Share

บทที่ 3

Author: หูเทียนเสี่ยว
แววตาของจั๋วซือหรานเต็มไปด้วยความสับสน มีพลังที่มองไม่เห็นกำลังล่อลวงหัวใจของนาง เพื่อให้นางทำตามคำพูดของฉินตวนหยาง

นางพยายามทรงตัวไว้และอดความเจ็บปวดไว้

ไม่แปลกเลย ชะตากรรมอันเดิมของเจ้าของร่างคนนี้ราวกับคนตาบอด นางรักคนไร้ความสามารถอย่างฉินตวนหยางขนาดนี้ แท้จริงแล้ว นางถูกอาคมหนอนพิษกู่ควบคุมสติไว้

พิษแปลก ๆ ดังกล่าวแปลกอย่างมากจนทำให้เจ้าของร่างเดิมโดนอาคมหนอนพิษกู่โดยไม่รู้ตัว แม้ตายไปก็ไม่ทราบว่าตัวเองโดนหนอนพิษกู่ หากจั๋วซือหรานไม่ได้เดินทางข้ามเวลามา ร่างเดิมคงใช้ชีวิตอันน่าสงเวชอย่างชะตากรรมอันเดิมที่กำหนดไว้

แต่ในเมื่อจั๋วซือหรานมาแล้ว นางจะไม่มีวันฉินตวนหยางสมหวัง

ฉินตวนหยางเห็นนางไม่ตอบ จึงเสกเป่าอีกที "เสี่ยวจิ่ว เจ้าเชื่อข้าไหมขอรับ"

จั๋วซือหรานมองไปที่ฉินตวนหยาง นางค่อย ๆ อ้าริมฝีปากอันสีแดงให้กว้างขึ้น

“เจ้าฝันไปเสียเถิด”

เสียง 'คลิก'ดังขึ้น

“อา”ขาของฉินตวนหยางถูกคนหัก และเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

เขาตกใจด้วยความเจ็บปวดทรมาน ผู้นั้นได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า ตราบใดเสน่ห์หนอนพิษกู่นี้ยังคงอยู่ จั๋วซือหรานก็สามารถเชื่อฟังเขาไปตลอดชีวิต ทำไมหนอนพิษกู่จึงใช้งานไม่ได้ล่ะ

“พี่ฉิน” จวงเหยาเหยาร้องไห้และพูดว่า “พี่จั๋ว โปรดไว้ชีวิตด้วยเถิด”

“นางจั๋ว เจ้านี่มันช่างใจร้ายเสียจริง”

“เจ้านี่เป็นผู้หญิงร้ายกาจ กล้าก็ทำลงมืออย่างโหดกับสามีของเจ้า”

บิดาและมารดาของฉินรุ่ยหยางร้องไห้และตะโกนออกมา บรรยากาศในเวลานี้ช่างสนุกเสียจริง

แขกต่างพากันกระซิบกระซาบ

“เห้อ ข้าได้ยินมาว่า เพื่อที่จะแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ จั๋วจิ่วไม่เพียงแต่ต่อต้านตระกูลจั๋วเท่านั้น นางยังถอนการหมั้นระหว่างนางกับเฟิงเหยียน ข้ายังคิดอยู่ว่า พวกเขาจะรักกันมากเสียอีก ทว่าตอนนี้ดูไปดูมา พวกเขาคงไม่ไม่ได้รักกันมาก”

“ทีนี้จั๋วจิ่วมีสติกลับมาแล้ว หรือว่านางรู้เสียดายภายหลังนะ”

ทันใดนั้นก็มีเสียงเยาะเย้ยมาจากประตู

“นางอยากเสียใจภายหลัง แล้วจะให้นางเสียใจจริง ๆ หรือ เจ้าคิดว่าตระกูลเฟิงของพวกข้าเป็นคนอะไร”

มีเด็กผู้หญิงที่มีอายุประมาณสิบห้า หรือสิบหกปีเดินเข้ามาฃ

เอวของนางห้อยกระบี่สั้นที่มีความยาวราวปลายแขน ระหว่างด้ามกับใบมีดได้ติดทับทิมหนึ่งเม็ดไว้ และที่ปลาย้ามได้สลักคำว่า “หร่าน”

มีคนจำดาบประจำตระกูลที่อยู่บนเอวของนางได้

“นี่คือคุณหนูคนที่สิบของตระกูลเฟิง—เฟิงหร่าน”

“นางกับเฟิงเหยียนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เพราะจั๋วจิ่วถอนการหมั้นกับพี่ชายของนาง ทันทีที่นางฝึกซ้อมในตระกูลจบลง นางก็รีบมาที่นี่เพื่อแก้แค้นให้พี่ชายของนางหรือ”

เฟิงหร่านดึงกระบี่ออกจากเอวของนาง แล้วนำกระบี่ไปชี้ยังจั๋วซือหราน “จั๋วจิ่ว ก่อนหน้านี้เจ้าได้ยินว่าพี่ชายของข้าได้รับบาดเจ็บที่ขาระหว่างการซ้อม ก็เลยรีบหาข้ออ้างมาถอนการหมั้น ก็เพราะเจ้าต้องการชู้กับชายคนนี้มิใช่หรือ คนต้อยต่ำอย่างชายคนนี้ เอามาเปรียบเทียบกับพี่ชายข้าได้อย่างไร”

“เจ้าพูดถูก แน่นอนเลยว่าเขาสู้มิได้ ฝูซู ฝูซาน โยนคนของฉินตวนหยางออกไปให้หมด”

“...?” เฟิงหร่านตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจึงรู้ตัว “เดี๋ยวก่อน อย่างที่พวกเขาพูดกัน เจ้าเสียใจแล้วหรือ”

“ใช่สิ ข้าขอคืนคำ ข้ารักเฟิงเหยียนอย่างมากและข้าจะไม่เสียดายภายหลังแม้แต่น้อย อย่าว่าแค่เขาบาดเจ็บที่ขาเลย ต่อให้เขาสูญเสียขาไป ข้าก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจเด็ดขาด”

จั๋วซือหรานเจ็บปวดอย่างรุนแรง เนื่องจากนางต้องต่อต้านเสน่ห์ของหนอนพิษกู่

นางเพียงแค่อยากจบเรื่องที่น่าขันในตอนนี้โดยเร็วที่สุด แล้วค่อยมาศึกษาว่า เสน่ห์หนอนพิษกู่ในร่างนี้มาจากไหนกันแน่

นางพูดต่ออีกว่า "ความารักที่ข้ามีต่อเฟิงเหยียนสามารถพูดได้ว่า ไม่มีที่สิ้นสุดราวกับสายน้ำที่ทอดยาว มิเช่นนั้น ข้าคงไม่สามารถหลุดพ้นจากเสน่ห์หนอนพิษกู่ที่ฉินตวนหยางใส่ในร่างกายของข้า และมีสติกลับมาได้"

