สวนจตุจักร
“ นี่คุณจะมาทำอะไรที่นี่” “ ไม่รู้จักหรือคะสวนจตุจักรไง” “ รู้แต่เชื่อไหมไม่เคยมาหรอกเคยได้ยินแต่ชื่อ” “ งั้นวันนี้ก็จะได้มารู้มาเห็นในสิ่งที่คุณไม่เคยจะได้เห็นไง” “ แล้วคุณล่ะอยากมาซื้ออะไร” “ ฉันอยากได้ต้นไม้ให้แม่สักสองสามต้น” ธมกานต์เดินตามตรีรินทร์ที่เข้าร้านนั้นออกร้านนี้แล้วเริ่มร้อนและปวดหัวกับผู้คนที่เดินเบียดเสียดไปมา เพราะเป็นช่วงวันเสาร์ที่มีผู้คนมากมาย “ นี่รินทร์ตกลงคุณจะมาเที่ยวหรือจะมาแกล้งผม”น้ำเสียงธมกานต์เริ่มหงุดหงิดใบหน้าชายหนุ่มหงิกงอเหงื่อเริ่มไหลตามใบหน้าเนื่องด้วยอากาศร้อน “ พาคุณมาเที่ยวจริงๆค่ะแล้วก็อาสาแม่มาซื้อต้นไม้ด้วย ฉันว่าสนุกดีออก” “ แล้วที่คุณพาผมเดินไปเดินมาหลายซอยร้านต้นไม้นั่นนี่โน่นแล้วสรุปคุณก็กลับไปเอาต้นไม้ร้านแรกที่เราดูกันมาตกลงคุณแกล้งผมใช่ไหม” “ เปล่านะฉันก็แค่อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุด สรุปฉันผิดเหรอเนี่ยทีหลังถ้าไม่ชอบมาเดินแบบนี้ฉันจะได้ชวนคนอื่นมา” ตรีรินทร์กล่าวอมยิ้ม “ ผมเหนื่อยผมร้อนผมหิวมาก นี่จะบ่ายสองแล้วนะคุณ” เสียงบ่นของชายหนุ่มทำเอาหญิงสาวยิ้มขำ “ แหมก็บอกสิคะก็คนเดินช้อปปิ้งก็เพลิน ไม่บอกแล้วใครจะรู้เนี่ยว่าคุณหิว” “ โอเคค่ะวันนี้พอแค่นี้ก็ได้เดี๋ยวฉันพาคุณไปทานก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำของฉันกับเพื่อนรับรองอร่อยมากก๋วยเตี๋ยวต้มยำรสแซ่บ” “ เร็วๆ เลยผมหิวจนจะกินคุณได้แล้ว” น้ำเสียงหงุดหงิด ของชายหนุ่มทำเอาตรีรินทร์ส่ายหัวไปมา “ นี่คุณคีบถั่วงอกออกทำไมไม่ทานผักเหรอเนี่ยแล้วโตมาได้ไงเนี่ย”ตรีรินทร์โวยวายพร้อมกับคีบถั่วงอกของชายหนุ่มมาไว้ที่ชามของตนเอง “ ผมไม่ชอบผักสีขาวทุกชนิด สีขาวกับสีเขียวผมไม่ทาน” “เรื่องมากจังเลย” ตรีรินทร์แอบบ่น “ ทำงานผมยังไม่เหนื่อยเท่ากับมาเดินช้อปปิ้งกับคุณนะเนี่ยแล้ว จากนี้เราจะไปไหนต่ออย่าบอกว่าไปเดินต่อนะผมหมดแรงแล้ว” “โอเคค่ะวันนี้พอแค่นี้ก็ได้ฉันได้ต้นไม้ให้แม่แล้วเดี๋ยวคุณไปส่งฉันที่บ้านแล้วกันนะคะ” “ ไม่เอาหรอกยังไม่อยากให้กลับนี่ผมอุตส่าห์เดินเล่นเป็นเพื่อนคุณตั้งหลายชั่วโมงไปเที่ยวบ้านผมก่อนแล้วค่ำๆ ผมไปส่งที่บ้าน “ “ ไม่ดึกนะคะแม่ไม่ชอบให้กลับดึกกลัวคนแถวบ้านนินทา” “ โอเคเป็นอันตกลงตามนั้น” ช่วงเย็นเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อตรีรินทร์นมอิ่มและคุณหญิงมณีจันทร์ช่วยกันทำอาหารในขณะที่ชายหนุ่มนั่งทำงานที่ห้องนั่งเล่นสักพักก็เดินเข้าไปในครัวก็เห็นภาพ ผู้หญิงต่างวัยกำลังช่วยกันทำอาหาร เสร็จจากรับประทานอาหารคุณหญิงมณีจันทร์ก็ขอตัวไปไหว้พระขณะที่นมอิ่มและเด็กๆรับใช้ก็ทำการเก็บกวาดธมกานต์และตรีรินทร์เดินเล่นกันไปจนถึงเรือนเล็ก ชายหนุ่มพาคู่หมั้นไปที่ห้องนั่งเล่นที่ปรับแต่งเป็นเหมือนโฮมเธียเตอร์ เล็กๆต่างช่วยกันเลือกหนังพร้อมกับนั่งดูหนังกัน ตรีรินทร์เพิ่งค้นพบว่ารสนิยมการเลือกดูหนังระหว่างเค้ากับตนเองก็ไม่ต่างกันมาก เมื่อหนังจบตรีรินทร์สะกิดชายหนุ่มที่เผลอนอนหลับไปตอนไหนไม่มีใครรู้ “คุณกานต์ค่ะรินทร์อยากกลับบ้านแล้วเดี๋ยวจะดึกเกินไปค่ะแม่เป็นห่วง” “ อืมนอนค้างที่นี่ไม่ได้เหรอ” “ ไม่ได้หรอกบ้าเดี๋ยวแม่บ่น” “ อืมไม่อยากไปส่งเลย”น้ำเสียงชายหนุ่มอิดออด “คุณกานต์ค่ะรินทร์มีเรื่องขอร้อง” น้ำเสียงหญิงสาวออดอ้อน “ อะไร” “ รินทร์ขอแหวนของพี่โตคืนที่คุณขว้างทิ้งจำได้ไหมรินทร์ถามเข้มแล้วเข้มบอกว่าคุณเก็บเอาไว้” “ แล้วจะทำอะไรกับแหวนนั่น” น้ำเสียงพร้อมจะเอาเรื่อง “ รินทร์จะเอาไปคืนให้พี่โต เนี่ยพี่โตยังไม่รู้เลยว่ารินทร์หมั้นกับคุณรินทร์โทรไปก็ไม่มีสัญญาณสงสัยพี่โตจะลงภาคใต้รินทร์อยากเอาแหวนไปคืนให้เค้าด้วยตัวเอง” “ คุณจะเอาแหวนเมื่อไหร่” “ เดี๋ยวนี้ค่ะ” “ ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้น” “ รินทร์ไม่อยากให้เรื่องยืดเยื้อรินทร์สงสารพี่โต” “ หึเลยต้องเอาไปคืนด้วยตัวเองว่างั้น”น้ำเสียงประชดประชัน “แน่นอนค่ะเค้ากับฉันเราคบกันมานานนะคุณยี่สิบกว่าปีเราผูกพันกันมาก เค้าเป็นผู้ชายคนเดียวที่ฉันสนิทมากที่สุด” “ ไม่ต้องสาธยายผมไม่อยากฟัง จะเอาแหวนก็ตามมา”น้ำเสียงฉุนเฉียวขึ้นทันควัน ตรีรินทร์รู้สึกงงกับอารมณ์ที่แปรปรวนของชายหนุ่มแต่ก็เดินตามไปแต่โดยดี ระหว่างทางที่ชายหนุ่มขับมาส่งหญิงสาวถึงบ้านต่างคนต่างเงียบเหมือนตกอยู่ในห้วงความคิดของแต่ละคน