ร้านที่ทั้งสองคนนัดหมายเป็นร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ร้านแห่งนี้เป็นร้านในความทรงจำของทั้งสองคน เพราะเป็นสถานที่ที่คณินได้พบกับกิ่งดาวเป็นครั้งแรกและขอเธอเป็นคนรักที่นี่ หลังจากวางโทรศัพท์ไปไม่นาน ชายหนุ่มก็มาถึงที่นัดหมาย ซึ่งเห็นหญิงสาวนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขาถอนหายใจออกมานิดหน่อยก่อนจะส่งยิ้มให้เธอแล้วเดินไปนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม“ทานอะไรมาหรือยังคะคิงส์” เสียงหวานๆ ของกิ่งดาวเอ่ยถามเหมือนปกติที่ทั้งคู่เจอกัน คณินไม่ตอบคำถามของเธอ แต่กลับมองเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างลงตัวตรงหน้า ไล่มาจนถึงลำคอ ผิวขาวเนียนสวยที่เห็นนี่ก็ด้วย กิ่งดาวเป็นหญิงสาวที่สวยคนหนึ่ง คณินเพ่งพินิจมองเหมือนกับพวกเขาทั้งสองคนไม่ใช่คนรู้จักกันมาก่อน จนคนถูกมองที่คบหากันมาหลายปีต้องถามขึ้น“คิงส์...จ้องบัวยังกับไม่ใช่บัวแบบนั้นแหละ” “ขอโทษที อาจเป็นเพราะพักนี้เราไม่ค่อยได้เจอกันก็ได้มั้งครับ ผมก็เลยอยากมองหน้าบัวให้นานๆหน่อย” ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ ซึ่งกิ่งดาวก็ยิ้มตอบให้เช่นกัน คณินมอบเวลาเกือบทั้งหมดให้งานที่รับผิดชอบ แต่ในเวลางานเขามักจะมีกิ่งดาวอยู่ด้วยเสมอ พยายามหาเวลาว่างเพื่อจะออกมาเจอกันตามปร
“คิงส์คงไม่โกรธบัวใช่ไหมคะ” คำถามนี้คณินตอบไม่ได้จริงๆ ไม่รู้ว่าความรู้สึกในอกตอนนี้จะโกรธ เกลียดหรือตกใจดี ทั้งสองความรู้สึกปนเปจนแยกไม่ออก ในเมื่อกิ่งดาวตัดสินใจทิ้งเขาเพื่อไปแต่งงานกับผู้ชายอีกคนที่ดีกว่าโดยไม่มีแม้กระทั่งการให้โอกาส นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าหญิงสาวไม่รักเขาแล้วสักนิด ไม่มีคำว่าเยื่อใยเหลือเลยด้วยซ้ำ “คิงส์...” กิ่งดาวกำลังจะพูดบางอย่างออกไป แต่ชายหนุ่มก็เอ่ยดักไว้ “พอเถอะ ผมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น” “ขอโทษที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้” คำขอโทษที่ได้ยินสำหรับชายหนุ่มแล้วช่างไม่มีความหมายเลยด้วยซ้ำ เขาเงยหน้าขึ้นสบตาหญิงสาวที่เขารักอย่างต้องการคำตอบ เธอคล้ายจะรู้ตัวว่าผิด เพราะไม่กล้าสบตาด้วยสักเท่าไหร่นัก ความรักที่พวกเขาสร้างขึ้นมาด้วยหัวใจหลายปี จนคณินคิดว่าผู้หญิงคนนี้นี่แหละคือคู่ชีวิตที่เขานั้นอยากใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันไปตลอดจนแก่เฒ่า แต่สุดท้ายก็เป็นแค่เพียงแค่ความฝันเท่านั้น “วันแต่งงาน ผมคงไปร่วมแสดงความยินดีไม่ได้ ยังไงก็ขอให้มีความสุขมากๆ”“ค่ะ บัวเข้าใจ” กิ่งดาวเอ่ยรับ เพราะเธอเองก็ไม่ได้หวังให้ชายหนุ่มไปแสดงความยินดีในวันงานมงคลของเธอนักหรอก “ผมขอตัว” พูดจบค
ในขณะที่ลูกชายกำลังอกหัก มงคลและเพ็ญแขกลับนั่งขบคิดให้รอบคอบถึงแผนการที่จะทำให้ลูกชายตัวดียอมแต่งงานกับ ปิติญาดาว่าที่สะใภ้ที่หมายปอง ถ้าคณินอยู่เมืองไทยบ่อยกว่านี้คงได้พบหน้ากับว่าที่เจ้าสาวไปแล้วก็เป็นได้ แต่เหมือนโชคชะตากำหนดให้พวกเขาเจอหน้ากันเพียงแค่ครั้งเดียว นั่นคือตอนที่คนทั้งสองยังเด็กกันอยู่เท่านั้น หลังจากนั้นก็แทบไม่ได้เจอหน้ากันเลย คลาดกันไปมาตลอด เพราะตั้งแต่เล็กลูกชายเธอก็ไปเรียนที่ต่างประเทศแล้ว พอกลับมาก็เอาแต่ทำงาน ลูกๆ อาจลืมหน้ากันไปบ้าง แต่คนเป็นพ่อแม่ไม่มีทางลืมเรื่องคู่ครองของลูกแน่นอน ถึงแม้คณินจะมีคนรักอยู่ ได้ข่าวว่าคบหากันมาได้หลายปี แต่ก็ไม่เห็นลูกชายเธอจะคิดจริงจังยังไปทำงานที่นั่นที่นี่ตลอด ฝ่ายหญิงเองก็หายหน้าไม่แวะเวียนมาหา บางครั้งจึงอดคิดไม่ได้ว่าลูกชายเธอคงเลิกกับผู้หญิงคนนั้นแล้วก็เป็นได้ แผนการจับลูกชายมาคลุมถุงชนกับว่าที่สะใภ้ที่ปลื้มของมงคลและเพ็ญแขนั้นไม่มีอะไรมาก แต่ถือว่าซับซ้อนในระดับหนึ่ง ซึ่งพวกเขานั้นต้องตกลงกันให้ดี ขืนมีคนใดคนหนึ่งหลุดอะไรออกไปละก็ คณินมีหวังจับได้ไล่ทันแน่นอน“ตกลงตามนี้นะคุณเพ็ญ” มงคลพยักหน้าให้ภรรยา เมื่อเล่าถึงแผนก
เสียงเคาะประตูห้องนอนทำให้เพ็ญแขยิ้มนิดๆ พอจะเดาได้ว่าเป็นใคร ก่อนจะทำสีหน้าเคร่งเครียดแบบสุดๆ แล้วเอ่ยบอกไป“เข้ามาสิ” สิ้นคำพูดของเธอประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออก ร่างที่ค่อยๆ เดินเข้ามานั่นคือคณิน เพ็ญแขจึงเอ่ยทักประหนึ่งว่าแปลกใจไม่คิดว่าจะเป็นลูกชาย “อ้าว! กลับมาแล้วเหรอคิงส์” “ครับ...แม่ไม่สบายเป็นอะไรมากหรือเปล่า?” คณินเดินมาหย่อนตัวนั่งตรงขอบเตียงนอนที่ตอนนี้แม่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงกว้าง รวมทั้งยังสังเกตสีหน้าแม่ที่ดูซีดเซียว สายตาเหลือบไปเห็นถ้วยข้าวต้มที่วางอยู่ข้างๆ ก็ไม่ลดน้อยลงไปเลยสักนิดบ่งบอกว่าแม่เขาไม่ได้แตะเลยสักคำ “ลูกรู้ได้ยังไง”“เมื่อกี้ตอนเข้าบ้านผมเจอพ่อ เห็นเอาแต่เดินไปเดินมาก็เลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น” พอได้ยินแบบนี้ เพ็ญแขก็เปรยด้วยความน้อยใจต่อสามีให้ลูกชายฟัง “คุณมงคลนะคุณมงคล อุตส่าห์กำชับแล้วเชียวว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับลูก”“แต่ผมไม่ใช่ใครอื่นนี่ครับ ถ้าแม่มีเรื่องไม่สบายใจก็บอกผมได้” น้ำเสียงของคณินฟังดูอบอุ่นและเป็นแบบนี้เสมอยามอยู่กับผู้เป็นแม่ เพ็ญแจอยากพูดเรื่องในใจออกไปให้ลูกรู้เร็วๆ แต่ก็ยังวางมาดอิดออดพอเป็นพิธี “แต่เรื่องนี้….”“พูดมาเถอะครั
