“ในฐานะที่เราเป็นครอบครัวเดียวกันนี้อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากที่ผมจะมาแจ้งให้ทุกคนทราบคือข่าวดีของผม” เสียงฮือฮาดังทั่วห้องนภาลัยแสงแฟลชดังติดๆกันนับสิบครั้งนักข่าวกรูเข้าไปหน้าเวที
ในขณะนั้นหญิงสาวทั้งสี่นั่งทานก๋วยเตี๋ยวกันอย่างสนุกสนาน “ข่าวดีที่ว่านี้คือผมกำลังจะสละโสดผมกำลังจะแต่งงานเร็วๆนี้จึงอยากเรียนมาให้ทุกคนทราบและร่วมยินดีไปกับผม” แสงแฟลช ดังเป็นระยะๆ “ ขอบคุณครับขอให้ทุกท่านร่วมรับประทานอาหารก่อนตามอัธยาศัย” เมื่อธมกานต์ก้าวลงมาจากเวที นักข่าวที่แม้จะเป็นฝั่งเศรษฐกิจรีบกรูเข้าไปล้อมตัวนักธุรกิจหนุ่มฮอทในวงการไว้ “คุณกานต์ขาขอสัมภาษณ์หน่อยค่ะ” “ อ๋อครับ” “ กล้องพร้อมหรือยัง” เสียงตะโกนของนักข่าวดัง ธมกานต์ยิ้มเมื่อแผนทุกอย่างเดินไปตามเกมที่วางไว้ “ ตกลงคุณกานต์สละโสด นี่จริงๆ ใช่ไหมครับ” “ ก็ตามที่บอกนะครับ” “ กับจีจี้นางแบบแม็กซิมหรือครับ ที่เคยเป็นข่าวกัน” “ อ๋อ ไม่ใช่หรอกครับ จี้นี่เป็นเพื่อนตั้งแต่เมืองนอก คู่หมั้นผมนี่เป็นคนนอกวงการเธอทำงานด้านมัณฑนากรครับชื่อตรีรินทร์ มนัสสุกานต์ ครับเราเจอกันตอนเค้ามาตกแต่งบ้านผม แล้วแม่เค้ากับแม่ผมเป็นเพื่อนกันมาสี่สิบกว่าปีได้แล้ว” เสียงฮือฮาในวงนักข่าวดังระงม “ แล้วแต่งเมื่อไหร่ค่ะแล้วเมื่อไหร่คุณกานต์จะเอาว่าที่เจ้าสาวมาอวด” “ ผมว่าเอาพร้อมกันวันงานดีกว่านะครับว่าที่เจ้าสาวเค้าคงไม่สะดวกเพราะเค้าอยู่นอกวงการ” “ เมื่อไหร่ค่ะงานแต่ง” “ ผมอยากได้เร็วๆนี้แต่ต้องแล้วแต่ฤกษ์ที่พระอาจารย์ให้มาแต่คงภายในเดือนนี้เดี๋ยวผมให้เลขาแจ้งให้ทราบนะครับ ผมขอตัวก่อนมีผู้ใหญ่รออยู่ที่โต๊ะขอบคุณมากนะครับทุกคนทานอาหารตามสบาย” ธมกานต์เดินจากไปท่ามกลางสายตาชื่นชมของนักข่าวสาว “ อกหักแล้วว่ะหนุ่มเพอร์เฟ็คในวงการสละโสดอีกคนแล้วใครนะโชคดีจังได้หนุ่มที่ทั้งเก่ง ทั้งหล่อและรวยของฉันไป” นักข่าวสาวครวญ ธมกานต์เดินอมยิ้มพร้อมกับไปนั่งที่โต๊ะ ระหว่างรับประทานก๋วยเตี๋ยวกันอย่างเอร็ดอร่อยตามด้วยสเต๊ะและของหวานตรีรินทร์สายตาเหลือบไปดูข่าวพร้อมๆกับอรวิสาและ เพื่อนอีกสองคน “ เฮ๊ยนั่นคุณากานต์เพื่อนพี่หมอ นี่ฉันรู้จักเคยเห็นไปหาพี่หมอที่บ้าน”อรวิสาเอ่ยเสียงตื่นเต้น “ ป้าจ๋า เปิดดังๆ หน่อยค่ะ”น้ำหวานเอ่ยขอร้องเจ้าของร้าน ตรีรินทร์เบิกตากว้างเมื่อเห็นชายหนุ่มพร้อมกับนึกทึ่งกับถ้อยคำของชายหนุ่มในการกล่าวปราศัย “ คนแบบนี้เอาการเอางานก็เป็นนึกว่าอาละวาดคนไปทั่ว” แล้วก็ต้องตกใจจนลืมหายใจ ช้อนซุปที่ตักเข้าปากร่วงลงในชามเมื่อได้ยินบทสัมภาษณ์ที่มีชื่อตนเป็นเจ้าสาว “ ไอ้รินทร์แกจะแต่งงานทำไมไม่บอกพวกเราว่ะงอนแล้วนะเว้ย” น้ำหวานโวยวาย ตรีรินทร์หน้าซีดทั้งตกใจและแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเมื่อถูกเหมือนมัดมือชก “ ฉันก็พึ่งรู้พร้อมแกนี่แหละ” “ รินทร์แล้วแกจะทำไงเนี่ย” “ฉันคงไม่มีอารมณ์เที่ยวแล้วล่ะจะกลับไปจัดการเรื่องที่กรุงเทพฯพวกแกเที่ยวต่อเถอะนะไปล่ะ” อรวิสารีบตะโกนบอก “ มาด้วยกัน ก็กลับด้วยกันสิเดี๋ยวฉันขับรถไปส่งแกจะไปไหน” ตรีรินทร์หน้าเคร่งเครียดก่อนจะตอบเพื่อนว่า “ ไปจัดการคนบ้าอำนาจจอมบงการคนเอาแต่ใจอยากฆ่าคนนัก” “ ใจเย็นๆ เพื่อนเดี๋ยวเราไปส่ง” สี่สาวเรียกพนักงานเก็บเงินมุ่งหน้าไปที่โฮมสเตย์เก็บข้าวของมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ตรีรินทร์นั่งเงียบตลอดทางอรวิสา หันมามองเพื่อนเป็นระยะๆตรีรินทร์หยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดเครื่องหลังจากปิดเครื่องเอาไว้ “ แม่โทรมา” ตรีรินทร์รำพึงอย่างไม่ค่อยสบายใจเพราะถ้าแม่โทรมาถี่ยิบแสดงว่ามีธุระสำคัญ หญิงสาวกดโทรศัพท์กลับบ้านใจเต้นแรงด้วยความไม่สบายใจ “ แม่คะ รินทร์ค่ะ” “ อยู่ที่ไหนรีบกลับบ้านมาด่วนตอนนี้แม่กำลังปวดหัวกับเรื่องของเรามากวันนี้แม่รับโทรศัพท์ทั้งวันทั้งญาติ ทั้งเพื่อนบ้านแม่จะบ้าตายแล้ว” “ แม่ขา รินทร์ รินทร์ ไม่รู้เรื่องที่คุณกานต์เค้าทำจริงๆ” “ คุณกานต์เค้าให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอแล้วนะยัยหนู คุณป้าเค้าบอกแม่ว่าหนูรับปากแล้วแล้วทำไมหนูไม่บอกแม่นี่ให้แม่ไปรู้จากคนอื่นแม่ล่ะผิดหวังในตัวเราจริงๆไหนรินทร์บอกแม่ว่ารินทร์จะไม่ปิดบังอะไรแม่ไง นี่แม่ต้องไปรู้จากปากพี่เค้าก่อนที่จะรู้จากรินทร์”น้ำเสียงผู้เป็นแม่แสดงความผิดหวังจนทำให้ตรีรินทร์รู้สึกตื้อที่คอ น้ำตาพาลจะไหล “แม่คะ รินทร์ รินทร์”น้ำเสียงสั่นเครือน้ำตาไหลพราก “ เอาล่ะ ไม่ต้องร้องมาคุยกันที่บ้านเราต้องคุยกันยาวคืนนี้ อ้อพี่เค้าบอกว่าจะขอหมั้นเราที่บ้านเค้าวันมะรืนนี้ส่วนฤกษ์แต่งปลายเดือนอะไรมันจะรีบร้อนจนแม่ปวดหัวไปหมดจะเตรียมงานทันไหม รินทร์นะรินทร์ ลูกหนอลูกอุตส่าห์ไว้ใจให้ดูแลตัวเองรินทร์ทำให้แม่ผิดหวังมาก” “แม่ รินทร์ขอโทษค่ะ” สะอื้อ ดังจนอรวิสาตกใจและเพื่อนอีกสองสาวตกใจ “ รีบกลับบ้านมาคุยกันไม่ต้องเที่ยวแล้ว มีเรื่องยุ่งขนาดนี้” “ รินทร์กำลังเดินทางกลับค่ะแม่ แต่รินทร์ต้องไปคุยกับคุณกานต์ก่อน แม่คะรินทร์มีเรื่องต้องคุยกับเค้าคืนนี้สำคัญมากค่ะแม่ให้รินทร์ไปนะคะ รินทร์สัญญาจะกลับบ้านไม่ดึกค่ะ” น้ำเสียงตรีรินทร์ออดอ้อน “ ตกลง ถ้ามีเรื่องสำคัญจะคุยกัน รินทร์รู้ไว้ว่าแม่รออยู่เข้าใจไหม” น้ำเสียงผู้เป็นแม่จริงจัง “ค่ะแม่” ตรีรินทร์วางโทรศัพท์ อรวิสาน้ำหวานและกุสุมาต่างก็รอให้เพื่อนสาวเริ่มพูดก่อนอย่างอึดอัดใจเมื่อทราบว่าสถานการณ์ทางบ้านท่าจะยุ่งยากพอสมควรเพราะเห็นเพื่อนสาวถึงกับร้องไห้ “รินทร์แกโอเคหรือเปล่า” อรวิสาตัดสินใจถามเมื่อเห็นเพื่อนยังเงียบ “ ถ้ายังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไรถ้าพร้อมเมื่อไหร่แกรู้นะว่าพวกฉันอยู่ตรงนี้ยังเป็นไหล่ให้แกซบ เมื่อแกต้องการ” อรวิสากล่าวต่อเพื่อนอีกสามคนพยักหน้า อย่างเห็นพ้องต้องกัน “ขอเวลาหน่อยแล้วกันตอนนี้มึนตื้อไปหมด” เมื่อรถจอดบริเวณบ้านพิพัฒนพงค์ยามเปิดประตูเมื่อเห็นเป็นหญิงสาวรถแล่นเข้าจอดบริเวณหน้าบ้าน “ บ้านหรือคฤหาสถ์วะเนี่ยน้ำหวานพูดพร้อมกับกวาดสายตาไปทั่ว “ ให้เรารอไหมเราไม่รีบไปไหนนะ” อรวิสาถามอย่างห่วงใย “ ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวพี่เข้มคงไปส่ง พวกแกเหนื่อยกลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้จะโทรหา” ตรีรินทร์ก้าวขึ้นบ้านพิพัฒนพงค์ในใจเต้นแรงความโกรธที่อัดแน่นในอกบวกกับความตื่นเต้นมันผสมกันจนตรีรินทร์แยกความรู้สึกไม่ออก “ สวัสดีค่ะพี่เข้ม พี่แหวน” ตรีรินทร์ยกมือไหว้ “ คุณรินทร์อย่าไหว้ผมอีกเลยเดี๋ยวผมจะโดนนายเตะ” นายเข้มโบกมือโวยวาย “ ไม่เป็นไร ให้เค้ามาจัดการกับฉัน” “ คุณรินทร์ อย่าไหว้แหวนเลย แหวนแค่คนใช้” “ ไม่ได้หรอกค่ะ แม่รินทร์สอนให้ไหว้คนที่อายุมากกว่า อย่าห้ามรินทร์เลย” แหวนมองหญิงสาวอย่างชื่นชมและ มองชื่นชมไปถึงบุพการีของหญิงสาว “รินทร์มาหา คุณกานต์อยู่ไหมคะ” “ อยู่ค่ะเดี๋ยว แหวนไปเรียนให้นะคะ” “ เชิญคุณรินทร์ห้องรับแขกเลยครับ” “ ขอบคุณค่ะ” “ หนูรินทร์มายังไงจ๊ะนี่” คุณหญิงมณีจันทร์ในชุดขาวกำลังเดินมาพร้อมนมอิ่มเอ่ยทักด้วยความดีใจ “ สวัสดีค่ะคุณป้า สวัสดีค่ะนมอิ่ม” คุณหญิงมณีจันทร์รับไหว้พร้อมเข้ามากอด “ เลิกเรียกป้า ต้องเรียกแม่ได้แล้ว” “ เออ รินทร์ รินทร์”ตรีรินทร์ติดอ่าง “ ไหนแก้วเค้าบอกว่าหนูรินทร์ไปอัมะวา กลับวันอาทิตย์นี่ลูก” “ รินทร์เห็นข่าวเลยรีบกลับอยากมาคุยกับคุณกานต์ ค่ะ” คุณหญิงมณีจันทร์ยิ้มอย่างเข้าใจสถานการณ์นึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ลูกชายตัวดีมาขอให้ไปพูดกับเพื่อนรักแล้วนึกขำ “ เอ เห็นนมอิ่มบอกว่านอนแต่หัวค่ำเห็นบ่นว่าปวดหัว” “ งั้นรินทร์ค่อยมาใหม่วันพรุ่งนี้ ดีกว่าค่ะ” “ อย่าเลยไหน ๆก็มาแล้วกานต์เค้าคงดีใจที่หนูรินทร์มาเห็นบ่นคิดถึงอยู่ทุกวัน” ตรีรินทร์แก้มแดงด้วยความเขินอาย “ อ้าว ว่าไงแหวนคุณกานต์ล่ะ” “ คุณกานต์บอกให้คุณรินทร์ขึ้นไปพบข้างบนบอกว่าไม่อยากลงมามึนๆค่ะ” “ คุณกานต์ทำอะไรอยู่” “ เห็นนอนดูทีวี ค่ะ” “ งั้นแหวนพาคุณรินทร์ขึ้นไป” “ ขึ้นไปเถอะลูก พี่เค้าคงมึนวันนี้ที่งานดื่มไปหลายแก้วไม่ต้องเกรงใจ เราจะเป็นครอบครัวเดียวกันอีกไม่นานนี้แล้ว” ตรีรินทร์ยกมือไหว้แล้วเดินตามแหวนขึ้นไปที่ห้องนอนชายหนุ่ม ในใจเดือดจนจะระเบิดออกมาอีกไม่กี่นาทีนี้ ก๊อกๆ เสียงเคาะประตู ทำให้ธมกานต์แกล้งหลับตา แหวนเดินจากไปแล้วตรีรินทร์ก้าวเข้ามายืนอยู่ที่ห้องนอนชายหนุ่มหญิงสาวกัดริมฝีปากพร้อมกับสูดลมหายใจก่อนจะพูดว่า “ฉันรู้คุณยังไม่นอน จะลำบากมากไหมถ้าจะลุกขึ้นมาคุยกันหน่อย” น้ำเสียงตรีรินทร์กระด้าง “ คุณกานต์ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับคุณนะ” ตรีรินทร์กระชากผ้าห่ม ธมกานต์อมยิ้มก่อนจะลุกขึ้นนั่งชายหนุ่มไม่ได้ใส่เสื้อ ทำเอาตรีรินทร์ร้องโวยวาย “ นี่คุณโป๊งั้นเหรอ” “ ผมใส่กางเกงแต่ผมไม่ได้ใส่เสื้อทำเป็นไม่เคยเห็นไปได้คุณเห็นออกบ่อย” “ บ้าใส่เสื้อก่อนสิ” “ อย่าเรื่องมากได้ไหมมีอะไร ถ้าจะสำคัญมากไม่งั้นคุณคงไม่มุดออกจากกระดอง” “ สำคัญสินี่คุณกานต์คุณทำบ้าอะไร ใครให้คุณไปประกาศออกทีวี ขนาดนั้นนี่คุณจะทำอะไรไม่ต้องปรึกษากันหรือไง” “ จริงๆ ผมก็อยากปรึกษาอยู่เหมือนกันแต่คุณไม่อยู่นี่ผมก็ทำตามที่ผมเห็นว่าดีมันเป็นโอกาสดี” “ ดีบ้า ดีบอ อะไรของคุณฉันยังไม่หมั้นไม่แต่งอะไรทั้งนั้นขอเวลาฉันบ้างสิคุณ”“ไม่ได้ผู้ใหญ่คุยกันแล้ว” “ ไม่ ไม่ ไม่ ฉันไม่ยอมให้คุณมาบงการฉันหรอก”ตรีรินทร์พูดด้วยอารมณ์แค้นแน่นอก “ จะงอแงอะไรก็ตามใจแต่คิดดูบ้างสิถ้าคุณไม่ทำตามแม่คุณจะเสียใจแค่ไหนแล้ว ผู้ใหญ่ที่เค้าคุยกันจะว่ายังไง” ตรีรินทร์ร้องไห้ด้วยความอัดอั้นสุดท้ายเธอก็ต้องแพ้เมื่อชายหนุ่มเอาแม่เธอมาอ้าง “ จริงสินะถ้าเรางอแงแม่ต้องไม่ยอมแน่ๆ” ธมกานต์ชะงักก่อนจะโอบหญิงสาวมากอด พร้อมกับลูบหลังไปมา“ ผมขอโทษที่รีบ ผูกมัดคุณช่วยไม่ได้คุณอยากน่ารักทำไม แล้วจะน่ารักกว่านี้ถ้าไม่งอแงแล้วทำตามที่ผมสั่ง” “ ฉันหมั้นก็ได้แต่เราอย่าพึ่งรีบแต่งได้ไหมเรามาศึกษากันสักสี่ห้าเดือนก่อนได้ไหมนะคะ คุณกานต์พบกันคนละครึ่งทาง” ตรีรินทร์ต่อรอง “ ไม่ได้ แล้วเราไม่ต้องศึกษากันแล้วค่อยไปศึกษากันตอนแต่งงานแล้วอยู่กันแล้วผมไม่อยากหมั้นไว้นาน” “ นั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ ยอมฉันบ้างสิทำไมต้องบังคับไปทุกอย่าง”ธมกานต์นึกขำหญิงสาวก่อนจะลากหญิงสาวเข้ามากอดอีกครั้ง “ รินทร์ผมตามใจคุณไม่ได้เพราะผมเป็นผู้บริหารพูดคำไหนต้องคำนั้นแล้วอีกอย่างสำคัญมากผมสัญญากับแม่คุณไว้ว่าจะรีบจัดการทุกอย่างให้ถูกต้อง” ธมกานต์ลูบไล้ผมยาวสลวยของหญิงสา
“ ถ้าคุณว่าง่ายผมก็ไม่ต้องเผด็จการลองดูสิแล้วคุณจะรู้ว่าเวลาผมน่ารักเป็นยังไงคุณจะต้องตกหลุมรักผมในไม่ช้า” “จะอ้วกแต่เสียดายอาหารเมื่อกี้มันอร่อยมากกก” ตรีรินทร์ทำท่าขยักขย่อนธมกานต์ส่ายหน้ากับท่าทางของหญิงสาวพร้อมกับอมยิ้ม “ ขอน้ำเปล่าสักแก้วนะคะ” ตรีรินทร์ยิ้มกับสจ๊วตหนุ่มที่บริการบนเครื่องธมกานต์หันมามองด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะพูดว่า “ ไม่ต้องยิ้มหวานขนาดนั้นไอ้หนุ่มนั่นมันก็พร้อมจะบริการคุณเพราะมันเป็นหน้าที่ของเค้าเพราะฉะนั้นไม่ต้องยิ้มยั่วยวนขนาดนั้น” “ นี่คุณจะไม่หาเรื่องสักชั่วโมงจะตายไหมเนี่ย” น้ำเสียงตรีรินทร์หงุดหงิดในความ วีนของชายหนุ่มผ่านไปสักครู่สจ๊วตหนุ่ม มาพร้อมแก้วน้ำ ตรีรินทร์ยื่นมือไปรับสจ๊วตหนุ่มสบตากับผู้โดยสารสาวก่อนที่จะมือสั่นจนน้ำในแก้วกระฉอกตรีรินทร์ตกใจพอๆกับที่สจ๊วตหนุ่มก็ตกใจไม่แพ้กัน “ขอโทษครับผมไม่ได้ตั้งใจสักครู่นะครับ “ “ไม่เป็นไรค่ะ” ตรีรินทร์รีบมองหา ทิชชู่ “ แหม พอสาวเจ้ายิ้มหวานทำเอามือไม้สั่น บริหารเสน่ห์พอหรือยังอีกไม่กี่วันก็จะหมั้นแล้วนะคุณเพลาๆมือหน่อย” ธมกานต์กัดฟันพร้อมกับกระซิบข้างๆหูทำเอาตรีรินทร์แทบจะร้องกรี๊ดที่โดนชายหนุ่มเหน
