ขาทั้งสองข้างของปิติญาดาสั่นเท้าขณะเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน เธอต้องจับราวบันไดเพื่อพยุงร่างกายของตัวเองไม่ให้ล้มลงไปเสียก่อน เมื่อขึ้นมาถึงชั้นสองก็เห็นบุรุษพยาบาลกับพยาบาลยืนอยู่หน้าห้องนอนพ่อและแม่ บุรุษพยาบาลเหมือนจะรู้งาน เพราะพอเห็นเธอเดินขึ้นมา ชายคนนั้นก็เปิดประตูให้ เสียงร้องไห้ของแม่จึงดังมาเข้าหูสร้างความเจ็บปวดให้เธอไม่น้อยปิติญาดาค่อยๆ ก้าวเข้าไปภายในห้อง เห็นบิดานอนสงบอยู่บนเตียงเหมือนท่านแค่พักผ่อนธรรมดา ไม่ได้จากเธอไปอย่างที่ได้รับรู้อยู่ตอนนี้ คนที่ยืนอยู่ในมุมห้องอีกคนคือลุงหมอที่ดูแลรักษาครอบครัวเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร จึงสนิทสนมเหมือนญาติคนหนึ่งก็ว่าได้ “น้ำมนต์” คำเอ่ยเรียกของแม่ ทำให้หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งข้างเตียง มองหน้าบิดาอย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนจะกุมมือท่านไว้ ยังรู้สึกอุ่นอยู่เลย“พ่อค่ะ อย่าล้อน้ำมนต์เล่นแบบนี้สิ ลืมตาหน่อยสิคะ นะ...” น้ำเสียงปนสะอื้นเฝ้าร้องขอทั้งน้ำตา ปิติญาดาร้องไห้ออกมาอย่างหนัก หัวใจเธอบอบช้ำกับการสูญเสียที่ไม่ทันตั้งตัวนี้ ก่อนจะกลั้นใจถามแม่ออกไป “แม่ค่ะ...นี่เกิดอะไรขึ้น ทำไมพ่อถึงเสียกะทันหันแบบนี้”“อยู่ๆ โรคหัวใจพ่อก็กำเริบ แม่โทรเรียกร
“เดี๋ยวสิ เดี๋ยว พวกนายอย่าพึ่งไป” เสียงเรียกของหญิงสาวดูไร้ความหมาย ปิติญาดากำกระดาษในมือแน่น เธอจะไม่แต่งงานใช้หนี้บ้าๆ นี่แน่นอน ไม่มีทางเกิดเรื่องบ้าๆ นี่กับเธอ แค่พ่อเสียชีวิตไปก็เสียใจมากพอแล้ว แต่นี่กลับต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายเพราะต้องแต่งงานกับใครก็ไม่รู้แต่พอชายชุดแรกกลับออกไป นอกบ้านตอนนี้กลับมีชายชุดดำสี่ห้าคนมายืนป้วนเปี้ยนเต็มไปหมด จอยเห็นคนแรกก่อนจะวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามารายงานเจ้านายของเธอ “แย่แล้วค่ะ แย่แล้ว”“เกิดอะไรขึ้นจอย” ผกามาศเอ่ยถาม เพราะไม่รู้จอยจะตกใจอะไรหนักหนา “ที่หน้าบ้านมีใครก็ไม่รู้ยืนอยู่เต็มไปหมดเลยค่ะคุณผู้หญิง คุณหนู” สิ่งที่ได้ยินทำให้ปิติญาดาปรี่ออกไปยืนดูที่หน้าประตู ก็เห็นอย่างที่จอยบอก ต้องเป็นคนของเจ้าหนี้เธอแน่ๆ ที่ส่งคนมาเฝ้า คงกลัวว่าเธอจะคิดหนีล่ะสินะ ทุเรศที่สุด!“ไอ้พวกบ้าเอ้ย!!” ปิติญาดาสบถออกมาอย่างหัวเสีย เธอยกมือขึ้นกุมขมับก่อนจะเดินกลับไปทรุดตัวลงบนโซฟาอย่างหมดทางไป ผกามาศบีบหัวไหล่ของลูกไปมาก่อนจะเอ่ยขึ้น “เราแอบหนีกันไปตอนกลางคืนดีไหมลูก”“แต่ถ้าจับได้ พวกมันจะฆ่าเราไหมคะ” คำพูดโต้งๆ อย่างไม่คิดของจอยที่นั่งอยู่ไม่ห่าง ยิ่งทำให้ปิต
