บ้านมนัสสุกานต์
เสียงรถมาจอดหน้าบ้านสักครู่ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้าบริเวณบ้านแม่แก้วที่มือกำลังร้อยมาลัยเงยหน้ามองแต่ต้องตกใจเมื่อเห็นลูกสาวถูกประคองมากับแฟนหนุ่ม แม่แก้ววางเข็มพวงมาลัยก่อนจะทำหน้าตาตกใจเมื่อเห็นสภาพของลูกสาว “ รินทร์ไปทำอะไรมาลูกทำไมแขนเป็นแบบนั้น” ธมกานต์ชิงพูดก่อนว่า “ รินทร์หกล้มที่บ้านผมครับผมขอโทษครับคุณแม่ที่ดูแลรินทร์ไม่ดี” แม่แก้วขมวดคิ้วก่อนจะเดินเข้ามาดู “ โห ตายล่ะแล้วนี่ก็ใกล้วันแต่ง นี่รินทร์ต้องเป็นเจ้าสาวแขนด้วนหรือนี่” “ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับแม่อีกห้าหกวันก็หายครับ” ธมกานต์รีบตอบแทนในขณะที่ตรีรินทร์อ้าปากแต่ก็พูดไม่ทันชายหนุ่มทำให้ตรีรินทร์แอบค้อนด้วยความหมั่นไส้ “ ตายล่ะพรุ่งนี้แม่มีนัดทำบุญเก้าวัดกับเพื่อนในหมู่บ้านแล้วจะทำไงเนี่ย” “ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงครับเดี๋ยวผมจะส่งเด็กที่บ้านมาดูแลแล้วกลางวัน ผมจะมาอยู่เป็นเพื่อนรินทร์ครับ” “ ไม่ต้องฉันไม่ต้องการทำไมคุณไม่บอกแม่ไปล่ะว่าที่ฉันเป็นแบบนี้เพราะคุณทำไมไม่พูด” ตรีรินทร์ตวาด “ จุ๊ๆ ยัยรินทร์ทำไมพูดกับพี่เค้าแบบนั้นไม่น่ารักเลย งั้นตามสบายนะจ๊ะหนุ่มสาวแม่ไปเตรียมตัวก่อน” แม่แก้วเดินลับตาออกไป ธมกานต์หลังจากประคองให้หญิงสาวนั่งก่อนที่ตนจะนั่งยองๆ ข้างๆ เก้าอี้ “ รินทร์ผมขอโทษผมไม่ได้ตั้งใจ จะทำให้คุณเจ็บ” ตรีรินทร์ปรายตามองอย่างแสดงออกทางแววตาว่า “ ที่ฉันเป็นแบบนี้เพราะคุณ” ตรีรินทร์จ้องมองอย่างอยากจะบอกให้ชายหนุ่มได้รู้ตัว “ อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนี้ “ ธมกานต์พูดเสียงอ่อย “ ก็ผมหึงคุณนี่ผมไม่ชอบให้คุณไปไหนกับผู้ชายคนไหนทั้งสิ้นต่อไปนี้ ผมขอห้ามเด็ดขาด” “ ฉันไม่อยากคุยกับคุณแล้วถ้าจะมาเผด็จการกับฉันคุณคิดผิด” ตรีรินทร์พยายามพยุงตัวเองก่อนจะเดิน ในขณะที่ชายหนุ่มจะตามมาประคอง “ ไม่ต้องฉันเดินเองได้ ไปซะฉันไม่อยากเจอหน้าคุณเจอคุณทีไรฉันซวยทุกที” ตรีรินทร์ตวาดแว๊ด ธมกานต์ยืนนิ่งอย่างสำนึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้หญิงสาวเจ็บตัวธมกานต์เดินคอตกออกจากบ้านพร้อมกับสั่งคนขับรถ “ เดี๋ยวไปรับแหวนมาค้างที่บ้านนี้มาดูแลคุณรินทร์จนกว่าจะหาย” ธมกานต์สั่งเสียงเฉียบขาด ตรีรินทร์ประคองตัวเองนั่งที่ขอบเตียงก่อนจะน้ำตาไหลพรากด้วยความน้อยใจที่ชายหนุ่มคอยที่แต่จะหาเรื่องตรีรินทร์คิดอย่างสับสน ‘ เราจะทนเค้าได้นานแค่ไหนเนี่ย’ หญิงสาวคิดในใจอย่างท้อแท้ เช้าวันรุ่งขึ้นตรีรินทร์นั่งรับประทานอาหารร่วมกับแม่แก้วด้วยท่าทางเก้ๆกังๆตรีรินทร์ต้องพยายามดันจานเข้ามาชิดเข่าถึงตักข้าวรับประทานได้แม่แก้วส่ายศีรษะด้วยความสงสาร “รินทร์แม่ว่าแม่ไปบอกยกเลิกป้าสมทรงดีกว่าแม่คงไปทำบุญด้วยจิตใจที่ไม่สงบด้วยความห่วงหนูไว้ไปพรรษาหน้าก็ได้” ตรีรินทร์ตาโตก่อนจะพูดว่า “ แม่แก้วไม่ต้องเป็นห่วงรินทร์นะคะ รินทร์มีพี่แหวนดูแลแล้วนี่คะแม่ ของก็เตรียมแล้วเงินค่ารถบัสก็จ่ายแล้วอีกอย่างแม่ก็ตั้งใจจะทำบุญเก้าวัดแล้วไปเถอะค่ะแม่ รินทร์อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ ไม่ต้องห่วงรินทร์ไหนจะพี่แหวนไหนจะคุณกานต์รับรองแม่กลับมารินทร์อ้วนเป็นหมูแน่ๆเลย” แม่แก้วนิ่งก่อนจะพูดว่า “ รินทร์แน่ใจเหรอลูก” ตรีรินทร์พยักหน้า “ แน่ซะยิ่งกว่าแน่แม่ขา แขนรินทร์ซ้นแค่นิดเดียวอีกสามสี่วันก็คงดีขึ้นแล้ว” แม่แก้วยิ้มส่ายหน้าก่อนจะเดินไปเตรียมสัมภาระที่จะเดินทางไปทำบุญกับเพื่อนบ้านในหมู่บ้านตามที่ได้ตั้งใจไว้ ตรีรินทร์นั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งพยายามหวีผมที่ยาวถึงบั้นเอวด้วยความทุลักทุเลได้ยินเสียงเคาะประตู “ เข้ามาเลยจ๊ะพี่แหวน มาพอดีช่วยรินทร์หน่อย ช่วยหวีผมให้รินทร์หน่อยค่ะ ผมรินทร์ยาวมากสุดแสนจะรำคาญ รินทร์จะตัดผมสั้นแล้ว ร้อนก็ร้อนเปลี่ยนสไตล์บ้างคงจะดี” ตรีรินทร์ก้มมองเส้นผมของตนจนไม่รู้ว่าผู้ที่เดินเข้ามาในห้องนอนคือคู่หมั้นหนุ่ม “ มาผมช่วย” ตรีรินทร์จ้องมองชายหนุ่มผ่านกระจกที่โต๊ะเครื่องแป้งอย่างตะลึงที่ชายหนุ่มกล้าบุกรุกเข้ามาในห้องนอน “ ไม่ต้องฉันทำเองได้” น้ำเสียงยังแข็งกระด้าง “ อย่าอวดเก่งนักเลยผมออกยาวอย่างงี้”ธมกานต์ยืนพร้อมกับแย่งแปรงมาจากมือหญิงสาวแล้วหวีผมอย่างทะนุถนอม ‘คนบ้าเดี๋ยวดี เดี๋ยวร้ายคอยแต่จะหาเรื่องคนอื่นนี่ฉันจะทนคุณได้นานสักแค่ไหนเนี่ย’ ตรีรินทร์น้ำตาคลอด้วยความอัดอั้น ธมกานต์หวีได้สองสามนาทีก่อนจะจ้องมองตาหญิงสาวผ่านกระจกเห็นหญิงสาวน้ำตาคลอเบ้าก็ตกใจรีบคุกเข่าก่อนจะประคองใบหน้าหญิงสาวแล้วพูดว่า “รินทร์ผมหวีผม ทำให้คุณเจ็บหรือไงคุณเป็นยังไงบ้างเจ็บตรงไหน” น้ำเสียงชายหนุ่มร้อนรน ตรีรินทร์ส่ายหน้าไปมาธมกานต์มือไม้สั่น “ คุณเจ็บตรงไหน บอกผมต้องไปโรงพยาบาลอีกไหมแผลอักเสบหรือไง” “ ไม่ ไม่เป็นไรคุณออกไปก่อนได้ไหมฉันอยากอยู่คนเดียวสักพัก” ธมกานต์รู้สึกผิดที่เป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบของความหึงหวงของตนเป็นต้นเหตุให้หญิงสาวต้องเจ็บตัวจึงพยักหน้าเดินออกจากห้องแต่โดยดี