Share

บทที่ 10

Penulis: หูเทียนเสี่ยว
last update Terakhir Diperbarui: 2024-10-29 19:42:56
จั๋วซือหรานเหลือบมองกระบี่เรียบง่ายที่ดูธรรมดาในมือของนาง

ความจริงนี่คือกระบี่ประจำตระกูลของเฟิงเหยียน และกระบี่เล่มนี้มีชื่อเดียวกับแหวนเสวียนเหยียนของนางจริง ๆ

ในวันที่ลูกหลานของตระกูลกำเนิด ห้องกระบี่ประจำตระกูลจะเริ่มตีเหล็กเข้ารูปเพื่อทำกระบี่ให้ทารก รูปแบบของกระบี่จะแตกต่างกันไป แต่ตราประจำตระกูลเฟิงจะถูกสลักไว้ที่ด้ามจับ และชื่อของเด็กคนนั้นจะถูกสลักไว้ที่ส่วนท้ายของด้ามจับ

จั๋วซือหรานมองกระบี่เสวียนเหยียนที่อยู่ในมือของนางและไม่พูดอะไร

ความเงียบของนางทำให้จั๋วหรูซินโกรธมากขึ้น “เจ้าพูดมาสิ ทำไมเจ้าจึงมีกระบี่ประจำตระกูลของท่านอ๋องเฟิง”

จั๋วซือหรานเงยหน้าขึ้นและมองหน้านาง "เจ้ายังต้องถามอีกหรือ แน่นอนว่าเขาให้ข้ามา"นางหยุดครู่หนึ่งและพูดทีละคำ "ของ ขวัญ แทน ใจ"

“เป็นไปไม่ได้” จั๋วหรูซินโกรธแค้น นางกัดฟัน “เจ้าไม่ต้องพูดไร้สาระ ท่านอ๋องเฟิงเบื่อหน่ายกับการถูกบงการมากกว่าใคร ๆ ก่อนหน้านี้ เจ้ายกเลิกการหมั้นหมายและต้องการแต่งงานกับคนอื่น สมหวังเขาพอดี นางคิดว่าเขาอยากแต่งงานกับเจ้าหรือ เขาอยากแต่งงานกับเจ้าเพียงเพราะเจ้า…”

“ซินเอ๋อร์ หยุดพูดได้แล้ว” จู่ ๆ คุณท่านจั๋วลิ่วก็พูดแทรกขัดจั๋วหรูซินขึ้นมา

คุณท่านจั๋วลิ่วโบกมือแล้วพูดว่า "เอาล่ะ ข้าขี้เกียจโต้เถียงกับเด็ก ๆ แล้ว เจ้าไปได้เลย ข้าจะรายงานเรื่องตามความเป็นจริงให้เหล่าผู้อาวุโสทราบ ให้พวกเขาทราบนางทำร้ายพี่สาว แล้วให้พวกเขาตัดสินใจเอง"

จั๋วซือหรานขี้เกียจสนใจคำจู้จี้จุกจิกของพ่อลูกสองคนนี้ เดิมทีนางมาที่นี่ก็แค่อยากพาเสี่ยวหวายกลับ

นางเสียบกระบี่เสวียนเหยียนเข้าไปในฝักโดยไม่ได้ตั้งใจ ลากจั๋วหวายแล้วหันหลังเดินออกจากนั่น

คุณท่านจั๋วลิ่วและจั๋วหรูซินจ้องไปยังกระบี่เรียบง่ายในมือของนางจากด้านหลัง สองคนนี้จ้องมองนางจนกระทั่งนางจากไป

“ท่านพ่อ” จั๋วหรูซินพูดด้วยความโกรธ “ทำไมท่านพ่อถึงปล่อยนางง่าย ๆ ท่านพ่อคงไม่ได้เชื่อจริง ๆ หรอกนะ ว่ามันเป็นของขวัญแทนใจที่ท่าอ๋องเฟิงมอบให้นางใช่หรือไม่”

คุณท่านจั๋วลิ่วมีสีหน้าเคร่งขรึม “ไม่ว่าข้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม มันเป็นความจริงที่ว่า นางสามารถดึงกระบี่ของตระกูลเฟิงเหยียนออกมาได้ ท่างผู้อาวุโสจะไม่มีทางปล่อยไปเช่นนี้”

