ความรักวุ่นๆ ระหว่างปิติญาดาและคณิน ที่บิดามารดาของทั้งคู่ เล่นละครฉากใหญ่เพื่อที่จะจับบุตรสาวและบุตรชายของพวกเขาให้ได้แต่งงานกัน แต่การแต่งงานครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะราบรื่น เมื่อมีอุปสรรคจากถ่านไฟเก่าเข้ามาแทรกแซง
view more“นี่น้ำมนต์ฟังนะ” คำเรียกของชายหนุ่มเหมือนมนต์สะกดให้ปิติญาดานิ่ง“เธอ…ไม่ใช่ของเล่น ไม่ใช่ตัวสำรอง แต่เธอคือคนที่ทำให้ฉันรู้สิ่งไหนควรปล่อยวางและสิ่งไหนควรไขว่คว้าต่างหาก”“พูดอะไรของนาย ฉันไม่เข้าใจ”“ก็จริงที่พี่จงใจพาน้ำมนต์ไปงานแต่งงานของบัว ยอมรับว่าพี่เห็นแก่ตัวที่ทำแบบนั้น แต่วันนี้น้ำมนต์ทำให้พี่ได้คำตอบอะไรบางอย่าง”“คำตอบอะไร”“ไม่รู้เหรอ” คณินเลิกคิ้วสูงถาม แต่ปิตญาดาก็ยังจับต้นชนปลายไม่ได้“ถ้าไม่พูดแล้วจะรู้ไหม”“ให้ตายสิ อุตส่าห์ทำไปเป็นชั่วโมงๆ จนน้ำมนต์ร้องครางเป็นลูกแมวยังไม่รู้อีกเหรอ” คำแซวของคณินทำให้ปิติญาดาหน้าแดงซ่าน ก่อนจะทุบอกเขาไปแรงๆ“หยุดพูดแบบนั้นนะคนบ้า”“พี่คิดว่า พี่ชอบน้ำมนต์ได้ยินไหม”“อะ…อะไรนะ ชอบฉัน” คนฟังตาโตเพราะ
ปิติญาดาทำอะไรไม่ได้เลย หญิงสาวบิดเร้าร่างกายไปมา ยื่นมือไปสัมผัสศีรษะของคณินหวังผลักให้ชายหนุ่มออกห่างส่วนที่หวงแทนแต่การกระทำกลับตรงกันข้าม คณินกลายเป็นคนใจร้านเพราะเขาเฝ้าปรนเปรอจนปิติญาดาต้องเผลอร้องออกมาว่าไม่ไหวแล้วชายหนุ่มยิ้มที่มุมปาก มั่นใจว่าเธอนั้นพร้อมสำหรับเขาจึงขยับตัวขึ้นไปนอนทาบทับ แต่ความคิดยังไม่อยากรุกล้ำเข้าไปในตัวเธอตอนนี้ แม้ใจจะอยากทำแบบนั้นก็ตามที ดวงตาของปิติญาดาหยาดเยิ้มด้วยไฟปรารถนา ที่เขาเป็นคนจุดให้เธอ หญิงสาวละลายคล้ายน้ำผึ้ง คณินจับมือเธอมาสัมผัสส่วนที่พองขยายของตัวเองบ้าง ให้รู้ว่าเขาเองก็ทรมานไม่แพ้เธอในตอนนี้นักหญิงสาวถึงกับตาโต อ้าปากค้าง ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะให้เธอสัมผัสส่วนนั้นของเขา สิ่งที่อยู่ในมือเธอตอนนี้เต้นตุบๆ ร้อนผ่าว กุมแทบไม่มิด ปิติญาดาเขินอายจะดึงมือกลับแต่คณินกลับรั้งมือเธอไว้ ก่อนจะขยับมือบางที่กุมความเป็นชายของตนขึ้นลง ชายหนุ่มนิ่วหน้าเหมือนคนกำลังเจ็บปวด จนปิติญาดาอดสงสัยไม่ได้ว่าเธอทำให้เขาเจ็บหรือเปล่า“จะ...เจ็บเหรอ” คำถามแบบซื่อๆ ของหญิงสาวทำให้&nb
