“ไม่ได้ผู้ใหญ่คุยกันแล้ว”
“ ไม่ ไม่ ไม่ ฉันไม่ยอมให้คุณมาบงการฉันหรอก”ตรีรินทร์พูดด้วยอารมณ์แค้นแน่นอก “ จะงอแงอะไรก็ตามใจแต่คิดดูบ้างสิถ้าคุณไม่ทำตามแม่คุณจะเสียใจแค่ไหนแล้ว ผู้ใหญ่ที่เค้าคุยกันจะว่ายังไง” ตรีรินทร์ร้องไห้ด้วยความอัดอั้นสุดท้ายเธอก็ต้องแพ้เมื่อชายหนุ่มเอาแม่เธอมาอ้าง “ จริงสินะถ้าเรางอแงแม่ต้องไม่ยอมแน่ๆ” ธมกานต์ชะงักก่อนจะโอบหญิงสาวมากอด พร้อมกับลูบหลังไปมา“ ผมขอโทษที่รีบ ผูกมัดคุณช่วยไม่ได้คุณอยากน่ารักทำไม แล้วจะน่ารักกว่านี้ถ้าไม่งอแงแล้วทำตามที่ผมสั่ง” “ ฉันหมั้นก็ได้แต่เราอย่าพึ่งรีบแต่งได้ไหมเรามาศึกษากันสักสี่ห้าเดือนก่อนได้ไหมนะคะ คุณกานต์พบกันคนละครึ่งทาง” ตรีรินทร์ต่อรอง “ ไม่ได้ แล้วเราไม่ต้องศึกษากันแล้วค่อยไปศึกษากันตอนแต่งงานแล้วอยู่กันแล้วผมไม่อยากหมั้นไว้นาน” “ นั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ ยอมฉันบ้างสิทำไมต้องบังคับไปทุกอย่าง” ธมกานต์นึกขำหญิงสาวก่อนจะลากหญิงสาวเข้ามากอดอีกครั้ง “ รินทร์ผมตามใจคุณไม่ได้เพราะผมเป็นผู้บริหารพูดคำไหนต้องคำนั้นแล้วอีกอย่างสำคัญมากผมสัญญากับแม่คุณไว้ว่าจะรีบจัดการทุกอย่างให้ถูกต้อง” ธมกานต์ลูบไล้ผมยาวสลวยของหญิงสาวอย่างรักใคร่ “ ถ้าฉันคุยกับแม่ได้คุณเลื่อนงานแต่งออกไปก่อนได้ไหมค่ะ” “ ไม่ได้” “ โธ่ ฉันกลับบ้านแล้ว คุยกับคุณพูดไม่รู้เรื่อง” ตรีรินทร์ขยับออกจากอ้อมกอดแต่ถูกดึงเอาไว้ “ อย่าพึ่งกลับเลย” น้ำเสียงชายหนุ่มออดอ้อน “ คุณมายังไง” ธมกานต์ถาม “ อรมาส่งฉัน ให้เค้ากลับไปแล้ว คุณให้ใครเรียกแท็กซี่ให้หน่อยได้ไหม” น้ำเสียงตรีรินทร์อ่อนหวาน “ ผมไปส่ง” “ ไม่ต้อง แม่คุณบอกว่าคุณดื่มไปหลายแก้ว” “ แค่นี้เองผมนั่งไปด้วยให้เข้มขับก็ได้ คุณหยิบเสื้อยืดให้ผมหน่อยสิรีบๆหน่อยนะถ้าสามนาทียังไม่ได้ผมจะกักตัวคุณไว้ทั้งคืนแน่ๆคอยดู “ ตรีรินทร์รีบหยิบเสื้อยืดมายื่นให้ “ ใส่ให้ด้วยสิ” ธมกานต์ออดอ้อน “มือก็มีใส่เองสิ” “ อยากให้เมียใส่ให้นี่” น้ำเสียงชายหนุ่มออดอ้อน “ นี่คุณอย่าโยกโย้ได้ไหม” น้ำเสียงตรีรินทร์เง้างอน ธมกานต์คว้าตรีรินทร์มากอดกระแสความร้อนส่งผ่านทางร่างกายทำเอาหญิงสาวใจเต้นแรง ธมกานต์ก้มลงมาหอมแก้มพร้อมกับผลักให้หญิงสาวนอนลงบนเตียงตาจ้องตาในระยะแค่คืบตรีรินทร์ใจเต้นแรงกับสายตาเรียกร้องเว้าวอน “รินทร์ค้างที่นี่ไม่ได้เหรอ ได้ไหมนะ ผมคิดถึงคุณจะแย่แล้ว” น้ำเสียงธมกานต์ออดอ้อน “ ไม่ได้แม่รออยู่แล้วโกรธมากด้วยเพราะคุณคนเดียวปล่อยได้แล้ว ฉันจะกลับบ้านคุยกับคุณไม่เคยจะได้เรื่อง” ตรีรินทร์ขยับจะลุกขึ้นนั่งแต่โดนชายหนุ่มกอดรัดไว้อย่างเหนียวแน่น “ นี่คุณกานต์ปล่อยสิฉันจะกลับบ้าน” “ จูบทีหนึ่งแล้วผมจะปล่อยคุณกลับบ้านไม่งั้นก็นอนมันที่นี่แหละ” ตรีรินทร์นึกหมั่นไส้คนช่างเอาเปรียบหญิงสาวหลับตาพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปจูบที่ริมฝีปากเข้มเพียงบางเบาแต่เมื่อจะถอนใบหน้ากลับชายหนุ่มกลับประคองใบหน้าพร้อมกับระดมจูบอย่างซาบซึ้งดูดดื่มลิ้นของชายหนุ่มซอกซอนเข้าสำรวจริมฝีปากบางอย่างอ่อนหวานนุ่มนวลทำเอาตรีรินทร์รู้สึกวาบหวิวพาลจะเป็นลม ธมกานต์ปล่อยหญิงสาวพร้อมกับลูบไล้เส้นผม อย่างรักใคร่ ก่อนจะก้มลงหอมที่เส้นผมก่อนจะบ่นอู้อี้ว่า “ผมอยู่ใกล้คุณไม่ได้สักทีอดใจไม่เคยได้สักที” “ คุณกานต์คะฉันอยากกลับบ้านแล้ว” “ โอเคกลับก็กลับ” “ เรื่องหมั้นรออีกสักหน่อยได้ไหมค่ะ” ตรีรินทร์เห็นชายหนุ่มอารมณ์ดีจึงหาทางพูดอีกครั้งหนึ่ง “ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับรินทร์ ผู้ใหญ่คุยกันแล้วคุณจะเลื่อนออกไปหรือหมั้นตอนนี้มันมีค่าเท่ากันตรีรินทร์” “ ถ้าฉันคุยกับแม่คุณและแม่ฉันได้คุณจะตกลงใช่ไหมค่ะ” ตรีรินทร์พยายามอีกครั้ง “ ไม่มีการเลื่อนไม่ว่ากรณีใดๆ” น้ำเสียงหนักแน่นทำเอาตรีรินทร์หมดกำลังใจ ตรีรินทร์ขยับตัวพร้อมกับลุกขึ้นนั่งก่อนจะเดินออกจากห้องอย่างรู้สึกหมั่นไส้กับความเอาแต่ใจจอมบงการของชายหนุ่ม “ นี่เราต้องแต่งงานกับเค้าปลายเดือนนี้จริงๆเหรอเนี่ย” ธมกานต์เดินตามออกมาก่อนจะคว้าข้อมือหญิงสาวไปจับกุมไว้ ตรีรินทร์พยายามบิดมือออกแต่โดนบีบจนรู้สึกเจ็บก่อนจะปล่อยให้ชายหนุ่มจับมือไว้ “ อ้าว หนูรินทร์จะกลับแล้วเหรอจ๊ะ” คุณหญิงมณีจันทร์ทักขณะกำลังจัดแจกันดอกไม้พร้อมกับนมอิ่ม “ ค่ะ คุณป้ารินทร์กลับนะคะ” หญิงสาวไหว้อย่างนอบน้อม “ ตากานต์เมื่อหัวค่ำคุณพ่อโทรมานะลูกสั่งให้แกขึ้นไปพบให้พาหนูรินทร์ไปด้วยโวยวายใหญ่ที่รู้ข่าวแกทางโทรทัศน์” ธมกานต์หน้าเคร่งขรึมก่อนจะตอบว่า “ครับ” เมื่ออยู่ในรถบรรยากาศยังเงียบ ตรีรินทร์หันมามองหน้าชายหนุ่มที่ยังเคร่งขรึมก่อนจะถามว่า “ คุณพ่อคุณอยู่ที่ไหนคะ” “ เชียงใหม่ กับเมียน้อย” น้ำเสียงเคร่งขรึมคำหลังทำเอาตรีรินทร์อึ้ง “ ขอโทษค่ะที่ถาม” “ ผมน่าจะชินสักทีนี่มันก็ ยี่สิบกว่าปีแล้วนี่นะ” “ พรุ่งนี้เราต้องขึ้นไปเชียงใหม่ด้วยกัน เดี๋ยวผมคงต้องขออนุญาตแม่คุณ” ตรีรินทร์นิ่งเงียบในสถาการณ์แบบนี้ตรีรินทร์ทราบว่าความเงียบคงดีที่สุดให้ชายหนุ่มอยู่กับตัวเองตรีรินทร์เหม่อมองไปข้างทางอย่างล่องลอย ธมกานต์คว้าหญิงสาวให้มานอนซบที่อกเมื่อมองเห็นหญิงสาวนั่งสัปหงก ชายหนุ่มมองหญิงสาวด้วยแววตาเอ็นดูก่อนจะก้มลงหอมศีรษะ ตรีรินทร์ขยับเข้าไปใกล้ชายหนุ่มเมื่อรู้สึกหนาว ธมกานต์กอดหญิงสาวแน่น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ “ นี่เราจะไปไหนคะนี่ฉันมีสิทธิ์รู้ไหมเนี่ย” น้ำเสียงตรีรินทร์เริ่มบ่งบอกอารมณ์หงุดหงิด “ เชียงใหม่พ่อผมท่านไปมีครอบครัวใหม่ที่นั่น” ธมกานต์ ทำสีหน้าเรียบเฉยแต่แววตาเศร้าทำเอาตรีรินทร์อึ้ง “ เรากลับกันวันนี้ใช่ไหมคะฉันไม่อยากให้แม่เป็นห่วง” “ ผมคุยกับแม่คุณแล้วท่านก็อนุญาตแล้วอย่าเรื่องมากได้ไหม” น้ำเสียงธมกานต์หงุดหงิด ตรีรินทร์ทำแก้มป่องหน้างอก่อนที่จะถูกชายหนุ่มลากข้อมือให้เดินตามเมื่อหญิงสาวหยุดเดินอย่างเสียอารมณ์กับคำตอบของชายหนุ่ม เมื่ออยู่บนเครื่องตรีรินทร์เริ่มอึดอัดกับสภาวะที่เหมือนเงียบ ด้วยกันทั้งสองฝ่ายหญิงสาวสูดลมหายใจแล้วเริ่มพูดว่า “ ขอบคุณนะคะที่อุ้มฉันไปส่งที่ห้องนอนคราวหลังปลุกก็ได้เกรงใจ” น้ำเสียงตรีรินทร์อ่อยเมื่อถูกผู้บุพการีบ่นเล็กน้อยว่าขี้เซาจนเป็นเหตุให้ชายหนุ่มต้องอุ้มไปส่งให้ถึงห้อง “ ผมเรียกแล้วสามสี่ครั้งคุณไม่ตื่นผมก็อุ้มไปส่งไม่มีปัญหา” น้ำเสียงชายหนุ่มพูดเหมือนเป็นเรื่องเล็ก “ แล้วคุณได้พูดอะไรกับแม่หรือเปล่าแปลกจังที่เช้านี้แม่ไม่ได้ซักอะไรฉันเลยทั้งๆ ที่เมื่อวานแม่ดูโกรธฉันมากน่าแปลก” ชายหนุ่มอมยิ้มก่อนจะหันไปจับมือหญิงสาวมาวางไว้ที่ต้นขาทำเอาตรีรินทร์ตาโต แอบมองคนที่นั่งข้างๆ แต่ไม่มีใครสนใจเพราะเป็นที่นั่งระดับวีไอพีดังนั้น ระยะห่างระหว่างผู้โดยสารจึงค่อนข้างเป็นส่วนตัว “ผมก็พูดอะไรกับแม่คุณนิดหน่อย มันดึกมากเลยไม่อยากรบกวนท่านมาก ท่านก็ใจดียังบอกให้ผมรีบมีหลานให้ท่านเร็วๆด้วยซ้ำ” ธมกานต์กล่าวยิ้มๆ “ ไม่จริงหรอกฉันไม่เชื่อ” ธมกานต์ยักไหล่พร้อมกับเอนพนักให้เอียงลง “ ตามใจคุณสิ ผมขอพักสักครู่นะรินทร์เมื่อคืนนอนไม่หลับเลย” ตรีรินทร์จ้องมองหน้าชายหนุ่มที่กำลังจะมาเป็นคู่หมั้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้าอย่างหมกมุ่น ธมกานต์ยังจำเหตุการณ์เมื่อคืนได้ดีเมื่อกดกริ่งแล้วแม่แก้วออกมาเปิดแล้วทำตาโตเมื่อเห็นตนอุ้มร่างหญิงสาวไว้ในอ้อมกอด “ตากานต์น้องเป็นอะไรทำไมสลบไสลอย่างงั้น” น้ำเสียงผู้สูงวัยเต็มไปด้วยความกังวล “ รินทร์เค้าง่วงนอนครับผมปลุกแล้วก็ไม่ตื่นคุณป้าจะให้ผมวางรินทร์ไว้ที่ไหนดีครับ” “ เอาไปไว้ในห้องนอนเค้าดีกว่าข้างนอกยุงเยอะ” ธมกานต์ก้าวเข้าไปในห้องวางร่างหญิงสาวไว้บนเตียงพร้อมกับห่มผ้าห่ม ให้กวาดสายตาไปรอบห้องที่มีพื้นที่แค่น้อยนิดมีเตียงเดี่ยวตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเขียนหนังสือเล็กๆทั่วห้องมีแต่รูปหญิงสาวตั้งแต่ตอนเล็กๆจนเป็นสาวและรูปรับปริญญา แต่ที่ขวางสายตาเพราะเหลือบไปเห็นหญิงสาวถ่ายคู่กับนายตำรวจหนุ่มอยู่ประมาณสามสี่รูป “ ขอบใจนะ ตากานต์รีบกลับไหมป้าทำกล้วยบวชชีทานสักถ้วยไหมล่ะจะได้คุยกัน” “ ก็ดีครับ” เมื่อชายหนุ่มรับประทานกล้วยบวชชีเสร็จธมกานต์จำได้ว่าตนได้ก้มกราบที่เท้าแม่แก้วซึ่งปฏิกิริยาของแม่แก้วค่อนข้างตกใจ “ ผมกราบขอโทษคุณป้าที่ล่วงเกินรินทร์ก่อนเวลาอันควร คุณป้าอย่าโทษรินทร์เลยนะครับมันเป็นความผิดของผมที่บังคับรินทร์ ผมชอบเค้ามากจนไม่อยากรอ ผมเป็นคนบังคับให้เค้าอยู่กับผมตลอดเวลาที่คุณป้าไปวัด ผมขอโทษที่เอาแต่ใจตัวเองเกินไปจนลืมคิดถึงความเหมาะสม” แม่แก้วอึ้งเมื่อไม่นึกว่าชายหนุ่มจะสารภาพทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมาแต่ก็นึกชื่นชมในความเป็นสุภาพบุรุษของชายหนุ่มก่อนจะพูดว่า “ ในเมื่อเรื่องมันเกินเลยมาป่านนี้แล้วก็แก้ไขอะไรไม่ได้ไง ตากานต์ก็จัดการทุกอย่างให้ถูกต้องส่วนยัยรินทร์ก็ต้องมีดุกันบ้าง มีอะไรก็ต้องบอกแม่ไม่ใช่เงียบเอาไว้ ป้าเลี้ยงรินทร์อย่างไว้ใจให้ดูแลตัวเอง ตากานต์คงเข้าใจป้านะจ๊ะ” “ ครับอีกอย่างผมอยากเรียนขออนุญาตพารินทร์ไปกราบคุณพ่อที่เชียงใหม่ในวันพรุ่งนี้ ท่านให้คนโทรมาตามให้ไปพบคงเห็นข่าวผมจากทีวี ผมสัญญาว่าจะรีบกลับมาให้ถึงก่อนค่ำ” แม่แก้วพยักหน้าก่อนที่ธมกานต์จะขอตัวกลับ ชายหนุ่มหลับตานึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ยังกระจ่างแจ้งอยู่ในความนึกคิดของชายหนุ่มก่อนจะหันไปมองหญิงสาวที่หลับตาลงพร้อมกับพิงศีรษะกับพนักเก้าอี้ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ “ คุณกานต์แม่นก่อครับผมคำแก้วเป็นคนของพ่อเลี้ยงพ่อเลี้ยงหื้อมาฮับคุณกานต์ครับ” นายคำแก้วพูดภาษาพื้นเมืองที่ธมกานต์พอฟังออกนิดหน่อย “ ใช่” เมื่อรถแล่นเข้าสู่บริเวณไร่ ธมกานต์มองไปรอบข้างที่เขียวขจีเมื่อรถจอดบริเวณเรือนไม้สักธมกานต์มองเห็นหญิงสาวอายุน่าจะอ่อนกว่าตนเล็กน้อยใส่เสื้อผ้าพื้นเมืองยืนรออยู่ “สวัสดีเจ้าคุณธมกานต์คุณท่านรออยู่ตางบนเจ้า” หญิงสาวกล่าวด้วยภาษาท้องถิ่น เมื่อธมกานต์และตรีรินทร์เดินเข้าสู่บริเวณห้องรับแขกที่มีชุดรับแขกไม้สักก็เห็นชายกลางคนนั่งอ่านแม็กกาซีนอยู่ ธมกานต์ยกมือไหว้พร้อมกับพูดว่า “สวัสดีครับท่าน ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรถึงโทรไปตามผม” “ เจ้ากานต์นี่ถ้าพ่อไม่รู้ข่าวจากทีวีแกจะไม่เชิญพ่อไปงานแต่งแกใช่ไหม ฉันถามว่าใช่ไหม” “ครับ” “อวดดีจริงแกยังจำได้ไหมว่ามีพ่ออยู่และฉันยังไม่ตาย” “ ผมลืมไปแล้วเพราะตลอดมาตั้งแต่เก้าขวบจนถึงเดี๋ยวนี้ชีวิตผมมีแต่แม่ แม่ซึ่งอยู่เคียงข้างผมตลอดเวลาแล้วไม่ทราบท่านหายไปอยู่ไหนมา” ท่านนายพลลุกขึ้นตาขวางพร้อมกับตะเบ็งเสียง “แต่ยังไงฉันก็พ่อแกจะแต่งงานทั้งทีแกควรมาบอกให้ฉันรู้ไม่ใช่ให้ฉันรู้ข่าวทางทีวี” “ เอาเป็นว่าท่านรู้แล้วแค่นี้ใช่ไหมธุระของท่านผมกับแฟนลากลับก่อน” “เดี๋ยวแกจะไม่แนะนำแฟนแกให้ฉันรู้จักหรือไงแล้วจะหมั้นวันไหน แต่งวันไหนฉันจะได้ลงไปร่วมงานด้วย” “ถ้าท่านยุ่งก็อย่ารบกวนเลยผมจะจัดแค่เล็กๆ” “ ฉันจะไป แล้วเลิกอวดดีเหมือนแม่แกได้แล้ว” “ กรุณาอย่าเอ่ยถึงแม่ผมแบบนั้นผมไม่ชอบ” “ แตะต้องไม่ได้สินะ” “ครับ” ธมกานต์เชิดหน้า ท่านนายพลกษิต ถอนหายใจพร้อมกับหันมามองหญิงสาวแฟนของลูกชายเพียงคนเดียว รู้สึกคุ้นตาแต่จำไม่ได้ เคยเห็นหน้าตาแบบนี้ที่ไหน “ สวัสดีค่ะท่าน หนูชื่อตรีรินทร์ มนัสสุกานต์” “ มนัสสุกานต์ เป็นอะไรกับกรองแก้ว” ท่านนายพลถาม “เป็นลูกสาวค่ะ” “ ลูกของแก้วเองเหรอ ดีดี อย่างงี้คุณหญิงคงชอบใจที่ได้เกี่ยวดองกับเพื่อนรัก” ตรีรินทร์ยิ้ม พร้อมเห็นหญิงสาวที่มองดูว่าแก่กว่าเธอเล็กน้อยแต่อายุน้อยกว่าชายหนุ่มข้างๆตัวเข้ามานั่งใกล้ๆท่านนายพลพร้อมกับพูดว่า “ เชิญทานข้าวด้วยกันนะคะ” “ ไม่ล่ะ ฉันรีบมารีบกลับ” ธมกานต์บอกปฏิเสธทันควันทำเอาหญิงสาวหน้าถอดสีตรีรินทร์เห็นท่านนายพลบีบมือเหมือนส่งกำลังใจ แอบเห็นชายหนุ่มข้างตัวคอแข็งพร้อมกับสะบัดหน้าเหมือนจะเดินออก ตรีรินทร์ถอนใจก่อนจะพูดว่า “แหมขอบคุณค่ะ กำลังหิวพอดีเมื่อเช้าไม่ได้ทานอาหารเช้าด้วยค่ะคุณกานต์เค้าไปลากมาจากที่นอนบังคับให้มาด้วย” ตรีรินทร์พยายามแก้ไขสถานการณ์ที่ดูเหมือนกำลังตึงเครียด “ นี่คุณเข้าไปทานในเมืองก็ได้จะไปรบกวนคุณผู้หญิงกับท่านนายพลทำไม” ธมกานต์พูดน้ำเสียงหงุดหงิด “เออไม่รบกวนค่ะคุณธมกานต์ดิฉันเตรียมตั้งแต่ท่านนายพลบอกว่าคุณจะขึ้นมาเยี่ยม” แม่เลี้ยงรุ่นน้องกล่าวอย่างเอาใจ “ขอบใจแต่ฉันคงกินไม่ลง” “ โถคุณกานต์ไหนๆ คุณน้าท่านอุตส่าห์เตรียมแล้วทานหน่อยเถอะนะคะ รินทร์หิวม๊ากมากก” ตรีรินทร์ส่งยิ้มอ่อนหวานส่งสายตาให้ชายหนุ่มทราบความหมาย “ อืม น่าทานทั้งนั้นเลย” “ งั้นคุณ ทานเถอะผมจะนั่งรอ” “ ถ้าการที่จะทานข้าวกับพ่อสักมื้อทำให้แกลำบากใจมากล่ะก็” “ ตกลงครับ ถ้าทำให้ท่านสบายใจผมทานก็ได้” ตรีรินทร์ยิ้มที่ในที่สุดชายหนุ่มก็ยอมนั่งรับประทานร่วมกันโดยดี กว่าจะผ่านการรับประทานอาหารที่แสนอึดอัดทำเอาตรีรินทร์หายใจไม่ทั่วท้อง “ ผมลาล่ะครับท่าน คุณนาย” ธมกานต์ยกมือไหว้พร้อมจับมือหญิงสาวเป็นการส่งสัญญาณให้เดินทางกลับ “ ดิฉันลานะคะท่าน คุณนายเอาไว้โอกาสหน้าคงได้มาเยี่ยมนานกว่านี้” ธมกานต์เดินจนจะถึงประตูก็ได้ยินเสียงท่านนายพลพูดว่า “กานต์พ่อจะไปงานแต่งของลูกนะ พ่ออาจทำพลาดในอดีตแต่งานสำคัญในชีวิตลูกคนเดียวพ่อจะไม่พลาด” “ ขอบคุณครับท่าน” ธมกานต์เดินต่ออย่างเร็วทำเอาตรีรินทร์แทบจะวิ่งตาม “ คุณกานต์ค่ะจะไปวิ่งควายที่ไหนคะเนี่ยรินทร์เหนื่อยนะเนี่ย” ตรีรินทร์เดินหอบ “ ผมขอโทษ ผมแค่อยากไปจากที่นี่เร็วๆ” “ ทำไมคุณเรียกพ่อคุณว่า “ท่าน” คะไม่เรียกว่าพ่อสักคำใจดำจัง