คืนนั้นลูซี่กลับถึงห้องด้วยเสื้อผ้าที่เปียกโชก เธออุตส่าห์นั่งดื่มกับชายแปลกทั้งคืนหวังให้ฝนที่โปรยลงมาสงบลงแต่เธอคิดผิด ขนาดกลับมาถึงห้องแล้วฝนด้านนอกก็ยังไม่มีท่าทีจะสงบลงเลย เธอใช้เวลาในการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นานก็รีบมาทิ้งตัวลงนอนที่เตียงใหญ่ทันที แต่ความรู้สึกประหลาดยังคงติดค้างอยู่ในใจ เหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่บาร์ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ
ลูซี่พยายามข่มตานอนเพราะมันดึกมากแล้ว พรุ่งนี้เธอมีเรียนแต่เช้าแถมอาจารย์ที่สอนก็กำชับอยู่หลายครั้งไม่อยากให้นักศึกษามาสายเนื่องจากมีการบรรยายที่แสนจะวิเศษแต่ทันทีที่เธอหลับตาลง ภาพของชายหนุ่มในบาร์ก็ปรากฏขึ้นดวงตาสีแดงเรืองรอง ใบหน้าคมคายที่มาพร้อมกับรอยยิ้มลึกลับที่เหมือนจะซ่อนความลับอะไรบางอย่าง
‘นี่หล่อขนาดที่เราต้องเก็บมาฝันเลยเหรอวะเนี่ย.....บ้าไปแล้ว ’
ลูซี่ส่ายหัวแรง ๆ เพื่อไล่ความคิดบ้าๆ นั้นออกไป เธอเอื้อมหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่หัวเตียงข้างๆ ขึ้นมาจิบเพียงเล็กน้อยก่อนจะพยายามทำให้ตัวเองหลับไปในที่สุด
ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ถูกฉาบไปด้วยสีแดงฉานและเปลวไฟร้อนแรงที่ลุกโหมเหมือนทะเลเพลิง เสียงเปลวเพลิงแตกระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ลูซี่ตกใจรู้สึกตัวอีกทีก็มายืนอยู่ท่ามกลางทุ่งกว้างที่ไม่มีที่สิ้นสุด เธอพยายามวิ่งหนีให้ห่างจากเปลวเพลิงที่กำลังโหมเข้ามา ทุกย่างก้าวที่เดินและวิ่ง ร่างกายเหมือนจะถูกเปลวไฟกัดกินแต่กลับไม่ไหม้เธอเสียที
" ลูซี่...เจ้าถูกเลือกแล้ว ฮ่า ฮ่า " เสียงหัวเราะแผ่วเบาทว่าหนักแน่นดังก้องสะท้อนไปทั่ว
เธอสะดุ้งหันขวับไปตามเสียงนั้นในระหว่างที่กำลังวิ่งไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย ภาพที่ปรากฏทำให้ลมหายใจของหญิงสาวต้องสะดุด ร่างสูงสง่าในเงาเปลวเพลิงที่สว่างจ้าค่อย ๆ ปรากฏชัดขึ้น ปีกสีแดงขนาดมหึมาขยายออกอย่างสง่างาม ราวกับปกคลุมโลกทั้งใบ ภาพแปลกตาตรงหน้าทำให้เธอไม่สามารถละสายตาได้เลย
“ออสติน!!! ” ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจ เธอหยุดวิ่งทันทีพร้อมกับเสียงหอบที่ดังขึ้น
ใบหน้าคมคายสะท้อนความเยือกเย็นดุจเทพพระเจ้าแห่งความมืด นัยน์ตาสีแดงเพลิงลุกโชนของเขากำลังเพ่งมองตรงมายังเธอ ความรู้สึกหวาดกลัวและลุ่มหลงแทรกซึมเข้ามาในจิตใจของลูซี่อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
" ไม่! แค่ฝันไป...เราแค่ฝันไป! " ลูซี่ตะโกนลั่นพร่ำบอกกับตัวเองว่าไม่ใช่เรื่องจริง
" เจ้าคิดว่ามันเป็นแค่ความฝันงั้นเหรอ ลูซี่? " ทั้งๆ ที่เขากำลังพูดตรงหน้าแต่ทำไมมันกลับดังกังวานในหัวของเธอ
ลูซี่ส่ายหน้าปฏิเสธพยายามจะถอยหนี แต่ขาของเธอกลับติดแน่นอยู่กับพื้น เสียงระเบิดของเปลวไฟเหมือนมันกำลังหัวเราะเยาะเธอในทุกจังหวะการหายใจ
หยาดเหงื่อเย็นเฉียบไหลท่วมหน้าผาก เธอหันหลังแล้วเริ่มวิ่งสุดชีวิตอีกครั้ง แต่พื้นดินเบื้องล่างกลับกลายเป็นหลุมดำที่กำลังจะดูดร่างของเธอลงไป เธอกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียงก่อนที่ทุกอย่างจะหมุนวนเหมือนดังพายุแห่งความสิ้นหวัง
‘เฮือก!!!’
