“ คุณทำให้ผมเสียสติควบคุมตัวเองไม่ได้”
“ เอาล่ะ จะพูดอะไรก็รีบพูด ฉันมีธุระต้องไปต่อ “ “ ผม ผม” ธมกานต์ติดอ่าง ตรีรินทร์ถอนหายใจ ก่อนจ้องมองธมกานต์ ทำให้ชายหนุ่มเริ่มอึดอัดใจก่อนจะถอนใจ “ คุณจะไปไหน ผมจะไปส่ง” “ ไม่ต้อง ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆ จากคุณ” “ อวดดี” “ ลาก่อน คุณธมกานต์ หวังว่าจะเป็นการพบกันครั้งสุดท้าย” “ คุณเป็นผู้หญิงที่เลือดเย็นที่สุด คุณจะทำให้ผมรู้สึกผิดที่ไม่ได้ทำอะไรเพื่อคุณบ้างหรือไง” “ ฉันไม่ต้องการเท่าที่ได้มาจากคุณแค่นี้ก็เป็นของขวัญพิเศษสุดในชีวิตแล้ว” “ คุณพูดถึงอะไรของขวัญอะไรของคุณ นี่คุณจะทำให้ผมเป็นบ้าใช่ไหม” “ แล้วแต่คุณจะคิด ลาก่อน” ตรีรินทร์เร่งฝีเท้าเดินจากไป ธมกานต์ทรุดนั่งอย่างหมดแรง บ้านพิพัฒนพงค์ “ เจ้าเข้ม คุณกานต์ออกจากห้องหรือยัง” “ ยังครับ นมอิ่ม” “ เป็นยังงี้มากี่วันแล้ว” “ สองวันครับ” “ เอาแต่ดื่มเหล้า คุณผู้หญิงก็ไม่กลับบ้านยังอยู่บ้านแม่ คุณหญิงก็ไม่อยู่โอ๊ย กลุ้ม จะทำยังไงดี” “ เข้ม แกมีเบอร์คุณผู้หญิงไหม เดี๋ยวต้องโทรไปขอร้องให้เธอกลับบ้านมาดูคุณหนูของข้าหน่อย” “ อะไรนะคะ” นมอิ่มตะโกนด้วยความตกใจเมื่อได้รับการบอกเล่าจากหญิงสาวว่าได้หย่ากับคุณหนูของตนเรียบร้อยแล้ว “ โถ อะไรกันคะเนี่ย คุณหญิงก็ไม่อยู่ แล้วนี่คุณสองคนก็มาหย่ากันนมจะเป็นลม” นมอิ่มทรุดนั่งอย่างหมดแรง “ ไม่น่า คุณหนูถึงขังตัวเองอยู่ในห้อง” หนึ่งเดือนผ่านไป ธมกานต์กลับมาทำงานตามปกติได้ประมาณหนึ่งอาทิตย์ “ว่าไงนะ เค้าไม่รับงั้นหรือ” “ ไม่ครับ บอกไม่ขอรับ” “ อวดดี” “ คุณก็ทำไปตามปกตินั่นแหละ ก็ไปทุกเดือนจนกว่าเค้าจะรับ” ธมกานต์สั่งทนายประจำตระกูล อย่างเคร่งเครียด กริ๊ง ๆๆ “ คุณกานต์ค่ะ โทรศัพท์จากทางโรงพยาบาลสายสองค่ะ เค้าบอกธุระด่วนมากค่ะ” “ คุณรสโอนเข้ามาเลย” “ ครับ ผมธมกานต์ พิพัฒนพงค์” “ ดิฉันโทรมาจากโรงพยาบาล ดิฉันต้องการให้คุณมาที่โรงพยาบาลด่วน คุณแม่ของคุณช็อค เราต้องทำการผ่าตัดด่วนคุณต้องมาเซ็นเอกสารสำคัญค่ะ เราติดต่อภรรยาคุณไม่ได้ก็เลยต้องรบกวนคุณ” “ อะไร ผมไม่เข้าใจแม่ผมเป็นอะไร ทำไมต้องผ่าตัดผมงงไปหมดแล้ว” “ เอาเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณมาโรงพยาบาลก็ทราบเอง” โรงพยาบาล “ ไม่จริงใช่ไหมครับหมอ หมอโกหกผมใช่ไหมครับ แม่ผมไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างที่หมอบอกใช่ไหม” “ คุณต้องเข้มแข็งนี่คือความจริง เอ ภรรยาคุณไม่ได้บอกคุณหรือครับ เธอเป็นเจ้าของไข้และเป็นคนที่ดูแลค่าใช้จ่ายของคุณหญิงมณีจันทร์ทั้งหมดและเป็นคนที่มาเฝ้าดูแลตลอด แล้วนี่ภรรยาคุณไม่มาด้วยหรือครับ” “ หมอว่าใครเป็นเจ้าของไข้นะครับ” “ ภรรยาคุณ คุณรินทร์ไงครับ วันนี้เธอไม่มาด้วยหรือไง ทางเราพยายามติดต่อเธอ แต่ติดต่อไม่ได้” ธมกานต์ชาวาบไปทั้งร่างกาย แม้แต่พยาบาลเอาเอกสารมาให้เซ็น ชายหนุ่มเซ็นเหมือนร่างไร้วิญญาณ ธมกานต์เดินไปเดินมา ก่อนจะนั่งลง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเดินมาอีกครั้ง ห้องผ่าตัดเปิดออก “หมอครับ แม่ผมปลอดภัยใช่ไหม” “คนไข้ปลอดภัย แต่เราต้องเฝ้าดูอาการอีกสี่สิบแปดชั่วโมงครับ” “ ขอบคุณครับหมอ ขอบคุณครับ” ธมกานต์นั่งเฝ้าอาการคุณหญิงมณีจันทร์อย่างใกล้ชิด ตรีรินทร์เดินแกมวิ่งมาที่เคาน์เตอร์ ก่อนจะใช้มือเกาะที่ขอบเคาน์เตอร์ “ คุณกุ้งคะโทรหารินทร์ใช่ไหม ขอโทษนะคะรินทร์ไปต่างจังหวัดพึ่งกลับมาค่ะที่ รินทร์ไปไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ค่ะ” “ ค่ะ แต่...” ตรีรินทร์ตกใจเมื่อถูกมือใครบางคนลากก่อนจะหันไปมองอย่างตกใจ “มานี่เลยแม่ตัวดี ผมตอบคุณได้ คำถามที่คุณถามคุณกุ้ง” พยาบาลกุ้งมองชายหนุ่มและหญิงสาวอย่างมึนงง “ โอ๊ยเจ็บนะ คุณบีบแขนฉันทำไมเนี่ย” “ ผมจะทำกับคุณยิ่งกว่านี้อีกมานี่เลยแม่ตัวดี เจ้ากี้เจ้าการนัก” ธมกานต์ลากหญิงสาว ให้เดินตามด้วยความโมโห “ อะไรของคุณเนี่ย จะบ้าอะไรของคุณอีก” ตรีรินทร์พยายามชะลอเท้าเพราะเกรงจะกระทบกระเทือนลูก “ นี่คุณ เบาๆ หน่อยสิ เดี๋ยว” “ เดี๋ยวอะไรของคุณ “ “ ไม่มีอะไร เดี๋ยวฉันก็ล้มหรอก “ “ อย่ามาดัดจริตหน่อยเลย ผมอยากถามว่าเมื่อไหร่คุณจะบอกเรื่องนี้กับผมจะรอให้แม่ผมตายไปก่อนหรือไงถึงจะบอกผม ฮะ ตรีรินทร์ คุณเป็นคนที่เลือดเย็นที่สุดที่ผมพบมา” ธมกานต์ตะเบ็งเสียงดัง ตรีรินทร์หลับตาเพราะเสียงของชายหนุ่มดังก้องหู “ฉันทำตามที่คุณป้าต้องการ ท่านไม่ต้องการให้คุณกังวลกับอาการของท่าน ท่านอยากให้คุณมีสมาธิในการทำงาน” ตรีรินทร์อธิบายเสียงอ่อน “แล้วคุณก็เชื่อแม่ผม คุณไม่คิดจะบอกให้ผมซึ่งเป็นลูกได้รู้หรือไงว่าแม่ผมเป็นมะเร็งจะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ไม่คิดจะบอกเลยหรือไง แม่ซึ่งดูแลเอาใจผมมาทั้งชีวิต แต่เวลาที่ท่านเจ็บป่วยผมกลับไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง ถ้าเป็นคุณบ้าง ถ้ากลับกันเป็นคุณบ้าง คุณจะรู้สึกอย่างไง” ตรีรินทร์นิ่งเงียบเข้าใจความรู้สึกของชายหนุ่ม ก่อนจ้องมองชายหนุ่มด้วยความเห็นใจอย่างสุดซึ้ง “ผมนึกว่าคุณจะเป็นคนที่เข้าใจผมมากที่สุดแต่ไม่เลย คุณทำเหมือนผมเป็นควายที่คุณจะจูงไปที่นั่นที่นี่ก็ได้ตามใจชอบ ถ้าเป็นคุณบ้างคุณจะรู้สึกยังไงฮะ ผมอยากรู้” ธมกานต์เขย่าร่างของหญิงสาวเหมือนคนขาดสติ ตรีรินทร์หน้ามืดเมื่อโดนชายหนุ่มเขย่าก่อนจะเป็นลมทรุดลงอย่างหมดแรง “ นี่อย่ามามารยาผมไม่หลงกลคุณหรอก” “คุณคะ มาเอะอะอะไรแถวนี้กันค่ะเนี่ย ที่นี่โรงพยาบาลนะคะ” หัวหน้าพยาบาลเข้ามาตำหนิ ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นหญิงสาวนอนหมดสติ ขณะที่ชายหนุ่มหันหลังให้อย่างไม่แยแส “ ตายแล้วคุณคะ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” พยาบาลพยายามตรวจชีพจรก่อนจะหันไปตำหนิ ชายหนุ่มต่อ “ นี่คุณเห็นไหม คนเป็นลมหมดสติ มาช่วยกันหน่อยสิ” ธมกานต์หันหลังกลับไปมองหญิงสาวก่อนจะถลาลงไปประคอง “รินทร์ รินทร์คุณเป็นอะไรไป โถ ผมนึกว่าคุณแกล้งให้ผมตายใจ รินทร์ รินทร์ อย่าเป็นอะไรนะ ผมจะอยู่ต่อไปยังไงถ้าไม่มีคุณ” ธมกานต์ประคองใบหน้าหญิงสาวมาซบที่ต้นคอของตนเอง “ คุณคะอย่าพึ่งมาคร่ำครวญตอนนี้ พามาที่ห้องตรวจดีกว่าก่อนที่คนไข้จะเป็นอะไรให้มากกว่านี้” “ ครับ ครับ คุณพยาบาล” ตรีรินทร์ได้รับการปฐมพยาบาลก่อนที่พยาบาลให้น้ำเกลือ เพราะร่างกายขาดน้ำ และอ่อนเพลียมากธมกานต์เดินออกไปด้วยหัวใจบอบช้ำ ใกล้กัน แต่จับต้องไม่ได้ ใกล้แต่เหมือนไกลสุดขั้ว ธมกานต์สูดลมหายใจยาว เหมือนปลดปล่อยความเจ็บช้ำวันรุ่งขึ้น คุณหญิงมณีจันทร์ลืมตาตื่นเห็นลูกชายนอนซบที่เตียงของตน คุณหญิงลูบศีรษะชายหนุ่มอย่างอ่อนโยน “ในที่สุดกานต์ก็รู้ความจริงเข้าจนได้ โธ่เอ๊ยลูกกานต์ กานต์ กลับไปนอนที่บ้าน เถอะลูก” คุณหญิงมณีจันทร์กล่าวเสียงนุ่ม ธมกานต์งัวเงียลืมตาขึ้นมอง ผู้เป็นแม่ที่จ้องมองตน อย่างเอ็นดู ธมกานต์โผเข้าไปกอด ก่อนจะพูดว่า “ แม่ฟื้นแล้ว กานต์ดีใจจังเลย ทำไมแม่ต้องปิดบังกานต์ด้วย ทำไม แม่ไม่บอกความจริงกับกานต์” “ แม่ไม่อยากให้กานต์เป็นห่วง แม่ไม่อยากให้กานต์เสียใจ เพราะแม่ เพราะความทิฐิของแม่ทำให้กานต์มีพ่อก็เหมือนไม่มีมาสิบกว่าปี แม่สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำให้กานต์เสียใจอีก เชื่อแม่สิกานต์แม่ต้องหาย แม่ไม่เป็นไรมากหรอกจ๊ะ” ธมกานต์ถอนใจยาวแล้วบอกว่า “ แม่อย่าโทษตัวเองกับสิ่งที่ผ่านมา แล้วแก้ไขไม่ได้ อีกเลย ต่อไปนี้กานต์จะดูแลแม่เอง” คุณหญิงมณีจันทร์เหลียวมองรอบห้อง แล้วขมวดคิ้ว “แล้ว หนูรินทร์ล่ะไปไหนแล้ว” ธมกานต์หลบสายตาก่อนจะหันไปหยิบแก้วน้ำแล้วเทน้ำขึ้นดื่มก่อนจะตอบว่า “ รินทร์เค้ากลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวสายๆ เค้าคงจะมาฮะแม่” “ หนูรินทร์เป็นคนดีมากนะกานต์ รักเค้ามากๆ หนูรินทร์ดูแลแม่ดีมาก ลูกโชคดีที่มีภรรยาดีเหมือนหนูรินทร์ รีบๆ มีหลานให้แม่อุ้มไวๆ แล้วแม่จะอาการดีขึ้นมาก” ธมกานต์ก้มหน้าก่อนเจ็บแปลบ เมื่อนึกถึงภาพนายตำรวจหนุ่มที่ดูแลอดีตภรรยาอย่างใกล้ชิด “ แม่นอนพักผ่อนอีกนิดเถอะครับ เดี๋ยวรินทร์ก็มาครับ” เก้าโมงเช้า ตรีรินทร์เคาะประตูแล้วเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ เห็นธมกานต์ฟุบหน้ากับเครื่องคอมฯ โน๊ตบุ๊ค หญิงสาวยิ้มอย่างเอ็นดู “นี่สงสัยจะเฝ้าจนเพลีย” ตรีรินทร์ไปนั่งที่โซฟาแล้วหยิบนิตยสารมาอ่านก่อนที่จะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทักทาย “ อ้าว มาแล้วเหรอ ขอโทษทีผมเผลอหลับไป ขอบคุณมากที่ทำตามสัญญา ผมอยากขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปดูที่โรงแรมสักสองชม แล้วบ่ายโมง ผมจะเอาอาหารมาให้” “ ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันหาทานแถวนี้ได้” ตรีรินทร์กล่าวเสียงอ่อน “ ผมบอกว่าจะเอาอาหารมาทานที่นี่ คุณนี่ชอบขัดคอจังเลยไม่ขัดผมสักเรื่องคุณจะตายไหมฮะ” ธมกานต์กล่าวอย่างหงุดหงิด “ ตามใจคุณสิฉันก็แค่ไม่อยากจะกวน อยากทำอะไรก็ตามใจคุณ “ ตรีรินทร์กล่าวจบก็ทำปากยื่น ด้วยความหมั่นไส้ “ ฉันฝากจดหมายให้พี่แหวนด้วย ฉันอยากทานของพวกนี้เดี๋ยวฉันให้พี่แหวน จัดให้คุณคงไม่ว่า “ ตรีรินทร์กล่าวอย่างเกรงใจ “เขียนมาเถอะ เดี๋ยวผมจะให้แหวนจัดการให้ “ ตรีรินทร์เขียนแล้วใส่ซองจดหมายของทางโรงพยาบาลที่อยู่บนโต๊ะก่อนจะยื่นให้ชายหนุ่ม บ่ายโมงตรง ธมกานต์กลับเข้ามาพร้อมชุดลำลองก่อนจะหิ้วอาหารมาหลายถุง “ มาทานด้วยกันเถอะ ผมก็หิวเหมือนกัน” ธมกานต์นั่งมองหญิงสาวที่กินมะม่วงดอง มะยมดอง มะกอกดอง แล้วขมวดคิ้ว “ นี่คุณใจคอคุณจะทานของพวกนี้แทนข้าวเลยหรือไง กินเข้าไปได้ไงเปรี้ยวจะตาย” ธมกานต์ยักไหล่ทำเหมือนขนหัวลุกด้วยความเปรี้ยว “ ช่วงนี้ฉันลดความอ้วนอยากกินของพวกนี้แหละ พวกนางแบบเค้าก็ทานกันแบบนี้แหละ” ธมกานต์มองหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “ คุณไม่อ้วนหรอกกำลังดีออก” ตรีรินทร์หมุนตัว ก่อนจะขอตัวเข้าห้องน้ำอย่างเขินอายกับสายตาคมเข้มของชายหนุ่มที่เหมือนจะปลดเปลื้องหญิงสาวให้เปลือยเป ล่า ต่างคนต่างแอบมองกันไปมา อย่างที่ไม่ให้อีกฝ่ายสังเกต ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว ภาพต่างๆ หลั่งไหลเข้ามาในห้วงความคิดของแต่ละคน ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ ยิ่งใกล้แต่เหมือนไกลสุดปลายฟ้าแตะต้องไม่ได้ สัมผัสก็ไม่ได้ทำให้ เจ็บร้าวด้วยกันทั้งสองฝ่าย ชายหนุ่มถอนใจยาว ก่อนจะพูดว่า “ เดี๋ยวผมให้เข้มไปส่งคุณที่บ้าน พรุ่งนี้เช้า ผมขอไปดูงานที่โรงแรมสักพัก แล้วบ่ายๆ เจอกัน” ตรีรินทร์ถอนหายใจก่อนจะตอบว่า “ ค่ะ” ตรีรินทร์รู้สึกคลื่นไส้เวียนหัว ก่อนจะปิดปากแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ หญิงสาวโก่งคอแล้วอ้วก ธมกานต์มายืนข้างๆ ประตู “ ให้ผมช่วยอะไรไหม คุณเป็นอะไรมากไหม” ตรีรินทร์โบกมือปฏิเสธ แล้วทำมือไล่ให้ชายหนุ่มออกไป แต่ธมกานต์กลับเอาผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นแล้วมาเช็ดหน้าหญิงสาวไปมาด้วยความเป็นห่วงตรีรินทร์ นั่งพิงโถส้วม ก่อนจะน้ำตาไหล “ คุณร้องไห้ทำไมเป็นอะไรมากหรือเปล่า หน้าคุณซีดจังไปให้พยาบาลตรวจหน่อยดีไหมผมจะพาไป” “ ไม่ต้อง ฉันไปหาหมอมาแล้วหมอบอกว่าฉันเป็นโรคกระเพาะแล้วก็อาหารเป็นพิษให้ยามาแล้ว อีกไม่กี่วันก็หายแล้ว” ธมกานต์จ้องมองอดีตภรรยาด้วยความห่วงใย“เป็นของใครครับคุณทนาย” ธมกานต์เงยหน้าก่อนจะจ้องมองทนายเหมือนจะบังคับให้พูด “ของคุณตรีรินทร์ แล้วเพื่อนผมที่เป็นผู้จัดการ ยังบอกว่าเธอเป็นผู้มาเบิกเงินเองทุกครั้ง” “เงินหายจากบัญชีไปเท่าไหร่ครับ” “สามล้านเศษๆ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาครับ” “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อน ยังไงคุณกานต์คงจะสอบถามคุณรินทร์ได้ ว่าผมจะติดต่อคุณหญิงได้ที่ไหน ผมพยายามโทรเข้ามือถือก็ติดต่อไม่ได้ เมื่อวานโทรมาหานมอิ่มก็บอกว่ายังไม่กลับบ้าน แต่ที่น่าแปลกก็คือเงินเดือนพนักงานในบ้านปกติคุณหญิงจะเป็นผู้จัดการเองทุกครั้ง ผมถามนมอิ่มนมอิ่มบอกว่าคุณตรีรินทร์เป็นผู้นำเงินมาจ่าย” ทนายสมชายรายงาน ธมกานต์รู้สึกมึนกับข้อมูลที่ได้รับก่อนจะขังตัวเองในห้องทำงานพร้อมกับเอกสาร ที่ระบุข้อมูลการจ่ายเงินออกจากบัญชีมารดา ธมกานต์หยิบขึ้นมาดูทีละใบ ทีละใบ อย่างละเอียด ห้องผ่าตัดเปิดออกตรีรินทร์ขยับตัวก่อนจะก้าวไปหาอาจารย์หมอด้วยความร้อนใจ “คุณป้าเป็นอย่างไรบ้างคะ” “ปลอดภัยแล้ว ตอนนี้คนไข้ต้องพักผ่อนอย่างน้อยสามสิบหกชั่วโมง หมอว่าคุณกลับไปพักผ่อนก่อน คนไข้ฟื้นผมจะให้พยาบาลโทรไปบอก ผมอยากให้คนไข้พักนานหน่อยเพราะเป็นการผ่าตัดใหญ่ “ “ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ” ตรีรินทร์น้ำตาไหลด้วยความดีใจ “ว่าไงยายรินทร์” “คุณป้าปลอดภัยแล้วค่ะแม่ แต่หมอเค้าขอดูอาการสามสิบหกชั่วโมงอาจารย์หมอบอกให้เรากลับบ้านไปก่อนค่ะ ถ้าคุณป้าฟื้นพยาบาลจะโทรบอกเราค่ะ กลับก่อนเถอะค่ะแม่ แม่ก็ดูเพลียมากแล้ว” “ แค่ได้ยินว่ามณีเค้าปลอดภัยแม่ก็ดีใจ” สามโมงเย็นตรีรินทร์ขับรถไปส่งแม่แก้วถึงบ้าน รับประทานอาหารกับแม่แก้ว ก่อนจะนอนเล่นกับพื้นจนเผลอหลับไป ตื่นขึ้นมาก็ตกใจเพราะออกจากบ้านมานานแล้ว กลัวทุกคนจะเป็นห่วงรีบขับรถออกมา ด้วยความรีบเร่ง โครม เสียงรถปะทะกันด้วยความรุนแรง “ว้าย” ตรีรินทร์ร้องตกใจก่อนจะเปิดประตูออกไปดูสภาพรถ “นี่ลุง ขับรถประสาอะไรเนี่ย ชนกับล้อหนู แล้วหนูจะขับรถกลับบ้านยังไงเนี่ย” ตรีรินทร์โวยวายเมื่อเห็นสภาพรถที่ถูกชน “ขอโทษครับ ผมเบรกไม่ทัน” “อะไรนะห้าร้อยบาท ไม่ได้หรอกลุง ถ้าตกลงกันไม่ได้ฉันเรียกตำรวจนะ ลุงเรียกประกันสิ อะไรนะ รถเช่ามาจากเพื่อน โถลุง อะไรกันเนี่ย” ตรีรินทร์ร้องอย่างอ่อนใจ “อย่าเอาเรื่องผมเลยนะครับ ผมถูกไล่ออกจากงาน พอดีเพื่อนเค้าเช่าแท็กซี่คันนี้มา เค้าป่วยผมก็เลยอาสามาขับ ตั้งแต่เช้าผมได้มาแปดร้อยผมแบ่งให้คุณห้าร้อยได้ไหมครับ” “มีอะไร ให้ผมช่วยไหมครับ” เสียงผู้ชายทำให้ตรีรินทร์หันไปมอง ก่อนจะเบิกตาด้วยความดีใจ “พี่โต” “รินทร์ มีอะไรให้พี่ช่วยไหม” ร้อยตำรวจตรีโตมรในชุดเครื่องแบบ เอ่ยถามเมื่อเห็นรถสองคันจอดอยู่ขวางทางจราจรเล็กน้อย เมื่อเห็นก็ลงมาไต่ถามแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าเป็นหญิงสาวที่จนป่านนี้ก็ไม่สามารถลบออกจากใจได้ “โอเค เดี๋ยวพี่ให้เพื่อนมาลากไปอู่ใกล้ๆนี่ แล้วเดี๋ยวพี่ไปส่งบ้าน” ตรีรินทร์พยักหน้าก่อนจะยกมือไหว้ “ขอบคุณนะคะ พี่โต” “จ่า ช่วยพาลุงคนนี้ไปเซ็นต์รับทราบความผิด เจ้าทุกข์เค้าไม่เอาเรื่องต่างคนต่างซ่อม” “รถกรุงเทพฯ ทำไมติดแบบนี้” ตรีรินทร์บ่นออกมาด้วยความหงุดหงิดเพราะกว่าสองชมที่รถแล่นทีละนิด ทีละน้อย ยังเดินทางไปได้ไม่กี่กิโลเมตร ธมกานต์ยกวิสกี้ขึ้นดื่มก่อนจะหันไปมองนาฬิกา ยี่สิบหกชั่วโมงที่หญิงสาวหายออกไปจากบ้าน ยี่สิบหกชั่วโมง ธมกานต์บีบเก้าเหล้าเหมือนจะระบายอารมณ์เสียงรถแล่นเข้ามาในบริเวณบ้าน ธมกานต์ขยับไปที่หน้าต่างที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ตรีรินทร์เดินลงมาด้วยความเหนื่อยเพลีย เพราะไปเฝ้ารอหน้าห้องผ่าตัดของแม่สามีอยู่หลายชั่วโมง ยี่สิบกว่าชั่วโมงที่ร่างกายไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ “รินทร์ขอบคุณพี่โตมากนะคะ รินทร์โชคดีจริงๆที่เจอพี่ ไม่งั้นรินทร์คงแย่” ตรีรินทร์ยกมือไหว้พร้อมกับคว้ามือนายตำรวจหนุ่มมาบีบ “ไม่เป็นไร เป็นหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อยู่แล้ว” โตมรยิ้มกว้างพร้อมกับขยี้ศีรษะหญิงสาวด้วยความเอ็นดู