“แล้วกำหนดวันใช้เงินให้เจ้าหนี้คือเมื่อไหร่ครับ” ที่ชายหนุ่มถาม เพราะหากมีเวลาพอเขาก็จะพยายามหาเงินมาช่วยใช้หนี้ ได้เท่าไหร่จ่ายไปเท่านั้นก่อน ถึงจะไม่ได้เต็มจำนวนแต่ขอให้เจ้าหนี้เข้าใจว่าเรามีจ่ายให้เขาเท่านี้ ส่วนที่เหลือจะจ่ายให้แน่ๆ เจ้าหนี้เหล่านั้นก็น่าจะเห็นใจอยู่บ้าง “พรุ่งนี้”“พรุ่งนี้!!” คนฟังทวนเวลาอย่างตกใจ คำว่าพรุ่งนี้ดูเหมือนจะปิดทางออกเสียสนิท แล้วอย่างนี้จะแก้ปัญหาของเรื่องไปทางไหนก็ยังคงมืดแปดด้าน “ใช่...แม่จะทำยังไงดีคิงส์ แม่จะช่วยครอบครัวของอาแหม่มกับหนูน้ำมนต์ยังไงดี” เพ็ญแขเฝ้าถามลูกชายสีหน้ายังคงแสดงออกถึงความกังวล แววตาก็ครุ่นคิด สีหน้าแบบนั้นพลอยรวมของคณินเข้าไปด้วยอีกคน ตอนนี้เขาแบกปัญหาของเพื่อนแม่ไว้บนบ่าเข้าให้เสียแล้ว “ใจเย็นๆ ก่อนนะครับแม่” “สามีพึ่งเสียแท้ๆ นี่จะปล่อยให้ลูกไปแต่งงานใช้หนี้กับใครก็ไม่รู้ ถ้าฝ่ายนั้นเป็นคนเลว ทำร้ายหนูน้ำมนต์ขึ้นมา แม่กับอาแหม่มต้องครอมใจแน่ๆ” เพ็ญแขน้ำตาร่วงทันทีที่พูดถึงเรื่องนี้ เพราะเข้าใจหัวอกของคนเป็นแม่ด้วยกัน การแสดงของแม่ยิ่งทำให้ลูกชายกังวลหนักขึ้นไปอีก แต่ก็ยังพยายามพูดให้แม่สบายใจไว้ก่อน “คงไม่ร้ายแรงถึ
หลังจากคุยกันเรื่องนี้เรียบร้อย คณินก็ขอให้แม่กินอะไรบ้าง เพ็ญแขส่ายหน้าให้ ว่าไม่อยากกินอะไร ไม่ใช่เพราะความกังวล แต่เพราะตื้นตันที่ลูกชายยอมแต่งงานกับปิติญาดาต่างหาก พอเห็นสายตาขอร้องของลูกชาย ในที่สุดเธอก็ยอม เมื่อกินข้าวใกล้หมดก็ขอนอนพัก คณินพยักหน้าให้ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องนอนของแม่“เป็นยังไงบ้างคิงส์” พอเห็นลูกชายเดินออกมาจากห้อง มงคลที่ขึ้นมารอแถวๆ ประตูห้องนอน ก็รีบถามขึ้นทันที“แม่ยอมกินข้าวแล้วครับ”“จริงเหรอ โล่งอกไป” มงคลแกล้งถอนหายใจออกมาหนักๆ อย่างโล่งอก “ตกลงเรื่องที่แม่กังวลจนไม่ยอมกินข้าว กินปลา คือเรื่องอะไรกันแน่ คิงส์รู้ไหม?”“ทราบครับ…” คณินเอ่ยรับ ก่อนจะเล่ารายละเอียดที่ได้รู้จากแม่ ให้พ่อฟังคร่าวๆ มงคลทำท่าตกอกตกใจกับสิ่งที่ได้รู้ ปากพูดแต่คำว่า ‘ทำไมเพ็ญแขไม่บอกอะไรเขาเลย เก็บไปทุกข์ใจอยู่คนเดียว’ ก่อนจะเอ่ยขอบอก ขอบใจลูกชาย ที่ยอมเสียสละช่วยเรื่องนี้ คนเป็นพ่อยิ้ม คิดไว้ไม่มีผิด ถ้าแม่มีเรื่องกลุ้มใจ คณินต้องโดดลงไปช่วยเป็นแน่ “พรุ่งนี้ เราคงต้องเข้าไปที่บ้านอาแหม่มแต่เช้า” ไม่ต้องพูดขยายความ คนฟังอย่างคณินก็เข้าใจว่าเรื่องอะไร “ครับ”“คิงส์ไปพักผ่อนซะ หลั
และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เช้านี้ทุกคนในครอบครัวของภูมิภักดีเกียรติจึงมุ่งตรงไปยังบ้านของครอบครัวอารายานนท์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เขต ที่มงคลให้คนขับรถไปรับมาตั้งแต่เช้า ซึ่งจะทำหน้าที่ในการจดทะเบียนสมรสระหว่างคณินและปิติญาดานั่นเอง เมื่อมาถึงหน้าประตูบ้านหลังใหญ่ คณินเห็นเหมือนในรูปที่แม่ให้ดู เพราะมีชายชุดดำยืนคุมอยู่หลายคน ถามกันอยู่เป็นนานกว่าจะยอมให้เข้าบ้านส่วนคนที่ไม่รู้อีโหน่ อีเหน่อย่างปิติญาดาก็ถูกผกามาศจับแต่งตัวสวย ด้วยชุดเจ้าสาวรองานแต่งงานแบบไม่ต้องการตั้งแต่เช้า หญิงสาวดูไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่พูด ยอมทำตามแม่ไปเหมือนหุ่นยนต์ ผกามาศโอบกอดลูกสาว รู้สึกสงสาร เพราะคนที่ทำให้ลูกไม่ร่าเริงคือคนเป็นพ่อแม่ จึงได้แต่เอ่ยขอโทษ“น้ำมนต์ แม่ขอโทษนะลูก”“แม่…อย่าพูดแบบนี้สิคะ” ปิติญาดาเอ่ยตอบเสียงอู้อี้ ในอ้อมกอดของแม่ น้ำตาเหมือนจะไหลชอบกล “แม่ไม่รู้จะพูดยังไงนี่จ๊ะ แม่ไม่อยากให้เรื่องทุกอย่างจบลงแบบนี้เลย” สองแม่ลูกกอดกันกลม ก่อนที่จะได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง เด็กรับใช้เปิดเข้ามาเพื่อบอกว่ามีแขกมาขอพบ“ได้เวลาแล้วสินะ” ว่าที่เจ้าสาวเอ่ยเสียงเรียบ เดาว่าคนที่มาพบนั่น ต้องเป็นเจ้าหนี้แน่
“ทำไมหนูต้องแต่งงานกับ เอ่อ...ด้วย” สีหน้าของหญิงสาวแสดงออกว่าสับสน เธอเป็นตุ๊กตาหรือไง จะจับโยนไปแต่งงานกับใครก็ได้แบบนี้ คิดแล้วช่างน่าน้อยใจจริงๆ “ถ้าไม่แต่งงานกันซะ เจ้าหนี้ก็ต้องเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างข่มขู่ให้หนูน้ำมนต์แต่งงานด้วยอย่างที่เป็นมา แต่ถ้าสองคนตกลง วันนี้อาพาเจ้าหน้าที่เขตมาด้วย จะได้จดทะเบียนกันอย่างถูกต้อง ส่วนเรื่องงานฉลองมงคลสมรส เราค่อยมาจัดกันภายหลัง” “มะ...แม่คะ” ปิติญาดาหันหาที่พึ่ง ผกามาศนั่งนิ่งเหมือนคนใช้ความคิด ส่วนคณินรู้อยู่แล้วว่าเขามาที่นี่เพราะอะไรจึงนิ่งเช่นกันแล้วรอฟังคำของผู้ใหญ่อย่างเดียว การถูกบอกเลิกแบบกะทันหันทำให้ชายหนุ่มเหมือนคนไม่มีชีวิตจิตใจ เวลานี้เขายอมทุกอย่างแม้กระทั่งสิ่งนั้นคือการต้องแต่งงานกับคนที่เขาไม่ได้รักก็ตาม“เราคงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วลูก ถ้าให้แม่เลือกที่จะให้หนูแต่งงานครั้งนี้กับใครได้ แม่ขอเลือกคิงส์ อย่างน้อยเราก็สนิทกับทุกคนในครอบครัวนี้ แถมยังช่วยเราในยามคับขันด้วย” คำพูดของแม่ทำให้ปิติญาดานิ่ง หญิงสาวกำลังคิดชั่งใจ หันไปทางไหนก็มีแต่คำว่าแต่งงาน แต่งงานเต็มไปหมด เธอจะเลือกเดินทางไหนดี จะแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่รู้จั