ลูซี่หอบลมหายใจอย่างหนักเมื่อสามารถหลุดพ้นออกมาจากฝันประหลาดนั้นได้ ใบหน้าสวยท่วมไปด้วยหยาดเหงื่อจนเธอต้องยกมือข้างซ้ายขึ้นเพื่อเช็ดมันออกแต่ทว่า.........
‘นี่มัน...อะไรกันว่ะเนี่ย!? ’
รอยปีกนกสีแดงเหมือนตราประทับปรากฏขึ้นที่ข้อมือของเธอ เป็นไปได้ยังไงเธอไม่เคยสัก ลูซี่พยายามถูมันออก แต่รอยสักนั้นไม่ท่าทีจะจางหายไป แววตาสับสนมองมันด้วยความรู้สึกประหลาดใจปนความหวาดกลัวและในวินาทีนั้น.....
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!!
ลูซี่นิ่งค้างไปราวกับว่าดวงวิญญาณของเธอได้ลอยละล่องออกไปแล้วเนื่องจากเสียงเคาะที่ดังมันไม่ได้ดังมาจากหน้าประตูห้องแต่มันดังมาจากทางด้านหลังของเธอ
ตุบ ตุบ ตุบ!!
เสียงของหัวใจเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาจากอก ลูซี่ตัดสินใจค่อยๆ เดินไปดูที่หน้าต่าง มือเรียวสั่นเทายื่นออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกสติของตัวเองก่อนจะตัดสินใจกระชากผ้าม่านให้เปิดออก
‘เชี้ย!!! ’
คนตัวเล็กแทบหัวใจวายหลุดอุทานคำหยาบออกมาอย่างลืมตัวสิ่งที่เธอเห็นทำให้เธอตัวแข็งทื่อ
ออสตินยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาสีแดงของเขาจ้องมาที่เธออย่างเย็นชา ก่อนจะยกมือขึ้นแตะกระจกเบา ๆ พร้อมกับรอยยิ้มของเขาแฝงไปด้วยความลึกลับและน่ากลัว
" ฝันดีรึเปล่า...ลูซี่? " เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะล้อเลียนและยังคงมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ อย่างน่าพิศวงเช่นเคย
กรี๊ดดดดดด
ลูซี่สะดุ้งเฮือกลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแต่คราวนี้เธอพบว่าตัวเองยังนอนอยู่บนเตียงในเสื้อผ้าที่เปียกโชกเหมือนเพิ่งตากฝนมา ทว่าข้อมือข้างซ้ายยังคงมีรอยสักปีกนกสีแดงที่ไม่สามารถลบออกได้
‘ อะไรกันวะเนี่ย ฝันหรือเรื่องจริง ’
แม้จะสับสนกับเหตุการณ์ก่อนหน้าแต่รอยสักที่ข้อมือข้างซ้ายของเธอก็เป็นเครื่องยืนยันชั้นดีว่ามันคือเรื่องจริงไม่ใช่ความฝันซ้อนฝันและสิ่งที่ยืนยันได้อย่างแน่ชัดว่าเธออยู่ในโลกของความเป็นจริงแล้วก็คือเสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าสะพาย
กริ้งงงงงงง!