“ปล่อยฉันนะ นายจะทำอะไร อย่านะ” คนกลัวร้องโวยวาย เพราะสถานการณ์ช่างล่อแหลมเสียเหลือเกิน หัวใจดวงน้อยเต้นรัวไม่รู้จะหลุดพ้นจากตรงนี้ไปได้ยังไง แต่ปิติญาดายิ่งกลัวเมื่อคณินโน้มตัวลงมาจูบเธออีกครั้ง เสียงร้องห้ามหายเข้าไปในลำคอความหอบหวานที่ได้รับจากหญิงสาวช่างยากที่คณินจะหยุดการกระทำได้ เพราะชอบเป็นทุนเดิมจึงอยากสัมผัสเธอไปเสียทุกส่วน เขาชอบเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ ชอบผู้หญิงบ้าๆ คนนี้ตั้งแต่ตอนไหนก็ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แต่มารู้ใจก็ตอนที่อยู่ในงานแต่งงานของกิ่งดาวนี่เอง ปิติญาดาออกแรงเท่าที่มีผลักชายหนุ่มหวังให้เขาออกห่าง แต่กลับไม่เป็นผลอย่างที่คิดความรู้สึกวาบหวามเกิดขึ้นภายในร่างกายอย่างยากที่จะควบคุม ทั้งสับสนและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน ยิ่งได้สัมผัสคณินก็ยิ่งพอใจ ชายหนุ่มยอมตัดใจถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะเปลี่ยนไปสัมผัสจุดอื่นบนร่างกายของปิติญาดาบ้าง หญิงสาวถึงกับห่อไหล่หลบสัมผัสนั้น“อย่านะ” เสียงห้ามอันสั่นเครือของคนในอ้อมกอดดังขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเสียแล้ว คณินซุกไซ้ไปตามซอกคอหอมกรุ่นของปิติญาดา เขาช
“เป็นอะไร” เมื่อเข้ามานั่งในรถได้ชายหนุ่มก็เอ่ยถามเสียงห้วน แต่เธอกลับไม่ตอบอะไรกลับมา คณินสตาร์ทรถแล้วขับออกไปทันที เขาเองก็ไม่ได้สนใจงานแต่งงานนี่สักเท่าไหร่ มาแค่เป็นพิธีเท่านั้น ชายหนุ่มมุ่งหน้าไปยังบ้านของเขา โดยที่ปิติญาดาเอาแต่นั่งกอดอกมองออกไปนอกรถอย่างเดียว แต่พอเห็นประตูรั้วที่ไม่คุ้นตา เธอจึงยอมพูดขึ้น“มาทำอะไรที่นี่”“บ้านฉันไง” ขณะรอให้ประตูอัตโนมัติค่อยๆ เปิดออกคณินก็หันมาตอบ แต่ปิติญาดากลับตีหน้าบึ้งใส่“ไปส่งฉันที่บ้าน ไม่ใช่มาบ้านนาย”“ดึกแล้ว ขี้เกียจขับรถอ้อมไปอ้อมมา เหนื่อย! นอนที่นี่สักคืนจะเป็นไรไป ไหนๆ เราก็แต่งงานกันแล้วนี่” ชายหนุ่มเปลี่ยนแผน หลังจากที่จะกลับลำปางทันทีหลังจากไปงานแต่งงานของกิ่งดาวเสร็จ คงต้องขอพักเอาแรงสักคืน พรุ่งนี้เช้าค่อยออกเดินทาง“ก็แค่ในนาม” ปิติญาดาอยากจะกรี๊ดให้ดังลั่นรถ อยู่ๆ คณินก็อ้างสิทธิ์บ้านั่นขึ้นมา แต่ดูเหมือนเธอจะขัดอะไรไม่ได้เสียแล้ว เมื่อรถชายหนุ่มค่อยๆ