จนกระทั่งรถมาจอดหน้าบ้านตรีรินทร์หันไปไหว้ขอบคุณชายหนุ่มได้แต่พยักหน้าไม่พูดอะไรตรีรินทร์ลงจากรถแล้วเดินเข้าบ้านแบบเรียบเฉยพอกัน “ เด็กบ้ามาพูดให้เราฟังทำไมว่าใกล้ชิดแค่ไหนกับแฟนตัวเองเค้าไม่อยากฟังสักนิดจะพูดอะไรไม่เคยคิดถึงใจคนฟัง” ธมกานต์คิดพลางเอามือทุบพวงมาลัยอย่างระบายอารมณ์ ตรีรินทร์เดินเข้าบ้านพร้อมกับคิดในใจว่า “ เค้าเป็นอะไรของเค้านั่งเงียบมาตลอดทางแล้วนี่ฉันทำอะไรผิดอีกเนี่ยอารมณ์ติสอีกแล้ว เฮ้อแล้วนี่ฉันต้องทนอยู่กับคุณอีกนานแค่ไหนเนี่ยเจอกันไม่กี่อาทิตย์ฉันแทบเป็นบ้า” นราธิวาส “ ผู้หมวดพึ่งออกจากฐานหรือครับ” โตมรพยักหน้าพร้อมยิ้มกับลูกน้องอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะพูดว่า “ พรุ่งนี้ได้พักอาทิตย์หนึ่งจะไปหาแฟนที่กรุงเทพฯ” โตมรยิ้มพร้อมกับเก็บสัมภาระบนโต๊ะ ก่อนจะสะดุดกับหนังสือพิมพ์ที่เปิดอ่านไว้แล้วใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มก็เปลี่ยนเป็นขาวซีด “ ไม่จริงไม่ใช่ ไม่จริงทำไมรินทร์ทำกับพี่แบบนี้ได้ไง” โตมรนั่งลงอย่างหมดแรง ดาบตำรวจมานพ หยิบหนังสือพิมพ์พร้อมกับอ่านข่าวเสียงดังว่า “สาวๆ คงอกหัก เมื่อนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงด้านการโรงแรมธมกานต์ พิพัฒนพงค์สละโสดกับมัณฑนากรสาวนอกวงการนามว่าตรีรินทร์ มนัสสุกานต์เมื่อวานนี้” “ หมวดนี่แฟนหมวดใช่ไหมครับหน้าคุ้นๆ” มานพเอ่ยถาม “ อืมดาบ ผมเข้ากรุงเทพฯคืนนี้ดีกว่า ยังไงพรุ่งนี้ผมต้องไปถามแฟนผมให้รู้เรื่องเค้าทำงี้กับผมได้ไง” ระหว่างทาง ที่นั่งรถทัวร์กลับกรุงเทพฯเมื่อเริ่มมีสัญญาณโทรศัพท์โตมรกดดูเบอร์ย้อนหลังเห็นมีเบอร์ที่ไม่ได้รับจากตรีรินทร์นับยี่สิบครั้งเมื่อกดฟังเสียงที่มีการฝากข้อความไว้ “ พี่โตทำไมไม่โทรกลับหารินทร์เลยรินทร์มีเรื่องสำคัญจะบอกพี่โตรีบติดต่อกลับหารินทร์ด่วน” โตมรน้ำตาไหลด้วยความเสียใจภาพความหลังตั้งแต่ หญิงสาวสมัยอยู่อนุบาลแล้วตนเองอยู่ป.2 ภาพที่ตนคอยช่วยเหลือหญิงสาวตอนถูกแกล้งจากความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกลับกลายเป็นความรักและห่วงใยมากขึ้นเรื่อยๆระหว่างตนเองและหญิงสาวมันผ่านเข้ามาในความคิดเป็นฉากๆ “ รินทร์ภาพนั้นเป็นภาพลวงตาใช่ไหมพี่เข้าใจผิดไปเองใช่ไหม รินทร์ทำกับพี่แบบนี้ได้ไงแล้วพี่จะอยู่อย่างไงถ้าไม่มีรินทร์” น้ำตาลูกผู้ชายไหลพราก เสียงกดกริ่งหน้าบ้านในเช้าวันอาทิตย์ ตรีรินทร์กำลังนั่งปลูกต้นไม้เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับตะโกนบอกแม่แก้วที่กำลังทำอาหารอยู่ในครัว “ รินทร์เปิดเองค่ะแม่” ตรีรินทร์ปัดต้นขาที่เลอะดินพร้อมกับเดินออกไปเปิดประตู “ ใครมานะแต่เช้า” ตรีรินทร์บ่นพร้อมกับเปิดประตู หญิงสาวตกตะลึงเมื่อเห็นนายตำรวจหนุ่มที่แบกสัมภาระเป็นเป้ใบใหญ่ใบหน้าซีดเผือดขอบตาดำเหมือนคนอดนอน “ รินทร์เราออกไปคุยกันข้างนอกสักครู่ได้ไหมขอโทษด้วยที่พี่ไม่ได้ติดต่อกลับ ที่ฐานไม่มีสัญญาณเลยออกไปคุยที่สวนหย่อมหน้าหมู่บ้านก็ได้” ตรีรินทร์ตกใจกับภาพที่เห็นถึงกับอึ้งพูดไม่ออกแต่ก็พยักหน้าพร้อมกับพูดเหมือนกระซิบว่า “ เดี๋ยวรินทร์ไปบอกแม่แก้วก่อนนะจ๊ะพี่โต แม่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว” นายตำรวจหนุ่มพยักหน้าพร้อมกับขยับออกไปยืนรอตรีรินทร์วิ่งกลับเข้าไปในบ้านด้วยใบหน้าแฝงด้วยความกังวล “ แม่คะรินทร์ไปคุยกับพี่โต ที่สวนหย่อมหน้าหมู่บ้านนะคะ”แม่แก้วเงยหน้าจากครก ที่ตำน้ำพริกพยักหน้าแต่มองเห็นแววตาไม่สบายใจของลูกสาว แม่แก้วรู้สึกสงสาร นายตำรวจหนุ่มอย่างบอกไม่ถูกเช่นกันเพราะตั้งแต่เล็กจนโตนายตำรวจหนุ่มก็เฝ้าดูแลและรักใคร่ลูกสาวของตนเป็นอย่างดีมาตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผูกพันกันมาแม่แก้วมั่นใจว่า นายตำรวจหนุ่มรักลูกสาวของเธออย่างมากมาย แต่สำหรับลูกสาวของตนแม่แก้วคิดว่าคงนับถือกันเป็นพี่ชายน้องสาวมากกว่า จากสายตาของผู้ที่ผ่านน้ำร้อนมาก่อนแม่แก้วรู้สึกสงสารและยังนับถือความซื่อสัตย์ที่นายตำรวจหนุ่มมีให้กับลูกสาวตนอย่างเปี่ยมล้น “ พี่โต พึ่งกลับจากนราธิวาสเหรอจ๊ะ” ตรีรินทร์เอ่ยขึ้นก่อนเพื่อทำลายความเงียบ “ ครับพี่พึ่งกลับมารินทร์พี่เห็นข่าวในหน้าสังคมพี่พึ่งรู้เมื่อเช้ามันเป็นความจริงใช่ไหมรินทร์กำลังจะแต่งงานกับเค้าใช่ไหมผู้ชายที่เราเจอที่ร้านอาหาร” ตรีรินทร์อึ้งพร้อมกับน้ำตาคลอด้วยความสงสารผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างสุดซึ้ง “ ค่ะรินทร์กำลังจะแต่งงานกับเค้า นี่ค่ะพี่โตแหวนที่พี่โตฝากรินทร์ไว้รินทร์คงไม่มีวาสนาเป็นเจ้าของของมัน” ตรีรินทร์ล้วงเอากล่องแหวนออกมายื่นให้ นายตำรวจหนุ่ม “ รินทร์ขอโทษค่ะพี่โต รินทร์พยายามจะบอกพี่โตตั้งแต่ที่ร้านอาหารแล้วแต่...” ตรีรินทร์อ้ำอึ้ง “ จริงๆ พี่ควรรู้ตัวตั้งแต่ตอนนั้น แต่พี่หลอกตัวเองมาตลอด รินทร์โกรธพี่หรือเปล่าที่ไปพูดกับไอ้หมอนั่นว่าเรามีอะไรกันแล้วทั้งๆที่เราไม่เคยมีอะไรกันเพราะความปากหมาของพี่ใช่ไหมรินทร์ใช่ไหม” “ ไม่หรอกค่ะพี่โต มันไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดรินทร์ต้องแต่งงานกับเค้ามันมีเหตุผลสำคัญซึ่งรินทร์บอกพี่โตไม่ได้ที่ รินทร์พลาดกับเค้าไปมันไม่ใช่เหตุผลการแต่งงานครั้งนี้ สักวันรินทร์คงมีโอกาสเล่าให้พี่โตฟัง รินทร์แต่งงานกับเค้าแค่ปีเดียวเท่านั้น เค้าไม่ได้รักรินทร์หรอกรินทร์ก็แค่ของเล่นชิ้นหนึ่งของเค้า” “รินทร์พูดอะไรพี่ไม่เข้าใจสรุปรินทร์ไม่ได้รักเค้าเหรอรินทร์ไม่ได้เต็มใจแต่งใช่ไหมใช่ไหมพี่ยังคงมีความหวังใช่ไหม” น้ำเสียงตื่นเต้นของนายตำรวจหนุ่มทำให้ตรีรินทร์อึ้งพร้อมกับทอดถอนใจ “ มันไม่ใช่ความรักหรอกค่ะ พี่โตมันก็แค่หน้าที่และความรับผิดชอบที่เค้าต้องทำทั้งที่ไม่อาจเต็มใจ ส่วนรินทร์รินทร์ทำเพื่อมนุษยธรรมสักวันรินทร์คงเล่าให้พี่โตฟังได้สะดวกกว่านี้แต่รินทร์อยากให้พี่โตมองหาคนใหม่ที่ดีกว่ารินทร์เริ่มต้นกับคนใหม่ไม่ต้องห่วงรินทร์คนดีๆ อย่างพี่โตต้องมีคนมารักอย่างแน่นอน ขอให้รินทร์เป็นน้องสาวพี่โตตลอดไปนะคะยี่สิบปีที่ผ่านมารินทร์ขอขอบคุณพี่โตมากที่เป็นทุกๆอย่างที่เคียงข้างรินทร์ รินทร์จะไม่มีวันลืมความรักความห่วงใยที่พี่มีต่อรินทร์” ตรีรินทร์น้ำตาไหลพราก “ พี่คงรักใครไม่ได้อีกแล้วยี่สิบกว่าปีนี่นานมากนะรินทร์ พี่คงไม่ชินที่มีชีวิตต่อไป โดยไม่มีรินทร์เคียงข้าง พี่มีรินทร์คนเดียวตลอดมาตั้งแต่ประถมจนเดี๋ยวนี้รินทร์อยู่ในใจพี่ตลอดทุกวินาทีทุกนาทีทุกชั่วโมงที่มีลมหายใจ นอกจากแม่และน้องสาวแล้วพี่ก็มีรินทร์เป็นเหมือนลมหายใจของพี่ต่อไปนี้ไม่มีรินทร์พี่ก็ไม่รู้พี่จะมีลมหายใจต่อไปได้ไหม” น้ำตาลูกผู้ชายไหล ตรีรินทร์เข้าไปกอดด้วยความซาบซึ้งในความรักของผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าที่มีให้กับตนเองยังจำภาพวัยเด็กที่โตมรเอาดอกไม้ข้างทางเอามาให้ตนสมัยอยู่อนุบาล เอาขนมถ้วยมาให้ บ้างลูกอมขนมหวานและพัฒนาการความสัมพันธ์ตั้งแต่อนุบาล ประถม มัธยม และมหาวิทยาลัยทุกๆช่วงวัยหญิงสาวก็มีเพียงชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเคียงข้างมาตลอด ตรีรินทร์ลูบหลังไปมาด้วยความเห็นใจซาบซึ้ง “เรายังเป็นพี่น้องกันได้นะคะพี่โต พี่โตจะมีรินทร์เป็นเสมือนน้องสาวอีกคนตลอดไป” “ จำสัญญาของเราได้ไหมที่ถ้าพี่สอบนายร้อย แล้วรินทร์จะแต่งงานกับพี่ แล้วจะไปเป็นคู่เต้นรำในงานเลี้ยงกับพี่ แล้วอย่างงี้พี่จะควงใครไปล่ะทีนี้” “ ถึงแต่งงานรินทร์จะแต่งกับพี่โตไม่ได้ แต่รินทร์ไปงานเลี้ยงเป็นเพื่อนได้นะจ๊ะในฐานะน้องสาวหรือเพื่อนก็ได้รินทร์ไปได้ค่ะ” “ จริงๆ เหรอรินทร์ ขอบใจมาก กว่าพี่จะลืมรินทร์ลืมว่ารินทร์จะไม่ใช่แฟนพี่อีกต่อไปพี่คงต้องใช้เวลาอีกนาน” โตมรกล่าวเสียงเศร้า “ รินทร์จะเป็นกำลังใจให้พี่โตตลอดไปค่ะถึงแม้ในฐานะแฟนไม่ได้ ต่อไปรินทร์จะให้กำลังใจในฐานะน้องสาวที่มีต่อพี่ชายนะคะ” “ขอบใจมากรินทร์ขอบใจสำหรับทุกๆอย่าง” “ แล้วงานเลี้ยง วันไหนนะพี่โต” “วันที่ยี่สิบเก้าปลายเดือนนี้แหละจ๊ะ” “รินทร์ไปแน่ๆ ค่ะรินทร์ต้องไปดูความสำเร็จของพี่ชายของรินทร์ให้ได้” นายตำรวจหนุ่มปาดน้ำตาพร้อมกับสูดลมหายใจ “ พี่ขอบใจรินทร์มากพี่ขอตัวกลับบ้านก่อนป่านนี้แม่พี่กับน้องคงรออยู่นานแล้ว” นายตำรวจหนุ่มจับมือหญิงสาวพร้อมกับพูดว่า “ พี่คงไม่ไปงานแต่งของรินทร์หรอกนะ พี่คงทำใจไม่ได้พี่ขออวยพรให้รินทร์มีความสุขในชีวิตแต่งงานจำเอาไว้พี่ยังยืนอยู่ตรงนี้มีปัญหาอะไรโทรบอกพี่ได้พี่พร้อมช่วยเหลือรินทร์เสมอ” ตรีรินทร์น้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้งพร้อมกับมองนายตำรวจหนุ่มที่เดินจากไปจนลับตาก่อนจะเดินกลับไปที่บ้านพร้อมกับนั่งร้องไห้ในสวน ก่อนจะสะดุ้งเมื่อมีมือมาจับบ่า “ร้องไห้อะไรนักหนารินทร์ใครเป็นอะไร” แม่แก้วพูดเสียงนุ่มตรีรินทร์โผเข้ากอดแม่แก้วพร้อมกับพูดว่า “รินทร์สงสารพี่โต รินทร์ทำร้ายคนดีๆ อย่างเค้า พี่โตเค้ารอรินทร์มาตั้งนานเราเกือบจะแต่งงานกันอยู่แล้ว สงสารพี่เค้าที่รอรินทร์มาตลอด แม่คะรินทร์ทำร้ายพี่โต รินทร์ใจร้ายกับเค้ามากใช่ไหมคะแม่” “ อย่าคิดมากเลยลูกพรหมลิขิตท่านขีดชะตาของคนเราไว้แล้ว เราฝืนดวงชะตาไม่ได้หรอก หยุดร้องไห้ซะไม่ได้เป็นแฟนกันก็เป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องกันได้นี่ลูกอย่าคิดมากร้องไห้จนตาบวมหมดแล้ว” แม่แก้วลูบหลัง พร้อมกับโอบให้ลูกสาวมาอยู่ในอ้อมกอดพร้อมกับก้มลงจูบที่หน้าผากด้วยความรักเสียงโทรศัพท์มือถือกรีดดังตรีรินทร์ไม่ได้สนใจกดรับสายเพราะสายตากำลังจ้องมองและยังจมอยู่กับภาพอดีตระหว่างเธอกับนายตำรวจหนุ่มตรีรินทร์กวาดตามองอัลบัมรูปที่มีอยู่เต็มเตียงนอนหญิงสาวมานั่งดูรูปเก่าๆร่วมสองชั่วโมงได้แล้วเป็นรูปแห่งความทรงจำตั้งแต่เล็กจนโตจนเรียนจบและจนมีงานทำเธอมีผู้ชายคนนี้อยู่ในทุกช่วงของชีวิตถึงแม้หลังๆ ตั้งแต่ชายหนุ่มเข้ารับราชการเป็นตำรวจเวลาที่เจอกันก็น้อยลงแต่ด้วยความเข้าใจในงานของอีกฝ่ายทำให้เธอและเค้าฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ร่วมกันมาได้ ยี่สิบกว่าปีมานี้มีทุกช่วงความทรงจำร่วมกันอย่างเปี่ยมล้นตรีรินทร์เก็บภาพอัลบัมลงกล่องกระดาษเสียงโทรศัพท์ยังดังอยู่เป็นระยะๆตรีรินทร์คว้าโทรศัพท์มากดรับด้วยท่าทางเนือยๆ “ รินทร์พูดค่ะ” “ นี่คุณผมกดโทรศัพท์มือแทบหงิกทำไมพึ่งจะรับไปทำอะไรมา”น้ำเสียงหงุดหงิดดังมาตามสายทำให้ตรีรินทร์ถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย “ มีอะไรคะ” “ ผมอยากชวนคุณไปดูของชำร่วย” “ วันนี้ไม่มีอารมณ์อยากอยู่บ้านและไม่อยากรับแขก” “ ผมไม่ใช่แขกผมเป็นคู่หมั้นและกำลังจะเป็นสามีคุณในอีกไม่กี่วันแล้ว นี่งานก็ใกล้เข้ามาแล้วเวดดิ้งแพลนนิ่ง เค้าจัดการให้ทุกอย่างแต่เราก็ต้อ
“ อืม แต่แกยังไม่เคยถามคุณกานต์ถึงเรื่องนี้ใช่ไหม” ตรีรินทร์สั่นศีรษะไปมาเป็นการปฏิเสธ “ เฮ้อแต่เรื่องมันมาไกลป่านนี้แล้วแกอย่าไปคิดมากเลยเดินหน้าเพื่อนแล้วค่อยไปเคลียร์กับยัยอ้อมทีหลัง ได้ข่าวว่าเค้าแต่งงานกับคนสิงค์โปร์ใช่ไหม” อรวิสาพูดให้กำลังใจ ตรีรินทร์ถอนหายใจเฮือก “ ฉันไม่สบายใจอยู่ดียิ่งใกล้วันแต่งงานมากขึ้นเท่าไหร่ฉันยิ่งใจคอไม่ค่อยจะดี อรแกมีอีเมล์ของอ้อมไหมฉันจะสบายใจมากถ้าได้เคลียร์กับอ้อมแล้วอย่างน้อยฉันก็อยากคุยกับเค้าไง” อรวิสาพยาบาลสาวมองเพื่อนอย่างเข้าใจ “ อืมเดี๋ยวไปค้นให้นะ ฉันจำได้ว่าเคยจดจากเพื่อนยัยอ้อมที่เจอเค้าที่สิงค์โปร์ได้เมื่อไหร่จะแมสเสจไปบอกแล้วกัน เอางี้กินดีกว่าแกอย่ามากลุ้มใจเลยในเมื่อพรหมลิขิตให้เดินก็เดินต่อไปแล้วกันเดี๋ยวฉันไปซื้อเย็นตาโฟ มาเลี้ยงแกกินซะจะได้หายกลุ้มจะได้สามี หล่อๆ รวยๆ โชคดีจะตายแก” อรวิสาหัวเราะร่วน “ โชคร้ายล่ะไม่ว่า ขี้วีนก็แค่นั้นเอาแต่ใจตัวเองโมโหร้ายทุกอย่างรวมเป็นออลอินวันเคยเห็นไหมอร ฉันยังกลุ้มถ้าต้องมาอยู่ด้วยกันยี่สิบสี่ชั่วโมงฉันคงอึดอัดใจตาย” อรวิสาหัวเราะ กริ๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์มือถือ ของหญิงสาวด
บ้านมนัสสุกานต์ เสียงรถมาจอดหน้าบ้านสักครู่ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้าบริเวณบ้านแม่แก้วที่มือกำลังร้อยมาลัยเงยหน้ามองแต่ต้องตกใจเมื่อเห็นลูกสาวถูกประคองมากับแฟนหนุ่ม แม่แก้ววางเข็มพวงมาลัยก่อนจะทำหน้าตาตกใจเมื่อเห็นสภาพของลูกสาว “ รินทร์ไปทำอะไรมาลูกทำไมแขนเป็นแบบนั้น” ธมกานต์ชิงพูดก่อนว่า “ รินทร์หกล้มที่บ้านผมครับผมขอโทษครับคุณแม่ที่ดูแลรินทร์ไม่ดี” แม่แก้วขมวดคิ้วก่อนจะเดินเข้ามาดู “ โห ตายล่ะแล้วนี่ก็ใกล้วันแต่ง นี่รินทร์ต้องเป็นเจ้าสาวแขนด้วนหรือนี่” “ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับแม่อีกห้าหกวันก็หายครับ” ธมกานต์รีบตอบแทนในขณะที่ตรีรินทร์อ้าปากแต่ก็พูดไม่ทันชายหนุ่มทำให้ตรีรินทร์แอบค้อนด้วยความหมั่นไส้ “ ตายล่ะพรุ่งนี้แม่มีนัดทำบุญเก้าวัดกับเพื่อนในหมู่บ้านแล้วจะทำไงเนี่ย” “ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงครับเดี๋ยวผมจะส่งเด็กที่บ้านมาดูแลแล้วกลางวัน ผมจะมาอยู่เป็นเพื่อนรินทร์ครับ” “ ไม่ต้องฉันไม่ต้องการทำไมคุณไม่บอกแม่ไปล่ะว่าที่ฉันเป็นแบบนี้เพราะคุณทำไมไม่พูด” ตรีรินทร์ตวาด “ จุ๊ๆ ยัยรินทร์ทำไมพูดกับพี่เค้าแบบนั้นไม่น่ารักเลย งั้นตามสบายนะจ๊ะหนุ่มสาวแม่ไปเตรียมตัวก่อน” แม่แก้วเ
