เสียงโทรศัพท์มือถือกรีดดังตรีรินทร์ไม่ได้สนใจกดรับสายเพราะสายตากำลังจ้องมองและยังจมอยู่กับภาพอดีตระหว่างเธอกับนายตำรวจหนุ่มตรีรินทร์กวาดตามองอัลบัมรูปที่มีอยู่เต็มเตียงนอนหญิงสาวมานั่งดูรูปเก่าๆร่วมสองชั่วโมงได้แล้วเป็นรูปแห่งความทรงจำตั้งแต่เล็กจนโตจนเรียนจบและจนมีงานทำเธอมีผู้ชายคนนี้อยู่ในทุกช่วงของชีวิตถึงแม้หลังๆ ตั้งแต่ชายหนุ่มเข้ารับราชการเป็นตำรวจเวลาที่เจอกันก็น้อยลงแต่ด้วยความเข้าใจในงานของอีกฝ่ายทำให้เธอและเค้าฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ร่วมกันมาได้ ยี่สิบกว่าปีมานี้มีทุกช่วงความทรงจำร่วมกันอย่างเปี่ยมล้นตรีรินทร์เก็บภาพอัลบัมลงกล่องกระดาษเสียงโทรศัพท์ยังดังอยู่เป็นระยะๆตรีรินทร์คว้าโทรศัพท์มากดรับด้วยท่าทางเนือยๆ
“ รินทร์พูดค่ะ” “ นี่คุณผมกดโทรศัพท์มือแทบหงิกทำไมพึ่งจะรับไปทำอะไรมา”น้ำเสียงหงุดหงิดดังมาตามสายทำให้ตรีรินทร์ถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย “ มีอะไรคะ” “ ผมอยากชวนคุณไปดูของชำร่วย” “ วันนี้ไม่มีอารมณ์อยากอยู่บ้านและไม่อยากรับแขก” “ ผมไม่ใช่แขกผมเป็นคู่หมั้นและกำลังจะเป็นสามีคุณในอีกไม่กี่วันแล้ว นี่งานก็ใกล้เข้ามาแล้วเวดดิ้งแพลนนิ่ง เค้าจัดการให้ทุกอย่างแต่เราก็ต้องไปช่วยเค้าเลือกด้วยว่าแบบไหนที่เราชอบ” น้ำเสียงชายหนุ่มเรียบเย็น “ วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์จริงๆ ฉันเพิ่งบอกเลิกพี่โตฉันเพิ่งบอกเลิกผู้ชายที่รักฉันมายี่สิบกว่าปีฉันไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้นวันนี้ขอเวลาฉันหน่อยนะคุณอย่าให้ฉันเป็นผู้หญิงเลือดเย็นที่ตอนเช้าบอกเลิกแฟนแล้ว ตอนบ่ายก็ไปเลือกของชำร่วยเพื่อแต่งงานกับผู้ชายอีกคนฉันทำไม่ได้หรอก มันเลือดเย็นเกินไปขอเวลาฉันหน่อยนะคุณธมกานต์” ธมกานต์นิ่งอึ้งกับคำพูดของหญิงสาว “ แล้วคุณจะมีเวลาไปเลือกตอนไหนนี่ก็ใกล้เข้ามาแล้วนะเห็นคุณแม่ให้ฤกษ์มาแล้วฤกษ์ดีที่สุดวันที่ยี่สิบเก้า เดือนนี้หรือ ฤกษ์รองลงมาวันที่สามสิบเอ็ดแต่พระท่านอยากให้แต่งวันที่ยี่สิบเก้าเพราะฤกษ์ดีมาก” “ ไม่ได้ยี่สิบเก้าไม่ได้” “ ทำไม” น้ำเสียงเขียวด้วยความไม่พอใจ “ เพราะ เพราะ” ตรีรินทร์อึ้งอึ้ง “ เพราะฉันไม่ชอบวันที่ยี่สิบเก้า อีกอย่างฉันติดธุระสำคัญ” “ธุระของคุณมันสำคัญกว่างานแต่งงานของเรางั้นเหรอ” “ อืม สำคัญกว่า ไหนๆ ฉันก็ตกลงแต่งงานกับคุณแล้วตามใจฉันบ้างได้ไหมฉันอยากแต่งวันที่สามสิบเอ็ด” น้ำเสียงตรีรินทร์หนักแน่นแววตาเด็ดเดี่ยวทำให้ธมกานต์ทราบว่าคงเปลี่ยนใจเธอคนนี้ได้ยาก “ งั้นก็ตามใจสามสิบเอ็ด ก็สามสิบเอ็ด” “ วันนี้ผมไปหาคุณได้ไหม” ธมกานต์เอ่ยถาม “ อย่ามาเลยฉันไม่มีอารมณ์คุยกับใครตอนนี้” ธมกานต์วางโทรศัพท์ไปด้วยความฉุนเฉียวพร้อมกับโยนโทรศัพท์มือถือไปบนโซฟาพร้อมกับเดินกระแทกเท้าออกจากบ้าน ชายหนุ่มออกรถเสียงดังทำเอาคุณหญิงมณีจันทร์ส่ายหัวด้วยความระอา “ ใครขัดใจคุณกานต์อีกเนี่ย” นมอิ่มบ่น “ จะมีใครกล้าขัดใจพ่อเจ้าพระคุณสงสัยทะเลาะกับหนูรินทร์อีกตามเคย เมื่อไหร่นะเจ้ากานต์จะเป็นคนมีเหตุผลบ้างฉันล่ะกลุ้มใจจริงๆ เลย” คุณหญิงมณีจันทร์บ่นพร้อมกับร้อยดอกไม้ สำหรับไหว้พระต่อ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จามิกาบินกลับมาจากสิงคโปร์หลังจากทำงานเสร็จตามเป้าหมายหญิงสาวเดินเร็วพร้อมกับกดเบอร์โทรศัพท์ถึงวีวี้เพื่อนรัก “ แกฉันเองรู้ข่าวกานต์ใช่ไหมรู้ไหมนังนั่นมันเป็นใคร” เสียงจามิกากรีดร้องอย่างเคียดแค้น วีวี้ยิ้มเหยียดก่อนจะตอบว่า “ ก็นังนั่นไงคนที่คุณกานต์พาไปดินเนอร์หรูเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนที่ฉันโทรไปบอกแกไงคนเดียวกัน” “ แกพอรู้ไหมเค้าทำงานที่ไหนช่วยสืบให้หน่อยสิฉันจะไปดูหน้าคนที่แย่งแฟนฉันไปเร็วๆนะ แล้วฉันจะยกกระเป๋าพราด้าใบใหม่ที่เพิ่งไปถอยมาให้เป็นรางวัล” “ กรี๊ดโอเคงั้นอีกสามนาทีแกได้รับข่าวแน่” บริษัท พีดีดีไซด์ ตรีรินทร์ กำลังก้มหน้าก้มตาเขียนแบบแปลนของบ้านคุณเอนก เมื่อได้ยินเสียงเคาะโต๊ะเมื่อเงยหน้าขึ้นก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นเป็น สาวสวยแฟนของคนที่เป็นคู่หมั้นของตนเริ่มมองเห็นความยุ่งยากที่จะตามมาพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบห้องที่มีแต่เพื่อนร่วมงานนับสิบคนต่างก็จ้องมองหญิงสาวอาคันตุกะสาวสวยที่เป็นนางแบบเซ็กซี่เบอร์ต้นๆ ของเมืองไทย “ ฉันมีธุระจะคุยกับแกหน่อยออกไปคุยกันหน่อยสิ” น้ำเสียงฉุนเฉียวพร้อมจะอาละวาดเต็มที่ “ ฉันมีงานด่วนอยากพูดอะไรก็พูดมาคนที่นี่ก็อยู่กันอย่างพี่น้องฉันไม่มีอะไรปิดบัง” “ ดีงั้นฉันขอประกาศ อีนี่มันแย่งแฟนฉัน” จามิกาชี้นิ้วไปที่ใบหน้าของตรีรินทร์ “ นี่คุณสติดีหรือเปล่าถ้าเป็นแฟนคุณจริงๆเค้าจะมาขอแต่งงานกับฉันทำไมนี่จะบอกให้เค้าเร่งฉันอยู่ทุกวัน ได้ยินว่าเค้าคบคุณมาหลายปีไม่มีวี่แววแต่งอย่างงี้คุณคงต้องไปเช็คสภาพหน่อยนะสงสัยเครื่องจะผุพังจนเจ้าของเบื่อแล้วอยากเขี่ยทิ้ง” ตรีรินทร์พยายามระงับความโกรธแล้วตอกกลับนางแบบสาวอย่างเผ็ดร้อน “ กรี๊ด แก แกคอยดูนะฉันจะต้องเอากานต์กลับคืนมาให้ได้คอยดูแกอย่าพึ่งคิดว่าแกชนะเค้าเป็นของฉันมาก่อนฉันไม่ยอมให้แกโฉบของฉันไปง่ายๆ แน่” จามิกากระทืบเท้ากรีดร้องท่ามกลางสายตาพนักงานนับสิบคน ตรีรินทร์ยักไหล่พร้อมกับพูดว่า “ อีกปีหนึ่งค่อยมาเอาคืนนะ ปีหนึ่งฉันก็เบื่อแล้วล่ะแล้วจะคืนให้รอได้ไหมล่ะ” “ แกพูดว่าไงนะปีหนึ่งเหรอหมายความว่าแกจะแต่งงานกับกานต์แค่ปีเดียวใช่ไหม” “ อืมแค่นั้นก็เบื่อแล้วล่ะ” ตรีรินทร์โพล่งออกไปด้วยความโกรธและอายที่ผู้หญิงของคู่หมั้นมาอาละวาดถึงที่ทำงาน “ รักษาสัญญาแกด้วยนะแล้วฉันจะรอ” จามิกาเดินจากไปท่ามกลางสายตาคนนับสิบที่จ้องมองดูทำเอาตรีรินทร์หน้าชาด้วยความอาย ห้างสรรพสินค้าในโซน ฟู๊ดเซ็นเตอร์ อรวิสาและตรีรินทร์นั่งรับประทานอาหารด้วยกันในช่วงเลิกงาน ตรีรินทร์เป็นฝ่ายโทรศัพท์ไปชวนให้เพื่อนสาวคนสนิทให้ออกมาพบ “ แกมีอะไรเหรอรินทร์ดีนะ วันนี้ไม่ต้องขึ้นเวร เรียกว่าด่วนแทบหายใจหายคอไม่ทัน” “ มีเรื่องจะปรึกษา” “ เรื่องคุณกานต์เหรอก็แกหมั้นกันแล้วนี่” “ วันนี้แฟนเค้าไปอาละวาดฉันที่บริษัท” “ หาจริงเหรอยัยนี่ชื่อเสียง ก็ดังอยู่นะร้ายมากเห็นกำจัดพวกสาวๆที่มาเข้าใกล้คุณกานต์ทุกคนออกไปจากวงจรได้หมด” “ อรฉันมีเรื่องหนึ่งยังไม่ได้เล่าให้แกฟัง แกจำอ้อมใจรูมเมทเพื่อนรหัสของฉันที่ฉันเคยเล่าให้ฟังว่าเค้าฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังจากผู้ชายคนหนึ่งได้หรือเปล่าแกจำได้ไหมตอนปีสาม” อรวิสาครุ่นคิดลำดับเหตุการณ์ก่อนจะตอบว่า” เออจำได้ฉันจำได้ว่าแกพาอ้อมไปล้างท้องแล้วเคียดแค้นไอ้เจ้าผู้ชายเฮงซวยคนนั้นมากใช่ไหม” ตรีรินทร์ถอนหายใจก่อนจะพูดว่า “อืม” “ แล้วรู้ไหมเค้าชื่ออะไร” “ อ๊ยใครจะไปจำได้ตั้งหลายปีแล้ว” อรวิสาโวยวาย “ ผู้ชายคนนั้นชื่อ ธมกานต์ พิพัฒนพงค์”ตรีรินทร์พูดช้าๆ อรวิสา พยาบาลสาวอ้าปากค้างแล้วพูดว่า “ เฮ๊ย นั่นคู่หมั้นแกนี่” “ ไม่จริงหรอก แกมั่วหรือเปล่า พี่หมอเค้าว่าเพื่อนเค้าเป็นคนดีจะตาย แม้จะเอาแต่ใจบ้างก็ธรรมดาของลูกคนรวยลูกชายคนเดียวของตระกูลด้วย” “ จริงฉันเคยเห็นรูปเค้าที่กระเป๋าตังค์ของยัยอ้อมด้วยคนเดียวกันไม่ผิดแน่” “ อ้าวแล้วทำไมแกถึงยอมแต่งงานกับคนที่แกเกลียดแสนเกลียดวะ ฉัน งง ปวดหัวด้วยนะเนี่ย” “ เพราะฉันตกเป็นของเค้าแล้ว อีกอย่างที่สำคัญเพราะแม่เค้าขอร้องแม่เค้าเป็นมะเร็งระยะสาม ฉันสงสารก็เลยยอมตกลงอร แกว่าฉันผิดไหมที่แต่งงานกับคนที่ได้ชื่อว่าฆาตกรที่เกือบพรากชีวิตเพื่อนเราไป”“ อืม แต่แกยังไม่เคยถามคุณกานต์ถึงเรื่องนี้ใช่ไหม” ตรีรินทร์สั่นศีรษะไปมาเป็นการปฏิเสธ “ เฮ้อแต่เรื่องมันมาไกลป่านนี้แล้วแกอย่าไปคิดมากเลยเดินหน้าเพื่อนแล้วค่อยไปเคลียร์กับยัยอ้อมทีหลัง ได้ข่าวว่าเค้าแต่งงานกับคนสิงค์โปร์ใช่ไหม” อรวิสาพูดให้กำลังใจ ตรีรินทร์ถอนหายใจเฮือก “ ฉันไม่สบายใจอยู่ดียิ่งใกล้วันแต่งงานมากขึ้นเท่าไหร่ฉันยิ่งใจคอไม่ค่อยจะดี อรแกมีอีเมล์ของอ้อมไหมฉันจะสบายใจมากถ้าได้เคลียร์กับอ้อมแล้วอย่างน้อยฉันก็อยากคุยกับเค้าไง” อรวิสาพยาบาลสาวมองเพื่อนอย่างเข้าใจ “ อืมเดี๋ยวไปค้นให้นะ ฉันจำได้ว่าเคยจดจากเพื่อนยัยอ้อมที่เจอเค้าที่สิงค์โปร์ได้เมื่อไหร่จะแมสเสจไปบอกแล้วกัน เอางี้กินดีกว่าแกอย่ามากลุ้มใจเลยในเมื่อพรหมลิขิตให้เดินก็เดินต่อไปแล้วกันเดี๋ยวฉันไปซื้อเย็นตาโฟ มาเลี้ยงแกกินซะจะได้หายกลุ้มจะได้สามี หล่อๆ รวยๆ โชคดีจะตายแก” อรวิสาหัวเราะร่วน “ โชคร้ายล่ะไม่ว่า ขี้วีนก็แค่นั้นเอาแต่ใจตัวเองโมโหร้ายทุกอย่างรวมเป็นออลอินวันเคยเห็นไหมอร ฉันยังกลุ้มถ้าต้องมาอยู่ด้วยกันยี่สิบสี่ชั่วโมงฉันคงอึดอัดใจตาย” อรวิสาหัวเราะ กริ๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์มือถือ ของหญิงสาวด
บ้านมนัสสุกานต์ เสียงรถมาจอดหน้าบ้านสักครู่ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้าบริเวณบ้านแม่แก้วที่มือกำลังร้อยมาลัยเงยหน้ามองแต่ต้องตกใจเมื่อเห็นลูกสาวถูกประคองมากับแฟนหนุ่ม แม่แก้ววางเข็มพวงมาลัยก่อนจะทำหน้าตาตกใจเมื่อเห็นสภาพของลูกสาว “ รินทร์ไปทำอะไรมาลูกทำไมแขนเป็นแบบนั้น” ธมกานต์ชิงพูดก่อนว่า “ รินทร์หกล้มที่บ้านผมครับผมขอโทษครับคุณแม่ที่ดูแลรินทร์ไม่ดี” แม่แก้วขมวดคิ้วก่อนจะเดินเข้ามาดู “ โห ตายล่ะแล้วนี่ก็ใกล้วันแต่ง นี่รินทร์ต้องเป็นเจ้าสาวแขนด้วนหรือนี่” “ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับแม่อีกห้าหกวันก็หายครับ” ธมกานต์รีบตอบแทนในขณะที่ตรีรินทร์อ้าปากแต่ก็พูดไม่ทันชายหนุ่มทำให้ตรีรินทร์แอบค้อนด้วยความหมั่นไส้ “ ตายล่ะพรุ่งนี้แม่มีนัดทำบุญเก้าวัดกับเพื่อนในหมู่บ้านแล้วจะทำไงเนี่ย” “ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงครับเดี๋ยวผมจะส่งเด็กที่บ้านมาดูแลแล้วกลางวัน ผมจะมาอยู่เป็นเพื่อนรินทร์ครับ” “ ไม่ต้องฉันไม่ต้องการทำไมคุณไม่บอกแม่ไปล่ะว่าที่ฉันเป็นแบบนี้เพราะคุณทำไมไม่พูด” ตรีรินทร์ตวาด “ จุ๊ๆ ยัยรินทร์ทำไมพูดกับพี่เค้าแบบนั้นไม่น่ารักเลย งั้นตามสบายนะจ๊ะหนุ่มสาวแม่ไปเตรียมตัวก่อน” แม่แก้วเ
สองวันผ่านไป ธมกานต์ได้เดินทางไปทำงานด่วนที่สิงค์โปร์ได้สองวันแล้วตลอดเวลาที่ชายหนุ่มไปสิงค์โปร์ได้ส่งคนขับรถที่บ้านมาคอยรับส่งคู่หมั้นสาวแรกๆตรีรินทร์ขัดขืนแต่ก็ต้องยอมในที่สุด ทุกๆสามชั่วโมงชายหนุ่มต้องโทรศัพท์มาคุยจนตรีรินทร์รู้สึกหงุดหงิดเหมือนต้องกลับไปเป็นนักเรียนประถมที่ต้องมีผู้ปกครองติดตามทุกย่างก้าวบางครั้งตรีรินทร์จึงแกล้ง ปิดเครื่องบ้าง เมื่อตนต้องใช้สมาธิในการทำงาน ตรีรินทร์รู้สึกตื่นเต้นที่ต้องไปงานเลี้ยงแสดงความยินดี สำหรับนายร้อยที่ได้ทำการติดยศใหม่หญิงสาวหมุนตัวไปมาที่หน้ากระจกเมื่อแต่งตัวเสร็จชุดนี้เป็นชุดสีครีมงาช้างที่ เปลือยไหล่ข้างซ้ายทำให้เห็นบ่าหญิงสาวที่สวยงามลำคองามระหง ตรีรินทร์รวบผมมวยเกล้าอย่างปราณีตแต่งหน้าเล็กน้อยและทาริมฝีปากสีชมพู ตรีรินทร์นัดให้โตมรมารับที่บ้านทุ่มครึ่ง แหวนช่วยตรีรินทร์แต่งตัวพร้อมกับกล่าวอย่างชื่นชมว่า “ คุณรินทร์สวยจังค่ะ” “ขอบคุณค่ะพี่แหวน” “ พี่แหวนเหงาไหมที่ต้องมาอยู่กับรินทร์ที่บ้านนี้บ้านรินทร์เล็กไม่เหมือนบ้านคุณกานต์” “ โถคุณรินทร์ไม่ต้องห่วงพี่แหวนนะคะก็อีกไม่กี่วันพี่แหวนก็จะได้กลับบ้านแล้วหลังคุณรินทร์แต่งงาน
“ เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันผมยังพูดกับคุณไม่จบ” ธมกานต์ผลักตรีรินทร์เข้าไปในห้องหญิงสาวเดินถอยหนีจนร่างไปกระทบกับโซฟาแววตาของตรีรินทร์บอกความรู้สึกหวาดกลัว ‘ อีตาบ้านี่จะทำอะไรเรานะ’ ตรีรินทร์คิดในใจ “ คุณทรยศความเชื่อใจของผมคุณทำลายความรู้สึกดีๆ ที่ผมมีต่อคุณต่อไปนี้ผมจะควบคุมคุณทุกฝีก้าวไม่เชื่อก็คอยดู” “ ไม่นะคุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้น” “ ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ผมเป็นผัวคุณหรือคุณจะปฏิเสธว่าไม่ใช่” ธมกานต์ตะคอกพร้อมกับบีบไหล่ด้วยความโกรธที่ปะทุในใจอย่างรุนแรง “ หยาบคายฉันเกลียดคุณ” “ ผมก็เกลียดตัวเองทำไมต้องไปแคร์คนอย่างคุณเป็นไปได้หางตาผมก็ไม่อยากแล” “ งั้นก็ยกเลิกงานแต่งงานซะฉันไม่ได้อยากแต่งงานกับคุณรู้ไว้ซะด้วย คนที่เอาแต่ใจไร้ซึ่งเหตุผลไม่รู้จักเห็นใจคนอื่นไม่เคยอยู่ในสายตาฉัน” “ ไม่มีทางผมเดินหน้ามาเกินร้อยแล้วผมย้อนกลับไปไม่ได้ เมื่อพูดกันดีๆไม่รู้เรื่องผมก็ต้องทำโทษคุณ” ธมกานต์กระชากเสื้อเสียงดังแคว๊กตรีรินทร์ร้องกรี๊ดพร้อมกับระดมทุบไปที่ไหล่ธมกานต์ก้มลงระดมจูบอย่างรักใคร่ปนเคียดแค้นเมื่อเหมือนถูกหักหลัง ตรีรินทร์พยายามช่วยเหลือตัวเองด้วยการจิกเล็บที่เรียวยาวไปที่ไหล
“ ไอ้บ้ากานต์อย่าฟุ้งซ่านสิเค้ายังเจ็บอยู่อย่าคิดบ้าไม่เลือกสถานการณ์แบบนี้เดี๋ยวเธอจะคิดว่าแกเป็นไอ้บ้ากาม” ธมกานต์บ่นด่าตนเองในใจ ตรีรินทร์อาบน้ำก่อนจะใส่เสื้อผ้าชุดนอนอย่างรัดกุมก่อนจะออกห้องน้ำมาแบบเขยกๆ ธมกานต์ผลอยนอนหลับไปอย่างไม่รู้ตัวตรีรินทร์นอนลงที่ด้านตรงข้ามชายหนุ่มพร้อมกับเอาหมอนข้างมาวางตรงกลางก่อนจะมองชายหนุ่มอย่างไม่ค่อยไว้ใจแต่เสียงหายใจสม่ำเสมอทำให้รู้ว่าชายหนุ่มหลับสนิทไปแล้ว ตรีรินทร์ถอนหายใจแบบโล่งอกก่อนจะล้มตัวลงนอนพร้อมกับดึงผ้าห่มมาห่ม กลางดึกตรีรินทร์รู้สึกมีมือมากอดตนเองพร้อมกับจูบที่ซอกคอ “ ไม่ต้องกลัวผมแค่อยากนอนกอดคุณวันนี้หมดแรงจริงๆอีกอย่างผมไม่อยากรังแกคนป่วยคนขาเดี้ยง เดี๋ยวคุณจะมาตะโกนด่าว่าผมว่าใจร้าย วันนี้ผมยกให้คุณหนึ่งวัน พรุ่งนี้คุณต้องให้รางวัลผมทั้งต้นและดอก” ธมกานต์กระซิบที่ข้างหู ขณะที่ตรีรินทร์ยิ้มขำก่อนจะผลอยหลับไปในอ้อมกอดของชายหนุ่ม ตรีรินทร์ตื่นขึ้นมาตอนเช้าชายหนุ่มยังหลับสนิทตรีรินทร์พยายามแกะมือชายหนุ่มออกก่อนจะลุกขึ้นจากที่นอนอย่างระมัดระวังไม่ให้รบกวนชายหนุ่ม ตรีรินทร์อาบน้ำเสร็จแต่งตัวและลงไปข้างล่างข้อเท้าของเธอยั
ตรีรินทร์หน้าชาด้วยความเขินอายในขณะที่ธมกานต์ก็จ้องมองภรรยาสาวด้วยสายตามีความหมายแต่ก็ยังเก็กหน้าเวลาสบตากัน ตรีรินทร์รู้สึกถึงความอึดอัดเหมือนระเบิดเวลาที่รอเวลาระเบิดตั้งแต่ทานอาหารเย็นเสร็จธมกานต์ก็แยกเข้าไปทำงานเหมือนเขาพยายามแยกตัวออกไป คุณหญิงมณีจันทร์พยายามคลี่คลาย สถานการณ์ที่ตึงเครียด “ ง้อเค้าหน่อยก็หายงอนแล้วนิสัยเสียตั้งแต่เด็กชอบเอาแต่ใจตัวเอง แต่พอเราง้อหน่อยแม่รับรองว่าเขาจะกลับมาน่ารักเหมือนเดิม ถ้าหนูรินทร์จะรอให้พ่อคนนี้มาง้อ สงสัยต้องรอนานพ่อคนนี้ใจแข็งเหมือนพ่อเขาไงแม่ไม่อยากให้หนูรินทร์ใจแข็งแล้วทิฐิเดี๋ยวจะเหมือนแม่นึกเสียใจเมื่อเหตุการณ์มันผ่านไป แล้วแล้วเลิกเรียกแม่ว่า “ ป้า”สักทีเรียกแม่เหมือนพ่อกานต์ตอนนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” คุณหญิงมณีจันทร์กล่าวแนะนำ ตรีรินทร์เอ่ยตอบเบาๆ ว่า “ ค่ะ คุณแม่ แต่รินทร์ต้องรอดูสถานการณ์ก่อนนะคะ” คุณหญิงมณีจันทร์คิดในใจ “ หรือจะเจออีกคู่คู่รักใจแข็งขอภาวนาอย่าให้เป็นเหมือนตนกับท่านนายพลเลย” ตรีรินทร์เดินกลับไปเรือนหลังเล็กแต่เพียงลำพังระหว่างที่ขึ้นเตียงนอน ตรีรินทร์พยายามคิดว่าถ้าชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องเธอคว
“ รินทร์อาบเองก็ได้คุณกานต์ออกไปก่อน” ตรีรินทร์พยายามผลักชายหนุ่มออกไป ธมกานต์ขืนตัวพร้อมกับจับหญิงสาวไปที่อาบน้ำแล้วเปิดฝักบัว สาย น้ำจากฝักบัวรดมาที่ตัวเสื้อผ้าของหญิงสาวทำให้เห็นรูปร่างที่สวยงามของหญิงสาวอย่างชัดเจน ตรีรินทร์หน้าร้อนธมกานต์ถอดเสื้อผ้าหญิงสาวพยายามอ้าปากจะพูดแต่ถูกปิดด้วยริมฝีปากหนา ธมกานต์ดูดที่ริมฝีปากตรีรินทร์รู้สึกถึงการเรียกร้องของชายหนุ่มเมื่อร่างของชายหนุ่มแนบมาที่ร่างของตนความตื่นตัวของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวหน้าร้อน ธมกานต์เริ่มปลดเสื้อเชิ๊ตยกทรงสีชมพูหวานแหวว ธมกานต์หายใจแรงเมื่อมองเห็นดอกบัวสีขาวชมพูชูชันรอรับสัมผัสอันอ่อนหวาน เขาก้มลงไซ้ซอกคอแล้วขบกัดอย่างวาบหวามตรีรินทร์ครางก่อนจะใช้เล็บมือจิกที่กลางหลังของชายหนุ่มเมื่อธมกานต์ใช้มือไล้ครีมอาบน้ำไปทั่วอกอวบงามเขาไล้วนเบาๆ แล้วคลึงหนักหน่วงก่อนจะก้มลงดูดกลืน ตรีรินทร์หอบหายใจก่อนจะครางโหยหวนสองมือเอื้อมไปขยุ้มเรือนผมด้วยความร้อนรุ่ม “กานต์ อืมอื้อ” เสียงตรีรินทร์ครางเบาๆ ธมกานต์ดูดกลืนยอดอกอีกข้างอย่างไม่ให้น้อยหน้า บีบเคล้นจนตรีรินทร์ครางโหยหวนด้วยความเสียวซ่าน ร่างงามผวาเฮือกเมื่อเขากอบกุมเนื้
คุณหญิงมณีจันทร์ขมวดคิ้วเมื่อเห็นลูกชายนอนอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่นขณะที่สวมเสื้อผ้าในชุดทำงาน “ตากานต์มานอนทำไมตรงนี้ไม่กลับบ้านตายแล้วเหม็นเหล้าตายแล้วลูกทะเลาะกับเมียสิท่าถึงได้มานอนกองอยู่ตรงนี้” ธมกานต์หรี่ตามองก่อนจะพูดเสียงอ้อแอ้ว่า “อ้าวแม่พูดอะไรกานต์ปวดหัวหมดแล้ว” คุณหญิงมณีจันทร์ลูบศีรษะลูกชายก่อนจะถามว่า “ทะเลาะอะไรกันมาถึงได้เมาแบบนี้” “ทะเลาะอะไร ไม่ได้ทะเลาะโถแม่เขาจะทำอะไรจะเอาอะไรผมก็ต้องตามใจเขาอยู่แล้วก็ผมรักเค้านี่แต่เค้าสิไม่เคยเห็นความสำคัญวันๆก็ทำแต่งานแม่เชื่อไหมอาทิตย์นี้เราเจอหน้ากันนับครั้งได้ แล้วจะทะเลาะกันได้ยังไง บอกให้ลาออก ก็ไม่เอาบอกให้มาทำงานด้วยกันก็ไม่เอาผมมันไม่สำคัญสำหรับเขาหรอกแม่”ธมกานต์พร่ำเพ้อก่อนจะเผลอหลับไป คุณหญิงมณีจันทร์ลูบไล้เส้นผมลูกชายสุดที่รักก่อนจะพูดอย่างเอ็นดูว่า “โถ ลูกรักเค้าแล้วหมดใจแล้วทำไมไม่บอกพอเค้าไม่ตามใจก็โวยวาย เมื่อไหร่จะโตสักทีทะเลาะกับเมียก็วิ่งออกจากบ้าน เฮ้อ ลูกหนอลูก” ตรีรินทร์ขึ้นมาบนตึกใหญ่ตามคำสั่งของคุณหญิงมณีจันทร์ “อ้าวเข้ามาสิจ๊ะ หนูรินทร์” “เมื่อคืนตากานต์ นอนที่นี่หนูคงรู้แล้วอย่าถือสาพี่เค้าเ