ธมกานต์ขว้างแก้วที่อยู่ในมืออย่างระบายอารมณ์ เมื่อเห็นภาพความสนิทสนมของภรรยาสาวกับคนรักเก่า ตรีรินทร์เดินเข้าบ้านมาด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อนเพราะไม่ได้นอนทั้งคืนแล้วอีกเกือบทั้งวัน หญิงสาวรู้สึกเวียนหัวเหมือนจะคลื่นไส้ แต่ต้องกล้ำกลืนแล้วเดินเข้ามาในบริเวณห้องโถง เหมือนคนหมดแรง “กลับมาแล้วเหรอ” เสียงเข้มทำให้ตรีรินทร์เบิกตากว้างพร้อมกับส่งรอยยิ้มแห่งความดีใจ “คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” ตรีรินทร์เอ่ยถามน้ำเสียงตื่นเต้น “แพศยา” ธมกานต์ตะคอกเสียงดังโดยไม่ได้ตอบคำถามของหญิงสาว ตรีรินทร์สะอึก หน้าซีด รอยยิ้มจางหายจากใบหน้า ก่อนจะส่ายศีรษะไปมาด้วยความไม่เชื่อกับสิ่งที่ตนเองได้ยิน “คุณพูดว่าอะไรนะ” ตรีรินทร์เอ่ยถามอีกครั้งเสียงเบา “แพศยา ผู้หญิงอย่างคุณนี่เลี้ยงไม่เชื่องจริง ๆ ไปกับชู้มา ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงป่านนี้ แล้วยังให้มันมาส่งถึงที่บ้าน หน้าด้านไม่มียางอาย ผมช่างผิดหวังในตัวคุณ ซะจริงๆ”ถ้อยคำหยาบคาย ของชายหนุ่มทำให้ตรีรินทร์ปวดแปล๊บไปทั้งหัวใจ “เมื่อวานฉันไม่ได้ไปกับเค้า ฉันไป...” “ไม่ต้องอธิบาย ผมไม่อยากฟัง” ธมกานต์ยกมือโบกไปมา ทำให้ตรีรินทร์ทั้งโกรธทั้งอายกับกิริยาที่ช่างไม่ให้เกียรติของชายผู้เป็นสามี “ก็ดี อยากคิดอะไรก็เชิญ แล้วแต่คุณ” “ผมคงทนอยู่กับผู้หญิงแบบคุณไม่ได้อีกต่อไปแล้ว พรุ่งนี้ไปเจอกันที่อำเภอผมขอหย่ากับคุณ” ตรีรินทร์เหมือนถูกตบหน้าสองครั้งซ้อน น้ำตาที่กำลังจะเอ่อล้นดวงตา ตรีรินทร์ขยับไม่ให้หยาดไหลลงมา “คุณว่าอะไรนะ” “ผมขอหย่ากับคุณ ผมคงทนให้คุณสวมเขาให้ผมแล้วลอยหน้าอยู่บ้านหลังนี้อีกต่อไปแล้ว “ “ก็ดีค่ะ ฉันก็ไม่ได้อยากอยู่นักหรอกกับผู้ชายที่เอาแต่ใจไม่มีเหตุผลแล้วก็บ้าอำนาจแบบคุณ” ธมกานต์กำมือเข้าหากันด้วยความโกรธกัดริมฝีปากแน่น “อีกอย่างที่ผมอยากจะถาม คุณเอาแม่ผมไปไว้ที่ไหน แล้วดูดเงินจากแม่ผมไปเท่าไหร่แล้ว” ตรีรินทร์สะบัดมือตบที่ใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้า ธมกานต์จับไหล่หญิงสาว “พูดแทงใจดำหรือไง หรือนึกว่าผมจะไม่รู้กับเรื่องเน่าๆที่คุณทำไว้ เอานี่ เอาไปดู แล้วจะได้รู้ว่าผมมันไม่ได้โง่ให้คุณจูงจมูกเสมอตลอดไป” ธมกานต์ก้มลงหยิบกระดาษบนโต๊ะขว้างใส่หญิงสาวอย่างมีอารมณ์ ตรีรินทร์ก้มลงหยิบสเตทเม้นต์ธนาคาร แล้วหันไปจ้องมองชายหนุ่มด้วยดวงตาเจิดจ้า “ฉันมีเหตุผล แล้วคุณป้าเป็นคนขอร้องให้ฉันเป็นคนจัดการ แล้วฉันก็จัดการให้ตามคำสั่ง” “โกหก” “ไม่เชื่อก็เรื่องของคุณ” ตรีรินทร์หันหลังกลับจะก้าวออกจากบ้าน “นั่นคุณจะไปไหน มันค่ำมืดแล้ว” “เรื่องมาถึงขนาดนี้ ฉันคงทนอยู่บ้านหลังเดียวกับคุณไม่ได้อีกต่อไป พรุ่งนี้เจอกันที่อำเภอเก้าโมงเช้า” ตรีรินทร์ก้าวเดิน ธมกานต์มองดูนาฬิกาเกือบจะสี่ทุ่ม พร้อมกับก้าวเดินไปคว้าต้นแขน “อย่าดัดจริตหน่อยเลย พรุ่งนี้ค่อยไปดึกมากแล้ว นอนบ้านผมอีกสักคืนคุณจะเป็นอะไร” “ถ้าฉันอยู่ที่นี่อีกสักนาที ฉันคงต้องอัดใจตายแน่ ๆ ลาก่อนคุณธมกานต์ หลังจากพรุ่งนี้แล้วอย่าได้มาพบมาเจอกันอีกเลย” ตรีรินทร์สะบัดแขนพร้อมกับวิ่งออกไป ท่ามกลางสายตาที่ตะลึงของชายหนุ่ม ธมกานต์ปวดแปลบ ไปทั้งร่างกายและหัวใจ ผู้หญิงที่ตนเองรักและทุ่มเทใจแต่กลับทำสิ่งเลวร้ายแทบแสนสาหัสและเธอกำลังจะก้าวออกจากชีวิตของตนเอง ออกไป ตรีรินทร์ปาดน้ำตาพร้อมกับเดินออกจากบ้านพิพัฒนพงค์ ก่อนจะตกใจเมื่อได้ยินเสียงเหมือนจักรยานยนต์ตามหลังมา “คุณรินทร์ขึ้นมาค่ะ แหวนไปส่งหน้าปากซอย” ตรีรินทร์ยิ้มก่อนจะก้าวขึ้นนั่งจักรยานยนต์ของต้นห้องคนสนิทแหวนพาเจ้านายสาวมาส่งที่ปากซอยก่อนจะเรีย กแท็กซี่ให้พร้อมกับบีบมือหญิงสาวอย่างให้กำลังใจ “มีอะไรโทรหาพี่แหวนได้นะคะ พี่แหวนเชื่อว่าคุณรินทร์มีเหตุผลขอโทษนะคะพี่แหวนได้ยินที่คุณสองคนทะเลาะกัน พี่แหวนเชื่อใจคุณรินทร์ว่าคุณรินทร์ต้องมีเหตุผล” “ขอบคุณค่ะที่ไว้ใจรินทร์ พี่แหวนช่วยเก็บของที่เป็นของรินทร์หน่อยนะคะ เดี๋ยวรินทร์จะแวะมาเอาตอนคุณกานต์ไปทำงาน เอาแต่ของที่รินทร์เอามาตอนที่เข้าบ้านมาวันแรก ของอื่นๆ ไม่ใช่ของรินทร์ รินทร์ขอบคุณพี่แหวนมากๆเลยนะคะ” ตรีรินทร์พนมมือไหว้ แหวนยกมือไหว้รับ ก่อนจะโผเข้ากอดกันร้องไห้ด้วยความอาลัยรักก่อนที่ตรีรินทร์จะก้าวไปนั่งที่แท็กซี่ก่อนจะบอกจุดหมายปลายทางแล้วร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดแสนสาหัสที่ว่าการอำเภอตรีรินทร์สวมแว่นตาดำเพื่อปกปิดร่องรอยที่ชายหนุ่มสามารถจะเห็นดวงตาที่บวมแดงที่ผ่านการร้องไห้ตลอดคืนอย่างแสนสาหัส เป็นสิ่งที่ตรีรินทร์ปกปิด ไม่ต้องการให้ชายหนุ่มเห็นธมกานต์ก้าวลงจากรถแต่ต้องแปลกใจเมื่อเห็นหญิงสาวถือแฟ้มมายืนรออยู่แล้ว“ขอโทษที่มาช้า แต่เอ๊ะ ผมมาตรงเวลานะคุณ”“ฉันมารอแต่เช้าเอง อยากจัดการให้เสร็จเร็วๆ” ตรีรินทร์กล่าวเสียงเย็น“งั้นรีบเข้าไปเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันใจคุณ” ธมกานต์พูดประชดตรีรินทร์เชิดหน้าก้าวเดินอย่างไม่รู้สึกกับถ้อยคำที่จิกกัดของชายหนุ่มเซ็นเอกสารเรียบร้อยเจ้าหน้าที่มอบเอกสารให้คนละฉบับ ก่อนที่ชายหนุ่มที่มีทนายตามมาด้วยได้ยื่นซองเอกสารให้หญิงสาวอีกหนึ่งฉบับตรีรินทร์รับมาเปิดก่อนจะได้ยินเสียงชายหนุ่มพูดว่า“ค่าสึกหรอของคุณ ผมให้ด้วยความเต็มใจ เผื่อไว้เอาไปสร้างครอบครัวใหม่ของคุณ”ตรีรินทร์ฉีกเช็ดเงินสดจำนวนสามสิบล้าน ฉีกออกเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนจะขว้างใส่ชายหนุ่ม“ขอบคุณ แต่ไม่ต้อง ฉันมีปัญญาเลี้ยงตัวเองได้”“อวดดีแล้วผมจะให้ค่าเลี้ยงดูคุณ จนกว่าคุณจะแต่งงานใหม่”“ไม่ต้อง ฉันมาแต่ตัวก็จะไปแต่ตัวเท่านั้น”“นี่คุณ อย่ามาดัดจริตหน่อยเลย ผมเบื่อจะอ้
