“คุณแม่เลือดกรุ๊ปเอ” พยาบาลกล่าว “แล้วคุณตำรวจล่ะกรุ๊ปอะไร” ธมกานต์ถาม
“ทำไมคุณทั้งสองถึงปล่อยให้เด็กโคม่าเกือบตายทำไมไม่รีบบริจาคเลือดเด็กช็อค ไปแล้ว ทำไม” ธมกานต์ตะเบ็งถาม “ผมเลือดกรุ๊ปเอ คงบริจาคให้เด็กไม่ได้หรอกครับ” ธมกานต์หน้าซีดปากสั่นพร้อมกับพูดว่า “ คุณว่าอะไรนะคุณตำรวจ เลือดคุณกรุ๊ปอะไรนะ” “ผมเลือดกรุ๊ปเอ” “พ่อกรุ๊ปเอ แม่กรุ๊ป เอ แล้วลูกจะเลือดบีได้ยังไง หมายความว่าไง หมายความว่าตลอดเวลา คุณโกหกผมตลอดเวลาตกลงเด็กคนนี้ลูกผมใช่ไหมใช่ไหมตรีรินทร์คุณโกหกผมว่าเด็กในท้องเป็นลูกของไอ้บ้า นี่ แล้วปล่อยให้ผมเข้าใจผิดตลอดเวลาเลยใช่ไหม ใช่ไหม” ธมกานต์กระชากสายน้ำเกลือ ทำให้เลือดไหลพร้อมกับกระชากไหล่ หญิงสาวพร้อมกับเขย่าอย่างแรง “เด็กคนนี้เป็นลูกผมใช่ไหมใช่ไหม” “เค้าเป็นลูกฉันลูกฉันคนเดียว” “ หมอ ผมต้องการตรวจดีเอ็นเอของผมกับเด็กคนนี้ผมสงสัยว่าเค้าเป็นลูกผม” “ไม่ได้!! ตรวจไม่ได้ ฉันไม่ให้ตรวจ ฉันไม่อนุญาต การที่คุณบริจาคเลือดให้ลูกฉัน มันไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นเจ้าชีวิตของเรา ลืมแล้วเหรอว่าเราหย่ากันแล้วคุณเป็นคนขอหย่าฉันเอง ลืมไปแล้วหรือไง” “ผมไม่ลืมหรอกอะไรที่คุณทำไว้กับผม ผมไม่เคยลืม” “เราหย่ากันมาสี่ปีแล้วไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน” “เกี่ยวสิเกี่ยวมากด้วย เด็กคนนี้ลูกผมใช่ไหม” “ผมต้องการความจริงเลิกหลอกผมสักทีตรีรินทร์” “มันผ่านมานานแล้วมันเลยจุดนั้นมานานแล้วฉันขอบคุณที่คุณกรุณาช่วยชีวิตตาหนูแต่ขอร้องอย่ามายุ่งเกี่ยวกับเ ราอีก” น้ำตาตรีรินทร์ไหลพราก “คุณคะเลือดคุณไหลมากแล้วค่ะ”พยาบาลสาวเตือน “ผมต้องการตรวจ ดีเอ็นเอ” “ไม่นะ ฉันไม่อนุญาต” “งั้นผมคงต้องพึ่งศาล” “พี่ว่าใจเย็นๆ ค่อยๆพูดกันดีกว่านะรินทร์นะ คุณธมกานต์ด้วย ผมว่าคุณใจเย็นๆ แล้วค่อยพูดค่อยจากันดีกว่า คนกันเองทั้งนั้น” “พี่โตช่วยรินทร์ด้วย อย่าให้เค้าตรวจนะคะรินทร์ไม่ยอม” ตรีรินทร์ร้องไห้ เสียงเปิดประตูพร้อมกับร่างรสสุคนธ์พร้อมกับเด็กหญิงที่กำลังร้องไห้ รสสุคนธ์ก้าวเข้าไปใกล้นายตำรวจหนุ่มพร้อมกับส่งเด็กหญิงวัยกำลังน่ารักให้ “น้องพราวร้องไห้หาคุณค่ะ คุณช่วยรสอุ้มลูกหน่อย” รสสุคนธ์ก้าวเข้าไปกอดตรีรินทร์ ท่ามกลางสายตาที่เป็นคำถามของธมกานต์ “ นี่มันอะไร ผม งงไปหมดแล้ว” “อ้าว!! สวัสดีค่ะบอส กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วค่ะ” น้ำเสียงดีใจที่ได้เจอเจ้านายหนุ่ม “ ผมเพิ่งกลับมาได้สองสามวัน ยังไม่ได้เข้าที่ทำงาน ตกลงคุณรสแต่งงานกับไอ้ เอ๊ย คุณตำรวจนี่เหรอ ผมงงไปหมดแล้ว” “ ค่ะ ก็รสยังเอาการ์ดแต่งงานไปให้บอสเลย แต่บอสรีบไปเมืองนอกไงค่ะ จำไม่ได้เหรอ” ธมกานต์ยืนอึ้ง พร้อมกับก้าวเข้าไปใกล้ตรีรินทร์ยิ่งขึ้น พร้อมกับกระชากข้อมือลากไปพูดอีกมุมหนึ่งของห้อง “ ตกลงคุณปั่นหัวผมเหมือนผมเป็นควายเลยใช่ไหม” “ เปล่านี่ คุณคิดเองเออเองทั้งนั้น ปล่อย!! ฉันจะไปดูลูก” ตรีรินทร์บิดข้อมือ “ ไม่ปล่อย เรามีเรื่องต้องคุยกัน” “ ไม่ เราไม่มีอะไรจะคุยกันอีก ต่างคนต่างอยู่ต่างคนต่างก็มีชีวิตของตัวเอง” เสียงตะเบ็งเสียงดังทำให้พยาบาลวัยกลางคนเข้ามาเตือน “ คุณค่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะคะ” ธมกานต์และตรีรินทร์อึ้ง ธมกานต์เดินเข้าไปหาหมอพร้อมกับพูดอะไรบางอย่าง ก่อนที่ ธมกานต์จะคว้ามือตรีรินทร์กระชากออกจากห้องไป “ นี่คุณ จะไปไหนฉันจะรอลูกฟื้นฉันเป็นห่วงลูก” “ หมอห้ามเยี่ยมเค้าอยากให้เด็กพักผ่อนมากๆ พรุ่งนี้ถึงจะได้เข้าเยี่ยมแล้วคุณก็ต้องไปกับผม เรามีเรื่องต้องคุยกัน” “ ไม่นะ ฉันไม่ไป” ตรีรินทร์ลากเท้าฝืนตัวเองไม่ให้เดินตาม ธมกานต์โมโหหันไปคว้าเอว แล้วอุ้มพาดบ่าเดินไปที่ลานจอดรถ ตรีรินทร์ดิ้น ธมกานต์ใช้มือตีที่ก้น “ หยุดดิ้น ไม่งั้นผมจะจูบคุณตรงนี้ คุณก็รู้ว่าผมทำได้” ธมกานต์ขู่แต่ได้ผลตรีรินทร์หยุดดิ้นพร้อมกับเอามือกอดอก ทั้งๆ ที่ถูกชายหนุ่มเอาร่างพาดบ่า หน้างอ ปากยื่น แสดงถึงความไม่พอใจ ธมกานต์วางร่างหญิงสาวลง พร้อมกับเปิดประตู แล้วยัดร่างหญิงสาวเข้าไปในรถ “ จะไปไหน ฉันไม่อยากไปไหนไกลนะคุณฉันเป็นห่วงลูก”ตรีรินทร์พูดเสียงดัง “ หุบปาก ไม่งั้นมีเรื่องแน่ๆ” “ บ้า บ้า บ้า ฉันเกลียดคุณ คุณธมกานต์” ตรีรินทร์พูดพร้อมกับกระทืบเท้าอย่างขัดใจ “ ดี