“คืนนี้ผมยังไม่มีที่พักเลย จะมีใครสงสารผมไหมนะ” ขณะนั่งกินข้าวอยู่นั้น เขตไทยก็เอ่ยขึ้นพร้อมทำน้ำเสียงและหน้าตาให้ดูน่าสงสารเข้าไว้“อืม…”“จะไปนอนที่ไหนนะไอ้เขต คิดสิคิด” เขตไทยพึมพำถามตัวเอง ต้องหทัยส่ายหน้าให้คนเจ้าเล่ห์ มีหรือเธอจะไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“บ้านหมวยดีไหมคะ”“ตกลงครับ”“พูดเล่นค่ะ” ใบหน้ายิ้มแย้มของเขตไทยเมื่อครู่หายไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนี้ “โรงแรมในกรุงเทพฯ มีเป็นร้อยเป็นพันไม่มีห้องว่างเลยสักห้องก็ให้รู้ไป”“เห็นใจผมหน่อยสิครับ เราไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน คุณจะไล่ผมแล้วเหรอ” ชายหนุ่มออดอ้อน แต่มีหรือกระต่ายน้อยจะหลงกลสุนัขจิ้งจอก“ไม่ได้ไล่สักหน่อย ไว้พรุ่งนี้เราค่อยเจอกันก็ได้ เพราะวันนี้หมวยมีเรื่องสำคัญต้องเข้าไปบ้านเพื่อนด้วย” พูดจบต้องหทัยก็ถอนหายใจออกมาดังเฮือก เพราะในใจมีเรื่องให้กังวล พอเห็นสีหน้าขอ
ความที่พักผ่อนน้อยติดต่อมาหลายวัน เช้านี้ปิติญาดาก็เดินตัวเอียงๆ ขอบตาคล้ำเหมือนหมีแพนด้าลงมาชั้นล่าง บ่งบอกว่าเธอนั้นโหมงานมากจนร่างกายอ่อนล้าและมีเรื่องบางอย่างคอยกวนใจ จะไม่ให้เป็นแบบนั้นได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อเรื่องที่วกไปวนมาในสมองเธอตอนนี้ดูจะมีแต่เรื่องของเสี่ยโกศล กังวลว่าจะผลิตสินค้าทันรอบจัดส่งของมิสเตอร์จากหรือเปล่า ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มคณินเองก็รับรู้ปัญหานี้ของเธอ จึงได้แต่เอาใจช่วย เพราะหญิงสาวตั้งใจกับงานนี้มาก รวมทั้งออเดอร์จากลูกค้ารายอื่นด้วย ขณะที่เฝ้าให้กำลังใจปิติญาดา เขาก็ใจจดใจจ่อรอฟังข่าวจากเพื่อนตำรวจที่วานให้สืบเรื่องของเสี่ยโกศลไปในตัว แต่รายนั้นก็ยังเงียบไม่มีข่าวคืบหน้าแต่อย่างใดวันกำหนดส่งสินค้าของมิสเตอร์จางก็มาถึง ปิติญาดาลงมากรุงเทพฯ เพื่อตรวจสอบสินค้าก่อนส่งขึ้นเรือ อยากตรวจสอบความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้ายด้วยตัวเอง คณินและเขตไทยก็มาด้วย หญิงสาวยืนกระวนกระวาย เดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่นอยู่บริเวณท่าเรือ ภาวนาให้เสี่ยโกศลมาส่งของให้ทันเวลา“รถเสี่ยโกศลมานู่นแล้วครับ” สิ่งที่ได้ยิ
