึงไป๋ซือหวงรีบพยุงเขา กล่าวกำชับอย่างอดทน "ลุงฝู ขาของท่านยังต้องฝังเข็มอีกสองหรือสามครั้ง ถึงจะกลับมาเดินเหินได้ตามปกติ"ลุงฝูมีสีหน้าดีใจ มองนางด้วยสีหน้าตื่นเต้น "หมายความว่า ข้ายังเดินได้ปกติหรือ?"ไป๋ซือหวงพยักหน้า "เมื่อถึงเวลาฝังเข็มครั้งต่อไป ข้าจะให้เสี่ยวหลางบอกท่าน พักนี้ท่านควรให้ความสำคัญกับการพักผ่อนบนเตียงให้มาก"“และอย่ากินอาหารรสเผ็ดหรือเย็น อย่าเกิดโทสะ”“โอ้! บ่าวทราบแล้ว ขอบคุณฮูหยินขอรับ!”ลุงฝูตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ชั่วขณะ จนเรียกตัวเองว่าบ่าวด้วยซ้ำหลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเขาก็ฟื้นจากความประหลาดใจที่ตกลงมาจากสวรรค์ และในใจของเขาก็เต็มไปด้วยความสงสัยอย่างท่วมท้นเขาลังเล “ฮูหยิน ท่าน…”ไป๋ซือหวงรู้ถึงความสงสัยของเขา ไม่ได้อธิบาย เพียงแค่ขอร้อง "ลุงฝู เรื่องท
ลมวสันต์เอื่อยๆ แสงตะวันเจิดจ้าไป๋ซือหวงกำลังนอนหลับอยู่ในเรือน เสี่ยงหลางกำลังเล่นว่าวเพียงลำพังในสวนทันใดนั้นลมแรงกรรโชก สายว่าวก็ขาดในฉับพลัน ว่าวได้กระโจนไปชนต้นไม้ในระยะไกลเมื่อเห็นเช่นนี้ เขาก็รีบลอดออกจากรูสุนัขลอดทันทีต้นไม้สูงจนมิอาจประมาณได้ เสี่ยวหลางคว้าลำต้นด้วยมือเล็ก และปีนขึ้นไปด้วยขาเล็กๆ ของเขาไม่ไกลนัก รถม้าสีม่วงเข้มก็ขับผ่านไปอย่างช้าๆด้วยสายตาอันเฉียบแหลมของเสี่ยวปาซึ่งกำลังขับรถม้าอยู่ เห็นเด็กคนหนึ่งบนต้นไม้ใหญ่ จึงรายงานอย่างรวดเร็วว่า "นายท่าน มีเด็กน้อยที่ไม่เชื่อฟังกำลังปีนต้นไม้อยู่ และยังปีนขึ้นสูงมากขอรับ"ภายในรถม้า ประโลมด้วยกลิ่นหอมของไม้จันทน์มั่วเฉินซางสวมชุดสีม่วงที่ดูสง่างามอย่างยิ่ง เขาเอนกายอย่างสบายๆ ในรถม้า ผมที่พาดไหล่กว้างอย่างพริ้วไสว ดวงตาสีเข้มของเขาก็ส่องประกายด้วยรัศมีที่เย็นชาเมื่อได้ยิน เขาก็เปิดม่านเล็ก ๆ ด้วยนิ้วเรียวยาว จากนั้นก็เห็นเจ้าก้อนกลมในชุดแดงผมสั้น ยื่นก้นออกมาแล้วปีนขึ้นไป“ช่วยเขาเอาว่าวลงมาหน่อย”มั่วเฉินซางมองดูเจ้าก้อนกลมเป็นเวลานาน ดูเจ้าก้อนกลมที่ราวกับว่าจะต้านทานไม่ไหวแล้ว แขนเล็กๆ ของเขาสั่นเทา
