เมื่อวานทั้งวัน ออสตินอยู่ดูแลเธอไม่ไปไหนเลย เขาเอาแต่บอกว่าอยู่ห้องคนเดียวมันน่าเบื่อ มาอยู่ดูแลคนป่วยแบบเธอดีกว่าแม้ว่าจะโดนไล่อยู่หลายครั้งแต่เขาก็ทำเป็นไม่สนใจ
“เธอๆ เราขอเข้ากลุ่มด้วยได้ไหม” ชายหนุ่มเจ้าของเสียงนุ่ม ส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตรพลางเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ที่ว่างอยู่ข้างๆ กับลูซี่
“เธอพึ่งเข้ามาเรียนวิชานี้เหรอ? ไม่เคยเห็นหน้าเลย หรือเป็นเด็กหลังห้อง” จินดาถามด้วยเสียงสดใสพลางหยิบกระดาษขึ้นมาเตรียมจดชื่อของชายหนุ่มเข้ากลุ่มไปด้วย
“เราชื่อ มาร์คัส อยู่หลังห้องน่ะ” ชายหนุ่มหน้าตาดีตอบกลับพร้อมยักคิ้วหลิ่วตาอย่างกวนๆ ให้กับเจ้าของคำถามพลางหันมาส่งยิ้มหวานๆ ให้กับลูซี่ที่นั่งข้างๆ
“โอเค! งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ ค่อยมานัดวันทำรายงานกันอีกที” ลูซี่บอกกับเพื่อนใหม่และเพื่อนสาวคนสนิทพลางรีบเก็บของอุปกรณ์การใส่กระเป๋าอย่างเร่งรีบ
ราวกับนัดใครบางคนเอาไว้…
แสงอาทิตย์ที่อ่อนลงทอประกายอบอุ่นเหนือสนามหญ้า อาคารเรียนและทางเดินยาว นักศึกษาต่างทยอยเดินสวนกันออกมาจากห้องหลังจากเรียนคาบสุดท้ายของวันได้จบลง
“นักศึกษา 3 คนมาช่วยอาจารย์หน่อยสิ” เสียงสั่งการของหญิงวัยกลางคนดังขึ้นจากลานจอดรถที่อยู่ไม่ไกลจากตัวอาคารเรียน
เธอกวักมือเรียกเด็กทั้ง 3 คนที่กำลังเดินจะเดินแยกไปอีกทาง เป็นเหตุให้พวกเธอต้องหันกลับมาช่วยก่อนแม้ว่าจะรีบแค่ไหนก็เถอะ
“จินดายกกล่องใบใหญ่ตามอาจารย์มา ส่วนรุจิราเอากระเช้า 2 อันนี้ไปไว้ที่โต๊ะอาจารย์นะ มาร์คัส! เธอไปช่วยอาจารย์ออสตินยกกล่องพวกนั้น” หญิงวัยกลางคนสั่งการเสร็จสรรพพลางเดินนำออกไปพร้อมกับกล่องอีกใบที่อยู่ในมือ
ในระหว่างที่ลูซี่กำลังโน้มตัวหยิบกระเช้าผลไม้ที่วางอยู่บนฟุตบาท หางตาของเธอก็เหลือบไปเห็นเงาสีดำทมิฬมีเขาแหลมอยู่บนศีรษะที่สะท้อนอยู่ในกระจกของรถ มือเรียวรีบคว้ากระเช้าและหันขวับมายังเจ้าของเงานั้นทันทีแต่ก็พบเพียงแค่สองหนุ่มที่กำลังช่วยกันยกกล่องออกมาจากท้ายรถ
" มีอะไรรึเปล่า รุจิรา? ” ออสตินถามกลับเมื่อเห็นใบหน้าถอดสีของลูซี่ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะรู้คำตอบในใจของเธอ
“ปะ...เปล่าค่ะ! หนูขอตัวก่อนนะคะ” น้ำเสียงกระตุกเล็กน้อยอย่างไม่มั่นใจในคำตอบของตัวเอง เธอส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้กับเพื่อนชายคนใหม่ก่อนจะรีบออกไปพร้อมกับกระเช้าตามคำสั่งของหญิงวัยกลางคนก่อนหน้า
รอยยิ้มของมาร์คัสที่ส่งกลับให้ลูซี่เมื่อกี้เหมือนจะจงใจสร้างความเชื่อใจจากเธอ เขากำลังตีสนิทกับหญิงสาว เปลือกนอกที่ดูเป็นมิตรแต่แท้จริงแล้วอาจจะกำลังรอขย้ำเธอ
รอยยิ้มของผู้ล่าที่พร้อมจะกระชากวิญญาณของเป้าหมาย..................
“กล่องนี่ไว้ที่โต๊ะอาจารย์ใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มหันมาถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจหลังจากที่เห็นออสตินพยักหน้า เขาก็รีบวิ่งตามหลังลูซี่ไปแบบติดๆ
ไม่ได้มีแค่เธอเท่านั้นที่เห็น ออสตินเองก็สังเกตเห็นเงาดำเขาแหลมของมาร์คัสที่สะท้อนบนกระจกรถตั้งแต่เขาเดินเข้ามา พลังมืดที่กระจายรอบตัวเขาทำให้ออสตินรับรู้ได้ว่านี่มันใช่แค่ปีศาจธรรมดา
‘แฝงตัวมาแบบนี้ คิดว่าข้าจะไม่รู้เหรอ?’ ออสตินพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น เขาอยากจะกระชากหน้ากากเพื่อนใหม่ของเธอ แต่ก็ยังทำไม่ได้ในตอนนี้ ทำได้เพียงแค่จับตามองอย่างใกล้ชิดเท่านั้น
และดูเหมือนว่ามาร์คัสเองก็ยังไม่อยากลงมือตอนนี้เช่นกันเพราะไม่อย่างนั้นลูซี่คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้แน่ๆ …………
บรรยากาศหน้าบาร์ Dream Star เต็มไปด้วยสีสันและความคึกคัก ไฟนีออนหลากหลายสีส่องสว่างเป็นประกายดึงดูดสายตาให้นักท่องราตรีได้เข้ามาใช้เงินและเสพความสุขของค่ำคืนที่แสนวิเศษ
คืนศุกร์หรรษาที่ทุกคนรอคอย.....