วันเวลาผ่านไปแต่ละวันอย่างหดหู่และอับจนหนทาง น้ำตาที่เคยไหลรินตอนนี้กลับแห้ง มาถึงตอนนี้พึ่งรู้ว่าครอบครัวอารายานนท์นั้นไร้ซึ่งผู้คนให้ขอความช่วยเหลือ หันหน้าไปพึ่งใครก็มีแต่คนปฏิเสธ จนใกล้วันกำหนดใช้หนี้เข้าไปทุกขณะ ปิติญาดานั้นยังมืดแปดด้าน เงินที่จะเอาไปใช้หนี้ตอนนี้ยังไม่มีสักบาท เมื่อไม่มีทางออก เธอก็วิ่งชนปัญหามันเลยแล้วกัน ปิติญาดาตัดสินใจได้แน่วแน่แล้วว่าจะทำอะไรต่อไป จึงเดินไปหาคนส่งสารที่ยืนล้อมรอบๆ บ้านเธออยู่ เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ ทำให้ชายชุดดำที่ทำหน้าที่เฝ้ารั้วบ้านของหญิงสาวหันมามอง ก็เห็นว่าเป็นใครก็โค้งศีรษะทักทายให้ “ฉันอยากพบเจ้านายของพวกคุณ นัดให้หน่อย”“ครับผมจะแจ้งให้ท่านทราบ” ชายคนนั้นรับปาก“อืม” หญิงสาวเอ่ยรับสั้นๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน ไม่นานข่าวที่ปิติญาดาต้องการพบเจ้าหนี้ก็ไปถึงหูของศรชัย ซึ่งเรื่องนี้เขาก็ได้จัดแจงเตรียมบุคคลเล่นฉากนี้ไว้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ไม่ถึงชั่วโมงปิติญาดาก็ได้วันเวลาที่จะออกไปพบกับเจ้าหนี้ของเธอ เหมือนจะรู้ว่าหญิงสาวใจร้อน เพราะนัดที่ว่าคือเย็นวันนี้ตอนหนึ่งทุ่มที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งปิติญาดาไปตามนัด หญิงสาวอยากเห็นเ
ก่อนกลับเข้าบ้านปิติญาดาแอบร้องไห้อย่างหนัก เธอไม่เข้าใจโชคชะตาของตัวเองเลย ว่าทำไมต้องมาพบเจอเรื่องแบบนี้ด้วย หญิงสาวอยากหาที่ระบาย อยากพูดกับใครก็ได้ แต่จะเอาเรื่องนี้ไปบอกภคมณก็กระไรอยู่ เพื่อนเธอกำลังมีความสุขกับการฮันนีมูนอยู่ที่ยุโรป ขนาดงานศพของพ่อเธอปิติญาดายังไม่ยอมบอกเพื่อนให้รู้ เธอจึงต้องเก็บเงียบไว้คนเดียว อึดอัดจนแทบระเบิด ทางเดียวที่จะระบายความอัดอั้นนั้นคือน้ำตา ขณะที่นั่งร้องไห้อยู่ข้างสวนสาธารณะใกล้บ้าน ชายคนหนึ่งกลับยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอจากทางด้านหลัง “เช็ดซะ”“ขอบคุณ” ปิติญาดารับผ้าเช็ดหน้านั่นไว้ รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดกับน้ำเสียงที่ได้ยิน ชายคนนั้นลงไปนั่งหันหลังให้เธอบนเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามซึ่งวางไว้ชนกัน เขากำลังเดินคิดอะไรเพลินๆ แต่เสียงร้องไห้ที่ได้ยินก็ทำเอาขนลุกจนต้องตามมาพิสูจน์ว่าผีหรือคน สุดท้ายก็ได้รู้ “เสียงร้องไห้ของคุณ ทำเอาผมหลอน” คำพูดของชายคนนั้นทำให้ปิติญาดาหัวเราะทั้งน้ำตาแบบไม่รู้ตัว ดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้ อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ดังลอยตามลมมา เป็นเธอก็คงหลอนอยู่หรอก “โทษที ฉันไม่ได้ตั้งใจ” น้ำเสียงของปิติญาดาฟังดูอ่อนลง ทำไมเธอถึงไม
