ธนิดาถูกจับไปเป็นตัวประกันระหว่างรอชดใช้หนี้ให้มาเฟียอย่างนาวิน ความใกล้ชิดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรัก ทว่าท่ามกลางอันตรายและความลับที่ปิดซ่อนไว้ ทั้งสองจะเอาชนะโชคชะตาและความเสี่ยงของโลกมาเฟียได้หรือไม่
Lihat lebih banyakแสงไฟจากโคมระย้าสีทองแดงในห้องประชุมลับของคฤหาสน์ส่องสว่างลงมาบนโต๊ะไม้ยาวที่ตั้งอยู่กลางห้อง บรรยากาศในห้องนี้หนักอึ้งและเต็มไปด้วยความตึงเครียด ผนังที่บุด้วยไม้สีเข้มและตู้เหล็กที่ล็อกแน่นหนาทำให้ห้องนี้ดูเหมือนป้อมปราการมากกว่าห้องประชุม กลิ่นบุหรี่จางๆ ลอยอยู่ในอากาศ ผสมกับกลิ่นเหงื่อและความกังวลจากคนที่อยู่ในห้อง นาวินนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ สวมเสื้อเชิ้ตสีดำที่ม้วนแขนขึ้นถึงข้อศอก แผลที่แขนซ้ายของเขาถูกพันผ้าไว้อย่างเรียบร้อยจากฝีมือของธนิดาเมื่อคืนนี้ ดวงตาคู่คมของเขาจ้องมองไปยังลูกน้องสี่คนที่นั่งอยู่รอบโต๊ะด้วยสายตาที่เย็นชาและพิจารณาธนิดายืนอยู่มุมหนึ่งของห้อง เธอสวมเสื้อแจ็กเก็ตสีเทาที่เปื้อนโคลนจากเหตุการณ์เมื่อคืน ปืนพกที่เหน็บไว้ที่เอวของเธอทำให้เธอรู้สึกถึงน้ำหนักของสถานการณ์ที่เธอกำลังเผชิญอยู่ เธอถูกนาวินเรียกตัวมาร่วมประชุมนี้หลังจากที่พวกเขากลับมาถึงคฤหาสน์ตอนเช้ามืด โดยมีภูมิพาเธอกับนาวินกลับมาด้วยรถของเขาเธอยังจำท่าทางแปลกๆ ของภูมิได้ดี การที่เขามองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตระหนกเกินเหตุ และน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อยเมื่อเขาคุยกับนาวิน เธอพยายามขจัดความสงสัยนั
สายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเมื่อครู่เริ่มซาลง เหลือเพียงละอองฝนบางๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศและหยดลงจากรอยรั่วบนหลังคาโกดังร้าง เสียงน้ำหยดกระทบพื้นคอนกรีตดังเป็นจังหวะเบาๆ ผสมกับเสียงลมที่พัดผ่านช่องว่างของกำแพงไม้เก่าๆ ที่ผุพัง แสงจันทร์สีเงินลอดผ่านรอยแตกของหลังคาและหน้าต่างที่แตกออก สาดส่องลงมาบนพื้นโกดังเป็นลำแสงสลัวๆ ทำให้ภายในโกดังดูเหมือนฉากในฝันที่ทั้งเงียบสงบและน่าขนลุกในเวลาเดียวกันธนิดานั่งพิงกองกล่องไม้ที่เต็มไปด้วยฝุ่น เธอหายใจถี่จากความเหนื่อยล้าที่สะสมมาจากการโจมตีเมื่อครู่ เสื้อแจ็กเก็ตสีเทาของเธอเปียกชุ่มและมีรอยขาดที่ไหล่จากการคลานออกจากรถที่คว่ำ ปืนพกในมือของเธอวางนิ่งอยู่บนตัก เธอมองไปที่มันด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ยังไม่เชื่อตัวเองเลยว่าเธอเพิ่งผ่านการไล่ล่าที่เกือบฆ่าเธอมาได้นาวินนั่งอยู่ไม่ไกลจากเธอ เขาพิงกำแพงโกดังด้วยท่าทีที่ดูเหนื่อยล้า ปืนกลสั้นของเขาวางอยู่ข้างตัว เขายกมือขึ้นเช็ดหน้าผากที่เปื้อนเลือดจากรอยขีดข่วน แต่ทันใดนั้น เขาก็สะดุ้งเล็กน้อยและกุมแขนซ้ายของตัวเองแน่น ธนิดาสังเกตเห็นสีหน้าที่บิดเบี้ยวของเขา และเมื่อแสงจันทร์ส่องลงมาที่แขนของเขา เธอ