คอนโดมีเนียมหรูนางแบบสาวนั่งดูทีวีได้ยินเสียงเคาะประตูก็เดินไปเปิดก่อนจะถอนหายใจยาวอย่างเบื่อหน่าย“มาทำไมยัยวีวี้แผนแกคราวก่อนทำเอากานต์โกรธฉันเอาเป็นเอาตาย โทรไปก็ไม่รับ ไปหาก็ไม่พูดด้วย”“ ฉันมีข่าวเด็ดมาเล่าให้แกฟัง เด็ดสุดๆ เพื่อนฉันที่เป็นพยาบาลเล่าให้ฟัง”“ เรื่องอะไรของแกอีก ฉันไม่เอาด้วยหรอก”“ เด็ดจริงๆ นะ”“ เท่าไหร่ไม่ต้องโยกโย้”“ ห้าพัน”“ ต้องเด็ดจริงๆ นะไม่งั้นไม่จ่าย” จามิกาต่อรอง“ ฉันแน่ใจสิ ไม่งั้นไม่มาด้วยตนเองหรอก”“ ข่าวอะไรของแก”“ เพื่อนฉันบอกว่าแม่คุณกานต์ไปนอนป่วยอยู่โรงพยาบาล ที่สำคัญคุณกานต์กับเมียเค้าหย่ากันแล้ว”“ อะไรนะ” แล้วเสียงกริ๊ดร้องด้วยความดีใจของสองสาวก็ดังลั่นห้องโรงพยาบาลตรีรินทร์เผลอหลับไปที่โซฟาพร้อมกับหนังสือนิตยสาร ธมกานต์เดินเข้ามาในห้องก่อนจะมาหยุดมองร่างอดีตภรรยาด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ก่อนจะเผลอเอามือลูบแก้มเบาๆริมฝีปากบาง ก่อนจะก้มลงจูบริมฝีปากเบาๆตรีรินทร์ขยับตัวทำให้ธมกานต์ตกใจรีบเปลี่ยนอิริยาบถก่อนปรับสีหน้าให้เคร่งขรึม“ คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่ได้ยินเสียง”“ ผมเห็นคุณนอน ก็เลยไม่อยากกวน”“ คุณกานต์ค่ะ เดี๋ยวฉันต้
“คุณแม่เลือดกรุ๊ปเอ” พยาบาลกล่าว “แล้วคุณตำรวจล่ะกรุ๊ปอะไร” ธมกานต์ถาม“ทำไมคุณทั้งสองถึงปล่อยให้เด็กโคม่าเกือบตายทำไมไม่รีบบริจาคเลือดเด็กช็อคไปแล้ว ทำไม” ธมกานต์ตะเบ็งถาม“ผมเลือดกรุ๊ปเอ คงบริจาคให้เด็กไม่ได้หรอกครับ”ธมกานต์หน้าซีดปากสั่นพร้อมกับพูดว่า “ คุณว่าอะไรนะคุณตำรวจ เลือดคุณกรุ๊ปอะไรนะ”“ผมเลือดกรุ๊ปเอ”“พ่อกรุ๊ปเอ แม่กรุ๊ป เอ แล้วลูกจะเลือดบีได้ยังไง หมายความว่าไง หมายความว่าตลอดเวลาคุณโกหกผมตลอดเวลาตกลงเด็กคนนี้ลูกผมใช่ไหมใช่ไหมตรีรินทร์คุณโกหกผมว่าเด็กในท้องเป็นลูกของไอ้บ้านี่ แล้วปล่อยให้ผมเข้าใจผิดตลอดเวลาเลยใช่ไหม ใช่ไหม” ธมกานต์กระชากสายน้ำเกลือทำให้เลือดไหลพร้อมกับกระชากไหล่ หญิงสาวพร้อมกับเขย่าอย่างแรง“เด็กคนนี้เป็นลูกผมใช่ไหมใช่ไหม”“เค้าเป็นลูกฉันลูกฉันคนเดียว”“ หมอ ผมต้องการตรวจดีเอ็นเอของผมกับเด็กคนนี้ผมสงสัยว่าเค้าเป็นลูกผม”“ไม่ได้!! ตรวจไม่ได้ ฉันไม่ให้ตรวจ ฉันไม่อนุญาต การที่คุณบริจาคเลือดให้ลูกฉันมันไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นเจ้าชีวิตของเรา ลืมแล้วเหรอว่าเราหย่ากันแล้วคุณเป็นคนขอหย่าฉันเองลืมไปแล้วหรือไง”“ผมไม่ลืมหรอกอะไรที่คุณทำไว้กับผม ผมไม่เคยลื
“คุณแม่เลือดกรุ๊ปเอ” พยาบาลกล่าว “แล้วคุณตำรวจล่ะกรุ๊ปอะไร” ธมกานต์ถาม“ทำไมคุณทั้งสองถึงปล่อยให้เด็กโคม่าเกือบตายทำไมไม่รีบบริจาคเลือดเด็กช็อคไปแล้ว ทำไม” ธมกานต์ตะเบ็งถาม“ผมเลือดกรุ๊ปเอ คงบริจาคให้เด็กไม่ได้หรอกครับ”ธมกานต์หน้าซีดปากสั่นพร้อมกับพูดว่า “ คุณว่าอะไรนะคุณตำรวจ เลือดคุณกรุ๊ปอะไรนะ”“ผมเลือดกรุ๊ปเอ”“พ่อกรุ๊ปเอ แม่กรุ๊ป เอ แล้วลูกจะเลือดบีได้ยังไง หมายความว่าไง หมายความว่าตลอดเวลาคุณโกหกผมตลอดเวลาตกลงเด็กคนนี้ลูกผมใช่ไหมใช่ไหมตรีรินทร์คุณโกหกผมว่าเด็กในท้องเป็นลูกของไอ้บ้านี่ แล้วปล่อยให้ผมเข้าใจผิดตลอดเวลาเลยใช่ไหม ใช่ไหม” ธมกานต์กระชากสายน้ำเกลือทำให้เลือดไหลพร้อมกับกระชากไหล่ หญิงสาวพร้อมกับเขย่าอย่างแรง“เด็กคนนี้เป็นลูกผมใช่ไหมใช่ไหม”“เค้าเป็นลูกฉันลูกฉันคนเดียว”“ หมอ ผมต้องการตรวจดีเอ็นเอของผมกับเด็กคนนี้ผมสงสัยว่าเค้าเป็นลูกผม”“ไม่ได้!! ตรวจไม่ได้ ฉันไม่ให้ตรวจ ฉันไม่อนุญาต การที่คุณบริจาคเลือดให้ลูกฉันมันไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นเจ้าชีวิตของเรา ลืมแล้วเหรอว่าเราหย่ากันแล้วคุณเป็นคนขอหย่าฉันเองลืมไปแล้วหรือไง”“ผมไม่ลืมหรอกอะไรที่คุณทำไว้กับผม ผมไม่เคยลื
เสียงโทรศัพท์มือถือดัง ทำให้ตรีรินทร์ได้สติก่อนจะสะกิดชายหนุ่ม“ นี่พอก่อนคุณกานต์ โทรศัพท์ค่ะ รับสิคะ ““ ไม่ ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าคุณ อีกแล้ว “ ธมกานต์บ่นงึมงำพร้อมกับจูบที่ร่องอกขาวตรีรินทร์สยิวซ่านไปทั้งร่าง แต่ก็พยายามออกเสียงพูด“ เผื่อเป็นธุระสำคัญ นะคะ รับสิคะ “ธมกานต์ถอนใจยาว ก่อนจะพูดว่า “ ช่างมัน อยู่ในกางเกงข้างนอกไม่มีอะไรสำคัญไปกว่ารินทร์หรอก”ตริรินทร์หน้าแดง แต่ก็ลุกขึ้นพร้อมผ้าห่มเดินไปหยิบมือถือที่อยู่ในกางเกงที่ถูกถอดทิ้งข้างนอกหญิงสาวเดินกลับมาในขณะที่ชายหนุ่ม นั่งพิงพนักเตียงนอน ตรีรินทร์ตัวชา ไปทั้งร่างกายเมื่อเห็นเป็นรูปนางแบบสาวที่เรียกสายเข้ามา ตรีรินทร์ใบหน้าร้อนผ่าวเหมือนรู้สึกอับอายกับการกระทำที่ผ่านมาทั้งคืน“ ฮัลโหล ดาร์ลิ่ง ไปอยู่ไหนมาทั้งคืน จี้เป็นห่วงโทรไปก็ไม่รับ “ นางแบบสาวออดอ้อนมาตามสาย“ ผมขอโทษที่ไม่ได้ไปตามนัด มีธุระที่ต้องจัดการแค่นี้แล้วผมจะติดต่อไป “ธมกานต์พูดเสียงมีอำนาจก่อนจะกดปิดโทรศัพท์นางแบบสาวงง แล้วก็ร้องกริ๊ดด้วยความขัดใจ เมื่อกดโทรศัพท์เข้าไปอีกที แต่ไม่มีสัญญาณสัญชาติญาณ ความเป็นผู้หญิงบอกให้รู้ว่า ไม่ใช่เรื่องธรรมดา แน