ร้านที่ทั้งสองคนนัดหมายเป็นร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ร้านแห่งนี้เป็นร้านในความทรงจำของทั้งสองคน เพราะเป็นสถานที่ที่คณินได้พบกับกิ่งดาวเป็นครั้งแรกและขอเธอเป็นคนรักที่นี่ หลังจากวางโทรศัพท์ไปไม่นาน ชายหนุ่มก็มาถึงที่นัดหมาย ซึ่งเห็นหญิงสาวนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขาถอนหายใจออกมานิดหน่อยก่อนจะส่งยิ้มให้เธอแล้วเดินไปนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม“ทานอะไรมาหรือยังคะคิงส์” เสียงหวานๆ ของกิ่งดาวเอ่ยถามเหมือนปกติที่ทั้งคู่เจอกัน คณินไม่ตอบคำถามของเธอ แต่กลับมองเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างลงตัวตรงหน้า ไล่มาจนถึงลำคอ ผิวขาวเนียนสวยที่เห็นนี่ก็ด้วย กิ่งดาวเป็นหญิงสาวที่สวยคนหนึ่ง คณินเพ่งพินิจมองเหมือนกับพวกเขาทั้งสองคนไม่ใช่คนรู้จักกันมาก่อน จนคนถูกมองที่คบหากันมาหลายปีต้องถามขึ้น“คิงส์...จ้องบัวยังกับไม่ใช่บัวแบบนั้นแหละ” “ขอโทษที อาจเป็นเพราะพักนี้เราไม่ค่อยได้เจอกันก็ได้มั้งครับ ผมก็เลยอยากมองหน้าบัวให้นานๆหน่อย” ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ ซึ่งกิ่งดาวก็ยิ้มตอบให้เช่นกัน คณินมอบเวลาเกือบทั้งหมดให้งานที่รับผิดชอบ แต่ในเวลางานเขามักจะมีกิ่งดาวอยู่ด้วยเสมอ พยายามหาเวลาว่างเพื่อจะออกมาเจอกันตามปร
“คิงส์คงไม่โกรธบัวใช่ไหมคะ” คำถามนี้คณินตอบไม่ได้จริงๆ ไม่รู้ว่าความรู้สึกในอกตอนนี้จะโกรธ เกลียดหรือตกใจดี ทั้งสองความรู้สึกปนเปจนแยกไม่ออก ในเมื่อกิ่งดาวตัดสินใจทิ้งเขาเพื่อไปแต่งงานกับผู้ชายอีกคนที่ดีกว่าโดยไม่มีแม้กระทั่งการให้โอกาส นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าหญิงสาวไม่รักเขาแล้วสักนิด ไม่มีคำว่าเยื่อใยเหลือเลยด้วยซ้ำ “คิงส์...” กิ่งดาวกำลังจะพูดบางอย่างออกไป แต่ชายหนุ่มก็เอ่ยดักไว้ “พอเถอะ ผมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น” “ขอโทษที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้” คำขอโทษที่ได้ยินสำหรับชายหนุ่มแล้วช่างไม่มีความหมายเลยด้วยซ้ำ เขาเงยหน้าขึ้นสบตาหญิงสาวที่เขารักอย่างต้องการคำตอบ เธอคล้ายจะรู้ตัวว่าผิด เพราะไม่กล้าสบตาด้วยสักเท่าไหร่นัก ความรักที่พวกเขาสร้างขึ้นมาด้วยหัวใจหลายปี