“ว่ายังไงจิน” เธอกรอกเสียงที่แหบลงไปพลางยันกายลุกขึ้นจากเตียงใหญ่
(พึ่งตื่นเหรอ!? เสียงแหบเชียว)
“อือ นี่กำลังจะไปอาบน้ำแล้ว” ตอบกลับทั้งๆ ที่ดวงตาคู่สวยยังคงจับจ้องไปที่หน้าต่างบานใหญ่พร้อมกับแววตาที่ตั้งคำถามอย่างไม่เข้าใจ
(ให้ไปรับไหม? มอไซค์ซ้อมเสร็จแล้วนะ)
“ไม่เป็นไร เจอกันที่มหาลัยเลย จองโต๊ะด้วยนะ”
(โอเคๆ รีบนะคนสวย)
หลังจากที่ลูซี่วางสายจากเพื่อนสาวไป เธอก็ออกไปสำรวจที่ระเบียงอีกครั้ง คนตัวเล็กชะโงกหน้าลงไปมองยังเบื้องล่างพลางส่ายหัวปฏิเสธเป็นพัลวัน ไม่มีทางเลยที่ออสตินจะขึ้นมาชั้น 20 ได้นอกเสียจากจะกางปีกแล้วบินมาหาเธอ..........
เช้าของวันนี้ลูซี่พยายามทำตัวให้ปกติมากที่สุดแม้ความฝันเมื่อคืนจะยังคงวนเวียนอยู่ในห้วงความคิดของเธอ หลังจากที่เสร็จสิ้นการบรรยายพิเศษ สองสาวเพื่อนซี้ก็พากันไปทำธุระส่วนตัวเพื่อเตรียมตัวเรียนในวิชาต่อไป
“ลู! แกไหวไหม? หน้าซีดมากเลยอะ” จินดาเอ่ยถามพลายยื่นหลังมือมาสัมผัสที่หน้าผากนูนของเพื่อนสาวและทำแบบเดียวกันกับหน้าผากของตัวเองเพื่ออุณหภูมิ
“ไหว! เดี๋ยวกลับไปค่อยกินยา ไม่อยากกินตอนนี้ วิชาต่อไปยิ่งไม่เข้าใจอยู่ด้วย” ลูซี่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบเล็กน้อย เธอดึงมือของเพื่อนออกจากหน้าผากก่อนจะเดินนำอีกฝ่ายออกมาจากห้องน้ำ
วิชาเรียนปรัชญาในช่วงบ่ายเป็นอะไรที่ง่วงมาก เธอกับเพื่อนเดินเข้ามาในห้องเรียนพร้อมแก้วกาแฟก่อนจะรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อยเพราะเพื่อนๆ ในคลาสเดียวกันกำลังพูดคุยถึงเรื่องบางอย่างด้วยสีหน้าที่สดใส ครั้นจะเอ่ยถามก็ไม่ทันเสีแล้วเพราะอาจารย์เปิดประตูเข้ามาพอดี
‘ออสติน!’