คำพูดของจั๋วซือหรานทำให้แขกต่างพากันตกใจ

“เสน่ห์หนอนพิษกู่หรือ ลัทธิกู่จากดินแดนใต้เป็นผู้ที่ขัดเกลาพิษนี้มาเพื่อควบคุมจิตใจของผู้คนมิใช่หรือ”

นางสังเกตถึงเสน่ห์หนอนพิษกู่แล้วหรือ

“เจ้า…เจ้ากำลังพูดบ้าบอเรื่องใด เสน่ห์หนอนพิษกู่อะไรกัน ข้าเป็นเพียงบัณฑิต ไม่รู้จักสิ่งเหล่านี้” ฉินตวนหยางตื่นตระหนกเล็กน้อย

แม่ฉินร้องไห้ "นางร้ายกาจ เจ้าเป็นคนร้องห่มร้องไห้ตะโกนขอแต่งงานกับลูกชายของข้าเอง ตอนนี้เจ้าลงมืออย่างหนัก แล้วยังอยากทำลายชื่อเสียงของเขาอีกหรือ"

แขกในงานพากันกระซิบ

“นั่นน่ะสิ เขาก็เป็นเพียงบัณฑิตที่ยากจน เขาจะมีเสน่ห์หนอนพิษดู่ได้อย่างไร”

“และข้าได้ยินมาว่า ผู้ที่หลุดจากเสน่ห์หนอนพิษกู่ต้องแบกรับความเจ็บปวดอย่างมาก จั๋วจิ่วกลับดูเหมือนไม่ได้เป็นอะไรนะ”

เฟิงหร่านมีอคติต่อจั๋วจิ่วอยู่แล้ว ดังนั้นแน่นอนว่านางไม่เชื่อเรื่องเสน่ห์หนอนพิษกู่ และนางมองว่า คำพูดของจั๋วซือหรานเป็นข้อแก้ตัวของจั๋วซือหรานเท่านั้น

นางยกกระบี่ประจำตระกูลของเธอไว้ในมือ ห้ามฝูซางและฝูซูพาคนออกไป นางจ้องมองที่จั๋วซือหราน ”เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ตัดสินความผิดหรือความถูกต้องหรือ ในเมื่อเจ้ายอมถอนการหมั้นเพื่อแต่งงานกับผู้นี้แล้ว วันนี้อย่างไรก็ตาม เจ้าต้องแต่งงานกับชายคนนี้ให้ได้ เจ้าจะได้ไม่มาพัวพันกับพี่ชายของข้าเสียที“

เฟิงหร่านลากฉินตวนหยางและกดเขาไว้หน้าโต๊ะ "คุกเข่าลง กราบไหว้ฟ้าดิน"

ฉินตวนหยางแอบดีใจมาก "ขอบคุณมากที่คุณหนูเฟิงสือช่วยดำเนินการพิธีให้สมบูรณ์"

เฟิงหร่านนำปลายกระบี่ของนางชี้ไปที่จั๋วซือหราน “จั๋วจิ่ว ถึงฤกษ์งามยามดีแล้ว”

ดวงตาของพ่อฉินและแม่ฉินเป็นประกาย

แม่ฉิน "ใช่สิ ถึงฤกษ์งามยามดีแล้ว เลิกสร้างปัญหาได้แล้ว รีบมาไหว้ฟ้าดิน"

พ่อฉิน "หลังจากแต่งงานกับลูกชายของข้าแล้ว เจ้าเชื่อฟังดี ๆ นะ พวกข้าจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไป และเจ้ายังคงเป็นภรรยาหลวงเช่นเดิม"

พวกเขาเห็นจั๋วซือหรานอยู่เฉย ๆ ฉินตวนหยางขยับริมฝีปากเล็กน้อยและท่องอาคมเสน่ห์หยอนพิษกู่ต่อโดยไม่ออกเสียงใด ๆ

ความเจ็บปวดค่อย ๆ กัดเซาะไปยังร่างกายและกระดูกเรื่อย ๆ และจั๋วซือหรานจ้องไปยังริมฝีปากของฉินตวนหยางอย่างเย็นชา บัดนี้ฉินรุ่ยหยางกำลังค่อยขยับริมฝีปาก

จั๋วซือหรานมีเจตนาที่อยากฆ่าชายคนนี้ และเจตนานี้หนักแน่นขึ้นเรื่อย ๆ

กระบี่ของเฟิงหร่านเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ กระบี่นั้นแทบชิดกับแก้มของจั๋วซือหราน เห็นได้ชัดว่าเฟิงหร่านกำลังบังคับจั๋วซือหราน

“จั๋วจิ่ว รีบไหว้ฟ้าดิน”

ทว่าจั๋วซือหรานเป็นวิญญาณของสายสืบที่มาจากยุคปัจจุบัน และนางได้สืบทอดศิลปะการต่อสู้โบราณด้วย และนางไม่เคยกลัวการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย

เห็นแต่นางเอาสองนิ้วจับปลายกระบี่ของเฟิงหร่าน และค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น “เฟิงหร่าน เจ้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของข้ามากเกินไปหรือไม่ ข้าเคยบอกว่า ข้ามีความรู้สึกอันลึกซึ้งต่อเฟิงเหยียน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ข้าจะอดทนกับเจ้าได้ทุกเรื่อง”

“เจ้าช่างไร้ยางอาย” เฟิงหร่านจ้องมองจั๋วซือหรานด้วยความโกรธแค้น และนางอยากจัดการจั๋วซือหรานให้รู้แล้วรู้รอด

แต่ทันใดนั้นนางตระหนักขึ้นได้ว่า นางไม่สามารถดึงกระบี่กลับได้

เป็นไปได้อย่างไร

จั๋วจิ่วใช้เพียงสองนิ้วเท่านั้น

ในขณะที่เฟิงหร่านกำลังต่อสู้กับจั๋วซือหราน ฉินตวนหยางคุกเข่าบนพื้นและรีบท่องอาคมเสน่ห์หนอนพิษด้วยความโกรธแค้น

“เอ่อ...แค้ก”

จั๋วซือหรานรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงในทันที นางได้กลิ่นโลหิตที่คาวและหวานในลำคอ นางไอคราบเลือดสีแดงก่ำออก และเลือดนั้นเปื้อนริมฝีปากของนาง

นิ้วของจั๋วซือหรานสูญเสียเรี่ยวแรงไปชั่วขณะ กระบี่ของเฟิงหร่านก็สูญเสียแรงบังคับและแทงไปข้างหน้า