คุณไม่เห็นหน้าพ่อคุณหรือไงท่านผิดหวังมากแค่ไหน” “ หุบปากถ้าไม่รู้อะไรอย่ามาถาม” ตรีรินทร์สะอึกที่โดนดุหญิงสาวทำหน้างอพร้อมกับหยุดเดิน “อีตาบ้าลมขึ้นลมลงนี่ฉันต้องมาแต่งงานกับเด็กเจ้าปัญหาชอบเรียกร้องความสนใจเหรอเนี่ย ฉันจะบ้าตาย” ธมกานต์มองหน้าหญิงสาวพร้อมกับตำหนิตนเองที่โกรธพ่อแล้วมาพาลลงกับหญิงสาวตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้าชายหนุ่มถอนหายใจพร้อมกับเดินกลับมาหาหญิงสาวพร้อมกับพูดว่า “ รินทร์ผมขอโทษ ผมอารมณ์ไม่ค่อยดีขอร้องเถอะนะรินทร์อย่าพูดถึงเรื่องผู้ชายคนนั้นอีก” “ ผู้ชายคนนั้นเค้าคือพ่อของคุณนะ อย่าใจดำนักเลยฉันชักกลัวที่ต้องแต่งงานกับคุณแล้วสิ” “ คุณไม่รู้เรื่องอะไรอย่ามาต่อว่าผมคุณไม่รู้หรอกว่าเค้าทำอะไรไว้กับผมและแม่บ้าง” “ โถคุณยังไงท่านก็เป็นผู้ให้กำเนิดนะคะ” ตรีรินทร์พูดเสียงอ่อย “ เปลี่ยนเรื่องคุยเถอะคุยกันต่อสงสัยต้องทะเลาะกันแน่ๆ” ธมกานต์พูดพร้อมหันหน้าไปทางอื่นแววตาเศร้าทำเอาตรีรินทร์พูดไม่ออก “ โอเคค่ะเปลี่ยนเรื่องคุยก็ได้” “ เรากลับบ้านกันได้แล้วใช่ไหมคะ” “ อืมผมจะพาคุณไปลองชุดที่ร้านคุณน้ำแล้วแวะทานอาหารกันก่อนแล้วค่อยไปส่งคุณ” “ เผด็จการตามเคย” ธมกานต์ยิ้มที่ถูกหญิงสาวต่อว่าก่อนจะคว้ามือหญิงสาวเดินไปที่ลานจอดรถที่นายคำแก้วจอดรออยู่นานแล้ว“ ถ้าคุณว่าง่ายผมก็ไม่ต้องเผด็จการลองดูสิแล้วคุณจะรู้ว่าเวลาผมน่ารักเป็นยังไงคุณจะต้องตกหลุมรักผมในไม่ช้า” “จะอ้วกแต่เสียดายอาหารเมื่อกี้มันอร่อยมากกก” ตรีรินทร์ทำท่าขยักขย่อนธมกานต์ส่ายหน้ากับท่าทางของหญิงสาวพร้อมกับอมยิ้ม “ ขอน้ำเปล่าสักแก้วนะคะ” ตรีรินทร์ยิ้มกับสจ๊วตหนุ่มที่บริการบนเครื่องธมกานต์หันมามองด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะพูดว่า “ ไม่ต้องยิ้มหวานขนาดนั้นไอ้หนุ่มนั่นมันก็พร้อมจะบริการคุณเพราะมันเป็นหน้าที่ของเค้าเพราะฉะนั้นไม่ต้องยิ้มยั่วยวนขนาดนั้น” “ นี่คุณจะไม่หาเรื่องสักชั่วโมงจะตายไหมเนี่ย” น้ำเสียงตรีรินทร์หงุดหงิดในความ วีนของชายหนุ่มผ่านไปสักครู่สจ๊วตหนุ่ม มาพร้อมแก้วน้ำ ตรีรินทร์ยื่นมือไปรับสจ๊วตหนุ่มสบตากับผู้โดยสารสาวก่อนที่จะมือสั่นจนน้ำในแก้วกระฉอกตรีรินทร์ตกใจพอๆกับที่สจ๊วตหนุ่มก็ตกใจไม่แพ้กัน “ขอโทษครับผมไม่ได้ตั้งใจสักครู่นะครับ “ “ไม่เป็นไรค่ะ” ตรีรินทร์รีบมองหา ทิชชู่ “ แหม พอสาวเจ้ายิ้มหวานทำเอามือไม้สั่น บริหารเสน่ห์พอหรือยังอีกไม่กี่วันก็จะหมั้นแล้วนะคุณเพลาๆมือหน่อย” ธมกานต์กัดฟันพร้อมกับกระซิบข้างๆหูทำเอาตรีรินทร์แทบจะร้องกรี๊ดที่โดนชายหนุ่มเหน
“ ได้ยินค่ะ” ตรีรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมกับถอนหายใจเหนื่อยกายมาตลอดวันแล้วกำลังจะเหนื่อยใจเพราะชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า “ ก็งานมันเร่งด่วนนี่คะลูกค้าอยากได้เร็วก็ต้องเร่งงานให้ทันกับความต้องการไม่ได้อยากได้รางวัลแต่มันเป็นหน้าที่” “ อะไรที่มันมากไปมันดูเว่อร์มากกว่าดูดีนะ” “ อย่าพึ่งเทศน์ตอนนี้ได้ไหมฉันเหนื่อยเพลียและหิวมากด้วยยังไม่ได้ทานอะไรเลย” ธมกานต์ถอนหายใจพร้อมกับหันหลังไปหยิบถุงพลาสติกมาส่งให้ “ ผมซื้อมาฝากคิดว่าคุณคงหิว” ตรีรินทร์เลิกคิ้วพร้อมกับประหลาดใจ “ อีตานี่ละเอียดจริงๆน่ารักซะ” ตรีรินทร์ยกมือไหว้พร้อมกับส่งสายตาอ่อนหวานส่งให้ชายหนุ่มได้รู้ว่าเธอรู้สึกดีกับสิ่งที่เค้าทำให้ ธมกานต์แก้เก้อด้วยการเอามือสอดเข้าไปในกางเกง “ จะไม่ขอบคุณผมสักคำหรือไงอุตส่าห์แวะมาหาซื้อก๋วยเตี๋ยวมาให้” ตรีรินทร์ยิ้มเมื่อเห็นชายหนุ่มร้องขอคำขอบคุณพร้อมกับทำหน้างอ ‘นี่ชีวิตเค้าคงไม่มีใครกล้าขัดใจเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลเป็นหลานคนเดียวชีวิตนี้อยากได้อะไรก็คงมีคนหามาประเคนให้คงไม่เคยมีใครขัดใจถึงได้ทั้งเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจขนาดนี้’ ตรีรินทร์คิดในใจ “ขอบคุณนะคะ” “ ผมส่งค
สวนจตุจักร “ นี่คุณจะมาทำอะไรที่นี่” “ ไม่รู้จักหรือคะสวนจตุจักรไง” “ รู้แต่เชื่อไหมไม่เคยมาหรอกเคยได้ยินแต่ชื่อ” “ งั้นวันนี้ก็จะได้มารู้มาเห็นในสิ่งที่คุณไม่เคยจะได้เห็นไง” “ แล้วคุณล่ะอยากมาซื้ออะไร” “ ฉันอยากได้ต้นไม้ให้แม่สักสองสามต้น” ธมกานต์เดินตามตรีรินทร์ที่เข้าร้านนั้นออกร้านนี้แล้วเริ่มร้อนและปวดหัวกับผู้คนที่เดินเบียดเสียดไปมา เพราะเป็นช่วงวันเสาร์ที่มีผู้คนมากมาย “ นี่รินทร์ตกลงคุณจะมาเที่ยวหรือจะมาแกล้งผม”น้ำเสียงธมกานต์เริ่มหงุดหงิดใบหน้าชายหนุ่มหงิกงอเหงื่อเริ่มไหลตามใบหน้าเนื่องด้วยอากาศร้อน “ พาคุณมาเที่ยวจริงๆค่ะแล้วก็อาสาแม่มาซื้อต้นไม้ด้วย ฉันว่าสนุกดีออก” “ แล้วที่คุณพาผมเดินไปเดินมาหลายซอยร้านต้นไม้นั่นนี่โน่นแล้วสรุปคุณก็กลับไปเอาต้นไม้ร้านแรกที่เราดูกันมาตกลงคุณแกล้งผมใช่ไหม” “ เปล่านะฉันก็แค่อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุด สรุปฉันผิดเหรอเนี่ยทีหลังถ้าไม่ชอบมาเดินแบบนี้ฉันจะได้ชวนคนอื่นมา” ตรีรินทร์กล่าวอมยิ้ม “ ผมเหนื่อยผมร้อนผมหิวมาก นี่จะบ่ายสองแล้วนะคุณ” เสียงบ่นของชายหนุ่มทำเอาหญิงสาวยิ้มขำ “ แหมก็บอกสิคะก็คนเดินช้อปปิ้งก็เพลิน ไม่บอกแล้วใครจะรู้
