“ ถ้าคุณว่าง่ายผมก็ไม่ต้องเผด็จการลองดูสิแล้วคุณจะรู้ว่าเวลาผมน่ารักเป็นยังไงคุณจะต้องตกหลุมรักผมในไม่ช้า”
“จะอ้วกแต่เสียดายอาหารเมื่อกี้มันอร่อยมากกก” ตรีรินทร์ทำท่าขยักขย่อนธมกานต์ส่ายหน้ากับท่าทางของหญิงสาวพร้อมกับอมยิ้ม “ ขอน้ำเปล่าสักแก้วนะคะ” ตรีรินทร์ยิ้มกับสจ๊วตหนุ่มที่บริการบนเครื่องธมกานต์หันมามองด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะพูดว่า “ ไม่ต้องยิ้มหวานขนาดนั้นไอ้หนุ่มนั่นมันก็พร้อมจะบริการคุณเพราะมันเป็นหน้าที่ของเค้าเพราะฉะนั้นไม่ต้องยิ้มยั่วยวนขนาดนั้น” “ นี่คุณจะไม่หาเรื่องสักชั่วโมงจะตายไหมเนี่ย” น้ำเสียงตรีรินทร์หงุดหงิดในความ วีนของชายหนุ่มผ่านไปสักครู่สจ๊วตหนุ่ม มาพร้อมแก้วน้ำ ตรีรินทร์ยื่นมือไปรับสจ๊วตหนุ่มสบตากับผู้โดยสารสาวก่อนที่จะมือสั่นจนน้ำในแก้วกระฉอกตรีรินทร์ตกใจพอๆกับที่สจ๊วตหนุ่มก็ตกใจไม่แพ้กัน “ขอโทษครับผมไม่ได้ตั้งใจสักครู่นะครับ “ “ไม่เป็นไรค่ะ” ตรีรินทร์รีบมองหา ทิชชู่ “ แหม พอสาวเจ้ายิ้มหวานทำเอามือไม้สั่น บริหารเสน่ห์พอหรือยังอีกไม่กี่วันก็จะหมั้นแล้วนะคุณเพลาๆมือหน่อย” ธมกานต์กัดฟันพร้อมกับกระซิบข้างๆหูทำเอาตรีรินทร์แทบจะร้องกรี๊ดที่โดนชายหนุ่มเหน็บแนม “ บ้ามันเป็นอุบัติเหตุเครื่องมันตกหลุมอากาศคนใจอกุศล” ตรีรินทร์สะบัดหน้าพร้อมกับจะลุกเพื่อเดินไปห้องน้ำ “ จะไปไหน” “ ไปห้องน้ำ ฉันไปห้องน้ำได้ไหม” น้ำเสียงตรีรินทร์พร้อมจะเอาเรื่อง ธมกานต์นิ่งเงียบก่อนจะผายมือทำท่าเชิญให้หญิงสาวไปห้องน้ำตามใจ งานหมั้นระหว่างหญิงสาวและชายหนุ่มผ่านไปเร็วเหมือนโกหกนับจากวันที่กลับจากเชียงใหม่ทั้งตรีรินทร์และธมกานต์ก็ยุ่งวุ่นวายกับงานจนไม่มีแม้แต่เวลามานั่งเถียงกันอีกงานหมั้นเล็กๆภายในครอบครัวพิพัฒนพงค์ผ่านไปอย่างเรียบง่ายมีแขกประมาณสามสิบกว่าคนเป็นเพื่อนสนิทและญาติสนิทตรีรินทร์แทบจะไม่รู้จักใครในงานญาติและเพื่อนฝั่งเธอมีแค่เจ็ดคนนอกนั้นเป็นแขกฝั่งชายหนุ่มงานหมั้นเล็กๆผ่านไปอย่างอบอุ่น ตรีรินทร์นึกว่าฝันไปแต่เมื่อนั่งมองแหวนที่นิ้วนางด้านซ้ายก็ทำให้รู้ว่านั่นคือความจริง ตรีรินทร์นั่งมองพระจันทร์อยู่ในห้องนอนเล็กๆเหม่อมองพระจันทร์พร้อมกับนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านไปเมื่อวานงานหมั้นผ่านไปแล้วอีกไม่กี่วันก็จะต้องแต่งงานตรีรินทร์นั่งนึกถึงความยุ่งยากต่างๆที่จะตามมา “นี่เราต้องแต่งงานกับเค้าจริงๆ หรือนี่ทำไมใจมันเต้นแรงทุกครั้งที่นึกถึงว่าต้องแต่งงานกับเค้านะท่องไว้สิตรีรินทร์เราชอบเค้าไม่ได้ห้ามรู้สึกอะไรเด็ดขาดเราแต่งเพื่อความจำเป็นหนึ่งปีเท่านั้นหนึ่งปีท่องไว้สิ” ตรีรินทร์พยายามพูดกับตัวเอง กริ๊งๆๆ เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นตรีรินทร์เหลือบตาไปมองพร้อมกับย่นจมูกเมื่อปรากฎเป็นชื่อของชายหนุ่ม “ ว่าไงคะ” ตรีรินทร์รับโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกเหนื่อยๆ “ เย็นนี้ผมไปรับมาทานข้าวที่บ้านนะ” “ ฉันมีงานค่ะงานเร่งด่วนด้วยแค่นี้ก่อนนะคะ” “ เดี๋ยวนี่คุณเห็นงานสำคัญกว่าผมหรือไงกะแค่ทานข้าวกับผมสักชั่วโมงสองชั่วโมงมันทำให้คุณเสียเวลามากงั้นหรือไง” ตรีรินทร์ถอนหายใจเมื่อชายหนุ่มเริ่มต้นหาเรื่องเธอ “ โถคุณตอนนี้สมองกำลังลื่นเลยไอเดียกำลังบรรเจิด วันนี้ขอเวลาทำงานก่อนนะคะทานข้าวทานกันเมื่อไหร่ก็ได้แค่นี้ก่อนนะ” ตรีรินทร์วางหูพร้อมกับลงมือทำงาน ฟากฝั่ง ธมกานต์ถึงกับโยนมือถือไปที่โซฟาเพื่อระบายอารมณ์ “ เป็นคู่หมั้นภาษาอะไรเห็นงานสำคัญกว่าผมงั้นเหรอคอยดูผมจะไม่โทรหาดูสิ คุณจะโทรหาผมหรือเปล่าผมมีความสำคัญแค่ไหนในสายตาคุณ” ธมกานต์ฉุนเฉียวอย่างคนเจ้าอารมณ์ บ่ายวันเดียวกันรสสุคนธ์หน้ามุ่ยมาชงกาแฟ “ รสเป็นไรหน้าหงิกเชียว” “ ก็บอสสิไม่รู้เป็นไรทำอะไรไม่ถูกใจสักอย่างอาละวาดทั้งวัน โอ๊ยจะบ้าตาย” “ สงสัยทะเลาะกับแฟนมั้ง” “ แล้วมาลงหัวเลขาอย่างฉันใช่ไหมสมจริงๆเลขาคือกระโถนท้อง พระโรงใช่ไหม เฮ๊อ กลุ้ม” สิงคโปร์ จามิกานั่งกดมือถือเล่นเมื่อรอเข้าฉากถ่ายแบบของหนังสือแนวเซ็กซี่ฉบับหนึ่งแล้วก็ต้องร้องกรี๊ดเมื่อเห็นภาพหมั้นจากอินสตาร์แกรมของเพื่อนสนิทของแฟนหนุ่มที่เธอหมายจ้องเป็นสามีในอนาคต “ กริ๊ดไม่จริงกานต์หมั้น หมั้นกับใครอีสาวคนนี้ มันเป็นใคร จี้ไม่ยอมไม่ยอมไม่ยอม” จามิกากระทืบเท้า “ ไม่ถ่ายแล้ว ฉันไม่ถ่ายแล้วฉันต้องกลับเมืองไทยเดี๋ยวนี้มีเรื่องสะสาง” “ จี้เธอทำแบบนี้ไม่ได้นะพวกพี่เสียเงินเป็นแสนกับทริปนี้เธอต้องทำงานให้เสร็จแล้วจะไปไหนก็ไป สไตล์ลิสของหนังสือจีบปากพูดพร้อมกับขู่ว่า “ นี่ถ้าเธอเบี้ยวงานฉันฉันจะโพทะนาไปทั่ววงการว่าเธอมันไม่รับผิดชอบดูสิ จะมีใครกล้าจ้างเธอไหม” “ เจ๊แฟนหนูถูกเค้าแย่งไปขอเถอะนะเจ๊ให้หนูกลับเถอะแล้วถ้าเคลียร์เสร็จแล้วหนูจะกลับมา” “ ไม่ได้ถ้าเธอก้าวขาเดินออกไปเธอกับฉันขาดกัน” เจ๊ลีน่าสไตล์ลิสชื่อดังขู่พร้อมกับจ้องมองนางแบบสาวอย่างไม่พอใจ “ บ้า บ้าบ้างั้นก็เร็วๆสิฉันอยากกลับเมืองไทย” จามิกาสะบัดหน้าพร้อมกับทำงานอย่างไม่เต็มใจ ธมกานต์ นายแพทย์เอกชัย คมกริชทนายหนุ่มสามหนุ่มนั่งจิบเบียร์หลังจากตีเทนนิสที่สโมสรที่ทั้งสามเป็นสมาชิก “ เฮ๊ยเป็นไรว่ะนั่งมองโทรศัพท์อยู่นานแล้วนะเว้ย อยากโทรอยากแมสเสจก็ทำสิว่ะหรือกลัวเสียฟอร์ม” “ ไม่มีทางยังไงวันนี้ข้าจะไม่ยอมแพ้จะไม่ติดต่อเค้าก่อนเป็นอันขาด” น้ำเสียงหนักแน่นของธมกานต์ทำเอาสองเพื่อนซี้มองหน้ากันแล้วยักคิ้ว “ อยากเห็นงานสำคัญกว่าก็เชิญอยู่กับงานแล้วกัน” น้ำเสียงกระแทกประชดประชันรู้สึกหงุดหงิดมากเป็นพิเศษ “ พระเอกขี้ใจน้อยเฮ๊อกลุ้มแทนคุณรินทร์เลยว่ะ เออ ว่าแต่คุณรินทร์ เค้าเลิกกับแฟนตำรวจแล้วเหรอว่ะข้าได้ยินว่าเค้าชอบคุณรินทร์ตั้งแต่อนุบาลเป็นรักที่ยั่งยืนมากก” “ ไม่รู้สิไม่ได้ถาม” น้ำเสียงเหมือนไม่แยแสแต่ในใจแอบเสียวแปล๊บ บริษัท พีดีดีไซด์ “ อ้าวรินทร์ ยังไม่กลับอีกหรือไง” จักรรินทร์ตะโกนทัก “ งานเร่งพี่ต้องทำให้เสร็จภายในคืนนี้ยังอยู่กิโลเมตรที่สองอยู่เลยเฮีย ถ้าไม่เสร็จเฮียพงค์เอาหนูตายแน่ๆน้ำเสียงโอดครวญทำเอาสุภาและจักรรินทร์ยิ้มเอ็นดู “ ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์เลยปกติได้ยินแทบทุกชั่วโมงพระเอกอยู่ไหนล่ะจ๊ะ” สุภาเอ่ยถามอย่างอยากรู้ “ ไม่รู้สิคะงานเค้าคงเยอะเหมือนกัน ไม่มีเวลาสนใจหรอกค่ะหนูทำงานต่อนะคะก่อนเฮียพงค์จะมาเหยียบ” ธมกานต์นั่งมองโทรศัพท์ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นก่อนจะยิ้มเหมือนสมใจที่หญิงสาวโทรมาง้อตามที่ได้คาดการณ์ไว้ “ฮัลโหลในที่สุดคุณก็โทรมา” “ กานต์ขา ดาร์ลิ่ง จี้เห็นข่าวแล้วจี้ไม่ยอมนะกานต์กานต์หมั้นกับคนอื่นได้ไงเราคบกันอยู่นะคะกานต์นอกใจจี้ได้ไงจี้ไม่ยอมนะคะ” เสียงจีจี้ นางแบบสาวกรีดร้องอย่างขัดใจ “ เราไม่ได้เป็นอะไรกันนี่ครับเราเป็นเพื่อนกันผมไม่เคยบอกว่าเราเป็นแฟนกันคุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าแล้วที่เราเกินเลยกันไปผมเคยบอกแล้วไงว่าจะไม่มีการผูกมัดตอนนั้น คุณก็ตกลงหรือคุณจำไม่ได้ครับจี้” นางแบบสาวสะอึกเมื่อชายหนุ่มตอบกลับมาอย่างงั้น ปากสั่นน้ำตาพาลจะไหลเสียงกรีดร้องทำเอาธมกานต์ต้องเอาโทรศัพท์ห่างจากหู เสียงวางโทรศัพท์ทำเอาธมกานต์ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกแต่อีกใจก็แอบกังวลว่าคนอย่างจามิกาไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆสุดท้ายแล้วเธอคงต้องทำอะไรให้เกิดความยุ่งยากอีกเป็นแน่แท้ หลังจากออกกำลังกายที่สโมสรสามหนุ่มก็ยังไปนั่งดื่มต่อที่ ร้านดื่มเล็กๆแถวซอย ทองหล่อซึ่งปกติเดือนหนึ่งก็จะนัดสังสรรค์กันครั้งหนึ่งเมื่อมีเวลาว่างตรงกันแต่หลังๆ ตั้งแต่ภารกิจของแต่ละคนเพิ่มมากขึ้นก็ทำให้ระยะห่างที่จะสังสรรค์ก็ห่างกันออกไปแต่เนื่องด้วยวันนี้ชายหนุ่มเจ้าของธุรกิจโรงแรมที่ผ่านการหมั้นมาหยกๆเกิดมีอารมณ์อยากสังสรรค์เพื่อนทั้งสองเลยต้องมาเป็นเพื่อน “เฮ๊ย ไรว่ะกานต์ชวนออกมาดื่มแล้วมานั่งเซ็ง งั้นเดี๋ยวกลับเถอะว่ะหน้าไปกินรังแตนที่ไหนมา” ทนายหนุ่มต่อว่าไม่จริงจัง “ อืมเซ็งจริงๆมีคู่หมั้นเค้าก็สนใจงานมากกว่าข้าก็เลยเซ็ง” “ เอ งานเร่งหรือเปล่าเห็นอรบอกเหมือนกันว่าคุณรินทร์งานเยอะเห็นทำโอที ด้วยนะวันนี้” “ หึนั่นสิแฟนแกดันรู้ดีกว่าข้าซึ่งเป็นคู่หมั้นอย่างงี้มันน่าน้อยใจไหมล่ะแล้วนี่จะแปดชั่วโมงแล้วเค้าไม่โทรหาข้าสักครั้งใจดำ” น้ำเสียงธมกานต์ต่อว่าประชดประชันตามความรู้สึกที่อัดแน่นมาตั้งแต่เช้า “ เข้าใจหน่อยสิว่ะว่าเค้างานเยอะ ไม่ได้ไปเที่ยวเล่นที่ไหน”นายแพทย์หนุ่มพยายามแก้แทน “ เซ็ง ดื่มดีกว่าเหล้านี่แหละซื่อสัตย์กับเราที่สุด” ธมกานต์ชนแก้วเสียงดังพร้อมกับสาดเหล้าเข้าปากดื่มรวดเดียวหมดแก้วท่ามกลางความตกตะลึงของนายแพทย์หนุ่ม “เฮ๊ย ช้าๆ เพื่อนเดี๋ยวจะเมาก่อนจะมันส์นะเว้ย” “ ไม่มีใครสนใจอยู่แล้วเอ้าดื่มสินั่ง งง อยู่ได้” กว่าที่ทั้งสามจะออกจากร้านดื่มราวๆ สี่ทุ่มกว่านายแพทย์หนุ่มชวนกลับเพราะวันรุ่งขึ้นต้องทำงานธมกานต์ เดินเซเล็กน้อยมาที่ลานจอดรถซึ่งเข้มมาจอดรถรออยู่สักพักแล้ว “ อ้าวเข้มมาถึงนานแล้วหรือไงโทษทีนะที่รบกวนตอนดึกๆ” “ ไม่เป็นไรครับเจ้านายเจ้านายเดินไหวหรือเปล่า” แอร์เย็นๆทำให้ธมกานต์หายมึนไปบ้างเล็กน้อยธมกานต์คว้าโทรศัพท์พร้อมกับกด เบอร์ที่อยากจะกดมาตลอดทั้งวันแต่ด้วยทิฐิทำให้ไม่ยอมจะโทร กริ๊ง กริ๊งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นตรีรินทร์นั่งรถตู้กำลังจะเดินทางกลับบ้านหอบงานกลับบ้านเมื่อเห็นว่าดึกมากแล้วเดี๋ยวจะไม่มีรถตู้กลับบ้านแล้วต้องพึ่งแท็กซี่ซึ่งตรีรินทร์เองไม่สะดวกที่จะใช้แท็กซี่ยามค่ำคืนเมื่อได้ยิน เสียงก็รีบกดรับเพราะรถตู้อัดแน่นด้วยผู้โดยสารเกือบจะเต็มรถ “ ฮัลโหลรินทร์ค่ะ” ตรีรินทร์กระซิบตอบ “ นี่ ถ้าผมไม่โทรหาคุณก่อนคุณก็ไม่คิดจะโทรหาผมบ้างหรือไง รู้ไหมผมอดทนรอโทรศัพท์คุณนานแค่ไหนหัดมีน้ำใจให้กันบ้างได้ไหม” ธมกานต์ต่อว่าเสียงเข้ม “ นี่คุณอย่าพึ่งหาเรื่องตอนนี้ได้ไหม” ตรีรินทร์กระซิบอีก “ นี่คุณพูดดังๆหน่อยสิแล้วทำไมต้องกระซิบขนาดนั้นแม่คุณนอนอยู่แถวนั้นหรือไง” ธมกานต์ยังหงุดหงิดไม่หาย “ ฉันยังไม่ได้กลับบ้านยังอยู่บนถนนแล้วตอนนี้ก็ไม่สะดวกคุยไว้พรุ่งนี้ฉันค่อยโทรหานะคะ” “ เดี๋ยวว่าไงนะป่านนี้ยังไม่ถึงบ้านคุณไปทำอะไรที่ไหนกับใคร หะ” น้ำเสียงเริ่มเข้มและฉุนเฉียว “ ทำโอทีที่บริษัทค่ะกำลังจะกลับบ้านตอนนี้อยู่บนรถตู้ค่ะไม่สะดวกคุยได้ยินชัดหรือยัง” “ บ้าจริงทำงานถึงป่านนี้จะห้าทุ่มแล้วนะคุณนี่คุณจะบ้าหรือเปล่าทางเข้าบ้านคุณก็เปลี่ยว” “ อย่าพึ่งด่าได้ไหมค่ะฉันเหนื่อยและหิวมากด้วยยังไม่มีอารมณ์จะทะเลาะด้วย แค่นี้นะคะ” “ เดี๋ยวตรีรินทร์ รินทร์ รินทร์ โธ่เว้ย พูดยังไม่ทันจบวางหูไปแล้วมันน่าจริงๆเด็กบ้านี่ทำให้เราเป็นห่วงอีกแล้ว” “ เข้มขับไปบ้านคุณรินทร์ก่อนแล้วถ้าเห็นก๋วยเตี๋ยวข้างทางที่น่าอร่อยจอดให้เราด้วยจะซื้อไปฝากรินทร์” เข้มยิ้มรับคำสั่งเห็นเจ้านายชอบหาเรื่องคุณรินทร์แต่เข้มก็เห็นความห่วงใยเอื้ออาทรของเจ้านายที่มีต่อคุณรินทร์เสมอ ธมกานต์ขับรถมาจอดหน้าบ้านหลังเล็กของหญิงสาวคาดการณ์ว่าหญิงสาวคงยังไม่ ถึงบ้านเพราะไฟที่ห้องนอนหญิงสาวยังมืดสนิทจอดรถที่หน้าบ้านผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงก็เห็นร่างหญิงสาวที่หอบเอกสารสามสี่ม้วน เสื้อเชิตสีขาวที่หลุดลุ่ยออกจากขอบกระโปรงธมกานต์ส่ายหัวก่อนจะเปิดประตูออกมายืนข้างนอก หญิงสาวตกใจเล็กน้อยเมื่อมองเห็นธมกานต์เรือนร่างบึกบึนในชุดทำงานแต่เหลือเพียงเสื้อเชิ๊ตแขนยาวที่ถูกพับแขนไปถึงข้อศอกกระดุมถูกปลดมาสามเม็ดจนเห็นหน้าอกบึกบึนรำไรชายเสื้อถูกดึงออกมาจากขอบกางเกงสแลกสีครีม ใบหน้าเรียบสนิทคิ้วขมวด “ จะทำงานให้เค้ามอบโล่หรือไงถึงทำจนมืดจนค่ำป่านนี้ รู้ไหมว่าเป็นผู้หญิงแล้วทางเข้าบ้านคุณก็เปลี่ยว” “ ผมถามคุณได้ยินไหมเนี่ย”“ ได้ยินค่ะ” ตรีรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมกับถอนหายใจเหนื่อยกายมาตลอดวันแล้วกำลังจะเหนื่อยใจเพราะชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า “ ก็งานมันเร่งด่วนนี่คะลูกค้าอยากได้เร็วก็ต้องเร่งงานให้ทันกับความต้องการไม่ได้อยากได้รางวัลแต่มันเป็นหน้าที่” “ อะไรที่มันมากไปมันดูเว่อร์มากกว่าดูดีนะ” “ อย่าพึ่งเทศน์ตอนนี้ได้ไหมฉันเหนื่อยเพลียและหิวมากด้วยยังไม่ได้ทานอะไรเลย” ธมกานต์ถอนหายใจพร้อมกับหันหลังไปหยิบถุงพลาสติกมาส่งให้ “ ผมซื้อมาฝากคิดว่าคุณคงหิว” ตรีรินทร์เลิกคิ้วพร้อมกับประหลาดใจ “ อีตานี่ละเอียดจริงๆน่ารักซะ” ตรีรินทร์ยกมือไหว้พร้อมกับส่งสายตาอ่อนหวานส่งให้ชายหนุ่มได้รู้ว่าเธอรู้สึกดีกับสิ่งที่เค้าทำให้ ธมกานต์แก้เก้อด้วยการเอามือสอดเข้าไปในกางเกง “ จะไม่ขอบคุณผมสักคำหรือไงอุตส่าห์แวะมาหาซื้อก๋วยเตี๋ยวมาให้” ตรีรินทร์ยิ้มเมื่อเห็นชายหนุ่มร้องขอคำขอบคุณพร้อมกับทำหน้างอ ‘นี่ชีวิตเค้าคงไม่มีใครกล้าขัดใจเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลเป็นหลานคนเดียวชีวิตนี้อยากได้อะไรก็คงมีคนหามาประเคนให้คงไม่เคยมีใครขัดใจถึงได้ทั้งเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจขนาดนี้’ ตรีรินทร์คิดในใจ “ขอบคุณนะคะ” “ ผมส่งค
สวนจตุจักร “ นี่คุณจะมาทำอะไรที่นี่” “ ไม่รู้จักหรือคะสวนจตุจักรไง” “ รู้แต่เชื่อไหมไม่เคยมาหรอกเคยได้ยินแต่ชื่อ” “ งั้นวันนี้ก็จะได้มารู้มาเห็นในสิ่งที่คุณไม่เคยจะได้เห็นไง” “ แล้วคุณล่ะอยากมาซื้ออะไร” “ ฉันอยากได้ต้นไม้ให้แม่สักสองสามต้น” ธมกานต์เดินตามตรีรินทร์ที่เข้าร้านนั้นออกร้านนี้แล้วเริ่มร้อนและปวดหัวกับผู้คนที่เดินเบียดเสียดไปมา เพราะเป็นช่วงวันเสาร์ที่มีผู้คนมากมาย “ นี่รินทร์ตกลงคุณจะมาเที่ยวหรือจะมาแกล้งผม”น้ำเสียงธมกานต์เริ่มหงุดหงิดใบหน้าชายหนุ่มหงิกงอเหงื่อเริ่มไหลตามใบหน้าเนื่องด้วยอากาศร้อน “ พาคุณมาเที่ยวจริงๆค่ะแล้วก็อาสาแม่มาซื้อต้นไม้ด้วย ฉันว่าสนุกดีออก” “ แล้วที่คุณพาผมเดินไปเดินมาหลายซอยร้านต้นไม้นั่นนี่โน่นแล้วสรุปคุณก็กลับไปเอาต้นไม้ร้านแรกที่เราดูกันมาตกลงคุณแกล้งผมใช่ไหม” “ เปล่านะฉันก็แค่อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุด สรุปฉันผิดเหรอเนี่ยทีหลังถ้าไม่ชอบมาเดินแบบนี้ฉันจะได้ชวนคนอื่นมา” ตรีรินทร์กล่าวอมยิ้ม “ ผมเหนื่อยผมร้อนผมหิวมาก นี่จะบ่ายสองแล้วนะคุณ” เสียงบ่นของชายหนุ่มทำเอาหญิงสาวยิ้มขำ “ แหมก็บอกสิคะก็คนเดินช้อปปิ้งก็เพลิน ไม่บอกแล้วใครจะรู้
เสียงโทรศัพท์มือถือกรีดดังตรีรินทร์ไม่ได้สนใจกดรับสายเพราะสายตากำลังจ้องมองและยังจมอยู่กับภาพอดีตระหว่างเธอกับนายตำรวจหนุ่มตรีรินทร์กวาดตามองอัลบัมรูปที่มีอยู่เต็มเตียงนอนหญิงสาวมานั่งดูรูปเก่าๆร่วมสองชั่วโมงได้แล้วเป็นรูปแห่งความทรงจำตั้งแต่เล็กจนโตจนเรียนจบและจนมีงานทำเธอมีผู้ชายคนนี้อยู่ในทุกช่วงของชีวิตถึงแม้หลังๆ ตั้งแต่ชายหนุ่มเข้ารับราชการเป็นตำรวจเวลาที่เจอกันก็น้อยลงแต่ด้วยความเข้าใจในงานของอีกฝ่ายทำให้เธอและเค้าฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ร่วมกันมาได้ ยี่สิบกว่าปีมานี้มีทุกช่วงความทรงจำร่วมกันอย่างเปี่ยมล้นตรีรินทร์เก็บภาพอัลบัมลงกล่องกระดาษเสียงโทรศัพท์ยังดังอยู่เป็นระยะๆตรีรินทร์คว้าโทรศัพท์มากดรับด้วยท่าทางเนือยๆ “ รินทร์พูดค่ะ” “ นี่คุณผมกดโทรศัพท์มือแทบหงิกทำไมพึ่งจะรับไปทำอะไรมา”น้ำเสียงหงุดหงิดดังมาตามสายทำให้ตรีรินทร์ถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย “ มีอะไรคะ” “ ผมอยากชวนคุณไปดูของชำร่วย” “ วันนี้ไม่มีอารมณ์อยากอยู่บ้านและไม่อยากรับแขก” “ ผมไม่ใช่แขกผมเป็นคู่หมั้นและกำลังจะเป็นสามีคุณในอีกไม่กี่วันแล้ว นี่งานก็ใกล้เข้ามาแล้วเวดดิ้งแพลนนิ่ง เค้าจัดการให้ทุกอย่างแต่เราก็ต้อ
“ อืม แต่แกยังไม่เคยถามคุณกานต์ถึงเรื่องนี้ใช่ไหม” ตรีรินทร์สั่นศีรษะไปมาเป็นการปฏิเสธ “ เฮ้อแต่เรื่องมันมาไกลป่านนี้แล้วแกอย่าไปคิดมากเลยเดินหน้าเพื่อนแล้วค่อยไปเคลียร์กับยัยอ้อมทีหลัง ได้ข่าวว่าเค้าแต่งงานกับคนสิงค์โปร์ใช่ไหม” อรวิสาพูดให้กำลังใจ ตรีรินทร์ถอนหายใจเฮือก “ ฉันไม่สบายใจอยู่ดียิ่งใกล้วันแต่งงานมากขึ้นเท่าไหร่ฉันยิ่งใจคอไม่ค่อยจะดี อรแกมีอีเมล์ของอ้อมไหมฉันจะสบายใจมากถ้าได้เคลียร์กับอ้อมแล้วอย่างน้อยฉันก็อยากคุยกับเค้าไง” อรวิสาพยาบาลสาวมองเพื่อนอย่างเข้าใจ “ อืมเดี๋ยวไปค้นให้นะ ฉันจำได้ว่าเคยจดจากเพื่อนยัยอ้อมที่เจอเค้าที่สิงค์โปร์ได้เมื่อไหร่จะแมสเสจไปบอกแล้วกัน เอางี้กินดีกว่าแกอย่ามากลุ้มใจเลยในเมื่อพรหมลิขิตให้เดินก็เดินต่อไปแล้วกันเดี๋ยวฉันไปซื้อเย็นตาโฟ มาเลี้ยงแกกินซะจะได้หายกลุ้มจะได้สามี หล่อๆ รวยๆ โชคดีจะตายแก” อรวิสาหัวเราะร่วน “ โชคร้ายล่ะไม่ว่า ขี้วีนก็แค่นั้นเอาแต่ใจตัวเองโมโหร้ายทุกอย่างรวมเป็นออลอินวันเคยเห็นไหมอร ฉันยังกลุ้มถ้าต้องมาอยู่ด้วยกันยี่สิบสี่ชั่วโมงฉันคงอึดอัดใจตาย” อรวิสาหัวเราะ กริ๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์มือถือ ของหญิงสาวด