สองวันผ่านไป ธมกานต์ได้เดินทางไปทำงานด่วนที่สิงค์โปร์ได้สองวันแล้วตลอดเวลาที่ชายหนุ่มไปสิงค์โปร์ได้ส่งคนขับรถที่บ้านมาคอยรับส่งคู่หมั้นสาวแรกๆตรีรินทร์ขัดขืนแต่ก็ต้องยอมในที่สุด ทุกๆสามชั่วโมงชายหนุ่มต้องโทรศัพท์มาคุยจนตรีรินทร์รู้สึกหงุดหงิดเหมือนต้องกลับไปเป็นนักเรียนประถมที่ต้องมีผู้ปกครองติดตามทุกย่างก้าวบางครั้งตรีรินทร์จึงแกล้ง ปิดเครื่องบ้าง เมื่อตนต้องใช้สมาธิในการทำงาน ตรีรินทร์รู้สึกตื่นเต้นที่ต้องไปงานเลี้ยงแสดงความยินดี สำหรับนายร้อยที่ได้ทำการติดยศใหม่หญิงสาวหมุนตัวไปมาที่หน้ากระจกเมื่อแต่งตัวเสร็จชุดนี้เป็นชุดสีครีมงาช้างที่ เปลือยไหล่ข้างซ้ายทำให้เห็นบ่าหญิงสาวที่สวยงามลำคองามระหง ตรีรินทร์รวบผมมวยเกล้าอย่างปราณีตแต่งหน้าเล็กน้อยและทาริมฝีปากสีชมพู ตรีรินทร์นัดให้โตมรมารับที่บ้านทุ่มครึ่ง แหวนช่วยตรีรินทร์แต่งตัวพร้อมกับกล่าวอย่างชื่นชมว่า “ คุณรินทร์สวยจังค่ะ” “ขอบคุณค่ะพี่แหวน” “ พี่แหวนเหงาไหมที่ต้องมาอยู่กับรินทร์ที่บ้านนี้บ้านรินทร์เล็กไม่เหมือนบ้านคุณกานต์” “ โถคุณรินทร์ไม่ต้องห่วงพี่แหวนนะคะก็อีกไม่กี่วันพี่แหวนก็จะได้กลับบ้านแล้วหลังคุณรินทร์แต่งงาน
“ เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันผมยังพูดกับคุณไม่จบ” ธมกานต์ผลักตรีรินทร์เข้าไปในห้องหญิงสาวเดินถอยหนีจนร่างไปกระทบกับโซฟาแววตาของตรีรินทร์บอกความรู้สึกหวาดกลัว ‘ อีตาบ้านี่จะทำอะไรเรานะ’ ตรีรินทร์คิดในใจ “ คุณทรยศความเชื่อใจของผมคุณทำลายความรู้สึกดีๆ ที่ผมมีต่อคุณต่อไปนี้ผมจะควบคุมคุณทุกฝีก้าวไม่เชื่อก็คอยดู” “ ไม่นะคุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้น” “ ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ผมเป็นผัวคุณหรือคุณจะปฏิเสธว่าไม่ใช่” ธมกานต์ตะคอกพร้อมกับบีบไหล่ด้วยความโกรธที่ปะทุในใจอย่างรุนแรง “ หยาบคายฉันเกลียดคุณ” “ ผมก็เกลียดตัวเองทำไมต้องไปแคร์คนอย่างคุณเป็นไปได้หางตาผมก็ไม่อยากแล” “ งั้นก็ยกเลิกงานแต่งงานซะฉันไม่ได้อยากแต่งงานกับคุณรู้ไว้ซะด้วย คนที่เอาแต่ใจไร้ซึ่งเหตุผลไม่รู้จักเห็นใจคนอื่นไม่เคยอยู่ในสายตาฉัน” “ ไม่มีทางผมเดินหน้ามาเกินร้อยแล้วผมย้อนกลับไปไม่ได้ เมื่อพูดกันดีๆไม่รู้เรื่องผมก็ต้องทำโทษคุณ” ธมกานต์กระชากเสื้อเสียงดังแคว๊กตรีรินทร์ร้องกรี๊ดพร้อมกับระดมทุบไปที่ไหล่ธมกานต์ก้มลงระดมจูบอย่างรักใคร่ปนเคียดแค้นเมื่อเหมือนถูกหักหลัง ตรีรินทร์พยายามช่วยเหลือตัวเองด้วยการจิกเล็บที่เรียวยาวไปที่ไหล
“ ไอ้บ้ากานต์อย่าฟุ้งซ่านสิเค้ายังเจ็บอยู่อย่าคิดบ้าไม่เลือกสถานการณ์แบบนี้เดี๋ยวเธอจะคิดว่าแกเป็นไอ้บ้ากาม” ธมกานต์บ่นด่าตนเองในใจ ตรีรินทร์อาบน้ำก่อนจะใส่เสื้อผ้าชุดนอนอย่างรัดกุมก่อนจะออกห้องน้ำมาแบบเขยกๆ ธมกานต์ผลอยนอนหลับไปอย่างไม่รู้ตัวตรีรินทร์นอนลงที่ด้านตรงข้ามชายหนุ่มพร้อมกับเอาหมอนข้างมาวางตรงกลางก่อนจะมองชายหนุ่มอย่างไม่ค่อยไว้ใจแต่เสียงหายใจสม่ำเสมอทำให้รู้ว่าชายหนุ่มหลับสนิทไปแล้ว ตรีรินทร์ถอนหายใจแบบโล่งอกก่อนจะล้มตัวลงนอนพร้อมกับดึงผ้าห่มมาห่ม กลางดึกตรีรินทร์รู้สึกมีมือมากอดตนเองพร้อมกับจูบที่ซอกคอ “ ไม่ต้องกลัวผมแค่อยากนอนกอดคุณวันนี้หมดแรงจริงๆอีกอย่างผมไม่อยากรังแกคนป่วยคนขาเดี้ยง เดี๋ยวคุณจะมาตะโกนด่าว่าผมว่าใจร้าย วันนี้ผมยกให้คุณหนึ่งวัน พรุ่งนี้คุณต้องให้รางวัลผมทั้งต้นและดอก” ธมกานต์กระซิบที่ข้างหู ขณะที่ตรีรินทร์ยิ้มขำก่อนจะผลอยหลับไปในอ้อมกอดของชายหนุ่ม ตรีรินทร์ตื่นขึ้นมาตอนเช้าชายหนุ่มยังหลับสนิทตรีรินทร์พยายามแกะมือชายหนุ่มออกก่อนจะลุกขึ้นจากที่นอนอย่างระมัดระวังไม่ให้รบกวนชายหนุ่ม ตรีรินทร์อาบน้ำเสร็จแต่งตัวและลงไปข้างล่างข้อเท้าของเธอยั