“แต่นางกรีดใบหน้าของหนู แม้ว่าจะหายดีก็ตาม...” จั๋วหรูซินรู้ตัวทันที นางพึมพำ “นั่นคือกระบี่เสวียนเหยียน ใบหน้าของข้า ข้าควรทำเช่นไรกับใบหน้าของข้าดี”

นางเอามือปิดแผลบนแก้มของตน นางสยดสยอง

กระบี่เสวียนเหยียนเป็นกระบี่ประจำตระกูลของเฟิงเหยียน มันมีพลังอย่างแรงขนาดไหน บาดแผลที่เกิดจากกระบี่เล่มนั้นไม่สามารถหายสนิทได้อย่างง่ายนัก

“ข้าต้องฆ่านางให้สิ้น ข้าต้องบดขยี้นางให้กลายเป็นผุยผง”

*

“ฮัด ชิ้ว——!”

จั๋วซือหรานยกมือขึ้นแล้วลูบจมูก

“ท่านพี่ขอรับ ท่านพี่ไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหมขอรับ” จั๋วหวายกังวล “สีหน้าของท่านพี่ดูแย่มาก”

“ไม่เป็นไร” จั๋วซือหรานหันกลับมามองเขา “ว่าแต่เจ้า รอยแผลเต็มหน้า เดี๋ยวท่านแม่เห็น ท่านแม่ต้องเสียใจอีก”

“ข้าไม่เจ็บ” จั๋วหวายส่ายหัว “ท่านพี่ขอรับ ท่านพี่ไม่แต่งงานกับผู้ชายที่แซ่ฉินอีกใช่ไหมขอรับ ข้าได้ยินมาว่า ท่านพี่ถูกเล่นงาน จึงหน้ามืดตามัว ถึงโวยวายร้องอยากแต่งงานกับเขา เขาไม่คู่กับท่านพี่เลยสักนิด”

จั๋วซือหรานยิ้มเยา และจูงมือเขา พี่น้องสองคนนี้เดินกลับต่อ "แล้วเจ้าคิดว่าใครคู่กับข้า"

“ไม่มีใครคู่กับท่านพี่ของข้าทั้งนั้น” จั๋วหวายกระซิบ “พี่ลิ่วห่วงท่านอ๋องเฟิงขนาดนั้น ให้นางไปเสียเถิด ข้าไม่อยากท่านพี่ของข้าแต่งงานเลยสักนิด”

“หากไม่ใช่เพราะท่านอ๋องเฟิง วันนี้พวกเราคงหนีไม่พ้นง่าย ๆ เช่นนี้” จั๋วซือหรานนึกถึงท่าทีของคุณท่านจั๋วลิ่วในก่อนหน้านี้ เดิมทีเขาไม่อยากปล่อยนางหรอก หลังจากเห็นกระบี่เสวียนเหยียนในมือของนาง เขาถึงได้เลิกความคิดนั้น

ดังนั้น ก่อนหน้านี้ เป็นเพราะนางสังเกตถึงความหวาดกลัวของคุณท่านจั๋วลิ่ว นางถึงจงใจบอกเขาว่า นั่นเป็นของขวัญแทนใจ

จั๋วหวายเหลือบมองกระบี่ในมือของนาง “ท่านพี่ขอรับ ท่านพี่กับท่านอ๋องเฟิง...จริง ๆ หรือ”

“เปล่า” จั๋วซือหรานลูบหัวของเขา “ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว เจ้าควรรีบคิดหาคำพูดหน่อย ว่าจะปลอบใจท่านแม่อย่างไร”

พี่น้องสองคนนี้กลับมาที่สวนจี๋หย่าย่วน จั๋วซือหรานให้เด็กชายคนนี้ไปปลอบใจของท่านแม่

ตัวนางเองกลับห้องของนาง เพราะนางคิดพิจารณาว่า กระบี่ประจำตระกูลยังอยู่ที่นี่ ชายคนนั้นคงยังไม่ไปจากที่นี่ นางต้องคืนระบี่นี้ให้แก่เจ้าของเดิม และขอบคุณเขาที่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของนาง

“เอ่อ...แค้ก ท่านอ๋องเฟิง” จั๋วซือหรานเรียกด้วยเสียงต่ำ นางค่อย ๆ เดินไปข้างหน้า“ยังอยู่ที่นี่หรือไม่”