ตรีรินทร์มองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มด้วยหัวใจที่ว้าวุ่น ธมกานต์นั่งอ่านอีเมล์ผ่านมือถือ ตรีรินทร์เปิดประตูห้องออกมาก็ต้องตกใจที่เห็นชายหนุ่มยังเฝ้าอยู่หน้าห้อง “ นี่คุณไม่ต้องไปทำงานทำการหรือไงมานั่งเฝ้าฉันอยู่ได้ ฉันไม่ได้เป็นอะไรแค่คุณส่งพี่แหวนมาอยู่เป็นเพื่อนก็เป็นพระคุณมากมากแล้ว” “ ผมทำงานที่นี่ได้ เดี๋ยวนี้สะดวก ผมอยากดูแลคุณแม่คุณฝากคุณไว้กับผม” ชายหนุ่มทำหน้าตาอวดอ้าง “ เชื่อฉันสิฉันดูแลตัวเองได้” “ ผมไม่เชื่อหรอกขนาดหวีผมคุณยังทำได้ไม่ถนัดเลย ให้ผมดูแลคุณเถอะนะไม่งั้นผมต้องรู้สึกผิดไปจนตาย” ตรีรินทร์รู้สึกอ่อนใจในความดื้อของชายหนุ่ม “ ผมโทรไปลางานให้คุณแล้วนะ คุณพงค์ให้คุณลาจนถึงวันแต่งงานเลยช่วงนี้งานไม่เยอะไม่ต้องเป็นห่วง” ตรีรินทร์อ้าปากหวอด้วยความตกใจในความจุ้นจ้านของชายหนุ่ม “ พรุ่งนี้ฉันก็ไปทำงานได้แล้วมือขวาฉันยังใช้ได้” ตรีรินทร์เถียงด้วยท่าทางน่ารักในสายตาของชายหนุ่ม “ ไม่ได้ยินหมอสั่งหรือไงเมื่อวานบอกไม่ให้หักโหมพักสักอาทิตย์คงไม่เป็นไรหรอก” ตรีรินทร์นิ่งเงียบอย่างสงบรู้สึกเหนื่อย ที่จะต่อล้อต่อเถียงกับชายหนุ่มเพราะรู้สึกเถียงไปคงแพ้อยู่ดี ธมกานต์ขลุกอยู่บ้านหญิงสาวจนค่ำก็ยังไม่มีทีท่าจะกลับบ้านจนตรีรินทร์ต้องออกปากไล่ “นี่คุณดึกแล้วกลับบ้านได้แล้วฉันอยากพักผ่อน” ตรีรินทร์ลากเสียงยาว “ อยู่อีกแป๊บหนึ่งสิผมรอคุณเข้านอนก่อนก็ได้ผมไม่เกะกะคุณหรอก” ชายหนุ่มต่อรอง “ ไม่ได้กลับเดี๋ยวนี้เลยฉันง่วงแล้ว” ตรีรินทร์ยื่นคำขาด ธมกานต์ลุกขึ้นยืนอย่างไม่เต็มใจนักก่อนจะเดินลากส้นเท้า แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องตกใจเมื่อชายหนุ่มหยุดแล้วหันมาคว้าหญิงสาวพร้อมกับจูบที่แก้มก่อนจะไถลมาจูบที่ริมฝีปากบางเบา “ ราตรีสวัสดิ์นะครับรินทร์ขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้คุณเจ็บตัว คราวหลังผมจะพยายามระงับอารมณ์ตัวเองให้ดีกว่านี้ นี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ผมจะทำให้คุณเจ็บตัวเพราะผม ผมสัญญา” ตรีรินทร์ตะลึงพูดไม่ออกก่อนจะมองร่างชายหนุ่มที่เดินกลับออกทางประตูอย่างงุนงง ตรีรินทร์ทำแก้มป่องปากยื่นเมื่อถูกคู่หมั้นหนุ่มบังคับอุ้มขึ้นรถมาที่ทำงานของชายหนุ่มอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง “ทำไมฉันต้องตามคุณมาที่ทำงานด้วย ฉันอยู่บ้านกับพี่แหวนได้ พักอีกวันฉันก็ว่าจะกลับไปทำงานแล้วมือฉันใช้การได้บ้างแล้ว” “ ผมอยากดูแลคุณเองแต่วันนี้ผมมีประชุมผู้ถือหุ้นด่วนแล้วมีเอกสารต้องเซ็นอีกห้าหกฉบับเสร็จแล้ว ตอนบ่ายผมจะพาคุณไปเที่ยวให้หายเบื่อดีไหมคุณไปนั่งให้กำลังใจผมที่ทำงานสักพักนะสามชั่วโมงเอง” ตรีรินทร์ทำหน้าบึ้งปากยื่นก่อนจะหลับตาค้อนชายหนุ่มเมื่อไม่มีทางจะปฏิเสธชายหนุ่มได้ เมื่อถึงโรงแรมที่หมาย ธมกานต์ลงมาเปิดประตูให้หญิงสาวพร้อมกับประคอง ไม่ว่าหญิงสาวจะพยายามขัดขืนชายหนุ่มก็ตามประกบติดจนทำให้หญิงสาวท้อใจจนไม่แสดงท่าทางขัดขืนอีกพนักงานด้านล่างจนกระทั่งถึงชั้นบนสุดต่างแปลกใจที่เจ้านายพาคู่หมั้นสาวมาทำงานด้วยต่างแอบมองด้วยสายตาชื่นชม “ คุณรสครับผมขอน้ำส้มให้รินทร์พร้อมของว่าง แล้วคุณพอมีแม็คกาซีนให้รินทร์อ่านแก้เบื่อไหมครับขอสักสองสามเล่มนะครับ” ธมกานต์สั่งพร้อมกับเดินไปดูเอกสารที่จะใช้ในการประชุม ท่าทางขะมักเขม้นทำงานทำให้ตรีรินทร์รู้สึกประทับใจมิใช่น้อย ‘อีตานี่เวลาตั้งใจทำงานแล้วน่ารักจังเลยไม่ค่อยเหมือนเด็กที่คอยแต่จะเอาแต่ใจเลยไม่นะ ตรีรินทร์ห้ามหลงใหลไปกับภาพที่เค้าพยายามสร้างสิ ห้ามหลงใหลได้ปลื้มเค้าเป็นอันขาดไม่งั้นสักวันเราก็ต้องเหมือนยัยอ้อม’ ตรีรินทร์สะบัดหน้าไปมาเหมือนพยายามลบความคิด “ เดี๋ยวผมขอเข้าประชุมสักชั่วโมงหนึ่งออกมาแล้วผมจะพาคุณไปเที่ยวนะรินทร์นะ” “อืม แล้วแต่คุณสิ” ตรีรินทร์ตอบอย่างเสียไม่ได้ บ่ายโมง รถแล่นออกนอกเมืองทำให้ตรีรินทร์หันมามองคนขับด้วยความแปลกใจ “ เอ ไหนเค้าบอกว่าจะพาไปทานข้าวอร่อยๆนี่ก็ออกนอกเมืองมาตั้งเยอะทำไมยังไม่จอดรถสักทีนะ” ตรีรินทร์คิดอย่างสงสัย “ เราจะไปไหนกันคะออกนอกเมืองมาตั้งเยอะ” เมื่ออดทนรอไม่ไหวตรีรินทร์ก็เอ่ยถาม “ ผมอยากไปทานอาหารทะเลกับคุณ เราไปหัวหินกันไม่ไกลมากเย็นๆค่อยกลับดีไหม” “ มาถามอะไรป่านนี้ล่ะจวนจะถึงอยู่แล้ว” ตรีรินทร์ค้อนชายหนุ่มก่อนจะจีบปากพูด บรรยากาศริมทะเลสีฟ้าครามทำให้ตรีรินทร์รู้สึกสดชื่นอาหารที่ชายหนุ่มสั่งมาเป็นของโปรดของหญิงสาวแทบทั้งนั้นแอบแปลกใจเล็กน้อยว่าเค้ารู้ได้อย่างไร แต่นึกไปอีกทีอาจเป็นแค่ความบังเอิญ ตรีรินทร์แอบขัดใจตัวเองเล็กน้อยที่มือด้านซ้ายมาเจ็บตอนนี้ทำให้รับประทานอาหารจานโปรดไม่สะดวกแต่ก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อคู่หมั้นหนุ่มแกะปูนิ่มของโปรดวางบนจานให้ “ผมช่วยแขนคุณเจ็บคงรับประทานไม่สะดวก” ตรีรินทร์แอบรู้สึกประทับใจชายหนุ่มมิใช่น้อย แต่ก็เก็บงำท่าทางมิแสดงออกให้ชายหนุ่มได้รับรู้ “คุณทานบ้างสิแกะให้ฉันกินคนเดียวเดี๋ยวคุณหิวแย่” “ ผมเห็นคุณทานได้อร่อยผมก็อิ่มแล้วทานเยอะๆนะ” ตรีรินทร์จิ้มเนื้อปูสีขาวพร้อมกับป้อนไปที่ริมฝีปากของชายหนุ่ม ธมกานต์ยิ้มก่อนอ้าปากรับ เนื้อปู