“บ่าวขอคารวะทุกท่านเจ้าค่ะ”ไป๋ซือหวงมองดูนาง แล้วถามว่า “ซวงเอ๋อร์ เมื่อครู่ข้าทำของว่างอยู่กับเจ้า ไม่เคยอยู่ที่นี่เป็นเวลานานใช่หรือไม่?”ต่อมา พระชายาฉีก็พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อย่ากังวล เจ้าบอกความจริงมาก็พอ”ไป๋หว่านเหลียนแอบขยิบตาให้ซวงเอ๋อร์ อย่าให้หญิงชั่วผู้นี้มาถ่วงรั้งไว้ซวงเอ๋อร์กัดฟัน นึกถึงพิษในร่างกาย ในที่สุดก็เชิดหน้าพูดว่า “บ่าวทำของว่างอยู่กับฮูหยินตลอด เมื่อครู่ฮูหยินได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว จึงวิ่งมาที่นี่”เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซียวป๋อฉิงก็เหมือนยกภูเขาออกจากอกพระชายาฉีกับไป๋หว่านเหลียนสบตากัน กัดฟันด้วยความโกรธ ดูเหมือนเด็กสาวผู้นี้จะย้ายข้างแล้วดวงตาจิ้งจอกของไป๋ซื่อหวงกวาดมองชายเมาเหล้าเหล่านั้น แล้วเสนอแนะว่า “ถ้าท่านแม่ทัพอยากรู้ว่าชายเหล่านั้นมาที่นี่ได้ยังไง ลองถามพวกเขาดูก็รู้แล้วมิใช่หรือ?”เซียวป๋อฉิงก็คิดว่ามีเหตุผล เขาสั่งการกว่าอี “ไปปลุกพวกเขามาสอบถามอย่างละเอียด!”กว่าอีรับคำสั่ง ราดน้ำแข็งกะละมังหนึ่งใส่ทั้งสามคน ทำให้พวกเขาสะดุ้งโหยงขึ้นมาทันที“พูดมา! พวกเจ้ามาจากไหน! ทำไมถึงมาอยู่กับแม่นมหรง...” ครึ่งหลังของประโยค กว่าอีไม่มีหน้าจะ
ก่อนขึ้นรถม้า พระชายาฉีก็ฟื้นตัวกลับมาเหมือนเดิมแล้วนางออกคำสั่งด้วยสีหน้าจริงจัง “เหลียนเอ๋อร์ คนชั่วคนนั้นไม่ใช่คนโง่เหมือนอย่างเคยอีกต่อไปแล้ว ต่อไปทำอะไรเจ้าต้องระมัดระวังให้ดี”“แม้ว่าครั้งนี้จะล้มเหลว แต่ครั้งต่อไปจะไม่ปล่อยให้นางรอดไปได้ง่าย ๆ เช่นนี้อีกแล้ว”“ท่านแม่ ข้าเข้าใจแล้ว ท่านก็รักษาตัวด้วย”ไป๋หว่านเหลียนข่มความโกรธภายในใจ แล้วกล่าวอย่างอ่อนโยนหลังจากส่งพระชายาฉีกลับไปที่จวนแล้ว ไป๋หว่านเหลียนก็อาละวาดเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ภายในเรือนนางอยากจะไปชำแหละกระดูกของไป๋ซือหวงให้ได้ในตอนนี้เสียเลย!ทันทีที่คิดถึงสายตาไม่พอใจของแม่ทัพเมื่อครู่ นางก็รู้สึกว่าสถานการณ์ของตัวเองค่อนข้างอันตรายแล้วเห็นทีนางต้องตั้งครรภ์โดยเร็วที่สุด เมื่อมีลูกแล้วก็ถือว่ามีที่พึ่งพิง“รีบไปนำยามา”ไป๋หว่านเหลียนดื่มยาบำรุงครรภ์มาโดยตลอด คนใกล้ชิดของนางต่างรู้ดี แต่ดื่มมาสามปีก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆภายในเรือนชีอู๋ ไป๋ซือหวงกำลังครุ่นคิด ส่วนผสมที่นางใส่เพิ่มให้ดอกบัวขาวน่าจะเริ่มได้ผลแล้ววันนี้นางร่วมมือกับพระชายาฉีใส่ร้ายตน ตนไม่อาจยอมปล่อยให้นางได้ดีในขณะนี้ เซียวป๋อฉิงได้ก้าวสวบ