แม้ว่าจั๋วซือหรานจะเอียงศีรษะอย่างรวดเร็ว แต่กระดูกโหนกแก้มของนางยังถูกบาดจนมีแผลเล็ก ๆ

เลือดไหลไหลตามแก้มของนาง เลือดนั้นเสมือนน้ำตาที่เปื้อนเลือด

สะท้อนกับสีของผ้าคลุมไหล่ได้สวยงามอย่างน่าอัศจรรย์

เฟิงหร่านตกตะลึงและกัดริมฝีปาก "เจ้า ที่เจ้าอาเจียนเป็นเลือดออกมา ข้าไม่เกี่ยวนะ"

จั๋วซือหรานไม่มีเจตนาที่จะโต้เถียงกับเฟิงหร่าน นางหรี่ตาลงแล้วมองไปที่ฉินตวนหยางด้วยความเย็นชา "ฉินตวนหยาง เจ้าคิดว่าข้าอ่อนแอ ข้าเป็นคนที่ถูกรังแกง่าย ๆ จนไม่กล้าฆ่าเจ้าเลยหรือ"

ฉินตวนหยางหวาดกลัว "เกี่ยว เกี่ยวอะไรกับข้า เจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้าอีกนะ เสน่ห์หนอนพิษกู่ที่เจ้าพูดถึง ข้าไม่รู้มันคืออะไร"

แต่จั๋วซือหรานยังไม่ทันลงมือ

"อ๊าก——!"

ทันใดนั้นฉินตวนหยางก็กรีดร้องอย่ากะทันหัน

ผู้ที่มาสวมชุดสีดำ เขารูปร่างอันงดงาม

วินาทีที่เขาปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว เขาเสมือนภูตผี คุณหนูสิบของตระกูลเฟิงที่มีการกระทำอย่างเผด็จการก่อนหน้านี้กลับไม่กล้าทำตัวเช่นนั้นอีก บัดนี้นางทำตัวเสมือนกระต่ายน้อย ๆ ที่เชื่อฟัง

“พี่ชายเจ้าคะ หนูรู้ตัวทำผิดแล้วเจ้าค่ะ”

พี่ชายหรือ นั่นหมายความว่า...ไม่ใช่หรือ
Comments (2)
goodnovel comment avatar
ออนกนก โพธิรักษ์
อ่านเรื่องเดิมตรงไหนคะ
goodnovel comment avatar
ออนกนก โพธิรักษ์
ดูชื่อเรื่องทั้งหมดคะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 4

    น้ำเสียงทุ้มต่ำของเฟิงเหยียนเต็มไปด้วยความเย็นชาและเสน่ห์"น่าอับอายเสียจริง เรื่องไร้สาระสิ้นดี"จั๋วซือหรานเงยหน้ามองชายผู้นี้ด้วยความเจ็บปวดอย่างมากใต้หล้ามีคนหน้าตาดีตั้งมากมายเฟิงเหยีนกลับมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ความหล่อเหลาของเขาผสมด้วยความกล้าหาญที่ฮึกเหิมทันทีที่จั๋วซือหรานเห็นใบหน้านี้ นางหายความเจ็บปวดทันทีแต่จั๋วซือหรานหายเจ็บปวด ไม่ใช่เป็นเพราะนางเห็นหน้าตาอันหล่อเหลาแต่เป็นเพราะวินาทีที่ชายผู้นี้ปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว เขาวางมือบนไหล่ฉินตวนหยาง"อ๊าก ๆ——!“ฉินตวนหยางกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงร้องนั้นดังเป็นสิบ ๆ เท่าเมื่อเทียบกับตอนที่เขาถูกหักขาในก่อนหน้านี้ และบัดนี้เขากำลังล้มบนพื้นและกระตุกไปทั้งตัวสายเลือดของตระกูลเฟิงเป็นเช่นนี้ สายเลือดนี้เป็นธาตุไฟที่รุนแรงที่สุด ยิ่งเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยม พลังทางจิตวิญญาณก็ยิ่งเผด็จการมาขึ้นเท่านั้นหากถูกพลังทางจิตวิญญาณนั้นรุกราน จะมีความรู้สึกอย่างร่างกายกำลังถูกไฟเผา ซึ่งความเจ็บปวดนั้นพอ ๆ กันกับความเจ็บปวดที่เสน่ห์หนอนพิษกู่นำมาในขณะเดียวกัน ฉินตวนหยางหลั่งน้ำอย่างหนัก เขาดูน่าเกลียดอย่า

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 5

    ทันทีที่เฟิงเหยียนเดินออกจากจวนของจั๋วซือหราน หลังจากนั้นไม่นาน ข้างเฟิงเหยียนมีร่างสีดำสองร่างปรากฏตัวอย่างเงียบ ๆ“ท่านอ๋องขอรับ” ชายที่สวมชุดดำทั้งสองแสดงความเคารพเฟิงเหยียนมีสีหน้าอย่างไม่มีอารมณ์ "ไปสืบมา ข้าต้องการรู้เสน่ห์หนอนพิษกู่ที่จั๋วจิ่วถูกวาง ใครเป็นคนสั่งการเบื้อหลัง"ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าบัณฑิตที่ไร้ประโยชน์ผู้นั้นจะเป็นผู้กระทำความผิดนี้*จั๋วซือหรานกำลังนั่งอยู่ในห้อง ฝูซางกังวลอย่างมาก และรีบเช็ดเลือดที่ริมฝีปากของคุณหนูของนาง "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูจะปล่อยเป็นเช่นนี้อีกต่อไปมิได้หรอกนะ ข้าน้อยว่า เราควรรีบไปตามคุณหมอมาตรวจเถิดนะ"“ข้าแค่อาเจียนออกมาเป็นเลือดเพียงเท่านั้น กังวลอะไรล่ะ” จั๋วซือหรานดึงเข็มเงินที่นางสอดไว้ก่อนหน้านี้ออกมาอย่างใจเย็น “หากไม่บีบเลือดที่ติดพิษกู่ออกไป อาการบาดเจ็บภายในจะไม่มีทางหายหรอก”ฝูซาง: “ว่าแต่คุณหนูไปเรียนทักษะการรักษามาโรคตั้งแต่เมื่อไรกัน"จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และไม่ตอบ ”ยิ่งไปกว่านี้ ข้าอยากรู้ว่าใครกันแน่ที่เกลียดข้ามากจนใช้เสน่ห์หนอนพิษกู่ มิฉะนั้น ต่อให้ฉินตวนหยางมีความกล้าหาญมากเท่าไร เขาก็ไม่กล้าำเช่นนี้กับข้าหรอก แม้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 6