ผมชอบความเกลียดของคุณ” ธมกานต์หันมาพูดใบหน้ายิ้มๆ ธมกานต์ขับรถมุ่งไปที่คอนโดมีเนียมใจกลางกรุง ซึ่งไม่ห่างจากโรงพยาบาลมากนัก “เข้าไป” ธมกานต์ผลักตรีรินทร์เข้าไปในห้อง คอนโดมีเนียมที่เต็มไปด้วยความหลังครั้งเก่าๆ ตรีรินทร์เดินเข้าไปอย่างไม่เต็มใจ กวาดสายตาไปรอบๆทุกอย่างยังเหมือนเดิม เหมือนเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ภาพความหลังเก่าๆ ก็ตัดสลับซ้อนในหัว ตรีรินทร์สะบัดศีรษะ ในขณะที่ธมกานต์ถอดเนคไท ปลดกระดุมที่ข้อมือแล้วต่อด้วย เสื้ออีกสองสามเม็ด ทำให้เห็นร่องอก ที่มีขนอยู่ประปราย “ เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันได้แล้ว ตกลงน้องกริชลูกผมใช่ไหม” “ ลูกฉัน” ตรีรินทร์ตอบเสียงแข็งพร้อมกับประสานตาอย่างไม่กลัวเกรง “ ผมรู้ ว่าคุณเป็นแม่ เด็กมันไม่ได้เกิดจากกระบอกไม้ไผ่นี่คุณ” “ เค้าเป็นของฉัน คนเดียวเท่านั้น “ ตรีรินทร์ย้ำเสียงแข็ง “ คุณนี่ยังเหมือนเดิม ดื้อรั้น อวดดี ไม่เคยเปลี่ยน “ “ ฉันเป็นของฉันแบบนี้แหละ รับได้ก็รับ รับไม่ได้ก็ไม่ต้องรับ “ ตรีรินทร์พูดย้ำพร้อมกับเชิดหน้า “ งั้นพรุ่งนี้ ผมจะให้หมอตรวจดีเอ็นเอ เพราะผมสงสัยว่าน้องกริชจะเป็นลูกผม “ ธมกานต์พูดเสียงแข็ง “ ไม่ได้ ตรวจดีเอ็นเอไม่ได้” “ ทำไมจะตรวจไม่ได้” “ เออ เพราะ เพราะ...” ตรีรินทร์ติดอ่าง “ บอกผมมาตามตรงว่าเค้าเป็นลูกผม เด็กสามขวบกว่า คุณกับผมหย่ากันสี่ปี ตอนเราหย่ากันคุณท้องแล้ว ผมพูดถูกไหม” ตรีรินทร์เงียบอึ้งในความฉลาดและช่างจดจำของอีกฝ่าย “ อย่าให้ผมใช้ความรุนแรง เพราะถ้าเรื่องถึงศาลคุณอาจต้องเสียลูกตลอดไป” “ ไม่นะ ฉันกับลูกเราจะไม่พรากจากกัน คุณธมกานต์คุณจะทำแบบนี้ทำไมอีก คุณกำลังจะเริ่มชีวิตใหม่ของคุณ ส่วนฉันกับลูกเรามีที่ของเราแล้ว อย่าทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปกว่านี้เลยนะคะ ฉันขอร้อง” “ เสียใจ จนกว่าคุณจะบอกความจริงกับผม” ธมกานต์ ตอบเสียงขรึม ตรีรินทร์ถอนหายใจ ก่อนจะพูดว่า “ ใช่ เค้าเป็นลูกของคุณ แล้วยังไงเราอย่ากันแล้ว จบกันแล้ว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีก คุณมีชีวิตของคุณ ส่วนฉันกับลูกเราก็มีชีวิตของเรา ฉันขอบคุณที่คุณช่วยชีวิตลูก แต่ขอร้องอย่ามายุ่งเกี่ยวกันอีก ต่อไปทำเหมือนไม่รู้จักกันจะขอบคุณมาก “ ธมกานต์หันมากระชากต้นแขน ก่อนจะกัดฟันพูด “ คุณใจร้ายมากคุณทำให้ผมกับลูกต้องพลัดพรากกัน สามปีกว่าที่ผมไม่เคยรู้เลยว่ามีเค้าเกิดขึ้นมาในโลก สามปีที่เค้าก็ไม่รู้ว่ามีผม คุณทำให้ผมเสียโอกาสหลายๆอย่างในชีวิต คุณทำลายชีวิตช่วงหนึ่งของผมกับลูก ที่ควรจะมีร่วมกัน “ “ เราหย่ากันแล้ว ไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีก” “ เกี่ยวสิ เกี่ยวมากด้วย ทำไมไม่บอกผมเรื่องลูก ทำไม “ ธมกานต์ตะโกนเหมือนคนเสียสติ “ เพราะมันไม่มีเหตุผลที่จะบอกคุณ อีกอย่าง เรื่องมันจบไปแล้วฉันไม่อยากให้คุณ มาพูดได้ว่า ฉันเอาลูกมาผูกมัดคุณ “ “ อวดดี “ “ คุณเป็นคนขอหย่าฉันเอง “ “ ตกลงคุณจะทำให้ผมยอมรับว่าคนที่ผิดก่อนคือผมใช่ไหม ผมที่เข้าใจคุณผิด ผมที่มันหึงจนหน้ามืดตาลาย จนไม่อยากฟังคำแก้ตัวจากคุณใช่ไหม “ ธมกานต์ตะเบ็งเสียงพร้อมกับจ้องหน้าตรีรินทร์ ตรีรินทร์เงียบ แต่หัวใจเต้นแรง วินาทีแห่งการรอคอยมาถึงแล้วหญิงสาวหลับตา ก่อนจะกลั้นใจฟัง “ โอเค ผมผิดผมขอโทษ ขอโทษที่ใช้อารมณ์เหนือเหตุผล ขอโทษที่เข้าใจคุณผิดเรื่องแม่ ขอโทษที่หึงคุณจนหน้ามืด พอใจหรือยัง “ ธมกานต์จ้องตา ตรีรินทร์รู้สึกอึ้งที่ชายหนุ่มยอมรับผิดอย่างง่ายดาย “ ถึงคุณจะยอมรับผิดตอนนี้ มันก็ไม่เปลี่ยนอะไรไปมากกว่านี้หรอกมันสายไปแล้วค่ะ คุณธมกานต์ คุณเคยเห็นนาฬิกาไหมค่ะ มันเดินไปข้างหน้ามันไม่ย้อนกลับมาข้างหลัง “ ตรีรินทร์พูดอย่างอ่อนใจ“ ทำไมต้องทำอะไรให้ยุ่งยาก ทำผิดไปแล้วก็แก้ไขใหม่ได้ ก็เหมือนชีวิตคนก็เริ่มใหม่ได้ ต่อไปนี้เรามีลูกที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน คุณเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ไม่ได้ “ “ ไม่ได้หรอกค่ะ “ “ ทำไมจะไม่ได้ เมื่อผมบอกว่าได้ก็ต้องได้ แล้วผมจะไม่ให้คุณบิดพริ้วเป็นอันขาด เมื่อกี้ผมก็ได้ขอโทษคุณแล้ว ต่อไปเป็นการลงโทษ” ตรีรินทร์เลิกคิ้ว พร้อมกับพูดอย่างหงุดหงิดว่า “ คุณนี่เหมือนเดิมบ้าอำนาจ เอาแต่ใจตัวเอง ไม่เคยคิดถึงใจคนอื่น ว่าจะคิดยังไง ฉันเกลียดความอวดดีของคุณ “ “ คุณก็เหมือนเดิม ทิฐิ อวดดีแบบโง่ๆ “ “ เอ๊ะ เรื่องอะไรคุณมาด่าฉันเนี่ย “ “ ผมขี้เกียจเถียงกับคุณ ต่อไปไว้เป็นธุระให้ผมจัดการ แต่ตอนนี้ผมต้องลงโทษคุณ “ ธมกานต์โยนหญิงสาวให้ล้มไปบนโซฟา นุ่มตัวใหญ่ ตรีรินทร์ร้องว้าย ก่อนจะถูกปิดปาก ด้วยริมฝีปากหนา ตรีรินทร์ดิ้นรน แต่ถูกร่างของชายหนุ่มกดไว้แทบทุกส่วน เสียงฉีกเสื้อผ้าดังแคว๊กๆ ตรีรินทร์ตกใจก่อนจะใช้เล็บจิกไปที่หลัง แต่ยิ่งใช้เล็บจิกชายหนุ่มก็ยิ่งทวีความรุนแรงปลายเท้า ดิ้นไปมาจนชายหนุ่มต้องใช้ต้นขากดต้นขาของหญิงสาวไว้ร่างสองร่างแนบกันแทบทุกส่วนของร่างกาย ตรีรินทร์หน้าร้อนเมื่อสัมผัสถึงปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายอีกฝ่าย “ ไม่นะ อย่าทำอย่างงี้ “ “ เสียใจ คุณทำให้ผมเป็นแบบนี้เอง คุณปั่นหัวผมเอง ช่วยไม่ได้คุณต้องชดใช้ “ ธมกานต์กัดฟันกระซิบข้างหูก่อนจะจูบติ่งหู และซอกคอมือของชายหนุ่มดึงบราเซียออกจากร่างกายของหญิงสาวอย่างง่ายดาย ธมกานต์กวาดตาไปทั่วร่างกาย ตรีรินทร์หน้าร้อนผ่าวกับแววตาที่เต็มไปด้วยแรงพิศวาส “สวย รินทร์ยังสวยเหมือนเดิมแม้ว่าจะมีลูกให้ผมแล้ว” ธมกานต์ใช้มือลูบไล้ไปทั่วร่างกายอย่างหลงใหล ชายหนุ่มใช้มือลูบที่หน้าอกสาว ตรีรินทร์กัดริมฝีปากเมื่อรู้สึกเสียวซ่านไปทั่วจนถึงท้องน้อย “ปล่อยนะคุณกานต์” “ปล่อยให้โง่สิ ผมคิดถึงคุณจะแย่รู้ไหม จะตื่นจะนอนก็เห็นแต่...” พูดยังไม่จบธมกานต์ก็ใช้ ริมฝีปากกัดที่หน้าอกสาวอย่างรู้สึกมันเขี้ยว หญิงสาวร้องออกมาอย่างรู้สึกเจ็บนิดๆ หญิงสาวทุบไปที่หลัง เสียงหัวเราะของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวเขินอาย ก่อนจะรู้สึกปวดร้าวไปทั่วร่างกายเมื่อธมกานต์ดูดกลืน ปลายหน้าอกที่ตั้งเด่นสีชมพู อย่างเร่าร้อน “คุณ...กานต์ อืม...กานต์” “หวานเหลือเกินรินทร์” ธมกานต์จูบไล้มาถีงหน้าท้องน้อย ตรีรินทร์ทั้งจับที่บ่ากว้าง ก่อนจะใช้เล็บจิกที่หลังอย่างต้องการ ปลดปล่อยอารมณ์พิศวาสที่กำลังถูกปลุกให้ร้อนแรง “ไม่นะ...” ตรีรินทร์ร้องเมื่อกริชชัยก้มลงดูดกลืน ซุกไซ้ซอกซอนกลีบกุหลาบแสนสวย หญิงสาวพยายามบีบต้นขา แต่ถูกมือของชายหนุ่มยกรั้งขึ้นพาดบ่า ตรีรินทร์ร้องโหยหวนเมื่อชายหนุ่มตวัดลิ้นไปมาที่นวลเนื้อสาว ทั้งกัดทั้งดูดกลืนจนตรีรินทร์ดิ้นพล่านด้วยความเสียวซ่าน เมื่อชายหนุ่มดูดกลืนความหวานจนฉ่ำไปด้วยหยาดรัก ธมกานต์ก็สอดใส่ความเป็นชายอย่างช้าๆ ก่อนจะยิ้มอย่างพอใจเมื่ออดีตภรรยาสาวแอ่นสะโพกรับอย่างเต็มใจ ธมกานต์หยุดรั้งนิ่งนาน ตรีรินทร์ลืมตา เมื่อชายหนุ่มเหมือนหยุดนิ่ง ตาประสานตา “อยากให้ผมหยุดตรงนี้ไหม หรืออยากให้ไปต่อล่ะ” “คนบ้า...จะทำอะไรก็ทำสิมาจนถึงป่านนี้แล้ว” “ก็บอกก่อนสิว่าต้องการ...เพราะอยากเหมือนกัน” ตรีรินทร์ทุบที่บ่ากว้างแรงๆก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยยิ่งทำให้ร่างของชายหนุ่มประสานจนเกือบเป็นหนึ่งเดียว ต่างฝ่ายต่างเสียวซ่านจนต้องกัดริมฝีปาก “คนบ้า..ถ้าไม่ทำต่อก็ออกไปจากตัวฉัน” “ก็บอกสิ ว่าอยากเหมือนกันแค่นี้ทำเป็นอาย..” ธมกานต์ยังยั่วต่อทั้งๆที่ตนเองก็ฝืนความเจ็บปวด ที่ต้องการการปลดปล่อยเช่นกัน ตรีรินทร์ขยับตัว มาดหมายจะผลักชายหนุ่มออกแต่ยิ่งขยับร่างของชายหนุ่มก็ประสานราวกับร่างเดียวกัน จนธมกานต์ส่งเสียงครางเบาๆ “คุณกานต์” “โอเค ผมยอมแพ้ ผมอยากได้คุณมากกว่า” ธมกานต์ผลักร่างหญิงสาวให้นอนเอนกับโซฟาในขณะที่ตนเอง สอดประสานร่างกายให้เป็นหนึ่งเดียว เร่าร้อนทะลุทะลวง ทั้งหนักและเบาสลับกัน ร่างสองร่างที่เปลือยเปล่าทั้งสองรับประสานกันเสียงเคลื่อนไหวของร่างสองร่างดังสนั่นเหมือนเสียงดนตรีร็อค เหมือนยิ่งห่างกันนานยิ่งโหยหา ธมกานต์กระแทกกระทั้นแต่ก็ผ่อนน้ำหนักตัวเอง ในขณะที่ตรีรินทร์ก็แอ่นสะโพกรับอย่างโหยหาในเวลานี้หญิงสาวตัดคำว่า “อาย” ออกไปเหลือแต่ความพิศวาสที่ต่างฝ่ายต่างปรนเบลอให้กันอย่างไม่รู้จักอิ่ม จบที่โซฟาหนึ่งเกมส์ ธมกานต์อุ้มร่างหญิงสาวเข้าไปในห้องนอน เมื่อวางร่างของหญิงสาวให้นอนบนเตียงนุ่ม ชายหนุ่มก็ต่อเกมส์รักอีกระลอกทันที คราวนี้ไม่มีการขัดขืนต่างกอดรัด ปรนเปรอเหมือนต่างฝ่ายต่างโหยหาซึ่งกันและกันมาเนิ่นนาน และอีกหลายครั้งต่อมาในคืนเดียวกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จนเผลอหลับในรุ่งเช้าอีกวัน