“คืนนี้ตั้งใจกันทำงานนะจ๊ะ หุ้นส่วนคนใหม่ของบอสจะเข้ามาดู อย่าให้พลาด!!”
ส้มโอตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ของที่นี่กำชับลูกน้องใต้บัญชาของตัวเองด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ถึงเธอจะมีเสียงที่ดุดันแต่ก็ไม่เคยพูดทำร้ายจิตใจใครแถมยังใจดีมากๆ
“หุ้นส่วนคนใหม่!? ใครเหรอเจ้ หล่อไหมอะ”
“แกจะอยากรู้ไปทำไมยัยจิน แยกๆ ไปทำงานกันได้แล้ว” เธอสะบัดมือไล่ลูกน้องทั้งหมดให้ไปทำงานเพราะไม่อยากจะมาตอบคำถามของใคร ไม่ได้หยิ่งนะ! แต่เธอไม่รู้อะไรเลยต่างหาก รับคำสั่งมาแบบนี้
เสียงเพลงจากดีเจดังคลอไปพร้อมกับเสียงเบสหนักๆ ของเครื่องดนตรีผสมผสานเข้ากับเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของผู้คนที่กำลังสนุกสนาน ส่วนหน้าเคาน์เตอร์บาร์ก็ถูกล้อมไปด้วยสาวๆ เพราะหนุ่มบาร์เทนเดอร์สุดหล่อกำลังโชว์ฝีมือผสมเครื่องดื่มอย่างคล่องแคล่วและลีลาที่เท่สุดๆ
“แน่ใจนะว่าใช่พวกปีศาจจากขุมนรกอื่น” คาอินเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าลังเลของเพื่อนสนิท
“ไม่รู้! แต่มันจงใจเข้าหาลูซี่ ตอนนี้ข้าให้บริวารไปเช็กดูแล้ว เดี๋ยวก็ได้เรื่อง” เสียงทุ้มตอบกลับอย่างหนักแน่น มือหนายกแก้ววิสกี้กระดกกลืนเจ้าน้ำสีสวยลงคอส่วนดวงตาคมกริบก็เอาแต่จับจ้องหญิงสาวที่กำลังทำงานอยู่ชั้นล่างของบาร์
“งั้นข้าขอไปสนุกกับมนุษย์สาวๆ หน่อยก็แล้วกัน นานๆ จะขึ้นมาเหยียบโลกมนุษย์”
ออสตินไม่ได้สนใจเพื่อนแม้แต่น้อย เขายังคงจ้องมองคนตัวเล็กอย่างไม่วางตา ในใจก็นึกย้อนกลับไปยังเหตุการณ์เมื่อตอนเย็น การที่มาร์คัสไม่ได้ระวังเรื่องเงาที่แท้จริงอาจจะมีแผนการอะไรบางอย่าง
หรือเป็นการกระตุ้นให้พลังที่กำลังหลับใหลในตัวของเธอตื่นขึ้น
‘มีจุดประสงค์อะไรกันแน่...’ ออสตินคิดในใจอย่างวิตกกังวล เขาแอบเป็นห่วงลูซี่
ท่ามกลางความสงสัย ออสตินเลือกที่จะอดทนและรอจังหวะเหมาะสม เขารู้ดีว่าการเปิดโปงตัวตนของมาร์คัสต่อหน้าลูซี่ในเวลานี้จะยิ่งทำให้เธอตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น และนั่นทำให้เขาต้องอดทน แม้ความมืดของมาร์คัสจะท้าทายความสงบของเขาอยู่ทุกวินาที
“ลู!! เป็นไรเปล่า” จินดาโน้มตัวเข้ามาใกล้ๆ กระซิบถามเพื่อนด้วยความสงสัยและแปลกใจ เมื่อลูซี่เอาแต่จ้องมองไปยังโต๊ะที่อยู่มุมสุดของบาร์ในระหว่างที่กำลังรอเครื่องดื่มจากหนุ่มบาร์เทนเดอร์
“ฉันรู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองอยู่ตลอดเลย” เธอหันไปมองยังโต๊ะเดิมอีกครั้งก่อนจะพบว่ามีชายหนุ่ม 2 คนนั่งอยู่ รอยยิ้มของทั้งคู่พิศวงเหมือนซ่อนอะไรบางอย่าง
“ลูซี่! ยกเครื่องดื่มไปให้บอสหน่อย อยู่ห้องทำงานชั้นสองนะ” คุณผู้จัดการเดินมาเข้ามาพร้อมถาดเครื่องดื่ม แก้ว 1 ใบกับขวดวิสกี้ยี่ห้อดังกับไวน์อย่างละขวด
“ดะ….ได้ค่ะ ” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาลังเลเล็กน้อย ทั้งแปลกใจและเป็นกังวลเพราะข่าวลือที่ว่าเด็กเสิร์ฟสาวคนไหนขึ้นไปห้องทำงานของบอส วันต่อมาต้องลาออกกันทุกคน
ไม่รู้ว่าทำไม!? แต่ทุกครั้งที่ต้องเอาเครื่องดื่มขึ้นไปให้ ส้มโอจะให้เด็กเสิร์ฟผู้ชายขึ้นไปแทนแต่ทำไมครั้งนี้เป็นเธอ
ชั้นสองของบาร์ลึกลับเต็มไปด้วยบรรยากาศที่อึมครึมทางเดินทอดยาวนำไปสู่ห้องทำงานของบอสปกคลุมด้วยแสงไฟนีออนสีแดงหม่น ๆ ที่ส่องแสงริบหรี่จากผนังด้านหนึ่ง แสงไฟกะพริบเป็นจังหวะไม่สม่ำเสมอ ราวกับหลอดไฟเก่าใกล้จะดับ
‘แต่งซะน่ากลัวเชียว’
ลูซี่พึมพำเสียงแผ่ว มือเรียวทั้งสองถือถาดเครื่องดื่มเอาไว้แน่น ดวงตาคู่สวยพยายามจับจ้องทางข้างหน้าอย่างไม่กะพริบ เร่งฝีเท้าให้ไวขึ้นกว่านี้เพราะเริ่มรู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่ทำให้ขนอ่อนทั้งแขนขาลุกชัน
เสียงรองเท้าส้นเข็มดังกระทบกับพื้นกระเบื้องมันวาวในความเงียบแถมได้กลิ่นบุหรี่ที่ผสมกับแอลกอฮอล์เก่า ๆ ลอยอวลในอากาศ ผนังด้านหนึ่งประดับด้วยภาพถ่ายเก่า ๆ ขาวดำที่ดูเหมือนจ้องมองตามทุกย่างก้าวของผู้เดินผ่าน
‘คุณผีอย่าพึ่งออกมาหลอกนะคะ’
พลันความคิดบ้าๆ ก็แล่นเข้ามาในหัว บรรยากาศมันชวนให้ต้องคิด วังเวงเสียเหลือเกิน.....
