หัวหิน
ตรีรินทร์ออกมาเดินเล่นตั้งแต่เช้าไปนั่งเล่นชายหาดคนเดียวโดยไม่ได้สนใจชายหนุ่มผู้เป็นสามี กว่าจะเดินกลับบ้าน เห็นชายหนุ่มยืนกอดอกหน้าบูดตรีรินทร์ถอนหายใจ ก่อนจะเดินเข้าไป “ ไปไหนมา ไปไหนไม่คิดจะบอกกันหรือไง ตกลงคุณอยู่ที่นี่คนเดียวหรือไง ไม่ต้องสนใจ ใครหน้าไหนเลยใช่ไหม” “ ฉันเห็นคุณยังไม่ ตื่น ขอโทษค่ะที่ทำให้คุณรอ” ธมกานต์ถอนใจยาว ก่อนจะคว้ามือหญิงสาว ให้หันมาคุยกันแบบประจันหน้า “ สำหรับผมไม่มีใครสำคัญเท่ากับคุณและลูก ขอให้รู้ไว้ ไม่ว่าจะเป็นใคร ผมมั่นใจในตัวเอง และผมอยากให้คุณมั่นใจในตัวผม เข้าใจไหม อย่าโบกไปปลิวมาตามกระแสคนรอบข้าง ผมรู้ว่าคุณอยากกลับกรุงเทพฯ แต่เสียใจผมคงต้องขัดใจคุณ เราต้องอยู่ที่นี่ต่อด้วยกัน แม้ว่าคุณจะไม่ชอบก็ตาม” ตรีรินทร์น้ำตาไหล เมื่อธมกานต์เดินออกจากห้องไป ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่น้อยครั้งที่ อาร์ม หรืออิทธิพลจะมาเดินเล่น เพราะสำหรับตนเองที่มีฐานะยากจน ถึงแม้จะทำงานตำแหน่งเลขาของประธาน เงินเดือนสองหมื่นห้า แต่อิทธิพลหรืออาร์มต้องดูแลครอบครัวอีกหกคนที่บ้านนอก ดังนั้นห้างสรรพสินค้าดังจึงค่อนข้างห่างไกลกับชีวิตของตน ทุกเดือนอาร์มจะส่งเงินกลับบ้านเกือบสองหมื่น ส่วนตัวก็ใช้เดือนละห้าพันบาททั้ง ค่าเช่าหอค่ารถ ค่าอาหารและค่าเสื้อผ้า ซึ่งเจ้าตัวใช้เงินแบบประหยัดมาก เวลามาทำงาน ก็อาศัยอยู่หอพักใกล้ที่ทำงาน ตอนเช้าก็จะเดินหนึ่งป้ายรถเมล์แล้วค่อยขึ้นรถ “ ทานสเต็คดีกว่า วันนี้ผมอยากทาน ทีโบน สเต็ค” อลงกรณ์พูดขึ้น อิทธิพลหรืออาร์มก้มมองเมนูแล้วนึกเสียดาย อาหารแต่ละอย่างตนใช้เกือบทั้งเดือน “ คุณจะทานอะไรดี” “ ผมไม่หิว อิ่มแล้ว” “ ไม่ต้องห่วงผมไม่ให้คุณจ่ายหรอก ผมเลี้ยงเองเป็นการเริ่มต้นการทำงานของเรา” อลงกรณ์จ้องมองหน้าอิทธิพลเลขาหนุ่มที่ใบหน้าดูอึดอัด “ ฉันไม่ค่อยหิว ฉันทานแซนวิชกับโยเกิร์ตไปแล้ว” “ คุณนั่งเฉย ๆ มองผมกิน ผมก็กินไม่อร่อยนะคุณ ผมสั่งสลัดเชฟให้คุณแล้วกัน สลัดทานแล้วไม่อ้วนหรอก สลัดที่นี่อร่อยมากผมเคยทานแล้ว” อิทธิพลพยักหน้าเหมือนไม่อยากขัดใจ แล้วอยากให้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว อลงกรณ์ดื่มน้ำพร้อมกับจ้องหน้าชายหนุ่มรุ่นน้องที่อยู่ตรงหน้า ในใจวูบไหวจนต้องระงับ อารมณ์เอาไว้ อิทธิพลหรืออาร์มหันหน้าไปมองบรรยากาศรอบด้านด้วยความตื่นตาตื่นใจ หลายปีแล้วสินะที่ทำแต่งานอยู่แต่บ้านจนไม่ได้มาเห็นโลกภายนอก เพราะพ่อแม่ ตายาย และพี่ชายอีกสองคนที่ตนต้องคอยส่งเงินไปดูแล ทำให้อาร์มมิอาจทำอะไรตามใจต้องการได้ นานกี่ปีแล้วนะ ที่ไม่ได้มาดูหนังในห้าง เวลาว่างนอกจากไปวัดข้างๆ หอ ชายหนุ่มก็จะไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ๆ เป็นการผ่อนคลาย “ คุณเป็นเลขากานต์มากี่ปีแล้ว อายุยังไม่มากเท่าไหร่นี่ เก่งนี่เป็นเลขาประธานทั้งที่อายุยังน้อย” อาร์มหันหน้ามาตอบ ตาจ้องตาแต่อาร์มหลบสายตาเข้มที่มองมาแววตาแปลกประหลาด “ผมเป็นเลขาคุณหญิงมาเจ็ดปีกว่า คุณกานต์พึ่งมารับตำแหน่งไม่ถึงเดือนครับ” “ ทานกันก่อนเถอะ อาหารมาแล้ว “ อลงกรณ์เอ่ยชวนพร้อมกับลอบมองชายหนุ่มรุ่นน้อง ที่รับประทานอาหารเรียบร้อย หรือบางทีอาจจะดูเรียบร้อยกว่าเพื่อนผู้หญิงบางคนที่ตนรู้จัก นึกแอบชื่นชมในใจ กริ๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์มือถือดังเลขาหนุ่มล้วงมือไปหยิบพร้อมกับรับสาย ก่อนจะกระซิบตอบเบาๆ “ ฮัลโหลอาร์มจ๊ะ แม่เหรอจ๊ะ ออกมาทานข้าวกับเจ้านาย” “ อาร์มส่งไปแล้วจ๊ะ แม่ให้พี่เบิกเงินได้เลยนะจ๊ะ ช่วงนี้คงยังไม่ได้กลับหรอกจ๊ะ งานยุ่งมาก” เลขาหนุ่มวางสายเมื่อพูดได้สองสามประโยค อลงกรณ์มองโทรศัพท์มือถือรุ่นแรกๆ ของโนเกีย แล้วนึกขำก่อนจะพูดว่า “ นี่คุณโทรศัพท์รุ่นทวดเลยนะเนี่ย ผมจำได้ว่ารุ่นนี้ผมใช้ตอนมัธยม” อาร์มหันมามองเจ้านายใหม่ แล้วพูดเสียงเรียบ “ ของมันยังใช้ได้ดี มันเป็นโทรศัพท์แห่งความภูมิใจ ผมซื้อด้วยเงินก้อนแรกที่ทำงานพิเศษ สมัยเรียนมัธยมปลาย” “ สิบกว่าปี โหคุณนี่ วันนี้ทำให้ผมทึ่งหลายอย่าง แต่ผมแนะนำให้เปลี่ยนซะ ถ้ายังต้องทำงานกับผม” “ ฉันไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง มาใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย คนที่บ้านฉันยังอ้าปากรอฉันอยู่ ฉะนั้นจะมาให้ฉันมาใช้จ่ายเงินเหมือนเบี้ยฉันคงทำไม่ได้” อาร์มลืมสรรพนามแทนตัว เมื่อรู้สึกโกรธเมื่อรู้สึกเหมือนถูกดูถูก “ อะไรคุณเงินเดือน เลขาผู้บริหารอย่างน้อยก็ต้องสองหมื่นอัพ” “ ก็ได้เท่านั้นแต่ฉันต้องส่งที่บ้านเดือนละสองหมื่นทุกเดือน” “ อะไรนะ แล้วคุณเหลือเงินใช้เท่าไหร่แต่ละเดือน” “ หกพัน สำหรับฉันแค่นี้ก็พอ ขอให้คนที่บ้านกินอิ่มนอนหลับสำหรับฉันตัวคนเดียวฉันอยู่ได้” “ ค่าเช่าหอ ค่ากิน ค่ารถ หกพันพอเหรอ” อลงกรณ์งง “ ก็พอถ้ารู้จักใช้และจัดสรร” “ คุณต้องดูแล ที่บ้านอีกกี่คน” “ หกคน พ่อแม่ฉัน ตาที่เป็นอัมพฤตครึ่งตัว และยายตาบอด มีพี่ชายที่เป็นโรคประสาทตั้งแต่เด็ก แล้วก็พี่ชายอีกคนที่เป็นคนคอยดูแลคนทั้งบ้าน” “ โห ผมนึกว่าดูรายการวงเวียนชีวิตนะเนี่ย” “ ฉันไม่ตลกกับคุณด้วยหรอกนะคุณอลงกรณ์ นี่มันเป็นชีวิตจริงแล้วก็เป็นเรื่องส่วนตัว จริงๆ ฉันไม่ควรเล่าให้คุณฟังด้วยซ้ำ คุณจะได้ไม่ต้องทำน้ำเสียงดูถูก “ “ นี่คุณ ผมไม่ได้ดูถูก ตรงกันข้าม ผมรู้สึกชื่นชมคุณมากนะเนี่ย คุณอายุน้อยกว่าผมตั้งหลายปีแต่รับภาระหนักเหมือนกัน เอาอย่างงี้ไปด้วยกันดีกว่า” อลงกรณ์เช็คบิล พร้อมกับลากมือเลขาหนุ่มให้เดินตาม เมื่อเลขาหนุ่มยังยืนงง อลงกรณ์ยอมรับว่ามือของเลขาหนุ่มอ่อนนุ่ม ในใจของชายหนุ่มรู้สึกวูบไหวด้วยความรู้สึกเหมือนถูกสป๊าคอย่างรุนแรง “ นี่คุณปล่อยมือผมนะ จะพาผมไปไหนเนี่ย” “ เฉย ๆ นะ เดี๋ยวรู้เอง” อลงกรณ์มายืน หน้าศูนย์ขายเครื่องมือสื่อสารชื่อดัง “ ขอไอโฟนรุ่นล่าสุดขอเป็นสีขาว ครับ” “ เอานี่ ผมซื้อให้คุณ” อลงกรณ์เลื่อนมือถือ ไปตรงหน้าของชายหนุ่มรุ่นน้อง “ ฉันไม่รับ เรื่องอะไรโทรศัพท์ของฉันมันยังดีอยู่” อลงกรณ์หน้างอเมื่อถูกขัดใจจากคนที่ยืนตรงข้าม “ ผมให้เพราะผมมีเหตุผล ต่อจากนี้คุณต้องทำงานกับผม โทรศัพท์ถือเป็นเครื่องมือที่จำเป็นมากโทรศัพท์รุ่นของคุณเนี่ยมันใช้ไม่ได้ ถ่ายรูปไม่ได้ ส่งอีเมล์ก็ไม่ได้ แต่งานของเราเป็นงานบริการและความฉับไว ถ้าคุณอยู่ที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านและที่ทำงาน ถ้าผมสั่งงาน คุณก็ส่งงานให้ผมให้ลูกค้าได้เลย ผมเป็นคนใจร้อนทำงานกับผมต้องฉับไวผมไม่ชอบการดองงาน ฉะนั้นรับไปซะ ถือว่าเป็นของขวัญที่คุณมาทำงานให้ผม เอาเป็นว่าถ้าคุณเกรงใจ เดี๋ยวผมจะบอกว่าผมจะเอาอะไรเป็นข้อแลกเปลี่ยนตกลงไหม อาร์มหรืออิทธิพลใคร่ครวญพลางคิดในใจ “ คนแบบนี้ คงไม่ชอบให้ใครขัดใจ ถึงขัดก็คงไม่ได้คงต้องยอมเค้าไปก่อน” “ เอาโทรศัพท์คุณมา” อลงกรณ์แบมือพร้อมกับรอรับโทรศัพท์เก่าของเลขา “ ช่วยเปลี่ยนซิมให้ด้วยนะครับแล้วช่วยโยนทิ้งไปได้เลยนะครับ” “ ไม่ได้ นะห้ามทิ้ง ของดี ๆ ฉัน เออ ผมอยากเก็บไว้เป็นที่ระลึก” อาร์มรีบคว้าโทรศัพท์มือถือคืนกลับมา อลงกรณ์อมยิ้มพร้อมยื่นมือถือเครื่องเปล่าเครื่องเก่าให้พร้อมกับหยิบไอโฟนสีขาว พร้อมกับล้วงมือหยิบไอโฟนของตัวเองสีดำ เพื่อเมมเบอร์ของเลขาไว้ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ตนเองเท่านั้นรู้ว่าเพราะอะไร “ นี่เบอร์ผม ผมเมมเบอร์ผมให้เอาไว้ใช้ติดต่อกัน ตอนทำงาน” อาร์มพยักหน้ารับ “ อีตานี่ทุ่มทุนสร้างเหมือนกัน ซื้อไอโฟนให้เลขา นี่เค้าคิดยังไงของเค้านะ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้ายเมื่อเช้าแทบจะฆ่าเราให้ตาย ตอนนี้เกิดจะมาใจดีซะอีก เฮ้อ คิดไม่ถึงจริง ๆ”หัวหินหลังจากต่างคนต่างหลบมุมไปนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ตรีรินทร์ก็เดินเข้าไปที่ห้องครัวเล็ก ๆเพื่อมองหาของที่จะทำอาหาร ธมกานต์เดินมานั่งที่โต๊ะในครัว ตรีรินทร์มองชายหนุ่มแล้วเลิกคิ้ว“ เราอย่าทะเลาะกันเลยนะรินทร์ นานๆ ผมจะว่างพาคุณมาเที่ยว” ธมกานต์เอ่ยขึ้นก่อน“ ฉันไม่ได้คนชวนทะเลาะนะคะ”“ อ้าว ไหงมาโทษผมล่ะ”“ ก็จริงนี่ แต่เอาเถอะค่ะสงบศึกกันชั่วคราวก็ได้ กลับกรุงเทพฯแล้วค่อยคุยกัน”“ ไม่ยอมเลยนะรินทร์” ธมกานต์พูดยั่ว“ แน่นอน” ตรีรินทร์เสียงแหลมแต่ในใจแอบรู้สึกถึงความอบอุ่นหกโมงเย็น โรงแรม Eifelstarอลงกรณ์เปิดประตูออกมา หลังจากครึ่งบ่ายลุยงานหลายชิ้น เมื่อมองเห็นชายรุ่นน้อง กำลังคีย์งานที่คอมฯ ก็เผลอมองก่อนจะพูดว่า“ นี่คุณเลิกงานตั้งนานแล้ว ทำไมยังไม่กลับบ้านไปอีก”“ ก็บอสยังไม่กลับ ฉันมันก็แค่เลขา จะกลับก่อนเจ้านายได้ยังไง” อาร์มค้อนเบาๆ“ ไป คุณกลับบ้านได้แล้ว เย็นมากแล้วผมไปส่ง”“ เออ ไม่ต้องครับ หอพักผมอยู่ถัดไปสองป้ายรถเมล์ ตอนเย็นผมเดินกลับถือโอกาสเดินออกกำลังกายไปในตัว”“ อวดดี ผมบอกไงว่าจะไปส่ง ทางผ่านอยู่แล้ว” อลงกรณ์ทำหน้าหงิกเมื่อถูกขัดใจ“ เร็วสิ เก็บของเร็ว ๆ” อล
หัวหินธมกานต์กับตรีรินทร์รับประทานอาหารท่ามกลางแสงเทียนในบรรยากาศแสนโรแมนติคธมกานต์ตักอาหารให้ภรรยาสาว ตรีรินทร์เงยหน้ามองชายหนุ่มแสดงความขอบคุณด้วยสายตา“ อาหารมื้อนี้อร่อยมาก อิ่มที่สุดในโลก ขอบคุณครับรินทร์ รู้ไหมตลอดสามปีกว่าที่เราพลัดพรากกันผมไม่เคยลืมคุณได้สักวินาทีเดียว ไม่คิดว่าจะได้มาเจอคุณอีกเหมือนปฏิหารย์แต่เราก็ได้พบกันแถมมีลูกเป็นของขวัญอีกขอบคุณคุณพระคุณเจ้าที่ไม่ทำให้เราพลัดพรากกันนานกว่านี้เมื่อก่อนผมมีชีวิตอยู่ไปอย่างไร้ค่าแต่เมื่อมาเจอคุณกับลูก ทำให้ผมมีเป้าหมายชีวิต ชีวิตผมมีความหมายมากขึ้น you change my life”ธมกานต์พูดภาษาอังกฤษตอนท้าย ตรีรินทร์รู้สึกตื้นตันน้ำตาคลอ ธมกานต์เอื้อมมือมาจับมือภรรยาสาวตั้งใจจะสารภาพรัก หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น ยิ่งหญิงสาวจ้องหน้าแบบจ้องเขม็ง ทำให้ธมกานต์พูดไม่ออกตรีรินทร์รู้สึกแทบหัวใจจะหยุดเต้นด้วยความตื่นเต้น ‘นี่เค้าจะบอกรักเราหรือเปล่า บอกสิคะแล้วรินทร์ก็จะบอกคุณบ้างว่ารินทร์รักคุณสุดหัวใจ ไม่เคยมีใครตลอดสามปีกว่าที่ผ่านมา เพราะรอคุณอยู่บอกสิคะ พลีส’ ตรีรินทร์พึมพำในใจพร้อมกับมองชายหนุ่มแบบส่งกำลังใจให้ธมกานต์ไม่รู้
“ เออ ยังงี้ก็จบข่าว งั้นแค่นี้แหละ จะบอกว่าข้าขอตัวคุณอาร์มมาช่วยงาน อืมมาทำงานโรงแรมก็ชักสนุกได้รื้อฟื้นสิ่งที่เรียนมาบ้าง ขอบใจเพื่อน แล้วเจอกันตอนที่แกกลับกรุงเทพฯนัดทานข้าวกันสักมื้อหนึ่ง”“ โอเคได้เลย ขอบใจเพื่อน”ธมกานต์วางโทรศัพท์ พร้อมกับล้มตัวลงนอนที่โขดหินตรีรินทร์นอนร้องไห้จนผลอยหลับไป รุ่งเช้าต่างคนก็ต่างยุ่งเก็บของกลับกรุงเทพฯระหว่างทางต่างคนต่างเงียบเหมือนไว้เชิง สุดท้ายตรีรินทร์ทนไม่ไหวเป็นฝ่ายเริ่มก่อน“ พรุ่งนี้รินทร์จะกลับเชียงใหม่แล้วนะคะ เป็นห่วงที่สวนลำไยแล้วไหนที่ร้านอีกทิ้งมาหลายวันแล้วเป็นห่วงค่ะ”ธมกานต์หันขวับมาอย่างโมโห “ตกลง เราคุยกันไม่รู้เรื่องหรือไงผมแต่งงานกับคุณก็เพื่ออยากให้เราเป็นครอบครัว แล้วผมก็ไม่ยอมให้คุณไปไหนทั้งนั้นเดี๋ยวผมจะส่งเข้มกับแหวนไปขนของคุณขึ้นมากรุงเทพฯ แล้วคุณก็ถามแม่คุณว่าท่านจะย้ายมาอยู่กับเราไหมผมอยากให้ท่านย้ายมาอยู่กับเรา”“ นี่คุณจะมาบังคับฉันไม่ได้หรอกนะฉันไม่ยอม ร้านอาหารฉันสร้างมากับมือแล้วสวนลำไยที่ลำพูนอีกยังไงฉันไม่มีวันทิ้งเด็ดขาด นะคะคุณธมกานต์ เราไม่ต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาก็ได้แล้วฉันจะพาลูกขึ้นมากรุงเทพฯ บ่
อาร์มตกใจ พร้อมกับระล่ำระลักว่า “ ผมครับผมเป็นคนจัด ผมเห็นมันรกมากจนไม่รู้จะวางเอกสารการประชุมไว้ตรงไหน พอวางมันก็ลื่นล้ม ผมเลยจัดให้มันเป็นระเบียบ”“ อ้อ คุณจะว่าผมมันไม่มีระเบียบว่างั้นเถอะ แต่ขอบคุณทีหลังไม่ต้องห้ามคุณมายุ่งวุ่นวายกับโต๊ะทำงานของผมอีก ไม่ว่ากรณีใดๆ ผมหาเอกสารของผมไม่เจอผมทำงานผมรู้ว่าวางเอกสารแบบไหนไว้ที่ตรงไหน ฉะนั้นขอความกรุณาอย่ามายุ่ง” อลงกรณ์ส่งเสียงดังอาร์มหลับตามือสั่นใจสั่นด้วยความกลัว ผู้ชายตรงหน้าเวลาเขาโกรธเค้าเหมือนคนละคนกับที่ตนรู้จักเมื่อวาน“ ครับ ต่อไปผมจะไม่ยุ่งอีก ขอโทษอีกครั้ง”“ คุณออกไปได้” อลงกรณ์เห็นชายหนุ่มรุ่นน้องหน้าเสียก็นึกสงสารโบกมือให้ออกห้องไปเพราะอารมณ์ยังคุกรุ่นอาร์ม หรือ อิทธิพลมานั่งร้องไห้ ทำงานที่นี่มาแปดปียังไม่เคยโดนดุเสียงดังขนาดนี้มาก่อนชายหนุ่มเจ็บใจน้อยใจ อุตส่าห์จัดโต๊ะทำงานให้เรียบร้อยไม่ได้ดี แล้วยังโดนด่าอีก คอยดูต่อไปนี้จะทำเท่าที่สั่งเท่านั้น อาร์มคิดในใจอย่างว้าวุ่นอาร์มเช็ดน้ำตาพร้อมกับตั้งใจทำงานต่ออย่างมีทิฐิ อลงกรณ์เมื่อหาเอกสารพบก็ถอนหายใจเฮือก“ นี่เราพูดรุนแรงไปหรือเปล่าหว่า ป่านนี้ไม่นั่งร้องไห้ขี้
ตอนเย็น“นี่เราจะไปไหนกันครับ คุณกรณ์” อิทธิพลหรืออาร์ม เอ่ยถามเมื่อรถขับเลยหอพักไปอีกช่วงตึก“ เงียบๆเถอะ ถึงแล้วผมจะบอกเอง” อลงกรณ์หันมาตอบเลขารุ่นน้องอลงกรณ์เดินนำเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตในห้างดัง ไม่ไกลจากหอพักของหนุ่มรุ่นน้องชายหนุ่มเดินไปหยิบของลงตระกร้า ท่ามกลางความงุนงงของเลขาหนุ่ม“ นี่คุณ จะซื้อของไปไหนเนี่ย เยอะแยะไปหมด”“ ซื้อไปไว้ที่หอคุณ”“ หา “ เสียงลากยาว“ ก็หอคุณ ไม่มีอะไรสักอย่าง กาแฟก็ไม่มี วิสกี้เบียร์ไม่มีสักอย่างแล้วผมก็เบื่ออาหารที่มีแต่ผักกับวิญญาณหมู วันนี้ผมทำงานหนักมาก ผมอยากทานอาหารดี ๆ สักหน่อยคุณช่วยทำอาหารให้หน่อย ผมเป็นคนจ่ายคุณเป็นคนทำ โอเคนะ”อาร์มยืนงงอยู่กับที่“ เร็วๆ สิคุณ เดี๋ยวก็เจอรถติดตอนกลับอีกหรอก มาช่วยผมเลือกเนื้อหน่อยวันนี้ผมอยากทานเนื้อทอดกระเทียมพริกไทย”หลังจากอาหารค่ำผ่านไปอย่างชื่นมื่น อลงกรณ์ก็มานอนที่เก้าอี้ยาว ก่อนจะเผลอหลับไปอาร์มมานั่งพัดยุงที่คอยมาตอมตามแขนขาของชายหนุ่ม อลงกรณ์ลืมตาขึ้น ตาประสานตาก่อนที่อาร์มจะลุกขึ้นปัดกางเกงขาสั้น“ ดึกแล้วผมว่าคุณควรกลับบ้านได้แล้ว กลับตอนนี้รถก็ไม่ติดแล้ว”อาร์มเฉไฉพูดกับอลงกรณ์“ ไล
สองทุ่มเศษๆอาหารถูกลำเลียงมาพร้อมสมาชิกทุกคนนั่งพร้อมกันที่โต๊ะ อลงกรณ์เดินเข้ามาอย่างกระหืดกระหอบ“ ขอโทษทีเพื่อน รถติดเป็นบ้าเลย”อลงกรณ์กล่าวขอโทษพร้อมกับตะลึงเมื่อเผชิญหน้ากับเลขาหนุ่มรุ่นน้องที่อยู่ในความคิดคำนึงตลอดสองวันที่ผ่านมา“นั่งสิคะคุณกรณ์ นั่งข้างๆ พี่อาร์มนั่นแหละค่ะ”“ นั่งสิไอ้กรณ์ยืนบื้ออยู่ได้” เสียงอัครเดชตะโกนมาทางหัวโต๊ะอลงกรณ์นึกไม่ถึงคนที่ตนตามหาหลายชั่วโมงที่ผ่านมากลับมานั่งอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มนั่งลงข้าง