ฝนตกหนักราวกับฟ้าจะถล่มลงมาในค่ำคืนนั้น เสียงหยดน้ำกระทบหลังคารถยนต์สีดำคันใหญ่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ขณะที่มันเคลื่อนตัวผ่านถนนเปลี่ยวยามค่ำที่ทอดยาวไปท่ามกลางความมืดมิด ถนนสายนี้ตัดผ่านป่าที่ยังคงเขียวขจีแม้ในฤดูฝน ต้นไม้สูงใหญ่ยื่นกิ่งก้านออกมาบดบังแสงจากดวงจันทร์จนแทบมองไม่เห็นอะไรนอกจากเส้นทางที่ถูกสาดส่องด้วยไฟหน้ารถ ละอองฝนที่พัดมากระทบกระจกหน้าทำให้ทัศนวิสัยเลวร้ายลงทุกขณะ แต่คนขับรถลูกน้องของนาวินที่ชื่อว่า เอก ยังคงเหยียบคันเร่งต่อไปด้วยความนิ่งเงียบธนิดานั่งอยู่ที่เบาะหลังข้างนาวิน เธอสวมเสื้อแจ็กเก็ตสีเทาที่เขาให้ยืมมาเพื่อกันฝน ผมสีน้ำตาลเข้มของเธอเปียกชื้นเล็กน้อยจากตอนที่เธอขึ้นรถ ปืนพกที่เขาให้เธอเมื่อวานถูกเหน็บไว้ที่เอวใต้เสื้อของเธอ มือของเธอวางนิ่งบนตัก แต่หัวใจของเธอเต้นรัวตั้งแต่เขาบอกเธอว่าเขาจะพาเธอไปตรวจโกดังแห่งหนึ่งที่อยู่นอกเมือง เธอไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรจากเธอในภารกิจนี้ แต่หลังจากเหตุการณ์การฆ่ามณีต่อหน้าต่อตาในห้องใต้ดินเมื่อวาน เธอรู้สึกว่าเขากำลังทดสอบเธอในแบบที่เธอไม่อาจคาดเดาได้นาวินนั่งนิ่งอยู่ข้างเธอ เขาสวมเสื้อโค
แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านรอยแตกของม่านกำมะหยี่ในห้องพักของธนิดา แต่มันไม่สามารถขจัดความหนาวเย็นที่ยังคงเกาะอยู่ในใจของเธอได้ หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน ไม่ว่าจะเป็นเสียงปืน ภาพลูกน้องของนาวินที่ถูกฆ่าตาย และการหายตัวไปของมณี เธอแทบไม่ได้นอนเลย เธอนั่งอยู่บนเตียงพร้อมปืนพกที่นาวินให้มาวางอยู่ข้างตัว เธอจับมันแน่นเป็นระยะๆ ราวกับมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกถึงความปลอดภัยในคฤหาสน์แห่งนี้ก๊อกๆๆความเงียบในเช้าวันนั้นถูกทำลายด้วยเสียงเคาะประตูที่หนักแน่น เธอสะดุ้งเล็กน้อยและลุกขึ้นยืนทันที ประตูถูกปลดล็อกและเปิดออก เผยให้เห็นร่างของนาวินที่ยืนอยู่ตรงนั้น เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำที่ม้วนแขนขึ้นถึงข้อศอก เผยให้เห็นรอยสักรูปพระจันทร์เสี้ยวที่แขนซ้ายของเขา ใบหน้าของเขาดูเหนื่อยล้า ดวงตาคู่คมเต็มไปด้วยความตึงเครียด แต่ก็แฝงด้วยบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก“ตามฉันมา” เขาสั่งสั้นๆ โดยไม่รอให้เธอตอบ เขาหันหลังและเดินออกไปทันทีธนิดาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอมองปืนที่วางอยู่บนเตียงและตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาเหน็บไว้ที่เอวใต้เสื้อเชิ้ต เธอรู้สึกว่าในสถานกา