“เฮ้อ!” เมื่อวางสายจากเสี่ยโกศลแล้ว หญิงสาวถึงกับถอนหายใจออกมา เพราะกลัวว่าสินค้าจะเสร็จไม่ทันกำหนดส่ง จะยกเลิกกับทางมิสเตอร์จางก็คงไม่ได้ เห็นว่าชอบสินค้าของเสี่ยโกศลมาก ทางเดียวที่เธอทำได้ในตอนนี้คือลุ้นว่าเสี่ยโกศลจะผลิตสินค้าได้ทันตามที่สัญญา หญิงสาวสะบัดศีรษะแรงๆ ก่อนจะตั้งอกตั้งใจทำงานของตนต่อไปโดยไม่ได้บอกให้คณินรู้เรื่องนี้ เพราะกลัวชายหนุ่มเป็นห่วงแต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอยิ้มได้ นั่นคือการได้รับโทรศัพท์จากแม่แล้วนั่นเอง หลังจากที่รอมาหลายวัน ผกามาศทำตามแผนของสามี นั่นคือให้ติดต่อปิติญาดาได้แล้ว ถ้าหายไปนานกว่านี้เดี๋ยวจะผิดสังเกต“แม่จ๋า” เสียงของปิติญาดาเหมือนคนกำลังร้องไห้เพราะเธอห่วงแม่มาก พอรู้ว่าแม่สบายดีก็โล่งอก ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่นาน โดยที่ผกามาศบอกลูกสาวว่ารู้เบอร์โทรศัพท์ใหม่ของปิติญาดามาจากพ่อของคณิน ซึ่งได้โทรศัพท์มาหาเพ็ญแขภรรยา“ขอโทษนะลูก ที่แม่ทำให้เป็นห่วง”“ไม่เป็นไรค่ะ แค่รู้ว่าแม่สบายดี น้ำมนต์ก็หมดห่วงแล้ว” ปิติญาดาแอบปาดน
ปิติญาดาตื่นแต่เช้า ก่อนจะออกจากบ้านเพื่อไปรับมิสเตอร์จางและลูกน้องมายังโรงงานของคณิน พอมาถึงชายหนุ่มคอยดูแลเทคแคร์ลูกค้าของหญิงสาวเป็นอย่างดีประหนึ่งลูกค้าของตัวเขาเอง มิสเตอร์จางแสดงท่าทางสนอกสนใจสินคโรงงานคณินมาก แต่นั่นก็แค่การสร้างภาพในฐานะนักธุรกิจต่อสายตาคนอื่นเท่านั้นเองเมื่อออกจากโรงงานของคณินแล้ว ปิติญาดาก็พามิสเตอร์จางไปยังโรงานของเสี่ยโกศล ซึ่งเป็นโรงงานที่ทางมิสเตอร์จางได้สั่งซื้อสินค้าเช่นกัน แต่นี่ดูจะอยู่ในแผน เพราะทางมิสเตอร์จางเจาะจงไปเองมากกว่า บอกว่าเคยเป็นลูกค้าเก่าแก่อยากแวะไปเยี่ยมเยียน ทางด้านปิติญาดานั้นก็ไม่ได้เอะใจอะไรมากมาย ทำตามที่ลูกค้าต้องการเต็มที่ แต่สำหรับคณินดูเขาจะไม่คิดเช่นเดียวกับเธอ ตอนนี้ชายหนุ่มยังพูดอะไรไม่ได้ จนกว่าจะได้ข่าวจากเพื่อนตำรวจเสียก่อน แต่ภาพของเขตไทยที่นั่งซึมกะทืออยู่ใต้ต้นไม้ขณะนี้ ทำให้คณินเดินเข้าไปหา“เป็นอะไรของเอ็งไอ้เขต”“คิดถึงแฟนว่ะ” เขตไทยเอ่ยตอบตามตรง เกิดมายังไม่เคยคิดถึงใครมากเท่ากับคิดถึงต้องหทัยเลยจริงๆ สงสัยต้องรวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัวเสียแล้ว จะได้มาอยู่ใกล้ๆ กันไม่ต้อง
เมื่อกลับถึงบ้าน ภคมณก็เดินไปเดินมาอย่างคนใช้ความคิด เธอมีอะไรสงสัยแต่อีกใจก็กังวลว่าเธอคิดไปเอง ก่อนจะรื้อกระเป๋าสานเพื่อหยิบกล้องถ่ายรูปขนาดเล็กที่พกติดตัวไว้ตลอด เลื่อนขึ้นลงเพื่อหารูปที่ต้องการ เมื่อพบถึงกับยกมือขึ้นปิดปาก ท่าทางตกอกตกใจไม่น้อย“นี่คุณลุงกับคุณป้าชัดๆ” ภคมณมือไม้สั่น ซูมรูปที่เห็นให้ใกล้ที่สุด