ไม่มีกานตอบกรับใด ๆ

จั๋วซือหรานวางกระบี่ที่เรียบง่ายลงบนโต๊ะแปดเซียนเบา ๆ ทันทีที่นางวางมันลงบนโต๊ะ นางได้ยินเสียงมาจากด้านหลัง เสียงนั้นใกล้มากจนแทบจะเข้าหูของนาง "เจ้าปฏิบัติตนเองในฐานะคนภายในเสียจริง"

นางตกใจ และนางได้สัมผัสถึงลมหายใจของเขาที่รดตรงหลังคอของนาง

มีแขนเรียวข้ามผ่านไหล่ของนาง เขาไปหยิบกระบี่ประจำตระกูลบนโต๊ะแล้วแขวนไว้ที่เอวของเขา

จั๋วซือหรานพูด "เสื้อคลุมของเจ้า ข้า..."

“ไม่เอาแล้วขอรับ” เฟิงเหยียนกล่าวด้วยอารมณ์ที่สงบ

“ไม่ว่าอย่างไร ก่อนหน้านี้ ขอบคุณที่รักษาอาการบาดเจ็บให้ข้า”

ทันทีที่นางพูดจบ ป้ายไม้มะเกลือก็ถูกยื่นมาอยู่ด้านหน้าของนาง

นางดูออก นั่นเป็นป้ายประจำตัวของคุณหมอ แต่นางไม่เข้าใจว่า เขามีความหมายเช่นใด

เฟิงเหยียนพูดด้วยอารมณ์ที่สงบ "ก่อนหน้านี้ ข้ารักษาเจ้า ข้าอาจล่วงเกินตัวไป นี่คือป้ายประจำคุณหมอของข้า"

ในมุมมองของคุณหมอ ชีวิตมนุษย์มีความสำคัญยิ่ง ไม่แบ่งชายหญิง

จั๋วซือหรานจึงเข้าใจความหมายของเขา ก่อนหน้านี้ เพราะเขาต้องการรักษาอาการบาดเจ็บของนาง เขาจึงจำเป็นต้องเห็นร่างกายของนาง เวลานี้ เขาแสดงป้ายประจำหมอของเขา เพื่อมิให้นางเข้าใจผิดหรือ

ตัวนางเองเป็นหมอ และนางเป็นวิญญาณที่มาจากอีกภพหนึ่งในยุคปัจจุบัน ดังนั้นแน่นอนว่า นางไม่ได้หัวโบราณขนาดนั้น

“ท่านอ๋องเฟิงกำลังกังวลข้าจะนำเรื่องนี้เป็นข้ออ้าง และกวนเจ้าและบังคับเจ้ารับผิดชอบหรือไม่ ” จั๋วซือหรานกล่าว “ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ทำเช่นนั้น”

เฟิงเหยียนวางนิ้วเรียวบนด้ามดาบที่เอวของเขา เอามือแตะมันโดยไม่รู้ตัว และเขาพยักหน้าเล็กน้อย "เจ้ารู้เรื่องน่ะดี และหวังว่าทำตามอย่างที่เจ้าพูดละกัน"

เมื่อเขาหันตัวและเดินไปที่ประตู เขาก็หยุดและพูดอย่งกะทันหัน "ทายาน้ำค้างหยกวันละสองครั้ง ด้วยความสามารถของเจ้าที่มี เจ้าจะดีขึ้นได้ภายในสามวัน"

เขาพูดจบและเดินจากไป

จั๋วซือหรานพูดกับตัวเองว่า ถ้าไม่ทายา ภายในห้าวัน นางจะหายเกือบเป็นปกติ เพราะตอนนี้คุณท่านจั๋วลิ่วสั่งการคลังไว้ ไม่มีใครให้ยารักษาอาการบาดเจ็บแก่นาง ยาน้ำค้างหยกที่เขาให้นางในก่อนหน้านี้เมื่อครู่นี้ เขารักษาอาการบาดเจ็บของนาง เขาใช้หมดแล้ว

แต่ไม่คาดคิดว่า หลังจากที่เฟิงเหยียนจากไปแล้ว หลังเที่ยง จู่ ๆ ก็มีคนที่มาจากลานหน้าเรือนเรียกนางไปที่ห้องโถงด้านหน้า

“ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสสามต้องการพบข้าหรือ” จั๋วซือหรานถามคนรับใช้ที่มาส่งข่าว

คนรับใช้ตอบกลับ"ใช่ขอรับ คุณหนูจิ่ว"