รุ่งเช้าวันต่อมา ธมกานต์นอนกอดหญิงสาวแนบชิด ชายหนุ่มจูบที่หลังเปล่าเปลือย มือลูบไล้ไปทั่วหน้าท้องน้อยและหน้าอกสาวอย่างหลงใหล เสียงโทรศัพท์ดังกรีดร้องไม่ขาดสายเสียงโทรศัพท์มือถือดัง ทำให้ตรีรินทร์ได้สติก่อนจะสะกิดชายหนุ่ม“ นี่พอก่อนคุณกานต์ โทรศัพท์ค่ะ รับสิคะ ““ ไม่ ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าคุณ อีกแล้ว “ ธมกานต์บ่นงึมงำพร้อมกับจูบที่ร่องอกขาวตรีรินทร์สยิวซ่านไปทั้งร่าง แต่ก็พยายามออกเสียงพูด“ เผื่อเป็นธุระสำคัญ นะคะ รับสิคะ “ธมกานต์ถอนใจยาว ก่อนจะพูดว่า “ ช่างมัน อยู่ในกางเกงข้างนอกไม่มีอะไรสำคัญไปกว่ารินทร์หรอก”ตริรินทร์หน้าแดง แต่ก็ลุกขึ้นพร้อมผ้าห่มเดินไปหยิบมือถือที่อยู่ในกางเกงที่ถูกถอดทิ้งข้างนอกหญิงสาวเดินกลับมาในขณะที่ชายหนุ่ม นั่งพิงพนักเตียงนอน ตรีรินทร์ตัวชา ไปทั้งร่างกายเมื่อเห็นเป็นรูปนางแบบสาวที่เรียกสายเข้ามา ตรีรินทร์ใบหน้าร้อนผ่าวเหมือนรู้สึกอับอายกับการกระทำที่ผ่านมาทั้งคืน“ ฮัลโหล ดาร์ลิ่ง ไปอยู่ไหนมาทั้งคืน จี้เป็นห่วงโทรไปก็ไม่รับ “ นางแบบสาวออดอ้อนมาตามสาย“ ผมขอโทษที่ไม่ได้ไปตามนัด มีธุระที่ต้องจัดการแค่นี้แล้วผมจะติดต่อไป “ธมกานต์พูดเสียงมีอำนาจก่อนจะกดปิดโทรศัพท์นางแบบสาวงง แล้วก็ร้องกริ๊ดด้วยความขัดใจ เมื่อกดโทรศัพท์เข้าไปอีกที แต่ไม่มีสัญญาณสัญชาติญาณ ความเป็นผู้หญิงบอกให้รู้ว่า ไม่ใช่เรื่องธรรมดา แน
ธมกานต์เดินออกจากห้องด้วยความหงุดหงิด นึกว่าเมื่อคืนจะทำให้หญิงสาวใจอ่อนแต่กลับพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา ธมกานต์รู้สึกเหมือนถูกชกหน้าด้วยหมัดหนักๆก่อนจะคิดหาหนทางที่จะดึงเอาทั้งหญิงสาวและลูกชายกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งตรีรินทร์ยืนกอดอกเหม่อมองต้นไม้ผ่านกระจกที่ห้องในโรงพยาบาลอย่างล่องลอยภาพระหว่างตนเองและชายหนุ่มตั้งแต่พบกัน แต่งงานกัน หย่ากันพลัดพรากกันและจนกระทั่งได้กลับมาพบกันอีกครั้งตัดสลับไปมา ตกลงมันคืออะไรแน่ความรักความผูกพันหรือแค่ความต้องการเอาชนะ เมื่อคนที่วางอำนาจชอบเอาแต่ใจแต่มาเจอกับคนที่แสนจะพยศ ภาพนางแบบสาวประกาศหมั้นจนเป็นข่าวครึกโครมตามหน้าจอทีวีเป็นภาพติดตาภาพสุดท้ายที่ตรีรินทร์นึกถึงก็ตัดสินใจกดโทรศัพท์หาเพื่อนสาว“ อรเย็นนี้เราจะกลับเชียงใหม่แล้วนะหมอว่าน้องกริชไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วเดี๋ยวเราว่าจะไปเช็คเอ้าท์ที่โรงแรม แล้วจะมารับน้องกริชกลับบ้านเลยคงไม่ได้เจอกันสักพักนะอร เรายังไม่ค่อยอยากกลับมากรุงเทพฯสักเท่าไหร่มีอะไรแกไปหาเราที่เชียงใหม่ก็แล้วกัน”อรวิสาครุ่นคิดก่อนจะตอบว่า “ อ้าว แล้วคุณกานต์ล่ะเห็นหายไปด้วยกันทั้งคืนก็นึกว่าตกลงกันได้แล้ว”ตรีริ
ธมกานต์ขับรถต่อก่อนจะอมยิ้ม เมื่อสามารถทำให้หญิงสาวหงุดหงิดได้ปกติหญิงสาวจะเป็นคนที่ไม่โวยวาย ไม่แสดงอารมณ์มากนัก จะเงียบเฉยเป็นส่วนใหญ่แต่เมื่อตนเองสามารถทำให้หญิงสาวที่เป็นคนเรียบเฉย ไม่แสดงอารมณ์ แต่กลับกลายเป็นคนโมโห ขี้โวยวายมันก็ทำให้หญิงสาวมีความน่ารักเหมือนเด็กดื้อถูกขัดใจ ธมกานต์ยิ้มก่อนขับรถต่ออย่างอารมณ์ดีผิดกับหญิงสาวยิ่งเห็นชายหนุ่มยิ้มอย่างอารมณ์ดียิ่งหงุดหงิด หญิงสาวขยับนั่งหันหลังให้กับชายหนุ่มมองไปกระจกข้างๆ อย่างปลดปล่อยใจ‘ชีวิตเธอข้างหน้า จะเป็นอย่างไงนะ จะมีอุปสรรคอะไรรออยู่ข้างหน้าแล้วชายที่นั่งข้างๆเค้าคงจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอกับลูกอีกเป็นแน่แท้’ ตรีรินทร์คิดไปมาอย่างว้าวุ่นใจตรีรินทร์แอบลอบมองเสี้ยวใบหน้าของชายหนุ่มที่ตลอดสี่ปีที่จากกันไปไม่มีสักวันที่เธอจะไม่คิดถึงเขาคนนี้ต่อจากนี้ไปอนาคตของเธอและลูกคงต้องมีเค้าเดินเคียงคู่กันไปสินะแม้ส่วนหนึ่งในใจแอบโกรธที่ชายหนุ่มดูถูกเธอไว้แต่ตรีรินทร์ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าความรักความห่วงใยความคิดถึงก็มีให้เขาคนนี้ไม่น้อยเลย คิดถึงอนาคตของเธอและลูกกับเขาคนนี้จนทำให้ตรีรินทร์เผลอหลับไปธมกานต์หันมามองร่างของภรรยาส