    จั๋วซือหรานแต่งกายด้วยชุดสีขาวบาง คุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูของจวนจั๋วนางพูดกับผู้ที่เฝ้าหน้าประตูว่า "กรุณาบอกผู้อาวุโสใหญ่ว่า จั๋วจิ่วกลับมาเพื่อขออภัยโทษแล้ว"องครักษ์กำลังจะเข้าไปรายงาน ทว่ากลับถูกใครบางคนห้ามไว้“ห้ามไป” เจียงซาน ซึ่งเป็นคนของบิดาจั๋วหรูซิน เขาห้ามยามที่เฝ้าหน้าประตูไว้เจียงซานพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า "คุณหนูจิ่วไม่เชื่อฟังแม้แต่ผู้อาวุโส ทั้งยังไม่สนใจชื่อเสียงของตระกูลด้วยซ้ำมิใช่หรือ ในเมื่อตอนนี้ออกเรือนแล้ว กลับมาด้วยเหตุใด"จั๋วซือหรานเกิดมาพร้อมกับผิวพรรณเกลี้ยงเกลา คิ้วงดงามดังภาพวาด ด้วยรูปลักษณ์สตรีเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องง่ายที่ถูกมองเป็นสตรีผู้แสนน่าสงสารและอ่อนแอแต่นางไม่ใช่สตรีอ่อนแอเห็นได้ชัดว่า นางกำลังคุกเข่าอยู่ แต่บุคลลิกของนางดูสูงส่งกว่าตอนที่นางยืนด้วยซ้ำ นางพูดอย่างเย็นชา "เจ้ามีฐานะเช่นใด เจ้ากล้าเยาะเย้ยข้าหรือ เหรือจ้าคิดว่า ข้าเป็นคนอ่อนแอที่กลั่นแกล้งง่ายเช่นนั้นหรือ"เจียงซาน "ผู้อาวุโสไม่อยากเห็นหน้าเจ้าเลย ต่อให้เจ้าคุกเข่าที่หน้าประตูจนตายก็ไร้ประโยชน์"จั๋วซือหรานพูดอย่างเย็นชา"เจ้าควรพิจารณาให้ดีเสียก่อนว่า ผู้อาวุโสไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 7

    จั๋วหรูซินตะโกนด้วยความโกรธ "จั๋วซือหราน เจ้า"“พอแล้ว” ผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้วและตะโกนจั๋วหรูซินยังอยากฟ้องต่อ "ผู้อาวุโสใหญ่ นาง..."จั๋วซือหรานกลับโค้งคำนับเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพ "ข้าจะไปรับการลงโทษที่ห้องโถงบรรพบุรุษเจ้าค่ะ"ทิ้งจั๋วหรูซินอยู่นั่นผู้เดียว ปล่อยนางโกรธจนหน้าซีดระหว่างทางไปห้องโถงบรรพบุรุษ จั๋วซือหรานเจอฝูซูและฝูซาง“หลิ่วเย่ล่ะ” จั๋วซือหรานถามฝูซางตอบ “พวกเราหลบสายตาของผู้อื่น พานางเข้าเดินผ่านประตูหลังและเดินเข้าจวน มัดนางไปหาผู้อาวุโสใหญ่เพื่ออธิบายรายละเอียดต่าง ๆ จากนั้นผู้อาวุโสใหญ่ก็สั่งให้ขังนางไว้ในห้องเก็บฟืนที่ลานด้านข้างจนกว่าเขาจะสอบปากคำ”ฝูซูถาม "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูลิ่วกำจัดหลิ่วเย่หรือไม่เจ้าคะ มิเช่นนั้นข้าไปคอยคุ้มกันไว้ดีไหมเจ้าคะ"จั๋วซือหรานยกริมฝีปากขึ้นและยิ้ม "หากนางฆ่าอีนังนั้นเสียจริง นั่นก็หมายความว่า หาเรื่องใส่ตัวแล้วน่ะสิ ในเมื่อผู้อาวุโสใหญ่สั่งขังหลิ่วเย่อยู่ในห้องเก็บฟืนที่ลานด้านข้าง แสดงว่าท่านต้องแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว"หากจั๋วหรูซินจิตใจลุกลี้ลุกลน แล้วไปฆ่าหลิ่วเย่จริง ๆ เรื่องน่าจะสนุกน่าดูสินะฝูซางกังวล"คุณหนูเจ้าค

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 8

    เมื่อจั๋วซือหรานเห็นฝูซูกลับมา นางคิดว่าฝูซูพาคุณหมอมาถึงบ้านแล้ว ผู้ใดจะทราบได้ว่า ชายหนุ่มแสนหล่อเหลาที่กล่าวถึงในเมื่อวานนี้ว่า จะต่างคนต่างอยู่ เวลานี้ชายผู้นี้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำและกำลังนั่งหน้าโต๊ะแปดเซียนจั๋วซือหราน "ทำไมถึงเป็นเจ้าล่ะ"เฟิงเหยียนเหลือบมองถ้วยชาในมือของเขา "ผู้ดูแลของเจ้าไปตามคุรหมอที่เรือนหมอของตระกูลเหยียน"“ข้าไปตามคุณหมอที่บ้านมิได้หรือเจ้าคะ” จั๋วซือหรานลากเก้าอี้หนึ่งตัวออกมาแล้วนั่งลง ใบหน้าของนางซีดเซียว นางริมชาเองและดื่มหมดถ้วย“เพราะคนที่ไปเชิญคุณหมอเป็นผู้ติดตามของเจ้า ดังนั้นตระกูลเหยียนจึงส่งข่าวข้า ข้านึกว่าเจ้าจะมีกลอุบายใหม่ ๆ ดังนั้นจึงเข้ามาดูเสียหน่อย” เฟิงเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีอารมณ์ใด ๆ“แล้วคุณหมอล่ะ เจ้าไม่ได้ให้คุณหมอตามมาด้วยหรือ ” จั๋วซือหรานถามเฟิงเกยียนไม่ได้พูดอะไร นั่นหมายถึงจั๋วซือหรานพูดได้ถูกเพราะเมื่อวานเหยียนฉีบอกว่า ชีพจรของนางแข็งแรงมากและถึงแม้จะมีอาการบาดเจ็บภายใน แต่ปัญหาก็ไม่ร้ายแรง ยิ่งไปกว่านั้น พลังทางจิตวิญญาณและความสามารถในการฟื้นฟูของลูกหลานตระกูลจั๋วนั้นเหนือกว่าคนทั่วไปมากเมื่อรวมกับยาน้ำค้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 9