เข้ากลางเดือนสามพอดี อากาศอบอุ่นขึ้นแล้วต้นท้อในจวนกิ่งก้านกำลังออกดอกสีชมพู ต้นหลิวก็แตกหน่อเขียวขจีเต็มไปหมดตกกลางคืน ไป๋ซือหวงเปลี่ยนเป็นชุดสีแดง สวมผ้าคลุมหน้า เตรียมตัวออกไปข้างนอกนางกำลังจะคลานออกจากรูสุนัขลอด แต่รู้สึกได้ว่ามีคนดึงตัวเองไว้ พอหันกลับไป ก็เห็นดวงตาสีน้ำเงินอ่อนคู่หนึ่งของเสี่ยวหลางในยามกลางดึก เปล่งแสงแวววาวราวกับกระจก“ทุกครั้งท่านแม่ก็ออกไปข้างนอกตามลำพัง ไม่ต้องการเสี่ยวหลางอีกแล้วใช่หรือไม่...ไม่เป็นไรนะท่านแม่ ท่านบอกมาเถอะ เสี่ยวหลางจะไม่ตำหนิท่านเลย”เสี่ยวหลางบุ้ยปากน้อย ๆ พูดไปน้ำตาไหลอาบแก้มไป“โธ่ เจ้ากระสอบทราย แม่จะไม่ต้องการลูกรักได้ยังไง? เจ้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในหัวใจของแม่”“ไม่ต้องร้องไห้ แม่พาเจ้าออกไปเที่ยวเล่นดีไหม?”ไป๋ซือหวงมองเจ้าก้อนกลมที่ร้องไห้จนหน้าย่น อดขำในใจไม่ได้เด็กคนนี้ ต้องกินดาราตุ๊กตาทองเข้าไปแน่ ๆ ร้องไห้จนหัวใจของนางแทบละลายแล้ว“เย่ เสี่ยวหลางรักท่านแม่ที่สุดเลย!”หลังจากที่เสี่ยวหลางทำตามแผนสำเร็จ ก็ย่นจมูกสูดน้ำตาทั้งหมดเข้าไปทันทีก่อนหน้านี้เขาได้ยินแม่เล่าว่า นางเล่นกับสัตว์ตัวน้อยในคณะละครสัตว์ แล้ว
มั่วเฉินซางยืนเอามือไพล่หลังอยู่ริมสระน้ำ ดวงตาสีดำขลับไร้ระลอกคลื่นใด ๆ“นายท่าน วันนี้เป็นวันที่คณะละครสัตว์เปิดการแสดง ท่านไม่คิดจะไปดูหน่อยหรือ?”“อืม”เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสี่ยวปาก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย “หญิงในชุดสีแดงคนนั้นแสดงได้ดีมากทีเดียวนะ ปกตินายท่านก็ไม่ค่อยมีงานอดิเรกอะไร ทำไมไม่ไปดูฆ่าเวลาสักหน่อยล่ะ?”พูดจบ เขาก็สัมผัสได้ถึงเงามืดที่เข้ามาใกล้ เมื่อเงยหน้ามองก็เห็นสายตาที่พูดไม่ออกจากนั้น เขาก็ได้แต่มองเงาร่างทะนงตนนั้นเหาะเหินไปยังถนนฉางอันเขาพูดผิดไปหรือ?ที่แท้คำว่าอืมของนายท่าน มีความหมายว่าไปเมื่อเห็นว่าเงาร่างนั้นกำลังจะหายไป เสี่ยวปาก็เหมือนนึกอะไรออกบางอย่าง จึงรีบไล่ตามเขาไป “นายท่าน ท่านไม่ได้พกเงินไป!”ถนนฉางอันคลาคล่ำไปด้วยผู้คน ประชาชนที่ได้รับข่าวล่วงหน้าต่างพากันวิ่งไปที่ชานชาลาไม้ ทิ้งให้สองข้างทางของถนนฉางอันว่างเปล่าไร้ผู้คน ทั้งหมดมารวมตัวกันที่ศูนย์กลางความมืดยามราตรีถลำลึกขึ้นเรื่อย ๆ ไป๋ซือหวงในชุดสีแดงยิ่งโดดเด่นสะดุดตามากขึ้นเมื่อต้องแสงเทียนนางประสานมือเข้าด้วยกัน แล้วโค้งคำนับให้บรรดาผู้ชมเสียงอันเฉื่อยชาและตราตรึงใจดังขึ้นบนพื