“ ได้ยินค่ะ” ตรีรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมกับถอนหายใจเหนื่อยกายมาตลอดวันแล้วกำลังจะเหนื่อยใจเพราะชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า “ ก็งานมันเร่งด่วนนี่คะลูกค้าอยากได้เร็วก็ต้องเร่งงานให้ทันกับความต้องการไม่ได้อยากได้รางวัลแต่มันเป็นหน้าที่” “ อะไรที่มันมากไปมันดูเว่อร์มากกว่าดูดีนะ” “ อย่าพึ่งเทศน์ตอนนี้ได้ไหมฉันเหนื่อยเพลียและหิวมากด้วยยังไม่ได้ทานอะไรเลย” ธมกานต์ถอนหายใจพร้อมกับหันหลังไปหยิบถุงพลาสติกมาส่งให้ “ ผมซื้อมาฝากคิดว่าคุณคงหิว” ตรีรินทร์เลิกคิ้วพร้อมกับประหลาดใจ “ อีตานี่ละเอียดจริงๆน่ารักซะ” ตรีรินทร์ยกมือไหว้พร้อมกับส่งสายตาอ่อนหวานส่งให้ชายหนุ่มได้รู้ว่าเธอรู้สึกดีกับสิ่งที่เค้าทำให้ ธมกานต์แก้เก้อด้วยการเอามือสอดเข้าไปในกางเกง “ จะไม่ขอบคุณผมสักคำหรือไงอุตส่าห์แวะมาหาซื้อก๋วยเตี๋ยวมาให้” ตรีรินทร์ยิ้มเมื่อเห็นชายหนุ่มร้องขอคำขอบคุณพร้อมกับทำหน้างอ ‘นี่ชีวิตเค้าคงไม่มีใครกล้าขัดใจเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลเป็นหลานคนเดียวชีวิตนี้อยากได้อะไรก็คงมีคนหามาประเคนให้คงไม่เคยมีใครขัดใจถึงได้ทั้งเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจขนาดนี้’ ตรีรินทร์คิดในใจ “ขอบคุณนะคะ” “ ผมส่งค
สวนจตุจักร “ นี่คุณจะมาทำอะไรที่นี่” “ ไม่รู้จักหรือคะสวนจตุจักรไง” “ รู้แต่เชื่อไหมไม่เคยมาหรอกเคยได้ยินแต่ชื่อ” “ งั้นวันนี้ก็จะได้มารู้มาเห็นในสิ่งที่คุณไม่เคยจะได้เห็นไง” “ แล้วคุณล่ะอยากมาซื้ออะไร” “ ฉันอยากได้ต้นไม้ให้แม่สักสองสามต้น” ธมกานต์เดินตามตรีรินทร์ที่เข้าร้านนั้นออกร้านนี้แล้วเริ่มร้อนและปวดหัวกับผู้คนที่เดินเบียดเสียดไปมา เพราะเป็นช่วงวันเสาร์ที่มีผู้คนมากมาย “ นี่รินทร์ตกลงคุณจะมาเที่ยวหรือจะมาแกล้งผม”น้ำเสียงธมกานต์เริ่มหงุดหงิดใบหน้าชายหนุ่มหงิกงอเหงื่อเริ่มไหลตามใบหน้าเนื่องด้วยอากาศร้อน “ พาคุณมาเที่ยวจริงๆค่ะแล้วก็อาสาแม่มาซื้อต้นไม้ด้วย ฉันว่าสนุกดีออก” “ แล้วที่คุณพาผมเดินไปเดินมาหลายซอยร้านต้นไม้นั่นนี่โน่นแล้วสรุปคุณก็กลับไปเอาต้นไม้ร้านแรกที่เราดูกันมาตกลงคุณแกล้งผมใช่ไหม” “ เปล่านะฉันก็แค่อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุด สรุปฉันผิดเหรอเนี่ยทีหลังถ้าไม่ชอบมาเดินแบบนี้ฉันจะได้ชวนคนอื่นมา” ตรีรินทร์กล่าวอมยิ้ม “ ผมเหนื่อยผมร้อนผมหิวมาก นี่จะบ่ายสองแล้วนะคุณ” เสียงบ่นของชายหนุ่มทำเอาหญิงสาวยิ้มขำ “ แหมก็บอกสิคะก็คนเดินช้อปปิ้งก็เพลิน ไม่บอกแล้วใครจะรู้
เสียงโทรศัพท์มือถือกรีดดังตรีรินทร์ไม่ได้สนใจกดรับสายเพราะสายตากำลังจ้องมองและยังจมอยู่กับภาพอดีตระหว่างเธอกับนายตำรวจหนุ่มตรีรินทร์กวาดตามองอัลบัมรูปที่มีอยู่เต็มเตียงนอนหญิงสาวมานั่งดูรูปเก่าๆร่วมสองชั่วโมงได้แล้วเป็นรูปแห่งความทรงจำตั้งแต่เล็กจนโตจนเรียนจบและจนมีงานทำเธอมีผู้ชายคนนี้อยู่ในทุกช่วงของชีวิตถึงแม้หลังๆ ตั้งแต่ชายหนุ่มเข้ารับราชการเป็นตำรวจเวลาที่เจอกันก็น้อยลงแต่ด้วยความเข้าใจในงานของอีกฝ่ายทำให้เธอและเค้าฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ร่วมกันมาได้ ยี่สิบกว่าปีมานี้มีทุกช่วงความทรงจำร่วมกันอย่างเปี่ยมล้นตรีรินทร์เก็บภาพอัลบัมลงกล่องกระดาษเสียงโทรศัพท์ยังดังอยู่เป็นระยะๆตรีรินทร์คว้าโทรศัพท์มากดรับด้วยท่าทางเนือยๆ “ รินทร์พูดค่ะ” “ นี่คุณผมกดโทรศัพท์มือแทบหงิกทำไมพึ่งจะรับไปทำอะไรมา”น้ำเสียงหงุดหงิดดังมาตามสายทำให้ตรีรินทร์ถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย “ มีอะไรคะ” “ ผมอยากชวนคุณไปดูของชำร่วย” “ วันนี้ไม่มีอารมณ์อยากอยู่บ้านและไม่อยากรับแขก” “ ผมไม่ใช่แขกผมเป็นคู่หมั้นและกำลังจะเป็นสามีคุณในอีกไม่กี่วันแล้ว นี่งานก็ใกล้เข้ามาแล้วเวดดิ้งแพลนนิ่ง เค้าจัดการให้ทุกอย่างแต่เราก็ต้อ