เสียงโทรศัพท์มือถือกรีดดังตรีรินทร์ไม่ได้สนใจกดรับสายเพราะสายตากำลังจ้องมองและยังจมอยู่กับภาพอดีตระหว่างเธอกับนายตำรวจหนุ่มตรีรินทร์กวาดตามองอัลบัมรูปที่มีอยู่เต็มเตียงนอนหญิงสาวมานั่งดูรูปเก่าๆร่วมสองชั่วโมงได้แล้วเป็นรูปแห่งความทรงจำตั้งแต่เล็กจนโตจนเรียนจบและจนมีงานทำเธอมีผู้ชายคนนี้อยู่ในทุกช่วงของชีวิตถึงแม้หลังๆ ตั้งแต่ชายหนุ่มเข้ารับราชการเป็นตำรวจเวลาที่เจอกันก็น้อยลงแต่ด้วยความเข้าใจในงานของอีกฝ่ายทำให้เธอและเค้าฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ร่วมกันมาได้ ยี่สิบกว่าปีมานี้มีทุกช่วงความทรงจำร่วมกันอย่างเปี่ยมล้นตรีรินทร์เก็บภาพอัลบัมลงกล่องกระดาษเสียงโทรศัพท์ยังดังอยู่เป็นระยะๆตรีรินทร์คว้าโทรศัพท์มากดรับด้วยท่าทางเนือยๆ “ รินทร์พูดค่ะ” “ นี่คุณผมกดโทรศัพท์มือแทบหงิกทำไมพึ่งจะรับไปทำอะไรมา”น้ำเสียงหงุดหงิดดังมาตามสายทำให้ตรีรินทร์ถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย “ มีอะไรคะ” “ ผมอยากชวนคุณไปดูของชำร่วย” “ วันนี้ไม่มีอารมณ์อยากอยู่บ้านและไม่อยากรับแขก” “ ผมไม่ใช่แขกผมเป็นคู่หมั้นและกำลังจะเป็นสามีคุณในอีกไม่กี่วันแล้ว นี่งานก็ใกล้เข้ามาแล้วเวดดิ้งแพลนนิ่ง เค้าจัดการให้ทุกอย่างแต่เราก็ต้อ
“ อืม แต่แกยังไม่เคยถามคุณกานต์ถึงเรื่องนี้ใช่ไหม” ตรีรินทร์สั่นศีรษะไปมาเป็นการปฏิเสธ “ เฮ้อแต่เรื่องมันมาไกลป่านนี้แล้วแกอย่าไปคิดมากเลยเดินหน้าเพื่อนแล้วค่อยไปเคลียร์กับยัยอ้อมทีหลัง ได้ข่าวว่าเค้าแต่งงานกับคนสิงค์โปร์ใช่ไหม” อรวิสาพูดให้กำลังใจ ตรีรินทร์ถอนหายใจเฮือก “ ฉันไม่สบายใจอยู่ดียิ่งใกล้วันแต่งงานมากขึ้นเท่าไหร่ฉันยิ่งใจคอไม่ค่อยจะดี อรแกมีอีเมล์ของอ้อมไหมฉันจะสบายใจมากถ้าได้เคลียร์กับอ้อมแล้วอย่างน้อยฉันก็อยากคุยกับเค้าไง” อรวิสาพยาบาลสาวมองเพื่อนอย่างเข้าใจ “ อืมเดี๋ยวไปค้นให้นะ ฉันจำได้ว่าเคยจดจากเพื่อนยัยอ้อมที่เจอเค้าที่สิงค์โปร์ได้เมื่อไหร่จะแมสเสจไปบอกแล้วกัน เอางี้กินดีกว่าแกอย่ามากลุ้มใจเลยในเมื่อพรหมลิขิตให้เดินก็เดินต่อไปแล้วกันเดี๋ยวฉันไปซื้อเย็นตาโฟ มาเลี้ยงแกกินซะจะได้หายกลุ้มจะได้สามี หล่อๆ รวยๆ โชคดีจะตายแก” อรวิสาหัวเราะร่วน “ โชคร้ายล่ะไม่ว่า ขี้วีนก็แค่นั้นเอาแต่ใจตัวเองโมโหร้ายทุกอย่างรวมเป็นออลอินวันเคยเห็นไหมอร ฉันยังกลุ้มถ้าต้องมาอยู่ด้วยกันยี่สิบสี่ชั่วโมงฉันคงอึดอัดใจตาย” อรวิสาหัวเราะ กริ๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์มือถือ ของหญิงสาวด
บ้านมนัสสุกานต์ เสียงรถมาจอดหน้าบ้านสักครู่ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้าบริเวณบ้านแม่แก้วที่มือกำลังร้อยมาลัยเงยหน้ามองแต่ต้องตกใจเมื่อเห็นลูกสาวถูกประคองมากับแฟนหนุ่ม แม่แก้ววางเข็มพวงมาลัยก่อนจะทำหน้าตาตกใจเมื่อเห็นสภาพของลูกสาว “ รินทร์ไปทำอะไรมาลูกทำไมแขนเป็นแบบนั้น” ธมกานต์ชิงพูดก่อนว่า “ รินทร์หกล้มที่บ้านผมครับผมขอโทษครับคุณแม่ที่ดูแลรินทร์ไม่ดี” แม่แก้วขมวดคิ้วก่อนจะเดินเข้ามาดู “ โห ตายล่ะแล้วนี่ก็ใกล้วันแต่ง นี่รินทร์ต้องเป็นเจ้าสาวแขนด้วนหรือนี่” “ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับแม่อีกห้าหกวันก็หายครับ” ธมกานต์รีบตอบแทนในขณะที่ตรีรินทร์อ้าปากแต่ก็พูดไม่ทันชายหนุ่มทำให้ตรีรินทร์แอบค้อนด้วยความหมั่นไส้ “ ตายล่ะพรุ่งนี้แม่มีนัดทำบุญเก้าวัดกับเพื่อนในหมู่บ้านแล้วจะทำไงเนี่ย” “ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงครับเดี๋ยวผมจะส่งเด็กที่บ้านมาดูแลแล้วกลางวัน ผมจะมาอยู่เป็นเพื่อนรินทร์ครับ” “ ไม่ต้องฉันไม่ต้องการทำไมคุณไม่บอกแม่ไปล่ะว่าที่ฉันเป็นแบบนี้เพราะคุณทำไมไม่พูด” ตรีรินทร์ตวาด “ จุ๊ๆ ยัยรินทร์ทำไมพูดกับพี่เค้าแบบนั้นไม่น่ารักเลย งั้นตามสบายนะจ๊ะหนุ่มสาวแม่ไปเตรียมตัวก่อน” แม่แก้วเ