บ้านมนัสสุกานต์ เสียงรถมาจอดหน้าบ้านสักครู่ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้าบริเวณบ้านแม่แก้วที่มือกำลังร้อยมาลัยเงยหน้ามองแต่ต้องตกใจเมื่อเห็นลูกสาวถูกประคองมากับแฟนหนุ่ม แม่แก้ววางเข็มพวงมาลัยก่อนจะทำหน้าตาตกใจเมื่อเห็นสภาพของลูกสาว “ รินทร์ไปทำอะไรมาลูกทำไมแขนเป็นแบบนั้น” ธมกานต์ชิงพูดก่อนว่า “ รินทร์หกล้มที่บ้านผมครับผมขอโทษครับคุณแม่ที่ดูแลรินทร์ไม่ดี” แม่แก้วขมวดคิ้วก่อนจะเดินเข้ามาดู “ โห ตายล่ะแล้วนี่ก็ใกล้วันแต่ง นี่รินทร์ต้องเป็นเจ้าสาวแขนด้วนหรือนี่” “ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับแม่อีกห้าหกวันก็หายครับ” ธมกานต์รีบตอบแทนในขณะที่ตรีรินทร์อ้าปากแต่ก็พูดไม่ทันชายหนุ่มทำให้ตรีรินทร์แอบค้อนด้วยความหมั่นไส้ “ ตายล่ะพรุ่งนี้แม่มีนัดทำบุญเก้าวัดกับเพื่อนในหมู่บ้านแล้วจะทำไงเนี่ย” “ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงครับเดี๋ยวผมจะส่งเด็กที่บ้านมาดูแลแล้วกลางวัน ผมจะมาอยู่เป็นเพื่อนรินทร์ครับ” “ ไม่ต้องฉันไม่ต้องการทำไมคุณไม่บอกแม่ไปล่ะว่าที่ฉันเป็นแบบนี้เพราะคุณทำไมไม่พูด” ตรีรินทร์ตวาด “ จุ๊ๆ ยัยรินทร์ทำไมพูดกับพี่เค้าแบบนั้นไม่น่ารักเลย งั้นตามสบายนะจ๊ะหนุ่มสาวแม่ไปเตรียมตัวก่อน” แม่แก้วเ
สองวันผ่านไป ธมกานต์ได้เดินทางไปทำงานด่วนที่สิงค์โปร์ได้สองวันแล้วตลอดเวลาที่ชายหนุ่มไปสิงค์โปร์ได้ส่งคนขับรถที่บ้านมาคอยรับส่งคู่หมั้นสาวแรกๆตรีรินทร์ขัดขืนแต่ก็ต้องยอมในที่สุด ทุกๆสามชั่วโมงชายหนุ่มต้องโทรศัพท์มาคุยจนตรีรินทร์รู้สึกหงุดหงิดเหมือนต้องกลับไปเป็นนักเรียนประถมที่ต้องมีผู้ปกครองติดตามทุกย่างก้าวบางครั้งตรีรินทร์จึงแกล้ง ปิดเครื่องบ้าง เมื่อตนต้องใช้สมาธิในการทำงาน ตรีรินทร์รู้สึกตื่นเต้นที่ต้องไปงานเลี้ยงแสดงความยินดี สำหรับนายร้อยที่ได้ทำการติดยศใหม่หญิงสาวหมุนตัวไปมาที่หน้ากระจกเมื่อแต่งตัวเสร็จชุดนี้เป็นชุดสีครีมงาช้างที่ เปลือยไหล่ข้างซ้ายทำให้เห็นบ่าหญิงสาวที่สวยงามลำคองามระหง ตรีรินทร์รวบผมมวยเกล้าอย่างปราณีตแต่งหน้าเล็กน้อยและทาริมฝีปากสีชมพู ตรีรินทร์นัดให้โตมรมารับที่บ้านทุ่มครึ่ง แหวนช่วยตรีรินทร์แต่งตัวพร้อมกับกล่าวอย่างชื่นชมว่า “ คุณรินทร์สวยจังค่ะ” “ขอบคุณค่ะพี่แหวน” “ พี่แหวนเหงาไหมที่ต้องมาอยู่กับรินทร์ที่บ้านนี้บ้านรินทร์เล็กไม่เหมือนบ้านคุณกานต์” “ โถคุณรินทร์ไม่ต้องห่วงพี่แหวนนะคะก็อีกไม่กี่วันพี่แหวนก็จะได้กลับบ้านแล้วหลังคุณรินทร์แต่งงาน
“ เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันผมยังพูดกับคุณไม่จบ” ธมกานต์ผลักตรีรินทร์เข้าไปในห้องหญิงสาวเดินถอยหนีจนร่างไปกระทบกับโซฟาแววตาของตรีรินทร์บอกความรู้สึกหวาดกลัว ‘ อีตาบ้านี่จะทำอะไรเรานะ’ ตรีรินทร์คิดในใจ “ คุณทรยศความเชื่อใจของผมคุณทำลายความรู้สึกดีๆ ที่ผมมีต่อคุณต่อไปนี้ผมจะควบคุมคุณทุกฝีก้าวไม่เชื่อก็คอยดู” “ ไม่นะคุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้น” “ ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ผมเป็นผัวคุณหรือคุณจะปฏิเสธว่าไม่ใช่” ธมกานต์ตะคอกพร้อมกับบีบไหล่ด้วยความโกรธที่ปะทุในใจอย่างรุนแรง “ หยาบคายฉันเกลียดคุณ” “ ผมก็เกลียดตัวเองทำไมต้องไปแคร์คนอย่างคุณเป็นไปได้หางตาผมก็ไม่อยากแล” “ งั้นก็ยกเลิกงานแต่งงานซะฉันไม่ได้อยากแต่งงานกับคุณรู้ไว้ซะด้วย คนที่เอาแต่ใจไร้ซึ่งเหตุผลไม่รู้จักเห็นใจคนอื่นไม่เคยอยู่ในสายตาฉัน” “ ไม่มีทางผมเดินหน้ามาเกินร้อยแล้วผมย้อนกลับไปไม่ได้ เมื่อพูดกันดีๆไม่รู้เรื่องผมก็ต้องทำโทษคุณ” ธมกานต์กระชากเสื้อเสียงดังแคว๊กตรีรินทร์ร้องกรี๊ดพร้อมกับระดมทุบไปที่ไหล่ธมกานต์ก้มลงระดมจูบอย่างรักใคร่ปนเคียดแค้นเมื่อเหมือนถูกหักหลัง ตรีรินทร์พยายามช่วยเหลือตัวเองด้วยการจิกเล็บที่เรียวยาวไปที่ไหล