ต่างจ้องมองตากันและกันด้วยความรู้สึกสุขในใจลึกๆ “ทานอาหารคาวแล้วผมสั่งของหวานไว้จานหนึ่งผมชอบมากเคยคิดหัดทำเหมือนกันตอนอยู่เมืองนอกแต่ทำไม่อร่อยสักทีเดี๋ยวลองชิมดูนะ” เสียงเปียโนเบาๆดังขึ้นตรีรินทร์หันไปมองก่อนจะนั่งเท้าคางด้วยความซาบซึ้งในบทเพลง “ตอนสมัยมัธยมฉันชอบเพลงนี้มากเคยคิดเหมือนกันว่าคงจะดี ถ้าเราได้เจอกับใครสักคนเหมือนในบทเพลงนี้แต่คิดว่ามันคงเป็นแค่ความฝัน “ ตรีรินทร์นั่งเท้าคางพร้อมกับเล่าให้ชายหนุ่มฟังด้วยความเคลิบเคลิ้มในบทเพลง “ ทำไมคุณไม่คิดว่าผมคือ ผู้ชายคนนั้นในชีวิตคุณล่ะ” ธมกานต์กล่าวขึ้นมาเบาๆ ตรีรินทร์ถึงกับชะงักแล้วหันมามองคู่หมั้นหนุ่มตาโตก่อนที่บริกรจะนำจานขนมมาวางไว้ตรงหน้าเป็นเคลิป ช็อคโกแล็ตด้านหนึ่งกับสตอเบอรี่อีกด้านหนึ่งราดด้วยน้ำช็อคโกแล็ตและครีมสีขาวที่ประดับประดาอย่างสวยงามบนเคลิปเขียนข้อความไว้สามสี่ตัว W…UM…M อะไรเนี่ยตัวอักษรอะไรเนี่ยตรีรินทร์ขมวดคิ้วด้วยความงุนงงก่อนที่บริกรจะนำช่อดอกไม้ดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์มาส่งให้คู่หมั้นหนุ่มก่อนจะถอยออกไปอย่างมีมารยาท “ รินทร์ครับนี่ดอกไม้สำหรับคุณผมรู้ว่าการแต่งงานครั้งนี้ คุณอาจจะเห็นแก่แม่ผมแต่ผมอยากมีช่วงเวลาดีๆ ให้คุณจดจำสำหรับเรานี่อาจเป็นการขอแต่งงานที่เฉิ่มมากในสายตาคุณแต่ผมก็ทำได้แค่นี้ผมอยากเป็นคนพูดคำนี้ แต่งงานกับผมนะครับรินทร์ would you marry me?? “ ตรีรินทร์รับดอกไม้ด้วยความงุนงงน้ำตาคลอด้วยความซาบซึ้งก่อนจะยิ้มรับก่อนพยักหน้าธมกานต์หยิบแหวนเพชรวงเล็กออกมาจากกางเกง “ นี่เป็นแหวนที่สลักชื่อคุณและผมวันนี้และสถานที่ที่นี่เอาไว้ผมอยากให้คุณเก็บเป็นที่ระลึก” ตรีรินทร์ยื่นมือออกไปอย่างละเมอก่อนที่ชายหนุ่มจะสวมแหวนวงนี้ที่นิ้วนางข้างขวาเนื่องจากเป็นแหวนที่ชายหนุ่มทำให้พิเศษไว้เป็นที่ระลึก “ ลองชิมขนมเคลิปของโปรดผม ผมชอบไส้ช็อคโกแล็ตแล้วคุณล่ะ” ตรีรินทร์ยิ้มเขินก่อนจะตอบว่า “ สตอเบอรี่ ค่ะ” ก่อนที่ทั้งสองผลัดกันป้อนจนขนมหมดจานตรีรินทร์รู้สึกซาบซึ้งทุกๆช่วงเวลาที่หัวหินก่อนที่ชายหนุ่มจะชวนให้ไปเดินเล่นในยามเย็นที่แดดร่มบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติคธมกานต์เดินพาตรีรินทร์มานั่งที่ริมชายหาดที่ค่อนข้างเงียบสงบไม่มีผู้คนพลุกพล่าน “ สนุกจังวันนี้บรรยากาศก็สวย อาหารอร่อยแล้วยังได้มากับคนที่ถูกใจ รินทร์อาทิตย์หน้าผมต้องไปประชุมที่สิงคโปร์สามวันกลับมาก็คงก่อนวันแต่งงานหนึ่งวัน ใจจริงผมอยากให้คุณไปด้วยแต่แม่คงไม่ยอมเพราะคุณคงต้องช่วยแม่ผมดูความเรียบร้อยของงานทั้งหมด ถึงแม้เราจะมีเวดดิ้งแพลนเนอร์ช่วย แต่ผมอยากให้รินทร์ไปตรวจดูความเรียบร้อยอีกที คงไม่รบกวนคุณเกินไปใช่ไหม” “ ไม่หรอกค่ะ” ตรีรินทร์แอบดีใจเงียบๆที่คู่หมั้นหนุ่มไปต่างประเทศในช่วงวันที่พี่โตรับตำแหน่งพอดีทางสะดวกให้เธอได้ไปแสดงความยินดีกับพี่โตโดยไม่ต้องอึดอัดใจ ‘ พระเจ้าช่วยลูกจริงๆกำลังคิดว่าจะทำยังไงไปงานเลี้ยงพี่โตถ้าคุณกานต์ยังตามประกบแบบนี้’ ธมกานต์กอดตรีรินทร์เข้ามาในอ้อมกอดก้มลงดมที่เส้นผมก่อนจะจูบที่ขมับหนึ่งครั้ง “ ผมคงคิดถึงคุณมากถ้าไปสิงคโปร์ นี่เป็นงานด่วนจริงๆเลื่อนไม่ได้อีกต่างหาก” ตรีรินทร์ยิ้มหวานธมกานต์กอดหญิงสาวแนบแน่นก่อนจะก้มลงจุมพิตเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับพระอาทิตย์ตกดินตรีรินทร์หลับตาพร้อมกับรับจุมพิตชายหนุ่มด้วยความเต็มใจ ‘อ้อมจ๊ะรินทร์ขอโทษแต่ขอสักครั้งเถอะนะขอให้รินทร์มีความสุขอย่างเต็มหัวใจแค่สักครั้งหนึ่ง รินทร์จะจำช่วงเวลาอย่างวันนี้ไปจนตายสักวัน ถ้าเราจะผลัดพรากกันไป รินทร์จะขอให้เหตุการณ์วันนี้คอยเป็นกำลังใจให้เราสองคนให้ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆไปให้ได้ ‘ ตรีรินทร์คิดในใจ “ กลับกันเถอะค่ะเดี๋ยวถึงบ้านค่ำเดี๋ยวแม่จะดุแม่ยิ่งไม่ชอบให้รินทร์เป็นเป้าสายตาของชาวบ้าน” ธมกานต์พยักหน้าพร้อมกับโอบเอวหญิงสาวเดินเคียงข้างกันไปขึ้นรถธมกานต์เปิดประตูรถให้หญิงสาวพร้อมกับเดินอ้อมไปทำหน้าที่คนขับมุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ ธมกานต์ออกจากห้องประชุมมา แต่ไม่พบหญิงสาวที่ห้องทำงานถึงกับอาละวาดทำเอาเลขาสาวถึงกับบ่นในใจ ‘โถ คุณรินทร์ ทำรสเสียแล้ว’ “ คุณรสต่อโทรศัพท์หา รินทร์ให้ผมหน่อย” ตรีรินทร์ถึงกับหัวเราะคิกเมื่อ เห็นชื่อสายเรียกเข้า “ สงสัยจะโกรธจนหน้าเขียว” “ ใครแก ” อรวิสา ชะโงกหน้ามามองหน้าจอโทรศัพท์ “ ใครอีกล่ะ มีอยู่คนเดียวคุณกานต์ แกช่วยรับหน่อยสิ” ตรีรินทร์เกี่ยงเพื่อนบอกว่าเจอกันที่โรงพยาบาลเย็นนี้เลย “ ฮัลโหล” “ ผมบอกให้รออยู่ที่ห้องแล้วหนีไปไหนคุณขัดคำสั่งผมบอกแล้วไงเย็นนี้เรามีนัดถอดเฝือก” ธมกานต์พูดเร็วโดยไม่ได้สังเกตุว่าคนรับสายไม่ใช่คู่หมั้นสาว “ รินทร์เข้าห้องน้ำค่ะนี่อรค่ะ คุณกานต์รินทร์สั่งให้บอกว่าเจอกันที่โรงพยาบาลค่ะ” “ขอโทษครับไม่ทราบเค้าทำอะไรอยู่ครับ” “ อ๋อเรามาเดินเล่นที่ห้างค่ะ รินทร์เค้าอยากซื้อของเลยโทรตามให้อรมาเดินเป็นเพื่อน” “ งั้นตามสบายครับ” ธมกานต์วางโทรศัพท์ แล้วหันไปเซ็นเอกสารต่อแอบนึกเอ็นดูคู่หมั้นสาวหญิงสาวคงนึกเบื่อที่ต้องมานั่งเฝ้าตนทำงานแทบทุกวัน “ รินทร์แกอยากซื้ออะไรเหรอ” “ อยากได้ชุดไปงานเลี้ยงพี่โต” “ เฮ๊ยแกจะไปจริงเหรอเนี่ย ไม่กลัวคุณกานต์อาละวาดหรือไงถ้าเค้าจับได้” “ เค้าคงไม่รู้หรอกวันพรุ่งนี้ เค้าก็ไปสิงค์โปร์แล้วอีกสามสี่วันถึงกลับ” “ ก็รินทร์รู้สึกผิดกับพี่โตก็เลยอยากไปแสดงความยินดีกับพี่เค้าในฐานะน้องสาวก็ยังดีแกว่าไงอร” “ ก็ดีนะแต่ฉันสังหรณ์ไงชอบกลว่าจะเกิดเรื่อง” “ แกอย่าพูดเป็นลางได้ไหมคนยิ่งใจคอไม่ดี ” “ ไปเหอะรินทร์อยากได้สีครีมอรว่าไง” “ ชุดนี้ดีไหม” ตรีรินทร์ถามความเห็น “ อืมสวยดีไปลองเร็วๆ เอ ต้องช่วยไหมเนี่ยแขนยังเดี้ยงอยู่” อรวิสาหัวเราะล้อเลียนเพื่อนสาว “ ช่วยกรุณาคนไข้หน่อยสิคะคุณพยาบาล” เมื่อได้ชุดตามที่ตั้งใจสองสาวก็ยังเดินเล่นซื้อหนังสือสำหรับไปอ่านเล่น แล้วไปนั่งดื่มกาแฟที่ค๊อฟฟี่ช้อป ร้านโปรดตรีรินทร์หยิบหนังสือคู่มือทำขนมมาพลิกอ่านอย่างสนใจ “จะหัดทำขนมเหรอรินทร์ แปลกจัง ปกติรินทร์ไม่ชอบทานขนมหวานนี่นานอกจากผลไม้” อรวิสาถามอย่างสงสัย “ คนบางคนเค้าชอบ อยากลองหัดทำเล่นๆ ช่วงนี้เบื่อๆ ไง” ตรีรินทร์ตอบแก้เก้อหน้าแดงด้วยความเขินอาย “ กลับกันเถอะอรเผื่อรถติดนัดพี่หมอหกโมงเย็นไม่อยากให้พี่หมอรอ” ตรีรินทร์แก้ตัวก่อนจะเดินนำไปที่ลานจอดรถ โรงพยาบาล นายแพทย์เอกชัยเหลือบตามองเพื่อนรักที่ผลุดยืนขึ้นแล้วเดินไปมาด้วยอาการกระวนกระวาย “ หมอเค้านัดแกกี่โมงกันแน่” “ หกโมงเย็นแกใจเย็นๆ แล้วนั่งลง เดี๋ยวอรกับคุณรินทร์ก็มาเองเมื่อกี้อรแมสเสจมาว่ากำลังจะออกจากพารากอนแล้ว” ธมกานต์ถอนหายใจเฮือกก่อนจะนั่งลง “ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรีบไปซื้อของรอออกไปพร้อมฉันก็ได้” ธมกานต์บ่น “ บางทีพวกผู้หญิง เค้าก็อยากไปซื้อของกับผู้หญิงด้วยกันฉันว่าแกอย่าซีเรียสเลยเดี๋ยวก็คงมากันแล้ว” นายแพทย์เอกชัยออกความเห็น “นั่นไงพูดถึงก็มาพอดี” นายแพทย์เอกชัยชี้นิ้วให้ เพื่อนสนิทเห็นสองสาวที่คนหนึ่งเป็นสาวร่างกะทัดรัดผมสั้น ผิวสีขาวอมชมพู ส่วนอีกคนมีรูปร่างสูงโปร่งผมยาวสลวยผิวสีแทนดวงตากลมโตใบหน้าเรียวยาวมีลักยิ้มที่มุมแก้มข้างขวา ธมกานต์ก้าวเข้าไปประคองคู่หมั้นสาวพร้อมกับส่งมือไปรับถุงกระดาษสามสี่ถุงที่หญิงสาวหอบพะรุงพะรัง ตรีรินทร์ส่ายหน้าพร้อมปฏิเสธว่า “ รินทร์ถือเองไม่ต้องรบกวนหรอก” “ เอามานี่แขนเดี้ยงแล้วยังซ่าอีก” ชายหนุ่มตำหนิไม่จริงจังนัก ตรีรินทร์ยื่นให้อย่างไม่ค่อยเต็มใจนักพยาบาลสาวแอบกระซิบที่ข้างหู “ พึ่งเห็นตัวจริงคู่หมั้นแกใกล้ๆ หล่อจริงว่ะ ดูดิริมฝีปากสีชมพูทำเอาเราเป็นผู้หญิงอายเลยเนอะกล้ามเป็นมัดๆเลยว่ะ ไม่ผอมเหมือนพี่หมอฉันล่ะอิจฉาแกจริงๆ นะรินทร์” “ ไม่ต้องอิจฉาเลยแกไม่รู้อะไรเอาแต่ใจก็แค่นั้นอารมณ์ก็ร้ายก็เท่านั้นฉันไม่อยากจะสาธยายแล้วต่อๆไป แกก็รู้เองแล้วอย่าไปหลงกับรูปลักษณ์ภายนอกแกรู้จักไหมซาตานในรูปเทพบุตรไม่งั้นอ้อมจะฆ่าตัวตายเหรอ” ตรีรินทร์กระซิบตอบเพื่อนสาว “ คุณรินทร์ครับเชิญห้องตรวจ อรจ๊ะเดี๋ยวเข้าไปช่วยพี่ด้วยนะพี่ให้คุณจ๋าพยาบาลผู้ช่วยกลับไปแล้ว” “ ได้ค่ะ” อรวิสา ตอบพร้อมกับวางสัมภาระที่โต๊ะ แฟนหนุ่ม ตรีรินทร์เดินตามนายแพทย์เข้าห้องตรวจที่เปิดผ้าม่านไว้ ซีกหนึ่งข้างในมีเพียงเตียงคนไข้สีขาว ธมกานต์พยายามจะเดินเข้าไปด้วยแต่ถูกนายแพทย์หนุ่มห้าม “ กานต์แกรอข้างนอกห้ามญาติเข้ามา” “ ทำไมว่ะฉันเป็นคู่หมั้น” “ คู่หมั้นก็ไม่ได้ไม่มีกรณีพิเศษแค่ถอดเฝือกสิบห้านาทีก็เสร็จแล้วไม่ต้องห่วงฉันกับอรจะดูแลคุณรินทร์ให้สุดความสามารถ” ธมกานต์เดินออกไปอย่างว่าง่าย “ หมอนี่หวงคู่หมั้นยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ เว่อร์จริงๆ” นายแพทย์เอกชัยบ่นพร้อมส่ายศีรษะ หมอเอกชัยทำการเอาเฝือกออกพร้อมกับใช้เครื่องมือที่เป็นเหล็กชิ้นเล็กๆเคาะที่ต้นแขนและข้อมือที่ได้เข้าเฝือกไว้ “ คุณรินทร์ลองกำมือแล้วขยับ แขนดูสิครับ” ตรีรินทร์ทำตามที่หมอสั่งแล้วยิ้มออกเมื่อปรากฏว่าเธอไม่ได้รู้สึกเจ็บหรือชาบริเวณแขนที่เจ็บเมื่ออาทิตย์ก่อนเลย “ อย่าพึ่งหักโหมยกของหนักหรือใช้แรงมากที่แขนข้างนี้คงต้องฟื้นตัวสักระยะ” ธมกานต์เดินพุ่งเข้ามาเมื่อม่านเปิดออก “ คู่หมั้นของฉันเป็นไงบ้าง” “ หายดีแล้ว” ธมกานต์ยิ้มพร้อมกับประคองตรีรินทร์ให้นั่งลง “ดีใจจังฉันจะได้ไม่รู้สึกผิดกับรินทร์อีก” “ ไหนๆก็เย็นมากแล้วไปทานข้าวกันเหอะชวนแฟนแกไปด้วยเจ้าหมอฉันเลี้ยงเอง” นายแพทย์เอกชัยยิ้มรับก่อนจะตอบว่า” ได้เลยเพื่อน” สองหนุ่มและสองสาวก็เดินออก จากบริเวณโรงพยาบาลมุ่งหน้าไปที่สวนอาหารที่มีบรรยากาศเงียบสงบๆซึ่งอยู่ไม่ไกลนักสองวันผ่านไป ธมกานต์ได้เดินทางไปทำงานด่วนที่สิงค์โปร์ได้สองวันแล้วตลอดเวลาที่ชายหนุ่มไปสิงค์โปร์ได้ส่งคนขับรถที่บ้านมาคอยรับส่งคู่หมั้นสาวแรกๆตรีรินทร์ขัดขืนแต่ก็ต้องยอมในที่สุด ทุกๆสามชั่วโมงชายหนุ่มต้องโทรศัพท์มาคุยจนตรีรินทร์รู้สึกหงุดหงิดเหมือนต้องกลับไปเป็นนักเรียนประถมที่ต้องมีผู้ปกครองติดตามทุกย่างก้าวบางครั้งตรีรินทร์จึงแกล้ง ปิดเครื่องบ้าง เมื่อตนต้องใช้สมาธิในการทำงาน ตรีรินทร์รู้สึกตื่นเต้นที่ต้องไปงานเลี้ยงแสดงความยินดี สำหรับนายร้อยที่ได้ทำการติดยศใหม่หญิงสาวหมุนตัวไปมาที่หน้ากระจกเมื่อแต่งตัวเสร็จชุดนี้เป็นชุดสีครีมงาช้างที่ เปลือยไหล่ข้างซ้ายทำให้เห็นบ่าหญิงสาวที่สวยงามลำคองามระหง ตรีรินทร์รวบผมมวยเกล้าอย่างปราณีตแต่งหน้าเล็กน้อยและทาริมฝีปากสีชมพู ตรีรินทร์นัดให้โตมรมารับที่บ้านทุ่มครึ่ง แหวนช่วยตรีรินทร์แต่งตัวพร้อมกับกล่าวอย่างชื่นชมว่า “ คุณรินทร์สวยจังค่ะ” “ขอบคุณค่ะพี่แหวน” “ พี่แหวนเหงาไหมที่ต้องมาอยู่กับรินทร์ที่บ้านนี้บ้านรินทร์เล็กไม่เหมือนบ้านคุณกานต์” “ โถคุณรินทร์ไม่ต้องห่วงพี่แหวนนะคะก็อีกไม่กี่วันพี่แหวนก็จะได้กลับบ้านแล้วหลังคุณรินทร์แต่งงาน
“ เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันผมยังพูดกับคุณไม่จบ” ธมกานต์ผลักตรีรินทร์เข้าไปในห้องหญิงสาวเดินถอยหนีจนร่างไปกระทบกับโซฟาแววตาของตรีรินทร์บอกความรู้สึกหวาดกลัว ‘ อีตาบ้านี่จะทำอะไรเรานะ’ ตรีรินทร์คิดในใจ “ คุณทรยศความเชื่อใจของผมคุณทำลายความรู้สึกดีๆ ที่ผมมีต่อคุณต่อไปนี้ผมจะควบคุมคุณทุกฝีก้าวไม่เชื่อก็คอยดู” “ ไม่นะคุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้น” “ ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ผมเป็นผัวคุณหรือคุณจะปฏิเสธว่าไม่ใช่” ธมกานต์ตะคอกพร้อมกับบีบไหล่ด้วยความโกรธที่ปะทุในใจอย่างรุนแรง “ หยาบคายฉันเกลียดคุณ” “ ผมก็เกลียดตัวเองทำไมต้องไปแคร์คนอย่างคุณเป็นไปได้หางตาผมก็ไม่อยากแล” “ งั้นก็ยกเลิกงานแต่งงานซะฉันไม่ได้อยากแต่งงานกับคุณรู้ไว้ซะด้วย คนที่เอาแต่ใจไร้ซึ่งเหตุผลไม่รู้จักเห็นใจคนอื่นไม่เคยอยู่ในสายตาฉัน” “ ไม่มีทางผมเดินหน้ามาเกินร้อยแล้วผมย้อนกลับไปไม่ได้ เมื่อพูดกันดีๆไม่รู้เรื่องผมก็ต้องทำโทษคุณ” ธมกานต์กระชากเสื้อเสียงดังแคว๊กตรีรินทร์ร้องกรี๊ดพร้อมกับระดมทุบไปที่ไหล่ธมกานต์ก้มลงระดมจูบอย่างรักใคร่ปนเคียดแค้นเมื่อเหมือนถูกหักหลัง ตรีรินทร์พยายามช่วยเหลือตัวเองด้วยการจิกเล็บที่เรียวยาวไปที่ไหล
“ ไอ้บ้ากานต์อย่าฟุ้งซ่านสิเค้ายังเจ็บอยู่อย่าคิดบ้าไม่เลือกสถานการณ์แบบนี้เดี๋ยวเธอจะคิดว่าแกเป็นไอ้บ้ากาม” ธมกานต์บ่นด่าตนเองในใจ ตรีรินทร์อาบน้ำก่อนจะใส่เสื้อผ้าชุดนอนอย่างรัดกุมก่อนจะออกห้องน้ำมาแบบเขยกๆ ธมกานต์ผลอยนอนหลับไปอย่างไม่รู้ตัวตรีรินทร์นอนลงที่ด้านตรงข้ามชายหนุ่มพร้อมกับเอาหมอนข้างมาวางตรงกลางก่อนจะมองชายหนุ่มอย่างไม่ค่อยไว้ใจแต่เสียงหายใจสม่ำเสมอทำให้รู้ว่าชายหนุ่มหลับสนิทไปแล้ว ตรีรินทร์ถอนหายใจแบบโล่งอกก่อนจะล้มตัวลงนอนพร้อมกับดึงผ้าห่มมาห่ม กลางดึกตรีรินทร์รู้สึกมีมือมากอดตนเองพร้อมกับจูบที่ซอกคอ “ ไม่ต้องกลัวผมแค่อยากนอนกอดคุณวันนี้หมดแรงจริงๆอีกอย่างผมไม่อยากรังแกคนป่วยคนขาเดี้ยง เดี๋ยวคุณจะมาตะโกนด่าว่าผมว่าใจร้าย วันนี้ผมยกให้คุณหนึ่งวัน พรุ่งนี้คุณต้องให้รางวัลผมทั้งต้นและดอก” ธมกานต์กระซิบที่ข้างหู ขณะที่ตรีรินทร์ยิ้มขำก่อนจะผลอยหลับไปในอ้อมกอดของชายหนุ่ม ตรีรินทร์ตื่นขึ้นมาตอนเช้าชายหนุ่มยังหลับสนิทตรีรินทร์พยายามแกะมือชายหนุ่มออกก่อนจะลุกขึ้นจากที่นอนอย่างระมัดระวังไม่ให้รบกวนชายหนุ่ม ตรีรินทร์อาบน้ำเสร็จแต่งตัวและลงไปข้างล่างข้อเท้าของเธอยั
ตรีรินทร์หน้าชาด้วยความเขินอายในขณะที่ธมกานต์ก็จ้องมองภรรยาสาวด้วยสายตามีความหมายแต่ก็ยังเก็กหน้าเวลาสบตากัน ตรีรินทร์รู้สึกถึงความอึดอัดเหมือนระเบิดเวลาที่รอเวลาระเบิดตั้งแต่ทานอาหารเย็นเสร็จธมกานต์ก็แยกเข้าไปทำงานเหมือนเขาพยายามแยกตัวออกไป คุณหญิงมณีจันทร์พยายามคลี่คลาย สถานการณ์ที่ตึงเครียด “ ง้อเค้าหน่อยก็หายงอนแล้วนิสัยเสียตั้งแต่เด็กชอบเอาแต่ใจตัวเอง แต่พอเราง้อหน่อยแม่รับรองว่าเขาจะกลับมาน่ารักเหมือนเดิม ถ้าหนูรินทร์จะรอให้พ่อคนนี้มาง้อ สงสัยต้องรอนานพ่อคนนี้ใจแข็งเหมือนพ่อเขาไงแม่ไม่อยากให้หนูรินทร์ใจแข็งแล้วทิฐิเดี๋ยวจะเหมือนแม่นึกเสียใจเมื่อเหตุการณ์มันผ่านไป แล้วแล้วเลิกเรียกแม่ว่า “ ป้า”สักทีเรียกแม่เหมือนพ่อกานต์ตอนนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” คุณหญิงมณีจันทร์กล่าวแนะนำ ตรีรินทร์เอ่ยตอบเบาๆ ว่า “ ค่ะ คุณแม่ แต่รินทร์ต้องรอดูสถานการณ์ก่อนนะคะ” คุณหญิงมณีจันทร์คิดในใจ “ หรือจะเจออีกคู่คู่รักใจแข็งขอภาวนาอย่าให้เป็นเหมือนตนกับท่านนายพลเลย” ตรีรินทร์เดินกลับไปเรือนหลังเล็กแต่เพียงลำพังระหว่างที่ขึ้นเตียงนอน ตรีรินทร์พยายามคิดว่าถ้าชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องเธอคว
“ รินทร์อาบเองก็ได้คุณกานต์ออกไปก่อน” ตรีรินทร์พยายามผลักชายหนุ่มออกไป ธมกานต์ขืนตัวพร้อมกับจับหญิงสาวไปที่อาบน้ำแล้วเปิดฝักบัว สาย น้ำจากฝักบัวรดมาที่ตัวเสื้อผ้าของหญิงสาวทำให้เห็นรูปร่างที่สวยงามของหญิงสาวอย่างชัดเจน ตรีรินทร์หน้าร้อนธมกานต์ถอดเสื้อผ้าหญิงสาวพยายามอ้าปากจะพูดแต่ถูกปิดด้วยริมฝีปากหนา ธมกานต์ดูดที่ริมฝีปากตรีรินทร์รู้สึกถึงการเรียกร้องของชายหนุ่มเมื่อร่างของชายหนุ่มแนบมาที่ร่างของตนความตื่นตัวของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวหน้าร้อน ธมกานต์เริ่มปลดเสื้อเชิ๊ตยกทรงสีชมพูหวานแหวว ธมกานต์หายใจแรงเมื่อมองเห็นดอกบัวสีขาวชมพูชูชันรอรับสัมผัสอันอ่อนหวาน เขาก้มลงไซ้ซอกคอแล้วขบกัดอย่างวาบหวามตรีรินทร์ครางก่อนจะใช้เล็บมือจิกที่กลางหลังของชายหนุ่มเมื่อธมกานต์ใช้มือไล้ครีมอาบน้ำไปทั่วอกอวบงามเขาไล้วนเบาๆ แล้วคลึงหนักหน่วงก่อนจะก้มลงดูดกลืน ตรีรินทร์หอบหายใจก่อนจะครางโหยหวนสองมือเอื้อมไปขยุ้มเรือนผมด้วยความร้อนรุ่ม “กานต์ อืมอื้อ” เสียงตรีรินทร์ครางเบาๆ ธมกานต์ดูดกลืนยอดอกอีกข้างอย่างไม่ให้น้อยหน้า บีบเคล้นจนตรีรินทร์ครางโหยหวนด้วยความเสียวซ่าน ร่างงามผวาเฮือกเมื่อเขากอบกุมเนื้