    มีใบมีดคมที่เย็นเฉียบขึ้นจากหลังคอ และบัดนี้กระบี่เล่มนั้นกำลังถูกวางที่คอขององครักษ์เขาไม่กล้าขยับตัว เสียงของเขาก็สั่นเครือ “ จิ่ว คุณหนูจิ่ว ท่าน…มีอะไรจะพูด…ก็พูดกันดี ๆ เสียก่อน อย่าหุนหันพลันแล่นไปเลย... ““ข้าไม่ได้หุนหันพลันแล่น ข้าใจเย็นแล้วนะ” จั๋วซือหรานเสาะยิ้ม “แต่พวกเจ้าต่างหาก ตอนนี้พร้อมจะคุยกับข้าดี ๆ ยัง”“จิ่ว คุณหนูจิ่ว ท่านเป็นคนใจกว้าง อย่า อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับพวกข้าเลยขอรับ” ยามอ่อนแรงจนขาสั่น เขากลัวมือของจั๋วซือหรานจะสั่น“ตอนนี้ ข้าถามอะไร พวกเจ้าต้องตอบ เข้าใจหรือไม่”"เข้า เข้าใจแล้วขอรับ"“น้องชายของข้าอยู่ที่ไหน”“คุณท่านลิ่วนำตัวไปแล้ว”“นำตัวไปที่ไหน”“พวกเราไม่ทราบขอรับ” องครักษ์เกรงว่านางจะไม่เชื่อ จึงย้ำอีกครั้งว่า "พวกเราไม่รู้จริง ๆ และคุณท่านลิ่วก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกเราทราบการเดินทางของท่าน"“คำถามสุดท้าย จั๋วหรูซินอยู่ที่ไหน พาข้าไปหานางหน่อย” จั๋วหรูซินพูดอย่างเย็นชาโดยไม่ให้โอกาสผู้คุมปฏิเสธ นางกดกระบี่ลงจนทำให้เกิดรอยเลือดขึ้น*"ไร้ประโยชน์ ไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น"ในห้องด้านใน จั๋วหรูซินทุบถ้วยชาในมือของนางออย่างแรง "ถังหยวนอ่อนให้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 10

    จั๋วซือหรานเหลือบมองกระบี่เรียบง่ายที่ดูธรรมดาในมือของนางความจริงนี่คือกระบี่ประจำตระกูลของเฟิงเหยียน และกระบี่เล่มนี้มีชื่อเดียวกับแหวนเสวียนเหยียนของนางจริง ๆในวันที่ลูกหลานของตระกูลกำเนิด ห้องกระบี่ประจำตระกูลจะเริ่มตีเหล็กเข้ารูปเพื่อทำกระบี่ให้ทารก รูปแบบของกระบี่จะแตกต่างกันไป แต่ตราประจำตระกูลเฟิงจะถูกสลักไว้ที่ด้ามจับ และชื่อของเด็กคนนั้นจะถูกสลักไว้ที่ส่วนท้ายของด้ามจับจั๋วซือหรานมองกระบี่เสวียนเหยียนที่อยู่ในมือของนางและไม่พูดอะไรความเงียบของนางทำให้จั๋วหรูซินโกรธมากขึ้น “เจ้าพูดมาสิ ทำไมเจ้าจึงมีกระบี่ประจำตระกูลของท่านอ๋องเฟิง”จั๋วซือหรานเงยหน้าขึ้นและมองหน้านาง "เจ้ายังต้องถามอีกหรือ แน่นอนว่าเขาให้ข้ามา"นางหยุดครู่หนึ่งและพูดทีละคำ "ของ ขวัญ แทน ใจ"“เป็นไปไม่ได้” จั๋วหรูซินโกรธแค้น นางกัดฟัน “เจ้าไม่ต้องพูดไร้สาระ ท่านอ๋องเฟิงเบื่อหน่ายกับการถูกบงการมากกว่าใคร ๆ ก่อนหน้านี้ เจ้ายกเลิกการหมั้นหมายและต้องการแต่งงานกับคนอื่น สมหวังเขาพอดี นางคิดว่าเขาอยากแต่งงานกับเจ้าหรือ เขาอยากแต่งงานกับเจ้าเพียงเพราะเจ้า…”“ซินเอ๋อร์ หยุดพูดได้แล้ว” จู่ ๆ คุณท่านจั๋วลิ่วก็พู

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 11

    เมื่อได้ยินคำพูดของชายผู้นี้ ผู้สูงอายุใหญ่ก็ขมวดคิ้วรอยยิ้มบนใบหน้าของผู้สูงอายุสามแข็งทื่อ "เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร จวนของข้าจะขาดแคลนยาของเสี่ยวจิ่วได้เช่นไร ทว่าข้ายังคงขอบคุณสำหรับน้ำใจของท่าน"จั๋วซือหราน "ขอบพระทัยท่านอ๋องแทนข้าด้วย"“ขอรับ เมื่อข้าส่งมอบของเรียบร้อยแล้ว ข้าจะกลับไปรายงานเดี๋ยวนี้ ข้าขอลา และข้าขอคุณหนูจิ่วหายดีเร็ว ๆ ขอรับ”หลังจากผู้ติดตามของตระกูลเฟิงจากไปผู้สูงอายุใหญ่กล่าวอย่างเคร่งขรึม "ผู้ใดเข้ากะของคลัง นำตัวมา"จั๋วซือหรานยิ้มอย่างสงบ นางกล่าวว่า "ผู้อาวุโสใหญ่เจ้าคะ ผู้ที่ดูแลคลังของจวนแค่มองว่าใครมีฐานะสูงกว่ากัน และจะฟังคำสั่งของคนผู้นั้น หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากใครบางคน ก็จะมิกล้าทำเช่นนี้หรอก"ผู้อาวุโสใหญ่"ข้ารู้ว่าเจ้ามีความคับแค้นอยู่ในใจ เจ้าได้สสั่งสอนเสี่ยวลิ่วแล้ว เจ้าก็ยกโทษให้นางไปเสีย อย่าทำให้คนภายในตระกูลเสียความรู้สึกต่อกันเลย "จั๋วซือหรานพูดต่อ "หนูเทียบกับพี่ลิ่วมิได้หรอก นางยุยงให้คนนอกทำหนอนพิษกู่ใส่ข้า การกระทำเช่นนี้ ข้ายังไม่เรียกร้องความยุติธรรมเลย"“ทั้งหมดนี้ไม่มีที่เป็นยหลักฐานอันใด เหตุใดจึงต้องทำร้ายความส้มพัน

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1002

    อันที่จริงก็รู้ว่าตนเองไม่ค่อยมีประโยชน์ ช่วยอะไรไม่ได้เลย แล้วยิ่งเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งรู้สึกผิดต่อลูกสาวจั๋วซือหรานไม่ได้อะไรกับเรื่องนี้นัก นางยิ้มกุมมือท่านแม่ไว้ เอ่ยว่า "ท่านแม่ ไม่เป็นไร ข้าไม่เคยรู้สึกว่าท่านกับเสี่ยวหวายเป็นความยุ่งยากของข้า และไม่รู้สึกว่าพวกท่านสร้างภาระให้ข้าด้วย มีแค่ท่านกับเสี่ยวหวายที่เป็นแรงผลักดันให้ข้าพยายามมาโดยตลอด"ตนเองตอนเพิ่งมาถึงโลกที่แปลกหน้านี้ โลกทั้งใบราวกับจงใจมาทำร้ายตนเองมีแค่ท่านแม่กับน้องชาย ที่ตนเองไม่สามารถปล่อยวางได้ไม่ว่าจะเวลาไหน จุดนี้ก็จะไม่เปลี่ยนพอได้ยินคำพูดที่เข้าใจเหตุผลของลูกสาว เซี่ยอวิ๋นเหนียงก็ยิ่งรู้สึกแย่ พ่อแม่ที่เป็นห่วงลูก ก็มักจะปวดใจกับเรื่องที่ลูกเข้าใจเหตุผลต่างๆ ยิ่งลูกเข้าใจมาก ก็ยิ่งทำให้เป็นห่วงกังวลมากถึงอย่างไร การเข้าใจเหตุผลคำนี้ แม้จะมีความหมายในแง่บวก แต่สำหรับคนที่เข้าใจเหตุผลแล้ว กลับไม่ใช่คำที่ดีอะไรนัก เพราะคนยิ่งเข้าใจเหตุผล ก็จะยิ่งเผชิญกับความอยุติธรรมบนโลกมากขึ้นเซี่ยอวิ๋นเหนียงออกแรงเช็ดน้ำตาจั๋วซือหรานเห็นท่านแม่เป็นเช่นนี้ จึงถอนใจออกมา "ท่านแม่ ไม่ต้องเป็นห่วง สำนักเมฆาวารีเดิม

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1001

    ฮั่วจือโจวพอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน ก็รู้ว่าไม่มีอะไรที่ต้องพูดมากอีก จึงบอกว่า "เช่นนั้น ก็ขอให้แม่นางเดินทางราบรื่นล่วงหน้าเลยแล้วกัน อวิ๋นหลิวเองก็มีโรงน้ำชาโรงเตี๊ยมของตระกูลฮั่วอยู่ ข้าจะแจ้งไปก่อนล่วงหน้า ถ้าเจ้าต้องการข่าวสารล่ะก็ให้ไปที่โรงน้ำชาตระกูลฮั่วได้เลย""ขอบคุณมาก" จั๋วซือหรานยิ้มตาโค้ง"เกรงใจไปแล้ว" ฮั่วจือโจวเอ่ยตอบ "พวกเราในเมื่อร่วมมือกันอย่างมีความสุข ก็ถือว่าเปห้นเพื่อนกันแล้วสิ""มีเหตุผล" จั๋วซือหรานพยักหน้า "เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เลือกมาร่วมมือกับพวกเจ้าเป็นตัวเลือกที่ถูกต้อง""อื๋อ?" บนหน้าฮั่วจือโจวมีรอยยิ้มเผยออกมา บนใบหน้าสุขุมแต่ไหนแต่ไรของเขา ก็ยังหวั่นไหวขึ้นมาเพราะรอยยิ้มนี้ "เจ้าไม่ได้เลือกตระกูลฮั่วหรอกหรือ?"เขาคิดมาตลอดว่าที่จั๋วซือหรานเลือกคือตระกูลฮั่ว ตนเองเป็นแค่คนที่นางคิดว่ามีปากมีเสียงในตระกูลฮั่วได้พอดีเท่านั้นจนตอนที่ได้ยินจั๋วซือหรานพูดคำนี้ ฮั่วจือโจวถึงได้เข้าใจขึ้นมา"แน่นอนว่าไม่ใช่อยู่แล้ว ที่ข้าเลือกก็คือเจ้า" จั๋วซือหรานเข้าใจว่าสายตามองคนของตนเองถือว่าใช้ได้อยู่ ไม่ได้ถือว่าแม่นยำนัก แต่ก็ถือว่าได้ผิดเสียทีเดียวครั้งแต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1000

    รวมถึงฮั่วจือโจวกับฮั่วชิงหยวนสองพี่น้องจากตระกูลฮั่วด้วย มารวมกันหมดแล้ว"ลองชิมดู" จั๋วซือหรานชี้ไปที่อาหารบนโต๊ะฮั่วชิงหยวนน้ำชายแทบจะไหลออกมาแล้ว กินอย่างมีความสุขจั๋วซือหรานไม่ได้กิน แค่นั่งดื่มชาอยู่ข้างๆ บอกกับพวกเขาว่า "รายการอาหารข้าร่างไว้ให้แล้ว พวกเจ้าให้พ่อครัวทำออกมา ถึงอย่างไรตอนนี้พวกเจ้าก็ได้ชิมแล้ว มีรสชาติอย่างไรก็จำไว้หน่อย ถ้าพ่อครัวทำออกมาแล้วรสชาติไม่ถูกต้อง พวกเขาจะได้ตอบสนองทัน""ถ้าหากพวกเจ้าตอบสนองไม่ได้ ยืนยันว่าทำถูกแล้ว หรือไม่ต่างกันมากนัก แค่อร่อยก็พอ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นคนอื่นยังพอว่า แต่ฮั่วจือโจวกับเจี่ยงเทียนซิง พอได้ยินคำพูดจั๋วซือหราน ก็ยกตาขึ้นมองนางเจี่ยงเทียนซิงขมวดคิ้ว "ท่าทางเหมือนฝากฝังนี่มันอะไรกัน? จะไปไหนรึ?"ฮั่วจือโจวขมวดคิ้วถาม "ไปพื้นที่ศักดินาหรือ? ไปเร็วขนาดนี้เชียว?"จั๋วซือหรานตอบเสียงเรียบ "พื้นที่ศักดินาเดี๋ยวก็ต้องไป แต่ว่าตอนนี้มีเรื่องเร่งด่วนกว่านั้น"หลงซ่งที่อยู่ข้างๆ เช็ดๆ ปาก บอกกับฮั่วจือโจวกับเจี่ยงเทียนซิงว่า "น้องชายของแม่นางถูกลักพาตัวไปแล้ว พาไปที่สำนักเมฆาวารี ไม่รู้ว่าพาตัวไปทำอะไร มีอันตรายหรือไม่ แม