ตรีรินทร์หน้าชาด้วยความเขินอายในขณะที่ธมกานต์ก็จ้องมองภรรยาสาวด้วยสายตามีความหมายแต่ก็ยังเก็กหน้าเวลาสบตากัน ตรีรินทร์รู้สึกถึงความอึดอัดเหมือนระเบิดเวลาที่รอเวลาระเบิดตั้งแต่ทานอาหารเย็นเสร็จธมกานต์ก็แยกเข้าไปทำงานเหมือนเขาพยายามแยกตัวออกไป คุณหญิงมณีจันทร์พยายามคลี่คลาย สถานการณ์ที่ตึงเครียด “ ง้อเค้าหน่อยก็หายงอนแล้วนิสัยเสียตั้งแต่เด็กชอบเอาแต่ใจตัวเอง แต่พอเราง้อหน่อยแม่รับรองว่าเขาจะกลับมาน่ารักเหมือนเดิม ถ้าหนูรินทร์จะรอให้พ่อคนนี้มาง้อ สงสัยต้องรอนานพ่อคนนี้ใจแข็งเหมือนพ่อเขาไงแม่ไม่อยากให้หนูรินทร์ใจแข็งแล้วทิฐิเดี๋ยวจะเหมือนแม่นึกเสียใจเมื่อเหตุการณ์มันผ่านไป แล้วแล้วเลิกเรียกแม่ว่า “ ป้า”สักทีเรียกแม่เหมือนพ่อกานต์ตอนนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” คุณหญิงมณีจันทร์กล่าวแนะนำ ตรีรินทร์เอ่ยตอบเบาๆ ว่า “ ค่ะ คุณแม่ แต่รินทร์ต้องรอดูสถานการณ์ก่อนนะคะ” คุณหญิงมณีจันทร์คิดในใจ “ หรือจะเจออีกคู่คู่รักใจแข็งขอภาวนาอย่าให้เป็นเหมือนตนกับท่านนายพลเลย” ตรีรินทร์เดินกลับไปเรือนหลังเล็กแต่เพียงลำพังระหว่างที่ขึ้นเตียงนอน ตรีรินทร์พยายามคิดว่าถ้าชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องเธอคว
“ รินทร์อาบเองก็ได้คุณกานต์ออกไปก่อน” ตรีรินทร์พยายามผลักชายหนุ่มออกไป ธมกานต์ขืนตัวพร้อมกับจับหญิงสาวไปที่อาบน้ำแล้วเปิดฝักบัว สาย น้ำจากฝักบัวรดมาที่ตัวเสื้อผ้าของหญิงสาวทำให้เห็นรูปร่างที่สวยงามของหญิงสาวอย่างชัดเจน ตรีรินทร์หน้าร้อนธมกานต์ถอดเสื้อผ้าหญิงสาวพยายามอ้าปากจะพูดแต่ถูกปิดด้วยริมฝีปากหนา ธมกานต์ดูดที่ริมฝีปากตรีรินทร์รู้สึกถึงการเรียกร้องของชายหนุ่มเมื่อร่างของชายหนุ่มแนบมาที่ร่างของตนความตื่นตัวของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวหน้าร้อน ธมกานต์เริ่มปลดเสื้อเชิ๊ตยกทรงสีชมพูหวานแหวว ธมกานต์หายใจแรงเมื่อมองเห็นดอกบัวสีขาวชมพูชูชันรอรับสัมผัสอันอ่อนหวาน เขาก้มลงไซ้ซอกคอแล้วขบกัดอย่างวาบหวามตรีรินทร์ครางก่อนจะใช้เล็บมือจิกที่กลางหลังของชายหนุ่มเมื่อธมกานต์ใช้มือไล้ครีมอาบน้ำไปทั่วอกอวบงามเขาไล้วนเบาๆ แล้วคลึงหนักหน่วงก่อนจะก้มลงดูดกลืน ตรีรินทร์หอบหายใจก่อนจะครางโหยหวนสองมือเอื้อมไปขยุ้มเรือนผมด้วยความร้อนรุ่ม “กานต์ อืมอื้อ” เสียงตรีรินทร์ครางเบาๆ ธมกานต์ดูดกลืนยอดอกอีกข้างอย่างไม่ให้น้อยหน้า บีบเคล้นจนตรีรินทร์ครางโหยหวนด้วยความเสียวซ่าน ร่างงามผวาเฮือกเมื่อเขากอบกุมเนื้
บ่ายวันเสาร์ตรีรินทร์ง่วนอยู่กับเตาอบอยู่หลายชั่วโมง หญิงสาวตะโกนออกมา“ คุณกานต์ขามานี่หน่อย รินทร์อยากได้คอมเม้นต์ค่ะ”ธมกานต์วางหนังสือพิมพ์พร้อมกับเดินเข้าบริเวณครัว“ มีอะไรให้สามีช่วยหรือครับ ภรรยาคนสวย”“ ช่วยชิมหน่อยสิคะ รสไหนอร่อย รสกาแฟ รสช้อคโกแล็ตชิบ หรือรสเนย”“ รินทร์ ตั้งแต่คุณทำผมชิมมาหลายสิบอันแล้วนะเนี่ย จนผมชักมึนกับรสคุกกี้ของคุณแล้วแต่ถ้าคุณจะหาคนชิมนะ โน่นไอ้กรณ์ ขานั้นนะชอบขนมทุกชนิด มันบ้าขนม เชื่อไหม เคยไปกินบุฟเฟ่เค้กมันกินได้สิบสองอัน พวกผมสามก้อนก็จะอ้วกแล้ว”“ แหม คุณเนี่ยไม่ร่วมมือเลย”“ อย่าพึ่งงอนสิจ๊ะคนสวย ผมลองทานอีกสามชิ้นก็ได้”ธมกานต์มองภรรยาสาวที่ขะมักเขม้นเรียงคุกกี้ลงขวดแก้วอย่างทะนุถนอม“เก็บเอาไว้ทานคราวหน้า ใส่ขวดไว้ให้น่ารับประทาน”ตรีรินทร์อธิบายพร้อมกับเรียงขนมลงขวดด้วยความระมัดระวังเช้าวันอาทิตย์ตรีรินทร์ก้มลงหอมแก้มสามีหนุ่ม พร้อมกับกระซิบว่า “ รินทร์ออกไปข้างนอกแป๊บหนึ่งนะคะ บ่ายนี้คุณไปตีกอล์ฟกับพวกพี่หมอใช่ไหม ถ้ารินทร์มาไม่ทัน เจอกันเย็นนี้นะคะ”ธมกานต์งัวเงียพร้อมกับหรี่ตามองนาฬิกาแปดโมงเช้าปกติวันอาทิตย์จะเป็นวันเดียวที่เขาแ
อลงกรณ์นั่งดูกีฬาในห้องนั่งเล่นได้ยินเสียงรถจอดบริเวณหน้าบ้านสักพักร่างคุณหญิงแพรวก็นวยนาดเข้ามาพร้อมสายตาเข้มที่พร้อมจะอาละวาด“ ใช้ไม่ได้เลยแก เสียมารยาทกับลูกเพื่อนแม่มากเลยนะกรณ์แม่ผิดหวังในตัวลูกมาก ปากคอเราะร้ายเฮ๊อ แม่กลุ้มใจในตัวลูกมาก กรณ์เมื่อไหร่จะเมียเป็นตัวเป็นตนสักทีแม่มีแกคนเดียวที่เป็นความหวังแม่อยากมีหลาน แล้วนี่แกก็ทำลายความหวังแม่ครั้งแล้วครั้งเล่า”คุณหญิงแพรวพูดเสียงเครือน้ำตาไหล“ แม่ก็รู้ว่าผมยังอยากมีอิสระ อยากทำงาน สร้างอนาคตด้วยตัวเองอย่ายุ่งเรื่องส่วนตัวของผมได้ไหมแม่หรือแม่อยากให้เหมือนคราวก่อน” อลงกรณ์พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเมื่อเห็นน้ำตาของผู้เป็นแม่ทำเอาอลงกรณ์ใจอ่อนยวบอลงกรณ์ถอนใจก่อนจะเข้ามากอดคุณหญิงพร้อมกับพูดว่า“ โอเคครับแม่ ผมจะลองพยายามทำตามที่แม่บอกอีกครั้ง” อลงกรณ์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนใจคุณหญิงแพรวยิ้มถูกใจพร้อมกับกอดลูกชาย ลูบหลังไปมาอย่างเอาใจหอพักเด่นชัยอลงกรณ์เคาะประตูห้อง อาร์มเดินมาเปิดประตูห้องอย่างงัวเงีย“ อ้าวคุณ มีอะไรหรือเปล่า มาซะดึกเชียว”“ ขอโทษที่มารบกวนคุณ แต่คืนนี้ผมอยากมีคุณอยู่ใกล้ๆ” อลงกรณ์กอดอาร์มแน่นเลขาหนุ่มขมวดคิ