ๆระหว่างเลขาหนุ่มกับนายแพทย์เอกชัย หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นเลขาหนุ่มไม่กล้าหันไปมองด้วยความกลัวและเก้อเขินตรีรินทร์แอบสังเกตทั้งชายหนุ่มและเลขาหน้าหวานที่ต่างคนต่างเก้อเขินซึ่งกันและกันหญิงสาวอมยิ้มก่อนจะทักทายเพื่อนสามี“ คุณกรณ์หิวไหมคะ มาได้เวลาพอดี งั้นเราเริ่มลงมือกันเถอะค่ะ”“ พี่อาร์มตักยำทะเลให้คุณกรณ์สิคะ” ตรีรินทร์กล่าวนำเลขาหนุ่มตักยำทะเลแต่ไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ตัวอลงกรณ์รู้สึกหมั่นไส้เลขาหนุ่มรุ่นน้องที่ทำท่าทางเหมือนกลัวจะสบตา แม้แต่หน้าก็ยังไม่มองกัน“ แกไปทำไรแถวโรงแรมเจ้ากานต์ว่ะ ปล่อยให้พวกข้ารอตั้งนาน” อัครเดชเอ่ยถาม
“ อ๋อ ตอนนี้ผมจะไปหาคุณต้องมีธุระด้วยหรือไง” น้ำเสียงเริ่มขุ่น“ คุณเนี่ย ชอบตีความหมายอะไรผิดๆเมื่อวันก่อนผมถามให้คุณกลับบ้านเพราะกลัวว่าจะดึกแล้วเดินทางลำบาก คุณแม่คุณจะเป็นห่วงคุณก็ตีความหมายว่าผมขับไล่ ซึ่งมันไม่จริงเลย ผมไม่ได้รังเกียจคุณสักนิด วันนี้ผมก็ถามตามปกติธรรมดาคุณก็ตีความหมายไปอีกอย่าง ผมชักมึนกับคุณแล้วนะเนี่ย” เลขาหนุ่มอธิบายยาวอลงกรณ์นิ่งฟังแล้วยิ้มยวน ๆ “ ผมมันเป็นแบบนี้แหละ ทนๆ หน่อยแล้วกัน ยังต้องรบกันอีกยาว”เลขาหนุ่มค้อนชายหนุ่มเบาๆ ก่อนอมยิ้ม“ คุณทำอาหารและขนมอร่อยมาก เรียนมาหรือไง”“ บ้านผมมีแต่ผู้ชายหมด ผมเป็นลูกชายคนเล็ก ก็เลยต้องช่วยแม่เข้าครัวตั้งแต่เด็ก มันเป็นความเคยชินส่วนขนมก็หัดทำตอนเรียนมหาวิทยาลัย ทำขายหารายได้พิเศษเป็นค่ารถเมล์ไงคุณ ก็ผมมันคนจน”เลขาหนุ่มเล่ายาว“ นี่ขอร้องล่ะ ถ้าจะคบกันต่อไปไอ้รวยจนเนี่ยเลิกพูดได้ไหม รำคาญ” อลงกรณ์เริ่มหงุดหงิดอีกครั้ง“ พูดความจริงเล่าความจริงก็โกรธพิลึกคน” เลขาหนุ่มยักไหล่ก่อนจะยิ้มหวานเหมือนกวนๆ ในทีทำเอาอลงกรณ์ตะลึงในความน่ารักขี้เล่นของอีกฝ่าย รถติดไฟแดงตาจ้องตาในระยะใกล้กันแค่ไม่กี่คืบอลงกรณ์มองริมฝี
“ งั้นเดี๋ยวผมโทรเคลียร์กับเจ้ากรณ์ดีกว่า”“ ไม่ต้องค่ะ รินทร์อยากให้คุณกรณ์แปลกใจ”“ เชื่อรินทร์สิคะว่างานไม่เสีย แล้วคุณกรณ์ก็จะไม่โกรธคุณแน่นอน”ธมกานต์ถอนใจยาว พูดจริงๆ ตัวเองก็ชักไม่อยากไป เพราะร่างนุ่มนุ่มของภรรยาที่วันนี้มาโหมดหวานเซ็กซี่ ซ่าส์ สงสัยวันนี้ธมกานต์จะเดินตามเกมภรรยาคงจะมีความสุขไม่น้อย“ รินทร์ถูหลังให้นะคะ”“ จ๊ะ ที่รัก”“ แหม พอถูหลังให้หน่อยหวานเชียว ถามจริงๆ หวานแบบนี้มากี่คนแล้ว”ตรีรินทร์ถามพร้อมกับกลั้นใจฟังคำตอบ“ หวานกับรินทร์แค่คนเดียว เชื่อไหมไม่เคยหวานแบบนี้กับใครสักคน”ตรีรินทร์ใจเต้นแรงฟังแล้วเต็มตื้นหัวใจก่อนที่หญิงสาวจะผลักให้ชายหนุ่มนั่งแล้วตนเองย้ายไปนั่งข้างหลัง หญิงสาวชโลมสบู่พร้อมกับถูหลังไปมาอย่างตั้งใจและเต็มใจ“ ผมรู้สึกเหมือนเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดนะเนี่ยที่มีภรรยามาช่วยถูหลังให้”“ จริงเหรอค่ะ เอ แบบนี้จะมีของรางวัลหรือเปล่า”“ อยากได้อะไรล่ะ ผมให้คุณได้ทุกอย่างเว้นดาวและเดือน”“ ยังนึกไม่ออก ไว้นึกออกจะบอกนะคะ แต่คุณกานต์สัญญาแล้วว่าจะไม่เบี้ยว”“ ไม่เบี้ยวจ๊ะ”ตาจ้องตา ธมกานต์หันมาจูบปากพร้อมกับหมุนตัวเองในอ่างจนน้ำกระเพื่อม“ ทนไม่ไ
