"แท้จริงแล้วอาการป่วยนี้ข้าก็เคยได้ยินจากชนบทมาก่อนแล้ว ถ่านของที่นั่นไม่ดี จึงมักมีคนตายเพราะสูดควันพิษโดยไม่รู้ตัว" เขารีบคุกเข่าลง ขอบคุณฮูหยินด้วยความซาบซึ้งอย่างยิ่ง “บ่าวขอบคุณฮูหยินที่ช่วยชีวิต!” เมื่อเห็นภาพนี้ สีหน้าของเซียวป๋อฉิงไม่สู้ดีนัก ถ่านจากที่ชนบทไม่ดี แล้วถ่านในจวนเล่า... ตอนนี้สีหน้าของไป๋หว่านเหลียนซีดเผือด นี่เป็นแค่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเท่านั้น เหตุใดถึงเกี่ยวข้องกับถ่านได้? จะไม่ตรวจสอบเรื่องถ่านต่อไปใช่หรือไม่? ท่านลุงฝูที่รู้ข่าวก็รีบมาด้วยเช่นกัน ตรวจสอบทั่วทั้งร่างกายของกว่าอี พร้อมทั้งรู้สึกขอบคุณไป๋ซือหวงด้วย "ขอบคุณฮูหยินมาก หากเด็กคนนี้เป็นอะไรไป ข้าคงไม่รู้จะสู้หน้ากับแม่ที่ตายไปแล้วของเขาอย่างไร!" "ท่านลุงฝูเกรงใจแล้ว" ไป๋ซือหวงยิ้มอย่างอ่อนโยน ตอนนี้ท่านลุงฝูพูดอย่างแปลกใจ "ท่านแม่ทัพ เหตุใดจึงมีถ่านที่คุณภาพแย่เช่นนี้ในจวนได้ขอรับ?" ไป๋ซือหวงพูดเป็นนัย "แน่นอนว่าผู้ใดเป็นผู้จัดการก็ต้องถามคนนั้น" กว่าอีเข้าใจทันที จึงพูดตำหนิขึ้นมาด้วยความโกรธ "ท่านแม่ทัพ บ่าวรับใช้ท่านมาหลายปีแล้ว ไม่เคยขอสิ่งใดจากท่านเลย ครั้งนี้แม้แ
"ก็ไม่มีอะไร แค่ขอเงินมาซ่อมแซมเรือนที่รั่วอยู่ อยากกินให้อิ่มท้องเสียหน่อย แล้วก็ขอถ่านไฟไปอบอุ่นร่างกายเท่านั้น" พูดจบ ไป๋ซือหวงก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา ทุกคนเห็นแล้วต่างรู้สึกสงสารอย่างยิ่ง ภายใต้สายตาการกดดันของทุกคน แม้เซียวป๋อฉิงไม่เต็มใจ แต่ก็ต้องพยักหน้ายอมรับ จึงนับว่ารักษาหน้าไว้ได้ "เจ้าต้องการเท่าใด? " "ไม่มาก หนึ่งหมื่นตำลึงก็พอ" ตัวเลขนี้ทำให้เซียวป๋อฉิงหัวใจเต้นจนแทบทะลุหน้าอกออกมา "หญิงเจ้าเล่ห์คนนี้ เจ้าไม่ไปปล้นเสียเลยเล่า? " "ท่านแม่ทัพ จวนของน้องเหลียนเอ๋อร์หรูหราถึงเพียงนั้น ข้าในฐานะภรรยาเอกย่อมไม่สามารถน้อยหน้าได้ มิฉะนั้นจะมีคนกล่าวหาท่านแม่ทัพว่าตระหนี่กับภรรยาเอกได้ ใช่หรือไม่เจ้าคะ? " นางพูดด้วยน้ำเสียงของการข่มขู่ที่ชัดเจน กว่าอีเองก็ออกเสียงสนับสนุน "ฮูหยินพูดถูก ท่านแม่ทัพควรพิจารณาชื่อเสียงของตนเองด้วยขอรับ" เสียงของเขาแม้จะซื่อแต่ก็แฝงไว้ด้วยความโกรธ เซียวป๋อฉิงรู้ว่าทำให้อีกฝ่ายน้อยเนื้อต่ำใจ จึงพยักหน้ารับอย่างจำยอม "ภายหลังเจ้าค่อยไปเอาแล้วกัน" "อีกอย่าง นี่เพียงสองวันเท่านั้น แต่น้องหญิงเหลียนเอ๋อร์กลับต้องเจอเรื่องวุ่นวายมาก