ธมกานต์เดินออกจากห้องด้วยความหงุดหงิด นึกว่าเมื่อคืนจะทำให้หญิงสาวใจอ่อนแต่กลับพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา ธมกานต์รู้สึกเหมือนถูกชกหน้าด้วยหมัดหนักๆก่อนจะคิดหาหนทางที่จะดึงเอาทั้งหญิงสาวและลูกชายกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งตรีรินทร์ยืนกอดอกเหม่อมองต้นไม้ผ่านกระจกที่ห้องในโรงพยาบาลอย่างล่องลอยภาพระหว่างตนเองและชายหนุ่มตั้งแต่พบกัน แต่งงานกัน หย่ากันพลัดพรากกันและจนกระทั่งได้กลับมาพบกันอีกครั้งตัดสลับไปมา ตกลงมันคืออะไรแน่ความรักความผูกพันหรือแค่ความต้องการเอาชนะ เมื่อคนที่วางอำนาจชอบเอาแต่ใจแต่มาเจอกับคนที่แสนจะพยศ ภาพนางแบบสาวประกาศหมั้นจนเป็นข่าวครึกโครมตามหน้าจอทีวีเป็นภาพติดตาภาพสุดท้ายที่ตรีรินทร์นึกถึงก็ตัดสินใจกดโทรศัพท์หาเพื่อนสาว“ อรเย็นนี้เราจะกลับเชียงใหม่แล้วนะหมอว่าน้องกริชไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วเดี๋ยวเราว่าจะไปเช็คเอ้าท์ที่โรงแรม แล้วจะมารับน้องกริชกลับบ้านเลยคงไม่ได้เจอกันสักพักนะอร เรายังไม่ค่อยอยากกลับมากรุงเทพฯสักเท่าไหร่มีอะไรแกไปหาเราที่เชียงใหม่ก็แล้วกัน”อรวิสาครุ่นคิดก่อนจะตอบว่า “ อ้าว แล้วคุณกานต์ล่ะเห็นหายไปด้วยกันทั้งคืนก็นึกว่าตกลงกันได้แล้ว”ตรีริ
ธมกานต์ขับรถต่อก่อนจะอมยิ้ม เมื่อสามารถทำให้หญิงสาวหงุดหงิดได้ปกติหญิงสาวจะเป็นคนที่ไม่โวยวาย ไม่แสดงอารมณ์มากนัก จะเงียบเฉยเป็นส่วนใหญ่แต่เมื่อตนเองสามารถทำให้หญิงสาวที่เป็นคนเรียบเฉย ไม่แสดงอารมณ์ แต่กลับกลายเป็นคนโมโห ขี้โวยวายมันก็ทำให้หญิงสาวมีความน่ารักเหมือนเด็กดื้อถูกขัดใจ ธมกานต์ยิ้มก่อนขับรถต่ออย่างอารมณ์ดีผิดกับหญิงสาวยิ่งเห็นชายหนุ่มยิ้มอย่างอารมณ์ดียิ่งหงุดหงิด หญิงสาวขยับนั่งหันหลังให้กับชายหนุ่มมองไปกระจกข้างๆ อย่างปลดปล่อยใจ‘ชีวิตเธอข้างหน้า จะเป็นอย่างไงนะ จะมีอุปสรรคอะไรรออยู่ข้างหน้าแล้วชายที่นั่งข้างๆเค้าคงจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอกับลูกอีกเป็นแน่แท้’ ตรีรินทร์คิดไปมาอย่างว้าวุ่นใจตรีรินทร์แอบลอบมองเสี้ยวใบหน้าของชายหนุ่มที่ตลอดสี่ปีที่จากกันไปไม่มีสักวันที่เธอจะไม่คิดถึงเขาคนนี้ต่อจากนี้ไปอนาคตของเธอและลูกคงต้องมีเค้าเดินเคียงคู่กันไปสินะแม้ส่วนหนึ่งในใจแอบโกรธที่ชายหนุ่มดูถูกเธอไว้แต่ตรีรินทร์ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าความรักความห่วงใยความคิดถึงก็มีให้เขาคนนี้ไม่น้อยเลย คิดถึงอนาคตของเธอและลูกกับเขาคนนี้จนทำให้ตรีรินทร์เผลอหลับไปธมกานต์หันมามองร่างของภรรยาส
ตรีรินทร์ยิ้มขำกับท่าทางของชายหนุ่มพร้อมกับยักไหล่ สักพักบริกรก็เริ่มนำอาหารมาเสิร์ฟธมกานต์ตักอาหารให้หญิงสาวอย่างเอาใจ ทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวรับประทานอาหารกันอย่างชื่นมื่นตรีรินทร์ยิ้มหวาน ก่อนจะยิ้มตอบให้กับชายหนุ่มต่างชาติที่นั่งถัดไปด้านข้างอีกสองโต๊ะที่ส่งยิ้มมาให้ตรีรินทร์พยักหน้าพร้อมกับยิ้มตอบอย่างมีไมตรีธมกานต์เหลียวหลังไปมองแล้วก็วางช้อนเสียงดังพร้อมกับหยุดทานอาหาร“ คุณยิ้มให้ใคร รู้จักมันหรือไงถึงไปยิ้มให้มันเนี่ยไม่อ่อยใครสักวันคุณคงจะดิ้นตาย”ธมกานต์หึงจนหน้ามืด“ บ้าคุณนี่ พูดกันดีๆ ได้ไม่นานใครไปอ่อยใครคนเค้ายิ้มให้คุณจะให้ฉันแยกเขี้ยวให้เค้าหรือไงไร้มารยาทสิ้นดี ฉันเบื่อจะคุยกับคุณแล้ว”“ ใช่สิ ผมมันไม่ได้หน้าใสหล่อล่ำเหมือนมันนี่ “ ธมกานต์ประชดพร้อมกับกอดอกเลิกทานอาหารทั้งที่ตักอาหารไว้เกือบเต็มจานตรีรินทร์ถอนหายใจจำได้ว่าชายหนุ่มเป็นคนขี้หึง เมื่อก่อนเค้าไม่ชอบให้เธอไปคุยกับ ผู้ชายคนไหนเดี๋ยวนี้ก็ยังเหมือนเดิมเหมือนเด็กดื้อที่ถูกขัดใจ ตอนนี้กอดอกหน้างอแล้วไม่ยอมทานข้าวต่อตรีรินทร์สูดลมหายใจก่อนถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อน“ คุณค่ะ ไม่ทานอีกสักนิดเหรอค่ะ สั่งมาตั้ง
บ่ายวันเสาร์ตรีรินทร์ง่วนอยู่กับเตาอบอยู่หลายชั่วโมง หญิงสาวตะโกนออกมา“ คุณกานต์ขามานี่หน่อย รินทร์อยากได้คอมเม้นต์ค่ะ”ธมกานต์วางหนังสือพิมพ์พร้อมกับเดินเข้าบริเวณครัว“ มีอะไรให้สามีช่วยหรือครับ ภรรยาคนสวย”“ ช่วยชิมหน่อยสิคะ รสไหนอร่อย รสกาแฟ รสช้อคโกแล็ตชิบ หรือรสเนย”“ รินทร์ ตั้งแต่คุณทำผมชิมมาหลายสิบอันแล้วนะเนี่ย จนผมชักมึนกับรสคุกกี้ของคุณแล้วแต่ถ้าคุณจะหาคนชิมนะ โน่นไอ้กรณ์ ขานั้นนะชอบขนมทุกชนิด มันบ้าขนม เชื่อไหม เคยไปกินบุฟเฟ่เค้กมันกินได้สิบสองอัน พวกผมสามก้อนก็จะอ้วกแล้ว”“ แหม คุณเนี่ยไม่ร่วมมือเลย”“ อย่าพึ่งงอนสิจ๊ะคนสวย ผมลองทานอีกสามชิ้นก็ได้”ธมกานต์มองภรรยาสาวที่ขะมักเขม้นเรียงคุกกี้ลงขวดแก้วอย่างทะนุถนอม“เก็บเอาไว้ทานคราวหน้า ใส่ขวดไว้ให้น่ารับประทาน”ตรีรินทร์อธิบายพร้อมกับเรียงขนมลงขวดด้วยความระมัดระวังเช้าวันอาทิตย์ตรีรินทร์ก้มลงหอมแก้มสามีหนุ่ม พร้อมกับกระซิบว่า “ รินทร์ออกไปข้างนอกแป๊บหนึ่งนะคะ บ่ายนี้คุณไปตีกอล์ฟกับพวกพี่หมอใช่ไหม ถ้ารินทร์มาไม่ทัน เจอกันเย็นนี้นะคะ”ธมกานต์งัวเงียพร้อมกับหรี่ตามองนาฬิกาแปดโมงเช้าปกติวันอาทิตย์จะเป็นวันเดียวที่เขาแ