อาจารย์ที่เดินเข้ามาในห้องไม่ใช่อาจารย์ที่สอนประจำแต่กลับกลายเป็นชายหนุ่มแปลกประหลาดที่เข้าฝันของเธอเมื่อคืน หัวใจของลูซี่แทบหยุดเต้นเพราะดันไปสบเข้ากับนัยน์ตาสีแดงเพลิงของเขา
“ใครอะ!? หล่อจังเลย แกรู้จักปะ” จินดาโน้มตัวเข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับยิงคำถามโดยที่ดวงตาก็ยังคงจับจ้องชายหนุ่มรูปหล่อ
“ไม่อะ….” ลูซี่รู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที น้ำเสียงสั่นๆ ของเธอเป็นคนตอบได้อย่างดีว่ากำลังหวาดกลัวเขามากแค่ไหน
" สวัสดีทุกคน ผมชื่อออสติน จะมาเป็นอาจารย์พิเศษให้กับทุกท่าน " เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก แต่สายตาคมกริบก็ยังคงจ้องมาที่ลูซี่จนทำให้เธอรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
เพียงแค่เขาแนะนำตัว นักศึกษาสาวในห้องเรียนก็ต่างส่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แสดงท่าทีเขินอายออกมาอย่างชัดเจนจนอาจารย์อีกคนที่พาออสตินมาถึงกับต้องส่งเสียงเตือน
ตลอดคาบเรียน ลูซี่รู้สึกเหมือนเขากำลังจับตามอง เธอพยายามหลีกเลี่ยงการสบตาแต่เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างให้หญิงสาวต้องมองเขาอยู่ตลอดเช่นกันราวกับกำลังถูกอีกฝ่ายสะกดจิต
“แกรีบกลับเลยนะ ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันลาพี่ส้มให้”
“อือ ขอบคุณนะจิน เดี๋ยวดึกๆ ฉันส่งหัวข้อรายงานไปให้นะ” เธอส่งยิ้มให้เพื่อนสาวพร้อมกับเก็บหนังสือและสมุดจนใส่กระเป๋าเตรียมตัวกลับ
นี่ถือเป็นครั้งแรกในช่วงเวลา 2 ชั่วโมงที่นั่งเรียนวิชานี้ ความอึดอัดหายไปในพริบตาทันทีเมื่อออสตินออกไปจากห้องเรียน ตลอดทั้งคาบเธอไม่มีสมาธิเลยไม่รู้ว่าเป็นเพราะพิษไข้หรือความดุดันจากอาจารย์พิเศษกันแน่
" ดวงตาแห่งเอเดนได้เลือกเธอแล้ว...เธอคือผู้ถือครองพันธสัญญา ลูซี่ " ดวงตาสีแดงเรืองรองของเขาเผยให้เห็นถึงความคิดในใจ
ออสตินเฝ้าดูลูซี่อยู่ห่าง ๆ จากมุมมืดของมหาวิทยาลัยก่อนจะหายตัวไปในความมืด มุ่งหน้าสู่แผนการที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
เย็นของวันนั้นหลังจากที่กลับมาจากมหาวิทยาลัย ลูซี่มุ่งตรงกลับห้องทันทีเพราะเธอรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัว คงเพราะพิษไข้จากการตากฝนเมื่อวานแถมเธอก็ทิ้งตัวนอนไปทั้งๆ ที่เสื้อผ้าเปียกโชกเธออยากจะทิ้งตัวอีกครั้งแต่ก็ต้องฝืนเอาร่างกายของตัวเองไปชำระล้างฝุ่นและหยาดเหงื่อที่ติดตัวมาทั้งวันออกไปก่อน หวังจะให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น หลังจากใช้เวลาไม่นานเธอก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวแต่แล้วเสียงบางอย่างที่ดังอยู่หน้าห้องทำให้เธอต้องหยุดชะงักยืนตัวแข็ง“ใครน่ะ!? ” ลูซี่กำผ้าเช็ดตัวเอาไว้แน่น ตะโกนถามออกไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัวปึง!!!เสียงประตูกระแทกเข้ากับกำแพงสีขาวอย่างแรงจนเธอที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำถึงกับสะดุ้ง ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจปนหวาดกลัวเมื่อเห็นผู้บุกรุกที่ไม่มีทางจะเข้ามาได้แต่เขากลับมายืนอยู่ที่หน้าของเธอ“ออสติน!! คุณเป็นใครกันแน่ คุณต้องการอะไรจากหนู” น้ำเสียงสั่นเครือดังแผ่วๆ ดวงตาคู่สวยพร่ามัวเพราะน้ำสีใส พยายามเดินถอยหลังเรื่อยๆ ด้วยความหวาดกลัวร่างสูงก้าวเข้ามาอย่างไม่สนใจความตกใจของเธอ ดวงตาสีแดงเรืองรองของเขาจับจ้องเธอราวกับจะเจาะลึกเข้าไปในจิตใจ รัศมีขอ
สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เสียงห่าฝนเม็ดใหญ่ดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า ลมพายุพัดแรงจนต้นไม้โอนเอนไปมาเหมือนจะหักโค่นลงมาให้ได้ มองไปไกลๆ จะเห็นฟ้าแลบแปล๊บๆสร้างแสงวูบวาบให้น่าขนลุก มันผ่าลงมาเป็นระยะสร้างเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขนาดอยู่ไกลๆ ยังได้ยินอย่างชัดเจน“แน่ใจนะว่าจะกลับตอนนี้ มันตกแรงมากเลยนะ”เพื่อนสาวคนสนิทเอ่ยถามคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างกันด้วยความเป็นห่วง ฝนที่กระหน่ำลงมาเม็ดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีท่าทางทีที่จะเบาบางลงแม้แต่น้อยแต่ถ้าจะให้รอมีหวังเธอคงกลับไม่ถึงบ้านเสียที.......เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว“อือ! ไปได้อยู่...น่าจะทันรถเที่ยวสุดท้ายไม่งั้นก็รอแท็กซี่ ไปก่อนนะแล้วเจอกันพรุ่งนี้” เธอส่งยิ้มให้จินดาเพื่อนสาวคนสนิทเพียงคนเดียว ทั้งสองโบกมือลากันอย่างที่ทำทุกครั้งก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านไปพักผ่อนหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งคืน วันศุกร์ที่แสนวิเศษของนักท่องเที่ยวแต่ไม่ใช่กับพนักงานเสิร์ฟอย่างพวกเธอที่เดินจนขาลากเธอชื่อว่า ลูซี่ รุจิรา แอลเบอร์ หญิงสาววัย 20 ปี ลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ผู้มีใบหน้างดงาม ดวงตากลมโตสีดำ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ ผิวกายข
เย็นของวันนั้นหลังจากที่กลับมาจากมหาวิทยาลัย ลูซี่มุ่งตรงกลับห้องทันทีเพราะเธอรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัว คงเพราะพิษไข้จากการตากฝนเมื่อวานแถมเธอก็ทิ้งตัวนอนไปทั้งๆ ที่เสื้อผ้าเปียกโชกเธออยากจะทิ้งตัวอีกครั้งแต่ก็ต้องฝืนเอาร่างกายของตัวเองไปชำระล้างฝุ่นและหยาดเหงื่อที่ติดตัวมาทั้งวันออกไปก่อน หวังจะให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น หลังจากใช้เวลาไม่นานเธอก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวแต่แล้วเสียงบางอย่างที่ดังอยู่หน้าห้องทำให้เธอต้องหยุดชะงักยืนตัวแข็ง“ใครน่ะ!? ” ลูซี่กำผ้าเช็ดตัวเอาไว้แน่น ตะโกนถามออกไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัวปึง!!!เสียงประตูกระแทกเข้ากับกำแพงสีขาวอย่างแรงจนเธอที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำถึงกับสะดุ้ง ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจปนหวาดกลัวเมื่อเห็นผู้บุกรุกที่ไม่มีทางจะเข้ามาได้แต่เขากลับมายืนอยู่ที่หน้าของเธอ“ออสติน!! คุณเป็นใครกันแน่ คุณต้องการอะไรจากหนู” น้ำเสียงสั่นเครือดังแผ่วๆ ดวงตาคู่สวยพร่ามัวเพราะน้ำสีใส พยายามเดินถอยหลังเรื่อยๆ ด้วยความหวาดกลัวร่างสูงก้าวเข้ามาอย่างไม่สนใจความตกใจของเธอ ดวงตาสีแดงเรืองรองของเขาจับจ้องเธอราวกับจะเจาะลึกเข้าไปในจิตใจ รัศมีขอ
