ลูซี่สูดลมหายใจเข้าอีกครั้งเป็นการตั้งสติ ถือถาดด้วยมือข้างซ้ายเพียงข้างเดียวก่อนจะยกมือข้างขวาเคาะประตูบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเป็นการบอกให้คนด้านในรับรู้ถึงการมาของเธอ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!
“บอสค่ะ!”
เมื่อไร้เสียงการตอบรับเธอเลยถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปด้านในห้อง ภาพในหัวตอนแรกที่ส้มโอใช้ให้ขึ้นมา ลูซี่คิดว่าต้องมีชายร่างบึกบึนยืนคุมอยู่หน้าห้องแน่ๆ แต่ไม่ใช่เลย
เพียงแค่ก้าวเข้ามาในห้องความเย็นของเครื่องปรับอากาศก็กระทบเข้ากับผิวขาวๆ ของเธอ เย็นฉ่ำจนขนลุก พื้นในห้องนี้ปูด้วยไม้เนื้อแข็งสีเข้มที่มันวาวจากการขัดเงา ผนังห้องบางส่วนประดับด้วยแผงไม้แกะสลักและชั้นหนังสือที่เต็มไปด้วยเล่มหนังสือปกแข็งเรียงรายเป็นแผง
‘ ว้าว! ’
สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเธอมากที่สุดก็คือหน้าต่างบานใหญ่ที่กินพื้นที่เกือบทั้งผนังด้านหนึ่ง มันเป็นกระจกใสที่สามารถมองลงไปยังชั้นล่างของบาร์ได้อย่างชัดเจน จากมุมนี้ แสงไฟนีออนและเงาผู้คนที่เคลื่อนไหวด้านล่างให้ความรู้สึกเหมือนกำลังมองภาพยนตร์ฉายซ้ำอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
‘ เจ้ส้มแอบอู้นะเนี่ย ’
ไม่แปลกที่บอสจะเห็นความเคลื่อนไหวของพนักงานตัวเองทั้งหมด กระจกบานนี้ทำมาเพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะ จับผิดพนักงานของตัวเองและล่อสาวๆ ขึ้นมาทดลองงาน.......
ลูซี่ละสายตาจากกระจกบานใหญ่เดินมากลางห้องที่มีโต๊ะทำงานไม้โอ๊คขนาดใหญ่ที่ดูหนักแน่นและหรูหรา ด้านบนเต็มไปด้วยเอกสาร กองแฟ้ม และแก้ววิสกี้ที่วางไว้ครึ่งแก้ว เก้าอี้หนังตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ด้านหลังดูราวกับบัลลังก์ ส่วนด้านมุมห้องมีโซฟาหนังสีดำและโต๊ะกาแฟกระจกใสที่สะท้อนแสงไฟจากโคมระย้าที่ห้อยลงมาจากเพดาน
แสงไฟในห้องเป็นแสงสลัวจากโคมไฟตั้งโต๊ะและไฟติดผนังที่ให้บรรยากาศอบอุ่น แต่กลับแฝงด้วยความเคร่งขรึมและน่าเกรงขาม กลิ่นของหนังเก่า ไม้ และบุหรี่จาง ๆ ทำให้ห้องนี้ดูเหมือนเป็นโลกส่วนตัวที่ไม่อาจแตะต้องได้ง่าย ๆ
หญิงสาวถือวิสาสะเก็บแฟ้มเอกสารบนโต๊ะให้เรียบร้อย ในระหว่างที่กำลังเอื้อมมือไปหยิบแฟ้มสุดท้ายโดยไม่ทันสังเกตสิ่งรอบข้าง เสียงเท้าของเธอกระทบพื้นเบา ๆ ขณะที่เธอเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง
“ ลูซี่! ”
เสียงเรียกดังจากด้านหลังทำเอาเธอสะดุ้งโหยง ราวกับหัวใจหล่นวูบลงไปที่ปลายเท้า ในจังหวะตกใจนั้น มือของเธอที่ถือแฟ้มไว้แน่นเหวี่ยงขึ้นตามสัญชาตญาณ หวิดจะฟาดเข้าที่หัวของใครบางคนที่เดินเข้ามาใกล้
“เฮ้ ใจเย็นหน่อย!”
เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นหูทำให้เธอชะงัก มือที่กำลังจะฟาดหยุดค้างกลางอากาศ ดวงตาของเธอเบิกกว้างเมื่อเห็นคนตรงหน้าชายหนุ่มในชุดสูทสีดำที่ดูเรียบง่าย แต่กลับเปล่งออร่าของคนที่อยู่เหนือกว่า
“ออสติน! คุณเล่นบ้าอะไรเนี่ย แล้วมาทำอะไรที่นี่” ลูซี่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขรึมมองเขาด้วยสายตางุนงง พลางลดแฟ้มในมือลง รู้สึกว่าหัวใจยังเต้นตุบ ๆ อยู่ในอก
“ฉันมาดูงาน” ออสตินตอบเรียบ ๆ แต่สายตาของเขากวาดมองรอบห้องอย่างพิจารณา
“ในฐานะบอสคนใหม่ของที่นี่”
“บอสคนใหม่? คุณล้อเล่นใช่ไหม?” คำพูดของเขาทำให้ลูซี่อ้าปากค้าง เธอใช้เวลาสักพักกว่าจะรวบรวมสติเอ่ยถามกลับไป
“ไม่ได้ล้อเล่น! ฉันนี่แหละบอสคนใหม่ของบาร์แห่งนี้”
ลูซี่จ้องเขาอย่างไม่เชื่อสายตา แต่ก็ต้องยอมรับความจริงเมื่อเห็นเอกสารและสัญญาที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกเหมือนชีวิตเธอจะวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม
“ไหน ๆ เราก็มีเรื่องให้ฉลองแล้ว ทำไมไม่ดื่มเป็นเพื่อนฉันสักแก้วละ?” เขาเอ่ยขึ้นพลางยกขวดไวน์ที่ลูซี่เอาขึ้นมาให้เทใส่แก้วทรงสูงแล้วยื่นให้กับเธอ
“เพื่อบอสคนใหม่ของเธอ และเพื่อการเริ่มต้นใหม่” เขายิ้มมุมปากก่อนจะยกกระดกวิสกี้ที่อยู่ในแก้วของตัวเอง
“เริ่มต้นใหม่? คุณหมายถึง?” ลูซี่เลิกคิ้วพร้อมยิ้มมุมปาก ในใจคิดไปไกลเพราะเขาก็ถือว่าเป็นสเปคอันดับหนึ่งในใจที่อยากได้มาเป็นพ่อของลูก
“หมายถึงความสัมพันธ์ของเราไง” ออสตินตอบทันทีราวกับอ่านใจของเธอ น้ำเสียงของเขาฟังดูจริงจังและแฝงไปด้วยความอ่อนโยน
“ฟังดูเหมือน...คุณกำลังจีบหนูอยู่เลยนะคะ” ลูซี่ชะงักเล็กน้อย หลุบตามองแก้วเครื่องดื่มในมือของตัวเอง เสียงพูดแผ่วแต่คำพูดนั้นก็ทำให้เธอหน้าแดงจนต้องหลบสายตาเขา
“แล้วเธอคิดว่าไงล่ะ?” ออสตินหัวเราะเบา ๆ จ้องเธอด้วยสายตาที่ทั้งอบอุ่นและมั่นคง
ลูซี่อึกอักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้นจิบเล็กน้อยเพื่อกลบเกลื่อนความประหม่าแต่เขากลับทำให้เธอหวั่นไหว ใบหน้าของเขาใกล้กับเธอมากจนหัวใจของลูซี่เริ่มเต้นเร็วขึ้น
“เป็นของฉันนะ”
สิ้นเสียงของเขาเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน สายตาของทั้งสองสบกัน ลูซี่รู้สึกถึงหัวใจของตัวเองที่เต้นกระหน่ำราวกับมันจะหลุดออกมา ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างเมื่อริมฝีปากของเขาแตะลงมาทาบริมฝีปากของเธอ
กรี๊ดดดด!!!