บ่ายวันเสาร์ตรีรินทร์ง่วนอยู่กับเตาอบอยู่หลายชั่วโมง หญิงสาวตะโกนออกมา“ คุณกานต์ขามานี่หน่อย รินทร์อยากได้คอมเม้นต์ค่ะ”ธมกานต์วางหนังสือพิมพ์พร้อมกับเดินเข้าบริเวณครัว“ มีอะไรให้สามีช่วยหรือครับ ภรรยาคนสวย”“ ช่วยชิมหน่อยสิคะ รสไหนอร่อย รสกาแฟ รสช้อคโกแล็ตชิบ หรือรสเนย”“ รินทร์ ตั้งแต่คุณทำผมชิมมาหลายสิบอันแล้วนะเนี่ย จนผมชักมึนกับรสคุกกี้ของคุณแล้วแต่ถ้าคุณจะหาคนชิมนะ โน่นไอ้กรณ์ ขานั้นนะชอบขนมทุกชนิด มันบ้าขนม เชื่อไหม เคยไปกินบุฟเฟ่เค้กมันกินได้สิบสองอัน พวกผมสามก้อนก็จะอ้วกแล้ว”“ แหม คุณเนี่ยไม่ร่วมมือเลย”“ อย่าพึ่งงอนสิจ๊ะคนสวย ผมลองทานอีกสามชิ้นก็ได้”ธมกานต์มองภรรยาสาวที่ขะมักเขม้นเรียงคุกกี้ลงขวดแก้วอย่างทะนุถนอม“เก็บเอาไว้ทานคราวหน้า ใส่ขวดไว้ให้น่ารับประทาน”ตรีรินทร์อธิบายพร้อมกับเรียงขนมลงขวดด้วยความระมัดระวังเช้าวันอาทิตย์ตรีรินทร์ก้มลงหอมแก้มสามีหนุ่ม พร้อมกับกระซิบว่า “ รินทร์ออกไปข้างนอกแป๊บหนึ่งนะคะ บ่ายนี้คุณไปตีกอล์ฟกับพวกพี่หมอใช่ไหม ถ้ารินทร์มาไม่ทัน เจอกันเย็นนี้นะคะ”ธมกานต์งัวเงียพร้อมกับหรี่ตามองนาฬิกาแปดโมงเช้าปกติวันอาทิตย์จะเป็นวันเดียวที่เขาแ
อลงกรณ์นั่งดูกีฬาในห้องนั่งเล่นได้ยินเสียงรถจอดบริเวณหน้าบ้านสักพักร่างคุณหญิงแพรวก็นวยนาดเข้ามาพร้อมสายตาเข้มที่พร้อมจะอาละวาด“ ใช้ไม่ได้เลยแก เสียมารยาทกับลูกเพื่อนแม่มากเลยนะกรณ์แม่ผิดหวังในตัวลูกมาก ปากคอเราะร้ายเฮ๊อ แม่กลุ้มใจในตัวลูกมาก กรณ์เมื่อไหร่จะเมียเป็นตัวเป็นตนสักทีแม่มีแกคนเดียวที่เป็นความหวังแม่อยากมีหลาน แล้วนี่แกก็ทำลายความหวังแม่ครั้งแล้วครั้งเล่า”คุณหญิงแพรวพูดเสียงเครือน้ำตาไหล“ แม่ก็รู้ว่าผมยังอยากมีอิสระ อยากทำงาน สร้างอนาคตด้วยตัวเองอย่ายุ่งเรื่องส่วนตัวของผมได้ไหมแม่หรือแม่อยากให้เหมือนคราวก่อน” อลงกรณ์พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเมื่อเห็นน้ำตาของผู้เป็นแม่ทำเอาอลงกรณ์ใจอ่อนยวบอลงกรณ์ถอนใจก่อนจะเข้ามากอดคุณหญิงพร้อมกับพูดว่า“ โอเคครับแม่ ผมจะลองพยายามทำตามที่แม่บอกอีกครั้ง” อลงกรณ์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนใจคุณหญิงแพรวยิ้มถูกใจพร้อมกับกอดลูกชาย ลูบหลังไปมาอย่างเอาใจหอพักเด่นชัยอลงกรณ์เคาะประตูห้อง อาร์มเดินมาเปิดประตูห้องอย่างงัวเงีย“ อ้าวคุณ มีอะไรหรือเปล่า มาซะดึกเชียว”“ ขอโทษที่มารบกวนคุณ แต่คืนนี้ผมอยากมีคุณอยู่ใกล้ๆ” อลงกรณ์กอดอาร์มแน่นเลขาหนุ่มขมวดคิ
“ แม่ตี พ่อทำไมครับ”“ ก็พ่อดื้อ แล้วแกล้งแม่ กริชต้องช่วยแม่นะจ๊ะ”เด็กชายกริชชัยเข้ามากอดผู้เป็นแม่ ท่ามกลางสายตาหมั่นไส้ของธมกานต์ที่ลูกชายผันตัวไปอยู่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว“อ้าว ไหนเมื่อกี้บอกจะช่วยพ่อไง”กริชชัยกอดพร้อมซบที่หน้าอกแม่ “ กริชรอพ่อกับแม่ไปรับตั้งนาน นี่จะเที่ยงแล้วนะครับพ่อกับแม่ยังไม่ตื่นอีก”ตรีรินทร์ใบหน้าร้อน พร้อมกับแก้ตัวเบาๆ “ แม่ขอโทษจ๊ะ งั้นขอแม่อาบน้ำแล้วเดี๋ยวเราไปเชียงใหม่กันบ่ายนี้ดีไหม กริชจะได้ไปเยี่ยมน้ำหวานเพื่อนลูกด้วยไง”เด็กชายกระโดดรอบเตียงด้วยความดีใจ ท่ามกลางสายตาของพ่อและแม่ที่บ่งบอกว่า รักลูกเต็มเปี่ยมภูเก็ตร่างชายหนุ่มสองคนที่ก่ายเกยกันอย่างแนบแน่น อาร์มขยับตัวเบาๆแต่ก็ต้องถูกดึงให้เข้ามาในอ้อมกอด“ เช้าแล้วเราตื่นเถอะ เดี๋ยวไปทำงานไม่ทันนะคะ”“ อืม ขอต่ออีกหน่อยนะยังไม่อยากไปเลย ผมอยากนอนกอดกับคุณอีกสักพัก เราไปตอนบ่ายๆ ก็ได้มีเวลาอีกวันหนึ่ง ค่ำๆวันอาทิตย์ค่อยกลับคุณไม่ได้รีบไปไหนนี่” อลงกรณ์จูบเบาๆที่ไหล่ของเลขาหนุ่มก่อนกระซิบเบาๆ“ ผมเคยนึกว่าทำไมผมถึงนอนกับน้องปรางไม่ได้ มาวันนี้ผมรู้จักตัวเองอย่างเต็มร้อยเมื่อก่อนผมคิดว่าผมสามาร