“คิงส์...ขอบคุณนะคะที่มา” เสียงที่คุ้นหู ซึ่งดังอยู่ข้างหลังทำให้คณินหันไปมอง วันนี้กิ่งดาวสวยในชุดเจ้าสาวสีหวาน เธอเห็นชายหนุ่มตั้งแต่เข้ามาในงานแล้ว ไม่ชอบใจที่เขาควงผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้มาด้วย หรือผู้หญิงคนนั้นจะมาดามใจเขา ถึงไม่พอใจแค่ไหน แต่ก็ยังต้องทำเป็นแม่พระไว้ก่อน ทั้งๆ ที่กิ่งดาวตัวจริงไม่ได้เรียบร้อย อ่อนหวานเหมือนท่าทางที่แสดงออกในตอนนี้สักนิด เธอร้ายกาจกว่าที่ใครๆ คิด“ยินดีครับ”“คุณเป็นไงบ้าง ยังโกรธบัวอยู่หรือเปล่า” สีหน้าและแววตาที่กิ่งดาวแสดงออกบ่งบอกว่าเธอยังคงห่วงใยต่อความรู้สึกเขา เรียกได้ว่าตีสองหน้าชัดๆ คณินมองหน้าอดีตคนรักให้เต็มๆ ตา ทำไมการพบกันครั้งนี้เขาถึงไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดทรมานหัวใจอย่างเช่นก่อนหน้าก็ไม่รู้ได้ คงเป็นเพราะได้เห็นเธอมีความสุขในวันที่ต้องการ ซึ่งเขาไม่มีโอกาสได้ทำให้“วันนี้ผมมาแสดงความยินดี คงไม่เหมาะที่จะพูดถึงอดีต” คณินเอ่ยตัดบท เพราะไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ ขึ้นมาอีก แต่กิ่งดาวก็ยังไม่ยอมหยุดง่ายๆ เพราะจะทำให้คณินเสียดายที่เขาไม่ค
คืนนั้นร่างสูงใหญ่ของคณินนอนกระสับกระส่ายไปมาบนเตียงกว้าง ชายหนุ่มยกมือขึ้นก่ายหน้าผากอย่างคนคิดไม่ตก พรุ่งนี้คือวันแต่งงานของกิ่งดาว เขากำลังคิดว่าจะไปงานนี้ดีหรือไม่ คำพูดของเขตไทยในตอนนั้นย้อนเข้ามา เขาทำใจได้แล้วในระดับหนึ่งแต่ใช่ว่าจะทั้งหมด ผู้ชายเมื่อผิดหวังเรื่องความรักแบบไม่ทันตั้งตัว ก็เจ็บฝังใจไม่ต่างไปจากผู้หญิงแต่อีกหนึ่งใจก็อยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง เขากำลังสับสนในรักครั้งเก่าและความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับปิติญาดา แต่เสียงเคาะประตูห้องนอนที่ดังติดกันหลายครั้งก็ช่วงดึงให้สติชายหนุ่มกลับมาก๊อก! ก๊อก!!ก๊อก! ก๊อก!! ก๊อก!!คณินลุกจากเตียง เดินตรงไปยังประตู พอเปิดออกก็เห็น ปิติญาดายืนยิ้มอยู่ ท่าทางมีความสุขมากถึงมากที่สุด“มีออเดอร์เข้ามาอีกแล้ว” น้ำเสียงดีใจดังขึ้น พร้อมรอยยิ้มที่มีบนใบหน้าสวยที่ไม่ได้แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางใดๆ“หืม...” คนฟังอุทาน ดูท่าออเดอร์ครั้งนี้จะเป็นของจริง เก่งเหมือนกันนี่นา&