ลูซี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ดึงตัวเองออกมาจากจินตนาการไม่ให้หลงไปกับบรรยากาศตรงหน้าแม้ว่าระหว่างทางในบางช่วงจะมีเสียงก้องของแก้วกระทบกันจากบาร์ชั้นล่างแต่พอเดินไปลึกขึ้นเรื่อยๆ เสียงเหล่านั้นก็ดูเหมือนจะค่อย ๆ หายไป
เหลือไว้เพียงเสียงลมหายใจของตัวเองที่สะท้อนกลับมาอย่างวังเวง บนทางเดินดูเหมือนยาวไม่มีที่สิ้นสุด
‘เฮ้อ~ เข้าไปดีไหมเนี่ย ’
เธอถอดหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นประตูไม้บานใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ปลายทางแต่กลับรู้สึกถึงบรรยากาศที่แสนจะกดดัน ราวกำลังเตือนให้เธอคิดให้ดีก่อนที่จะเคาะเข้าไปด้านใน
ลูซี่สูดลมหายใจเข้าอีกครั้งเป็นการตั้งสติ ถือถาดด้วยมือข้างซ้ายเพียงข้างเดียวก่อนจะยกมือข้างขวาเคาะประตูบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเป็นการบอกให้คนด้านในรับรู้ถึงการมาของเธอก๊อก ก๊อก ก๊อก!!“บอสค่ะ!”เมื่อไร้เสียงการตอบรับเธอเลยถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปด้านในห้อง ภาพในหัวตอนแรกที่ส้มโอใช้ให้ขึ้นมา ลูซี่คิดว่าต้องมีชายร่างบึกบึนยืนคุมอยู่หน้าห้องแน่ๆ แต่ไม่ใช่เลยเพียงแค่ก้าวเข้ามาในห้องความเย็นของเครื่องปรับอากาศก็กระทบเข้ากับผิวขาวๆ ของเธอ เย็นฉ่ำจนขนลุก พื้นในห้องนี้ปูด้วยไม้เนื้อแข็งสีเข้มที่มันวาวจากการขัดเงา ผนังห้องบางส่วนประดับด้วยแผงไม้แกะสลักและชั้นหนังสือที่เต็มไปด้วยเล่มหนังสือปกแข็งเรียงรายเป็นแผง‘ ว้าว! ’ สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเธอมากที่สุดก็คือหน้าต่างบานใหญ่ที่กินพื้นที่เกือบทั้งผนังด้านหนึ่ง มันเป็นกระจกใสที่สามารถมองลงไปยังชั้นล่างของบาร์ได้อย่างชัดเจน จากมุมนี้ แสงไฟนีออนและเงาผู้คนที่เคลื่อนไหวด้านล่างให้ความรู้สึกเหมือนกำลังมองภาพยนตร์ฉายซ้ำอย่างไม่มีที่สิ้นสุด‘ เจ้ส้มแอบอู้นะเนี่ย ’ ไม่แปลกที่บอสจะเห็นความเคลื่อนไหวของพนักงานตัวเองทั้งหมด กระจกบานนี้ทำมาเพื่อสิ่งนี้โดย
เสียงฝนกระหน่ำตกอย่างหนักในค่ำคืนที่มืดมิด ออสตินวางร่างของลูซี่อย่างนุ่มนวลลงบนเตียงในห้องพักของเขาที่ชั้นบนสุดของตึกสูง ร่างของเธอยังคงซีดเซียว ริมฝีปากแห้งผาก และมีรอยเลือดจาง ๆ ที่ยังคงเปรอะเปื้อนอยู่“เธอจะต้องไม่เป็นอะไร...” ออสตินพึมพำกับตัวเอง ดวงตาแดงฉานมองดูเธอด้วยความรู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องเธอได้เขาหยิบผ้าชุบน้ำเย็นมาเช็ดใบหน้าของเธอ หยุดมือไว้ครู่หนึ่งที่แก้มของลูซี่ ความอ่อนโยนของเธอทำให้หัวใจที่เคยแข็งกร้าวของเขาสั่นไหว รู้สึกถึงความอ่อนแอในใจของตนที่ไม่ควรมีออสตินนั่งลงข้างเตียง มือหนาจับผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นแล้วบรรจงเช็ดใบหน้าที่ซีดเซียวของลูซี่อย่างแผ่วเบา เขามองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและห่วงใย ผิวของเธอยังคงอุ่นจัดจากพิษไข้และผลกระทบจากพลังที่ถูกปลุกขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ“ นางเป็นยังไงบ้าง? ” อาคินปรากฏตัวในเงาสลัวของห้อง ใบหน้าเคร่งขรึมแต่ดวงตาฉายแววห่วงใยพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง“ก็อย่างที่เห็น....เธอสูญเสียพลังไปมาก” ออสตินตอบเสียงแผ่ว ดวงตายังคงจับจ้องที่ลูซี่ กุมมือของเธอเอาไว้แน่นด้วยความเป็นห่วง“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมพวกมันถึงหานางเจอ?” อ
ลูซี่รู้สึกตัวตื่นขึ้นในช่วงสายของอีกวัน เธอหลับไปนานมาก เสียงนกร้องแผ่วเบานอกหน้าต่างทำให้เธอลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้คือความอุ่นจากอ้อมแขนที่โอบรอบตัวเธอไว้ เธอกะพริบตาหลายครั้งพยายามปรับสายตา ก่อนจะพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่บนเตียงนุ่มๆ ของตัวเอง แต่กลับนอนอยู่ในอ้อมแขนของออสติน เจ้าของห้องที่กำลังหลับอยู่ใกล้ๆ“โอ้ย...” เธอพึมพำแผ่วเบา มือเรียวกุมศีรษะของตัวเองเพราะรู้สึกปวดหัวอย่างแรงเพียงแค่เธอขยับตัวเล็กน้อย ออสตินก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาทันที ดวงตาสีเทาลึกลับของเขาลืมขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นลูซี่ตื่นขึ้นมาเสียงมีดกระทบกับเขียงดังเป็นจังหวะ สลับกับกลิ่นหอมของวัตถุดิบที่กำลังถูกเตรียมอย่างพิถีพิถัน แต่ในระหว่างนั้น หูอันวิเศษของเขาก็ได้ยินเสียงกริ่งดังมาจากห้องพักของลูซี่ที่อยู่ชั้นล่าง ดวงตาคมหลับลงก่อนจะเปิดใช้พลังพิเศษเพื่อมองทะลุผ่านชั้นต่างๆ เพื่อดูว่าใครมาหาเธอถึงที่ภาพที่เห็นทำให้เขาหรี่ตาเล็กน้อย จินดาและมาร์คัสกำลังกดกริ่งที่หน้าห้องของลูซี่ ทั้งคู่ดูเหมือนกำลังคุยอะไรบางอย่าง จินดาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเจ้าของห้อง ขณะ
ลูซี่สะดุ้งตื่นก่อนฟ้าสาง รอยสัมผัสจากออสตินยังคงตราตรึงในจิตใจและร่างกายของเธอ ความสับสนและความรู้สึกผิดโหมกระหน่ำจนยากจะรับไหว รอยสักรูปปีกนกที่ข้อมือซ้ายเรืองแสงอ่อนๆ ราวกับเตือนถึงพันธะที่เธอไม่อาจหลีกหนีได้เธอตัดสินใจหนีออกจากห้องของออสตินในขณะที่เขายังหลับสนิท จิตใจที่อ่อนแอผลักดันให้สร้างพลังป้องกันไม่ให้เขาตามหาเธอได้ง่าย เมื่อถึงเซฟโซน น้ำตาแห่งความสับสนก็ร่วงหล่นอย่างห้ามไม่อยู่ในชั้นเรียนช่วงเช้า ลูซี่แทบไม่อาจจดจ่อกับอะไรได้ เสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมชั้นดูเลือนรางราวกับเธอถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ดวงตาคู่สวยของเธอจ้องมองรอยสักที่ข้อมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันย้ำเตือนว่าเธอไม่ได้เป็นเพียงนักศึกษาธรรมดาแต่มีชะตากรรมอันยิ่งใหญ่รออยู่แม้แต่จินดาก็ยังเห็นความผิดปกติของเธอ พยายามถามไถ่แต่ลูซี่ปฏิเสธทุกครั้ง กระนั้น แววตาของเธอไม่อาจหลอกเพื่อนคนนี้ได้“เย็นนี้ไปเที่ยว เปลี่ยนบรรยากาศหน่อยไหม? จะได้ไม่เครียด”“อือ ไปก็ไป”ลูซี่ลังเลครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าตอนรับเพื่อนสาว เธอต้องการหลีกหนีความคิดของตัวเองและหวังว่าการเปลี่ยนบรรยากาศจะช่วยให้จิตใจสงบขึ้นด้านของออสติน เขาสะดุ้งตื่นขึ้นในความ
“ข้าคิดถูกที่จับนางมาเป็นตัวล่อเจ้า” ราเฟลยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ ทุกครั้งที่เขาใช้กรงเล็บสัมผัสตัวของลูซี่ ออสตินจะคลั่งเป็นพิเศษ“ราเฟล!!” ออสตินคำรามออกมาอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาพุ่งทะยานเข้าหาอดีตเพื่อนด้วยความเดือดดาลออสตินและราเฟลปะทะกันด้วยพลังอันดุเดือด เปลวไฟสีดำจากออสตินและแสงสีทองของราเฟลปะทะกันกลางอากาศจนเกิดเสียงกัมปนาทสะท้อนก้องไปทั่วขุมนรกลูซี่รู้สึกตัวตื่นขึ้นหลังจากหมดสติไป ดวงตาคู่สวยค่อยๆ ปรือขึ้นอย่างช้าๆ แสงสว่างวาบของสองหนุ่มที่ปะทะกันทำให้สติที่เลื่อนลางของเธอกลับมาอย่างรวดเร็ว ภาพตรงหน้าทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัว ทั้งกลัวและโกรธมึนงงสับสนไปหมด‘ พอได้แล้ว! ’เสียงพึมพำแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากที่ซีดเซียว ลูซี่ก้มหน้าพยายามควบคุมบ้างสิ่งบ้างอย่างที่อยู่ด้านในจิตใจ พลังที่หลับใหลของเธอมันกำลังตื่นตัว ร่างกายของคนตัวเล็กเริ่มเปล่งประกายแสงสีฟ้าจางๆแกร็ก!เสียงแตกหักของโซ่ตรวนขนาดใหญ่ที่ล่ามเธอเอาไว้เริ่มส่งเสียงดังก้องไปทั่วบริเวณ มันดังมากจนราเฟลที่กำลังฟาดพลังใส่ออสติน ถึงกับชะงัก เขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นแสงสว่างรอบตัวของเธอ“เป็นไปไม่ได้!! เธอไม
หลังจากที่ผ่านเรื่องราวครั้งนั้นมาได้ ชีวิตของลูซี่ก็อยู่ยากขึ้นไปอีก ออสตินให้เธอสวมใส่สร้อยคริสตัลแห่งคาร์ซัสเอาไว้ เพื่อกักเก็บพลังของเธอไม่ให้แผ่ขยายคลื่นพลังออกมา มันเลยทำให้พวกปีศาจสัมผัสหาตำแหน่งของเธอไม่ได้ แต่ยังมีเรื่องของมาร์คัสที่เขายังเป็นกังวลอยู่“สองสาวกลับบ้านเลยเหรอ? ให้เราไปส่งไหม” มาร์คัสส่งยิ้มให้พร้อมกับแววตาที่มั่นคง“โอกาสหน้านะ ^_^ เย็นนี้พวกเรามีงานจ๊ะ”“งานอะไรอะ!? บาร์ของพวกเธอปิดปรับปรุงไม่ใช่เหรอ? ” น้ำเสียงสงสัยถามขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบจากจินดาแต่คราวนี้เธอกลับนิ่งเงียบไป“ก็เด็กเสิร์ฟเหมือนเดิมนั่นแหละ เจอกันนะมาร์คัส ” ลูซี่สวนขึ้นตอบคำถามของชายหนุ่ม เธอเลี่ยงตอบไปเพราะไม่อยากให้เขาไปส่ง ช่วงนี้ออสตินยิ่งยืนคำขาดห้ามไม่ให้เธอเข้าใกล้อีกฝ่ายงานใหม่ที่ว่าคืองานถ่ายแบบ ลูซี่แอบไปคุยเอาไว้ในวันที่ออสตินบอกว่าจะขอจีบเธอ และงานนี้ก็ได้เงินเยอะมากกว่าเด็กเสิร์ฟเสียอีกแม้ว่าสมบัติที่พ่อแม่ทิ้งเอาไว้ให้จะมหาศาลใช้ยังไงก็ไม่หมดแต่ลูซี่ไม่อยากอยู่เฉยๆ ก็เลยหางานทำเป็นเพื่อนจินดา“เลิกกองครับ!” เสียงทุ้มเข้มของผู้กำกับกังวานไปทั่วห้องสตูหลังจากที่เสื้อผ้าเซทชุดถ่าย
หลังจากงานถ่ายแบบจบลง บรรยากาศก็เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น เสียงจินดาและลูซี่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานกับทีมงานบางส่วนในห้องแต่งตัวก็ต่างต้องชะงักเมื่อมาร์คัสเดินเข้ามาหาทั้งคู่พร้อมรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี“เก่งสุดๆ เลย ไปกินข้าวกันปะ.....เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง” มาร์คัสเอ่ยชวนพลางเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าสะพายให้กับลูซี่" เอาสิ! กำลังหิวเลย " จินดาที่ได้ยินถึงกับตาเป็นประกายตอบรับเขาด้วยท่าทีที่สดใสแต่ในระหว่างที่อีกคนกำลังจะเอ่ยปากตอบตกลง เสียงทุ้มไม่พอใจก็ดังขึ้นพร้อมเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างสามคน แถมยังใช้สายตาอาฆาตมองชายหนุ่มตรงหน้าราวกับโกรธกันมานาน" ลูซี่ไม่ว่าง เธอมีเรื่องต้องกลับไปทำ " น้ำเสียงของเขาเย็นชาแต่แฝงความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจนแถมยังดึงคนตัวเล็กมาโอบด้วย" มันแค่กินข้าวเองนะ อีกอย่างหนูก็หิวมากด้วย " เธอทำหน้ายู่ใส่เขาอย่างออดอ้อนแต่เขากลับมองเธอด้วยสายตาที่แน่วแน่" คุณออสตินดูจะหวงลูซี่มากเลยนะครับ แต่ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี "" ฉันไม่สนว่านายมีเจตนาอะไร!! ฉันสนแค่ว่าอย่ามายุ่งกับลูซี่ " ออสตินกัดฟันสวนกลับทันที ดวงตาสีแดงมองอีกฝ่ายราวกับกำลังเตือนพลังงานบางอย่างแผ่กระจายเป็นรั
ลูซี่พุ่งตัวเข้าสู่ความมืด เสียงกรีดร้องและกระซิบแปลก ๆ ดังแทรกในอากาศราวกับพยายามทำลายสติ สมาธิของเธอ เงาดำรูปร่างประหลาดคืบคลานเข้ามาจากทั่วทุกทิศทาง พวกมันเหมือนภาพสะท้อนของความกลัวและความลังเลในจิตใจของเธอ" ลูซี่ เธอไม่มีวันชนะ! " เสียงทุ้มกังวานของออสตินสะท้องก้อง มันเต็มไปด้วยความเย้ยหยันที่ดังขึ้นอย่างสะใจ“คุณอย่าดูถูกหนูนะ!” ลูซี่ตะโกนกลับ เธอปล่อยพลังแสงสีฟ้าจากมือ แสงนั้นระเบิดออกเป็นวงกว้าง เผาเงาดำรอบตัวจนพวกมันสลายไปแต่ก่อนที่เธอจะได้พักหายใจ พื้นดินก็เริ่มแตกออก เธอเสียหลักล้มลงในความว่างเปล่า ดวงตาของเธอเบิกกว้างเมื่อพบว่าเธอกำลังเผชิญหน้ากับบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่ามันคือออสตินอีกคน ร่างของเขาเปล่งออร่าสีดำ ปีกสีดำมหึมาขยายกางเต็มที่ บนศีรษะของเขามีเขาแหลมงอกออกมาสองอัน ทรงพลังและเย็นชา ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์ ดวงตาเต็มไปด้วยความมืด" นี่คือฉันที่แท้จริง!! ตัวฉันที่ไม่สามารถถูกทำลายได้ เธอคิดว่าแสงเล็ก ๆ ของเธอจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้งั้นเหรอ? ลูซี่ " เสียงเรียบไร้อารมณ์ยังคงก้องไปทั่วขุมนรก" หนูไม่สนว่าคุณจะเป็นอะไร พลังเล็ก ๆ ของหนูอาจจะไม่มากพอ แต่หนูจะลอง....จะไม่มีวัน