“ ไอ้บ้ากานต์อย่าฟุ้งซ่านสิเค้ายังเจ็บอยู่อย่าคิดบ้าไม่เลือกสถานการณ์แบบนี้เดี๋ยวเธอจะคิดว่าแกเป็นไอ้บ้ากาม” ธมกานต์บ่นด่าตนเองในใจ ตรีรินทร์อาบน้ำก่อนจะใส่เสื้อผ้าชุดนอนอย่างรัดกุมก่อนจะออกห้องน้ำมาแบบเขยกๆ ธมกานต์ผลอยนอนหลับไปอย่างไม่รู้ตัวตรีรินทร์นอนลงที่ด้านตรงข้ามชายหนุ่มพร้อมกับเอาหมอนข้างมาวางตรงกลางก่อนจะมองชายหนุ่มอย่างไม่ค่อยไว้ใจแต่เสียงหายใจสม่ำเสมอทำให้รู้ว่าชายหนุ่มหลับสนิทไปแล้ว ตรีรินทร์ถอนหายใจแบบโล่งอกก่อนจะล้มตัวลงนอนพร้อมกับดึงผ้าห่มมาห่ม กลางดึกตรีรินทร์รู้สึกมีมือมากอดตนเองพร้อมกับจูบที่ซอกคอ “ ไม่ต้องกลัวผมแค่อยากนอนกอดคุณวันนี้หมดแรงจริงๆอีกอย่างผมไม่อยากรังแกคนป่วยคนขาเดี้ยง เดี๋ยวคุณจะมาตะโกนด่าว่าผมว่าใจร้าย วันนี้ผมยกให้คุณหนึ่งวัน พรุ่งนี้คุณต้องให้รางวัลผมทั้งต้นและดอก” ธมกานต์กระซิบที่ข้างหู ขณะที่ตรีรินทร์ยิ้มขำก่อนจะผลอยหลับไปในอ้อมกอดของชายหนุ่ม ตรีรินทร์ตื่นขึ้นมาตอนเช้าชายหนุ่มยังหลับสนิทตรีรินทร์พยายามแกะมือชายหนุ่มออกก่อนจะลุกขึ้นจากที่นอนอย่างระมัดระวังไม่ให้รบกวนชายหนุ่ม ตรีรินทร์อาบน้ำเสร็จแต่งตัวและลงไปข้างล่างข้อเท้าของเธอยั
บ่ายวันเสาร์ตรีรินทร์ง่วนอยู่กับเตาอบอยู่หลายชั่วโมง หญิงสาวตะโกนออกมา“ คุณกานต์ขามานี่หน่อย รินทร์อยากได้คอมเม้นต์ค่ะ”ธมกานต์วางหนังสือพิมพ์พร้อมกับเดินเข้าบริเวณครัว“ มีอะไรให้สามีช่วยหรือครับ ภรรยาคนสวย”“ ช่วยชิมหน่อยสิคะ รสไหนอร่อย รสกาแฟ รสช้อคโกแล็ตชิบ หรือรสเนย”“ รินทร์ ตั้งแต่คุณทำผมชิมมาหลายสิบอันแล้วนะเนี่ย จนผมชักมึนกับรสคุกกี้ของคุณแล้วแต่ถ้าคุณจะหาคนชิมนะ โน่นไอ้กรณ์ ขานั้นนะชอบขนมทุกชนิด มันบ้าขนม เชื่อไหม เคยไปกินบุฟเฟ่เค้กมันกินได้สิบสองอัน พวกผมสามก้อนก็จะอ้วกแล้ว”“ แหม คุณเนี่ยไม่ร่วมมือเลย”“ อย่าพึ่งงอนสิจ๊ะคนสวย ผมลองทานอีกสามชิ้นก็ได้”ธมกานต์มองภรรยาสาวที่ขะมักเขม้นเรียงคุกกี้ลงขวดแก้วอย่างทะนุถนอม“เก็บเอาไว้ทานคราวหน้า ใส่ขวดไว้ให้น่ารับประทาน”ตรีรินทร์อธิบายพร้อมกับเรียงขนมลงขวดด้วยความระมัดระวังเช้าวันอาทิตย์ตรีรินทร์ก้มลงหอมแก้มสามีหนุ่ม พร้อมกับกระซิบว่า “ รินทร์ออกไปข้างนอกแป๊บหนึ่งนะคะ บ่ายนี้คุณไปตีกอล์ฟกับพวกพี่หมอใช่ไหม ถ้ารินทร์มาไม่ทัน เจอกันเย็นนี้นะคะ”ธมกานต์งัวเงียพร้อมกับหรี่ตามองนาฬิกาแปดโมงเช้าปกติวันอาทิตย์จะเป็นวันเดียวที่เขาแ
อลงกรณ์นั่งดูกีฬาในห้องนั่งเล่นได้ยินเสียงรถจอดบริเวณหน้าบ้านสักพักร่างคุณหญิงแพรวก็นวยนาดเข้ามาพร้อมสายตาเข้มที่พร้อมจะอาละวาด“ ใช้ไม่ได้เลยแก เสียมารยาทกับลูกเพื่อนแม่มากเลยนะกรณ์แม่ผิดหวังในตัวลูกมาก ปากคอเราะร้ายเฮ๊อ แม่กลุ้มใจในตัวลูกมาก กรณ์เมื่อไหร่จะเมียเป็นตัวเป็นตนสักทีแม่มีแกคนเดียวที่เป็นความหวังแม่อยากมีหลาน แล้วนี่แกก็ทำลายความหวังแม่ครั้งแล้วครั้งเล่า”คุณหญิงแพรวพูดเสียงเครือน้ำตาไหล“ แม่ก็รู้ว่าผมยังอยากมีอิสระ อยากทำงาน สร้างอนาคตด้วยตัวเองอย่ายุ่งเรื่องส่วนตัวของผมได้ไหมแม่หรือแม่อยากให้เหมือนคราวก่อน” อลงกรณ์พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเมื่อเห็นน้ำตาของผู้เป็นแม่ทำเอาอลงกรณ์ใจอ่อนยวบอลงกรณ์ถอนใจก่อนจะเข้ามากอดคุณหญิงพร้อมกับพูดว่า“ โอเคครับแม่ ผมจะลองพยายามทำตามที่แม่บอกอีกครั้ง” อลงกรณ์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนใจคุณหญิงแพรวยิ้มถูกใจพร้อมกับกอดลูกชาย ลูบหลังไปมาอย่างเอาใจหอพักเด่นชัยอลงกรณ์เคาะประตูห้อง อาร์มเดินมาเปิดประตูห้องอย่างงัวเงีย“ อ้าวคุณ มีอะไรหรือเปล่า มาซะดึกเชียว”“ ขอโทษที่มารบกวนคุณ แต่คืนนี้ผมอยากมีคุณอยู่ใกล้ๆ” อลงกรณ์กอดอาร์มแน่นเลขาหนุ่มขมวดคิ