“ อาร์มก็เช่นกัน ขอบคุณนะครับ ที่ไม่รังเกียจคนอย่างอาร์ม แล้วยังให้ความรู้สึกดีๆ อีกอาร์มรู้สึกซาบซึ้งมาก”“ ผมคิดว่าผมรักคุณแล้วล่ะ อาร์ม ทำยังไงดี” อลงกรณ์พูดเสียงอ้อแอ้“ อาร์มก็รักคุณ”อลงกรณ์ยกมือเลขาหนุ่มพร้อมกับจูบที่ใจกลางอุ้งมือ ทำให้อาร์มขนลุกไปทั่วร่างกายเลขาหนุ่มประคองชายหนุ่มเข้าห้อง เมื่ออีกฝ่ายเริ่มเดินไม่ค่อยมั่นคง“ เมาหรือเปล่า คุณ”“ เมารักคุณไง อาร์ม”“ บ้า คุณเนี่ย พูดอะไร เมาแล้วไปนอน เถอะ อาร์มไปส่งคุณที่ห้อง”อลงกรณ์ยิ้มเจ้าเล่ห์ จริงๆ ไวน์แค่สามสี่แก้วทำอะไรตนไม่ได้ แต่ก็แกล้งทำเป็นเมาอาร์มวางร่างหนักอึ้งลงบนที่นอน แต่ก็ถูกดึงจนล้มไปด้วยกัน ก่อนที่อลงกรณ์จะพลิกตัวพร้อมกับจ้องมองใบหน้าเลขาหนุ่ม ที่ตอนนี้อยู่ในอาการตื่นตะลึง“ คืนนี้นอนกับผมห้องนี้นะ ผมอยากนอนกับคุณ” อลงกรณ์ปิดปากตัวเอง ลงที่ริมฝีปากบางก่อนที่มือก็เริ่มปลดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว อาร์มยอมให้ถอดเสื้อผ้าแต่โดยดีพร้อมกับช่วยปลดเสื้อผ้าของอีกฝ่าย ก่อนที่ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองของธรรมชาติอาร์มพึ่งเคยมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ความรู้สึกมันอ่อนหวานและซาบซ่าส์ จนตัวเองแทบจะนอนไม่หลับร่างของชาย
“ งั้นเดี๋ยวผมโทรเคลียร์กับเจ้ากรณ์ดีกว่า”“ ไม่ต้องค่ะ รินทร์อยากให้คุณกรณ์แปลกใจ”“ เชื่อรินทร์สิคะว่างานไม่เสีย แล้วคุณกรณ์ก็จะไม่โกรธคุณแน่นอน”ธมกานต์ถอนใจยาว พูดจริงๆ ตัวเองก็ชักไม่อยากไป เพราะร่างนุ่มนุ่มของภรรยาที่วันนี้มาโหมดหวานเซ็กซี่ ซ่าส์ สงสัยวันนี้ธมกานต์จะเดินตามเกมภรรยาคงจะมีความสุขไม่น้อย“ รินทร์ถูหลังให้นะคะ”“ จ๊ะ ที่รัก”“ แหม พอถูหลังให้หน่อยหวานเชียว ถามจริงๆ หวานแบบนี้มากี่คนแล้ว”ตรีรินทร์ถามพร้อมกับกลั้นใจฟังคำตอบ“ หวานกับรินทร์แค่คนเดียว เชื่อไหมไม่เคยหวานแบบนี้กับใครสักคน”ตรีรินทร์ใจเต้นแรงฟังแล้วเต็มตื้นหัวใจก่อนที่หญิงสาวจะผลักให้ชายหนุ่มนั่งแล้วตนเองย้ายไปนั่งข้างหลัง หญิงสาวชโลมสบู่พร้อมกับถูหลังไปมาอย่างตั้งใจและเต็มใจ“ ผมรู้สึกเหมือนเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดนะเนี่ยที่มีภรรยามาช่วยถูหลังให้”“ จริงเหรอค่ะ เอ แบบนี้จะมีของรางวัลหรือเปล่า”“ อยากได้อะไรล่ะ ผมให้คุณได้ทุกอย่างเว้นดาวและเดือน”“ ยังนึกไม่ออก ไว้นึกออกจะบอกนะคะ แต่คุณกานต์สัญญาแล้วว่าจะไม่เบี้ยว”“ ไม่เบี้ยวจ๊ะ”ตาจ้องตา ธมกานต์หันมาจูบปากพร้อมกับหมุนตัวเองในอ่างจนน้ำกระเพื่อม“ ทนไม่ไ
“ อ๋อ ตอนนี้ผมจะไปหาคุณต้องมีธุระด้วยหรือไง” น้ำเสียงเริ่มขุ่น“ คุณเนี่ย ชอบตีความหมายอะไรผิดๆเมื่อวันก่อนผมถามให้คุณกลับบ้านเพราะกลัวว่าจะดึกแล้วเดินทางลำบาก คุณแม่คุณจะเป็นห่วงคุณก็ตีความหมายว่าผมขับไล่ ซึ่งมันไม่จริงเลย ผมไม่ได้รังเกียจคุณสักนิด วันนี้ผมก็ถามตามปกติธรรมดาคุณก็ตีความหมายไปอีกอย่าง ผมชักมึนกับคุณแล้วนะเนี่ย” เลขาหนุ่มอธิบายยาวอลงกรณ์นิ่งฟังแล้วยิ้มยวน ๆ “ ผมมันเป็นแบบนี้แหละ ทนๆ หน่อยแล้วกัน ยังต้องรบกันอีกยาว”เลขาหนุ่มค้อนชายหนุ่มเบาๆ ก่อนอมยิ้ม“ คุณทำอาหารและขนมอร่อยมาก เรียนมาหรือไง”“ บ้านผมมีแต่ผู้ชายหมด ผมเป็นลูกชายคนเล็ก ก็เลยต้องช่วยแม่เข้าครัวตั้งแต่เด็ก มันเป็นความเคยชินส่วนขนมก็หัดทำตอนเรียนมหาวิทยาลัย ทำขายหารายได้พิเศษเป็นค่ารถเมล์ไงคุณ ก็ผมมันคนจน”เลขาหนุ่มเล่ายาว“ นี่ขอร้องล่ะ ถ้าจะคบกันต่อไปไอ้รวยจนเนี่ยเลิกพูดได้ไหม รำคาญ” อลงกรณ์เริ่มหงุดหงิดอีกครั้ง“ พูดความจริงเล่าความจริงก็โกรธพิลึกคน” เลขาหนุ่มยักไหล่ก่อนจะยิ้มหวานเหมือนกวนๆ ในทีทำเอาอลงกรณ์ตะลึงในความน่ารักขี้เล่นของอีกฝ่าย รถติดไฟแดงตาจ้องตาในระยะใกล้กันแค่ไม่กี่คืบอลงกรณ์มองริมฝี