เสียงโหวกเหวกโวยวายและเสียงกรีดร้องจากด้านล่างดังขึ้นจนทำลายบรรยากาศเป็นเหตุให้ทั้งสองต้องผละถอนจูบออกจากกัน
“เสียงอะไรน่ะ? มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น?” ลูซี่ผงะตกใจหันมองไปยังกระจกบานใหญ่ทันที
“ห้ามลงไปเด็ดขาด เข้าใจไหม?” เสียงทุ้มเข้มกังวานที่แฝงไปด้วยความดุดันออกคำสั่งเฉียบขาดใส่เธอก่อนที่เขาจะรีบพุ่งตัวออกไปดูสถานการณ์ด้านล่าง
เมื่อออสตินปรากฏตัวที่ชั้นล่าง ภาพที่เห็นคือคาอินกำลังปะทะกับพวกปีศาจหลายตนตรงกลางบาร์ เฟอร์นิเจอร์ล้มระเนระนาด เศษแก้วกระจัดกระจายทั่วพื้น ลูกค้าและพนักงานที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างกรีดร้องหนีออกไปกันอย่างโกลาหล
“ พวกแกคิดจริง ๆ เหรอว่าจะชนะข้าได้ง่าย ๆ? ” คาอินที่โดนตวัดกรงเล็บเข้าเต็มแขนขวา แต่เขากลับยิ้มเย้ยพวกปีศาจอย่างไม่หวาดหวั่น
“คาอิน!” ออสตินตะโกน พร้อมพุ่งตัวเข้าไปเสริม เขาปล่อยพลังออกมาทำให้อากาศรอบตัวเปลี่ยนไปทันที เงาแดงเพลิงจากปีกของเขากางออกเหนือร่าง คลื่นพลังนั้นทำให้พวกปีศาจชะงัก
“เจ้ามาทันเวลาพอดี” คาอินพูดเสียงหอบ พลางลุกขึ้นยืนพร้อมจับดาบในมือแน่น
“พวกมันต้องการอะไร?” ออสตินถาม ขณะปลดคลายกระดุมเสื้อที่อกช้า ๆ ร่างกายเขาเปล่งพลังสีแดงเข้มราวกับไฟในนรก
“กระตุ้นให้นางใช้พลังแต่ข้าไม่มีทางปล่อยให้พวกมันทำสำเร็จหรอก” คาอินตอบสวนอย่างรวดเร็ว
ออสตินพยักหน้า ก่อนจะหันไปทางพวกปีศาจ ดวงตาสีแดงของเขาจ้องมองพวกมันราวกับจะทะลุผ่านจิตวิญญาณ
“พวกมึงกล้ามาก!!! ” ออสตินเอ่ยเสียงต่ำ ทว่ามันกลับก้องกังวานไปทั่วบริเวณกว้าง
พวกปีศาจร้องคำรามก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้ง เสียงปะทะดังสนั่น ลำแสงสีแดงจากพลังของออสตินและดาบของคาอินฟาดใส่พวกปีศาจอย่างไม่ยั้ง บาร์ที่เคยเต็มไปด้วยความคึกครื้น ตอนนี้กลับกลายเป็นสมรภูมิที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงและเสียงคำราม
บนชั้นสองลูซี่ที่มองผ่านกระจกบานใหญ่ เธอเห็นภาพทุกอย่างชัดเจน ร่างกายสั่นไปทั้งตัว ไม่ใช่เพราะกลัวแต่เป็นเพราะความรู้สึกบางอย่างที่ค่อย ๆ ตื่นขึ้นในใจ
เสียงคำรามของพวกปีศาจที่ดังก้องในหัวของลูซี่ เธอแทบจะไม่สนใจสิ่งใดนอกจากภาพของออสตินที่กำลังเสียเปรียบ พลังปีศาจที่รุมโจมตีอย่างหนักทำให้เขาอ่อนแรงลงทุกขณะ
“ออสติน!” เธอร้องเรียกสุดเสียงก่อนจะวิ่งลงบันไดมาจากชั้นสองด้วยความตื่นตระหนก
เสียงตะโกนของลูซี่ทำให้หนึ่งในปีศาจหันขวับมาทางเธอ ดวงตาสีดำสนิทของมันเต็มไปด้วยความกระหายและเจ้าเล่ห์
“ไม่! ลูซี่!!” ออสตินคำราม พยายามพุ่งเข้าไปหาปีศาจที่เปลี่ยนเป้าหมาย แต่มันเร็วกว่าที่เขาคาดไว้
ปีศาจตนนั้นพุ่งตรงมาหาลูซี่ มันคว้าคอเธอด้วยกรงเล็บอันแหลมคม บีบแน่นจนเธอแทบหายใจไม่ออก
“ลูซี่!” ออสตินคำรามลั่น สายตาแดงฉานด้วยโทสะ
“ผู้หญิงคนนี้สำคัญกับแกขนาดนั้นเลยเหรอ? ดี!! ดูสิว่าแกจะเป็นยังไงถ้านางเจ็บปวด เจียนตาย ฮ่า ฮ่า ” เจ้าหัวหน้าปีศาจหัวเราะเบา ๆ อย่างชอบใจ
ลูซี่พยายามดิ้นรนสุดชีวิต มือเรียวพยายามปัดป้องแต่แรงของมันมากเกินกว่าที่เธอจะต่อกรได้ ดวงตาของเธอเริ่มพร่ามัว หัวใจเต้นแรงด้วยความกลัวและเจ็บปวด
“ ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้! ” ออสตินคำราม ร่างกายของเขาปลดปล่อยพลังที่เก็บกดไว้ เสียงแตกหักของอากาศดังลั่นเมื่อปีกมหึมาแผ่กางออกกระพือกลางอากาศ
“ ฮ่าฮ่า...ใช่แล้ว! โกรธเข้าไป! ปลดปล่อยตัวตนของแกออกมา! ” ปีศาจตนนั้นคำรามด้วยความสะใจ มันบีบคอของลูซี่แน่นขึ้น หวังเร่งเร้าให้พลังของเธอตื่นขึ้นพร้อมกับกระตุ้นให้ออสตินเผยร่างแท้จริง
ลูซี่เริ่มรู้สึกเหมือนบางอย่างในตัวเธอกำลังเดือดพล่านขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาของเธอค่อย ๆ เปล่งแสงสีทองสว่างจ้า
“ ออสติน~ ” เธอพึมพำเสียงแผ่ว ขณะที่ความรู้สึกบางอย่างในจิตใจกำลังจะระเบิดออกมา มันกำลังเผาพล่านไปทั้งร่าง ลูซี่ค่อยๆ หลับตาลงอนึ่งกำลังตั้งสติก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะเบิกกว้างอีกครั้ง
ดวงตากลมโตสวยงามบัดนี้ได้กลายเป็นสีแดงเพลิงประกายดำที่พร้อมทำลายทุกสิ่งให้แหลกเป็นจุน........