“ แม่ตี พ่อทำไมครับ”“ ก็พ่อดื้อ แล้วแกล้งแม่ กริชต้องช่วยแม่นะจ๊ะ”เด็กชายกริชชัยเข้ามากอดผู้เป็นแม่ ท่ามกลางสายตาหมั่นไส้ของธมกานต์ที่ลูกชายผันตัวไปอยู่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว“อ้าว ไหนเมื่อกี้บอกจะช่วยพ่อไง”กริชชัยกอดพร้อมซบที่หน้าอกแม่ “ กริชรอพ่อกับแม่ไปรับตั้งนาน นี่จะเที่ยงแล้วนะครับพ่อกับแม่ยังไม่ตื่นอีก”ตรีรินทร์ใบหน้าร้อน พร้อมกับแก้ตัวเบาๆ “ แม่ขอโทษจ๊ะ งั้นขอแม่อาบน้ำแล้วเดี๋ยวเราไปเชียงใหม่กันบ่ายนี้ดีไหม กริชจะได้ไปเยี่ยมน้ำหวานเพื่อนลูกด้วยไง”เด็กชายกระโดดรอบเตียงด้วยความดีใจ ท่ามกลางสายตาของพ่อและแม่ที่บ่งบอกว่า รักลูกเต็มเปี่ยมภูเก็ตร่างชายหนุ่มสองคนที่ก่ายเกยกันอย่างแนบแน่น อาร์มขยับตัวเบาๆแต่ก็ต้องถูกดึงให้เข้ามาในอ้อมกอด“ เช้าแล้วเราตื่นเถอะ เดี๋ยวไปทำงานไม่ทันนะคะ”“ อืม ขอต่ออีกหน่อยนะยังไม่อยากไปเลย ผมอยากนอนกอดกับคุณอีกสักพัก เราไปตอนบ่ายๆ ก็ได้มีเวลาอีกวันหนึ่ง ค่ำๆวันอาทิตย์ค่อยกลับคุณไม่ได้รีบไปไหนนี่” อลงกรณ์จูบเบาๆที่ไหล่ของเลขาหนุ่มก่อนกระซิบเบาๆ“ ผมเคยนึกว่าทำไมผมถึงนอนกับน้องปรางไม่ได้ มาวันนี้ผมรู้จักตัวเองอย่างเต็มร้อยเมื่อก่อนผมคิดว่าผมสามาร
“ อาร์มก็เช่นกัน ขอบคุณนะครับ ที่ไม่รังเกียจคนอย่างอาร์ม แล้วยังให้ความรู้สึกดีๆ อีกอาร์มรู้สึกซาบซึ้งมาก”“ ผมคิดว่าผมรักคุณแล้วล่ะ อาร์ม ทำยังไงดี” อลงกรณ์พูดเสียงอ้อแอ้“ อาร์มก็รักคุณ”อลงกรณ์ยกมือเลขาหนุ่มพร้อมกับจูบที่ใจกลางอุ้งมือ ทำให้อาร์มขนลุกไปทั่วร่างกายเลขาหนุ่มประคองชายหนุ่มเข้าห้อง เมื่ออีกฝ่ายเริ่มเดินไม่ค่อยมั่นคง“ เมาหรือเปล่า คุณ”“ เมารักคุณไง อาร์ม”“ บ้า คุณเนี่ย พูดอะไร เมาแล้วไปนอน เถอะ อาร์มไปส่งคุณที่ห้อง”อลงกรณ์ยิ้มเจ้าเล่ห์ จริงๆ ไวน์แค่สามสี่แก้วทำอะไรตนไม่ได้ แต่ก็แกล้งทำเป็นเมาอาร์มวางร่างหนักอึ้งลงบนที่นอน แต่ก็ถูกดึงจนล้มไปด้วยกัน ก่อนที่อลงกรณ์จะพลิกตัวพร้อมกับจ้องมองใบหน้าเลขาหนุ่ม ที่ตอนนี้อยู่ในอาการตื่นตะลึง“ คืนนี้นอนกับผมห้องนี้นะ ผมอยากนอนกับคุณ” อลงกรณ์ปิดปากตัวเอง ลงที่ริมฝีปากบางก่อนที่มือก็เริ่มปลดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว อาร์มยอมให้ถอดเสื้อผ้าแต่โดยดีพร้อมกับช่วยปลดเสื้อผ้าของอีกฝ่าย ก่อนที่ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองของธรรมชาติอาร์มพึ่งเคยมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ความรู้สึกมันอ่อนหวานและซาบซ่าส์ จนตัวเองแทบจะนอนไม่หลับร่างของชาย
“ งั้นเดี๋ยวผมโทรเคลียร์กับเจ้ากรณ์ดีกว่า”“ ไม่ต้องค่ะ รินทร์อยากให้คุณกรณ์แปลกใจ”“ เชื่อรินทร์สิคะว่างานไม่เสีย แล้วคุณกรณ์ก็จะไม่โกรธคุณแน่นอน”ธมกานต์ถอนใจยาว พูดจริงๆ ตัวเองก็ชักไม่อยากไป เพราะร่างนุ่มนุ่มของภรรยาที่วันนี้มาโหมดหวานเซ็กซี่ ซ่าส์ สงสัยวันนี้ธมกานต์จะเดินตามเกมภรรยาคงจะมีความสุขไม่น้อย“ รินทร์ถูหลังให้นะคะ”“ จ๊ะ ที่รัก”“ แหม พอถูหลังให้หน่อยหวานเชียว ถามจริงๆ หวานแบบนี้มากี่คนแล้ว”ตรีรินทร์ถามพร้อมกับกลั้นใจฟังคำตอบ“ หวานกับรินทร์แค่คนเดียว เชื่อไหมไม่เคยหวานแบบนี้กับใครสักคน”ตรีรินทร์ใจเต้นแรงฟังแล้วเต็มตื้นหัวใจก่อนที่หญิงสาวจะผลักให้ชายหนุ่มนั่งแล้วตนเองย้ายไปนั่งข้างหลัง หญิงสาวชโลมสบู่พร้อมกับถูหลังไปมาอย่างตั้งใจและเต็มใจ“ ผมรู้สึกเหมือนเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดนะเนี่ยที่มีภรรยามาช่วยถูหลังให้”“ จริงเหรอค่ะ เอ แบบนี้จะมีของรางวัลหรือเปล่า”“ อยากได้อะไรล่ะ ผมให้คุณได้ทุกอย่างเว้นดาวและเดือน”“ ยังนึกไม่ออก ไว้นึกออกจะบอกนะคะ แต่คุณกานต์สัญญาแล้วว่าจะไม่เบี้ยว”“ ไม่เบี้ยวจ๊ะ”ตาจ้องตา ธมกานต์หันมาจูบปากพร้อมกับหมุนตัวเองในอ่างจนน้ำกระเพื่อม“ ทนไม่ไ
“ อ๋อ ตอนนี้ผมจะไปหาคุณต้องมีธุระด้วยหรือไง” น้ำเสียงเริ่มขุ่น“ คุณเนี่ย ชอบตีความหมายอะไรผิดๆเมื่อวันก่อนผมถามให้คุณกลับบ้านเพราะกลัวว่าจะดึกแล้วเดินทางลำบาก คุณแม่คุณจะเป็นห่วงคุณก็ตีความหมายว่าผมขับไล่ ซึ่งมันไม่จริงเลย ผมไม่ได้รังเกียจคุณสักนิด วันนี้ผมก็ถามตามปกติธรรมดาคุณก็ตีความหมายไปอีกอย่าง ผมชักมึนกับคุณแล้วนะเนี่ย” เลขาหนุ่มอธิบายยาวอลงกรณ์นิ่งฟังแล้วยิ้มยวน ๆ “ ผมมันเป็นแบบนี้แหละ ทนๆ หน่อยแล้วกัน ยังต้องรบกันอีกยาว”เลขาหนุ่มค้อนชายหนุ่มเบาๆ ก่อนอมยิ้ม“ คุณทำอาหารและขนมอร่อยมาก เรียนมาหรือไง”“ บ้านผมมีแต่ผู้ชายหมด ผมเป็นลูกชายคนเล็ก ก็เลยต้องช่วยแม่เข้าครัวตั้งแต่เด็ก มันเป็นความเคยชินส่วนขนมก็หัดทำตอนเรียนมหาวิทยาลัย ทำขายหารายได้พิเศษเป็นค่ารถเมล์ไงคุณ ก็ผมมันคนจน”เลขาหนุ่มเล่ายาว“ นี่ขอร้องล่ะ ถ้าจะคบกันต่อไปไอ้รวยจนเนี่ยเลิกพูดได้ไหม รำคาญ” อลงกรณ์เริ่มหงุดหงิดอีกครั้ง“ พูดความจริงเล่าความจริงก็โกรธพิลึกคน” เลขาหนุ่มยักไหล่ก่อนจะยิ้มหวานเหมือนกวนๆ ในทีทำเอาอลงกรณ์ตะลึงในความน่ารักขี้เล่นของอีกฝ่าย รถติดไฟแดงตาจ้องตาในระยะใกล้กันแค่ไม่กี่คืบอลงกรณ์มองริมฝี