อลงกรณ์นั่งดูกีฬาในห้องนั่งเล่นได้ยินเสียงรถจอดบริเวณหน้าบ้านสักพักร่างคุณหญิงแพรวก็นวยนาดเข้ามาพร้อมสายตาเข้มที่พร้อมจะอาละวาด“ ใช้ไม่ได้เลยแก เสียมารยาทกับลูกเพื่อนแม่มากเลยนะกรณ์แม่ผิดหวังในตัวลูกมาก ปากคอเราะร้ายเฮ๊อ แม่กลุ้มใจในตัวลูกมาก กรณ์เมื่อไหร่จะเมียเป็นตัวเป็นตนสักทีแม่มีแกคนเดียวที่เป็นความหวังแม่อยากมีหลาน แล้วนี่แกก็ทำลายความหวังแม่ครั้งแล้วครั้งเล่า”คุณหญิงแพรวพูดเสียงเครือน้ำตาไหล“ แม่ก็รู้ว่าผมยังอยากมีอิสระ อยากทำงาน สร้างอนาคตด้วยตัวเองอย่ายุ่งเรื่องส่วนตัวของผมได้ไหมแม่หรือแม่อยากให้เหมือนคราวก่อน” อลงกรณ์พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเมื่อเห็นน้ำตาของผู้เป็นแม่ทำเอาอลงกรณ์ใจอ่อนยวบอลงกรณ์ถอนใจก่อนจะเข้ามากอดคุณหญิงพร้อมกับพูดว่า“ โอเคครับแม่ ผมจะลองพยายามทำตามที่แม่บอกอีกครั้ง” อลงกรณ์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนใจคุณหญิงแพรวยิ้มถูกใจพร้อมกับกอดลูกชาย ลูบหลังไปมาอย่างเอาใจหอพักเด่นชัยอลงกรณ์เคาะประตูห้อง อาร์มเดินมาเปิดประตูห้องอย่างงัวเงีย“ อ้าวคุณ มีอะไรหรือเปล่า มาซะดึกเชียว”“ ขอโทษที่มารบกวนคุณ แต่คืนนี้ผมอยากมีคุณอยู่ใกล้ๆ” อลงกรณ์กอดอาร์มแน่นเลขาหนุ่มขมวดคิ
“ แม่ตี พ่อทำไมครับ”“ ก็พ่อดื้อ แล้วแกล้งแม่ กริชต้องช่วยแม่นะจ๊ะ”เด็กชายกริชชัยเข้ามากอดผู้เป็นแม่ ท่ามกลางสายตาหมั่นไส้ของธมกานต์ที่ลูกชายผันตัวไปอยู่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว“อ้าว ไหนเมื่อกี้บอกจะช่วยพ่อไง”กริชชัยกอดพร้อมซบที่หน้าอกแม่ “ กริชรอพ่อกับแม่ไปรับตั้งนาน นี่จะเที่ยงแล้วนะครับพ่อกับแม่ยังไม่ตื่นอีก”ตรีรินทร์ใบหน้าร้อน พร้อมกับแก้ตัวเบาๆ “ แม่ขอโทษจ๊ะ งั้นขอแม่อาบน้ำแล้วเดี๋ยวเราไปเชียงใหม่กันบ่ายนี้ดีไหม กริชจะได้ไปเยี่ยมน้ำหวานเพื่อนลูกด้วยไง”เด็กชายกระโดดรอบเตียงด้วยความดีใจ ท่ามกลางสายตาของพ่อและแม่ที่บ่งบอกว่า รักลูกเต็มเปี่ยมภูเก็ตร่างชายหนุ่มสองคนที่ก่ายเกยกันอย่างแนบแน่น อาร์มขยับตัวเบาๆแต่ก็ต้องถูกดึงให้เข้ามาในอ้อมกอด“ เช้าแล้วเราตื่นเถอะ เดี๋ยวไปทำงานไม่ทันนะคะ”“ อืม ขอต่ออีกหน่อยนะยังไม่อยากไปเลย ผมอยากนอนกอดกับคุณอีกสักพัก เราไปตอนบ่ายๆ ก็ได้มีเวลาอีกวันหนึ่ง ค่ำๆวันอาทิตย์ค่อยกลับคุณไม่ได้รีบไปไหนนี่” อลงกรณ์จูบเบาๆที่ไหล่ของเลขาหนุ่มก่อนกระซิบเบาๆ“ ผมเคยนึกว่าทำไมผมถึงนอนกับน้องปรางไม่ได้ มาวันนี้ผมรู้จักตัวเองอย่างเต็มร้อยเมื่อก่อนผมคิดว่าผมสามาร
“ อาร์มก็เช่นกัน ขอบคุณนะครับ ที่ไม่รังเกียจคนอย่างอาร์ม แล้วยังให้ความรู้สึกดีๆ อีกอาร์มรู้สึกซาบซึ้งมาก”“ ผมคิดว่าผมรักคุณแล้วล่ะ อาร์ม ทำยังไงดี” อลงกรณ์พูดเสียงอ้อแอ้“ อาร์มก็รักคุณ”อลงกรณ์ยกมือเลขาหนุ่มพร้อมกับจูบที่ใจกลางอุ้งมือ ทำให้อาร์มขนลุกไปทั่วร่างกายเลขาหนุ่มประคองชายหนุ่มเข้าห้อง เมื่ออีกฝ่ายเริ่มเดินไม่ค่อยมั่นคง“ เมาหรือเปล่า คุณ”“ เมารักคุณไง อาร์ม”“ บ้า คุณเนี่ย พูดอะไร เมาแล้วไปนอน เถอะ อาร์มไปส่งคุณที่ห้อง”อลงกรณ์ยิ้มเจ้าเล่ห์ จริงๆ ไวน์แค่สามสี่แก้วทำอะไรตนไม่ได้ แต่ก็แกล้งทำเป็นเมาอาร์มวางร่างหนักอึ้งลงบนที่นอน แต่ก็ถูกดึงจนล้มไปด้วยกัน ก่อนที่อลงกรณ์จะพลิกตัวพร้อมกับจ้องมองใบหน้าเลขาหนุ่ม ที่ตอนนี้อยู่ในอาการตื่นตะลึง“ คืนนี้นอนกับผมห้องนี้นะ ผมอยากนอนกับคุณ” อลงกรณ์ปิดปากตัวเอง ลงที่ริมฝีปากบางก่อนที่มือก็เริ่มปลดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว อาร์มยอมให้ถอดเสื้อผ้าแต่โดยดีพร้อมกับช่วยปลดเสื้อผ้าของอีกฝ่าย ก่อนที่ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองของธรรมชาติอาร์มพึ่งเคยมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ความรู้สึกมันอ่อนหวานและซาบซ่าส์ จนตัวเองแทบจะนอนไม่หลับร่างของชาย
“ งั้นเดี๋ยวผมโทรเคลียร์กับเจ้ากรณ์ดีกว่า”“ ไม่ต้องค่ะ รินทร์อยากให้คุณกรณ์แปลกใจ”“ เชื่อรินทร์สิคะว่างานไม่เสีย แล้วคุณกรณ์ก็จะไม่โกรธคุณแน่นอน”ธมกานต์ถอนใจยาว พูดจริงๆ ตัวเองก็ชักไม่อยากไป เพราะร่างนุ่มนุ่มของภรรยาที่วันนี้มาโหมดหวานเซ็กซี่ ซ่าส์ สงสัยวันนี้ธมกานต์จะเดินตามเกมภรรยาคงจะมีความสุขไม่น้อย“ รินทร์ถูหลังให้นะคะ”“ จ๊ะ ที่รัก”“ แหม พอถูหลังให้หน่อยหวานเชียว ถามจริงๆ หวานแบบนี้มากี่คนแล้ว”ตรีรินทร์ถามพร้อมกับกลั้นใจฟังคำตอบ“ หวานกับรินทร์แค่คนเดียว เชื่อไหมไม่เคยหวานแบบนี้กับใครสักคน”ตรีรินทร์ใจเต้นแรงฟังแล้วเต็มตื้นหัวใจก่อนที่หญิงสาวจะผลักให้ชายหนุ่มนั่งแล้วตนเองย้ายไปนั่งข้างหลัง หญิงสาวชโลมสบู่พร้อมกับถูหลังไปมาอย่างตั้งใจและเต็มใจ“ ผมรู้สึกเหมือนเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดนะเนี่ยที่มีภรรยามาช่วยถูหลังให้”“ จริงเหรอค่ะ เอ แบบนี้จะมีของรางวัลหรือเปล่า”“ อยากได้อะไรล่ะ ผมให้คุณได้ทุกอย่างเว้นดาวและเดือน”“ ยังนึกไม่ออก ไว้นึกออกจะบอกนะคะ แต่คุณกานต์สัญญาแล้วว่าจะไม่เบี้ยว”“ ไม่เบี้ยวจ๊ะ”ตาจ้องตา ธมกานต์หันมาจูบปากพร้อมกับหมุนตัวเองในอ่างจนน้ำกระเพื่อม“ ทนไม่ไ