ลมหนาวพัดพาหิมะโปรยปรายทั่วท้องฟ้าแห่งอังกฤษ คืนนี้คือคืนที่ทุกอย่างดูเงียบสงบ ลูซี่จับจูงมือออสตินข้ามสะพานหินเล็กๆ ไปยังคฤหาสน์แอลเบอร์ บ้านหลังใหญ่ที่เคยเป็นของพ่อเธอ สถานที่ที่บรรจุความทรงจำในวัยเด็ก แม้ว่าตอนนี้มันจะดูว่างเปล่าและเย็นเยือก" ที่นี่คือบ้านของพ่อหนู " ลูซี่เอ่ยเสียงเบา ใบหน้าซ่อนรอยยิ้มเศร้าหลังจากสำรวจคฤหาสน์อยู่พักใหญ่ พวกเขาเดินออกมาที่สวนด้านหลัง ซึ่งเป็นที่ตั้งของหลุมศพพ่อแม่ลูซี่ หิมะที่ตกหนักปกคลุมทุกสิ่งเหมือนผ้าห่มสีขาวสะอาดตา" คุณพ่อ คุณแม่ค่ะ หนูพาคนหล่อมาแนะนำให้รู้จัก ตอนนี้หนูแต่งงานกับเขาแล้วนะ " ลูซี่นั่งลงข้างหลุมศพ มือของเธอเอื้อมไปลูบแผ่นหินจารึกชื่อของพ่อแม่เธอด้วยความอ่อนโยน พลางชูมือข้างซ้ายโชว์แหวนเพชรสวยๆที่นิ้วนาง" คุณนายและคุณแอลเบอร์ ผมไม่อาจขอพรใดจากท่าน นอกจากขอให้ท่านรับรู้ว่าผมจะอยู่เคียงข้างลูซี่ ดูแลเธอด้วยทุกสิ่งที่ผมมี ทั้งชีวิตและจิตวิญญาณของผม " ออสตินย่อตัวลงข้างเธอ ใบหน้าหล่อฉีกยิ้มอย่างชอบใจก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นสายลมหนาวพัดผ่าน เสมือนเสียงตอบรับเงียบๆ จากธรรมชาติ ลูซี่ยิ้มทั้งน้ำตาขณะที่เธอเอนหัวลงบนไ
ค่ำคืนนี้ท้องฟ้ามืดมิดไร้เงาจันทร์ สายลมเย็นพัดผ่านสวนหลังของคฤหาสน์หลังใหญ่ อากาศเย็นจับใจจนเธอต้องห่อตัวในเสื้อคลุมหนา ส่วนทางด้านของออสติน เขายืนอยู่ที่ระเบียง มือทั้งสองของเขาเท้าราวเหล็ก มองท้องฟ้าสีดำสนิทด้วยสายตาที่ลูซี่ไม่เคยเห็นมาก่อนสายตาแห่งความคิดถึงและความเจ็บปวด“ ออสติน คุณคิดอะไรอยู่เหรอ? ” ลูซี่เอ่ยถามในขณะที่เดินเข้าไปหาและโอบกอดเขาจากทางด้านหลัง“ อดีต…” เขาตอบเสียงเบา แต่คำ คำนั้นกลับหนักหน่วงราวกับบรรทุกเรื่องราวนับพันไว้ในใจลูซี่เลิกคิ้วด้วยความสงสัย เธอไม่ค่อยได้ยินเขาพูดถึงอดีตก่อนที่เขาจะกลายเป็นลูซิเฟอร์เลย เธอคลายอ้อมกอดแล้วเดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆกับเขา พร้อมเอียงคอมองดูอีกฝ่ายด้วยแววตาที่อยากรู้“ เล่าให้หนูฟังหน่อยได้ไหม? ” เธอถามอย่างอ่อนโยน“ ถ้าเธออยากฟัง ฉันจะเล่า…” เขาว่าพลางจูงมือของเธอไปนั่งที่โซฟา ที่อยู่ไม่ไกลในยุคเริ่มต้นของทุกสิ่ง ออสตินเคยเป็นเทวทูตผู้สูงส่งที่สุดในสวรรค์ เขาเป็นผู้คุมแสงสว่าง ผู้ที่เหล่าเทวทูตน้อยใหญ่ต่างเคารพนับถือ“ ฉันเคยรักสวรรค์… มันคือบ้านของฉัน ” ออสตินกล่าว น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความคิดถึง“ แต่ความรักนั้นกลับกลายเป
ออสตินนั่งอยู่บนบัลลังก์สีดำอันสง่างาม เปลวเพลิงแห่งนรกลุกโชนรอบตัวเขา สายตาเต็มไปด้วยอำนาจและความหนักแน่น ปีศาจน้อยใหญ่ต่างมองเขาด้วยสายตาเคารพยำเกรง แต่เมื่อสายตาเขาหันไปสบกับลูซี่ที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ความดุดันในแววตานั้นก็อ่อนลงลูซี่ก้าวเข้ามาใกล้ ร่างของเธอสง่างามราวกับเทพธิดา แต่ในสายตาของปีศาจทุกตน เธอคือราชินีผู้สงบอำนาจแห่งความมืด........" หนูตัดสินใจได้แล้ว! ถ้าคุณจะเป็นราชาของที่นี่ หนูจะอยู่ข้างคุณ...ในฐานะราชินีเช่นกัน " ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบระยับด้วยความสุข น้ำเสียงอ่อนหวานแต่นุ่มลึกคำพูดนั้นทำให้ออสตินเบิกตากว้าง ยันกายลุกขึ้นจากบัลลังก์ทันที ก้าวลงไปรับราชินีของเขาด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความดีใจ รอยยิ้มกว้างฉายอย่างชัดเจนบนใบหน้าหล่อ" เธอตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม? " น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความหวัง“ค่ะ!! แต่ทุกอย่างต้องเป็นไรตามกติกาของหนูนะ”" กติกาของเธอ? ช่างกล้าต่อรองจังเลยนะ " ออสตินหัวเราะเบา ๆ อย่างพึงพอใจ" หนูจะอยู่ข้างคุณ แต่คุณต้องเคารพการตัดสินใจของหนู ให้อิสระที่จะเลือกเส้นทางของตัวเองและหนูจะอยู่กับคุณในฐานะคู่ชีวิต ไม่ใช่ในฐานะผู