“ อืม แต่แกยังไม่เคยถามคุณกานต์ถึงเรื่องนี้ใช่ไหม” ตรีรินทร์สั่นศีรษะไปมาเป็นการปฏิเสธ “ เฮ้อแต่เรื่องมันมาไกลป่านนี้แล้วแกอย่าไปคิดมากเลยเดินหน้าเพื่อนแล้วค่อยไปเคลียร์กับยัยอ้อมทีหลัง ได้ข่าวว่าเค้าแต่งงานกับคนสิงค์โปร์ใช่ไหม” อรวิสาพูดให้กำลังใจ ตรีรินทร์ถอนหายใจเฮือก “ ฉันไม่สบายใจอยู่ดียิ่งใกล้วันแต่งงานมากขึ้นเท่าไหร่ฉันยิ่งใจคอไม่ค่อยจะดี อรแกมีอีเมล์ของอ้อมไหมฉันจะสบายใจมากถ้าได้เคลียร์กับอ้อมแล้วอย่างน้อยฉันก็อยากคุยกับเค้าไง” อรวิสาพยาบาลสาวมองเพื่อนอย่างเข้าใจ “ อืมเดี๋ยวไปค้นให้นะ ฉันจำได้ว่าเคยจดจากเพื่อนยัยอ้อมที่เจอเค้าที่สิงค์โปร์ได้เมื่อไหร่จะแมสเสจไปบอกแล้วกัน เอางี้กินดีกว่าแกอย่ามากลุ้มใจเลยในเมื่อพรหมลิขิตให้เดินก็เดินต่อไปแล้วกันเดี๋ยวฉันไปซื้อเย็นตาโฟ มาเลี้ยงแกกินซะจะได้หายกลุ้มจะได้สามี หล่อๆ รวยๆ โชคดีจะตายแก” อรวิสาหัวเราะร่วน “ โชคร้ายล่ะไม่ว่า ขี้วีนก็แค่นั้นเอาแต่ใจตัวเองโมโหร้ายทุกอย่างรวมเป็นออลอินวันเคยเห็นไหมอร ฉันยังกลุ้มถ้าต้องมาอยู่ด้วยกันยี่สิบสี่ชั่วโมงฉันคงอึดอัดใจตาย” อรวิสาหัวเราะ กริ๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์มือถือ ของหญิงสาวด
บ้านมนัสสุกานต์ เสียงรถมาจอดหน้าบ้านสักครู่ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้าบริเวณบ้านแม่แก้วที่มือกำลังร้อยมาลัยเงยหน้ามองแต่ต้องตกใจเมื่อเห็นลูกสาวถูกประคองมากับแฟนหนุ่ม แม่แก้ววางเข็มพวงมาลัยก่อนจะทำหน้าตาตกใจเมื่อเห็นสภาพของลูกสาว “ รินทร์ไปทำอะไรมาลูกทำไมแขนเป็นแบบนั้น” ธมกานต์ชิงพูดก่อนว่า “ รินทร์หกล้มที่บ้านผมครับผมขอโทษครับคุณแม่ที่ดูแลรินทร์ไม่ดี” แม่แก้วขมวดคิ้วก่อนจะเดินเข้ามาดู “ โห ตายล่ะแล้วนี่ก็ใกล้วันแต่ง นี่รินทร์ต้องเป็นเจ้าสาวแขนด้วนหรือนี่” “ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับแม่อีกห้าหกวันก็หายครับ” ธมกานต์รีบตอบแทนในขณะที่ตรีรินทร์อ้าปากแต่ก็พูดไม่ทันชายหนุ่มทำให้ตรีรินทร์แอบค้อนด้วยความหมั่นไส้ “ ตายล่ะพรุ่งนี้แม่มีนัดทำบุญเก้าวัดกับเพื่อนในหมู่บ้านแล้วจะทำไงเนี่ย” “ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงครับเดี๋ยวผมจะส่งเด็กที่บ้านมาดูแลแล้วกลางวัน ผมจะมาอยู่เป็นเพื่อนรินทร์ครับ” “ ไม่ต้องฉันไม่ต้องการทำไมคุณไม่บอกแม่ไปล่ะว่าที่ฉันเป็นแบบนี้เพราะคุณทำไมไม่พูด” ตรีรินทร์ตวาด “ จุ๊ๆ ยัยรินทร์ทำไมพูดกับพี่เค้าแบบนั้นไม่น่ารักเลย งั้นตามสบายนะจ๊ะหนุ่มสาวแม่ไปเตรียมตัวก่อน” แม่แก้วเ
สองวันผ่านไป ธมกานต์ได้เดินทางไปทำงานด่วนที่สิงค์โปร์ได้สองวันแล้วตลอดเวลาที่ชายหนุ่มไปสิงค์โปร์ได้ส่งคนขับรถที่บ้านมาคอยรับส่งคู่หมั้นสาวแรกๆตรีรินทร์ขัดขืนแต่ก็ต้องยอมในที่สุด ทุกๆสามชั่วโมงชายหนุ่มต้องโทรศัพท์มาคุยจนตรีรินทร์รู้สึกหงุดหงิดเหมือนต้องกลับไปเป็นนักเรียนประถมที่ต้องมีผู้ปกครองติดตามทุกย่างก้าวบางครั้งตรีรินทร์จึงแกล้ง ปิดเครื่องบ้าง เมื่อตนต้องใช้สมาธิในการทำงาน ตรีรินทร์รู้สึกตื่นเต้นที่ต้องไปงานเลี้ยงแสดงความยินดี สำหรับนายร้อยที่ได้ทำการติดยศใหม่หญิงสาวหมุนตัวไปมาที่หน้ากระจกเมื่อแต่งตัวเสร็จชุดนี้เป็นชุดสีครีมงาช้างที่ เปลือยไหล่ข้างซ้ายทำให้เห็นบ่าหญิงสาวที่สวยงามลำคองามระหง ตรีรินทร์รวบผมมวยเกล้าอย่างปราณีตแต่งหน้าเล็กน้อยและทาริมฝีปากสีชมพู ตรีรินทร์นัดให้โตมรมารับที่บ้านทุ่มครึ่ง แหวนช่วยตรีรินทร์แต่งตัวพร้อมกับกล่าวอย่างชื่นชมว่า “ คุณรินทร์สวยจังค่ะ” “ขอบคุณค่ะพี่แหวน” “ พี่แหวนเหงาไหมที่ต้องมาอยู่กับรินทร์ที่บ้านนี้บ้านรินทร์เล็กไม่เหมือนบ้านคุณกานต์” “ โถคุณรินทร์ไม่ต้องห่วงพี่แหวนนะคะก็อีกไม่กี่วันพี่แหวนก็จะได้กลับบ้านแล้วหลังคุณรินทร์แต่งงาน