คืนนั้นลูซี่กลับถึงห้องด้วยเสื้อผ้าที่เปียกโชก เธออุตส่าห์นั่งดื่มกับชายแปลกทั้งคืนหวังให้ฝนที่โปรยลงมาสงบลงแต่เธอคิดผิด ขนาดกลับมาถึงห้องแล้วฝนด้านนอกก็ยังไม่มีท่าทีจะสงบลงเลย เธอใช้เวลาในการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นานก็รีบมาทิ้งตัวลงนอนที่เตียงใหญ่ทันที แต่ความรู้สึกประหลาดยังคงติดค้างอยู่ในใจ เหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่บาร์ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญลูซี่พยายามข่มตานอนเพราะมันดึกมากแล้ว พรุ่งนี้เธอมีเรียนแต่เช้าแถมอาจารย์ที่สอนก็กำชับอยู่หลายครั้งไม่อยากให้นักศึกษามาสายเนื่องจากมีการบรรยายที่แสนจะวิเศษแต่ทันทีที่เธอหลับตาลง ภาพของชายหนุ่มในบาร์ก็ปรากฏขึ้นดวงตาสีแดงเรืองรอง ใบหน้าคมคายที่มาพร้อมกับรอยยิ้มลึกลับที่เหมือนจะซ่อนความลับอะไรบางอย่าง‘นี่หล่อขนาดที่เราต้องเก็บมาฝันเลยเหรอวะเนี่ย.....บ้าไปแล้ว ’ ลูซี่ส่ายหัวแรง ๆ เพื่อไล่ความคิดบ้าๆ นั้นออกไป เธอเอื้อมหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่หัวเตียงข้างๆ ขึ้นมาจิบเพียงเล็กน้อยก่อนจะพยายามทำให้ตัวเองหลับไปในที่สุดท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ถูกฉาบไปด้วยสีแดงฉานและเปลวไฟร้อนแรงที่ลุกโหมเหมือนทะเลเพลิง เสียงเปลวเพลิงแตกระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ลู
สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เสียงห่าฝนเม็ดใหญ่ดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า ลมพายุพัดแรงจนต้นไม้โอนเอนไปมาเหมือนจะหักโค่นลงมาให้ได้ มองไปไกลๆ จะเห็นฟ้าแลบแปล๊บๆสร้างแสงวูบวาบให้น่าขนลุก มันผ่าลงมาเป็นระยะสร้างเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขนาดอยู่ไกลๆ ยังได้ยินอย่างชัดเจน“แน่ใจนะว่าจะกลับตอนนี้ มันตกแรงมากเลยนะ”เพื่อนสาวคนสนิทเอ่ยถามคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างกันด้วยความเป็นห่วง ฝนที่กระหน่ำลงมาเม็ดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีท่าทางทีที่จะเบาบางลงแม้แต่น้อยแต่ถ้าจะให้รอมีหวังเธอคงกลับไม่ถึงบ้านเสียที.......เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว“อือ! ไปได้อยู่...น่าจะทันรถเที่ยวสุดท้ายไม่งั้นก็รอแท็กซี่ ไปก่อนนะแล้วเจอกันพรุ่งนี้” เธอส่งยิ้มให้จินดาเพื่อนสาวคนสนิทเพียงคนเดียว ทั้งสองโบกมือลากันอย่างที่ทำทุกครั้งก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านไปพักผ่อนหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งคืน วันศุกร์ที่แสนวิเศษของนักท่องเที่ยวแต่ไม่ใช่กับพนักงานเสิร์ฟอย่างพวกเธอที่เดินจนขาลากเธอชื่อว่า ลูซี่ รุจิรา แอลเบอร์ หญิงสาววัย 20 ปี ลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ผู้มีใบหน้างดงาม ดวงตากลมโตสีดำ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ ผิวกายข