หลังจากมองดูพวกเขาทั้งสองจากไปไกล มั่วเฉินซางก็ถอนสายตาเพียงแต่ความรู้สึกแปลกๆ ของการดึงดูดสายเลือดในหัวใจ ไม่สามารถระงับได้เป็นเวลานาน“นายท่าน แม่ทัพเซียวและฮูหยินของเขามีลูกชายเพียงคนเดียว และฮูหยินของเขาก็คือไป๋ซือหวงสาวโง่คนนั้น”“นึกไม่ถึงว่าจะเป็นหญิงที่ฟื้นจากความตายในคืนนั้น” มั่วเฉินซางกล่าวอย่างใจเย็น“เด็กคนนี้ต้องมาจากตระกูลของเรา เจ้าไปตรวจสอบในตระกูลดูสิว่ามีใครทิ้งลูกเมียหรือไม่ เป็นไปไม่ได้ที่ผู้หญิงธรรมดาและเซียวป๋อฉิงจะให้กำเนิดสายเลือดของเผ่าหมาป่าสีเงิน”……หลังจากกลับมาถึงจวน เซียวป๋อฉิงได้นำข่าวว่าพระชายาฉีจะมาเยี่ยมบุตรสาวของนางในตอนค่ำ สั่งให้คนไปแจ้งไป๋ซือหวงไป๋หว่านเหลียนได้รับจดหมายตอบกลับจากมารดาของนางแต่แรกแล้ว จึงสั่งให้คนเตรียมงานเลี้ยงอันประณีตไว้แต่เนิ่นๆ จากนั้นก็ไปรอต้อนรับพระชายาฉีที่หน้าประตูพร้อมกับเซียวป๋อฉิง หนึ่งชั่วยามต่อมา รถม้าที่สวยงามประณีตแต่ลึกลับมากก็หยุดลง ซวงเอ๋อร์สาวใช้ข้างกายไปเปิดม่าน เผยให้เห็นสตรีนางหนึ่งที่อายุเกินห้าสิบแต่ยังคงมีท่าทางชดช้อยและมีเสน่ห์ “คารวะพระชายาฉี” คนรับใช้หลายคนทำความเคารพ พระชายาฉีสวม
ยามค่ำคืนกลางดึก ภายในเรือนชีอู๋ไป๋ซือหวงกำลังทาแผ่นบำรุงหน้าสมุนไพรอยู่ เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู นางจึงรีบเก็บยาที่แลกจากมิติไว้ในห้อง แล้วเดินไปเปิดประตูเมื่อเปิดประตูก็เห็นสาวใช้แปลกหน้านางหนึ่ง นางถามอย่างระแวดระวัง “เจ้าเป็นใคร มาทำอะไรในเรือนชีอู๋?”“เรียนฮูหยิน บ่าวคือซวงเอ๋อร์ เป็นสาวใช้ทำงานหยาบในจวน วันนี้พระชายาฉีมาที่จวน สั่งให้บ่าวมาเรียกท่านไปพบเจ้าค่ะ”ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม มารดาผู้นี้เป็นคนหน้าเนื้อใจเสือเมื่ออยู่ต่อหน้าคนนอกก็ประพฤติตัวเหมาะสม แต่บ่อยครั้งที่ปฏิบัติต่อดอกบัวขาวและเจ้าของร่างเดิมแตกต่างกันเจ้าของร่างเดิมเนื่องจากถูกพระชายาฉีผู้เป็นแม่และดอกบัวขาวรังแกภายในเรือน เมื่อได้ยินว่าตนจะได้แต่งงานกับแม่ทัพก็รู้สึกตื่นเต้นมาก คิดว่าในที่สุดก็สามารถหลบหนีจากห้วงแห่งความทุกข์ได้ แต่กลับต้องมาเสียชีวิตโดยไม่คาดคิดดอกบัวขาวเพิ่งถูกลงโทษไป พอนางมาถึง คงทนข่มใจไม่อยู่แน่สีหน้าของนางสงบนิ่ง “ได้ เช่นนั้นเจ้าก็นำทางข้าไปสิ” ระหว่างทาง นางพบว่าเส้นทางที่ซวงเอ๋อร์พามาไม่ใช่ทางไปศาลาลวี่หมั่น แต่กลับเบี่ยงออกไปเรื่อย ๆบ้านเรือนทั้งสองข้างทางหาย