บ่ายวันเสาร์ตรีรินทร์ง่วนอยู่กับเตาอบอยู่หลายชั่วโมง หญิงสาวตะโกนออกมา“ คุณกานต์ขามานี่หน่อย รินทร์อยากได้คอมเม้นต์ค่ะ”ธมกานต์วางหนังสือพิมพ์พร้อมกับเดินเข้าบริเวณครัว“ มีอะไรให้สามีช่วยหรือครับ ภรรยาคนสวย”“ ช่วยชิมหน่อยสิคะ รสไหนอร่อย รสกาแฟ รสช้อคโกแล็ตชิบ หรือรสเนย”“ รินทร์ ตั้งแต่คุณทำผมชิมมาหลายสิบอันแล้วนะเนี่ย จนผมชักมึนกับรสคุกกี้ของคุณแล้วแต่ถ้าคุณจะหาคนชิมนะ โน่นไอ้กรณ์ ขานั้นนะชอบขนมทุกชนิด มันบ้าขนม เชื่อไหม เคยไปกินบุฟเฟ่เค้กมันกินได้สิบสองอัน พวกผมสามก้อนก็จะอ้วกแล้ว”“ แหม คุณเนี่ยไม่ร่วมมือเลย”“ อย่าพึ่งงอนสิจ๊ะคนสวย ผมลองทานอีกสามชิ้นก็ได้”ธมกานต์มองภรรยาสาวที่ขะมักเขม้นเรียงคุกกี้ลงขวดแก้วอย่างทะนุถนอม“เก็บเอาไว้ทานคราวหน้า ใส่ขวดไว้ให้น่ารับประทาน”ตรีรินทร์อธิบายพร้อมกับเรียงขนมลงขวดด้วยความระมัดระวังเช้าวันอาทิตย์ตรีรินทร์ก้มลงหอมแก้มสามีหนุ่ม พร้อมกับกระซิบว่า “ รินทร์ออกไปข้างนอกแป๊บหนึ่งนะคะ บ่ายนี้คุณไปตีกอล์ฟกับพวกพี่หมอใช่ไหม ถ้ารินทร์มาไม่ทัน เจอกันเย็นนี้นะคะ”ธมกานต์งัวเงียพร้อมกับหรี่ตามองนาฬิกาแปดโมงเช้าปกติวันอาทิตย์จะเป็นวันเดียวที่เขาแ
อลงกรณ์นั่งดูกีฬาในห้องนั่งเล่นได้ยินเสียงรถจอดบริเวณหน้าบ้านสักพักร่างคุณหญิงแพรวก็นวยนาดเข้ามาพร้อมสายตาเข้มที่พร้อมจะอาละวาด“ ใช้ไม่ได้เลยแก เสียมารยาทกับลูกเพื่อนแม่มากเลยนะกรณ์แม่ผิดหวังในตัวลูกมาก ปากคอเราะร้ายเฮ๊อ แม่กลุ้มใจในตัวลูกมาก กรณ์เมื่อไหร่จะเมียเป็นตัวเป็นตนสักทีแม่มีแกคนเดียวที่เป็นความหวังแม่อยากมีหลาน แล้วนี่แกก็ทำลายความหวังแม่ครั้งแล้วครั้งเล่า”คุณหญิงแพรวพูดเสียงเครือน้ำตาไหล“ แม่ก็รู้ว่าผมยังอยากมีอิสระ อยากทำงาน สร้างอนาคตด้วยตัวเองอย่ายุ่งเรื่องส่วนตัวของผมได้ไหมแม่หรือแม่อยากให้เหมือนคราวก่อน” อลงกรณ์พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเมื่อเห็นน้ำตาของผู้เป็นแม่ทำเอาอลงกรณ์ใจอ่อนยวบอลงกรณ์ถอนใจก่อนจะเข้ามากอดคุณหญิงพร้อมกับพูดว่า“ โอเคครับแม่ ผมจะลองพยายามทำตามที่แม่บอกอีกครั้ง” อลงกรณ์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนใจคุณหญิงแพรวยิ้มถูกใจพร้อมกับกอดลูกชาย ลูบหลังไปมาอย่างเอาใจหอพักเด่นชัยอลงกรณ์เคาะประตูห้อง อาร์มเดินมาเปิดประตูห้องอย่างงัวเงีย“ อ้าวคุณ มีอะไรหรือเปล่า มาซะดึกเชียว”“ ขอโทษที่มารบกวนคุณ แต่คืนนี้ผมอยากมีคุณอยู่ใกล้ๆ” อลงกรณ์กอดอาร์มแน่นเลขาหนุ่มขมวดคิ
“ แม่ตี พ่อทำไมครับ”“ ก็พ่อดื้อ แล้วแกล้งแม่ กริชต้องช่วยแม่นะจ๊ะ”เด็กชายกริชชัยเข้ามากอดผู้เป็นแม่ ท่ามกลางสายตาหมั่นไส้ของธมกานต์ที่ลูกชายผันตัวไปอยู่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว“อ้าว ไหนเมื่อกี้บอกจะช่วยพ่อไง”กริชชัยกอดพร้อมซบที่หน้าอกแม่ “ กริชรอพ่อกับแม่ไปรับตั้งนาน นี่จะเที่ยงแล้วนะครับพ่อกับแม่ยังไม่ตื่นอีก”ตรีรินทร์ใบหน้าร้อน พร้อมกับแก้ตัวเบาๆ “ แม่ขอโทษจ๊ะ งั้นขอแม่อาบน้ำแล้วเดี๋ยวเราไปเชียงใหม่กันบ่ายนี้ดีไหม กริชจะได้ไปเยี่ยมน้ำหวานเพื่อนลูกด้วยไง”เด็กชายกระโดดรอบเตียงด้วยความดีใจ ท่ามกลางสายตาของพ่อและแม่ที่บ่งบอกว่า รักลูกเต็มเปี่ยมภูเก็ตร่างชายหนุ่มสองคนที่ก่ายเกยกันอย่างแนบแน่น อาร์มขยับตัวเบาๆแต่ก็ต้องถูกดึงให้เข้ามาในอ้อมกอด“ เช้าแล้วเราตื่นเถอะ เดี๋ยวไปทำงานไม่ทันนะคะ”“ อืม ขอต่ออีกหน่อยนะยังไม่อยากไปเลย ผมอยากนอนกอดกับคุณอีกสักพัก เราไปตอนบ่ายๆ ก็ได้มีเวลาอีกวันหนึ่ง ค่ำๆวันอาทิตย์ค่อยกลับคุณไม่ได้รีบไปไหนนี่” อลงกรณ์จูบเบาๆที่ไหล่ของเลขาหนุ่มก่อนกระซิบเบาๆ“ ผมเคยนึกว่าทำไมผมถึงนอนกับน้องปรางไม่ได้ มาวันนี้ผมรู้จักตัวเองอย่างเต็มร้อยเมื่อก่อนผมคิดว่าผมสามาร