เขตไทยมาถึงลำปางในช่วงหัวค่ำ ชายหนุ่มเข้าไปฝากท้องกับป้าชื่น เพราะคิดถึงต้มยำกุ้งรสแซบ น้ำพริกปราทูรสเลิศจะแย่แล้ว อยู่เกาหลีมาตั้งหลายวันก็ชักจะเบื่อกิมจิกับซุปสาหร่ายเหมือนกัน กับข้าวที่นั่นมีแต่รสจืดกับเค็ม ไม่ค่อยถูกปากเขาสักเท่าไหร่ พร้อมทั้งบอกข่าวดีกับคณินว่าลูกค้าที่เกาหลีต้องการนำเข้าสินค้าอยู่หลายราย ซึ่งชายหนุ่มก็ยิ้มพอใจกับผลงานของเพื่อน“ขอบใจมากเขต”“เรื่องเล็กน้อยน่า” เขตไทยตบบ่าของเพื่อนเบาๆแก้เก้อ คณินมาชมกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้ก็เขินเป็นเหมือนกัน“ไปดูงานแค่ไม่กี่วัน แต่ทำไมเอ็งพึ่งกลับมาถึงเมืองไทยวันนี้วะ” ที่ถามไม่ใช่เพราะจับผิด แต่เพราะสงสัยต่างหาก“ข้าใช้พักร้อนต่อเพื่ออยู่จีบสาววะ ไม่คิดว่าไปเกาหลีข้าจะได้เจอเนื้อคู่” คนกำลังมีความรักแบบเปิดเผยเอ่ยออกไป สีหน้าดูมีความสุขสุดๆ“เออ…เจริญละ ว่าแต่สาวเกาหลีที่ไหนมาหลงคารมเอ็ง”“เกาหลีที่ไหน สาวไทยต่างหาก น่ารักมาก นี่แหละรักที่ข้าตามห
“เรื่องนั้นผมไม่เถียง แต่เรื่องความรัก ถ้าได้เกิดกับใครแล้วถึงเก่งกาจแค่ไหนก็ต้านทานไม่ไหวหรอก เหมือนที่เกิดกับเราในตอนนี้” เขตไทยรั้งตัวต้องทหัยให้กลับมาสบตาด้วย หญิงสาวยืนนิ่งเหมือนต้องมนต์สะกด ความต้องการของผู้ชายในเรื่องเซ็กส์ เขายอมรับว่าเกิดขึ้นแน่นอน แต่เขาจะข่มไว้จนกว่าเธอจะพร้อมเป็นของเขาด้วยความเต็มใจ“แต่ฉันยังไม่พร้อม”“ผมรู้ ผมเองก็ไม่ได้เร่งอะไรคุณนี่ครับ ตกลงยกโทษให้ผมนะ” ชายหนุ่มยิ้มให้ก่อนจะรั้งเธอเข้ามากอด ต้องหทัยซุกใบหน้าอยู่ในแผงอกชายหนุ่ม“อื้อ…”“ได้ยินเสียงหัวใจผมไหม เสียงนี้บอกว่าเจ้าของหัวใจชอบคุณอยู่” คำพูดหวานๆ ที่เขตไทยไม่คิดว่าชีวิตนี้จะพูดได้ ดังออกมาจากปากของชายหนุ่ม คนฟังยิ้มอย่างพอใจในความน่ารักที่ได้ยิน เขาจะรู้ไหมว่าหัวใจเธอก็บอกว่าชอบเขาเหมือนกัน “คุณละคิดยังไง หื้อ…”“เจอกันที่เมืองไทยแล้วฉันจะบอก”“ครับ” เขตไทยเอ่ยรับปากเสียงหนักแน