หลังจากจัดการกับมาร์คัสในนรก ออสตินและอาคินเดินทางกลับขึ้นมายังโลกมนุษย์แต่พวกเขาไม่ได้มีเวลาให้พักผ่อน ทันทีที่ปรากฏตัวบนพื้นโลก ทั้งสองพบว่าปีศาจจำนวนมากหลุดออกมาจากรอยแยกที่เชื่อมระหว่างโลกมนุษย์และขุมนรกเสียงกรีดร้องของผู้คนดังระงม ปีศาจตัวใหญ่และตัวเล็กเพ่นพ่านไปทั่วเมือง สร้างความเสียหายและความโกลาหล" เราต้องรีบกำจัดพวกมันให้หมดก่อนที่ทุกอย่างจะพังมากกว่านี้! " ออสตินกล่าวขณะเรียกอาวุธคู่ใจของเขาออกมาส่วนทางด้านอาคินก็ใช้พลังแห่งการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว จัดการกับปีศาจตัวเล็กที่วิ่งพล่านไปทั่ว เขากระโจนไปมาระหว่างอาคาร ใช้ดาบเงินแทงและฟันปีศาจจนหายวับไปทีละตัวออสตินเผชิญหน้ากับปีศาจระดับสูงที่มีพลังแข็งแกร่งกว่า เขาใช้เปลวเพลิงจากพลังลูซิเฟอร์เผาผลาญปีศาจเหล่านั้น บ้างก็ใช้เวทมนตร์ปิดกั้นทางหลบหนี บังคับให้พวกมันต่อสู้กับเขาจนถึงที่สุดปีศาจบางตัวพยายามจะหลบหนีไปยังเขตที่มีผู้คน แต่ทั้งออสตินและอาคินทำงานเป็นทีมอย่างยอดเยี่ยม คอยสกัดพวกมันไม่ให้หนีออกไปสร้างความเสียหายเพิ่มเติมในกลุ่มปีศาจที่หลุดออกมา มีหนึ่งตัวที่โดดเด่นและทรงพลังที่สุด มันคือ " เมธัส " ปีศาจยักษ์ที่มีร่างกา
@Gates of Midnightสถานที่ลึกลับนี้ดูแตกต่างจากที่เขาจำได้ รอยร้าวขนาดมหึมาปรากฏขึ้นตรงกลางห้องโถง เหล่าปีศาจกำลังหลั่งไหลออกมาจากรอยแยกนั้น เสียงคำรามกึกก้องสะท้อนไปทั่วทั้งสถานที่" แกยังกล้ามาที่นี่อีกเหรอ ออสติน? " เจ้าของเสียงทุ้มคือราเฟลคนเดิมเพื่อนเก่า หัวหน้าผู้นำกลุ่มกบฏ เขาปรากฏตัวยืนอยู่ตรงหน้าประตูด้วยท่าทีเคร่งขรึม" ข้ามาที่นี่เพื่อปิดมัน " ออสตินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ดวงตาคมดั่งไฟจ้องมองปีศาจที่กำลังหลั่งไหลออกมา“ถ้าคิดว่าทำได้!! ก็เข้ามาสิ” ราเฟลยิ้มเยาะพลางตั้งการ์ดให้พร้อมสำหรับการปะทะกันในครั้งนี้ออสตินแสยะยิ้มออกมาอย่างชอบใจก่อนจะเปิดใช้อำนาจของลูซิเฟอร์เต็มรูปแบบ พื้นดินสั่นสะเทือนและเปลวเพลิงจากนรกก็เริ่มโหมกระหน่ำขึ้นเกมพลังแห่งความมืดครั้งใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น การต่อสู้ที่ไม่ได้เดิมพันแค่ชีวิตของออสตินแต่รวมถึงชะตากรรมของทั้งโลกมนุษย์และขุมนรกด้านของลูซี่ เธอยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางพายุที่บ้าคลั่ง พลังที่มาร์คัสปลดปล่อยออกมา เธอพยายามรวบรวมสมาธิเพื่อใช้พลังมหาศาลของตัวเองขัดขวางเขา ท่ามกลางความสับสนของพลังที่ปะทะกัน เสียงตะโกนของจินดาก็ดังแทรกขึ้น" ลูซี่!"เธอหั
ช่วงเช้าของวันใหม่ แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างในห้องนอน เธอลุกขึ้นจากเตียงและตรงเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาแต่ในระหว่างที่น้ำอุ่นกำลังไหลผ่านผิว เธอรู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ ภาพแปลก ๆ เริ่มปรากฏขึ้นในหัวของเธอมันเป็นภาพเงามืดของปีศาจและเสียงกระซิบที่ทำให้เธอขนลุกด้วยความตื่นตระหนก เธอคว้าผ้าขนหนูมาพันตัวไว้และรีบวิ่งออกจากห้องน้ำโดยลืมตัวไปว่าเธออยู่ในสภาพไม่เหมาะสม“ ออสติน! หนูเห็นแปลกๆ ภาพอีกแล้ว!.....เอ้ย! ภาพแปลกๆ ”เธอตะโกนพลางวิ่งไปที่ห้องนั่งเล่นแต่ก็ต้องชะงักทันที เพราะนอกจากออสตินที่นั่งอยู่บนตรงโซฟาแล้วยังมีอาคินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันด้วย เขาส่งยิ้มให้กับเธอก่อนจะลากสายตาลงมาเรื่อยๆ“ ลูซี่!”ออสตินเบิกตากว้างเมื่อเห็นเธอในสภาพพันผ้าขนหนูผืนเดียว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวงทันที รีบลุกขึ้นจากโซฟาตรงไปหาลูซี่ก่อนจะลากกลับเข้าไปในห้องขณะที่อาคินเลิกคิ้วขึ้นด้วยความตกใจปนขำ“คุณฟังหนูก่อน! หนูภาพบางอย่าง.....มันน่ากลัวมากด้วย”“แต่งตัวก่อนแล้วค่อยว่ากัน” เขากระซิบเสียงต่ำแต่เต็มไปด้วยความจริงจัง ก่อนจะปิดประตูห้องนอนลงเขาปล่อยให้ลูซี่แต่งตัวส่วนตัวเองก็กลับมา