เรือนชีอู๋ที่เคยเงียบเหงาพลันมีคนเบียดเสียดกันเต็มไปหมด เครื่องใช้ในเรือนและของใช้ใหม่ ๆ กองอยู่เต็มพื้น กว่าอียื่นขนมที่เพิ่งซื้อมาให้แก่พวกเขา พร้อมกับตั๋วเงินจำนวนหนึ่ง "ฮูหยิน นี่เป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ และเงินหนึ่งหมื่นตำลึงที่ท่านขอ ไม่นับว่าเป็นความเคารพใด" เขาก้มตัวโค้งลงไปอย่างซื่อ ๆ ร่างที่สูงใหญ่ของเขาเกือบจะครึ่งห้อง "เกรงใจเกินไปแล้ว เรือนนี้จะซ่อมเสร็จเมื่อใด? " "ประมาณสองชั่วยามขอรับ ท่านทนอยู่ไปก่อนชั่วคราว ข้าวของภายในบ่าวเปลี่ยนให้ท่านใหม่หมดแล้ว ต่อไปหากสร้างสระน้ำเพิ่มขึ้นด้วยก็จะยิ่งสวย" กว่าอีเกาหัว รู้สึกเขินอายเล็กน้อย "เจ้าช่างซื่อตรงเสียจริง" "ขอบคุณฮูหยินที่ชม หากท่านมีอะไรที่ต้องการ บอกบ่าวได้ทั้งสิ้น" กว่าอีสีหน้าสุภาพนอบน้อม ใบหน้าที่ดุดันเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น "ได้ ช่วงนี้เจ้าก็อย่าได้ทำงานหนัก พักผ่อนให้เต็มที่ รอให้ร่างกายไม่มีอาการผิดปกติแล้วค่อยว่ากัน" "ขอรับ บ่าวจำไว้แล้ว" "ฮูหยิน...บ่าวมีเรื่องอยากขอ..." กล้ามเนื้อบนใบหน้าของกว่าอีตึงเครียดขึ้นมา "เจ้าว่ามาสิ" ไป๋ซือหวงมองคนที่มีท่าทางเขินอายอย่างเขา รู้สึกไม่อยากมองห
ทั้งสองเรือนนั้นเหม็นโฉ่ แต่เรือนซีอู๋ที่ได้รับการซ่อมแซมอย่างรวดเร็วโดยกว่าอีนั้น เปลี่ยนเป็นใหม่เอี่ยมอ่องแล้วเสี่ยวหลางมองเรือนที่กว้างใหญ่ตรงหน้า รู้สึกไม่กล้าเดินเข้าไปเล็กน้อยไป๋ซือหวงจับมือเล็กอ้วนของเขา ยิ้มอย่างสบายใจ "ไปกัน ต่อจากนี้นี่จะเป็นเรือนใหม่ของเราแล้ว"ดวงตาสีฟ้าของเสี่ยวหลางส่องประกาย เขาพยักหน้าที่ใดมีแม่ ที่นั่นก็คือบ้านภายในห้อง ถ่านไฟชั้นดีแผ่ความอบอุ่นและให้แสงสว่าง แม่ลูกสองคนมุดตัวเข้าไปนอนอยู่ในผ้าห่มผืนหนาหลังจากอาบน้ำจนหอมฉุยแล้วฉากกั้นลมและมุ้งล้วนแต่สวยสดงดงาม ของตกแต่งก็มีอยู่ครบครันไป๋ซือหวงนอนอยู่บนเตียง ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัวตอนนี้ยังไม่สามารถแยกทางได้ชั่วคราว หากต้องการอยู่รอดในจวนแห่งนี้ต่อไป ก็ต้องมั่นใจก่อนว่าคนในเรือนเชื่อถือได้ ไม่ให้ไป๋หว่านเหลียนยื่นมือสกปรกเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ดูเหมือนว่านางยังต้องหาคนที่รู้ใจและไว้ใจได้มาเป็นผู้ช่วยถึงจะดีราตรีนี้ นอนหลับสบาย……เที่ยงวันถัดมา เซียวป๋อฉิงฝันว่าตนเองไปห้องน้ำอีกครั้ง ทำให้เขาพลันตกใจตื่นขึ้นมาสิ่งที่รับกับใบหน้าก็คือแสงแดดจ้าที่ส่องเข้ามา แต่ใบหน้าของเขากลับซีดเหมื