แสงสว่างจากดวงตาของลูซี่พุ่งออกมาเป็นลำ พุ่งชนปีศาจจนมันร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะกระเด็นออกไปพร้อมกับตัวของเธอที่เจ็บอย่างหนักไม่ต่างกัน
ลูซี่ร่วงลงกับพื้นอย่างหมดสภาพ โชคดีที่ออสตินพุ่งเข้าไปรับเธอเอาไว้ได้ทันเวลาพอดี ใบหน้าสวยซีดเซียว เลือดทะลักออกจากปากและจมูก มือหนาสั่นเทากอดเธอเอาไว้แน่น
“ ฉันขอโทษ ลูซี่ ฉันไม่ควรปล่อยให้เธอมาอยู่ในอันตรายแบบนี้ ” เขาประคองเธอในอ้อมแขน ดวงตายังคงเต็มไปด้วยความโกรธและความหวาดกลัว
ลูซี่มองเขาด้วยแววตาที่พร่ามัวร่างกายอ่อนแรงในอ้อมแขนของชายหนุ่ม ขณะที่พลังในตัวเธอค่อย ๆ สงบลง แสงสีทองในดวงตาเธอเริ่มจางหายไป
เสียงหอบหายใจของลูซี่เบาเหลือเกิน ร่างของเธอในอ้อมแขนของออสตินแทบไม่มีแรงจะขยับ เลือดสีแดงสดไหลออกจากจมูกของเธอไม่หยุดจนเปื้อนเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาเป็นดวงๆ
“ ลูซี่! อย่าหลับนะ! ” ออสตินพยายามเรียกสติของเธอด้วยน้ำเสียงร้อนรน ดวงตาสีแดงของเขาสั่นไหวไปด้วยความกลัว
หญิงสาวไม่สามารถประคองสติได้อีกต่อไป ร่างกายของเธออ่อนแรงมากหลังจากใช้พลังครั้งแรกจนในที่สุดเปลือกตาก็ปิดสนิท เธอสลบไปในอ้อมแขนของเขา
“ ออสติน! พานางออกไปเดี๋ยวนี้! ” เสียงของคาอินดังขึ้นจากด้านล่าง เขากำลังต่อสู้กับปีศาจที่เหลืออยู่ด้วยความดุดัน
“ ข้าจะจัดการพวกมันเอง ส่วนพวกมนุษย์ที่อยู่ที่นี่ เดี๋ยวข้าจะลบความทรงจำให้หมด ไม่ต้องห่วง! ” คาอินปรายตามองไปทางจินดาและส้มโอที่ยังสลบไสลอยู่บนโซฟาอย่างไร้สติ
ออสตินเกิดอาการลังเลเล็กน้อยเพราะคาอินเองก็เจ็บหนักแต่เมื่อเห็นลูซี่ที่กำลังทรุดหนักในอ้อมแขน เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเธอในตอนนี้
“ ฝากด้วย! ” เขาตะโกนกลับไป ก่อนจะพุ่งตัวออกไปจากบาร์ทันที ร่างสูงพุ่งทะยานผ่านความมืดมิดในค่ำคืน มุ่งตรงไปยังที่ปลอดภัยเพื่อช่วยชีวิตของลูซี่
คาอินเหลือบมองตามหลังของออสตินที่หายลับไปในเงา ก่อนจะหันกลับมาสะบัดดาบในมือ ฟาดฟันพวกปีศาจที่เหลือจนสิ้นซาก แสงสว่างสีเงินจากดาบของเขาทำให้บาร์ทั้งแห่งสว่างไสว
“ พวกแกพลาดไปแล้วที่คิดจะทำลายคนสำคัญของเจ้าแห่งนรก ”
คาอินกระซิบเสียงต่ำก่อนจะลงมือจัดการทุกอย่างอย่างเรียบร้อยหลังจากนั้นก็ไปจัดการคนที่นอนไม่ได้สติและฟื้นฟูทุกอย่างในร้านให้กลับมาเหมือนเดิม
“ ส่วนพวกเจ้าจะกลับมาทำงานเหมือนเดิมในอีก 1 ชั่วโมงข้างหน้า ” เขาจัดการลบความทรงจำของมนุษย์ทั้งหมดในบาร์ ให้เหลือเพียงค่ำคืนธรรมดาในความทรงจำของพวกเขา
เสียงฝนกระหน่ำตกอย่างหนักในค่ำคืนที่มืดมิด ออสตินวางร่างของลูซี่อย่างนุ่มนวลลงบนเตียงในห้องพักของเขาที่ชั้นบนสุดของตึกสูง ร่างของเธอยังคงซีดเซียว ริมฝีปากแห้งผาก และมีรอยเลือดจาง ๆ ที่ยังคงเปรอะเปื้อนอยู่“เธอจะต้องไม่เป็นอะไร...” ออสตินพึมพำกับตัวเอง ดวงตาแดงฉานมองดูเธอด้วยความรู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องเธอได้เขาหยิบผ้าชุบน้ำเย็นมาเช็ดใบหน้าของเธอ หยุดมือไว้ครู่หนึ่งที่แก้มของลูซี่ ความอ่อนโยนของเธอทำให้หัวใจที่เคยแข็งกร้าวของเขาสั่นไหว รู้สึกถึงความอ่อนแอในใจของตนที่ไม่ควรมีออสตินนั่งลงข้างเตียง มือหนาจับผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นแล้วบรรจงเช็ดใบหน้าที่ซีดเซียวของลูซี่อย่างแผ่วเบา เขามองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและห่วงใย ผิวของเธอยังคงอุ่นจัดจากพิษไข้และผลกระทบจากพลังที่ถูกปลุกขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ“ นางเป็นยังไงบ้าง? ” อาคินปรากฏตัวในเงาสลัวของห้อง ใบหน้าเคร่งขรึมแต่ดวงตาฉายแววห่วงใยพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง“ก็อย่างที่เห็น....เธอสูญเสียพลังไปมาก” ออสตินตอบเสียงแผ่ว ดวงตายังคงจับจ้องที่ลูซี่ กุมมือของเธอเอาไว้แน่นด้วยความเป็นห่วง“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมพวกมันถึงหานางเจอ?” อ
ลูซี่รู้สึกตัวตื่นขึ้นในช่วงสายของอีกวัน เธอหลับไปนานมาก เสียงนกร้องแผ่วเบานอกหน้าต่างทำให้เธอลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้คือความอุ่นจากอ้อมแขนที่โอบรอบตัวเธอไว้ เธอกะพริบตาหลายครั้งพยายามปรับสายตา ก่อนจะพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่บนเตียงนุ่มๆ ของตัวเอง แต่กลับนอนอยู่ในอ้อมแขนของออสติน เจ้าของห้องที่กำลังหลับอยู่ใกล้ๆ“โอ้ย...” เธอพึมพำแผ่วเบา มือเรียวกุมศีรษะของตัวเองเพราะรู้สึกปวดหัวอย่างแรงเพียงแค่เธอขยับตัวเล็กน้อย ออสตินก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาทันที ดวงตาสีเทาลึกลับของเขาลืมขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นลูซี่ตื่นขึ้นมาเสียงมีดกระทบกับเขียงดังเป็นจังหวะ สลับกับกลิ่นหอมของวัตถุดิบที่กำลังถูกเตรียมอย่างพิถีพิถัน แต่ในระหว่างนั้น หูอันวิเศษของเขาก็ได้ยินเสียงกริ่งดังมาจากห้องพักของลูซี่ที่อยู่ชั้นล่าง ดวงตาคมหลับลงก่อนจะเปิดใช้พลังพิเศษเพื่อมองทะลุผ่านชั้นต่างๆ เพื่อดูว่าใครมาหาเธอถึงที่ภาพที่เห็นทำให้เขาหรี่ตาเล็กน้อย จินดาและมาร์คัสกำลังกดกริ่งที่หน้าห้องของลูซี่ ทั้งคู่ดูเหมือนกำลังคุยอะไรบางอย่าง จินดาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเจ้าของห้อง ขณะ
ลูซี่สะดุ้งตื่นก่อนฟ้าสาง รอยสัมผัสจากออสตินยังคงตราตรึงในจิตใจและร่างกายของเธอ ความสับสนและความรู้สึกผิดโหมกระหน่ำจนยากจะรับไหว รอยสักรูปปีกนกที่ข้อมือซ้ายเรืองแสงอ่อนๆ ราวกับเตือนถึงพันธะที่เธอไม่อาจหลีกหนีได้เธอตัดสินใจหนีออกจากห้องของออสตินในขณะที่เขายังหลับสนิท จิตใจที่อ่อนแอผลักดันให้สร้างพลังป้องกันไม่ให้เขาตามหาเธอได้ง่าย เมื่อถึงเซฟโซน น้ำตาแห่งความสับสนก็ร่วงหล่นอย่างห้ามไม่อยู่ในชั้นเรียนช่วงเช้า ลูซี่แทบไม่อาจจดจ่อกับอะไรได้ เสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมชั้นดูเลือนรางราวกับเธอถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ดวงตาคู่สวยของเธอจ้องมองรอยสักที่ข้อมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันย้ำเตือนว่าเธอไม่ได้เป็นเพียงนักศึกษาธรรมดาแต่มีชะตากรรมอันยิ่งใหญ่รออยู่แม้แต่จินดาก็ยังเห็นความผิดปกติของเธอ พยายามถามไถ่แต่ลูซี่ปฏิเสธทุกครั้ง กระนั้น แววตาของเธอไม่อาจหลอกเพื่อนคนนี้ได้“เย็นนี้ไปเที่ยว เปลี่ยนบรรยากาศหน่อยไหม? จะได้ไม่เครียด”“อือ ไปก็ไป”ลูซี่ลังเลครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าตอนรับเพื่อนสาว เธอต้องการหลีกหนีความคิดของตัวเองและหวังว่าการเปลี่ยนบรรยากาศจะช่วยให้จิตใจสงบขึ้นด้านของออสติน เขาสะดุ้งตื่นขึ้นในความ
“ข้าคิดถูกที่จับนางมาเป็นตัวล่อเจ้า” ราเฟลยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ ทุกครั้งที่เขาใช้กรงเล็บสัมผัสตัวของลูซี่ ออสตินจะคลั่งเป็นพิเศษ“ราเฟล!!” ออสตินคำรามออกมาอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาพุ่งทะยานเข้าหาอดีตเพื่อนด้วยความเดือดดาลออสตินและราเฟลปะทะกันด้วยพลังอันดุเดือด เปลวไฟสีดำจากออสตินและแสงสีทองของราเฟลปะทะกันกลางอากาศจนเกิดเสียงกัมปนาทสะท้อนก้องไปทั่วขุมนรกลูซี่รู้สึกตัวตื่นขึ้นหลังจากหมดสติไป ดวงตาคู่สวยค่อยๆ ปรือขึ้นอย่างช้าๆ แสงสว่างวาบของสองหนุ่มที่ปะทะกันทำให้สติที่เลื่อนลางของเธอกลับมาอย่างรวดเร็ว ภาพตรงหน้าทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัว ทั้งกลัวและโกรธมึนงงสับสนไปหมด‘ พอได้แล้ว! ’เสียงพึมพำแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากที่ซีดเซียว ลูซี่ก้มหน้าพยายามควบคุมบ้างสิ่งบ้างอย่างที่อยู่ด้านในจิตใจ พลังที่หลับใหลของเธอมันกำลังตื่นตัว ร่างกายของคนตัวเล็กเริ่มเปล่งประกายแสงสีฟ้าจางๆแกร็ก!เสียงแตกหักของโซ่ตรวนขนาดใหญ่ที่ล่ามเธอเอาไว้เริ่มส่งเสียงดังก้องไปทั่วบริเวณ มันดังมากจนราเฟลที่กำลังฟาดพลังใส่ออสติน ถึงกับชะงัก เขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นแสงสว่างรอบตัวของเธอ“เป็นไปไม่ได้!! เธอไม