สองทุ่มเศษๆอาหารถูกลำเลียงมาพร้อมสมาชิกทุกคนนั่งพร้อมกันที่โต๊ะ อลงกรณ์เดินเข้ามาอย่างกระหืดกระหอบ“ ขอโทษทีเพื่อน รถติดเป็นบ้าเลย”อลงกรณ์กล่าวขอโทษพร้อมกับตะลึงเมื่อเผชิญหน้ากับเลขาหนุ่มรุ่นน้องที่อยู่ในความคิดคำนึงตลอดสองวันที่ผ่านมา“นั่งสิคะคุณกรณ์ นั่งข้างๆ พี่อาร์มนั่นแหละค่ะ”“ นั่งสิไอ้กรณ์ยืนบื้ออยู่ได้” เสียงอัครเดชตะโกนมาทางหัวโต๊ะอลงกรณ์นึกไม่ถึงคนที่ตนตามหาหลายชั่วโมงที่ผ่านมากลับมานั่งอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มนั่งลงข้าง ๆระหว่างเลขาหนุ่มกับนายแพทย์เอกชัย หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นเลขาหนุ่มไม่กล้าหันไปมองด้วยความกลัวและเก้อเขินตรีรินทร์แอบสังเกตทั้งชายหนุ่มและเลขาหน้าหวานที่ต่างคนต่างเก้อเขินซึ่งกันและกันหญิงสาวอมยิ้มก่อนจะทักทายเพื่อนสามี“ คุณกรณ์หิวไหมคะ มาได้เวลาพอดี งั้นเราเริ่มลงมือกันเถอะค่ะ”“ พี่อาร์มตักยำทะเลให้คุณกรณ์สิคะ” ตรีรินทร์กล่าวนำเลขาหนุ่มตักยำทะเลแต่ไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ตัวอลงกรณ์รู้สึกหมั่นไส้เลขาหนุ่มรุ่นน้องที่ทำท่าทางเหมือนกลัวจะสบตา แม้แต่หน้าก็ยังไม่มองกัน“ แกไปทำไรแถวโรงแรมเจ้ากานต์ว่ะ ปล่อยให้พวกข้ารอตั้งนาน” อัครเดชเอ่ยถาม
ตอนเย็น“นี่เราจะไปไหนกันครับ คุณกรณ์” อิทธิพลหรืออาร์ม เอ่ยถามเมื่อรถขับเลยหอพักไปอีกช่วงตึก“ เงียบๆเถอะ ถึงแล้วผมจะบอกเอง” อลงกรณ์หันมาตอบเลขารุ่นน้องอลงกรณ์เดินนำเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตในห้างดัง ไม่ไกลจากหอพักของหนุ่มรุ่นน้องชายหนุ่มเดินไปหยิบของลงตระกร้า ท่ามกลางความงุนงงของเลขาหนุ่ม“ นี่คุณ จะซื้อของไปไหนเนี่ย เยอะแยะไปหมด”“ ซื้อไปไว้ที่หอคุณ”“ หา “ เสียงลากยาว“ ก็หอคุณ ไม่มีอะไรสักอย่าง กาแฟก็ไม่มี วิสกี้เบียร์ไม่มีสักอย่างแล้วผมก็เบื่ออาหารที่มีแต่ผักกับวิญญาณหมู วันนี้ผมทำงานหนักมาก ผมอยากทานอาหารดี ๆ สักหน่อยคุณช่วยทำอาหารให้หน่อย ผมเป็นคนจ่ายคุณเป็นคนทำ โอเคนะ”อาร์มยืนงงอยู่กับที่“ เร็วๆ สิคุณ เดี๋ยวก็เจอรถติดตอนกลับอีกหรอก มาช่วยผมเลือกเนื้อหน่อยวันนี้ผมอยากทานเนื้อทอดกระเทียมพริกไทย”หลังจากอาหารค่ำผ่านไปอย่างชื่นมื่น อลงกรณ์ก็มานอนที่เก้าอี้ยาว ก่อนจะเผลอหลับไปอาร์มมานั่งพัดยุงที่คอยมาตอมตามแขนขาของชายหนุ่ม อลงกรณ์ลืมตาขึ้น ตาประสานตาก่อนที่อาร์มจะลุกขึ้นปัดกางเกงขาสั้น“ ดึกแล้วผมว่าคุณควรกลับบ้านได้แล้ว กลับตอนนี้รถก็ไม่ติดแล้ว”อาร์มเฉไฉพูดกับอลงกรณ์“ ไล
อาร์มตกใจ พร้อมกับระล่ำระลักว่า “ ผมครับผมเป็นคนจัด ผมเห็นมันรกมากจนไม่รู้จะวางเอกสารการประชุมไว้ตรงไหน พอวางมันก็ลื่นล้ม ผมเลยจัดให้มันเป็นระเบียบ”“ อ้อ คุณจะว่าผมมันไม่มีระเบียบว่างั้นเถอะ แต่ขอบคุณทีหลังไม่ต้องห้ามคุณมายุ่งวุ่นวายกับโต๊ะทำงานของผมอีก ไม่ว่ากรณีใดๆ ผมหาเอกสารของผมไม่เจอผมทำงานผมรู้ว่าวางเอกสารแบบไหนไว้ที่ตรงไหน ฉะนั้นขอความกรุณาอย่ามายุ่ง” อลงกรณ์ส่งเสียงดังอาร์มหลับตามือสั่นใจสั่นด้วยความกลัว ผู้ชายตรงหน้าเวลาเขาโกรธเค้าเหมือนคนละคนกับที่ตนรู้จักเมื่อวาน“ ครับ ต่อไปผมจะไม่ยุ่งอีก ขอโทษอีกครั้ง”“ คุณออกไปได้” อลงกรณ์เห็นชายหนุ่มรุ่นน้องหน้าเสียก็นึกสงสารโบกมือให้ออกห้องไปเพราะอารมณ์ยังคุกรุ่นอาร์ม หรือ อิทธิพลมานั่งร้องไห้ ทำงานที่นี่มาแปดปียังไม่เคยโดนดุเสียงดังขนาดนี้มาก่อนชายหนุ่มเจ็บใจน้อยใจ อุตส่าห์จัดโต๊ะทำงานให้เรียบร้อยไม่ได้ดี แล้วยังโดนด่าอีก คอยดูต่อไปนี้จะทำเท่าที่สั่งเท่านั้น อาร์มคิดในใจอย่างว้าวุ่นอาร์มเช็ดน้ำตาพร้อมกับตั้งใจทำงานต่ออย่างมีทิฐิ อลงกรณ์เมื่อหาเอกสารพบก็ถอนหายใจเฮือก“ นี่เราพูดรุนแรงไปหรือเปล่าหว่า ป่านนี้ไม่นั่งร้องไห้ขี้