ตรีรินทร์ยิ้มขำกับท่าทางของชายหนุ่มพร้อมกับยักไหล่ สักพักบริกรก็เริ่มนำอาหารมาเสิร์ฟธมกานต์ตักอาหารให้หญิงสาวอย่างเอาใจ ทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวรับประทานอาหารกันอย่างชื่นมื่นตรีรินทร์ยิ้มหวาน ก่อนจะยิ้มตอบให้กับชายหนุ่มต่างชาติที่นั่งถัดไปด้านข้างอีกสองโต๊ะที่ส่งยิ้มมาให้ตรีรินทร์พยักหน้าพร้อมกับยิ้มตอบอย่างมีไมตรีธมกานต์เหลียวหลังไปมองแล้วก็วางช้อนเสียงดังพร้อมกับหยุดทานอาหาร“ คุณยิ้มให้ใคร รู้จักมันหรือไงถึงไปยิ้มให้มันเนี่ยไม่อ่อยใครสักวันคุณคงจะดิ้นตาย”ธมกานต์หึงจนหน้ามืด“ บ้าคุณนี่ พูดกันดีๆ ได้ไม่นานใครไปอ่อยใครคนเค้ายิ้มให้คุณจะให้ฉันแยกเขี้ยวให้เค้าหรือไงไร้มารยาทสิ้นดี ฉันเบื่อจะคุยกับคุณแล้ว”“ ใช่สิ ผมมันไม่ได้หน้าใสหล่อล่ำเหมือนมันนี่ “ ธมกานต์ประชดพร้อมกับกอดอกเลิกทานอาหารทั้งที่ตักอาหารไว้เกือบเต็มจานตรีรินทร์ถอนหายใจจำได้ว่าชายหนุ่มเป็นคนขี้หึง เมื่อก่อนเค้าไม่ชอบให้เธอไปคุยกับ ผู้ชายคนไหนเดี๋ยวนี้ก็ยังเหมือนเดิมเหมือนเด็กดื้อที่ถูกขัดใจ ตอนนี้กอดอกหน้างอแล้วไม่ยอมทานข้าวต่อตรีรินทร์สูดลมหายใจก่อนถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อน“ คุณค่ะ ไม่ทานอีกสักนิดเหรอค่ะ สั่งมาตั้ง
Eifelstar Hotelห้องประธานกรรมการอลงกรณ์เดินเข้ามาเพราะไม่มีใครนั่งหน้าห้องยืนอยู่สามนาทีเมื่อไม่มีใครก็เปิดเข้ามาจำได้ว่าเคยเข้ามากับเพื่อนสองคนตอนมาลากธมกานต์ไปไดร์ฟกอล์ฟกัน“ นี่คุณเป็นใครคะ จะมาหาท่านประธานเชิญข้างนอก ที่นี่ไม่ใช่ที่ให้คนมาเดินเล่น” เสียงเลขาหนุ่มแต่จิตใจเป็นผู้หญิงกล่าวเสียงเข้มอลงกรณ์หันมามองต้นเสียงแล้วเลิกคิ้วเข้ม จำได้ว่าเจ้าเพื่อนรักมีเลขาเป็นผู้หญิง แล้วนี่ ผู้ชายตรงหน้าอลงกรณ์ถึงกับตะลึงเมื่อตาสบตา ก่อนจะปัดความคิดออกแล้วพูดเสียงเข้มว่า“ แล้วคุณคิดว่าผมเป็นใครถึงกล้าเข้ามายืนในนี้ ตกลงเราจะทำงานกันได้หรือยัง ถ้าคุณคือเลขาเจ้ากานต์ ผมมาแล้วไหนงานที่ผมสั่งไว้”อาร์มอ้าปากก่อนจะยกมือไหว้ “ สวัสดีค่ะคุณอลงกรณ์ ขอโทษที่ฉันไม่รู้จักคุณ งานคุณอยู่ห้องข้างๆค่ะ เชิญตามฉันมาได้เลย”อลงกรณ์นึกขำสรรพนามที่ชายหนุ่มร่างบางตรงหน้ากล่าวลงท้าย“ ตกลง คุณเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงคำว่าค่ะกับฉันเนี่ยน่าจะเป็นผู้หญิงใช้ส่วนคุณถ้าทำงานกับผมกรุณาแทนตัวเองเป็นผู้ชายผมไม่ชอบพวกสับสนเพศ” อลงกรณ์กล่าวเสียงเข้ม“ ครับ” อาร์มตอบเสียงเย็น “ อีตาบ้านี่มาถึงก็เหยียดเพศเลยนะ นึกว่าต
หัวหินตรีรินทร์ออกมาเดินเล่นตั้งแต่เช้าไปนั่งเล่นชายหาดคนเดียวโดยไม่ได้สนใจชายหนุ่มผู้เป็นสามีกว่าจะเดินกลับบ้าน เห็นชายหนุ่มยืนกอดอกหน้าบูดตรีรินทร์ถอนหายใจ ก่อนจะเดินเข้าไป“ ไปไหนมา ไปไหนไม่คิดจะบอกกันหรือไง ตกลงคุณอยู่ที่นี่คนเดียวหรือไง ไม่ต้องสนใจใครหน้าไหนเลยใช่ไหม”“ ฉันเห็นคุณยังไม่ ตื่น ขอโทษค่ะที่ทำให้คุณรอ”ธมกานต์ถอนใจยาว ก่อนจะคว้ามือหญิงสาว ให้หันมาคุยกันแบบประจันหน้า“ สำหรับผมไม่มีใครสำคัญเท่ากับคุณและลูก ขอให้รู้ไว้ ไม่ว่าจะเป็นใคร ผมมั่นใจในตัวเองและผมอยากให้คุณมั่นใจในตัวผม เข้าใจไหม อย่าโบกไปปลิวมาตามกระแสคนรอบข้างผมรู้ว่าคุณอยากกลับกรุงเทพฯ แต่เสียใจผมคงต้องขัดใจคุณ เราต้องอยู่ที่นี่ต่อด้วยกันแม้ว่าคุณจะไม่ชอบก็ตาม”ตรีรินทร์น้ำตาไหล เมื่อธมกานต์เดินออกจากห้องไปร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่น้อยครั้งที่ อาร์ม หรืออิทธิพลจะมาเดินเล่นเพราะสำหรับตนเองที่มีฐานะยากจน ถึงแม้จะทำงานตำแหน่งเลขาของประธาน เงินเดือนสองหมื่นห้าแต่อิทธิพลหรืออาร์มต้องดูแลครอบครัวอีกหกคนที่บ้านนอกดังนั้นห้างสรรพสินค้าดังจึงค่อนข้างห่างไกลกับชีวิตของตนทุกเดือนอาร์มจะส่งเงินกลับบ
หัวหินหลังจากต่างคนต่างหลบมุมไปนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ตรีรินทร์ก็เดินเข้าไปที่ห้องครัวเล็ก ๆเพื่อมองหาของที่จะทำอาหาร ธมกานต์เดินมานั่งที่โต๊ะในครัว ตรีรินทร์มองชายหนุ่มแล้วเลิกคิ้ว“ เราอย่าทะเลาะกันเลยนะรินทร์ นานๆ ผมจะว่างพาคุณมาเที่ยว” ธมกานต์เอ่ยขึ้นก่อน“ ฉันไม่ได้คนชวนทะเลาะนะคะ”“ อ้าว ไหงมาโทษผมล่ะ”“ ก็จริงนี่ แต่เอาเถอะค่ะสงบศึกกันชั่วคราวก็ได้ กลับกรุงเทพฯแล้วค่อยคุยกัน”“ ไม่ยอมเลยนะรินทร์” ธมกานต์พูดยั่ว“ แน่นอน” ตรีรินทร์เสียงแหลมแต่ในใจแอบรู้สึกถึงความอบอุ่นหกโมงเย็น โรงแรม Eifelstarอลงกรณ์เปิดประตูออกมา หลังจากครึ่งบ่ายลุยงานหลายชิ้น เมื่อมองเห็นชายรุ่นน้อง กำลังคีย์งานที่คอมฯ ก็เผลอมองก่อนจะพูดว่า“ นี่คุณเลิกงานตั้งนานแล้ว ทำไมยังไม่กลับบ้านไปอีก”“ ก็บอสยังไม่กลับ ฉันมันก็แค่เลขา จะกลับก่อนเจ้านายได้ยังไง” อาร์มค้อนเบาๆ“ ไป คุณกลับบ้านได้แล้ว เย็นมากแล้วผมไปส่ง”“ เออ ไม่ต้องครับ หอพักผมอยู่ถัดไปสองป้ายรถเมล์ ตอนเย็นผมเดินกลับถือโอกาสเดินออกกำลังกายไปในตัว”“ อวดดี ผมบอกไงว่าจะไปส่ง ทางผ่านอยู่แล้ว” อลงกรณ์ทำหน้าหงิกเมื่อถูกขัดใจ“ เร็วสิ เก็บของเร็ว ๆ” อล