สองวันผ่านไป ธมกานต์ได้เดินทางไปทำงานด่วนที่สิงค์โปร์ได้สองวันแล้วตลอดเวลาที่ชายหนุ่มไปสิงค์โปร์ได้ส่งคนขับรถที่บ้านมาคอยรับส่งคู่หมั้นสาวแรกๆตรีรินทร์ขัดขืนแต่ก็ต้องยอมในที่สุด ทุกๆสามชั่วโมงชายหนุ่มต้องโทรศัพท์มาคุยจนตรีรินทร์รู้สึกหงุดหงิดเหมือนต้องกลับไปเป็นนักเรียนประถมที่ต้องมีผู้ปกครองติดตามทุกย่างก้าวบางครั้งตรีรินทร์จึงแกล้ง ปิดเครื่องบ้าง เมื่อตนต้องใช้สมาธิในการทำงาน ตรีรินทร์รู้สึกตื่นเต้นที่ต้องไปงานเลี้ยงแสดงความยินดี สำหรับนายร้อยที่ได้ทำการติดยศใหม่หญิงสาวหมุนตัวไปมาที่หน้ากระจกเมื่อแต่งตัวเสร็จชุดนี้เป็นชุดสีครีมงาช้างที่ เปลือยไหล่ข้างซ้ายทำให้เห็นบ่าหญิงสาวที่สวยงามลำคองามระหง ตรีรินทร์รวบผมมวยเกล้าอย่างปราณีตแต่งหน้าเล็กน้อยและทาริมฝีปากสีชมพู ตรีรินทร์นัดให้โตมรมารับที่บ้านทุ่มครึ่ง แหวนช่วยตรีรินทร์แต่งตัวพร้อมกับกล่าวอย่างชื่นชมว่า “ คุณรินทร์สวยจังค่ะ” “ขอบคุณค่ะพี่แหวน” “ พี่แหวนเหงาไหมที่ต้องมาอยู่กับรินทร์ที่บ้านนี้บ้านรินทร์เล็กไม่เหมือนบ้านคุณกานต์” “ โถคุณรินทร์ไม่ต้องห่วงพี่แหวนนะคะก็อีกไม่กี่วันพี่แหวนก็จะได้กลับบ้านแล้วหลังคุณรินทร์แต่งงาน
“ เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันผมยังพูดกับคุณไม่จบ” ธมกานต์ผลักตรีรินทร์เข้าไปในห้องหญิงสาวเดินถอยหนีจนร่างไปกระทบกับโซฟาแววตาของตรีรินทร์บอกความรู้สึกหวาดกลัว ‘ อีตาบ้านี่จะทำอะไรเรานะ’ ตรีรินทร์คิดในใจ “ คุณทรยศความเชื่อใจของผมคุณทำลายความรู้สึกดีๆ ที่ผมมีต่อคุณต่อไปนี้ผมจะควบคุมคุณทุกฝีก้าวไม่เชื่อก็คอยดู” “ ไม่นะคุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้น” “ ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ผมเป็นผัวคุณหรือคุณจะปฏิเสธว่าไม่ใช่” ธมกานต์ตะคอกพร้อมกับบีบไหล่ด้วยความโกรธที่ปะทุในใจอย่างรุนแรง “ หยาบคายฉันเกลียดคุณ” “ ผมก็เกลียดตัวเองทำไมต้องไปแคร์คนอย่างคุณเป็นไปได้หางตาผมก็ไม่อยากแล” “ งั้นก็ยกเลิกงานแต่งงานซะฉันไม่ได้อยากแต่งงานกับคุณรู้ไว้ซะด้วย คนที่เอาแต่ใจไร้ซึ่งเหตุผลไม่รู้จักเห็นใจคนอื่นไม่เคยอยู่ในสายตาฉัน” “ ไม่มีทางผมเดินหน้ามาเกินร้อยแล้วผมย้อนกลับไปไม่ได้ เมื่อพูดกันดีๆไม่รู้เรื่องผมก็ต้องทำโทษคุณ” ธมกานต์กระชากเสื้อเสียงดังแคว๊กตรีรินทร์ร้องกรี๊ดพร้อมกับระดมทุบไปที่ไหล่ธมกานต์ก้มลงระดมจูบอย่างรักใคร่ปนเคียดแค้นเมื่อเหมือนถูกหักหลัง ตรีรินทร์พยายามช่วยเหลือตัวเองด้วยการจิกเล็บที่เรียวยาวไปที่ไหล
บ่ายวันเสาร์ตรีรินทร์ง่วนอยู่กับเตาอบอยู่หลายชั่วโมง หญิงสาวตะโกนออกมา“ คุณกานต์ขามานี่หน่อย รินทร์อยากได้คอมเม้นต์ค่ะ”ธมกานต์วางหนังสือพิมพ์พร้อมกับเดินเข้าบริเวณครัว“ มีอะไรให้สามีช่วยหรือครับ ภรรยาคนสวย”“ ช่วยชิมหน่อยสิคะ รสไหนอร่อย รสกาแฟ รสช้อคโกแล็ตชิบ หรือรสเนย”“ รินทร์ ตั้งแต่คุณทำผมชิมมาหลายสิบอันแล้วนะเนี่ย จนผมชักมึนกับรสคุกกี้ของคุณแล้วแต่ถ้าคุณจะหาคนชิมนะ โน่นไอ้กรณ์ ขานั้นนะชอบขนมทุกชนิด มันบ้าขนม เชื่อไหม เคยไปกินบุฟเฟ่เค้กมันกินได้สิบสองอัน พวกผมสามก้อนก็จะอ้วกแล้ว”“ แหม คุณเนี่ยไม่ร่วมมือเลย”“ อย่าพึ่งงอนสิจ๊ะคนสวย ผมลองทานอีกสามชิ้นก็ได้”ธมกานต์มองภรรยาสาวที่ขะมักเขม้นเรียงคุกกี้ลงขวดแก้วอย่างทะนุถนอม“เก็บเอาไว้ทานคราวหน้า ใส่ขวดไว้ให้น่ารับประทาน”ตรีรินทร์อธิบายพร้อมกับเรียงขนมลงขวดด้วยความระมัดระวังเช้าวันอาทิตย์ตรีรินทร์ก้มลงหอมแก้มสามีหนุ่ม พร้อมกับกระซิบว่า “ รินทร์ออกไปข้างนอกแป๊บหนึ่งนะคะ บ่ายนี้คุณไปตีกอล์ฟกับพวกพี่หมอใช่ไหม ถ้ารินทร์มาไม่ทัน เจอกันเย็นนี้นะคะ”ธมกานต์งัวเงียพร้อมกับหรี่ตามองนาฬิกาแปดโมงเช้าปกติวันอาทิตย์จะเป็นวันเดียวที่เขาแ
อลงกรณ์นั่งดูกีฬาในห้องนั่งเล่นได้ยินเสียงรถจอดบริเวณหน้าบ้านสักพักร่างคุณหญิงแพรวก็นวยนาดเข้ามาพร้อมสายตาเข้มที่พร้อมจะอาละวาด“ ใช้ไม่ได้เลยแก เสียมารยาทกับลูกเพื่อนแม่มากเลยนะกรณ์แม่ผิดหวังในตัวลูกมาก ปากคอเราะร้ายเฮ๊อ แม่กลุ้มใจในตัวลูกมาก กรณ์เมื่อไหร่จะเมียเป็นตัวเป็นตนสักทีแม่มีแกคนเดียวที่เป็นความหวังแม่อยากมีหลาน แล้วนี่แกก็ทำลายความหวังแม่ครั้งแล้วครั้งเล่า”คุณหญิงแพรวพูดเสียงเครือน้ำตาไหล“ แม่ก็รู้ว่าผมยังอยากมีอิสระ อยากทำงาน สร้างอนาคตด้วยตัวเองอย่ายุ่งเรื่องส่วนตัวของผมได้ไหมแม่หรือแม่อยากให้เหมือนคราวก่อน” อลงกรณ์พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเมื่อเห็นน้ำตาของผู้เป็นแม่ทำเอาอลงกรณ์ใจอ่อนยวบอลงกรณ์ถอนใจก่อนจะเข้ามากอดคุณหญิงพร้อมกับพูดว่า“ โอเคครับแม่ ผมจะลองพยายามทำตามที่แม่บอกอีกครั้ง” อลงกรณ์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนใจคุณหญิงแพรวยิ้มถูกใจพร้อมกับกอดลูกชาย ลูบหลังไปมาอย่างเอาใจหอพักเด่นชัยอลงกรณ์เคาะประตูห้อง อาร์มเดินมาเปิดประตูห้องอย่างงัวเงีย“ อ้าวคุณ มีอะไรหรือเปล่า มาซะดึกเชียว”“ ขอโทษที่มารบกวนคุณ แต่คืนนี้ผมอยากมีคุณอยู่ใกล้ๆ” อลงกรณ์กอดอาร์มแน่นเลขาหนุ่มขมวดคิ