หลังจากที่ผ่านเรื่องราวครั้งนั้นมาได้ ชีวิตของลูซี่ก็อยู่ยากขึ้นไปอีก ออสตินให้เธอสวมใส่สร้อยคริสตัลแห่งคาร์ซัสเอาไว้ เพื่อกักเก็บพลังของเธอไม่ให้แผ่ขยายคลื่นพลังออกมา มันเลยทำให้พวกปีศาจสัมผัสหาตำแหน่งของเธอไม่ได้ แต่ยังมีเรื่องของมาร์คัสที่เขายังเป็นกังวลอยู่“สองสาวกลับบ้านเลยเหรอ? ให้เราไปส่งไหม” มาร์คัสส่งยิ้มให้พร้อมกับแววตาที่มั่นคง“โอกาสหน้านะ ^_^ เย็นนี้พวกเรามีงานจ๊ะ”“งานอะไรอะ!? บาร์ของพวกเธอปิดปรับปรุงไม่ใช่เหรอ? ” น้ำเสียงสงสัยถามขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบจากจินดาแต่คราวนี้เธอกลับนิ่งเงียบไป“ก็เด็กเสิร์ฟเหมือนเดิมนั่นแหละ เจอกันนะมาร์คัส ” ลูซี่สวนขึ้นตอบคำถามของชายหนุ่ม เธอเลี่ยงตอบไปเพราะไม่อยากให้เขาไปส่ง ช่วงนี้ออสตินยิ่งยืนคำขาดห้ามไม่ให้เธอเข้าใกล้อีกฝ่ายงานใหม่ที่ว่าคืองานถ่ายแบบ ลูซี่แอบไปคุยเอาไว้ในวันที่ออสตินบอกว่าจะขอจีบเธอ และงานนี้ก็ได้เงินเยอะมากกว่าเด็กเสิร์ฟเสียอีกแม้ว่าสมบัติที่พ่อแม่ทิ้งเอาไว้ให้จะมหาศาลใช้ยังไงก็ไม่หมดแต่ลูซี่ไม่อยากอยู่เฉยๆ ก็เลยหางานทำเป็นเพื่อนจินดา“เลิกกองครับ!” เสียงทุ้มเข้มของผู้กำกับกังวานไปทั่วห้องสตูหลังจากที่เสื้อผ้าเซทชุดถ่าย
หลังจากงานถ่ายแบบจบลง บรรยากาศก็เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น เสียงจินดาและลูซี่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานกับทีมงานบางส่วนในห้องแต่งตัวก็ต่างต้องชะงักเมื่อมาร์คัสเดินเข้ามาหาทั้งคู่พร้อมรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี“เก่งสุดๆ เลย ไปกินข้าวกันปะ.....เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง” มาร์คัสเอ่ยชวนพลางเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าสะพายให้กับลูซี่" เอาสิ! กำลังหิวเลย " จินดาที่ได้ยินถึงกับตาเป็นประกายตอบรับเขาด้วยท่าทีที่สดใสแต่ในระหว่างที่อีกคนกำลังจะเอ่ยปากตอบตกลง เสียงทุ้มไม่พอใจก็ดังขึ้นพร้อมเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างสามคน แถมยังใช้สายตาอาฆาตมองชายหนุ่มตรงหน้าราวกับโกรธกันมานาน" ลูซี่ไม่ว่าง เธอมีเรื่องต้องกลับไปทำ " น้ำเสียงของเขาเย็นชาแต่แฝงความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจนแถมยังดึงคนตัวเล็กมาโอบด้วย" มันแค่กินข้าวเองนะ อีกอย่างหนูก็หิวมากด้วย " เธอทำหน้ายู่ใส่เขาอย่างออดอ้อนแต่เขากลับมองเธอด้วยสายตาที่แน่วแน่" คุณออสตินดูจะหวงลูซี่มากเลยนะครับ แต่ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี "" ฉันไม่สนว่านายมีเจตนาอะไร!! ฉันสนแค่ว่าอย่ามายุ่งกับลูซี่ " ออสตินกัดฟันสวนกลับทันที ดวงตาสีแดงมองอีกฝ่ายราวกับกำลังเตือนพลังงานบางอย่างแผ่กระจายเป็นรั
ลูซี่พุ่งตัวเข้าสู่ความมืด เสียงกรีดร้องและกระซิบแปลก ๆ ดังแทรกในอากาศราวกับพยายามทำลายสติ สมาธิของเธอ เงาดำรูปร่างประหลาดคืบคลานเข้ามาจากทั่วทุกทิศทาง พวกมันเหมือนภาพสะท้อนของความกลัวและความลังเลในจิตใจของเธอ" ลูซี่ เธอไม่มีวันชนะ! " เสียงทุ้มกังวานของออสตินสะท้องก้อง มันเต็มไปด้วยความเย้ยหยันที่ดังขึ้นอย่างสะใจ“คุณอย่าดูถูกหนูนะ!” ลูซี่ตะโกนกลับ เธอปล่อยพลังแสงสีฟ้าจากมือ แสงนั้นระเบิดออกเป็นวงกว้าง เผาเงาดำรอบตัวจนพวกมันสลายไปแต่ก่อนที่เธอจะได้พักหายใจ พื้นดินก็เริ่มแตกออก เธอเสียหลักล้มลงในความว่างเปล่า ดวงตาของเธอเบิกกว้างเมื่อพบว่าเธอกำลังเผชิญหน้ากับบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่ามันคือออสตินอีกคน ร่างของเขาเปล่งออร่าสีดำ ปีกสีดำมหึมาขยายกางเต็มที่ บนศีรษะของเขามีเขาแหลมงอกออกมาสองอัน ทรงพลังและเย็นชา ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์ ดวงตาเต็มไปด้วยความมืด" นี่คือฉันที่แท้จริง!! ตัวฉันที่ไม่สามารถถูกทำลายได้ เธอคิดว่าแสงเล็ก ๆ ของเธอจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้งั้นเหรอ? ลูซี่ " เสียงเรียบไร้อารมณ์ยังคงก้องไปทั่วขุมนรก" หนูไม่สนว่าคุณจะเป็นอะไร พลังเล็ก ๆ ของหนูอาจจะไม่มากพอ แต่หนูจะลอง....จะไม่มีวัน