หัวหินธมกานต์กับตรีรินทร์รับประทานอาหารท่ามกลางแสงเทียนในบรรยากาศแสนโรแมนติคธมกานต์ตักอาหารให้ภรรยาสาว ตรีรินทร์เงยหน้ามองชายหนุ่มแสดงความขอบคุณด้วยสายตา“ อาหารมื้อนี้อร่อยมาก อิ่มที่สุดในโลก ขอบคุณครับรินทร์ รู้ไหมตลอดสามปีกว่าที่เราพลัดพรากกันผมไม่เคยลืมคุณได้สักวินาทีเดียว ไม่คิดว่าจะได้มาเจอคุณอีกเหมือนปฏิหารย์แต่เราก็ได้พบกันแถมมีลูกเป็นของขวัญอีกขอบคุณคุณพระคุณเจ้าที่ไม่ทำให้เราพลัดพรากกันนานกว่านี้เมื่อก่อนผมมีชีวิตอยู่ไปอย่างไร้ค่าแต่เมื่อมาเจอคุณกับลูก ทำให้ผมมีเป้าหมายชีวิต ชีวิตผมมีความหมายมากขึ้น you change my life”ธมกานต์พูดภาษาอังกฤษตอนท้าย ตรีรินทร์รู้สึกตื้นตันน้ำตาคลอ ธมกานต์เอื้อมมือมาจับมือภรรยาสาวตั้งใจจะสารภาพรัก หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น ยิ่งหญิงสาวจ้องหน้าแบบจ้องเขม็ง ทำให้ธมกานต์พูดไม่ออกตรีรินทร์รู้สึกแทบหัวใจจะหยุดเต้นด้วยความตื่นเต้น ‘นี่เค้าจะบอกรักเราหรือเปล่า บอกสิคะแล้วรินทร์ก็จะบอกคุณบ้างว่ารินทร์รักคุณสุดหัวใจ ไม่เคยมีใครตลอดสามปีกว่าที่ผ่านมา เพราะรอคุณอยู่บอกสิคะ พลีส’ ตรีรินทร์พึมพำในใจพร้อมกับมองชายหนุ่มแบบส่งกำลังใจให้ธมกานต์ไม่รู้
บ่ายวันเสาร์ตรีรินทร์ง่วนอยู่กับเตาอบอยู่หลายชั่วโมง หญิงสาวตะโกนออกมา“ คุณกานต์ขามานี่หน่อย รินทร์อยากได้คอมเม้นต์ค่ะ”ธมกานต์วางหนังสือพิมพ์พร้อมกับเดินเข้าบริเวณครัว“ มีอะไรให้สามีช่วยหรือครับ ภรรยาคนสวย”“ ช่วยชิมหน่อยสิคะ รสไหนอร่อย รสกาแฟ รสช้อคโกแล็ตชิบ หรือรสเนย”“ รินทร์ ตั้งแต่คุณทำผมชิมมาหลายสิบอันแล้วนะเนี่ย จนผมชักมึนกับรสคุกกี้ของคุณแล้วแต่ถ้าคุณจะหาคนชิมนะ โน่นไอ้กรณ์ ขานั้นนะชอบขนมทุกชนิด มันบ้าขนม เชื่อไหม เคยไปกินบุฟเฟ่เค้กมันกินได้สิบสองอัน พวกผมสามก้อนก็จะอ้วกแล้ว”“ แหม คุณเนี่ยไม่ร่วมมือเลย”“ อย่าพึ่งงอนสิจ๊ะคนสวย ผมลองทานอีกสามชิ้นก็ได้”ธมกานต์มองภรรยาสาวที่ขะมักเขม้นเรียงคุกกี้ลงขวดแก้วอย่างทะนุถนอม“เก็บเอาไว้ทานคราวหน้า ใส่ขวดไว้ให้น่ารับประทาน”ตรีรินทร์อธิบายพร้อมกับเรียงขนมลงขวดด้วยความระมัดระวังเช้าวันอาทิตย์ตรีรินทร์ก้มลงหอมแก้มสามีหนุ่ม พร้อมกับกระซิบว่า “ รินทร์ออกไปข้างนอกแป๊บหนึ่งนะคะ บ่ายนี้คุณไปตีกอล์ฟกับพวกพี่หมอใช่ไหม ถ้ารินทร์มาไม่ทัน เจอกันเย็นนี้นะคะ”ธมกานต์งัวเงียพร้อมกับหรี่ตามองนาฬิกาแปดโมงเช้าปกติวันอาทิตย์จะเป็นวันเดียวที่เขาแ
อลงกรณ์นั่งดูกีฬาในห้องนั่งเล่นได้ยินเสียงรถจอดบริเวณหน้าบ้านสักพักร่างคุณหญิงแพรวก็นวยนาดเข้ามาพร้อมสายตาเข้มที่พร้อมจะอาละวาด“ ใช้ไม่ได้เลยแก เสียมารยาทกับลูกเพื่อนแม่มากเลยนะกรณ์แม่ผิดหวังในตัวลูกมาก ปากคอเราะร้ายเฮ๊อ แม่กลุ้มใจในตัวลูกมาก กรณ์เมื่อไหร่จะเมียเป็นตัวเป็นตนสักทีแม่มีแกคนเดียวที่เป็นความหวังแม่อยากมีหลาน แล้วนี่แกก็ทำลายความหวังแม่ครั้งแล้วครั้งเล่า”คุณหญิงแพรวพูดเสียงเครือน้ำตาไหล“ แม่ก็รู้ว่าผมยังอยากมีอิสระ อยากทำงาน สร้างอนาคตด้วยตัวเองอย่ายุ่งเรื่องส่วนตัวของผมได้ไหมแม่หรือแม่อยากให้เหมือนคราวก่อน” อลงกรณ์พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเมื่อเห็นน้ำตาของผู้เป็นแม่ทำเอาอลงกรณ์ใจอ่อนยวบอลงกรณ์ถอนใจก่อนจะเข้ามากอดคุณหญิงพร้อมกับพูดว่า“ โอเคครับแม่ ผมจะลองพยายามทำตามที่แม่บอกอีกครั้ง” อลงกรณ์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนใจคุณหญิงแพรวยิ้มถูกใจพร้อมกับกอดลูกชาย ลูบหลังไปมาอย่างเอาใจหอพักเด่นชัยอลงกรณ์เคาะประตูห้อง อาร์มเดินมาเปิดประตูห้องอย่างงัวเงีย“ อ้าวคุณ มีอะไรหรือเปล่า มาซะดึกเชียว”“ ขอโทษที่มารบกวนคุณ แต่คืนนี้ผมอยากมีคุณอยู่ใกล้ๆ” อลงกรณ์กอดอาร์มแน่นเลขาหนุ่มขมวดคิ