ในขณะนี้ ทุกคนล้วนนั่งอยู่ในงานเลี้ยงเซียวป๋อฉิงมองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นหญิงผู้นั้นแค่คนเดียวเขาถามอย่างเย็นชา “แล้วไป๋ซือหวงล่ะ? ช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้แต่นางกลับไม่อยู่ ไม่รู้กาลเทศะเอาเสียเลย”ไป๋หว่านเหลียนเห็นดังนั้น ดวงตางดงามก็ข่มความยินดีเอาไว้ไม่ได้ พลางถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ข้าเองก็ไม่รู้ว่าพี่หญิงไปไหนแล้ว งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มแล้ว เมื่อครู่ข้าส่งคนมากมายไปตามหานาง แต่ก็ยังไม่...”สีหน้าของเซียวป๋อฉิงยิ่งดูแย่ขึ้นไปอีก พลางพ่นลมหายใจฮึดฮัด “ไม่รู้จักมารยาทเช่นนี้ จะสั่งสอนลูกเต้าให้ดีได้ยังไง!”กว่าอีที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกมีลางสังหรณ์แปลก ๆ เขามักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าอนุเหลียนผู้นี้คิดไม่ซื่อ“ท่านแม่ทัพอย่าเพิ่งโมโห หวงเอ๋อร์อาจจะติดธุระมาสายก็ได้” พระชายาฉีกล่าวปลอบใจน้ำเสียงที่นุ่มนวลของนาง ทำให้เซียวป๋อฉิงคลายความโมโหลงบ้างดวงตางดงามของพระชายาฉีขยับเล็กน้อย มองไปที่บ่าวรับใช้คนหนึ่งหลังจากบ่าวรับใช้เข้าใจแล้ว ก็ดูเหมือนจะนึกอะไรออก “เมื่อครู่บ่าวกลับไปเอาผ้าเช็ดหน้าที่เรือนให้พระชายาฉี คล้าย ๆ ว่าจะเห็นฮูหยินท่านแม่ทัพกำลังมุ่งหน้าไปยังเรือนเล็กทางฝั่งสระน้ำ”เมื่
“บ่าวขอคารวะทุกท่านเจ้าค่ะ”ไป๋ซือหวงมองดูนาง แล้วถามว่า “ซวงเอ๋อร์ เมื่อครู่ข้าทำของว่างอยู่กับเจ้า ไม่เคยอยู่ที่นี่เป็นเวลานานใช่หรือไม่?”ต่อมา พระชายาฉีก็พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อย่ากังวล เจ้าบอกความจริงมาก็พอ”ไป๋หว่านเหลียนแอบขยิบตาให้ซวงเอ๋อร์ อย่าให้หญิงชั่วผู้นี้มาถ่วงรั้งไว้ซวงเอ๋อร์กัดฟัน นึกถึงพิษในร่างกาย ในที่สุดก็เชิดหน้าพูดว่า “บ่าวทำของว่างอยู่กับฮูหยินตลอด เมื่อครู่ฮูหยินได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว จึงวิ่งมาที่นี่”เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซียวป๋อฉิงก็เหมือนยกภูเขาออกจากอกพระชายาฉีกับไป๋หว่านเหลียนสบตากัน กัดฟันด้วยความโกรธ ดูเหมือนเด็กสาวผู้นี้จะย้ายข้างแล้วดวงตาจิ้งจอกของไป๋ซื่อหวงกวาดมองชายเมาเหล้าเหล่านั้น แล้วเสนอแนะว่า “ถ้าท่านแม่ทัพอยากรู้ว่าชายเหล่านั้นมาที่นี่ได้ยังไง ลองถามพวกเขาดูก็รู้แล้วมิใช่หรือ?”เซียวป๋อฉิงก็คิดว่ามีเหตุผล เขาสั่งการกว่าอี “ไปปลุกพวกเขามาสอบถามอย่างละเอียด!”กว่าอีรับคำสั่ง ราดน้ำแข็งกะละมังหนึ่งใส่ทั้งสามคน ทำให้พวกเขาสะดุ้งโหยงขึ้นมาทันที“พูดมา! พวกเจ้ามาจากไหน! ทำไมถึงมาอยู่กับแม่นมหรง...” ครึ่งหลังของประโยค กว่าอีไม่มีหน้าจะ