หวนคิดถึงคำพูดของป้าสายหยุด คนที่บอกว่าพ่อของ ปิติญาดาได้เสียชีวิตไปแล้วอย่างกะทันหัน ส่วนแม่ก็บวชชีพราหมณ์อยู่วัดป่า แต่ทำไมสองคนนี้ถึงไปโผล่ที่ยุโรปได้“ผีหลอกเหรอเรา” คิ้วสวยได้รูปขมวดเข้าหากันจนยุ่งก่อนจะทำหน้าขบคิด วศินที่พึ่งเดินออกจากห้องน้ำ พอเห็นแววตาแบบนั้นของเธอก็เข้ามาใกล้แล้วถามขึ้น“เป็นอะไรครับหนูจ๋า”“พี่วศินดูนี่สิคะ” พูดจบก็ยื่นกล้องถ่ายรูปให้ชายหนุ่ม วศินรับไว้เพ่งมองอยู่นานแล้วสบตาเธอ“รูปใครครับ”“พ่อกับแม่ของน้ำมนต์”“หือ…เป็นไปได้ยังไง ก็ในเ
ปิติญาดาออกอาการเกร็งขณะนั่งรถขึ้นลำปางกับจางซีเป่า ซึ่งเขาให้เธอเรียกว่ามิสเตอร์จาง รูปร่างหน้าตาไม่สูงมาก ตาชั้นเดียวในแบบคนจีน อายุสี่สิบกว่าปีแล้ว มาครั้งนี้เขาพาลูกน้องมาสองคนชายหนึ่งหญิงหนึ่ง มิสเตอร์จางพูดภาษาอังกฤษได้คล่องทีเดียว เขาบอกว่ามาเมืองไทยบ่อยครั้ง เคยซื้อเซรามิคจากหลายที่เพื่อนำไปขายให้ลูกค้าชาวจีนและนักท่องเที่ยว แต่สินค้าบนเว็บไซต์ของหญิงสาวนั้นน่าสนใจและแตกต่างไปจากของรายอื่นๆ ที่เคยทำการซื้อขายกันมามาก พอได้รับคำชม ปิติญาดาก็นั่งยิ้มเมื่อถึงรีอสร์ทที่พัก มิสเตอร์จางก็เอ่ยปากชมถึงความสวยงามของศิลปะล้านนาที่ได้นำมาผสมผสานให้กลมกลืนกับความโมเดิร์ทได้อย่างลงตัว อาหารรสชาติก็ถูกปากคนจีนอย่างเขาไม่น้อย แถมยังชมปิดท้ายว่าปิติญาดาเป็นสาวแกร่ง ทำงานนี้คนเดียวได้ดีอย่างน่าทึ่ง ซึ่งเธอก็รับคำชมนั้นไว้อีกครั้ง วันนี้ดูทุกอย่างดูจะราบรื่นสำหรับปิติญาดาไปเสียหมด หลังจากดูแลแขกเรียบร้อยหญิงสาวก็ขอตัวกลับ เธอเอนหลังพิงเบาะในรถยนต์ ความอ่อนล้าเข้ามาเล่นงานยามอยู่ตามลำพัง แต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นข้างตัวก็ทำให้หญิงสาวคว้าขึ้นมารับ“ฮัล
ค่ำวันนั้น ปิติญาดาได้รับอีเมลหนึ่งฉบับจากลูกค้าที่จีน โดยเนื้อหาบอกว่าเขากำลังเดินทางมาเมืองไทย และอยากพบเธอวันวันแรกที่มาถึง ด้วยเหตุผลที่ว่าแม้จะได้ทำการสั่งออเดอร์มาแล้วแต่ก็อยากเห็นสินค้าตัวจริง รวมทั้งพูดคุยกับเธอเพื่อหาช่องทางทำธุรกิจร่วมกันด้วย เมื่อได้อ่านอีเมลจบ ปิติญาดาไม่คัดค้านที่จะไปพบลูกค้ารายนี้เลย เพราะถือว่าเธอเองก็ได้ประโยชน์เหมือนกันแต่ติดปัญหาที่เธอต้องลงไปรับเขาที่กรุงเทพฯ นี่สิ หญิงสาวจึงปรึกษาเรื่องนี้กับคณิน ซึ่งชายหนุ่มก็เห็นด้วยที่เธอจะต้อนรับลูกค้าใหญ่รายนี้ แต่ถึงจะเป็นลูกค้ารายเล็กๆ เธอก็ต้องดูแล เพราะถือว่านี่คือการซื้อใจกัน ถ้าออกมาดีเธอก็จะมีพื้นที่ในการยืนทำธุรกิจมากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มตรวจดูตารางงานของตนเองว่าว่างตรงกับวันที่ปิติญาดาต้องขึ้นไปกรุงเทพฯ หรือเปล่า“วันนั้นพี่มีงานที่ปาย คงไปกับน้ำมนต์ไม่ได้นะครับ”“ค่ะ ไม่เป็นไร” ปิติญาดายิ้มให้ ตั้งแต่สนิทสนมกันมากขึ้นก็พอรู้ว่าชายหนุ่มนั้นทำอะไรบ้าง ไหนจะคุมงานที่โรงานเซรามิค ไหนจะงานด้านสถาปนิกตกแต่งภายในครอบว