ร่างบางถูกรั้งเข้ามาให้แนบชิดอกแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม จูบที่เริ่มต้นจากการสัมผัสเบาๆ ก็ค่อยๆ แปลเปลี่ยนเป็นร้อนแรงมากขึ้น ประสบการณ์ของเขตไทยทำให้คนหัวอ่อนอย่างต้องหทัยสะท้าน ดวงตาที่เบิกกว้างเพราะตกใจค่อยๆ หลับลงอย่างช้าๆ เคลิบเคลิ้มไปกับจูบแรกที่ได้สัมผัสผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ได้ เขตไทยจึงยอมถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่งเพราะกลัวหญิงสาวจะขาดอากาศหายใจเสียก่อน จูบเมื่อครู่ทำให้รู้ว่าเธอคนนี้จูบไม่เป็น แต่ไม่เป็นไร อีกหน่อยเขาจะสอนให้เธอเก่งเอง เมื่อเป็นอิสระก็จ้องมองเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อผิดกับเขตไทยที่ยิ้มกริ่ม เริ่มติดใจในความหอมหวานของริมฝีปากบางเข้าให้อย่างจังเสียแล้ว รู้แบบนี้จูบไปตั้งนานแล้วก็คงดี“ทำบ้าอะไรของคุณ” ต้องทหัยเอ่ยถามเสียงสั่น เธอโกรธเมื่อเห็นสีหน้าที่บ่งบอกว่าพอใจที่ได้จูบเธอของชายหนุ่ม“มัดจำ ก็ไม่รู้อีกกี่วันจะได้เจอคุณ” คำพูดยียวนของเขตไทย ยิ่งทำให้หญิงสาวโกรธและอายปนกันจนแยกไม่ออก“ฉวยโอกาส” หญิงสาวเม้มริมฝีปากจนแน่น อุตส่าห์ชมอยู่ในใจ
รถยุโรปคันสวย แล่นไปตามถนนยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานคร ความที่บรรยากาศรอบข้างช่างเงียบเชียบจนน่าวังเวงชวนขนหัวลุก มือน้อยๆ ซึ่งตอนนี้ทำหน้าที่จับพวงมาลัยรถอยู่นั้นจึงเอื้อมไปเปิดวิทยุ นิ้วเรียวสวยจิ้มเลือกสถานีมาสักหนึ่งสถานีเพื่อฟังเพลงไปเรื่อยเปื่อยอย่างไม่เจาะจง สายตาก็ไม่ได้ละไปจากท้องถนนตรงหน้า ก่อนที่หูจะสะดุดกับเพลงที่กำลังดังขึ้น จนหัวทุยๆ ที่จัดแต่งทรงผมมาอย่างสวยงาม แทบจะทิ่มไปกับพวงมาลัยรถ ‘งานแต่งที่ใด เป็นได้แค่แขกรับเชิญ อยากแต่งกับเขาเหลือเกิน ขัดเขินที่ยังไร้คู่…’ ปิติญาดาอยากจะหักพวงมาลัยในมือชนต้นไม้ข้างทางให้รู้แล้วรู้รอด เพลงอะไรช่างเปิดได้ประจวบเหมาะกับชีวิตเธอตอนนี้เสียเหลือเกิน หญิงสาวละมือจากวิทยุมากำพวงมาลัยทั้งสองข้าง ไม่ได้เปลี่ยนสถานีหนีเพลงที่ดังขึ้นแต่เสียดแทงใจดำคนโสดแต่อย่างใด นั่งฟังไปอย่างนั้น ตอกย้ำคนโสดไร้คู่อย่างเธอให้ถึงที่สุดกันไปข้าง อายุอานามก็จะแตะเลขสามเข้าไปทุกขณะ ก็ยิ่งกลัวว่าคานทองนิเวศที่ไม่ต้องการจะหล่นตุ๊บลงมาบนตัก “เฮ้อ!!” เสียงถอนหายใจของคนโสดดังออกมาอย่างอ่อนใจ ก่อนจะสำรวจตัวเองผ่านกระจกมองหลัง เธอไม่ใช่ผู้หญิงหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่เสี...
Mga Comments