คุณหญิงมณีจันทร์ขมวดคิ้วเมื่อเห็นลูกชายนอนอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่นขณะที่สวมเสื้อผ้าในชุดทำงาน “ตากานต์มานอนทำไมตรงนี้ไม่กลับบ้านตายแล้วเหม็นเหล้าตายแล้วลูกทะเลาะกับเมียสิท่าถึงได้มานอนกองอยู่ตรงนี้” ธมกานต์หรี่ตามองก่อนจะพูดเสียงอ้อแอ้ว่า “อ้าวแม่พูดอะไรกานต์ปวดหัวหมดแล้ว” คุณหญิงมณีจันทร์ลูบศีรษะลูกชายก่อนจะถามว่า “ทะเลาะอะไรกันมาถึงได้เมาแบบนี้” “ทะเลาะอะไร ไม่ได้ทะเลาะโถแม่เขาจะทำอะไรจะเอาอะไรผมก็ต้องตามใจเขาอยู่แล้วก็ผมรักเค้านี่แต่เค้าสิไม่เคยเห็นความสำคัญวันๆก็ทำแต่งานแม่เชื่อไหมอาทิตย์นี้เราเจอหน้ากันนับครั้งได้ แล้วจะทะเลาะกันได้ยังไง บอกให้ลาออก ก็ไม่เอาบอกให้มาทำงานด้วยกันก็ไม่เอาผมมันไม่สำคัญสำหรับเขาหรอกแม่”ธมกานต์พร่ำเพ้อก่อนจะเผลอหลับไป คุณหญิงมณีจันทร์ลูบไล้เส้นผมลูกชายสุดที่รักก่อนจะพูดอย่างเอ็นดูว่า “โถ ลูกรักเค้าแล้วหมดใจแล้วทำไมไม่บอกพอเค้าไม่ตามใจก็โวยวาย เมื่อไหร่จะโตสักทีทะเลาะกับเมียก็วิ่งออกจากบ้าน เฮ้อ ลูกหนอลูก” ตรีรินทร์ขึ้นมาบนตึกใหญ่ตามคำสั่งของคุณหญิงมณีจันทร์ “อ้าวเข้ามาสิจ๊ะ หนูรินทร์” “เมื่อคืนตากานต์ นอนที่นี่หนูคงรู้แล้วอย่าถือสาพี่เค้าเ
หกโมงเย็นฝกตกพรำ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเทลงมาเหมือนฟ้ากำลังพิโรธอะไรสักอย่างธมกานต์เดินอยู่เรือนหลังเล็กด้วยความกังวลเพราะด้านนอกฝนตกหนักติดต่อหญิงสาวไม่ได้ ในใจร้อนรุ่ม ตรีรินทร์ยังนั่งร้องไห้ท่ามกลางสายฝนก่อนจะตัดสินใจเดินขึ้นรถแล้วขับกลับบ้านด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว ฝนตกหนักเป็นระยะๆธมกานต์แทบจะกระโดดจากที่นั่งเมื่อได้ยินเสียงรถเลี้ยวเข้ามาในบริเวณบ้านตรีรินทร์จอดรถก่อนจะเดินลงจากรถอย่างใจลอยก่อนจะรู้สึกสะดุ้งเมื่อรู้สึกมีแมลงบินเข้าที่ดวงตาตรีรินทร์พยายามนั่งลงก่อนจะกระพริบตา ธมกานต์มองเห็นหญิงสาวนั่งยองๆลงนั่งแล้วรู้สึกโมโหแม่ตัวดีที่ทำให้ตนเองเป็นห่วง อยู่ครึ่งค่อนวัน ธมกานต์วิ่งออกไปท่ามกลางสายฝนก่อนจะเข้าไปกระชากไหล่ของหญิงสาวพร้อมกับตะโกนแข่งกับเสียงฟ้าร้อง “กลับมาถึงบ้านแล้วทำไมไม่เข้าบ้านมานั่งทำมิวสิคอยู่หรือไงบ้าจริงเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”ธมกานต์ตะเบ็งต่อว่าหญิงสาว “ใครเค้าบอกคุณว่าฉันมานั่งทำมิวสิค”ตรีรินทร์ตอบเสียงขึ้นจมูก “แล้วทำไมไม่เข้าบ้านไม่เห็นหรือไงว่าฝนมันตกแล้วตกหนักด้วย”ธมกานต์ยังตะโกนแข่งกับเสียงฟ้าร้อง “เห็นค่ะแต่แมลงเข้าตาแสบไปหมด”ตรีรินทร์ตอบเสียงเรียบ “อ้
“จริงๆนะอาทิตย์หน้าวัดเกิดผมคุณต้องบอกรักผมให้ผมได้ยินชัดๆในวันเกิดได้ไหม”ธมกานต์ขอร้อง “อืมคิดดูก่อนดูพฤติกรรมก่อน”ตรีรินทร์ต่อรอง “ดูพฤติกรรมงั้นเหรอ งั้นมานี่เลยมาให้จูบซะดีๆ” ก่อนที่ตรีรินทร์จะหลบออกจากอ้อมกอดแต่ก้าวได้เพียงสองก้าวก็ถูกชายหนุ่มดึงร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้งก่อนจะระดมจูบทั้งริมฝีปากบางอย่างดูดดื่มก่อนจะจบลงอย่างสวยงาม ตรีรินทร์จูบที่อกกว้างก่อนที่จะใจหายอย่างไม่ทราบสาเหตุ“คุณกานต์รินทร์สังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูกแต่ถ้าสักวันถ้าเราจะไม่ได้อยู่ร่วมกันรินทร์จะเก็บช่วงเวลานี้อยู่ในความทรงจำของรินทร์ตลอดไป”ตรีรินทร์คิดเงียบๆในใจ ในขณะที่ธมกานต์หลับสนิทแต่แขนก็ยังสวมกอดภรรยาสาว สองนางแบบสาวนั่งดื่มกันที่ริมระเบียงพร้อมกับปรึกษาแผนการร้ายที่จะแย่งชายหนุ่มกลับคืนมา “วีวี้แกคิดว่าแผนการนี้จะได้ผลหรือไง”จามิกาครุ่นคิดแบบไม่ค่อยแน่ใจ “รับรองร้อยทั้งร้อยถึงไม่เลิกกันแต่ก็โกรธกันและไม่เข้าใจกันเราก็ต้องค่อยๆ หยอดเชื่อสิว่าต้องได้ผลเห็นมาหลายรายแล้ว”วีวี้กล่าวอย่างมั่นใจ “งั้นพรุ่งนี้เราก็ลุยเลยเดี๋ยวฉันจะโทรนัดกานต์เลยส่วนแกก็ไปหาชุดที่ว่ามา แค่คิดก็สนุกแล้วฉันอยากจะดูน
บ่ายวันเสาร์ตรีรินทร์ง่วนอยู่กับเตาอบอยู่หลายชั่วโมง หญิงสาวตะโกนออกมา“ คุณกานต์ขามานี่หน่อย รินทร์อยากได้คอมเม้นต์ค่ะ”ธมกานต์วางหนังสือพิมพ์พร้อมกับเดินเข้าบริเวณครัว“ มีอะไรให้สามีช่วยหรือครับ ภรรยาคนสวย”“ ช่วยชิมหน่อยสิคะ รสไหนอร่อย รสกาแฟ รสช้อคโกแล็ตชิบ หรือรสเนย”“ รินทร์ ตั้งแต่คุณทำผมชิมมาหลายสิบอันแล้วนะเนี่ย จนผมชักมึนกับรสคุกกี้ของคุณแล้วแต่ถ้าคุณจะหาคนชิมนะ โน่นไอ้กรณ์ ขานั้นนะชอบขนมทุกชนิด มันบ้าขนม เชื่อไหม เคยไปกินบุฟเฟ่เค้กมันกินได้สิบสองอัน พวกผมสามก้อนก็จะอ้วกแล้ว”“ แหม คุณเนี่ยไม่ร่วมมือเลย”“ อย่าพึ่งงอนสิจ๊ะคนสวย ผมลองทานอีกสามชิ้นก็ได้”ธมกานต์มองภรรยาสาวที่ขะมักเขม้นเรียงคุกกี้ลงขวดแก้วอย่างทะนุถนอม“เก็บเอาไว้ทานคราวหน้า ใส่ขวดไว้ให้น่ารับประทาน”ตรีรินทร์อธิบายพร้อมกับเรียงขนมลงขวดด้วยความระมัดระวังเช้าวันอาทิตย์ตรีรินทร์ก้มลงหอมแก้มสามีหนุ่ม พร้อมกับกระซิบว่า “ รินทร์ออกไปข้างนอกแป๊บหนึ่งนะคะ บ่ายนี้คุณไปตีกอล์ฟกับพวกพี่หมอใช่ไหม ถ้ารินทร์มาไม่ทัน เจอกันเย็นนี้นะคะ”ธมกานต์งัวเงียพร้อมกับหรี่ตามองนาฬิกาแปดโมงเช้าปกติวันอาทิตย์จะเป็นวันเดียวที่เขาแ