บ่ายวันเสาร์ตรีรินทร์ง่วนอยู่กับเตาอบอยู่หลายชั่วโมง หญิงสาวตะโกนออกมา“ คุณกานต์ขามานี่หน่อย รินทร์อยากได้คอมเม้นต์ค่ะ”ธมกานต์วางหนังสือพิมพ์พร้อมกับเดินเข้าบริเวณครัว“ มีอะไรให้สามีช่วยหรือครับ ภรรยาคนสวย”“ ช่วยชิมหน่อยสิคะ รสไหนอร่อย รสกาแฟ รสช้อคโกแล็ตชิบ หรือรสเนย”“ รินทร์ ตั้งแต่คุณทำผมชิมมาหลายสิบอันแล้วนะเนี่ย จนผมชักมึนกับรสคุกกี้ของคุณแล้วแต่ถ้าคุณจะหาคนชิมนะ โน่นไอ้กรณ์ ขานั้นนะชอบขนมทุกชนิด มันบ้าขนม เชื่อไหม เคยไปกินบุฟเฟ่เค้กมันกินได้สิบสองอัน พวกผมสามก้อนก็จะอ้วกแล้ว”“ แหม คุณเนี่ยไม่ร่วมมือเลย”“ อย่าพึ่งงอนสิจ๊ะคนสวย ผมลองทานอีกสามชิ้นก็ได้”ธมกานต์มองภรรยาสาวที่ขะมักเขม้นเรียงคุกกี้ลงขวดแก้วอย่างทะนุถนอม“เก็บเอาไว้ทานคราวหน้า ใส่ขวดไว้ให้น่ารับประทาน”ตรีรินทร์อธิบายพร้อมกับเรียงขนมลงขวดด้วยความระมัดระวังเช้าวันอาทิตย์ตรีรินทร์ก้มลงหอมแก้มสามีหนุ่ม พร้อมกับกระซิบว่า “ รินทร์ออกไปข้างนอกแป๊บหนึ่งนะคะ บ่ายนี้คุณไปตีกอล์ฟกับพวกพี่หมอใช่ไหม ถ้ารินทร์มาไม่ทัน เจอกันเย็นนี้นะคะ”ธมกานต์งัวเงียพร้อมกับหรี่ตามองนาฬิกาแปดโมงเช้าปกติวันอาทิตย์จะเป็นวันเดียวที่เขาแ
อลงกรณ์นั่งดูกีฬาในห้องนั่งเล่นได้ยินเสียงรถจอดบริเวณหน้าบ้านสักพักร่างคุณหญิงแพรวก็นวยนาดเข้ามาพร้อมสายตาเข้มที่พร้อมจะอาละวาด“ ใช้ไม่ได้เลยแก เสียมารยาทกับลูกเพื่อนแม่มากเลยนะกรณ์แม่ผิดหวังในตัวลูกมาก ปากคอเราะร้ายเฮ๊อ แม่กลุ้มใจในตัวลูกมาก กรณ์เมื่อไหร่จะเมียเป็นตัวเป็นตนสักทีแม่มีแกคนเดียวที่เป็นความหวังแม่อยากมีหลาน แล้วนี่แกก็ทำลายความหวังแม่ครั้งแล้วครั้งเล่า”คุณหญิงแพรวพูดเสียงเครือน้ำตาไหล“ แม่ก็รู้ว่าผมยังอยากมีอิสระ อยากทำงาน สร้างอนาคตด้วยตัวเองอย่ายุ่งเรื่องส่วนตัวของผมได้ไหมแม่หรือแม่อยากให้เหมือนคราวก่อน” อลงกรณ์พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเมื่อเห็นน้ำตาของผู้เป็นแม่ทำเอาอลงกรณ์ใจอ่อนยวบอลงกรณ์ถอนใจก่อนจะเข้ามากอดคุณหญิงพร้อมกับพูดว่า“ โอเคครับแม่ ผมจะลองพยายามทำตามที่แม่บอกอีกครั้ง” อลงกรณ์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนใจคุณหญิงแพรวยิ้มถูกใจพร้อมกับกอดลูกชาย ลูบหลังไปมาอย่างเอาใจหอพักเด่นชัยอลงกรณ์เคาะประตูห้อง อาร์มเดินมาเปิดประตูห้องอย่างงัวเงีย“ อ้าวคุณ มีอะไรหรือเปล่า มาซะดึกเชียว”“ ขอโทษที่มารบกวนคุณ แต่คืนนี้ผมอยากมีคุณอยู่ใกล้ๆ” อลงกรณ์กอดอาร์มแน่นเลขาหนุ่มขมวดคิ
“ แม่ตี พ่อทำไมครับ”“ ก็พ่อดื้อ แล้วแกล้งแม่ กริชต้องช่วยแม่นะจ๊ะ”เด็กชายกริชชัยเข้ามากอดผู้เป็นแม่ ท่ามกลางสายตาหมั่นไส้ของธมกานต์ที่ลูกชายผันตัวไปอยู่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว“อ้าว ไหนเมื่อกี้บอกจะช่วยพ่อไง”กริชชัยกอดพร้อมซบที่หน้าอกแม่ “ กริชรอพ่อกับแม่ไปรับตั้งนาน นี่จะเที่ยงแล้วนะครับพ่อกับแม่ยังไม่ตื่นอีก”ตรีรินทร์ใบหน้าร้อน พร้อมกับแก้ตัวเบาๆ “ แม่ขอโทษจ๊ะ งั้นขอแม่อาบน้ำแล้วเดี๋ยวเราไปเชียงใหม่กันบ่ายนี้ดีไหม กริชจะได้ไปเยี่ยมน้ำหวานเพื่อนลูกด้วยไง”เด็กชายกระโดดรอบเตียงด้วยความดีใจ ท่ามกลางสายตาของพ่อและแม่ที่บ่งบอกว่า รักลูกเต็มเปี่ยมภูเก็ตร่างชายหนุ่มสองคนที่ก่ายเกยกันอย่างแนบแน่น อาร์มขยับตัวเบาๆแต่ก็ต้องถูกดึงให้เข้ามาในอ้อมกอด“ เช้าแล้วเราตื่นเถอะ เดี๋ยวไปทำงานไม่ทันนะคะ”“ อืม ขอต่ออีกหน่อยนะยังไม่อยากไปเลย ผมอยากนอนกอดกับคุณอีกสักพัก เราไปตอนบ่ายๆ ก็ได้มีเวลาอีกวันหนึ่ง ค่ำๆวันอาทิตย์ค่อยกลับคุณไม่ได้รีบไปไหนนี่” อลงกรณ์จูบเบาๆที่ไหล่ของเลขาหนุ่มก่อนกระซิบเบาๆ“ ผมเคยนึกว่าทำไมผมถึงนอนกับน้องปรางไม่ได้ มาวันนี้ผมรู้จักตัวเองอย่างเต็มร้อยเมื่อก่อนผมคิดว่าผมสามาร