“ แม่ตี พ่อทำไมครับ”“ ก็พ่อดื้อ แล้วแกล้งแม่ กริชต้องช่วยแม่นะจ๊ะ”เด็กชายกริชชัยเข้ามากอดผู้เป็นแม่ ท่ามกลางสายตาหมั่นไส้ของธมกานต์ที่ลูกชายผันตัวไปอยู่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว“อ้าว ไหนเมื่อกี้บอกจะช่วยพ่อไง”กริชชัยกอดพร้อมซบที่หน้าอกแม่ “ กริชรอพ่อกับแม่ไปรับตั้งนาน นี่จะเที่ยงแล้วนะครับพ่อกับแม่ยังไม่ตื่นอีก”ตรีรินทร์ใบหน้าร้อน พร้อมกับแก้ตัวเบาๆ “ แม่ขอโทษจ๊ะ งั้นขอแม่อาบน้ำแล้วเดี๋ยวเราไปเชียงใหม่กันบ่ายนี้ดีไหม กริชจะได้ไปเยี่ยมน้ำหวานเพื่อนลูกด้วยไง”เด็กชายกระโดดรอบเตียงด้วยความดีใจ ท่ามกลางสายตาของพ่อและแม่ที่บ่งบอกว่า รักลูกเต็มเปี่ยมภูเก็ตร่างชายหนุ่มสองคนที่ก่ายเกยกันอย่างแนบแน่น อาร์มขยับตัวเบาๆแต่ก็ต้องถูกดึงให้เข้ามาในอ้อมกอด“ เช้าแล้วเราตื่นเถอะ เดี๋ยวไปทำงานไม่ทันนะคะ”“ อืม ขอต่ออีกหน่อยนะยังไม่อยากไปเลย ผมอยากนอนกอดกับคุณอีกสักพัก เราไปตอนบ่ายๆ ก็ได้มีเวลาอีกวันหนึ่ง ค่ำๆวันอาทิตย์ค่อยกลับคุณไม่ได้รีบไปไหนนี่” อลงกรณ์จูบเบาๆที่ไหล่ของเลขาหนุ่มก่อนกระซิบเบาๆ“ ผมเคยนึกว่าทำไมผมถึงนอนกับน้องปรางไม่ได้ มาวันนี้ผมรู้จักตัวเองอย่างเต็มร้อยเมื่อก่อนผมคิดว่าผมสามาร
“ อาร์มก็เช่นกัน ขอบคุณนะครับ ที่ไม่รังเกียจคนอย่างอาร์ม แล้วยังให้ความรู้สึกดีๆ อีกอาร์มรู้สึกซาบซึ้งมาก”“ ผมคิดว่าผมรักคุณแล้วล่ะ อาร์ม ทำยังไงดี” อลงกรณ์พูดเสียงอ้อแอ้“ อาร์มก็รักคุณ”อลงกรณ์ยกมือเลขาหนุ่มพร้อมกับจูบที่ใจกลางอุ้งมือ ทำให้อาร์มขนลุกไปทั่วร่างกายเลขาหนุ่มประคองชายหนุ่มเข้าห้อง เมื่ออีกฝ่ายเริ่มเดินไม่ค่อยมั่นคง“ เมาหรือเปล่า คุณ”“ เมารักคุณไง อาร์ม”“ บ้า คุณเนี่ย พูดอะไร เมาแล้วไปนอน เถอะ อาร์มไปส่งคุณที่ห้อง”อลงกรณ์ยิ้มเจ้าเล่ห์ จริงๆ ไวน์แค่สามสี่แก้วทำอะไรตนไม่ได้ แต่ก็แกล้งทำเป็นเมาอาร์มวางร่างหนักอึ้งลงบนที่นอน แต่ก็ถูกดึงจนล้มไปด้วยกัน ก่อนที่อลงกรณ์จะพลิกตัวพร้อมกับจ้องมองใบหน้าเลขาหนุ่ม ที่ตอนนี้อยู่ในอาการตื่นตะลึง“ คืนนี้นอนกับผมห้องนี้นะ ผมอยากนอนกับคุณ” อลงกรณ์ปิดปากตัวเอง ลงที่ริมฝีปากบางก่อนที่มือก็เริ่มปลดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว อาร์มยอมให้ถอดเสื้อผ้าแต่โดยดีพร้อมกับช่วยปลดเสื้อผ้าของอีกฝ่าย ก่อนที่ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองของธรรมชาติอาร์มพึ่งเคยมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ความรู้สึกมันอ่อนหวานและซาบซ่าส์ จนตัวเองแทบจะนอนไม่หลับร่างของชาย
“ งั้นเดี๋ยวผมโทรเคลียร์กับเจ้ากรณ์ดีกว่า”“ ไม่ต้องค่ะ รินทร์อยากให้คุณกรณ์แปลกใจ”“ เชื่อรินทร์สิคะว่างานไม่เสีย แล้วคุณกรณ์ก็จะไม่โกรธคุณแน่นอน”ธมกานต์ถอนใจยาว พูดจริงๆ ตัวเองก็ชักไม่อยากไป เพราะร่างนุ่มนุ่มของภรรยาที่วันนี้มาโหมดหวานเซ็กซี่ ซ่าส์ สงสัยวันนี้ธมกานต์จะเดินตามเกมภรรยาคงจะมีความสุขไม่น้อย“ รินทร์ถูหลังให้นะคะ”“ จ๊ะ ที่รัก”“ แหม พอถูหลังให้หน่อยหวานเชียว ถามจริงๆ หวานแบบนี้มากี่คนแล้ว”ตรีรินทร์ถามพร้อมกับกลั้นใจฟังคำตอบ“ หวานกับรินทร์แค่คนเดียว เชื่อไหมไม่เคยหวานแบบนี้กับใครสักคน”ตรีรินทร์ใจเต้นแรงฟังแล้วเต็มตื้นหัวใจก่อนที่หญิงสาวจะผลักให้ชายหนุ่มนั่งแล้วตนเองย้ายไปนั่งข้างหลัง หญิงสาวชโลมสบู่พร้อมกับถูหลังไปมาอย่างตั้งใจและเต็มใจ“ ผมรู้สึกเหมือนเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดนะเนี่ยที่มีภรรยามาช่วยถูหลังให้”“ จริงเหรอค่ะ เอ แบบนี้จะมีของรางวัลหรือเปล่า”“ อยากได้อะไรล่ะ ผมให้คุณได้ทุกอย่างเว้นดาวและเดือน”“ ยังนึกไม่ออก ไว้นึกออกจะบอกนะคะ แต่คุณกานต์สัญญาแล้วว่าจะไม่เบี้ยว”“ ไม่เบี้ยวจ๊ะ”ตาจ้องตา ธมกานต์หันมาจูบปากพร้อมกับหมุนตัวเองในอ่างจนน้ำกระเพื่อม“ ทนไม่ไ