จนคณินคิดว่าผู้หญิงคนนี้นี่แหละคือคู่ชีวิตที่เขานั้นอยากใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันไปตลอดจนแก่เฒ่า แต่สุดท้ายก็เป็นแค่เพียงแค่ความฝันเท่านั้น “วันแต่งงาน ผมคงไปร่วมแสดงความยินดีไม่ได้ ยังไงก็ขอให้มีความสุขมากๆ”“ค่ะ บัวเข้าใจ” กิ่งดาวเอ่ยรับ เพราะเธอเองก็ไม่ได้หวังให้ชายหนุ่มไปแสดงความยินดีในวันงานมงคลของเธอนักหรอก “ผมขอตัว” พูดจบค
ในขณะที่ลูกชายกำลังอกหัก มงคลและเพ็ญแขกลับนั่งขบคิดให้รอบคอบถึงแผนการที่จะทำให้ลูกชายตัวดียอมแต่งงานกับ ปิติญาดาว่าที่สะใภ้ที่หมายปอง ถ้าคณินอยู่เมืองไทยบ่อยกว่านี้คงได้พบหน้ากับว่าที่เจ้าสาวไปแล้วก็เป็นได้ แต่เหมือนโชคชะตากำหนดให้พวกเขาเจอหน้ากันเพียงแค่ครั้งเดียว นั่นคือตอนที่คนทั้งสองยังเด็กกันอยู่เท่านั้น หลังจากนั้นก็แทบไม่ได้เจอหน้ากันเลย คลาดกันไปมาตลอด เพราะตั้งแต่เล็กลูกชายเธอก็ไปเรียนที่ต่างประเทศแล้ว พอกลับมาก็เอาแต่ทำงาน ลูกๆ อาจลืมหน้ากันไปบ้าง แต่คนเป็นพ่อแม่ไม่มีทางลืมเรื่องคู่ครองของลูกแน่นอน ถึงแม้คณินจะมีคนรักอยู่ ได้ข่าวว่าคบหากันมาได้หลายปี แต่ก็ไม่เห็นลูกชายเธอจะคิดจริงจังยังไปทำงานที่นั่นที่นี่ตลอด ฝ่ายหญิงเองก็หายหน้าไม่แวะเวียนมาหา บางครั้งจึงอดคิดไม่ได้ว่าลูกชายเธอคงเลิกกับผู้หญิงคนนั้นแล้วก็เป็นได้ แผนการจับลูกชายมาคลุมถุงชนกับว่าที่สะใภ้ที่ปลื้มของมงคลและเพ็ญแขนั้นไม่มีอะไรมาก แต่ถือว่าซับซ้อนในระดับหนึ่ง ซึ่งพวกเขานั้นต้องตกลงกันให้ดี ขืนมีคนใดคนหนึ่งหลุดอะไรออกไปละก็ คณินมีหวังจับได้ไล่ทันแน่นอน“ตกลงตามนี้นะคุณเพ็ญ” มงคลพยักหน้าให้ภรรยา เมื่อเล่าถึงแผนก
เสียงเคาะประตูห้องนอนทำให้เพ็ญแขยิ้มนิดๆ พอจะเดาได้ว่าเป็นใคร ก่อนจะทำสีหน้าเคร่งเครียดแบบสุดๆ แล้วเอ่ยบอกไป“เข้ามาสิ” สิ้นคำพูดของเธอประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออก ร่างที่ค่อยๆ เดินเข้ามานั่นคือคณิน เพ็ญแขจึงเอ่ยทักประหนึ่งว่าแปลกใจไม่คิดว่าจะเป็นลูกชาย “อ้าว! กลับมาแล้วเหรอคิงส์” “ครับ...แม่ไม่สบายเป็นอะไรมากหรือเปล่า?” คณินเดินมาหย่อนตัวนั่งตรงขอบเตียงนอนที่ตอนนี้แม่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงกว้าง รวมทั้งยังสังเกตสีหน้าแม่ที่ดูซีดเซียว สายตาเหลือบไปเห็นถ้วยข้าวต้มที่วางอยู่ข้างๆ ก็ไม่ลดน้อยลงไปเลยสักนิดบ่งบอกว่าแม่เขาไม่ได้แตะเลยสักคำ “ลูกรู้ได้ยังไง”“เมื่อกี้ตอนเข้าบ้านผมเจอพ่อ เห็นเอาแต่เดินไปเดินมาก็เลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น” พอได้ยินแบบนี้ เพ็ญแขก็เปรยด้วยความน้อยใจต่อสามีให้ลูกชายฟัง “คุณมงคลนะคุณมงคล อุตส่าห์กำชับแล้วเชียวว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับลูก”“แต่ผมไม่ใช่ใครอื่นนี่ครับ ถ้าแม่มีเรื่องไม่สบายใจก็บอกผมได้” น้ำเสียงของคณินฟังดูอบอุ่นและเป็นแบบนี้เสมอยามอยู่กับผู้เป็นแม่ เพ็ญแจอยากพูดเรื่องในใจออกไปให้ลูกรู้เร็วๆ แต่ก็ยังวางมาดอิดออดพอเป็นพิธี “แต่เรื่องนี้….”“พูดมาเถอะครั
“จริงครับ จริง” เสียงขาดๆ หายๆ ของคณินเอ่ยตอบกลับไป ก่อนจะครางออกมาเมื่อปิติญาดายกสะโพกขึ้นสูงก่อนจะทิ้งตัวลงมาหนักๆ ชายหนุ่มกดสะโพกเธอค้างไว้แบบนั้นก่อน ไม่นานเธอก็ค่อยๆ ขยับอีกครั้ง คงพอใจที่ได้ฟังคำตอบ แต่สำหรับคณินเขามีแผนจะทำให้ปิติญาดาสารภาพรักเขาเช่นเดียวกัน แต่แผนนั้นคงต้องเก็บไปใช้วันอื่นชายหนุ่มออกแรงพลิกตัวปิติญาดาให้ลงไปนอนบนเตียง ก่อนจะเป็นฝ่ายขึ้นทาบทับและพาเธอไปส่งยังจุดหมายปลายทางของความสุขในรักอีกครั้ง จากนั้นจึงตามเธอขึ้นไปสัมผัสความสุขเช่นเดียวกันบ้าง คืนนั้นทั้งคืนกว่าที่ปิติญาดาจะได้ก้าวลงจากเตียงก็ผ่านไปหลายชั่วโมง ตอนเช้าเธอก็ยังได้รับการปลุกด้วยวิธีพิเศษของคณินอีกต่างหาก เรียกได้ว่าแข้งขาอ่อนไปตามๆ กัน พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเธอก็มายืนส่งค้อนให้เขา“คนบ้าเซ็กส์” พูดจบก็ทุบแผงอกชายหนุ่มไปหลายครั้งอย่างเหลืออด ส่วนคณินได้แต่หัวเราะหึหึในลำคอเท่านั้น ไม่เถียงที่ ปิติญาดาพูดสักคำ ก็เซ็กส์ดีๆ แบบนี้เขาไม่ต้องการก็คงกลายเป็นคนเซ็กส์เสื่อมน่ะสิ แต่ก่อนจะออกจากห้องไป ปิติญาดาก็หันมามองคณินหน้า
“กลัวพี่เข้ามาในห้องขนาดนั้นเลยหรือน้ำมนต์”“ปะ...เปล่าสักหน่อย ก็นี่เป็นบ้านพี่คิงส์ น้ำมนต์จะทำแบบนั้นกับเจ้าของบ้านได้ยังไงกัน” น้ำเสียงของปิติญาดาแผ่วเบาลงไปเรื่อยๆ ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนตัวลีบลงไปทุกขณะ หญิงสาวกระชับผ้าขนหนูแน่น หัวใจดวงน้อยสั่นไหวรุนแรง เต้นไม่เป็นส่ำชวนให้เป็นลมเสียเหลือเกิน“แล้วนี่อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ”“เสร็จแล้วค่ะ”“แน่ใจ พี่ยังเห็นคราบสบู่ ติดอยู่บนแก้มน้ำมนต์อยู่เลยนะ”“เอ่อ...งั้นน้ำมนต์ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ” พูดจบก็ทำท่าจะตรงดิ่งเข้าห้องน้ำ ขอให้เข้าไปในนั้นได้ทีเถอะ เธอจะนอนในนั้นเลยคืนนี้ แต่คณินกลับดีดตัวขึ้นจากเตียง เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็เข้าไปขวางหน้าปิติญาดาเรียบร้อยพร้อมรั้งเธอเข้ามากอดแน่น เนื้อสาวนุ่มนิ่มที่ได้สัมผัส ทำเอาคนหนุ่มหัวใจพองโต“พี่ก็ยังไม่ได้อาบ เอาเป็นว่าเราอาบพร้อมกันดีไหม”“เอ๋...” คนถูกชวนอุทานเสียงสูง ก่อนจะส่ายหน