“ อาร์มก็เช่นกัน ขอบคุณนะครับ ที่ไม่รังเกียจคนอย่างอาร์ม แล้วยังให้ความรู้สึกดีๆ อีกอาร์มรู้สึกซาบซึ้งมาก”“ ผมคิดว่าผมรักคุณแล้วล่ะ อาร์ม ทำยังไงดี” อลงกรณ์พูดเสียงอ้อแอ้“ อาร์มก็รักคุณ”อลงกรณ์ยกมือเลขาหนุ่มพร้อมกับจูบที่ใจกลางอุ้งมือ ทำให้อาร์มขนลุกไปทั่วร่างกายเลขาหนุ่มประคองชายหนุ่มเข้าห้อง เมื่ออีกฝ่ายเริ่มเดินไม่ค่อยมั่นคง“ เมาหรือเปล่า คุณ”“ เมารักคุณไง อาร์ม”“ บ้า คุณเนี่ย พูดอะไร เมาแล้วไปนอน เถอะ อาร์มไปส่งคุณที่ห้อง”อลงกรณ์ยิ้มเจ้าเล่ห์ จริงๆ ไวน์แค่สามสี่แก้วทำอะไรตนไม่ได้ แต่ก็แกล้งทำเป็นเมาอาร์มวางร่างหนักอึ้งลงบนที่นอน แต่ก็ถูกดึงจนล้มไปด้วยกัน ก่อนที่อลงกรณ์จะพลิกตัวพร้อมกับจ้องมองใบหน้าเลขาหนุ่ม ที่ตอนนี้อยู่ในอาการตื่นตะลึง“ คืนนี้นอนกับผมห้องนี้นะ ผมอยากนอนกับคุณ” อลงกรณ์ปิดปากตัวเอง ลงที่ริมฝีปากบางก่อนที่มือก็เริ่มปลดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว อาร์มยอมให้ถอดเสื้อผ้าแต่โดยดีพร้อมกับช่วยปลดเสื้อผ้าของอีกฝ่าย ก่อนที่ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองของธรรมชาติอาร์มพึ่งเคยมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ความรู้สึกมันอ่อนหวานและซาบซ่าส์ จนตัวเองแทบจะนอนไม่หลับร่างของชาย
“ งั้นเดี๋ยวผมโทรเคลียร์กับเจ้ากรณ์ดีกว่า”“ ไม่ต้องค่ะ รินทร์อยากให้คุณกรณ์แปลกใจ”“ เชื่อรินทร์สิคะว่างานไม่เสีย แล้วคุณกรณ์ก็จะไม่โกรธคุณแน่นอน”ธมกานต์ถอนใจยาว พูดจริงๆ ตัวเองก็ชักไม่อยากไป เพราะร่างนุ่มนุ่มของภรรยาที่วันนี้มาโหมดหวานเซ็กซี่ ซ่าส์ สงสัยวันนี้ธมกานต์จะเดินตามเกมภรรยาคงจะมีความสุขไม่น้อย“ รินทร์ถูหลังให้นะคะ”“ จ๊ะ ที่รัก”“ แหม พอถูหลังให้หน่อยหวานเชียว ถามจริงๆ หวานแบบนี้มากี่คนแล้ว”ตรีรินทร์ถามพร้อมกับกลั้นใจฟังคำตอบ“ หวานกับรินทร์แค่คนเดียว เชื่อไหมไม่เคยหวานแบบนี้กับใครสักคน”ตรีรินทร์ใจเต้นแรงฟังแล้วเต็มตื้นหัวใจก่อนที่หญิงสาวจะผลักให้ชายหนุ่มนั่งแล้วตนเองย้ายไปนั่งข้างหลัง หญิงสาวชโลมสบู่พร้อมกับถูหลังไปมาอย่างตั้งใจและเต็มใจ“ ผมรู้สึกเหมือนเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดนะเนี่ยที่มีภรรยามาช่วยถูหลังให้”“ จริงเหรอค่ะ เอ แบบนี้จะมีของรางวัลหรือเปล่า”“ อยากได้อะไรล่ะ ผมให้คุณได้ทุกอย่างเว้นดาวและเดือน”“ ยังนึกไม่ออก ไว้นึกออกจะบอกนะคะ แต่คุณกานต์สัญญาแล้วว่าจะไม่เบี้ยว”“ ไม่เบี้ยวจ๊ะ”ตาจ้องตา ธมกานต์หันมาจูบปากพร้อมกับหมุนตัวเองในอ่างจนน้ำกระเพื่อม“ ทนไม่ไ
“ อ๋อ ตอนนี้ผมจะไปหาคุณต้องมีธุระด้วยหรือไง” น้ำเสียงเริ่มขุ่น“ คุณเนี่ย ชอบตีความหมายอะไรผิดๆเมื่อวันก่อนผมถามให้คุณกลับบ้านเพราะกลัวว่าจะดึกแล้วเดินทางลำบาก คุณแม่คุณจะเป็นห่วงคุณก็ตีความหมายว่าผมขับไล่ ซึ่งมันไม่จริงเลย ผมไม่ได้รังเกียจคุณสักนิด วันนี้ผมก็ถามตามปกติธรรมดาคุณก็ตีความหมายไปอีกอย่าง ผมชักมึนกับคุณแล้วนะเนี่ย” เลขาหนุ่มอธิบายยาวอลงกรณ์นิ่งฟังแล้วยิ้มยวน ๆ “ ผมมันเป็นแบบนี้แหละ ทนๆ หน่อยแล้วกัน ยังต้องรบกันอีกยาว”เลขาหนุ่มค้อนชายหนุ่มเบาๆ ก่อนอมยิ้ม“ คุณทำอาหารและขนมอร่อยมาก เรียนมาหรือไง”“ บ้านผมมีแต่ผู้ชายหมด ผมเป็นลูกชายคนเล็ก ก็เลยต้องช่วยแม่เข้าครัวตั้งแต่เด็ก มันเป็นความเคยชินส่วนขนมก็หัดทำตอนเรียนมหาวิทยาลัย ทำขายหารายได้พิเศษเป็นค่ารถเมล์ไงคุณ ก็ผมมันคนจน”เลขาหนุ่มเล่ายาว“ นี่ขอร้องล่ะ ถ้าจะคบกันต่อไปไอ้รวยจนเนี่ยเลิกพูดได้ไหม รำคาญ” อลงกรณ์เริ่มหงุดหงิดอีกครั้ง“ พูดความจริงเล่าความจริงก็โกรธพิลึกคน” เลขาหนุ่มยักไหล่ก่อนจะยิ้มหวานเหมือนกวนๆ ในทีทำเอาอลงกรณ์ตะลึงในความน่ารักขี้เล่นของอีกฝ่าย รถติดไฟแดงตาจ้องตาในระยะใกล้กันแค่ไม่กี่คืบอลงกรณ์มองริมฝี