“ อาร์มก็เช่นกัน ขอบคุณนะครับ ที่ไม่รังเกียจคนอย่างอาร์ม แล้วยังให้ความรู้สึกดีๆ อีกอาร์มรู้สึกซาบซึ้งมาก”“ ผมคิดว่าผมรักคุณแล้วล่ะ อาร์ม ทำยังไงดี” อลงกรณ์พูดเสียงอ้อแอ้“ อาร์มก็รักคุณ”อลงกรณ์ยกมือเลขาหนุ่มพร้อมกับจูบที่ใจกลางอุ้งมือ ทำให้อาร์มขนลุกไปทั่วร่างกายเลขาหนุ่มประคองชายหนุ่มเข้าห้อง เมื่ออีกฝ่ายเริ่มเดินไม่ค่อยมั่นคง“ เมาหรือเปล่า คุณ”“ เมารักคุณไง อาร์ม”“ บ้า คุณเนี่ย พูดอะไร เมาแล้วไปนอน เถอะ อาร์มไปส่งคุณที่ห้อง”อลงกรณ์ยิ้มเจ้าเล่ห์ จริงๆ ไวน์แค่สามสี่แก้วทำอะไรตนไม่ได้ แต่ก็แกล้งทำเป็นเมาอาร์มวางร่างหนักอึ้งลงบนที่นอน แต่ก็ถูกดึงจนล้มไปด้วยกัน ก่อนที่อลงกรณ์จะพลิกตัวพร้อมกับจ้องมองใบหน้าเลขาหนุ่ม ที่ตอนนี้อยู่ในอาการตื่นตะลึง“ คืนนี้นอนกับผมห้องนี้นะ ผมอยากนอนกับคุณ” อลงกรณ์ปิดปากตัวเอง ลงที่ริมฝีปากบางก่อนที่มือก็เริ่มปลดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว อาร์มยอมให้ถอดเสื้อผ้าแต่โดยดีพร้อมกับช่วยปลดเสื้อผ้าของอีกฝ่าย ก่อนที่ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองของธรรมชาติอาร์มพึ่งเคยมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ความรู้สึกมันอ่อนหวานและซาบซ่าส์ จนตัวเองแทบจะนอนไม่หลับร่างของชาย
“ งั้นเดี๋ยวผมโทรเคลียร์กับเจ้ากรณ์ดีกว่า”“ ไม่ต้องค่ะ รินทร์อยากให้คุณกรณ์แปลกใจ”“ เชื่อรินทร์สิคะว่างานไม่เสีย แล้วคุณกรณ์ก็จะไม่โกรธคุณแน่นอน”ธมกานต์ถอนใจยาว พูดจริงๆ ตัวเองก็ชักไม่อยากไป เพราะร่างนุ่มนุ่มของภรรยาที่วันนี้มาโหมดหวานเซ็กซี่ ซ่าส์ สงสัยวันนี้ธมกานต์จะเดินตามเกมภรรยาคงจะมีความสุขไม่น้อย“ รินทร์ถูหลังให้นะคะ”“ จ๊ะ ที่รัก”“ แหม พอถูหลังให้หน่อยหวานเชียว ถามจริงๆ หวานแบบนี้มากี่คนแล้ว”ตรีรินทร์ถามพร้อมกับกลั้นใจฟังคำตอบ“ หวานกับรินทร์แค่คนเดียว เชื่อไหมไม่เคยหวานแบบนี้กับใครสักคน”ตรีรินทร์ใจเต้นแรงฟังแล้วเต็มตื้นหัวใจก่อนที่หญิงสาวจะผลักให้ชายหนุ่มนั่งแล้วตนเองย้ายไปนั่งข้างหลัง หญิงสาวชโลมสบู่พร้อมกับถูหลังไปมาอย่างตั้งใจและเต็มใจ“ ผมรู้สึกเหมือนเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดนะเนี่ยที่มีภรรยามาช่วยถูหลังให้”“ จริงเหรอค่ะ เอ แบบนี้จะมีของรางวัลหรือเปล่า”“ อยากได้อะไรล่ะ ผมให้คุณได้ทุกอย่างเว้นดาวและเดือน”“ ยังนึกไม่ออก ไว้นึกออกจะบอกนะคะ แต่คุณกานต์สัญญาแล้วว่าจะไม่เบี้ยว”“ ไม่เบี้ยวจ๊ะ”ตาจ้องตา ธมกานต์หันมาจูบปากพร้อมกับหมุนตัวเองในอ่างจนน้ำกระเพื่อม“ ทนไม่ไ
“ อ๋อ ตอนนี้ผมจะไปหาคุณต้องมีธุระด้วยหรือไง” น้ำเสียงเริ่มขุ่น“ คุณเนี่ย ชอบตีความหมายอะไรผิดๆเมื่อวันก่อนผมถามให้คุณกลับบ้านเพราะกลัวว่าจะดึกแล้วเดินทางลำบาก คุณแม่คุณจะเป็นห่วงคุณก็ตีความหมายว่าผมขับไล่ ซึ่งมันไม่จริงเลย ผมไม่ได้รังเกียจคุณสักนิด วันนี้ผมก็ถามตามปกติธรรมดาคุณก็ตีความหมายไปอีกอย่าง ผมชักมึนกับคุณแล้วนะเนี่ย” เลขาหนุ่มอธิบายยาวอลงกรณ์นิ่งฟังแล้วยิ้มยวน ๆ “ ผมมันเป็นแบบนี้แหละ ทนๆ หน่อยแล้วกัน ยังต้องรบกันอีกยาว”เลขาหนุ่มค้อนชายหนุ่มเบาๆ ก่อนอมยิ้ม“ คุณทำอาหารและขนมอร่อยมาก เรียนมาหรือไง”“ บ้านผมมีแต่ผู้ชายหมด ผมเป็นลูกชายคนเล็ก ก็เลยต้องช่วยแม่เข้าครัวตั้งแต่เด็ก มันเป็นความเคยชินส่วนขนมก็หัดทำตอนเรียนมหาวิทยาลัย ทำขายหารายได้พิเศษเป็นค่ารถเมล์ไงคุณ ก็ผมมันคนจน”เลขาหนุ่มเล่ายาว“ นี่ขอร้องล่ะ ถ้าจะคบกันต่อไปไอ้รวยจนเนี่ยเลิกพูดได้ไหม รำคาญ” อลงกรณ์เริ่มหงุดหงิดอีกครั้ง“ พูดความจริงเล่าความจริงก็โกรธพิลึกคน” เลขาหนุ่มยักไหล่ก่อนจะยิ้มหวานเหมือนกวนๆ ในทีทำเอาอลงกรณ์ตะลึงในความน่ารักขี้เล่นของอีกฝ่าย รถติดไฟแดงตาจ้องตาในระยะใกล้กันแค่ไม่กี่คืบอลงกรณ์มองริมฝี