“ แม่ตี พ่อทำไมครับ”“ ก็พ่อดื้อ แล้วแกล้งแม่ กริชต้องช่วยแม่นะจ๊ะ”เด็กชายกริชชัยเข้ามากอดผู้เป็นแม่ ท่ามกลางสายตาหมั่นไส้ของธมกานต์ที่ลูกชายผันตัวไปอยู่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว“อ้าว ไหนเมื่อกี้บอกจะช่วยพ่อไง”กริชชัยกอดพร้อมซบที่หน้าอกแม่ “ กริชรอพ่อกับแม่ไปรับตั้งนาน นี่จะเที่ยงแล้วนะครับพ่อกับแม่ยังไม่ตื่นอีก”ตรีรินทร์ใบหน้าร้อน พร้อมกับแก้ตัวเบาๆ “ แม่ขอโทษจ๊ะ งั้นขอแม่อาบน้ำแล้วเดี๋ยวเราไปเชียงใหม่กันบ่ายนี้ดีไหม กริชจะได้ไปเยี่ยมน้ำหวานเพื่อนลูกด้วยไง”เด็กชายกระโดดรอบเตียงด้วยความดีใจ ท่ามกลางสายตาของพ่อและแม่ที่บ่งบอกว่า รักลูกเต็มเปี่ยมภูเก็ตร่างชายหนุ่มสองคนที่ก่ายเกยกันอย่างแนบแน่น อาร์มขยับตัวเบาๆแต่ก็ต้องถูกดึงให้เข้ามาในอ้อมกอด“ เช้าแล้วเราตื่นเถอะ เดี๋ยวไปทำงานไม่ทันนะคะ”“ อืม ขอต่ออีกหน่อยนะยังไม่อยากไปเลย ผมอยากนอนกอดกับคุณอีกสักพัก เราไปตอนบ่ายๆ ก็ได้มีเวลาอีกวันหนึ่ง ค่ำๆวันอาทิตย์ค่อยกลับคุณไม่ได้รีบไปไหนนี่” อลงกรณ์จูบเบาๆที่ไหล่ของเลขาหนุ่มก่อนกระซิบเบาๆ“ ผมเคยนึกว่าทำไมผมถึงนอนกับน้องปรางไม่ได้ มาวันนี้ผมรู้จักตัวเองอย่างเต็มร้อยเมื่อก่อนผมคิดว่าผมสามาร
“ อาร์มก็เช่นกัน ขอบคุณนะครับ ที่ไม่รังเกียจคนอย่างอาร์ม แล้วยังให้ความรู้สึกดีๆ อีกอาร์มรู้สึกซาบซึ้งมาก”“ ผมคิดว่าผมรักคุณแล้วล่ะ อาร์ม ทำยังไงดี” อลงกรณ์พูดเสียงอ้อแอ้“ อาร์มก็รักคุณ”อลงกรณ์ยกมือเลขาหนุ่มพร้อมกับจูบที่ใจกลางอุ้งมือ ทำให้อาร์มขนลุกไปทั่วร่างกายเลขาหนุ่มประคองชายหนุ่มเข้าห้อง เมื่ออีกฝ่ายเริ่มเดินไม่ค่อยมั่นคง“ เมาหรือเปล่า คุณ”“ เมารักคุณไง อาร์ม”“ บ้า คุณเนี่ย พูดอะไร เมาแล้วไปนอน เถอะ อาร์มไปส่งคุณที่ห้อง”อลงกรณ์ยิ้มเจ้าเล่ห์ จริงๆ ไวน์แค่สามสี่แก้วทำอะไรตนไม่ได้ แต่ก็แกล้งทำเป็นเมาอาร์มวางร่างหนักอึ้งลงบนที่นอน แต่ก็ถูกดึงจนล้มไปด้วยกัน ก่อนที่อลงกรณ์จะพลิกตัวพร้อมกับจ้องมองใบหน้าเลขาหนุ่ม ที่ตอนนี้อยู่ในอาการตื่นตะลึง“ คืนนี้นอนกับผมห้องนี้นะ ผมอยากนอนกับคุณ” อลงกรณ์ปิดปากตัวเอง ลงที่ริมฝีปากบางก่อนที่มือก็เริ่มปลดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว อาร์มยอมให้ถอดเสื้อผ้าแต่โดยดีพร้อมกับช่วยปลดเสื้อผ้าของอีกฝ่าย ก่อนที่ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองของธรรมชาติอาร์มพึ่งเคยมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ความรู้สึกมันอ่อนหวานและซาบซ่าส์ จนตัวเองแทบจะนอนไม่หลับร่างของชาย
“ งั้นเดี๋ยวผมโทรเคลียร์กับเจ้ากรณ์ดีกว่า”“ ไม่ต้องค่ะ รินทร์อยากให้คุณกรณ์แปลกใจ”“ เชื่อรินทร์สิคะว่างานไม่เสีย แล้วคุณกรณ์ก็จะไม่โกรธคุณแน่นอน”ธมกานต์ถอนใจยาว พูดจริงๆ ตัวเองก็ชักไม่อยากไป เพราะร่างนุ่มนุ่มของภรรยาที่วันนี้มาโหมดหวานเซ็กซี่ ซ่าส์ สงสัยวันนี้ธมกานต์จะเดินตามเกมภรรยาคงจะมีความสุขไม่น้อย“ รินทร์ถูหลังให้นะคะ”“ จ๊ะ ที่รัก”“ แหม พอถูหลังให้หน่อยหวานเชียว ถามจริงๆ หวานแบบนี้มากี่คนแล้ว”ตรีรินทร์ถามพร้อมกับกลั้นใจฟังคำตอบ“ หวานกับรินทร์แค่คนเดียว เชื่อไหมไม่เคยหวานแบบนี้กับใครสักคน”ตรีรินทร์ใจเต้นแรงฟังแล้วเต็มตื้นหัวใจก่อนที่หญิงสาวจะผลักให้ชายหนุ่มนั่งแล้วตนเองย้ายไปนั่งข้างหลัง หญิงสาวชโลมสบู่พร้อมกับถูหลังไปมาอย่างตั้งใจและเต็มใจ“ ผมรู้สึกเหมือนเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดนะเนี่ยที่มีภรรยามาช่วยถูหลังให้”“ จริงเหรอค่ะ เอ แบบนี้จะมีของรางวัลหรือเปล่า”“ อยากได้อะไรล่ะ ผมให้คุณได้ทุกอย่างเว้นดาวและเดือน”“ ยังนึกไม่ออก ไว้นึกออกจะบอกนะคะ แต่คุณกานต์สัญญาแล้วว่าจะไม่เบี้ยว”“ ไม่เบี้ยวจ๊ะ”ตาจ้องตา ธมกานต์หันมาจูบปากพร้อมกับหมุนตัวเองในอ่างจนน้ำกระเพื่อม“ ทนไม่ไ