อลงกรณ์นั่งดูกีฬาในห้องนั่งเล่นได้ยินเสียงรถจอดบริเวณหน้าบ้านสักพักร่างคุณหญิงแพรวก็นวยนาดเข้ามาพร้อมสายตาเข้มที่พร้อมจะอาละวาด“ ใช้ไม่ได้เลยแก เสียมารยาทกับลูกเพื่อนแม่มากเลยนะกรณ์แม่ผิดหวังในตัวลูกมาก ปากคอเราะร้ายเฮ๊อ แม่กลุ้มใจในตัวลูกมาก กรณ์เมื่อไหร่จะเมียเป็นตัวเป็นตนสักทีแม่มีแกคนเดียวที่เป็นความหวังแม่อยากมีหลาน แล้วนี่แกก็ทำลายความหวังแม่ครั้งแล้วครั้งเล่า”คุณหญิงแพรวพูดเสียงเครือน้ำตาไหล“ แม่ก็รู้ว่าผมยังอยากมีอิสระ อยากทำงาน สร้างอนาคตด้วยตัวเองอย่ายุ่งเรื่องส่วนตัวของผมได้ไหมแม่หรือแม่อยากให้เหมือนคราวก่อน” อลงกรณ์พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเมื่อเห็นน้ำตาของผู้เป็นแม่ทำเอาอลงกรณ์ใจอ่อนยวบอลงกรณ์ถอนใจก่อนจะเข้ามากอดคุณหญิงพร้อมกับพูดว่า“ โอเคครับแม่ ผมจะลองพยายามทำตามที่แม่บอกอีกครั้ง” อลงกรณ์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนใจคุณหญิงแพรวยิ้มถูกใจพร้อมกับกอดลูกชาย ลูบหลังไปมาอย่างเอาใจหอพักเด่นชัยอลงกรณ์เคาะประตูห้อง อาร์มเดินมาเปิดประตูห้องอย่างงัวเงีย“ อ้าวคุณ มีอะไรหรือเปล่า มาซะดึกเชียว”“ ขอโทษที่มารบกวนคุณ แต่คืนนี้ผมอยากมีคุณอยู่ใกล้ๆ” อลงกรณ์กอดอาร์มแน่นเลขาหนุ่มขมวดคิ
“ แม่ตี พ่อทำไมครับ”“ ก็พ่อดื้อ แล้วแกล้งแม่ กริชต้องช่วยแม่นะจ๊ะ”เด็กชายกริชชัยเข้ามากอดผู้เป็นแม่ ท่ามกลางสายตาหมั่นไส้ของธมกานต์ที่ลูกชายผันตัวไปอยู่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว“อ้าว ไหนเมื่อกี้บอกจะช่วยพ่อไง”กริชชัยกอดพร้อมซบที่หน้าอกแม่ “ กริชรอพ่อกับแม่ไปรับตั้งนาน นี่จะเที่ยงแล้วนะครับพ่อกับแม่ยังไม่ตื่นอีก”ตรีรินทร์ใบหน้าร้อน พร้อมกับแก้ตัวเบาๆ “ แม่ขอโทษจ๊ะ งั้นขอแม่อาบน้ำแล้วเดี๋ยวเราไปเชียงใหม่กันบ่ายนี้ดีไหม กริชจะได้ไปเยี่ยมน้ำหวานเพื่อนลูกด้วยไง”เด็กชายกระโดดรอบเตียงด้วยความดีใจ ท่ามกลางสายตาของพ่อและแม่ที่บ่งบอกว่า รักลูกเต็มเปี่ยมภูเก็ตร่างชายหนุ่มสองคนที่ก่ายเกยกันอย่างแนบแน่น อาร์มขยับตัวเบาๆแต่ก็ต้องถูกดึงให้เข้ามาในอ้อมกอด“ เช้าแล้วเราตื่นเถอะ เดี๋ยวไปทำงานไม่ทันนะคะ”“ อืม ขอต่ออีกหน่อยนะยังไม่อยากไปเลย ผมอยากนอนกอดกับคุณอีกสักพัก เราไปตอนบ่ายๆ ก็ได้มีเวลาอีกวันหนึ่ง ค่ำๆวันอาทิตย์ค่อยกลับคุณไม่ได้รีบไปไหนนี่” อลงกรณ์จูบเบาๆที่ไหล่ของเลขาหนุ่มก่อนกระซิบเบาๆ“ ผมเคยนึกว่าทำไมผมถึงนอนกับน้องปรางไม่ได้ มาวันนี้ผมรู้จักตัวเองอย่างเต็มร้อยเมื่อก่อนผมคิดว่าผมสามาร
“ อาร์มก็เช่นกัน ขอบคุณนะครับ ที่ไม่รังเกียจคนอย่างอาร์ม แล้วยังให้ความรู้สึกดีๆ อีกอาร์มรู้สึกซาบซึ้งมาก”“ ผมคิดว่าผมรักคุณแล้วล่ะ อาร์ม ทำยังไงดี” อลงกรณ์พูดเสียงอ้อแอ้“ อาร์มก็รักคุณ”อลงกรณ์ยกมือเลขาหนุ่มพร้อมกับจูบที่ใจกลางอุ้งมือ ทำให้อาร์มขนลุกไปทั่วร่างกายเลขาหนุ่มประคองชายหนุ่มเข้าห้อง เมื่ออีกฝ่ายเริ่มเดินไม่ค่อยมั่นคง“ เมาหรือเปล่า คุณ”“ เมารักคุณไง อาร์ม”“ บ้า คุณเนี่ย พูดอะไร เมาแล้วไปนอน เถอะ อาร์มไปส่งคุณที่ห้อง”อลงกรณ์ยิ้มเจ้าเล่ห์ จริงๆ ไวน์แค่สามสี่แก้วทำอะไรตนไม่ได้ แต่ก็แกล้งทำเป็นเมาอาร์มวางร่างหนักอึ้งลงบนที่นอน แต่ก็ถูกดึงจนล้มไปด้วยกัน ก่อนที่อลงกรณ์จะพลิกตัวพร้อมกับจ้องมองใบหน้าเลขาหนุ่ม ที่ตอนนี้อยู่ในอาการตื่นตะลึง“ คืนนี้นอนกับผมห้องนี้นะ ผมอยากนอนกับคุณ” อลงกรณ์ปิดปากตัวเอง ลงที่ริมฝีปากบางก่อนที่มือก็เริ่มปลดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว อาร์มยอมให้ถอดเสื้อผ้าแต่โดยดีพร้อมกับช่วยปลดเสื้อผ้าของอีกฝ่าย ก่อนที่ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองของธรรมชาติอาร์มพึ่งเคยมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ความรู้สึกมันอ่อนหวานและซาบซ่าส์ จนตัวเองแทบจะนอนไม่หลับร่างของชาย
“ งั้นเดี๋ยวผมโทรเคลียร์กับเจ้ากรณ์ดีกว่า”“ ไม่ต้องค่ะ รินทร์อยากให้คุณกรณ์แปลกใจ”“ เชื่อรินทร์สิคะว่างานไม่เสีย แล้วคุณกรณ์ก็จะไม่โกรธคุณแน่นอน”ธมกานต์ถอนใจยาว พูดจริงๆ ตัวเองก็ชักไม่อยากไป เพราะร่างนุ่มนุ่มของภรรยาที่วันนี้มาโหมดหวานเซ็กซี่ ซ่าส์ สงสัยวันนี้ธมกานต์จะเดินตามเกมภรรยาคงจะมีความสุขไม่น้อย“ รินทร์ถูหลังให้นะคะ”“ จ๊ะ ที่รัก”“ แหม พอถูหลังให้หน่อยหวานเชียว ถามจริงๆ หวานแบบนี้มากี่คนแล้ว”ตรีรินทร์ถามพร้อมกับกลั้นใจฟังคำตอบ“ หวานกับรินทร์แค่คนเดียว เชื่อไหมไม่เคยหวานแบบนี้กับใครสักคน”ตรีรินทร์ใจเต้นแรงฟังแล้วเต็มตื้นหัวใจก่อนที่หญิงสาวจะผลักให้ชายหนุ่มนั่งแล้วตนเองย้ายไปนั่งข้างหลัง หญิงสาวชโลมสบู่พร้อมกับถูหลังไปมาอย่างตั้งใจและเต็มใจ“ ผมรู้สึกเหมือนเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดนะเนี่ยที่มีภรรยามาช่วยถูหลังให้”“ จริงเหรอค่ะ เอ แบบนี้จะมีของรางวัลหรือเปล่า”“ อยากได้อะไรล่ะ ผมให้คุณได้ทุกอย่างเว้นดาวและเดือน”“ ยังนึกไม่ออก ไว้นึกออกจะบอกนะคะ แต่คุณกานต์สัญญาแล้วว่าจะไม่เบี้ยว”“ ไม่เบี้ยวจ๊ะ”ตาจ้องตา ธมกานต์หันมาจูบปากพร้อมกับหมุนตัวเองในอ่างจนน้ำกระเพื่อม“ ทนไม่ไ