สองทุ่มเศษๆอาหารถูกลำเลียงมาพร้อมสมาชิกทุกคนนั่งพร้อมกันที่โต๊ะ อลงกรณ์เดินเข้ามาอย่างกระหืดกระหอบ“ ขอโทษทีเพื่อน รถติดเป็นบ้าเลย”อลงกรณ์กล่าวขอโทษพร้อมกับตะลึงเมื่อเผชิญหน้ากับเลขาหนุ่มรุ่นน้องที่อยู่ในความคิดคำนึงตลอดสองวันที่ผ่านมา“นั่งสิคะคุณกรณ์ นั่งข้างๆ พี่อาร์มนั่นแหละค่ะ”“ นั่งสิไอ้กรณ์ยืนบื้ออยู่ได้” เสียงอัครเดชตะโกนมาทางหัวโต๊ะอลงกรณ์นึกไม่ถึงคนที่ตนตามหาหลายชั่วโมงที่ผ่านมากลับมานั่งอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มนั่งลงข้าง ๆระหว่างเลขาหนุ่มกับนายแพทย์เอกชัย หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นเลขาหนุ่มไม่กล้าหันไปมองด้วยความกลัวและเก้อเขินตรีรินทร์แอบสังเกตทั้งชายหนุ่มและเลขาหน้าหวานที่ต่างคนต่างเก้อเขินซึ่งกันและกันหญิงสาวอมยิ้มก่อนจะทักทายเพื่อนสามี“ คุณกรณ์หิวไหมคะ มาได้เวลาพอดี งั้นเราเริ่มลงมือกันเถอะค่ะ”“ พี่อาร์มตักยำทะเลให้คุณกรณ์สิคะ” ตรีรินทร์กล่าวนำเลขาหนุ่มตักยำทะเลแต่ไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ตัวอลงกรณ์รู้สึกหมั่นไส้เลขาหนุ่มรุ่นน้องที่ทำท่าทางเหมือนกลัวจะสบตา แม้แต่หน้าก็ยังไม่มองกัน“ แกไปทำไรแถวโรงแรมเจ้ากานต์ว่ะ ปล่อยให้พวกข้ารอตั้งนาน” อัครเดชเอ่ยถาม
ตอนเย็น“นี่เราจะไปไหนกันครับ คุณกรณ์” อิทธิพลหรืออาร์ม เอ่ยถามเมื่อรถขับเลยหอพักไปอีกช่วงตึก“ เงียบๆเถอะ ถึงแล้วผมจะบอกเอง” อลงกรณ์หันมาตอบเลขารุ่นน้องอลงกรณ์เดินนำเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตในห้างดัง ไม่ไกลจากหอพักของหนุ่มรุ่นน้องชายหนุ่มเดินไปหยิบของลงตระกร้า ท่ามกลางความงุนงงของเลขาหนุ่ม“ นี่คุณ จะซื้อของไปไหนเนี่ย เยอะแยะไปหมด”“ ซื้อไปไว้ที่หอคุณ”“ หา “ เสียงลากยาว“ ก็หอคุณ ไม่มีอะไรสักอย่าง กาแฟก็ไม่มี วิสกี้เบียร์ไม่มีสักอย่างแล้วผมก็เบื่ออาหารที่มีแต่ผักกับวิญญาณหมู วันนี้ผมทำงานหนักมาก ผมอยากทานอาหารดี ๆ สักหน่อยคุณช่วยทำอาหารให้หน่อย ผมเป็นคนจ่ายคุณเป็นคนทำ โอเคนะ”อาร์มยืนงงอยู่กับที่“ เร็วๆ สิคุณ เดี๋ยวก็เจอรถติดตอนกลับอีกหรอก มาช่วยผมเลือกเนื้อหน่อยวันนี้ผมอยากทานเนื้อทอดกระเทียมพริกไทย”หลังจากอาหารค่ำผ่านไปอย่างชื่นมื่น อลงกรณ์ก็มานอนที่เก้าอี้ยาว ก่อนจะเผลอหลับไปอาร์มมานั่งพัดยุงที่คอยมาตอมตามแขนขาของชายหนุ่ม อลงกรณ์ลืมตาขึ้น ตาประสานตาก่อนที่อาร์มจะลุกขึ้นปัดกางเกงขาสั้น“ ดึกแล้วผมว่าคุณควรกลับบ้านได้แล้ว กลับตอนนี้รถก็ไม่ติดแล้ว”อาร์มเฉไฉพูดกับอลงกรณ์“ ไล
อาร์มตกใจ พร้อมกับระล่ำระลักว่า “ ผมครับผมเป็นคนจัด ผมเห็นมันรกมากจนไม่รู้จะวางเอกสารการประชุมไว้ตรงไหน พอวางมันก็ลื่นล้ม ผมเลยจัดให้มันเป็นระเบียบ”“ อ้อ คุณจะว่าผมมันไม่มีระเบียบว่างั้นเถอะ แต่ขอบคุณทีหลังไม่ต้องห้ามคุณมายุ่งวุ่นวายกับโต๊ะทำงานของผมอีก ไม่ว่ากรณีใดๆ ผมหาเอกสารของผมไม่เจอผมทำงานผมรู้ว่าวางเอกสารแบบไหนไว้ที่ตรงไหน ฉะนั้นขอความกรุณาอย่ามายุ่ง” อลงกรณ์ส่งเสียงดังอาร์มหลับตามือสั่นใจสั่นด้วยความกลัว ผู้ชายตรงหน้าเวลาเขาโกรธเค้าเหมือนคนละคนกับที่ตนรู้จักเมื่อวาน“ ครับ ต่อไปผมจะไม่ยุ่งอีก ขอโทษอีกครั้ง”“ คุณออกไปได้” อลงกรณ์เห็นชายหนุ่มรุ่นน้องหน้าเสียก็นึกสงสารโบกมือให้ออกห้องไปเพราะอารมณ์ยังคุกรุ่นอาร์ม หรือ อิทธิพลมานั่งร้องไห้ ทำงานที่นี่มาแปดปียังไม่เคยโดนดุเสียงดังขนาดนี้มาก่อนชายหนุ่มเจ็บใจน้อยใจ อุตส่าห์จัดโต๊ะทำงานให้เรียบร้อยไม่ได้ดี แล้วยังโดนด่าอีก คอยดูต่อไปนี้จะทำเท่าที่สั่งเท่านั้น อาร์มคิดในใจอย่างว้าวุ่นอาร์มเช็ดน้ำตาพร้อมกับตั้งใจทำงานต่ออย่างมีทิฐิ อลงกรณ์เมื่อหาเอกสารพบก็ถอนหายใจเฮือก“ นี่เราพูดรุนแรงไปหรือเปล่าหว่า ป่านนี้ไม่นั่งร้องไห้ขี้