กลิ่นบุหรี่จางๆ ลอยคละคลุ้งอยู่ในห้องทำงานของนาวิน บรรยากาศในห้องนี้หนักอึ้งและมืดมิดราวกับซ่อนความลับที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง โต๊ะทำงานไม้โอ๊กสีเข้มตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง ล้อมรอบด้วยตู้หนังสือสูงจรดเพดานที่เต็มไปด้วยหนังสือปกแข็งเก่าๆ ซึ่งบางเล่มดูเหมือนไม่เคยถูกเปิดมาก่อนแสงจากโคมไฟตั้งโต๊ะสีทองแดงส่องลงมาบนใบหน้าของนาวิน ทำให้รอยแผลเป็นที่มุมคิ้วซ้ายของเขาดูเด่นชัดยิ่งขึ้น เขานั่งอยู่หลังโต๊ะ บุหรี่มวนหนึ่งคีบอยู่ระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลาง ควันสีขาวลอยวนขึ้นไปในอากาศก่อนจะจางหายไปในความมืดของห้องธนิดายืนอยู่หน้าตู้หนังสือฝั่งตรงข้าม เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเก่าที่มณีเคยนำมาให้ และกางเกงยีนส์ที่ดูโทรมเล็กน้อยจากเหตุการณ์เมื่อสองคืนก่อน ดวงตาคู่คมของเธอมองไปที่นาวินด้วยความรู้สึกที่ปะปนกัน มันเต็มไปด้วยความระแวง ความโกรธ และความอยากรู้เธอถูกเรียกตัวมาที่นี่หลังจากที่เธอตกลงจะช่วยเขาสอดแนมคนในคฤหาสน์เมื่อคืนนี้ และตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังยืนอยู่บนเส้นบางๆ ระหว่างการเป็นพันธมิตรหรือเหยื่อของเขา“เธอเจออะไรมาบ้าง” นาวินถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา เขาเป่าควันบุหรี่ออกจากปากก่อนจะว
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากการบุกโจมตีของแก๊งเสือดาว ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตลอดทั้งคืนเริ่มซาลง เหลือเพียงละอองฝนบางๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศ ธนิดายืนอยู่ที่หน้าต่างห้องพักของเธอ มองออกไปยังสวนหลังคฤหาสน์ที่ปรากฏให้เห็นผ่านม่านกำมะหยี่สีดำที่เธอแง้มออกเล็กน้อย สวนนั้นกว้างขวางและเงียบสงบ มีน้ำพุหินอ่อนตั้งอยู่ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยต้นไม้เขียวขจีที่ใบยังเปียกชื้นจากฝนเมื่อคืน ลมเย็นพัดผ่านเข้ามาทางช่องหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้ ทำให้กลิ่นดินเปียกและใบไม้ลอยเข้ามาคลอเคลียที่ปลายจมูกของเธอเธอสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามให้อากาศเย็นๆ ช่วยขจัดความรู้สึกอึดอัดที่ยังคงกดทับอยู่ในอกตั้งแต่เมื่อคืน ภาพของการต่อสู้ในโถงทางเข้าหลักยังคงติดตาเธออยู่ เสียงปืนที่ดังสนั่น กลิ่นคาวเลือดที่ลอยคละคลุ้ง และใบหน้าของนาวินที่เปลี่ยนไปเมื่อเธอยิงช่วยเขา เธอยังจำน้ำเสียงของเขาได้ดีเมื่อเขาพูดว่า ‘น่าสนใจ’ คำพูดนั้นวนเวียนอยู่ในหัวของเธอราวกับปริศนาที่เธอยังหาคำตอบไม่ได้ธนิดาตัดสินใจว่าเธอทนอยู่ในห้องที่ถูกล็อกนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว เธอต้องการอากาศบริสุทธิ์ ต้องการหลุดพ้นจากความรู้สึกเหมือนเป็นนักโทษนี้ แม้ว่าจะเป็นแค่ชั่วครู่ก็ตาม เธ