“ อ๋อ ตอนนี้ผมจะไปหาคุณต้องมีธุระด้วยหรือไง” น้ำเสียงเริ่มขุ่น“ คุณเนี่ย ชอบตีความหมายอะไรผิดๆเมื่อวันก่อนผมถามให้คุณกลับบ้านเพราะกลัวว่าจะดึกแล้วเดินทางลำบาก คุณแม่คุณจะเป็นห่วงคุณก็ตีความหมายว่าผมขับไล่ ซึ่งมันไม่จริงเลย ผมไม่ได้รังเกียจคุณสักนิด วันนี้ผมก็ถามตามปกติธรรมดาคุณก็ตีความหมายไปอีกอย่าง ผมชักมึนกับคุณแล้วนะเนี่ย” เลขาหนุ่มอธิบายยาวอลงกรณ์นิ่งฟังแล้วยิ้มยวน ๆ “ ผมมันเป็นแบบนี้แหละ ทนๆ หน่อยแล้วกัน ยังต้องรบกันอีกยาว”เลขาหนุ่มค้อนชายหนุ่มเบาๆ ก่อนอมยิ้ม“ คุณทำอาหารและขนมอร่อยมาก เรียนมาหรือไง”“ บ้านผมมีแต่ผู้ชายหมด ผมเป็นลูกชายคนเล็ก ก็เลยต้องช่วยแม่เข้าครัวตั้งแต่เด็ก มันเป็นความเคยชินส่วนขนมก็หัดทำตอนเรียนมหาวิทยาลัย ทำขายหารายได้พิเศษเป็นค่ารถเมล์ไงคุณ ก็ผมมันคนจน”เลขาหนุ่มเล่ายาว“ นี่ขอร้องล่ะ ถ้าจะคบกันต่อไปไอ้รวยจนเนี่ยเลิกพูดได้ไหม รำคาญ” อลงกรณ์เริ่มหงุดหงิดอีกครั้ง“ พูดความจริงเล่าความจริงก็โกรธพิลึกคน” เลขาหนุ่มยักไหล่ก่อนจะยิ้มหวานเหมือนกวนๆ ในทีทำเอาอลงกรณ์ตะลึงในความน่ารักขี้เล่นของอีกฝ่าย รถติดไฟแดงตาจ้องตาในระยะใกล้กันแค่ไม่กี่คืบอลงกรณ์มองริมฝี
สองทุ่มเศษๆอาหารถูกลำเลียงมาพร้อมสมาชิกทุกคนนั่งพร้อมกันที่โต๊ะ อลงกรณ์เดินเข้ามาอย่างกระหืดกระหอบ“ ขอโทษทีเพื่อน รถติดเป็นบ้าเลย”อลงกรณ์กล่าวขอโทษพร้อมกับตะลึงเมื่อเผชิญหน้ากับเลขาหนุ่มรุ่นน้องที่อยู่ในความคิดคำนึงตลอดสองวันที่ผ่านมา“นั่งสิคะคุณกรณ์ นั่งข้างๆ พี่อาร์มนั่นแหละค่ะ”“ นั่งสิไอ้กรณ์ยืนบื้ออยู่ได้” เสียงอัครเดชตะโกนมาทางหัวโต๊ะอลงกรณ์นึกไม่ถึงคนที่ตนตามหาหลายชั่วโมงที่ผ่านมากลับมานั่งอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มนั่งลงข้าง ๆระหว่างเลขาหนุ่มกับนายแพทย์เอกชัย หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นเลขาหนุ่มไม่กล้าหันไปมองด้วยความกลัวและเก้อเขินตรีรินทร์แอบสังเกตทั้งชายหนุ่มและเลขาหน้าหวานที่ต่างคนต่างเก้อเขินซึ่งกันและกันหญิงสาวอมยิ้มก่อนจะทักทายเพื่อนสามี“ คุณกรณ์หิวไหมคะ มาได้เวลาพอดี งั้นเราเริ่มลงมือกันเถอะค่ะ”“ พี่อาร์มตักยำทะเลให้คุณกรณ์สิคะ” ตรีรินทร์กล่าวนำเลขาหนุ่มตักยำทะเลแต่ไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ตัวอลงกรณ์รู้สึกหมั่นไส้เลขาหนุ่มรุ่นน้องที่ทำท่าทางเหมือนกลัวจะสบตา แม้แต่หน้าก็ยังไม่มองกัน“ แกไปทำไรแถวโรงแรมเจ้ากานต์ว่ะ ปล่อยให้พวกข้ารอตั้งนาน” อัครเดชเอ่ยถาม
ตอนเย็น“นี่เราจะไปไหนกันครับ คุณกรณ์” อิทธิพลหรืออาร์ม เอ่ยถามเมื่อรถขับเลยหอพักไปอีกช่วงตึก“ เงียบๆเถอะ ถึงแล้วผมจะบอกเอง” อลงกรณ์หันมาตอบเลขารุ่นน้องอลงกรณ์เดินนำเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตในห้างดัง ไม่ไกลจากหอพักของหนุ่มรุ่นน้องชายหนุ่มเดินไปหยิบของลงตระกร้า ท่ามกลางความงุนงงของเลขาหนุ่ม“ นี่คุณ จะซื้อของไปไหนเนี่ย เยอะแยะไปหมด”“ ซื้อไปไว้ที่หอคุณ”“ หา “ เสียงลากยาว“ ก็หอคุณ ไม่มีอะไรสักอย่าง กาแฟก็ไม่มี วิสกี้เบียร์ไม่มีสักอย่างแล้วผมก็เบื่ออาหารที่มีแต่ผักกับวิญญาณหมู วันนี้ผมทำงานหนักมาก ผมอยากทานอาหารดี ๆ สักหน่อยคุณช่วยทำอาหารให้หน่อย ผมเป็นคนจ่ายคุณเป็นคนทำ โอเคนะ”อาร์มยืนงงอยู่กับที่“ เร็วๆ สิคุณ เดี๋ยวก็เจอรถติดตอนกลับอีกหรอก มาช่วยผมเลือกเนื้อหน่อยวันนี้ผมอยากทานเนื้อทอดกระเทียมพริกไทย”หลังจากอาหารค่ำผ่านไปอย่างชื่นมื่น อลงกรณ์ก็มานอนที่เก้าอี้ยาว ก่อนจะเผลอหลับไปอาร์มมานั่งพัดยุงที่คอยมาตอมตามแขนขาของชายหนุ่ม อลงกรณ์ลืมตาขึ้น ตาประสานตาก่อนที่อาร์มจะลุกขึ้นปัดกางเกงขาสั้น“ ดึกแล้วผมว่าคุณควรกลับบ้านได้แล้ว กลับตอนนี้รถก็ไม่ติดแล้ว”อาร์มเฉไฉพูดกับอลงกรณ์“ ไล
อาร์มตกใจ พร้อมกับระล่ำระลักว่า “ ผมครับผมเป็นคนจัด ผมเห็นมันรกมากจนไม่รู้จะวางเอกสารการประชุมไว้ตรงไหน พอวางมันก็ลื่นล้ม ผมเลยจัดให้มันเป็นระเบียบ”“ อ้อ คุณจะว่าผมมันไม่มีระเบียบว่างั้นเถอะ แต่ขอบคุณทีหลังไม่ต้องห้ามคุณมายุ่งวุ่นวายกับโต๊ะทำงานของผมอีก ไม่ว่ากรณีใดๆ ผมหาเอกสารของผมไม่เจอผมทำงานผมรู้ว่าวางเอกสารแบบไหนไว้ที่ตรงไหน ฉะนั้นขอความกรุณาอย่ามายุ่ง” อลงกรณ์ส่งเสียงดังอาร์มหลับตามือสั่นใจสั่นด้วยความกลัว ผู้ชายตรงหน้าเวลาเขาโกรธเค้าเหมือนคนละคนกับที่ตนรู้จักเมื่อวาน“ ครับ ต่อไปผมจะไม่ยุ่งอีก ขอโทษอีกครั้ง”“ คุณออกไปได้” อลงกรณ์เห็นชายหนุ่มรุ่นน้องหน้าเสียก็นึกสงสารโบกมือให้ออกห้องไปเพราะอารมณ์ยังคุกรุ่นอาร์ม หรือ อิทธิพลมานั่งร้องไห้ ทำงานที่นี่มาแปดปียังไม่เคยโดนดุเสียงดังขนาดนี้มาก่อนชายหนุ่มเจ็บใจน้อยใจ อุตส่าห์จัดโต๊ะทำงานให้เรียบร้อยไม่ได้ดี แล้วยังโดนด่าอีก คอยดูต่อไปนี้จะทำเท่าที่สั่งเท่านั้น อาร์มคิดในใจอย่างว้าวุ่นอาร์มเช็ดน้ำตาพร้อมกับตั้งใจทำงานต่ออย่างมีทิฐิ อลงกรณ์เมื่อหาเอกสารพบก็ถอนหายใจเฮือก“ นี่เราพูดรุนแรงไปหรือเปล่าหว่า ป่านนี้ไม่นั่งร้องไห้ขี้