ลูซี่นั่งนิ่งอยู่ในความมืดขณะสายลมเย็นเฉียบพัดผ่านเข้ามาในห้อง เธอกุมมือไว้แน่น พยายามบอกตัวเองว่าเธอพร้อมสำหรับทุกสิ่ง เธอมั่นใจว่าเกมแห่งเจตจำนงเป็นเพียงอีกหนึ่งอุปสรรคที่เธอจะผ่านไปได้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา‘ฉันน่าจะรับมือกับทุกอย่างได้ ’เธอพูดเบา ๆ กับตัวเอง ก่อนเริ่มเกมหญิงสาวมั่นใจมากพลังเต็มเปี่ยมแต่พอหลังจากเกมจบลงความมั่นใจนั้นกลับถูกสั่นคลอนอย่างรุนแรง ออสตินไม่ได้เป็นเพียงคู่ต่อสู้ธรรมดา เขาเป็นเหมือนคลื่นยักษ์ที่ถาโถมใส่เธอทุกทิศทาง ความแข็งแกร่งและความเจ้าเล่ห์ของเขาทำให้ลูซี่รู้สึกเหมือนถูกกดดันจนแทบจะหายใจไม่ออกความรู้สึกหนักอึ้งแทรกซึมเข้ามาในจิตใจของเธอทีละน้อย มันไม่ใช่แค่เรื่องของพลังที่เธอมีหรือไม่มี แต่เป็นเรื่องของจิตใจของเธอเอง ทุกคำพูด ทุกการกระทำของออสตินดูเหมือนจะสร้างกับดักในใจเธอ‘ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้...’ลูซี่พึมพำในใจ พลางหลับตาลงพยายามรวบรวมสติ เธอเคยคิดว่าพร้อมจะเผชิญหน้ากับทุกสถานการณ์แต่ตอนนี้ความจริงกลับท้าทายความเชื่อมั่นของเธอหญิงสาวยังคงนั่งเงียบ เหม่อลอยอยู่ในห้อง ดวงตาสีอ่อนสะท้อนความสับสนและหนักอึ้ง เธอคิดว่าการชนะเกมแห่งเจตจำนงจะทำให้เธอเป
ลมหนาวพัดพาหิมะโปรยปรายทั่วท้องฟ้าแห่งอังกฤษ คืนนี้คือคืนที่ทุกอย่างดูเงียบสงบ ลูซี่จับจูงมือออสตินข้ามสะพานหินเล็กๆ ไปยังคฤหาสน์แอลเบอร์ บ้านหลังใหญ่ที่เคยเป็นของพ่อเธอ สถานที่ที่บรรจุความทรงจำในวัยเด็ก แม้ว่าตอนนี้มันจะดูว่างเปล่าและเย็นเยือก" ที่นี่คือบ้านของพ่อหนู " ลูซี่เอ่ยเสียงเบา ใบหน้าซ่อนรอยยิ้มเศร้าหลังจากสำรวจคฤหาสน์อยู่พักใหญ่ พวกเขาเดินออกมาที่สวนด้านหลัง ซึ่งเป็นที่ตั้งของหลุมศพพ่อแม่ลูซี่ หิมะที่ตกหนักปกคลุมทุกสิ่งเหมือนผ้าห่มสีขาวสะอาดตา" คุณพ่อ คุณแม่ค่ะ หนูพาคนหล่อมาแนะนำให้รู้จัก ตอนนี้หนูแต่งงานกับเขาแล้วนะ " ลูซี่นั่งลงข้างหลุมศพ มือของเธอเอื้อมไปลูบแผ่นหินจารึกชื่อของพ่อแม่เธอด้วยความอ่อนโยน พลางชูมือข้างซ้ายโชว์แหวนเพชรสวยๆที่นิ้วนาง" คุณนายและคุณแอลเบอร์ ผมไม่อาจขอพรใดจากท่าน นอกจากขอให้ท่านรับรู้ว่าผมจะอยู่เคียงข้างลูซี่ ดูแลเธอด้วยทุกสิ่งที่ผมมี ทั้งชีวิตและจิตวิญญาณของผม " ออสตินย่อตัวลงข้างเธอ ใบหน้าหล่อฉีกยิ้มอย่างชอบใจก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นสายลมหนาวพัดผ่าน เสมือนเสียงตอบรับเงียบๆ จากธรรมชาติ ลูซี่ยิ้มทั้งน้ำตาขณะที่เธอเอนหัวลงบนไ
ค่ำคืนนี้ท้องฟ้ามืดมิดไร้เงาจันทร์ สายลมเย็นพัดผ่านสวนหลังของคฤหาสน์หลังใหญ่ อากาศเย็นจับใจจนเธอต้องห่อตัวในเสื้อคลุมหนา ส่วนทางด้านของออสติน เขายืนอยู่ที่ระเบียง มือทั้งสองของเขาเท้าราวเหล็ก มองท้องฟ้าสีดำสนิทด้วยสายตาที่ลูซี่ไม่เคยเห็นมาก่อนสายตาแห่งความคิดถึงและความเจ็บปวด“ ออสติน คุณคิดอะไรอยู่เหรอ? ” ลูซี่เอ่ยถามในขณะที่เดินเข้าไปหาและโอบกอดเขาจากทางด้านหลัง“ อดีต…” เขาตอบเสียงเบา แต่คำ คำนั้นกลับหนักหน่วงราวกับบรรทุกเรื่องราวนับพันไว้ในใจลูซี่เลิกคิ้วด้วยความสงสัย เธอไม่ค่อยได้ยินเขาพูดถึงอดีตก่อนที่เขาจะกลายเป็นลูซิเฟอร์เลย เธอคลายอ้อมกอดแล้วเดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆกับเขา พร้อมเอียงคอมองดูอีกฝ่ายด้วยแววตาที่อยากรู้“ เล่าให้หนูฟังหน่อยได้ไหม? ” เธอถามอย่างอ่อนโยน“ ถ้าเธออยากฟัง ฉันจะเล่า…” เขาว่าพลางจูงมือของเธอไปนั่งที่โซฟา ที่อยู่ไม่ไกลในยุคเริ่มต้นของทุกสิ่ง ออสตินเคยเป็นเทวทูตผู้สูงส่งที่สุดในสวรรค์ เขาเป็นผู้คุมแสงสว่าง ผู้ที่เหล่าเทวทูตน้อยใหญ่ต่างเคารพนับถือ“ ฉันเคยรักสวรรค์… มันคือบ้านของฉัน ” ออสตินกล่าว น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความคิดถึง“ แต่ความรักนั้นกลับกลายเป
ออสตินนั่งอยู่บนบัลลังก์สีดำอันสง่างาม เปลวเพลิงแห่งนรกลุกโชนรอบตัวเขา สายตาเต็มไปด้วยอำนาจและความหนักแน่น ปีศาจน้อยใหญ่ต่างมองเขาด้วยสายตาเคารพยำเกรง แต่เมื่อสายตาเขาหันไปสบกับลูซี่ที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ความดุดันในแววตานั้นก็อ่อนลงลูซี่ก้าวเข้ามาใกล้ ร่างของเธอสง่างามราวกับเทพธิดา แต่ในสายตาของปีศาจทุกตน เธอคือราชินีผู้สงบอำนาจแห่งความมืด........" หนูตัดสินใจได้แล้ว! ถ้าคุณจะเป็นราชาของที่นี่ หนูจะอยู่ข้างคุณ...ในฐานะราชินีเช่นกัน " ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบระยับด้วยความสุข น้ำเสียงอ่อนหวานแต่นุ่มลึกคำพูดนั้นทำให้ออสตินเบิกตากว้าง ยันกายลุกขึ้นจากบัลลังก์ทันที ก้าวลงไปรับราชินีของเขาด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความดีใจ รอยยิ้มกว้างฉายอย่างชัดเจนบนใบหน้าหล่อ" เธอตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม? " น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความหวัง“ค่ะ!! แต่ทุกอย่างต้องเป็นไรตามกติกาของหนูนะ”" กติกาของเธอ? ช่างกล้าต่อรองจังเลยนะ " ออสตินหัวเราะเบา ๆ อย่างพึงพอใจ" หนูจะอยู่ข้างคุณ แต่คุณต้องเคารพการตัดสินใจของหนู ให้อิสระที่จะเลือกเส้นทางของตัวเองและหนูจะอยู่กับคุณในฐานะคู่ชีวิต ไม่ใช่ในฐานะผู