“ อ๋อ ตอนนี้ผมจะไปหาคุณต้องมีธุระด้วยหรือไง” น้ำเสียงเริ่มขุ่น“ คุณเนี่ย ชอบตีความหมายอะไรผิดๆเมื่อวันก่อนผมถามให้คุณกลับบ้านเพราะกลัวว่าจะดึกแล้วเดินทางลำบาก คุณแม่คุณจะเป็นห่วงคุณก็ตีความหมายว่าผมขับไล่ ซึ่งมันไม่จริงเลย ผมไม่ได้รังเกียจคุณสักนิด วันนี้ผมก็ถามตามปกติธรรมดาคุณก็ตีความหมายไปอีกอย่าง ผมชักมึนกับคุณแล้วนะเนี่ย” เลขาหนุ่มอธิบายยาวอลงกรณ์นิ่งฟังแล้วยิ้มยวน ๆ “ ผมมันเป็นแบบนี้แหละ ทนๆ หน่อยแล้วกัน ยังต้องรบกันอีกยาว”เลขาหนุ่มค้อนชายหนุ่มเบาๆ ก่อนอมยิ้ม“ คุณทำอาหารและขนมอร่อยมาก เรียนมาหรือไง”“ บ้านผมมีแต่ผู้ชายหมด ผมเป็นลูกชายคนเล็ก ก็เลยต้องช่วยแม่เข้าครัวตั้งแต่เด็ก มันเป็นความเคยชินส่วนขนมก็หัดทำตอนเรียนมหาวิทยาลัย ทำขายหารายได้พิเศษเป็นค่ารถเมล์ไงคุณ ก็ผมมันคนจน”เลขาหนุ่มเล่ายาว“ นี่ขอร้องล่ะ ถ้าจะคบกันต่อไปไอ้รวยจนเนี่ยเลิกพูดได้ไหม รำคาญ” อลงกรณ์เริ่มหงุดหงิดอีกครั้ง“ พูดความจริงเล่าความจริงก็โกรธพิลึกคน” เลขาหนุ่มยักไหล่ก่อนจะยิ้มหวานเหมือนกวนๆ ในทีทำเอาอลงกรณ์ตะลึงในความน่ารักขี้เล่นของอีกฝ่าย รถติดไฟแดงตาจ้องตาในระยะใกล้กันแค่ไม่กี่คืบอลงกรณ์มองริมฝี
สองทุ่มเศษๆอาหารถูกลำเลียงมาพร้อมสมาชิกทุกคนนั่งพร้อมกันที่โต๊ะ อลงกรณ์เดินเข้ามาอย่างกระหืดกระหอบ“ ขอโทษทีเพื่อน รถติดเป็นบ้าเลย”อลงกรณ์กล่าวขอโทษพร้อมกับตะลึงเมื่อเผชิญหน้ากับเลขาหนุ่มรุ่นน้องที่อยู่ในความคิดคำนึงตลอดสองวันที่ผ่านมา“นั่งสิคะคุณกรณ์ นั่งข้างๆ พี่อาร์มนั่นแหละค่ะ”“ นั่งสิไอ้กรณ์ยืนบื้ออยู่ได้” เสียงอัครเดชตะโกนมาทางหัวโต๊ะอลงกรณ์นึกไม่ถึงคนที่ตนตามหาหลายชั่วโมงที่ผ่านมากลับมานั่งอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มนั่งลงข้าง ๆระหว่างเลขาหนุ่มกับนายแพทย์เอกชัย หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นเลขาหนุ่มไม่กล้าหันไปมองด้วยความกลัวและเก้อเขินตรีรินทร์แอบสังเกตทั้งชายหนุ่มและเลขาหน้าหวานที่ต่างคนต่างเก้อเขินซึ่งกันและกันหญิงสาวอมยิ้มก่อนจะทักทายเพื่อนสามี“ คุณกรณ์หิวไหมคะ มาได้เวลาพอดี งั้นเราเริ่มลงมือกันเถอะค่ะ”“ พี่อาร์มตักยำทะเลให้คุณกรณ์สิคะ” ตรีรินทร์กล่าวนำเลขาหนุ่มตักยำทะเลแต่ไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ตัวอลงกรณ์รู้สึกหมั่นไส้เลขาหนุ่มรุ่นน้องที่ทำท่าทางเหมือนกลัวจะสบตา แม้แต่หน้าก็ยังไม่มองกัน“ แกไปทำไรแถวโรงแรมเจ้ากานต์ว่ะ ปล่อยให้พวกข้ารอตั้งนาน” อัครเดชเอ่ยถาม
ตอนเย็น“นี่เราจะไปไหนกันครับ คุณกรณ์” อิทธิพลหรืออาร์ม เอ่ยถามเมื่อรถขับเลยหอพักไปอีกช่วงตึก“ เงียบๆเถอะ ถึงแล้วผมจะบอกเอง” อลงกรณ์หันมาตอบเลขารุ่นน้องอลงกรณ์เดินนำเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตในห้างดัง ไม่ไกลจากหอพักของหนุ่มรุ่นน้องชายหนุ่มเดินไปหยิบของลงตระกร้า ท่ามกลางความงุนงงของเลขาหนุ่ม“ นี่คุณ จะซื้อของไปไหนเนี่ย เยอะแยะไปหมด”“ ซื้อไปไว้ที่หอคุณ”“ หา “ เสียงลากยาว“ ก็หอคุณ ไม่มีอะไรสักอย่าง กาแฟก็ไม่มี วิสกี้เบียร์ไม่มีสักอย่างแล้วผมก็เบื่ออาหารที่มีแต่ผักกับวิญญาณหมู วันนี้ผมทำงานหนักมาก ผมอยากทานอาหารดี ๆ สักหน่อยคุณช่วยทำอาหารให้หน่อย ผมเป็นคนจ่ายคุณเป็นคนทำ โอเคนะ”อาร์มยืนงงอยู่กับที่“ เร็วๆ สิคุณ เดี๋ยวก็เจอรถติดตอนกลับอีกหรอก มาช่วยผมเลือกเนื้อหน่อยวันนี้ผมอยากทานเนื้อทอดกระเทียมพริกไทย”หลังจากอาหารค่ำผ่านไปอย่างชื่นมื่น อลงกรณ์ก็มานอนที่เก้าอี้ยาว ก่อนจะเผลอหลับไปอาร์มมานั่งพัดยุงที่คอยมาตอมตามแขนขาของชายหนุ่ม อลงกรณ์ลืมตาขึ้น ตาประสานตาก่อนที่อาร์มจะลุกขึ้นปัดกางเกงขาสั้น“ ดึกแล้วผมว่าคุณควรกลับบ้านได้แล้ว กลับตอนนี้รถก็ไม่ติดแล้ว”อาร์มเฉไฉพูดกับอลงกรณ์“ ไล
อาร์มตกใจ พร้อมกับระล่ำระลักว่า “ ผมครับผมเป็นคนจัด ผมเห็นมันรกมากจนไม่รู้จะวางเอกสารการประชุมไว้ตรงไหน พอวางมันก็ลื่นล้ม ผมเลยจัดให้มันเป็นระเบียบ”“ อ้อ คุณจะว่าผมมันไม่มีระเบียบว่างั้นเถอะ แต่ขอบคุณทีหลังไม่ต้องห้ามคุณมายุ่งวุ่นวายกับโต๊ะทำงานของผมอีก ไม่ว่ากรณีใดๆ ผมหาเอกสารของผมไม่เจอผมทำงานผมรู้ว่าวางเอกสารแบบไหนไว้ที่ตรงไหน ฉะนั้นขอความกรุณาอย่ามายุ่ง” อลงกรณ์ส่งเสียงดังอาร์มหลับตามือสั่นใจสั่นด้วยความกลัว ผู้ชายตรงหน้าเวลาเขาโกรธเค้าเหมือนคนละคนกับที่ตนรู้จักเมื่อวาน“ ครับ ต่อไปผมจะไม่ยุ่งอีก ขอโทษอีกครั้ง”“ คุณออกไปได้” อลงกรณ์เห็นชายหนุ่มรุ่นน้องหน้าเสียก็นึกสงสารโบกมือให้ออกห้องไปเพราะอารมณ์ยังคุกรุ่นอาร์ม หรือ อิทธิพลมานั่งร้องไห้ ทำงานที่นี่มาแปดปียังไม่เคยโดนดุเสียงดังขนาดนี้มาก่อนชายหนุ่มเจ็บใจน้อยใจ อุตส่าห์จัดโต๊ะทำงานให้เรียบร้อยไม่ได้ดี แล้วยังโดนด่าอีก คอยดูต่อไปนี้จะทำเท่าที่สั่งเท่านั้น อาร์มคิดในใจอย่างว้าวุ่นอาร์มเช็ดน้ำตาพร้อมกับตั้งใจทำงานต่ออย่างมีทิฐิ อลงกรณ์เมื่อหาเอกสารพบก็ถอนหายใจเฮือก“ นี่เราพูดรุนแรงไปหรือเปล่าหว่า ป่านนี้ไม่นั่งร้องไห้ขี้