แสงจากโคมระย้าคริสตัลขนาดใหญ่ที่ห้อยลงมาจากเพดานของห้องอาหารในคฤหาสน์เงาจันทราส่งแสงสลัวๆ ไปทั่วทั้งบริเวณ โต๊ะอาหารยาวที่ทำจากไม้โอ๊กสีเข้มถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบด้วยจานชามสีขาวสะอาดตาและช้อนส้อมเงินที่วางเรียงกันอย่างพิถีพิถัน บรรยากาศในห้องนี้ควรจะดูสงบและหรูหรา แต่ความเงียบที่หนักอึ้งและสายตาที่เย็นชาของนาวินที่จ้องมาจากปลายโต๊ะทำให้ทุกอย่างรู้สึกกดดันราวกับมีพายุซ่อนอยู่ในความสงบนั้นธนิดานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของเขา ห่างออกไปเกือบสามเมตร เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเก่าที่มณีนำมาให้เปลี่ยนหลังจากชุดของเธอเปียกฝน มือของเธอวางนิ่งอยู่บนตัก แม้ว่าจะถูกปลดเชือกที่มัดข้อมือออกแล้ว แต่รอยแดงที่เกิดจากการรัดแน่นยังคงปรากฏชัดเจน เธอมองไปที่จานอาหารตรงหน้า สเต๊กเนื้อชิ้นหนาที่มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อยและมันบดสีครีมที่ถูกจัดวางอย่างสวยงาม น่ากินอยู่ไม่น้อย แต่เธอไม่มีอารมณ์จะแตะมันเลยสักนิดรอบห้องอาหาร ลูกน้องของนาวินสามคนยืนนิ่งราวกับรูปปั้น แต่ละคนสวมเสื้อสูทสีดำและถือปืนกลสั้นที่แนบชิดกับลำตัว สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่ธนิดาและประตูทางเข้าหลักของห้องราวกับพร้อมที่จะลงมือทุกเมื่อ เสียงฝนที่
ฝนยังคงตกลงมาอย่างหนัก ขณะที่รถยนต์สีดำคันใหญ่อย่างเบนท์ลีย์ รุ่นเบนเทก้า พาธนิดามุ่งหน้าสู่จุดหมายที่เธอไม่อาจคาดเดาได้ เสียงเครื่องยนต์ดังครืดคราดผสมกับเสียงหยดน้ำที่กระทบกระจกรถ ทำให้ภายในรถเต็มไปด้วยความเงียบที่น่าอึดอัดนาวินนั่งนิ่งอยู่ข้างเธอ สายตาของเขาจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างราวกับไม่ได้สนใจอะไรในโลกนี้ ใบหน้าคมเข้มของเขาถูกแสงจากไฟถนนที่สาดส่องเข้ามาเป็นระยะๆ เน้นให้เห็นรอยแผลเป็นเล็กๆ ที่มุมคิ้วซ้าย ซึ่งธนิดาเพิ่งสังเกตเห็นเป็นครั้งแรกเธอขยับตัวเล็กน้อยบนเบาะหนังสีดำที่เย็นเฉียบ มือทั้งสองข้างของเธอถูกมัดไว้หลวมๆ ด้วยเชือกไนลอนสีดำ ซึ่งลูกน้องของนาวินผูกไว้ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกจากบ้านไม้เก่าของเธอ ความรู้สึกเจ็บที่ข้อมือจากการถูกกระชากยังคงอยู่ แต่เธอพยายามไม่แสดงออกมาให้เขาเห็น เธอหันไปมองนาวินอีกครั้ง พยายามหาคำตอบจากใบหน้าที่เย็นชาของเขา แต่สิ่งที่เธอได้กลับมามีเพียงความเงียบงันที่สร้างความรู้สึกหนักอึ้งขึ้นในใจของเธอ“นี่เราจะกำลังจะไปไหนกัน” เธอถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้หนักแน่น แต่ความสั่นเทาในน้ำเสียงของเธอก็ยังหลุดออกมาเล็กน้อยนาวินหันหน้ามามองเธอช้าๆ ดวงต