หลังจากจัดการกับมาร์คัสในนรก ออสตินและอาคินเดินทางกลับขึ้นมายังโลกมนุษย์แต่พวกเขาไม่ได้มีเวลาให้พักผ่อน ทันทีที่ปรากฏตัวบนพื้นโลก ทั้งสองพบว่าปีศาจจำนวนมากหลุดออกมาจากรอยแยกที่เชื่อมระหว่างโลกมนุษย์และขุมนรกเสียงกรีดร้องของผู้คนดังระงม ปีศาจตัวใหญ่และตัวเล็กเพ่นพ่านไปทั่วเมือง สร้างความเสียหายและความโกลาหล" เราต้องรีบกำจัดพวกมันให้หมดก่อนที่ทุกอย่างจะพังมากกว่านี้! " ออสตินกล่าวขณะเรียกอาวุธคู่ใจของเขาออกมาส่วนทางด้านอาคินก็ใช้พลังแห่งการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว จัดการกับปีศาจตัวเล็กที่วิ่งพล่านไปทั่ว เขากระโจนไปมาระหว่างอาคาร ใช้ดาบเงินแทงและฟันปีศาจจนหายวับไปทีละตัวออสตินเผชิญหน้ากับปีศาจระดับสูงที่มีพลังแข็งแกร่งกว่า เขาใช้เปลวเพลิงจากพลังลูซิเฟอร์เผาผลาญปีศาจเหล่านั้น บ้างก็ใช้เวทมนตร์ปิดกั้นทางหลบหนี บังคับให้พวกมันต่อสู้กับเขาจนถึงที่สุดปีศาจบางตัวพยายามจะหลบหนีไปยังเขตที่มีผู้คน แต่ทั้งออสตินและอาคินทำงานเป็นทีมอย่างยอดเยี่ยม คอยสกัดพวกมันไม่ให้หนีออกไปสร้างความเสียหายเพิ่มเติมในกลุ่มปีศาจที่หลุดออกมา มีหนึ่งตัวที่โดดเด่นและทรงพลังที่สุด มันคือ " เมธัส " ปีศาจยักษ์ที่มีร่างกา
@Gates of Midnightสถานที่ลึกลับนี้ดูแตกต่างจากที่เขาจำได้ รอยร้าวขนาดมหึมาปรากฏขึ้นตรงกลางห้องโถง เหล่าปีศาจกำลังหลั่งไหลออกมาจากรอยแยกนั้น เสียงคำรามกึกก้องสะท้อนไปทั่วทั้งสถานที่" แกยังกล้ามาที่นี่อีกเหรอ ออสติน? " เจ้าของเสียงทุ้มคือราเฟลคนเดิมเพื่อนเก่า หัวหน้าผู้นำกลุ่มกบฏ เขาปรากฏตัวยืนอยู่ตรงหน้าประตูด้วยท่าทีเคร่งขรึม" ข้ามาที่นี่เพื่อปิดมัน " ออสตินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ดวงตาคมดั่งไฟจ้องมองปีศาจที่กำลังหลั่งไหลออกมา“ถ้าคิดว่าทำได้!! ก็เข้ามาสิ” ราเฟลยิ้มเยาะพลางตั้งการ์ดให้พร้อมสำหรับการปะทะกันในครั้งนี้ออสตินแสยะยิ้มออกมาอย่างชอบใจก่อนจะเปิดใช้อำนาจของลูซิเฟอร์เต็มรูปแบบ พื้นดินสั่นสะเทือนและเปลวเพลิงจากนรกก็เริ่มโหมกระหน่ำขึ้นเกมพลังแห่งความมืดครั้งใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น การต่อสู้ที่ไม่ได้เดิมพันแค่ชีวิตของออสตินแต่รวมถึงชะตากรรมของทั้งโลกมนุษย์และขุมนรกด้านของลูซี่ เธอยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางพายุที่บ้าคลั่ง พลังที่มาร์คัสปลดปล่อยออกมา เธอพยายามรวบรวมสมาธิเพื่อใช้พลังมหาศาลของตัวเองขัดขวางเขา ท่ามกลางความสับสนของพลังที่ปะทะกัน เสียงตะโกนของจินดาก็ดังแทรกขึ้น" ลูซี่!"เธอหั
ช่วงเช้าของวันใหม่ แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างในห้องนอน เธอลุกขึ้นจากเตียงและตรงเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาแต่ในระหว่างที่น้ำอุ่นกำลังไหลผ่านผิว เธอรู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ ภาพแปลก ๆ เริ่มปรากฏขึ้นในหัวของเธอมันเป็นภาพเงามืดของปีศาจและเสียงกระซิบที่ทำให้เธอขนลุกด้วยความตื่นตระหนก เธอคว้าผ้าขนหนูมาพันตัวไว้และรีบวิ่งออกจากห้องน้ำโดยลืมตัวไปว่าเธออยู่ในสภาพไม่เหมาะสม“ ออสติน! หนูเห็นแปลกๆ ภาพอีกแล้ว!.....เอ้ย! ภาพแปลกๆ ”เธอตะโกนพลางวิ่งไปที่ห้องนั่งเล่นแต่ก็ต้องชะงักทันที เพราะนอกจากออสตินที่นั่งอยู่บนตรงโซฟาแล้วยังมีอาคินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันด้วย เขาส่งยิ้มให้กับเธอก่อนจะลากสายตาลงมาเรื่อยๆ“ ลูซี่!”ออสตินเบิกตากว้างเมื่อเห็นเธอในสภาพพันผ้าขนหนูผืนเดียว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวงทันที รีบลุกขึ้นจากโซฟาตรงไปหาลูซี่ก่อนจะลากกลับเข้าไปในห้องขณะที่อาคินเลิกคิ้วขึ้นด้วยความตกใจปนขำ“คุณฟังหนูก่อน! หนูภาพบางอย่าง.....มันน่ากลัวมากด้วย”“แต่งตัวก่อนแล้วค่อยว่ากัน” เขากระซิบเสียงต่ำแต่เต็มไปด้วยความจริงจัง ก่อนจะปิดประตูห้องนอนลงเขาปล่อยให้ลูซี่แต่งตัวส่วนตัวเองก็กลับมา