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 999

    จั๋วอวิ๋นฉีได้ยินคำพูดนางก็ตกตะลึง เอ่ยขึ้นทันที่ว่า "เขาเคยมาหาเจ้าหรือ?"จั๋วซือหรานหัวเราะเสียงเรียบ "แค่นั้นที่ไหน เข้ามาขอข้าแต่งงานด้วยนะ"จั๋วอวิ๋นฉีตาเบิกกว้าง "เสียวจิ่ว เจ้าต้องระวังคนคนนี้ไว้ หลังจากที่ข้าออกจากตระกูลจั๋ว อยู่ที่พรมแดนใต้มานาน ดังนั้นจึงค่อนข้างได้ยินกิตติศัพท์เขามา""เนื่องจากได้รับการสืบทอดวิชากู่วิชาพิษจากของหุบเขาหมื่นพิษมาตั้งแต่เด็ก พอสัมผัสกับพิษกู่ต่างๆ เป็นเวลานาน นิสัยก็เปลี่ยนไปเป็นแปลกประหลาด อารมณ์แปรปรวน อันตรายมาก""ยิ่งไปกว่านั้น เขากับเฟิงเหยียนก่อนหน้านี้ก็เหมือน..." จั๋วอวิ๋นฉีเดิมทีไม่คิดจะเอ่ยถึงเฟิงหราน เพื่อไม่ให้ไปยั่วอารมณ์ของเสียวจิ่วตอนนี้พอพูดชื่อนี้ขึ้นมา ก็เหลือบมองไปยังสีหน้าของจั๋วซือหรานสีหน้ากลับเป็น...ไม่แสดงท่าทีใดเลยกระทั่งเขาพูดถึงตรงนี้แล้วหยุดลงมา ยังเห็นสายตาจั๋วซือหรานที่มองเข้ามา มีการเฝ้ารออยู่ด้วยซ้ำราวกับกำลังถามว่า 'กับเฟิงหรานเหมือนอะไร หลังจากนั้นล่ะ?'จั๋วอวิ๋นฉีเดาว่าอารมณ์ของเสียวจิ่วไม่น่าได้รับผลกระทบอะไร บางทีอาจจะไม่ได้ส่งผลกระทบมากก็เลยเอ่ยต่อว่า "ข้าก็แค่ได้ยินมา ปันอวิ๋นก่อนหน้านี้เคย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 998

    "ได้" เซี่ยหมิงอี้พยักหน้า คิดๆ จึงถามขึ้นมาอย่างทนไม่ไหวหรานหราน แล้วป้ารองเจ้ากับคนใช้พวกนั้น...จั๋วซือหรานยิ้มเรียบๆ "เรื่องนี้ลุงใหญ่ไม่ต้องกังวล ท่านพักผ่อนในเรือนอย่างวางใจก็พอ เหล่าคนใช้จะดูแลท่านอย่างดี ส่วนป้ารอง...?" อีกเดี๋ยวข้าจะพาไปด้วยกัน ถ้าเสี่ยวหวายไม่เป็นไรก็จบเรื่อง แต่ถ้าเสี่ยวหวายเป็นอะไรขึ้นมา พวกเขาทั้งตระกูลจะต้องตายไปด้วยกันเซี่ยหมิงอีได้ยินน้ำเสียงนางและเห็นใบหน้านางตอนที่นางพูด กระทั่งมีรอยยิ้มจางๆ ออกมาด้วย!แค่คำง่ายๆ ไม่กี่คำ ก็กำหนดความเป็นความตายของพวกเซี่ยหมิงหย่วนแล้วในใจก็อดทอดถอนออกมาไม่ได้ เซี่ยหมิงหย่วนครั้งนี้เตะกับแผ่นเหล็กเข้าอย่างจังเลย...จั๋วซือหรานหลังจากจัดการธุรกิจนี้จนชัดเจนแล้ว ก็ใช้เวลาอีกหนึ่งวันหนึ่งคืน อ่านบัญชีของตระกูลจั๋วไปรอบหนึ่งบัญชีที่ยุ่งเหยิงต่างๆ ทำเอานางปวดหัวมากหลังจากเอาพวกที่ทำบัญชียุ่งเหยิงนั่นเข้ามา ในห้องโถงบรรพบุรุษตระกูลจั๋ว เสียงแส้กับเสียงกรีดร้องก็ดังก้องไปทั้งวัน...จั๋วอวิ๋นฉีหิ้วดคมเดินมาส่งนางที่ประตู ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "เสียวจิ่ว ลำบากเจ้าเสียแล้ว"จั๋วซือหรานเอียงตาเหลือบมองเขา ไม่ได้แสดงออก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 997

    "หราน หรานหราน..." เซี่ยหมิงอี้ตระหนักได้ถึงแผนล่วงหน้าของเซี่ยหมิงหยวน ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็คือตระกูลเซี่ยเสียหาย ขนาดที่เขาพูดจาก็ยังตะกุกตะกักขึ้นมาแล้วสีหน้าจั๋วซือหรานยังพอไหว ไม่ได้ปั้นยากอย่างที่เขาคิดเอาไว้น้ำสเียงนางฟังแล้วนิ่งมาก ไม่มีอารมณ์ตื่นเต้นอะไรเลย เอ่ยขึ้นว่า "ลุงใหญ่ไม่ต้องเครียดไป ขอแค่เรื่องนี้ท่านไม่ได้ร่วมด้วย ข้าจะไม่ย้ายความโกรธไปหาหาคนบริสุทธิ์แน่นอน"เซี่ยหมิงอี้อ้าปากพะงาบ ท้ายสุดจึงได้แค่ถอนหายใจจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "เอาล่ะ ดังนั้นพวกเราก็มาหารือเรื่องธุรกิจดีกว่า รอคุยทางนี้กับท่านเสร็จ ข้ายังมีธุรกิจอื่นต้องคุยอีก ถึงจะไปที่สำนักเมฆาวารีได้อย่างวางใจ"เซี่ยหมิงอี้ได้ยินคำพูดนาง รู้สึกแค่ว่า ยอดเยี่ยมมากจริงๆจั๋วซือหรานร่างแผนรายละเอียดธุรกิจวัตถุดิบยาเอาไว้แล้ว เดิมทีแค่ให้เซี่ยหมิงอี้อ่านสักรอบก็พอยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีจั๋วซือหรานก็ยอมลดกำไรที่จั๋วให้กับตระกูลเซี่ยไปไม่น้อยเพียงแต่ว่าพอผ่านเรื่องของเสี่ยวหวาย การยอมลดให้ที่เตรียมไว้แต่เดิมจึงไม่คิดจะลดให้แล้วยิ่งไปกว่านั้นการฆ่าคนมันทำร้ายจิตใจ ดังนั้นพูดจาก็ต้องให้ชัดเจนจั๋วซือหรานพูดเ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 996