สองทุ่มเศษๆอาหารถูกลำเลียงมาพร้อมสมาชิกทุกคนนั่งพร้อมกันที่โต๊ะ อลงกรณ์เดินเข้ามาอย่างกระหืดกระหอบ“ ขอโทษทีเพื่อน รถติดเป็นบ้าเลย”อลงกรณ์กล่าวขอโทษพร้อมกับตะลึงเมื่อเผชิญหน้ากับเลขาหนุ่มรุ่นน้องที่อยู่ในความคิดคำนึงตลอดสองวันที่ผ่านมา“นั่งสิคะคุณกรณ์ นั่งข้างๆ พี่อาร์มนั่นแหละค่ะ”“ นั่งสิไอ้กรณ์ยืนบื้ออยู่ได้” เสียงอัครเดชตะโกนมาทางหัวโต๊ะอลงกรณ์นึกไม่ถึงคนที่ตนตามหาหลายชั่วโมงที่ผ่านมากลับมานั่งอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มนั่งลงข้าง ๆระหว่างเลขาหนุ่มกับนายแพทย์เอกชัย หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นเลขาหนุ่มไม่กล้าหันไปมองด้วยความกลัวและเก้อเขินตรีรินทร์แอบสังเกตทั้งชายหนุ่มและเลขาหน้าหวานที่ต่างคนต่างเก้อเขินซึ่งกันและกันหญิงสาวอมยิ้มก่อนจะทักทายเพื่อนสามี“ คุณกรณ์หิวไหมคะ มาได้เวลาพอดี งั้นเราเริ่มลงมือกันเถอะค่ะ”“ พี่อาร์มตักยำทะเลให้คุณกรณ์สิคะ” ตรีรินทร์กล่าวนำเลขาหนุ่มตักยำทะเลแต่ไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ตัวอลงกรณ์รู้สึกหมั่นไส้เลขาหนุ่มรุ่นน้องที่ทำท่าทางเหมือนกลัวจะสบตา แม้แต่หน้าก็ยังไม่มองกัน“ แกไปทำไรแถวโรงแรมเจ้ากานต์ว่ะ ปล่อยให้พวกข้ารอตั้งนาน” อัครเดชเอ่ยถาม
ตอนเย็น“นี่เราจะไปไหนกันครับ คุณกรณ์” อิทธิพลหรืออาร์ม เอ่ยถามเมื่อรถขับเลยหอพักไปอีกช่วงตึก“ เงียบๆเถอะ ถึงแล้วผมจะบอกเอง” อลงกรณ์หันมาตอบเลขารุ่นน้องอลงกรณ์เดินนำเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตในห้างดัง ไม่ไกลจากหอพักของหนุ่มรุ่นน้องชายหนุ่มเดินไปหยิบของลงตระกร้า ท่ามกลางความงุนงงของเลขาหนุ่ม“ นี่คุณ จะซื้อของไปไหนเนี่ย เยอะแยะไปหมด”“ ซื้อไปไว้ที่หอคุณ”“ หา “ เสียงลากยาว“ ก็หอคุณ ไม่มีอะไรสักอย่าง กาแฟก็ไม่มี วิสกี้เบียร์ไม่มีสักอย่างแล้วผมก็เบื่ออาหารที่มีแต่ผักกับวิญญาณหมู วันนี้ผมทำงานหนักมาก ผมอยากทานอาหารดี ๆ สักหน่อยคุณช่วยทำอาหารให้หน่อย ผมเป็นคนจ่ายคุณเป็นคนทำ โอเคนะ”อาร์มยืนงงอยู่กับที่“ เร็วๆ สิคุณ เดี๋ยวก็เจอรถติดตอนกลับอีกหรอก มาช่วยผมเลือกเนื้อหน่อยวันนี้ผมอยากทานเนื้อทอดกระเทียมพริกไทย”หลังจากอาหารค่ำผ่านไปอย่างชื่นมื่น อลงกรณ์ก็มานอนที่เก้าอี้ยาว ก่อนจะเผลอหลับไปอาร์มมานั่งพัดยุงที่คอยมาตอมตามแขนขาของชายหนุ่ม อลงกรณ์ลืมตาขึ้น ตาประสานตาก่อนที่อาร์มจะลุกขึ้นปัดกางเกงขาสั้น“ ดึกแล้วผมว่าคุณควรกลับบ้านได้แล้ว กลับตอนนี้รถก็ไม่ติดแล้ว”อาร์มเฉไฉพูดกับอลงกรณ์“ ไล
อาร์มตกใจ พร้อมกับระล่ำระลักว่า “ ผมครับผมเป็นคนจัด ผมเห็นมันรกมากจนไม่รู้จะวางเอกสารการประชุมไว้ตรงไหน พอวางมันก็ลื่นล้ม ผมเลยจัดให้มันเป็นระเบียบ”“ อ้อ คุณจะว่าผมมันไม่มีระเบียบว่างั้นเถอะ แต่ขอบคุณทีหลังไม่ต้องห้ามคุณมายุ่งวุ่นวายกับโต๊ะทำงานของผมอีก ไม่ว่ากรณีใดๆ ผมหาเอกสารของผมไม่เจอผมทำงานผมรู้ว่าวางเอกสารแบบไหนไว้ที่ตรงไหน ฉะนั้นขอความกรุณาอย่ามายุ่ง” อลงกรณ์ส่งเสียงดังอาร์มหลับตามือสั่นใจสั่นด้วยความกลัว ผู้ชายตรงหน้าเวลาเขาโกรธเค้าเหมือนคนละคนกับที่ตนรู้จักเมื่อวาน“ ครับ ต่อไปผมจะไม่ยุ่งอีก ขอโทษอีกครั้ง”“ คุณออกไปได้” อลงกรณ์เห็นชายหนุ่มรุ่นน้องหน้าเสียก็นึกสงสารโบกมือให้ออกห้องไปเพราะอารมณ์ยังคุกรุ่นอาร์ม หรือ อิทธิพลมานั่งร้องไห้ ทำงานที่นี่มาแปดปียังไม่เคยโดนดุเสียงดังขนาดนี้มาก่อนชายหนุ่มเจ็บใจน้อยใจ อุตส่าห์จัดโต๊ะทำงานให้เรียบร้อยไม่ได้ดี แล้วยังโดนด่าอีก คอยดูต่อไปนี้จะทำเท่าที่สั่งเท่านั้น อาร์มคิดในใจอย่างว้าวุ่นอาร์มเช็ดน้ำตาพร้อมกับตั้งใจทำงานต่ออย่างมีทิฐิ อลงกรณ์เมื่อหาเอกสารพบก็ถอนหายใจเฮือก“ นี่เราพูดรุนแรงไปหรือเปล่าหว่า ป่านนี้ไม่นั่งร้องไห้ขี้