ส่วนคู่ฮันนีมูนหวานอย่างภคมณและวศินนั้น หลังจากสิ้นสุดโปรแกรมบนเรือสำราญสุดหรูแล้ว ทั้งคู่ก็ยังไม่มีกำหนดกลับเมืองไทยแต่อย่างใด ขณะเดินลงจากเรือภคมณก็ขอเก็บภาพความประทับใจไว้เสียหน่อย เธอพยายามถ่ายภาพเรือสำราญให้ได้ทั้งลำ ซูมเข้าซูมออกอยู่หลายครั้ง ก่อนจะร้องอุทานออกมาเมื่อพบคนใบหน้าคุ้นๆ ผ่านกล้องถ่ายรูปในมือ“เอ๊ะ...นั่นคุณลุง คุณป้าหรือเปล่า” ไม่พูดเปล่าหญิงสาวยังถ่ายรูปท่านทั้งสองคนไว้ด้วย ทำไมถึงเห็นพ่อและแม่ของปิติญาดาที่นี่ หรือจะมาเที่ยวเติมความหวานให้กันแบบสองต่อสองเพราะไม่เห็นเงาเพื่อนสักนิด คิดแล้วก็อิจฉา ถ้าแก่ตัวไปเธอยังมีวศินคอยจับมืออย่างห่วงใยแบบนั้นก็คงดีเหมือนกัน“ถ่ายอะไรอยู่ครับ”“อ้อ...ความประทับใจน่ะค่ะ ไว้เรามาล่องเรือกันอีกได้ไหมคะ”“ได้...ถ้าหนูจ๋าท้องเมื่อไหร่ พี่จะพามา” ภคมณส่งค้อนให้สามีไปวงใหญ่ ก่อนจะกลับมาตั้งใจถ่ายรูปอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่เห็นพ่อและแม่ของปิติญาดาอยู่ในเฟรมเสียแล้ว อยู่บนเรือลำเดียวกันมาตั้งหลายวัน แต่กลับไม่เจอกันเลย ส
“นี่น้ำมนต์ฟังนะ” คำเรียกของชายหนุ่มเหมือนมนต์สะกดให้ปิติญาดานิ่ง“เธอ…ไม่ใช่ของเล่น ไม่ใช่ตัวสำรอง แต่เธอคือคนที่ทำให้ฉันรู้สิ่งไหนควรปล่อยวางและสิ่งไหนควรไขว่คว้าต่างหาก”“พูดอะไรของนาย ฉันไม่เข้าใจ”“ก็จริงที่พี่จงใจพาน้ำมนต์ไปงานแต่งงานของบัว ยอมรับว่าพี่เห็นแก่ตัวที่ทำแบบนั้น แต่วันนี้น้ำมนต์ทำให้พี่ได้คำตอบอะไรบางอย่าง”“คำตอบอะไร”“ไม่รู้เหรอ” คณินเลิกคิ้วสูงถาม แต่ปิตญาดาก็ยังจับต้นชนปลายไม่ได้“ถ้าไม่พูดแล้วจะรู้ไหม”“ให้ตายสิ อุตส่าห์ทำไปเป็นชั่วโมงๆ จนน้ำมนต์ร้องครางเป็นลูกแมวยังไม่รู้อีกเหรอ” คำแซวของคณินทำให้ปิติญาดาหน้าแดงซ่าน ก่อนจะทุบอกเขาไปแรงๆ“หยุดพูดแบบนั้นนะคนบ้า”“พี่คิดว่า พี่ชอบน้ำมนต์ได้ยินไหม”“อะ…อะไรนะ ชอบฉัน” คนฟังตาโตเพราะ
ปิติญาดาทำอะไรไม่ได้เลย หญิงสาวบิดเร้าร่างกายไปมา ยื่นมือไปสัมผัสศีรษะของคณินหวังผลักให้ชายหนุ่มออกห่างส่วนที่หวงแทนแต่การกระทำกลับตรงกันข้าม คณินกลายเป็นคนใจร้านเพราะเขาเฝ้าปรนเปรอจนปิติญาดาต้องเผลอร้องออกมาว่าไม่ไหวแล้วชายหนุ่มยิ้มที่มุมปาก มั่นใจว่าเธอนั้นพร้อมสำหรับเขาจึงขยับตัวขึ้นไปนอนทาบทับ แต่ความคิดยังไม่อยากรุกล้ำเข้าไปในตัวเธอตอนนี้ แม้ใจจะอยากทำแบบนั้นก็ตามที ดวงตาของปิติญาดาหยาดเยิ้มด้วยไฟปรารถนา ที่เขาเป็นคนจุดให้เธอ หญิงสาวละลายคล้ายน้ำผึ้ง คณินจับมือเธอมาสัมผัสส่วนที่พองขยายของตัวเองบ้าง