“ แม่ตี พ่อทำไมครับ”“ ก็พ่อดื้อ แล้วแกล้งแม่ กริชต้องช่วยแม่นะจ๊ะ”เด็กชายกริชชัยเข้ามากอดผู้เป็นแม่ ท่ามกลางสายตาหมั่นไส้ของธมกานต์ที่ลูกชายผันตัวไปอยู่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว“อ้าว ไหนเมื่อกี้บอกจะช่วยพ่อไง”กริชชัยกอดพร้อมซบที่หน้าอกแม่ “ กริชรอพ่อกับแม่ไปรับตั้งนาน นี่จะเที่ยงแล้วนะครับพ่อกับแม่ยังไม่ตื่นอีก”ตรีรินทร์ใบหน้าร้อน พร้อมกับแก้ตัวเบาๆ “ แม่ขอโทษจ๊ะ งั้นขอแม่อาบน้ำแล้วเดี๋ยวเราไปเชียงใหม่กันบ่ายนี้ดีไหม กริชจะได้ไปเยี่ยมน้ำหวานเพื่อนลูกด้วยไง”เด็กชายกระโดดรอบเตียงด้วยความดีใจ ท่ามกลางสายตาของพ่อและแม่ที่บ่งบอกว่า รักลูกเต็มเปี่ยมภูเก็ตร่างชายหนุ่มสองคนที่ก่ายเกยกันอย่างแนบแน่น อาร์มขยับตัวเบาๆแต่ก็ต้องถูกดึงให้เข้ามาในอ้อมกอด“ เช้าแล้วเราตื่นเถอะ เดี๋ยวไปทำงานไม่ทันนะคะ”“ อืม ขอต่ออีกหน่อยนะยังไม่อยากไปเลย ผมอยากนอนกอดกับคุณอีกสักพัก เราไปตอนบ่ายๆ ก็ได้มีเวลาอีกวันหนึ่ง ค่ำๆวันอาทิตย์ค่อยกลับคุณไม่ได้รีบไปไหนนี่” อลงกรณ์จูบเบาๆที่ไหล่ของเลขาหนุ่มก่อนกระซิบเบาๆ“ ผมเคยนึกว่าทำไมผมถึงนอนกับน้องปรางไม่ได้ มาวันนี้ผมรู้จักตัวเองอย่างเต็มร้อยเมื่อก่อนผมคิดว่าผมสามาร
“ อาร์มก็เช่นกัน ขอบคุณนะครับ ที่ไม่รังเกียจคนอย่างอาร์ม แล้วยังให้ความรู้สึกดีๆ อีกอาร์มรู้สึกซาบซึ้งมาก”“ ผมคิดว่าผมรักคุณแล้วล่ะ อาร์ม ทำยังไงดี” อลงกรณ์พูดเสียงอ้อแอ้“ อาร์มก็รักคุณ”อลงกรณ์ยกมือเลขาหนุ่มพร้อมกับจูบที่ใจกลางอุ้งมือ ทำให้อาร์มขนลุกไปทั่วร่างกายเลขาหนุ่มประคองชายหนุ่มเข้าห้อง เมื่ออีกฝ่ายเริ่มเดินไม่ค่อยมั่นคง“ เมาหรือเปล่า คุณ”“ เมารักคุณไง อาร์ม”“ บ้า คุณเนี่ย พูดอะไร เมาแล้วไปนอน เถอะ อาร์มไปส่งคุณที่ห้อง”อลงกรณ์ยิ้มเจ้าเล่ห์ จริงๆ ไวน์แค่สามสี่แก้วทำอะไรตนไม่ได้ แต่ก็แกล้งทำเป็นเมาอาร์มวางร่างหนักอึ้งลงบนที่นอน แต่ก็ถูกดึงจนล้มไปด้วยกัน ก่อนที่อลงกรณ์จะพลิกตัวพร้อมกับจ้องมองใบหน้าเลขาหนุ่ม ที่ตอนนี้อยู่ในอาการตื่นตะลึง“ คืนนี้นอนกับผมห้องนี้นะ ผมอยากนอนกับคุณ” อลงกรณ์ปิดปากตัวเอง ลงที่ริมฝีปากบางก่อนที่มือก็เริ่มปลดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว อาร์มยอมให้ถอดเสื้อผ้าแต่โดยดีพร้อมกับช่วยปลดเสื้อผ้าของอีกฝ่าย ก่อนที่ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองของธรรมชาติอาร์มพึ่งเคยมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ความรู้สึกมันอ่อนหวานและซาบซ่าส์ จนตัวเองแทบจะนอนไม่หลับร่างของชาย
“ งั้นเดี๋ยวผมโทรเคลียร์กับเจ้ากรณ์ดีกว่า”“ ไม่ต้องค่ะ รินทร์อยากให้คุณกรณ์แปลกใจ”“ เชื่อรินทร์สิคะว่างานไม่เสีย แล้วคุณกรณ์ก็จะไม่โกรธคุณแน่นอน”ธมกานต์ถอนใจยาว พูดจริงๆ ตัวเองก็ชักไม่อยากไป เพราะร่างนุ่มนุ่มของภรรยาที่วันนี้มาโหมดหวานเซ็กซี่ ซ่าส์ สงสัยวันนี้ธมกานต์จะเดินตามเกมภรรยาคงจะมีความสุขไม่น้อย“ รินทร์ถูหลังให้นะคะ”“ จ๊ะ ที่รัก”“ แหม พอถูหลังให้หน่อยหวานเชียว ถามจริงๆ หวานแบบนี้มากี่คนแล้ว”ตรีรินทร์ถามพร้อมกับกลั้นใจฟังคำตอบ“ หวานกับรินทร์แค่คนเดียว เชื่อไหมไม่เคยหวานแบบนี้กับใครสักคน”ตรีรินทร์ใจเต้นแรงฟังแล้วเต็มตื้นหัวใจก่อนที่หญิงสาวจะผลักให้ชายหนุ่มนั่งแล้วตนเองย้ายไปนั่งข้างหลัง หญิงสาวชโลมสบู่พร้อมกับถูหลังไปมาอย่างตั้งใจและเต็มใจ“ ผมรู้สึกเหมือนเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดนะเนี่ยที่มีภรรยามาช่วยถูหลังให้”“ จริงเหรอค่ะ เอ แบบนี้จะมีของรางวัลหรือเปล่า”“ อยากได้อะไรล่ะ ผมให้คุณได้ทุกอย่างเว้นดาวและเดือน”“ ยังนึกไม่ออก ไว้นึกออกจะบอกนะคะ แต่คุณกานต์สัญญาแล้วว่าจะไม่เบี้ยว”“ ไม่เบี้ยวจ๊ะ”ตาจ้องตา ธมกานต์หันมาจูบปากพร้อมกับหมุนตัวเองในอ่างจนน้ำกระเพื่อม“ ทนไม่ไ
“ อ๋อ ตอนนี้ผมจะไปหาคุณต้องมีธุระด้วยหรือไง” น้ำเสียงเริ่มขุ่น“ คุณเนี่ย ชอบตีความหมายอะไรผิดๆเมื่อวันก่อนผมถามให้คุณกลับบ้านเพราะกลัวว่าจะดึกแล้วเดินทางลำบาก คุณแม่คุณจะเป็นห่วงคุณก็ตีความหมายว่าผมขับไล่ ซึ่งมันไม่จริงเลย ผมไม่ได้รังเกียจคุณสักนิด วันนี้ผมก็ถามตามปกติธรรมดาคุณก็ตีความหมายไปอีกอย่าง ผมชักมึนกับคุณแล้วนะเนี่ย” เลขาหนุ่มอธิบายยาวอลงกรณ์นิ่งฟังแล้วยิ้มยวน ๆ “ ผมมันเป็นแบบนี้แหละ ทนๆ หน่อยแล้วกัน ยังต้องรบกันอีกยาว”เลขาหนุ่มค้อนชายหนุ่มเบาๆ ก่อนอมยิ้ม“ คุณทำอาหารและขนมอร่อยมาก เรียนมาหรือไง”“ บ้านผมมีแต่ผู้ชายหมด ผมเป็นลูกชายคนเล็ก ก็เลยต้องช่วยแม่เข้าครัวตั้งแต่เด็ก มันเป็นความเคยชินส่วนขนมก็หัดทำตอนเรียนมหาวิทยาลัย ทำขายหารายได้พิเศษเป็นค่ารถเมล์ไงคุณ ก็ผมมันคนจน”เลขาหนุ่มเล่ายาว“ นี่ขอร้องล่ะ ถ้าจะคบกันต่อไปไอ้รวยจนเนี่ยเลิกพูดได้ไหม รำคาญ” อลงกรณ์เริ่มหงุดหงิดอีกครั้ง“ พูดความจริงเล่าความจริงก็โกรธพิลึกคน” เลขาหนุ่มยักไหล่ก่อนจะยิ้มหวานเหมือนกวนๆ ในทีทำเอาอลงกรณ์ตะลึงในความน่ารักขี้เล่นของอีกฝ่าย รถติดไฟแดงตาจ้องตาในระยะใกล้กันแค่ไม่กี่คืบอลงกรณ์มองริมฝี