“จริงครับ จริง” เสียงขาดๆ หายๆ ของคณินเอ่ยตอบกลับไป ก่อนจะครางออกมาเมื่อปิติญาดายกสะโพกขึ้นสูงก่อนจะทิ้งตัวลงมาหนักๆ ชายหนุ่มกดสะโพกเธอค้างไว้แบบนั้นก่อน ไม่นานเธอก็ค่อยๆ ขยับอีกครั้ง คงพอใจที่ได้ฟังคำตอบ แต่สำหรับคณินเขามีแผนจะทำให้ปิติญาดาสารภาพรักเขาเช่นเดียวกัน แต่แผนนั้นคงต้องเก็บไปใช้วันอื่นชายหนุ่มออกแรงพลิกตัวปิติญาดาให้ลงไปนอนบนเตียง ก่อนจะเป็นฝ่ายขึ้นทาบทับและพาเธอไปส่งยังจุดหมายปลายทางของความสุขในรักอีกครั้ง จากนั้นจึงตามเธอขึ้นไปสัมผัสความสุขเช่นเดียวกันบ้าง คืนนั้นทั้งคืนกว่าที่ปิติญาดาจะได้ก้าวลงจากเตียงก็ผ่านไปหลายชั่วโมง ตอนเช้าเธอก็ยังได้รับการปลุกด้วยวิธีพิเศษของคณินอีกต่างหาก เรียกได้ว่าแข้งขาอ่อนไปตามๆ กัน พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเธอก็มายืนส่งค้อนให้เขา“คนบ้าเซ็กส์” พูดจบก็ทุบแผงอกชายหนุ่มไปหลายครั้งอย่างเหลืออด ส่วนคณินได้แต่หัวเราะหึหึในลำคอเท่านั้น ไม่เถียงที่ ปิติญาดาพูดสักคำ ก็เซ็กส์ดีๆ แบบนี้เขาไม่ต้องการก็คงกลายเป็นคนเซ็กส์เสื่อมน่ะสิ แต่ก่อนจะออกจากห้องไป ปิติญาดาก็หันมามองคณินหน้า
“กลัวพี่เข้ามาในห้องขนาดนั้นเลยหรือน้ำมนต์”“ปะ...เปล่าสักหน่อย ก็นี่เป็นบ้านพี่คิงส์ น้ำมนต์จะทำแบบนั้นกับเจ้าของบ้านได้ยังไงกัน” น้ำเสียงของปิติญาดาแผ่วเบาลงไปเรื่อยๆ ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนตัวลีบลงไปทุกขณะ หญิงสาวกระชับผ้าขนหนูแน่น หัวใจดวงน้อยสั่นไหวรุนแรง เต้นไม่เป็นส่ำชวนให้เป็นลมเสียเหลือเกิน“แล้วนี่อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ”“เสร็จแล้วค่ะ”“แน่ใจ พี่ยังเห็นคราบสบู่ ติดอยู่บนแก้มน้ำมนต์อยู่เลยนะ”“เอ่อ...งั้นน้ำมนต์ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ” พูดจบก็ทำท่าจะตรงดิ่งเข้าห้องน้ำ ขอให้เข้าไปในนั้นได้ทีเถอะ เธอจะนอนในนั้นเลยคืนนี้ แต่คณินกลับดีดตัวขึ้นจากเตียง เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็เข้าไปขวางหน้าปิติญาดาเรียบร้อยพร้อมรั้งเธอเข้ามากอดแน่น เนื้อสาวนุ่มนิ่มที่ได้สัมผัส ทำเอาคนหนุ่มหัวใจพองโต“พี่ก็ยังไม่ได้อาบ เอาเป็นว่าเราอาบพร้อมกันดีไหม”“เอ๋...” คนถูกชวนอุทานเสียงสูง ก่อนจะส่ายหน