สองทุ่มเศษๆอาหารถูกลำเลียงมาพร้อมสมาชิกทุกคนนั่งพร้อมกันที่โต๊ะ อลงกรณ์เดินเข้ามาอย่างกระหืดกระหอบ“ ขอโทษทีเพื่อน รถติดเป็นบ้าเลย”อลงกรณ์กล่าวขอโทษพร้อมกับตะลึงเมื่อเผชิญหน้ากับเลขาหนุ่มรุ่นน้องที่อยู่ในความคิดคำนึงตลอดสองวันที่ผ่านมา“นั่งสิคะคุณกรณ์ นั่งข้างๆ พี่อาร์มนั่นแหละค่ะ”“ นั่งสิไอ้กรณ์ยืนบื้ออยู่ได้” เสียงอัครเดชตะโกนมาทางหัวโต๊ะอลงกรณ์นึกไม่ถึงคนที่ตนตามหาหลายชั่วโมงที่ผ่านมากลับมานั่งอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มนั่งลงข้าง ๆระหว่างเลขาหนุ่มกับนายแพทย์เอกชัย หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นเลขาหนุ่มไม่กล้าหันไปมองด้วยความกลัวและเก้อเขินตรีรินทร์แอบสังเกตทั้งชายหนุ่มและเลขาหน้าหวานที่ต่างคนต่างเก้อเขินซึ่งกันและกันหญิงสาวอมยิ้มก่อนจะทักทายเพื่อนสามี“ คุณกรณ์หิวไหมคะ มาได้เวลาพอดี งั้นเราเริ่มลงมือกันเถอะค่ะ”“ พี่อาร์มตักยำทะเลให้คุณกรณ์สิคะ” ตรีรินทร์กล่าวนำเลขาหนุ่มตักยำทะเลแต่ไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ตัวอลงกรณ์รู้สึกหมั่นไส้เลขาหนุ่มรุ่นน้องที่ทำท่าทางเหมือนกลัวจะสบตา แม้แต่หน้าก็ยังไม่มองกัน“ แกไปทำไรแถวโรงแรมเจ้ากานต์ว่ะ ปล่อยให้พวกข้ารอตั้งนาน” อัครเดชเอ่ยถาม
ตอนเย็น“นี่เราจะไปไหนกันครับ คุณกรณ์” อิทธิพลหรืออาร์ม เอ่ยถามเมื่อรถขับเลยหอพักไปอีกช่วงตึก“ เงียบๆเถอะ ถึงแล้วผมจะบอกเอง” อลงกรณ์หันมาตอบเลขารุ่นน้องอลงกรณ์เดินนำเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตในห้างดัง ไม่ไกลจากหอพักของหนุ่มรุ่นน้องชายหนุ่มเดินไปหยิบของลงตระกร้า ท่ามกลางความงุนงงของเลขาหนุ่ม“ นี่คุณ จะซื้อของไปไหนเนี่ย เยอะแยะไปหมด”“ ซื้อไปไว้ที่หอคุณ”“ หา “ เสียงลากยาว“ ก็หอคุณ ไม่มีอะไรสักอย่าง กาแฟก็ไม่มี วิสกี้เบียร์ไม่มีสักอย่างแล้วผมก็เบื่ออาหารที่มีแต่ผักกับวิญญาณหมู วันนี้ผมทำงานหนักมาก ผมอยากทานอาหารดี ๆ สักหน่อยคุณช่วยทำอาหารให้หน่อย ผมเป็นคนจ่ายคุณเป็นคนทำ โอเคนะ”อาร์มยืนงงอยู่กับที่“ เร็วๆ สิคุณ เดี๋ยวก็เจอรถติดตอนกลับอีกหรอก มาช่วยผมเลือกเนื้อหน่อยวันนี้ผมอยากทานเนื้อทอดกระเทียมพริกไทย”หลังจากอาหารค่ำผ่านไปอย่างชื่นมื่น อลงกรณ์ก็มานอนที่เก้าอี้ยาว ก่อนจะเผลอหลับไปอาร์มมานั่งพัดยุงที่คอยมาตอมตามแขนขาของชายหนุ่ม อลงกรณ์ลืมตาขึ้น ตาประสานตาก่อนที่อาร์มจะลุกขึ้นปัดกางเกงขาสั้น“ ดึกแล้วผมว่าคุณควรกลับบ้านได้แล้ว กลับตอนนี้รถก็ไม่ติดแล้ว”อาร์มเฉไฉพูดกับอลงกรณ์“ ไล
อาร์มตกใจ พร้อมกับระล่ำระลักว่า “ ผมครับผมเป็นคนจัด ผมเห็นมันรกมากจนไม่รู้จะวางเอกสารการประชุมไว้ตรงไหน พอวางมันก็ลื่นล้ม ผมเลยจัดให้มันเป็นระเบียบ”“ อ้อ คุณจะว่าผมมันไม่มีระเบียบว่างั้นเถอะ แต่ขอบคุณทีหลังไม่ต้องห้ามคุณมายุ่งวุ่นวายกับโต๊ะทำงานของผมอีก ไม่ว่ากรณีใดๆ ผมหาเอกสารของผมไม่เจอผมทำงานผมรู้ว่าวางเอกสารแบบไหนไว้ที่ตรงไหน ฉะนั้นขอความกรุณาอย่ามายุ่ง” อลงกรณ์ส่งเสียงดังอาร์มหลับตามือสั่นใจสั่นด้วยความกลัว ผู้ชายตรงหน้าเวลาเขาโกรธเค้าเหมือนคนละคนกับที่ตนรู้จักเมื่อวาน“ ครับ ต่อไปผมจะไม่ยุ่งอีก ขอโทษอีกครั้ง”“ คุณออกไปได้” อลงกรณ์เห็นชายหนุ่มรุ่นน้องหน้าเสียก็นึกสงสารโบกมือให้ออกห้องไปเพราะอารมณ์ยังคุกรุ่นอาร์ม หรือ อิทธิพลมานั่งร้องไห้ ทำงานที่นี่มาแปดปียังไม่เคยโดนดุเสียงดังขนาดนี้มาก่อนชายหนุ่มเจ็บใจน้อยใจ อุตส่าห์จัดโต๊ะทำงานให้เรียบร้อยไม่ได้ดี แล้วยังโดนด่าอีก คอยดูต่อไปนี้จะทำเท่าที่สั่งเท่านั้น อาร์มคิดในใจอย่างว้าวุ่นอาร์มเช็ดน้ำตาพร้อมกับตั้งใจทำงานต่ออย่างมีทิฐิ อลงกรณ์เมื่อหาเอกสารพบก็ถอนหายใจเฮือก“ นี่เราพูดรุนแรงไปหรือเปล่าหว่า ป่านนี้ไม่นั่งร้องไห้ขี้