"พวกเราอยู่ในตงโยวของแผ่นดินใหญ่เฉินอวี่ กับแคว้นหนานฮวง ซีปั๋ว เป่ยยวน สามแคว้นที่เหลือ""เป่ยยวนมีกำลังแคว้นแข็งแกร่งที่สุด ส่วนอีกสามแคว้นเท่าเทียมกัน ผู้ใดก็เอาชนะผู้ใดไม่ได้""กษัตริย์เป่ยหยวนโหดร้าย ชอบรุกรานแคว้นอื่น ๆ เป็นที่สุด เป็นศัตรูกับทุกแคว้น เมื่อหลายสิบปีก่อนเกือบจะทำลายตงโยวของเรา โชคดีที่มีอิทธิพลของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการ ทำให้พวกเขาไม่กล้ารุกรานตงโยว""อย่างนี้นี่เอง เช่นนั้นตงโยวก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากแล้วน่ะสิ มีพันธมิตรหรือไม่?"ไป๋ซือหวงพูดเรื่องใหญ่ของแคว้น แต่ในใจกลับสนใจเรื่องของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการที่คอยค้ำจุนแคว้นขึ้นมา"แน่นอนว่ามี ซีปั๋วกับพวกเราเป็นพันธมิตรกัน พวกเขายังส่งองค์หญิงมาแต่งงาน ก็คือพระชายาซูในปัจจุบัน""ส่วนหนานฮวงนั้น เป็นสถานที่ที่คนพูดถึงค่อนข้างน้อย บ่าวเองก็ไม่ค่อยรู้จักสักเท่าใด"ไป๋ซือหวงพยักหน้า ในหัวมีภาพโดยรวมของโลกใบนี้ผุดขึ้นมาบ้างแล้วจู่ ๆ นางก็พลันคิดอะไรบางอย่าง จึงไถ่ถามเรื่องครอบครัวขึ้นมา "แล้วเซียวป๋อฉิงล่ะ เหตุใดไม่เคยเห็นเขาออกรบ? แล้วเขาเป็นแม่ทัพได้อย่างไรกัน?"พูดถึงแม่ทัพ ใบหน้าของกว่าอีเปี่ยมไปด
เวลานี้เป็นช่วงต้นฤดูวสันต์ของเดือนสามไป๋ซือหวงมายังโลกนี้ก็ได้ครึ่งเดือนแล้วนางสวมชุดกระโปรงผ้าบางพลิ้วสีแดง ปิดด้วยผ้าคลุมหน้า หนีออกจากรูสุนัขลอดของเรือนชีอู๋ วางแผนจะไปซื้อวัตถุดิบยาสักเล็กน้อยมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก มาถึงถนนฉางอันอันรุ่งเรืองมีผู้คนและร้านค้ามากมายบนถนน เสียงร้องเร่ขายไม่ขาดสายสำหรับนางที่เป็นผู้ข้ามภพ มันเหมือนกับได้เข้าไปในอุทยานต้ากวน ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็แปลกใหม่เช่นนั้นนางเดินเข้าออกตามร้านแต่ละร้านไม่หยุด ในไม่ช้าก็ซื้อสมุนไพรที่จำเป็นและเสื้อผ้าของเสี่ยวหลางจนครบ เมื่อนางผ่านแผงขายน้ำชา เสียงพูดคุยของชาวบ้านก็ได้ดึงดูดความสนใจของนาง"สวรรค์มีตา ตราบใดที่ตงโยวยังมีท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการ ชีวิตความเป็นอยู่ของเราก็จะค่อยๆ ดีขึ้น"“ได้ยินมาว่าท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการอายุยี่สิบสองปีแล้ว และไม่เคยทรงอภิเษกสมรสด้วย? เมียข้าเอาแต่พูดว่าจะแนะนำพระชายาให้ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการอยู่ตลอด!”“อย่าพูดไปเรื่อย ผู้สูงศักดิ์อย่างท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการ เกรงว่ามีเพียงองค์หญิงใหญ่โหรวซูเท่านั้นที่จะเทียบเคียงท่านได้”ไป๋ซือหวงฟังเรื่องซุบซิบสักพัก ทำให้ก็ยิ่งสงสัย