เวลานี้ เสี่ยวปาสามารถเบียดเข้าไปได้ง่าย ๆ ทั้งยังพาเจ้าก้อนกลมติดตัวไปด้วย“นายท่าน เด็กน้อยคราวก่อน เขาเหมือนจะเดินหลงไปอีกแล้ว บ่าวเลยพาเขามาด้วย”เสี่ยวหลางฟุบอยู่บนใบหน้าของเสี่ยวปา ใบหน้ากลมดิ๊กหมดอาลัยตายอยากเมื่อครู่เขาเห็นคนคุ้นเคยเรียกเขาประโยคหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าท่านอาผู้นี้จะจำเขาได้ในทันที ยังอดรู้สึกไม่ได้ว่าหากเขาเดินหลงไป อาจจะถูกจับตัวไปมั่วเฉินซางหันกลับไป สายตาจับจ้องอยู่ที่ดวงตาสีฟ้าของเสี่ยวหลาง ความรู้สึกเหมือนโดนดูดเลือดถาโถมเข้ามาอย่างไม่อาจควบคุมได้เมื่อคิดว่าเด็กคนนี้อาจถูกเผ่าพันธุ์ของเขาละทิ้ง เขาก็รู้สึกผิดอย่างหนักความละเลยในฐานะราชาหมาป่าเงินของเขา นำไปสู่โศกนาฏกรรมในครั้งนี้ พวกเขาเผ่าหมาป่าเงินภักดีต่อคู่ของตัวเองมาโดยตลอด ชั่วชีวิตไม่เคยเปลี่ยนใจไม่นึกว่า จะได้เห็นใครละทิ้งลูกเมียแบบนี้ต่อหน้าต่อตาเขาเพียงแต่ว่า...เวลานั้นหญิงโง่อย่างไป๋ซือหวง ไปพบกับคนในเผ่าพันธุ์ของเขาได้อย่างไร?หรือว่านางจะถูกบังคับ?มั่วเฉินซางยิ่งคิดความรู้สึกผิดในใจก็ยิ่งหนักอึ้งขึ้นเสี่ยวหลางจ้องมองมั่วเฉินซาง มีท่าทีเชื่อฟังขึ้นมาทันที เขาชอบพี่ชายคนนี้ทุกค
“สุนัขตัวใหญ่หล่อมาก!”พอเสี่ยวหลางเห็นหมาป่าสีเทาตัวใหญ่ที่สง่างาม ก็กระโจนเข้าใส่อย่างตื่นเต้นไป๋ซือหวงเห็นดังนั้นก็บีบหัวใจ นี่คือหมาป่านะ!นางกำลังจะวิ่งไปปกป้อง แต่กลับหยุดลงเห็นเพียงหมาป่าสีเทาปล่อยให้เสี่ยวหลางแตะหัวของมันอย่างอ่อนโยน เสี่ยวหลางยังกอดคอสีขาวของหมาป่าสีเทาไว้ด้วยความรัก ทั้งสองดูเหมือนพี่น้องกันสุดยอด ทักษะนี้ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ด้วยหรือ?มั่วเฉินซางยังคงมีท่าทีเงียบขรึม เมื่อเห็นนางมีท่าทีประหลาดใจและสับสน ก็อดยิ้มมุมปากบาง ๆ ไม่ได้เผ่าหมาป่าเงินของพวกเขาครองอำนาจในโลกของสัตว์อยู่แล้ว สามารถกำราบสัตว์ส่วนใหญ่ได้“เอาล่ะ ลูกรัก เราควรกลับได้แล้ว”เวลานี้ เฉียนซานเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม “นังหนู นี่คือค่าจ้างสำหรับการแสดงครั้งนี้ของเจ้า เจ้าลองนับดูสิ?”ไป๋ซือหวงมองไปที่ตั๋วเงิน แล้วยิ้มอย่างพึงพอใจทันที นางก็มีสมบัติก้นหีบแล้วเหมือนกัน“ไม่ต้องหรอก ข้าเชื่อใจอาเฉียน”นางรับตั๋วเงินแล้วดึงเสี่ยวหลางออกไปแต่เสี่ยวหลางไม่ยอม เหมือนติดหมาป่าสีเทาเข้าแล้ว กอดมันออดอ้อนเอาใจ“ท่านแม่ พาหมาป่าตัวใหญ่กลับบ้านได้ไหม หมาป่าตัวใหญ่ยังต้องกินยาอยู่นะ มันบอ