“ อ๋อ ตอนนี้ผมจะไปหาคุณต้องมีธุระด้วยหรือไง” น้ำเสียงเริ่มขุ่น“ คุณเนี่ย ชอบตีความหมายอะไรผิดๆเมื่อวันก่อนผมถามให้คุณกลับบ้านเพราะกลัวว่าจะดึกแล้วเดินทางลำบาก คุณแม่คุณจะเป็นห่วงคุณก็ตีความหมายว่าผมขับไล่ ซึ่งมันไม่จริงเลย ผมไม่ได้รังเกียจคุณสักนิด วันนี้ผมก็ถามตามปกติธรรมดาคุณก็ตีความหมายไปอีกอย่าง ผมชักมึนกับคุณแล้วนะเนี่ย” เลขาหนุ่มอธิบายยาวอลงกรณ์นิ่งฟังแล้วยิ้มยวน ๆ “ ผมมันเป็นแบบนี้แหละ ทนๆ หน่อยแล้วกัน ยังต้องรบกันอีกยาว”เลขาหนุ่มค้อนชายหนุ่มเบาๆ ก่อนอมยิ้ม“ คุณทำอาหารและขนมอร่อยมาก เรียนมาหรือไง”“ บ้านผมมีแต่ผู้ชายหมด ผมเป็นลูกชายคนเล็ก ก็เลยต้องช่วยแม่เข้าครัวตั้งแต่เด็ก มันเป็นความเคยชินส่วนขนมก็หัดทำตอนเรียนมหาวิทยาลัย ทำขายหารายได้พิเศษเป็นค่ารถเมล์ไงคุณ ก็ผมมันคนจน”เลขาหนุ่มเล่ายาว“ นี่ขอร้องล่ะ ถ้าจะคบกันต่อไปไอ้รวยจนเนี่ยเลิกพูดได้ไหม รำคาญ” อลงกรณ์เริ่มหงุดหงิดอีกครั้ง“ พูดความจริงเล่าความจริงก็โกรธพิลึกคน” เลขาหนุ่มยักไหล่ก่อนจะยิ้มหวานเหมือนกวนๆ ในทีทำเอาอลงกรณ์ตะลึงในความน่ารักขี้เล่นของอีกฝ่าย รถติดไฟแดงตาจ้องตาในระยะใกล้กันแค่ไม่กี่คืบอลงกรณ์มองริมฝี
สองทุ่มเศษๆอาหารถูกลำเลียงมาพร้อมสมาชิกทุกคนนั่งพร้อมกันที่โต๊ะ อลงกรณ์เดินเข้ามาอย่างกระหืดกระหอบ“ ขอโทษทีเพื่อน รถติดเป็นบ้าเลย”อลงกรณ์กล่าวขอโทษพร้อมกับตะลึงเมื่อเผชิญหน้ากับเลขาหนุ่มรุ่นน้องที่อยู่ในความคิดคำนึงตลอดสองวันที่ผ่านมา“นั่งสิคะคุณกรณ์ นั่งข้างๆ พี่อาร์มนั่นแหละค่ะ”“ นั่งสิไอ้กรณ์ยืนบื้ออยู่ได้” เสียงอัครเดชตะโกนมาทางหัวโต๊ะอลงกรณ์นึกไม่ถึงคนที่ตนตามหาหลายชั่วโมงที่ผ่านมากลับมานั่งอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มนั่งลงข้าง ๆระหว่างเลขาหนุ่มกับนายแพทย์เอกชัย หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นเลขาหนุ่มไม่กล้าหันไปมองด้วยความกลัวและเก้อเขินตรีรินทร์แอบสังเกตทั้งชายหนุ่มและเลขาหน้าหวานที่ต่างคนต่างเก้อเขินซึ่งกันและกันหญิงสาวอมยิ้มก่อนจะทักทายเพื่อนสามี“ คุณกรณ์หิวไหมคะ มาได้เวลาพอดี งั้นเราเริ่มลงมือกันเถอะค่ะ”“ พี่อาร์มตักยำทะเลให้คุณกรณ์สิคะ” ตรีรินทร์กล่าวนำเลขาหนุ่มตักยำทะเลแต่ไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ตัวอลงกรณ์รู้สึกหมั่นไส้เลขาหนุ่มรุ่นน้องที่ทำท่าทางเหมือนกลัวจะสบตา แม้แต่หน้าก็ยังไม่มองกัน“ แกไปทำไรแถวโรงแรมเจ้ากานต์ว่ะ ปล่อยให้พวกข้ารอตั้งนาน” อัครเดชเอ่ยถาม
ตอนเย็น“นี่เราจะไปไหนกันครับ คุณกรณ์” อิทธิพลหรืออาร์ม เอ่ยถามเมื่อรถขับเลยหอพักไปอีกช่วงตึก“ เงียบๆเถอะ ถึงแล้วผมจะบอกเอง” อลงกรณ์หันมาตอบเลขารุ่นน้องอลงกรณ์เดินนำเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตในห้างดัง ไม่ไกลจากหอพักของหนุ่มรุ่นน้องชายหนุ่มเดินไปหยิบของลงตระกร้า ท่ามกลางความงุนงงของเลขาหนุ่ม“ นี่คุณ จะซื้อของไปไหนเนี่ย เยอะแยะไปหมด”“ ซื้อไปไว้ที่หอคุณ”“ หา “ เสียงลากยาว“ ก็หอคุณ ไม่มีอะไรสักอย่าง กาแฟก็ไม่มี วิสกี้เบียร์ไม่มีสักอย่างแล้วผมก็เบื่ออาหารที่มีแต่ผักกับวิญญาณหมู วันนี้ผมทำงานหนักมาก ผมอยากทานอาหารดี ๆ สักหน่อยคุณช่วยทำอาหารให้หน่อย ผมเป็นคนจ่ายคุณเป็นคนทำ โอเคนะ”อาร์มยืนงงอยู่กับที่“ เร็วๆ สิคุณ เดี๋ยวก็เจอรถติดตอนกลับอีกหรอก มาช่วยผมเลือกเนื้อหน่อยวันนี้ผมอยากทานเนื้อทอดกระเทียมพริกไทย”หลังจากอาหารค่ำผ่านไปอย่างชื่นมื่น อลงกรณ์ก็มานอนที่เก้าอี้ยาว ก่อนจะเผลอหลับไปอาร์มมานั่งพัดยุงที่คอยมาตอมตามแขนขาของชายหนุ่ม อลงกรณ์ลืมตาขึ้น ตาประสานตาก่อนที่อาร์มจะลุกขึ้นปัดกางเกงขาสั้น“ ดึกแล้วผมว่าคุณควรกลับบ้านได้แล้ว กลับตอนนี้รถก็ไม่ติดแล้ว”อาร์มเฉไฉพูดกับอลงกรณ์“ ไล
อาร์มตกใจ พร้อมกับระล่ำระลักว่า “ ผมครับผมเป็นคนจัด ผมเห็นมันรกมากจนไม่รู้จะวางเอกสารการประชุมไว้ตรงไหน พอวางมันก็ลื่นล้ม ผมเลยจัดให้มันเป็นระเบียบ”“ อ้อ คุณจะว่าผมมันไม่มีระเบียบว่างั้นเถอะ แต่ขอบคุณทีหลังไม่ต้องห้ามคุณมายุ่งวุ่นวายกับโต๊ะทำงานของผมอีก ไม่ว่ากรณีใดๆ ผมหาเอกสารของผมไม่เจอผมทำงานผมรู้ว่าวางเอกสารแบบไหนไว้ที่ตรงไหน ฉะนั้นขอความกรุณาอย่ามายุ่ง” อลงกรณ์ส่งเสียงดังอาร์มหลับตามือสั่นใจสั่นด้วยความกลัว ผู้ชายตรงหน้าเวลาเขาโกรธเค้าเหมือนคนละคนกับที่ตนรู้จักเมื่อวาน“ ครับ ต่อไปผมจะไม่ยุ่งอีก ขอโทษอีกครั้ง”“ คุณออกไปได้” อลงกรณ์เห็นชายหนุ่มรุ่นน้องหน้าเสียก็นึกสงสารโบกมือให้ออกห้องไปเพราะอารมณ์ยังคุกรุ่นอาร์ม หรือ อิทธิพลมานั่งร้องไห้ ทำงานที่นี่มาแปดปียังไม่เคยโดนดุเสียงดังขนาดนี้มาก่อนชายหนุ่มเจ็บใจน้อยใจ อุตส่าห์จัดโต๊ะทำงานให้เรียบร้อยไม่ได้ดี แล้วยังโดนด่าอีก คอยดูต่อไปนี้จะทำเท่าที่สั่งเท่านั้น อาร์มคิดในใจอย่างว้าวุ่นอาร์มเช็ดน้ำตาพร้อมกับตั้งใจทำงานต่ออย่างมีทิฐิ อลงกรณ์เมื่อหาเอกสารพบก็ถอนหายใจเฮือก“ นี่เราพูดรุนแรงไปหรือเปล่าหว่า ป่านนี้ไม่นั่งร้องไห้ขี้