ไป๋ซือหวงกำหมัดแน่น ผ้าคลุมหน้าสีแดงปกปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งของนาง ดวงตาจิ้งจอกเย้ายวนเต็มไปด้วยเจตนาฆ่านางได้เห็นเสือที่มีบาดแผลมากมายผ่านฝูงชนในเมื่อครู่นี้ ไม่เพียงแต่มีบาดแผลใหม่ แต่เท้าซ้ายของมันก็ยังพิการเล็กน้อยเช่นกันสัตว์ในกรงใหญ่เหล่านั้นต่างก็ได้รับบาดเจ็บทั้งมากและน้อยคนเหล่านี้ใช้สัตว์เป็นเครื่องมือในการหาเงินก็มากพอแล้ว แต่ก็ยังข่มเหงพวกมันแบบนี้ ไร้สำนึกจริงๆ!ไป๋ซือหวงไม่สนใจชายที่กรีดร้องด้านข้าง นางเดินตรงไปหาเสือแล้วลูบหัวของมันเบาๆเมื่อทุกคนเห็นฉากนี้ต่างก็ถอยกลับ โดยคิดว่าสตรีผู้นี้ต้องเสียสติแล้วเป็นแน่ นางจะต้องถูกกัดตายในไม่ช้าแม้แต่เฉียนซานก็ถอยหลังไปสองสามก้าว ไม่กล้าเข้าใกล้หญิงสาวคนนี้กล้าเกินไปแล้ว สัตว์ป่าตัวนี้เพิ่งถูกจับมาจากภูเขาไม่นานมานี้ ไม่ได้รับการฝึกฝนเลย ไม่เช่นนั้นมันจะต้องมาถูกเฆี่ยนตีหรือ?เขารีบเตือนว่า "แม่นาง เจ้ารีบไปเสีย มันเป็นสัตว์ป่า มันไม่เข้าใจคำพูดเจ้า!"เฉียนซานเร่งเร้าอย่างกังวล แต่วินาทีต่อมา ม่านตาของเขาก็ขยายกว้างขึ้นทุกคนก็ตกใจเช่นกันเห็นว่าเสือที่ดุร้ายไม่เพียงไม่กัดคนเท่านั้น แต่ยังถูมือของไป๋ซือหวงอย่างเชื่อ
นางย่อตัวลง ใช้หน้าผากแนบกับหัวของมันอย่างอ่อนโยนมั่วเฉินซางเห็นภาพที่นางสนิทสนมกับหมาป่าเยี่ยงนี้ พลังสายเลือดที่แต่เดิมพุ่งพล่านในร่างกายของเขาก็ค่อยๆ สงบลงหลังจากนั้น ไป๋ซือหวงก็แหวกขนของหมาป่าสีเทาออกอีกครั้ง หลังจากตรวจสอบบาดแผลแล้ว สีหน้าของนางก็ดิ่งลงบนตัวของหมาป่าสีเทาถึงกับมีบาดแผลทั้งเล็กและใหญ่มากมาย ปะปนเต็มเกือบทั้งตัว และทั้งหมดก็อักเสบ มีหนองเต็มไปหมดดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้มันจะถูกเฆี่ยนตีหนักเกินไป ทั้งยังไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมจนนำไปสู่การติดเชื้อนางระงับความโกรธสุดกำลัง เข้าสู่มิติด้วยขบวนความคิด หยิบผ้าพันแผลที่เหลือในก่อนหน้านี้ ยาฆ่าเชื้อและยาลดไข้ออกมาสำหรับคนรอบข้าง ดูเหมือนนางแค่ล้วงเอาของออกจากแขนเสื้อ แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรเมื่อน้ำยาฆ่าเชื้อสัมผัสกับบาดแผล หมาป่าสีเทาที่เกือบจะสลบก็ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เสียงครวญครางและเสียงสะอื้นก็ดังไปถึงหูของทุกคน จนเสี่ยวปารู้สึกทนดูไม่ไหวอีกต่อไป“แม่นาง ปล่อยให้มันตายอย่างสงบเถอะ จะตายแหล่มิตายแหล่แบบนี้มันทรมานเหลือเกิน”หญิงสาวผู้นี้มีรูปโฉมงามเช่นนี้ ไฉนถึงโหดร้ายเยี่ยงนี้ได้ไป๋ซือหวงแสร้งทำ