ซู่ๆๆ!!!!ฝนตกหนักราวกับฟ้าจะถล่มลงมาในค่ำคืนนั้น เสียงเม็ดฝนตกกระทบหลังคาบ้านไม้เก่าของธนิดาดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ บ้านสองชั้นที่สร้างจากไม้สักเก่าแก่ตั้งตระหง่านท่ามกลางความมืดมิด ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่ใบหนาที่ยื่นออกมาบดบังแสงจันทร์จนแทบมองไม่เห็นอะไรรอบตัว บรรยากาศเย็นชื้นและเงียบสงัด มีเพียงเสียงแมลงกลางคืนที่ดังแว่วมาจากป่าด้านหลังบ้าน และกลิ่นดินเปียกที่ลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศธนิดา วัย 25 ปี หญิงสาวร่างบางที่มีผมยาวสีน้ำตาลเข้ม ยืนอยู่ริมหน้าต่างชั้นสอง เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวที่ขาดเล็กน้อยตรงชายเสื้อ และกางเกงยีนส์เก่าที่ดูไม่เข้ากับใบหน้าสวยหวานของเธอ ดวงตาคู่คมของเธอจ้องมองออกไปในความมืดที่ห่อหุ้มรอบบ้านราวกับพยายามมองหาความหวังบางอย่าง แต่สิ่งที่เธอเห็นมีเพียงเงาต้นไม้ที่โอนเอนไปตามแรงลม และสายฝนที่ตกลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง“ฝนตกหนักแบบนี้ คงไม่น่ามีใครมาแล้วหรอกมั้ง...” เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ น้ำเสียงของเธอแฝงด้วยความเหนื่อยล้าและความกังวล เธอยกมือขึ้นลูบหน้าผากที่เริ่มเปียกชื้นจากไอฝนที่ลอยเข้ามาทางช่องหน้าต่างที่ปิดไม่สนิทตั้งแต่พ่อของเธอหายตัวไปเมื่อสามเดือนก่อน ชีวิตของ
ซู่ๆๆ!!!!ฝนตกหนักราวกับฟ้าจะถล่มลงมาในค่ำคืนนั้น เสียงเม็ดฝนตกกระทบหลังคาบ้านไม้เก่าของธนิดาดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ บ้านสองชั้นที่สร้างจากไม้สักเก่าแก่ตั้งตระหง่านท่ามกลางความมืดมิด ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่ใบหนาที่ยื่นออกมาบดบังแสงจันทร์จนแทบมองไม่เห็นอะไรรอบตัว บรรยากาศเย็นชื้นและเงียบสงัด มีเพียงเสียงแมลงกลางคืนที่ดังแว่วมาจากป่าด้านหลังบ้าน และกลิ่นดินเปียกที่ลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศธนิดา วัย 25 ปี หญิงสาวร่างบางที่มีผมยาวสีน้ำตาลเข้ม ยืนอยู่ริมหน้าต่างชั้นสอง เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวที่ขาดเล็กน้อยตรงชายเสื้อ และกางเกงยีนส์เก่าที่ดูไม่เข้ากับใบหน้าสวยหวานของเธอ ดวงตาคู่คมของเธอจ้องมองออกไปในความมืดที่ห่อหุ้มรอบบ้านราวกับพยายามมองหาความหวังบางอย่าง แต่สิ่งที่เธอเห็นมีเพียงเงาต้นไม้ที่โอนเอนไปตามแรงลม และสายฝนที่ตกลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง“ฝนตกหนักแบบนี้ คงไม่น่ามีใครมาแล้วหรอกมั้ง...” เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ น้ำเสียงของเธอแฝงด้วยความเหนื่อยล้าและความกังวล เธอยกมือขึ้นลูบหน้าผากที่เริ่มเปียกชื้นจากไอฝนที่ลอยเข้ามาทางช่องหน้าต่างที่ปิดไม่สนิทตั้งแต่พ่อของเธอหายตัวไปเมื่อสามเดือนก่อน ชีวิตของ...
Komen