ในขณะที่ออสตินกำลังค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับ กุญแจแห่งสวรรค์อยู่ในสถานที่ลับแห่งหนึ่ง บรรยากาศรอบตัวก็เริ่มเปลี่ยนไป พลังงานมืดอันหนาแน่นแผ่ซ่านจนแม้แต่ออสตินเองก็รู้สึกถึงความผิดปกติ เขาหยุดนิ่งมองกวาดไปรอบๆ ก่อนจะแสยะยิ้มออกมา" ออกมาเถอะ พวกเจ้าซ่อนพลังได้แย่มาก " ออสตินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา สายตาของเขาจับจ้องไปยังเงามืดในมุมหนึ่งทันใดนั้น กลุ่มปีศาจในเงาก็ปรากฏตัวขึ้น พวกมันเป็นสมาชิกของ กลุ่มกบฏแห่งขุมนรก ซึ่งหวังจะล้มลูซิเฟอร์และยึดครองนรกเป็นของตัวเอง" เจ้ามันอ่อนแอเกินกว่าจะเป็นเจ้าแห่งนรก!! ถึงเวลาแล้วที่พวกข้าจะทวงอำนาจคืน " หนึ่งในปีศาจเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มเหยียดหยาม" ลูซิเฟอร์... เจ้าคิดว่าตัวเองยังแข็งแกร่งพอจะปกครองเราได้เหรอ?? ถึงเวลาที่นรกจะต้องมีผู้นำคนใหม่แล้ว " ปีศาจอีกตนพูดเสริมขึ้นมาพร้อมกับหันไปหัวเราะสะใจกับพวกของมัน“ถ้าคิดว่าจะล้มข้าได้ก็เข้ามาสิวะ ไอ้พวกสวะ!!” ออสตินยิ้มเยาะแต่สายตาของเขาเต็มไปด้วยความระวังตัวพวกมันคำรามออกมาอย่างดังสนั่นก้องไปทั่ว ปีศาจทั้งกลุ่มพุ่งเข้าโจมตีออสตินพร้อมกัน พลังของพวกมันมากมายและดุดันจนทำให้บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยความวุ่นวายร
ลูซี่นั่งนิ่งอยู่ในความมืดขณะสายลมเย็นเฉียบพัดผ่านเข้ามาในห้อง เธอกุมมือไว้แน่น พยายามบอกตัวเองว่าเธอพร้อมสำหรับทุกสิ่ง เธอมั่นใจว่าเกมแห่งเจตจำนงเป็นเพียงอีกหนึ่งอุปสรรคที่เธอจะผ่านไปได้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา‘ฉันน่าจะรับมือกับทุกอย่างได้ ’เธอพูดเบา ๆ กับตัวเอง ก่อนเริ่มเกมหญิงสาวมั่นใจมากพลังเต็มเปี่ยมแต่พอหลังจากเกมจบลงความมั่นใจนั้นกลับถูกสั่นคลอนอย่างรุนแรง ออสตินไม่ได้เป็นเพียงคู่ต่อสู้ธรรมดา เขาเป็นเหมือนคลื่นยักษ์ที่ถาโถมใส่เธอทุกทิศทาง ความแข็งแกร่งและความเจ้าเล่ห์ของเขาทำให้ลูซี่รู้สึกเหมือนถูกกดดันจนแทบจะหายใจไม่ออกความรู้สึกหนักอึ้งแทรกซึมเข้ามาในจิตใจของเธอทีละน้อย มันไม่ใช่แค่เรื่องของพลังที่เธอมีหรือไม่มี แต่เป็นเรื่องของจิตใจของเธอเอง ทุกคำพูด ทุกการกระทำของออสตินดูเหมือนจะสร้างกับดักในใจเธอ‘ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้...’ลูซี่พึมพำในใจ พลางหลับตาลงพยายามรวบรวมสติ เธอเคยคิดว่าพร้อมจะเผชิญหน้ากับทุกสถานการณ์แต่ตอนนี้ความจริงกลับท้าทายความเชื่อมั่นของเธอหญิงสาวยังคงนั่งเงียบ เหม่อลอยอยู่ในห้อง ดวงตาสีอ่อนสะท้อนความสับสนและหนักอึ้ง เธอคิดว่าการชนะเกมแห่งเจตจำนงจะทำให้เธอเป
ลูซี่พุ่งตัวเข้าสู่ความมืด เสียงกรีดร้องและกระซิบแปลก ๆ ดังแทรกในอากาศราวกับพยายามทำลายสติ สมาธิของเธอ เงาดำรูปร่างประหลาดคืบคลานเข้ามาจากทั่วทุกทิศทาง พวกมันเหมือนภาพสะท้อนของความกลัวและความลังเลในจิตใจของเธอ" ลูซี่ เธอไม่มีวันชนะ! " เสียงทุ้มกังวานของออสตินสะท้องก้อง มันเต็มไปด้วยความเย้ยหยันที่ดังขึ้นอย่างสะใจ“คุณอย่าดูถูกหนูนะ!” ลูซี่ตะโกนกลับ เธอปล่อยพลังแสงสีฟ้าจากมือ แสงนั้นระเบิดออกเป็นวงกว้าง เผาเงาดำรอบตัวจนพวกมันสลายไปแต่ก่อนที่เธอจะได้พักหายใจ พื้นดินก็เริ่มแตกออก เธอเสียหลักล้มลงในความว่างเปล่า ดวงตาของเธอเบิกกว้างเมื่อพบว่าเธอกำลังเผชิญหน้ากับบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่ามันคือออสตินอีกคน ร่างของเขาเปล่งออร่าสีดำ ปีกสีดำมหึมาขยายกางเต็มที่ บนศีรษะของเขามีเขาแหลมงอกออกมาสองอัน ทรงพลังและเย็นชา ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์ ดวงตาเต็มไปด้วยความมืด" นี่คือฉันที่แท้จริง!! ตัวฉันที่ไม่สามารถถูกทำลายได้ เธอคิดว่าแสงเล็ก ๆ ของเธอจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้งั้นเหรอ? ลูซี่ " เสียงเรียบไร้อารมณ์ยังคงก้องไปทั่วขุมนรก" หนูไม่สนว่าคุณจะเป็นอะไร พลังเล็ก ๆ ของหนูอาจจะไม่มากพอ แต่หนูจะลอง....จะไม่มีวัน