สองทุ่มเศษๆอาหารถูกลำเลียงมาพร้อมสมาชิกทุกคนนั่งพร้อมกันที่โต๊ะ อลงกรณ์เดินเข้ามาอย่างกระหืดกระหอบ“ ขอโทษทีเพื่อน รถติดเป็นบ้าเลย”อลงกรณ์กล่าวขอโทษพร้อมกับตะลึงเมื่อเผชิญหน้ากับเลขาหนุ่มรุ่นน้องที่อยู่ในความคิดคำนึงตลอดสองวันที่ผ่านมา“นั่งสิคะคุณกรณ์ นั่งข้างๆ พี่อาร์มนั่นแหละค่ะ”“ นั่งสิไอ้กรณ์ยืนบื้ออยู่ได้” เสียงอัครเดชตะโกนมาทางหัวโต๊ะอลงกรณ์นึกไม่ถึงคนที่ตนตามหาหลายชั่วโมงที่ผ่านมากลับมานั่งอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มนั่งลงข้าง ๆระหว่างเลขาหนุ่มกับนายแพทย์เอกชัย หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นเลขาหนุ่มไม่กล้าหันไปมองด้วยความกลัวและเก้อเขินตรีรินทร์แอบสังเกตทั้งชายหนุ่มและเลขาหน้าหวานที่ต่างคนต่างเก้อเขินซึ่งกันและกันหญิงสาวอมยิ้มก่อนจะทักทายเพื่อนสามี“ คุณกรณ์หิวไหมคะ มาได้เวลาพอดี งั้นเราเริ่มลงมือกันเถอะค่ะ”“ พี่อาร์มตักยำทะเลให้คุณกรณ์สิคะ” ตรีรินทร์กล่าวนำเลขาหนุ่มตักยำทะเลแต่ไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ตัวอลงกรณ์รู้สึกหมั่นไส้เลขาหนุ่มรุ่นน้องที่ทำท่าทางเหมือนกลัวจะสบตา แม้แต่หน้าก็ยังไม่มองกัน“ แกไปทำไรแถวโรงแรมเจ้ากานต์ว่ะ ปล่อยให้พวกข้ารอตั้งนาน” อัครเดชเอ่ยถาม
ตอนเย็น“นี่เราจะไปไหนกันครับ คุณกรณ์” อิทธิพลหรืออาร์ม เอ่ยถามเมื่อรถขับเลยหอพักไปอีกช่วงตึก“ เงียบๆเถอะ ถึงแล้วผมจะบอกเอง” อลงกรณ์หันมาตอบเลขารุ่นน้องอลงกรณ์เดินนำเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตในห้างดัง ไม่ไกลจากหอพักของหนุ่มรุ่นน้องชายหนุ่มเดินไปหยิบของลงตระกร้า ท่ามกลางความงุนงงของเลขาหนุ่ม“ นี่คุณ จะซื้อของไปไหนเนี่ย เยอะแยะไปหมด”“ ซื้อไปไว้ที่หอคุณ”“ หา “ เสียงลากยาว“ ก็หอคุณ ไม่มีอะไรสักอย่าง กาแฟก็ไม่มี วิสกี้เบียร์ไม่มีสักอย่างแล้วผมก็เบื่ออาหารที่มีแต่ผักกับวิญญาณหมู วันนี้ผมทำงานหนักมาก ผมอยากทานอาหารดี ๆ สักหน่อยคุณช่วยทำอาหารให้หน่อย ผมเป็นคนจ่ายคุณเป็นคนทำ โอเคนะ”อาร์มยืนงงอยู่กับที่“ เร็วๆ สิคุณ เดี๋ยวก็เจอรถติดตอนกลับอีกหรอก มาช่วยผมเลือกเนื้อหน่อยวันนี้ผมอยากทานเนื้อทอดกระเทียมพริกไทย”หลังจากอาหารค่ำผ่านไปอย่างชื่นมื่น อลงกรณ์ก็มานอนที่เก้าอี้ยาว ก่อนจะเผลอหลับไปอาร์มมานั่งพัดยุงที่คอยมาตอมตามแขนขาของชายหนุ่ม อลงกรณ์ลืมตาขึ้น ตาประสานตาก่อนที่อาร์มจะลุกขึ้นปัดกางเกงขาสั้น“ ดึกแล้วผมว่าคุณควรกลับบ้านได้แล้ว กลับตอนนี้รถก็ไม่ติดแล้ว”อาร์มเฉไฉพูดกับอลงกรณ์“ ไล
อาร์มตกใจ พร้อมกับระล่ำระลักว่า “ ผมครับผมเป็นคนจัด ผมเห็นมันรกมากจนไม่รู้จะวางเอกสารการประชุมไว้ตรงไหน พอวางมันก็ลื่นล้ม ผมเลยจัดให้มันเป็นระเบียบ”“ อ้อ คุณจะว่าผมมันไม่มีระเบียบว่างั้นเถอะ แต่ขอบคุณทีหลังไม่ต้องห้ามคุณมายุ่งวุ่นวายกับโต๊ะทำงานของผมอีก ไม่ว่ากรณีใดๆ ผมหาเอกสารของผมไม่เจอผมทำงานผมรู้ว่าวางเอกสารแบบไหนไว้ที่ตรงไหน ฉะนั้นขอความกรุณาอย่ามายุ่ง” อลงกรณ์ส่งเสียงดังอาร์มหลับตามือสั่นใจสั่นด้วยความกลัว ผู้ชายตรงหน้าเวลาเขาโกรธเค้าเหมือนคนละคนกับที่ตนรู้จักเมื่อวาน“ ครับ ต่อไปผมจะไม่ยุ่งอีก ขอโทษอีกครั้ง”“ คุณออกไปได้” อลงกรณ์เห็นชายหนุ่มรุ่นน้องหน้าเสียก็นึกสงสารโบกมือให้ออกห้องไปเพราะอารมณ์ยังคุกรุ่นอาร์ม หรือ อิทธิพลมานั่งร้องไห้ ทำงานที่นี่มาแปดปียังไม่เคยโดนดุเสียงดังขนาดนี้มาก่อนชายหนุ่มเจ็บใจน้อยใจ อุตส่าห์จัดโต๊ะทำงานให้เรียบร้อยไม่ได้ดี แล้วยังโดนด่าอีก คอยดูต่อไปนี้จะทำเท่าที่สั่งเท่านั้น อาร์มคิดในใจอย่างว้าวุ่นอาร์มเช็ดน้ำตาพร้อมกับตั้งใจทำงานต่ออย่างมีทิฐิ อลงกรณ์เมื่อหาเอกสารพบก็ถอนหายใจเฮือก“ นี่เราพูดรุนแรงไปหรือเปล่าหว่า ป่านนี้ไม่นั่งร้องไห้ขี้