ในขณะที่ออสตินกำลังค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับ กุญแจแห่งสวรรค์อยู่ในสถานที่ลับแห่งหนึ่ง บรรยากาศรอบตัวก็เริ่มเปลี่ยนไป พลังงานมืดอันหนาแน่นแผ่ซ่านจนแม้แต่ออสตินเองก็รู้สึกถึงความผิดปกติ เขาหยุดนิ่งมองกวาดไปรอบๆ ก่อนจะแสยะยิ้มออกมา" ออกมาเถอะ พวกเจ้าซ่อนพลังได้แย่มาก " ออสตินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา สายตาของเขาจับจ้องไปยังเงามืดในมุมหนึ่งทันใดนั้น กลุ่มปีศาจในเงาก็ปรากฏตัวขึ้น พวกมันเป็นสมาชิกของ กลุ่มกบฏแห่งขุมนรก ซึ่งหวังจะล้มลูซิเฟอร์และยึดครองนรกเป็นของตัวเอง" เจ้ามันอ่อนแอเกินกว่าจะเป็นเจ้าแห่งนรก!! ถึงเวลาแล้วที่พวกข้าจะทวงอำนาจคืน " หนึ่งในปีศาจเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มเหยียดหยาม" ลูซิเฟอร์... เจ้าคิดว่าตัวเองยังแข็งแกร่งพอจะปกครองเราได้เหรอ?? ถึงเวลาที่นรกจะต้องมีผู้นำคนใหม่แล้ว " ปีศาจอีกตนพูดเสริมขึ้นมาพร้อมกับหันไปหัวเราะสะใจกับพวกของมัน“ถ้าคิดว่าจะล้มข้าได้ก็เข้ามาสิวะ ไอ้พวกสวะ!!” ออสตินยิ้มเยาะแต่สายตาของเขาเต็มไปด้วยความระวังตัวพวกมันคำรามออกมาอย่างดังสนั่นก้องไปทั่ว ปีศาจทั้งกลุ่มพุ่งเข้าโจมตีออสตินพร้อมกัน พลังของพวกมันมากมายและดุดันจนทำให้บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยความวุ่นวายร
ลูซี่นั่งนิ่งอยู่ในความมืดขณะสายลมเย็นเฉียบพัดผ่านเข้ามาในห้อง เธอกุมมือไว้แน่น พยายามบอกตัวเองว่าเธอพร้อมสำหรับทุกสิ่ง เธอมั่นใจว่าเกมแห่งเจตจำนงเป็นเพียงอีกหนึ่งอุปสรรคที่เธอจะผ่านไปได้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา‘ฉันน่าจะรับมือกับทุกอย่างได้ ’เธอพูดเบา ๆ กับตัวเอง ก่อนเริ่มเกมหญิงสาวมั่นใจมากพลังเต็มเปี่ยมแต่พอหลังจากเกมจบลงความมั่นใจนั้นกลับถูกสั่นคลอนอย่างรุนแรง ออสตินไม่ได้เป็นเพียงคู่ต่อสู้ธรรมดา เขาเป็นเหมือนคลื่นยักษ์ที่ถาโถมใส่เธอทุกทิศทาง ความแข็งแกร่งและความเจ้าเล่ห์ของเขาทำให้ลูซี่รู้สึกเหมือนถูกกดดันจนแทบจะหายใจไม่ออกความรู้สึกหนักอึ้งแทรกซึมเข้ามาในจิตใจของเธอทีละน้อย มันไม่ใช่แค่เรื่องของพลังที่เธอมีหรือไม่มี แต่เป็นเรื่องของจิตใจของเธอเอง ทุกคำพูด ทุกการกระทำของออสตินดูเหมือนจะสร้างกับดักในใจเธอ‘ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้...’ลูซี่พึมพำในใจ พลางหลับตาลงพยายามรวบรวมสติ เธอเคยคิดว่าพร้อมจะเผชิญหน้ากับทุกสถานการณ์แต่ตอนนี้ความจริงกลับท้าทายความเชื่อมั่นของเธอหญิงสาวยังคงนั่งเงียบ เหม่อลอยอยู่ในห้อง ดวงตาสีอ่อนสะท้อนความสับสนและหนักอึ้ง เธอคิดว่าการชนะเกมแห่งเจตจำนงจะทำให้เธอเป
ลูซี่พุ่งตัวเข้าสู่ความมืด เสียงกรีดร้องและกระซิบแปลก ๆ ดังแทรกในอากาศราวกับพยายามทำลายสติ สมาธิของเธอ เงาดำรูปร่างประหลาดคืบคลานเข้ามาจากทั่วทุกทิศทาง พวกมันเหมือนภาพสะท้อนของความกลัวและความลังเลในจิตใจของเธอ" ลูซี่ เธอไม่มีวันชนะ! " เสียงทุ้มกังวานของออสตินสะท้องก้อง มันเต็มไปด้วยความเย้ยหยันที่ดังขึ้นอย่างสะใจ“คุณอย่าดูถูกหนูนะ!” ลูซี่ตะโกนกลับ เธอปล่อยพลังแสงสีฟ้าจากมือ แสงนั้นระเบิดออกเป็นวงกว้าง เผาเงาดำรอบตัวจนพวกมันสลายไปแต่ก่อนที่เธอจะได้พักหายใจ พื้นดินก็เริ่มแตกออก เธอเสียหลักล้มลงในความว่างเปล่า ดวงตาของเธอเบิกกว้างเมื่อพบว่าเธอกำลังเผชิญหน้ากับบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่ามันคือออสตินอีกคน ร่างของเขาเปล่งออร่าสีดำ ปีกสีดำมหึมาขยายกางเต็มที่ บนศีรษะของเขามีเขาแหลมงอกออกมาสองอัน ทรงพลังและเย็นชา ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์ ดวงตาเต็มไปด้วยความมืด" นี่คือฉันที่แท้จริง!! ตัวฉันที่ไม่สามารถถูกทำลายได้ เธอคิดว่าแสงเล็ก ๆ ของเธอจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้งั้นเหรอ? ลูซี่ " เสียงเรียบไร้อารมณ์ยังคงก้องไปทั่วขุมนรก" หนูไม่สนว่าคุณจะเป็นอะไร พลังเล็ก ๆ ของหนูอาจจะไม่มากพอ แต่หนูจะลอง....จะไม่มีวัน