เฉียนซานไม่สามารถละสายตาจากเสี่ยวหลางได้ นางเลิกคิ้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านอาเฉียน ท่านไม่ได้คิดอะไรกับลูกข้าใช่ไหม?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉียนซานก็ถอนสายตากลับทันที พลางกระแอมเบาๆ สองครั้ง “อาเฉียนจะเป็นคนแบบนั้นได้ยังไงล่ะ”“ข้ายังสงสัยว่าเด็กคนนี้จะมีอาชีพเสริมอะไรได้ ถ้าท่านอาเฉียนไม่มีความคิดอะไร ก็ลืมเรื่องนี้ไปเถอะ”ความเจ้าเล่ห์แวบขึ้นในดวงตาของไป๋ซือหวง จงใจพูดด้วยความเสียดาย“นังหนู เจ้าอย่าหยอกข้าอีกเลย”เฉียนซานร้อนใจ เขาจะยอมให้ตัวเองสูญเสียโอกาสทางการค้าได้อย่างไร?“ข้ากำลังเตรียมเปิดร้านขายเสื้อผ้าเด็กที่นี่ ทุกอย่างจะเสร็จในเวลาที่กำหนด รบกวนหนูน้อยช่วยเรียกเพื่อน ๆ ไปอุดหนุนหน้าร้านข้าหน่อยได้หรือไม่?”เสี่ยวหลางที่ถูกระบุตัวหันไปมองมารดาเหมือนเป็นการตั้งคำถาม หลังจากได้รับการยืนยันจากมารดาแล้ว เขาก็ทุบอกตัวเองกล่าวเสียงใสซื่อ “ไม่มีปัญหา”“การดึงลูกค้าสู้ให้ลูกค้าเข้ามาเองไม่ได้ ท่านว่าเด็กน้อยอย่างข้า ถึงเวลานั้นไปเป็นนายแบบให้ท่านดีไหม?”ไป๋ซือหวงนึกถึงนายแบบเสื้อผ้าเด็กที่กำลังได้รับความนิยมบนเว็บไซต์ในช่วงนี้ คิดว่านี่อาจเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ไม่เลวและลูกร
ค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวง วันที่สิบห้าเดือนสาม จวนท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการยามราตรีปกคลุมทั่วผืนดิน พระจันทร์ลอยเด่นบนฟากฟ้า ลึกลับยากจะหยั่งถึงมั่วเฉินซางนั่งอยู่บนสระน้ำใสแจ๋ว ล้อมรอบด้วยรัศมีสีม่วง ดูน่าเกรงขามเขาหลับตาทั้งสอง เม้มริมฝีปากบางแน่น ปลดปล่อยกำลังภายในทั้งหมดออกมา สร้างสมดุลกับหลอดเลือดที่ปะทุอยู่ในร่างกายลมเย็นพัดผ่านเส้นผมที่ข้างหูของเขา ทำให้รูปลักษณ์ที่โอหังและหล่อเหลายิ่งดูเข้าถึงได้ยากภายใต้แสงจันทร์ เมื่อสังเกตดี ๆ จะพบว่ามีเพียงชั้นน้ำบาง ๆ โดยมีชั้นน้ำแข็งอยู่ลึกลงไปด้านล่าง!เสี่ยวปาและอิ่งจือเฝ้าสระน้ำ เพื่อป้องกันการลอบสังหารท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการในช่วงที่กำลังอ่อนแอพวกเขามีสีหน้าเคร่งเครียด ประสาทสัมผัสตื่นตัวสูงสุด ไม่ปล่อยผ่านการเคลื่อนไหวใด ๆ เด็ดขาดเสี่ยวปารู้สึกตึงเครียดจนถึงขีดสุด กำอาวุธไว้ในมือแน่นทุกคืนพระจันทร์เต็มดวงในแต่ละเดือน สายเลือดของเผ่าหมาป่าสีเงินจะถูกปลุกขึ้นมาในวันนี้หลังจากสายเลือดเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน สัญชาตญาณสัตว์ในตัวพวกเขาจะถูกปลุกขึ้นมา เอกลักษณ์ของหมาป่าจะปรากฏขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้โดยเฉพาะสายเลือดของมั่วเฉินซาง