    จั๋วซือหรานขี้เกียจจะพูดไร้สาระกับนาง จึงเอ่ยแค่ว่า "แม่ข้าอัธยาศัยดี จนอาจทำให้พวกท่านเข้าใจว่าข้าก็พูดจาง่ายเหมือนาง แต่ความเป็นจริงจะทำให้พวกท่านผิดหวังแน่"เสียงนางเย็นลงมาทีละนิดๆ "ดังนั้นทางที่ดีก็ภาวนาไว้ว่าให้น้องชายข้าปลอดภัย ไม่เช่นนั้น..."นางหยวนได้ยินนางพูดถึงตรงนี้แล้วก็หยุดไปหลังจากนั้น อิฐหินที่นูนออกมาก้อนหนึ่งบนกำแพงข้างๆ นาง ก็ถูกบดเป็นผงภายใต้พลังนิ้วของนาง ร่วงกราวลงกับพื้น"ข้าจะให้ท่านตายแล้วก็ฟื้นกลับมา แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะมีอารมณ์แบบนี้" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น ปัดๆ ผงฝุ่นบนมือออก ไม่พูดอะไรอีก กลอกตามองไปทางเซี่ยหมิงอี้ "ลุงใหญ่ ออกมากับข้าเถอะ"เซี่ยหมิงอี้เดิมทีก็กำลังคิด ว่าจะอธิบายกับหลานสาวที่เก่งกาจคนนี้ของเขาอย่างไรดีว่าตนเองไม่รู้เรื่องนี้เลย ไม่รู้เรื่องด้วยจริงๆคิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันเอ่ยปาก นางก็เรียกเขาออกมาเสียแล้วเซี่ยหมิงอี้ไม่พูดอะไรเยอะ แค่เดินตามนางออกไปจากคุกเงียบๆหลังออกมา เซี่ยหมิงอี้จึงกลั่นกรองคำพูดออกมาคำหนึ่ง "หราน...ใต้เท้าโหว เรื่องนี้ข้าไม่รู้เรื่องด้วยจริงๆ"กระทั่งคำเรียกก็ยังเปลี่ยนเสียใหม่จั๋วซือหรานมองเขาผาดหนึ่ง "ลุ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 995

    นางหยวนถูกจั๋วซือหรานทำให้เกิดความหวาดกลัวทางจิตใจขึ้นมาแล้ว ดังนั้นพอได้ยินเสียงจั๋วซือหราน ก็ตัวสั่นขึ้นมาทันทีไม่ว่าเป็นใครหลังจากที่ตายไปด้วยมือคนหนึ่งคนแล้วถูกดึงชีวิตกลับมา พอได้เจอคนนี้อีกครั้ง ก็น่าจะเป็นเช่นนี้กันหมด รู้สึกหวาดกลัวเหมือนเจอผีร้ายอย่างไรอย่างนั้นนางหยวนพอได้ยินเสียงของจั๋วซือหราน ทั่วร่างก็ตัวสั่นพังพาบไปหมด คำถามต่อตัวเซี่ยหมิงอี้ก่อนหน้า ก็ยังไม่สามารถตอบกลับไปได้อย่างถูกต้องตอนนี้กลับเข้าไปหลบด้านหลังเซี่ยหมิงอี้ จ้องเขม็งที่จั๋วซือหรานอย่างหวาดๆ น้ำเสียงเองก็อ่อนลงมา "เจ้า เจ้า...คิดจะทำอะไร?"จั๋วซือหรานเดินไปตรงหน้าพวกเขา วางมือไว้ด้านหน้าท่อนแขนดูแล้วก็เรียวยาวอ่อนนุ่ม นิ้วก็ขาวนวลราวต้นหอม เป็นสองมือที่ดูดีมากแต่ในสายตาของนางหยวน กลับคิดออกได้แค่สองมือนี้บีบคอนางไว้อย่างไรจนขาดอากาศหายใจ"ข้าคิดจะทำอะไร? ข้าก็แค่จะให้น้องชายข้ากลับมา แค่นั้นเอง "จั๋วซือหรานมองนางหยวน ได้ยินคำพูดท่านก่อนหน้านี้ คุณหนูสำนักนั่นก็ดูไม่เลวเลยนี่..."นางหยวนไม่กล้าส่งเสียง ไม่กล้าพยักหน้าและไม่กล้าส่ายหัว จ้องเขม็งจั๋วซือหรานอยู่อย่างนั้นจั๋วซือหรานเอ่ยต่อ "ใน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 994

    พอได้ยินคำนี้ของนาง เฉวียนคุนก็เอียงตามองนาง ยิ้มขึ้นมาจั๋วซือหรานเห็นสายตาที่เอียงมากับรอยยิ้มเขา ก็เอ่ยขึ้นอย่างจนใจว่า "สายตาอะไรของเจ้ากัน ข้าพูดเรื่องจริงนะ"เฉวียนคุนโบกไม้โบกมือ "นายท่านไม่ต้องมาขู่ข้า"จั๋วซือหราน "..."เฉวียนคุนเอ่ยด้วยรอยิ้ม "ด้วยความฉลาดหลักแหลมกับการวางแผนได้ละเอียดรอบของของท่าน ในเมื่อวางใจไปที่หลวนหนาน ก็อธิบายได้แล้วว่าในเมืองหลวง ท่านไม่ได้มีแค่เฉวียนคุนคนเดียวเท่านั้น""ข้าเป็นแค่คนไม่สำคัญ ติดตามนายท่านคอยดูแลเรื่องในเรือนยังพอไหว แต่จะให้ข้าไปวุ่นกับเรื่องธุรกิจนี่ ข้าคงไม่ไหว ข้ารู้ตัวเองดี"เฉวียนคุนยิ้มๆ มองจั๋วซือหราน "ดังนั้น ข้าจะติดตามนายท่านไปหลวนหนานด้วย ไม่ว่าจะยอู่ในเรือนเล็กหรือว่าใหญ่ ข้าก็ยังมองท่านเป็นนายท่านอยู่วันยังค่ำ "จั๋วซือหรานหลังจากได้ยินคำพูดของเฉวียนคุน ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก หลังจากนิ่งงันไปครู่ใหญ่จึงเอ่ยขึ้นว่า "ช่างเถอะ แล้วแต่เจ้าละกัน"นางเบ้ปาก "เจ้าคนไม่ยอมก้าวหน้า"เฉวียนคุนตอบกลับอย่างเริงร่า "เดิมทีข้าก็แค่อยากจะอยู่ข้างกายนายท่านเท่านั้น ไม่ได้อยากจะก้าวหน้าอะไร"จั๋วซือหรานมองเขา "แต่ว่าเจ้าพูดผิดไปคำหนึ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status