ให้รู้ว่าเขาเองก็ทรมานไม่แพ้เธอในตอนนี้นักหญิงสาวถึงกับตาโต อ้าปากค้าง ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะให้เธอสัมผัสส่วนนั้นของเขา สิ่งที่อยู่ในมือเธอตอนนี้เต้นตุบๆ ร้อนผ่าว กุมแทบไม่มิด ปิติญาดาเขินอายจะดึงมือกลับแต่คณินกลับรั้งมือเธอไว้ ก่อนจะขยับมือบางที่กุมความเป็นชายของตนขึ้นลง ชายหนุ่มนิ่วหน้าเหมือนคนกำลังเจ็บปวด จนปิติญาดาอดสงสัยไม่ได้ว่าเธอทำให้เขาเจ็บหรือเปล่า“จะ...เจ็บเหรอ” คำถามแบบซื่อๆ ของหญิงสาวทำให้&nb
“ปล่อยฉันนะ นายจะทำอะไร อย่านะ” คนกลัวร้องโวยวาย เพราะสถานการณ์ช่างล่อแหลมเสียเหลือเกิน หัวใจดวงน้อยเต้นรัวไม่รู้จะหลุดพ้นจากตรงนี้ไปได้ยังไง แต่ปิติญาดายิ่งกลัวเมื่อคณินโน้มตัวลงมาจูบเธออีกครั้ง เสียงร้องห้ามหายเข้าไปในลำคอความหอบหวานที่ได้รับจากหญิงสาวช่างยากที่คณินจะหยุดการกระทำได้ เพราะชอบเป็นทุนเดิมจึงอยากสัมผัสเธอไปเสียทุกส่วน เขาชอบเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ ชอบผู้หญิงบ้าๆ คนนี้ตั้งแต่ตอนไหนก็ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แต่มารู้ใจก็ตอนที่อยู่ในงานแต่งงานของกิ่งดาวนี่เอง ปิติญาดาออกแรงเท่าที่มีผลักชายหนุ่มหวังให้เขาออกห่าง แต่กลับไม่เป็นผลอย่างที่คิดความรู้สึกวาบหวามเกิดขึ้นภายในร่างกายอย่างยากที่จะควบคุม ทั้งสับสนและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน ยิ่งได้สัมผัสคณินก็ยิ่งพอใจ ชายหนุ่มยอมตัดใจถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะเปลี่ยนไปสัมผัสจุดอื่นบนร่างกายของปิติญาดาบ้าง หญิงสาวถึงกับห่อไหล่หลบสัมผัสนั้น“อย่านะ” เสียงห้ามอันสั่นเครือของคนในอ้อมกอดดังขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเสียแล้ว คณินซุกไซ้ไปตามซอกคอหอมกรุ่นของปิติญาดา เขาช
“เป็นอะไร” เมื่อเข้ามานั่งในรถได้ชายหนุ่มก็เอ่ยถามเสียงห้วน แต่เธอกลับไม่ตอบอะไรกลับมา คณินสตาร์ทรถแล้วขับออกไปทันที เขาเองก็ไม่ได้สนใจงานแต่งงานนี่สักเท่าไหร่ มาแค่เป็นพิธีเท่านั้น ชายหนุ่มมุ่งหน้าไปยังบ้านของเขา โดยที่ปิติญาดาเอาแต่นั่งกอดอกมองออกไปนอกรถอย่างเดียว แต่พอเห็นประตูรั้วที่ไม่คุ้นตา เธอจึงยอมพูดขึ้น“มาทำอะไรที่นี่”“บ้านฉันไง” ขณะรอให้ประตูอัตโนมัติค่อยๆ เปิดออกคณินก็หันมาตอบ แต่ปิติญาดากลับตีหน้าบึ้งใส่“ไปส่งฉันที่บ้าน ไม่ใช่มาบ้านนาย”“ดึกแล้ว ขี้เกียจขับรถอ้อมไปอ้อมมา เหนื่อย! นอนที่นี่สักคืนจะเป็นไรไป ไหนๆ เราก็แต่งงานกันแล้วนี่” ชายหนุ่มเปลี่ยนแผน หลังจากที่จะกลับลำปางทันทีหลังจากไปงานแต่งงานของกิ่งดาวเสร็จ คงต้องขอพักเอาแรงสักคืน พรุ่งนี้เช้าค่อยออกเดินทาง“ก็แค่ในนาม” ปิติญาดาอยากจะกรี๊ดให้ดังลั่นรถ อยู่ๆ คณินก็อ้างสิทธิ์บ้านั่นขึ้นมา แต่ดูเหมือนเธอจะขัดอะไรไม่ได้เสียแล้ว เมื่อรถชายหนุ่มค่อยๆ