ก่อนขึ้นรถม้า พระชายาฉีก็ฟื้นตัวกลับมาเหมือนเดิมแล้วนางออกคำสั่งด้วยสีหน้าจริงจัง “เหลียนเอ๋อร์ คนชั่วคนนั้นไม่ใช่คนโง่เหมือนอย่างเคยอีกต่อไปแล้ว ต่อไปทำอะไรเจ้าต้องระมัดระวังให้ดี”“แม้ว่าครั้งนี้จะล้มเหลว แต่ครั้งต่อไปจะไม่ปล่อยให้นางรอดไปได้ง่าย ๆ เช่นนี้อีกแล้ว”“ท่านแม่ ข้าเข้าใจแล้ว ท่านก็รักษาตัวด้วย”ไป๋หว่านเหลียนข่มความโกรธภายในใจ แล้วกล่าวอย่างอ่อนโยนหลังจากส่งพระชายาฉีกลับไปที่จวนแล้ว ไป๋หว่านเหลียนก็อาละวาดเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ภายในเรือนนางอยากจะไปชำแหละกระดูกของไป๋ซือหวงให้ได้ในตอนนี้เสียเลย!ทันทีที่คิดถึงสายตาไม่พอใจของแม่ทัพเมื่อครู่ นางก็รู้สึกว่าสถานการณ์ของตัวเองค่อนข้างอันตรายแล้วเห็นทีนางต้องตั้งครรภ์โดยเร็วที่สุด เมื่อมีลูกแล้วก็ถือว่ามีที่พึ่งพิง“รีบไปนำยามา”ไป๋หว่านเหลียนดื่มยาบำรุงครรภ์มาโดยตลอด คนใกล้ชิดของนางต่างรู้ดี แต่ดื่มมาสามปีก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆภายในเรือนชีอู๋ ไป๋ซือหวงกำลังครุ่นคิด ส่วนผสมที่นางใส่เพิ่มให้ดอกบัวขาวน่าจะเริ่มได้ผลแล้ววันนี้นางร่วมมือกับพระชายาฉีใส่ร้ายตน ตนไม่อาจยอมปล่อยให้นางได้ดีในขณะนี้ เซียวป๋อฉิงได้ก้าวสวบ
เข้ากลางเดือนสามพอดี อากาศอบอุ่นขึ้นแล้วต้นท้อในจวนกิ่งก้านกำลังออกดอกสีชมพู ต้นหลิวก็แตกหน่อเขียวขจีเต็มไปหมดตกกลางคืน ไป๋ซือหวงเปลี่ยนเป็นชุดสีแดง สวมผ้าคลุมหน้า เตรียมตัวออกไปข้างนอกนางกำลังจะคลานออกจากรูสุนัขลอด แต่รู้สึกได้ว่ามีคนดึงตัวเองไว้ พอหันกลับไป ก็เห็นดวงตาสีน้ำเงินอ่อนคู่หนึ่งของเสี่ยวหลางในยามกลางดึก เปล่งแสงแวววาวราวกับกระจก“ทุกครั้งท่านแม่ก็ออกไปข้างนอกตามลำพัง ไม่ต้องการเสี่ยวหลางอีกแล้วใช่หรือไม่...ไม่เป็นไรนะท่านแม่ ท่านบอกมาเถอะ เสี่ยวหลางจะไม่ตำหนิท่านเลย”เสี่ยวหลางบุ้ยปากน้อย ๆ พูดไปน้ำตาไหลอาบแก้มไป“โธ่ เจ้ากระสอบทราย แม่จะไม่ต้องการลูกรักได้ยังไง? เจ้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในหัวใจของแม่”“ไม่ต้องร้องไห้ แม่พาเจ้าออกไปเที่ยวเล่นดีไหม?”ไป๋ซือหวงมองเจ้าก้อนกลมที่ร้องไห้จนหน้าย่น อดขำในใจไม่ได้เด็กคนนี้ ต้องกินดาราตุ๊กตาทองเข้าไปแน่ ๆ ร้องไห้จนหัวใจของนางแทบละลายแล้ว“เย่ เสี่ยวหลางรักท่านแม่ที่สุดเลย!”หลังจากที่เสี่ยวหลางทำตามแผนสำเร็จ ก็ย่นจมูกสูดน้ำตาทั้งหมดเข้าไปทันทีก่อนหน้านี้เขาได้ยินแม่เล่าว่า นางเล่นกับสัตว์ตัวน้อยในคณะละครสัตว์ แล้ว