“ อ๋อ ตอนนี้ผมจะไปหาคุณต้องมีธุระด้วยหรือไง” น้ำเสียงเริ่มขุ่น“ คุณเนี่ย ชอบตีความหมายอะไรผิดๆเมื่อวันก่อนผมถามให้คุณกลับบ้านเพราะกลัวว่าจะดึกแล้วเดินทางลำบาก คุณแม่คุณจะเป็นห่วงคุณก็ตีความหมายว่าผมขับไล่ ซึ่งมันไม่จริงเลย ผมไม่ได้รังเกียจคุณสักนิด วันนี้ผมก็ถามตามปกติธรรมดาคุณก็ตีความหมายไปอีกอย่าง ผมชักมึนกับคุณแล้วนะเนี่ย” เลขาหนุ่มอธิบายยาวอลงกรณ์นิ่งฟังแล้วยิ้มยวน ๆ “ ผมมันเป็นแบบนี้แหละ ทนๆ หน่อยแล้วกัน ยังต้องรบกันอีกยาว”เลขาหนุ่มค้อนชายหนุ่มเบาๆ ก่อนอมยิ้ม“ คุณทำอาหารและขนมอร่อยมาก เรียนมาหรือไง”“ บ้านผมมีแต่ผู้ชายหมด ผมเป็นลูกชายคนเล็ก ก็เลยต้องช่วยแม่เข้าครัวตั้งแต่เด็ก มันเป็นความเคยชินส่วนขนมก็หัดทำตอนเรียนมหาวิทยาลัย ทำขายหารายได้พิเศษเป็นค่ารถเมล์ไงคุณ ก็ผมมันคนจน”เลขาหนุ่มเล่ายาว“ นี่ขอร้องล่ะ ถ้าจะคบกันต่อไปไอ้รวยจนเนี่ยเลิกพูดได้ไหม รำคาญ” อลงกรณ์เริ่มหงุดหงิดอีกครั้ง“ พูดความจริงเล่าความจริงก็โกรธพิลึกคน” เลขาหนุ่มยักไหล่ก่อนจะยิ้มหวานเหมือนกวนๆ ในทีทำเอาอลงกรณ์ตะลึงในความน่ารักขี้เล่นของอีกฝ่าย รถติดไฟแดงตาจ้องตาในระยะใกล้กันแค่ไม่กี่คืบอลงกรณ์มองริมฝี
สองทุ่มเศษๆอาหารถูกลำเลียงมาพร้อมสมาชิกทุกคนนั่งพร้อมกันที่โต๊ะ อลงกรณ์เดินเข้ามาอย่างกระหืดกระหอบ“ ขอโทษทีเพื่อน รถติดเป็นบ้าเลย”อลงกรณ์กล่าวขอโทษพร้อมกับตะลึงเมื่อเผชิญหน้ากับเลขาหนุ่มรุ่นน้องที่อยู่ในความคิดคำนึงตลอดสองวันที่ผ่านมา“นั่งสิคะคุณกรณ์ นั่งข้างๆ พี่อาร์มนั่นแหละค่ะ”“ นั่งสิไอ้กรณ์ยืนบื้ออยู่ได้” เสียงอัครเดชตะโกนมาทางหัวโต๊ะอลงกรณ์นึกไม่ถึงคนที่ตนตามหาหลายชั่วโมงที่ผ่านมากลับมานั่งอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มนั่งลงข้าง ๆระหว่างเลขาหนุ่มกับนายแพทย์เอกชัย หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นเลขาหนุ่มไม่กล้าหันไปมองด้วยความกลัวและเก้อเขินตรีรินทร์แอบสังเกตทั้งชายหนุ่มและเลขาหน้าหวานที่ต่างคนต่างเก้อเขินซึ่งกันและกันหญิงสาวอมยิ้มก่อนจะทักทายเพื่อนสามี“ คุณกรณ์หิวไหมคะ มาได้เวลาพอดี งั้นเราเริ่มลงมือกันเถอะค่ะ”“ พี่อาร์มตักยำทะเลให้คุณกรณ์สิคะ” ตรีรินทร์กล่าวนำเลขาหนุ่มตักยำทะเลแต่ไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ตัวอลงกรณ์รู้สึกหมั่นไส้เลขาหนุ่มรุ่นน้องที่ทำท่าทางเหมือนกลัวจะสบตา แม้แต่หน้าก็ยังไม่มองกัน“ แกไปทำไรแถวโรงแรมเจ้ากานต์ว่ะ ปล่อยให้พวกข้ารอตั้งนาน” อัครเดชเอ่ยถาม
ตอนเย็น“นี่เราจะไปไหนกันครับ คุณกรณ์” อิทธิพลหรืออาร์ม เอ่ยถามเมื่อรถขับเลยหอพักไปอีกช่วงตึก“ เงียบๆเถอะ ถึงแล้วผมจะบอกเอง” อลงกรณ์หันมาตอบเลขารุ่นน้องอลงกรณ์เดินนำเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตในห้างดัง ไม่ไกลจากหอพักของหนุ่มรุ่นน้องชายหนุ่มเดินไปหยิบของลงตระกร้า ท่ามกลางความงุนงงของเลขาหนุ่ม“ นี่คุณ จะซื้อของไปไหนเนี่ย เยอะแยะไปหมด”“ ซื้อไปไว้ที่หอคุณ”“ หา “ เสียงลากยาว“ ก็หอคุณ ไม่มีอะไรสักอย่าง กาแฟก็ไม่มี วิสกี้เบียร์ไม่มีสักอย่างแล้วผมก็เบื่ออาหารที่มีแต่ผักกับวิญญาณหมู วันนี้ผมทำงานหนักมาก ผมอยากทานอาหารดี ๆ สักหน่อยคุณช่วยทำอาหารให้หน่อย ผมเป็นคนจ่ายคุณเป็นคนทำ โอเคนะ”อาร์มยืนงงอยู่กับที่“ เร็วๆ สิคุณ เดี๋ยวก็เจอรถติดตอนกลับอีกหรอก มาช่วยผมเลือกเนื้อหน่อยวันนี้ผมอยากทานเนื้อทอดกระเทียมพริกไทย”หลังจากอาหารค่ำผ่านไปอย่างชื่นมื่น อลงกรณ์ก็มานอนที่เก้าอี้ยาว ก่อนจะเผลอหลับไปอาร์มมานั่งพัดยุงที่คอยมาตอมตามแขนขาของชายหนุ่ม อลงกรณ์ลืมตาขึ้น ตาประสานตาก่อนที่อาร์มจะลุกขึ้นปัดกางเกงขาสั้น“ ดึกแล้วผมว่าคุณควรกลับบ้านได้แล้ว กลับตอนนี้รถก็ไม่ติดแล้ว”อาร์มเฉไฉพูดกับอลงกรณ์“ ไล
อาร์มตกใจ พร้อมกับระล่ำระลักว่า “ ผมครับผมเป็นคนจัด ผมเห็นมันรกมากจนไม่รู้จะวางเอกสารการประชุมไว้ตรงไหน พอวางมันก็ลื่นล้ม ผมเลยจัดให้มันเป็นระเบียบ”“ อ้อ คุณจะว่าผมมันไม่มีระเบียบว่างั้นเถอะ แต่ขอบคุณทีหลังไม่ต้องห้ามคุณมายุ่งวุ่นวายกับโต๊ะทำงานของผมอีก ไม่ว่ากรณีใดๆ ผมหาเอกสารของผมไม่เจอผมทำงานผมรู้ว่าวางเอกสารแบบไหนไว้ที่ตรงไหน ฉะนั้นขอความกรุณาอย่ามายุ่ง” อลงกรณ์ส่งเสียงดังอาร์มหลับตามือสั่นใจสั่นด้วยความกลัว ผู้ชายตรงหน้าเวลาเขาโกรธเค้าเหมือนคนละคนกับที่ตนรู้จักเมื่อวาน“ ครับ ต่อไปผมจะไม่ยุ่งอีก ขอโทษอีกครั้ง”“ คุณออกไปได้” อลงกรณ์เห็นชายหนุ่มรุ่นน้องหน้าเสียก็นึกสงสารโบกมือให้ออกห้องไปเพราะอารมณ์ยังคุกรุ่นอาร์ม หรือ อิทธิพลมานั่งร้องไห้ ทำงานที่นี่มาแปดปียังไม่เคยโดนดุเสียงดังขนาดนี้มาก่อนชายหนุ่มเจ็บใจน้อยใจ อุตส่าห์จัดโต๊ะทำงานให้เรียบร้อยไม่ได้ดี แล้วยังโดนด่าอีก คอยดูต่อไปนี้จะทำเท่าที่สั่งเท่านั้น อาร์มคิดในใจอย่างว้าวุ่นอาร์มเช็ดน้ำตาพร้อมกับตั้งใจทำงานต่ออย่างมีทิฐิ อลงกรณ์เมื่อหาเอกสารพบก็ถอนหายใจเฮือก“ นี่เราพูดรุนแรงไปหรือเปล่าหว่า ป่านนี้ไม่นั่งร้องไห้ขี้