“คิงส์...ขอบคุณนะคะที่มา” เสียงที่คุ้นหู ซึ่งดังอยู่ข้างหลังทำให้คณินหันไปมอง วันนี้กิ่งดาวสวยในชุดเจ้าสาวสีหวาน เธอเห็นชายหนุ่มตั้งแต่เข้ามาในงานแล้ว ไม่ชอบใจที่เขาควงผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้มาด้วย หรือผู้หญิงคนนั้นจะมาดามใจเขา ถึงไม่พอใจแค่ไหน แต่ก็ยังต้องทำเป็นแม่พระไว้ก่อน ทั้งๆ ที่กิ่งดาวตัวจริงไม่ได้เรียบร้อย อ่อนหวานเหมือนท่าทางที่แสดงออกในตอนนี้สักนิด เธอร้ายกาจกว่าที่ใครๆ คิด“ยินดีครับ”“คุณเป็นไงบ้าง ยังโกรธบัวอยู่หรือเปล่า” สีหน้าและแววตาที่กิ่งดาวแสดงออกบ่งบอกว่าเธอยังคงห่วงใยต่อความรู้สึกเขา เรียกได้ว่าตีสองหน้าชัดๆ คณินมองหน้าอดีตคนรักให้เต็มๆ ตา ทำไมการพบกันครั้งนี้เขาถึงไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดทรมานหัวใจอย่างเช่นก่อนหน้าก็ไม่รู้ได้ คงเป็นเพราะได้เห็นเธอมีความสุขในวันที่ต้องการ ซึ่งเขาไม่มีโอกาสได้ทำให้“วันนี้ผมมาแสดงความยินดี คงไม่เหมาะที่จะพูดถึงอดีต” คณินเอ่ยตัดบท เพราะไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ ขึ้นมาอีก แต่กิ่งดาวก็ยังไม่ยอมหยุดง่ายๆ เพราะจะทำให้คณินเสียดายที่เขาไม่ค
คืนนั้นร่างสูงใหญ่ของคณินนอนกระสับกระส่ายไปมาบนเตียงกว้าง ชายหนุ่มยกมือขึ้นก่ายหน้าผากอย่างคนคิดไม่ตก พรุ่งนี้คือวันแต่งงานของกิ่งดาว เขากำลังคิดว่าจะไปงานนี้ดีหรือไม่ คำพูดของเขตไทยในตอนนั้นย้อนเข้ามา เขาทำใจได้แล้วในระดับหนึ่งแต่ใช่ว่าจะทั้งหมด ผู้ชายเมื่อผิดหวังเรื่องความรักแบบไม่ทันตั้งตัว ก็เจ็บฝังใจไม่ต่างไปจากผู้หญิงแต่อีกหนึ่งใจก็อยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง เขากำลังสับสนในรักครั้งเก่าและความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับปิติญาดา แต่เสียงเคาะประตูห้องนอนที่ดังติดกันหลายครั้งก็ช่วงดึงให้สติชายหนุ่มกลับมาก๊อก! ก๊อก!!ก๊อก! ก๊อก!! ก๊อก!!คณินลุกจากเตียง เดินตรงไปยังประตู พอเปิดออกก็เห็น ปิติญาดายืนยิ้มอยู่ ท่าทางมีความสุขมากถึงมากที่สุด“มีออเดอร์เข้ามาอีกแล้ว” น้ำเสียงดีใจดังขึ้น พร้อมรอยยิ้มที่มีบนใบหน้าสวยที่ไม่ได้แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางใดๆ“หืม...” คนฟังอุทาน ดูท่าออเดอร์ครั้งนี้จะเป็นของจริง เก่งเหมือนกันนี่นา&