จั๋วซือหรานแบะปาก "คุณท่านลิ่วฟ้องได้เร็วจัง"

แม้ว่าผู้อาวุโสใหญ่จะกระทำการอย่างยุติธรรม แต่เขาก็อุทิศตนเพื่อครอบครัว ผู้อาวุโสสามซึ่งแตกต่างออกไป เขาสนิทกับคุณท่านจั๋วลิ่วมาโดยตลอด ดังนั้นเขาต้องกล่าวหาว่านางทำผิดและหาทางลงโทษนางแน่ ๆ

จั๋วซือหรานเดินตามคนรับใช้ไปที่ลานหน้าบ้าน ทว่าเขาไม่คาดคิดเลยว่า นางไม่เห็นคุณท่านจั๋วลิ่วหรือจั๋วหรูซินอยู่ที่ห้องโถงด้านหน้า

กลับมีคนแปลกหน้าคนหนึ่ง เสื้อผ้าที่เขาสวมทำให้จั๋วซือหรานตกใจเล็กน้อย

นั่นเป็นชุด…ที่มีลายประจำตระกูลเฟิงอยู่บนนั้น

“ท่านผู้นี้คือคุณหนูจั๋วจิ่วแน่เลยใช่ไหมขอรับ” ผู้นั้นถาม

จั๋วซือหรานพยักหน้า "ข้าคือจั๋วจิ่ว"

“ข้าน้อยได้รับคำสั่งและนำสิ่งของเหล่านี้มามอบให้แก่คุณหนูจิ่ว คุณหนูรับของเหล้านี้เสร็จ ข้าน้อยจึงสามารถกลับไปรายงานขอรับ” เมื่อชายคนนั้นพูดจบ เขาหยิบกล่องลายครามสามใบออกมา

“นี่คือ?ฃ” จั๋วซือหรานไม่เข้าใจ

“ยาน้ำค้างหยก” ชายผู้นั้นตอบ

ผู้อาวุโสสามเลิกคิ้วและถามด้วยเจตนาร้าย "เหตุใดท่านอ๋องเฟิงต้องสั่งคนมาเอายาน้ำค้างหยกมาให้"

ชายผู้นั้นเหลือบมองผู้อาวุโสสามแล้วตอบกลับ "ท่านอ๋องได้ยินมาว่า คุณหนูจิ่วได้รับบาดเจ็บ แต่คุณหนูไม่สามารถเอายาจากคลังของตระกูลจั๋วได้ ดังนั้นท่านจึงสั่งข้านำยามา เพื่อแสดงความขอโทษ ขอโทษวันนั้นคุณหนูเฟิงหร่านปฏิบัติตนไม่สุภาพต่อคุณหนูจั๋วจิ่วขอรับ”
Komen (1)
goodnovel comment avatar
สนม หอยสด
แปลอ่านแปลกๆ
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 11

    เมื่อได้ยินคำพูดของชายผู้นี้ ผู้สูงอายุใหญ่ก็ขมวดคิ้วรอยยิ้มบนใบหน้าของผู้สูงอายุสามแข็งทื่อ "เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร จวนของข้าจะขาดแคลนยาของเสี่ยวจิ่วได้เช่นไร ทว่าข้ายังคงขอบคุณสำหรับน้ำใจของท่าน"จั๋วซือหราน "ขอบพระทัยท่านอ๋องแทนข้าด้วย"“ขอรับ เมื่อข้าส่งมอบของเรียบร้อยแล้ว ข้าจะกลับไปรายงานเดี๋ยวนี้ ข้าขอลา และข้าขอคุณหนูจิ่วหายดีเร็ว ๆ ขอรับ”หลังจากผู้ติดตามของตระกูลเฟิงจากไปผู้สูงอายุใหญ่กล่าวอย่างเคร่งขรึม "ผู้ใดเข้ากะของคลัง นำตัวมา"จั๋วซือหรานยิ้มอย่างสงบ นางกล่าวว่า "ผู้อาวุโสใหญ่เจ้าคะ ผู้ที่ดูแลคลังของจวนแค่มองว่าใครมีฐานะสูงกว่ากัน และจะฟังคำสั่งของคนผู้นั้น หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากใครบางคน ก็จะมิกล้าทำเช่นนี้หรอก"ผู้อาวุโสใหญ่"ข้ารู้ว่าเจ้ามีความคับแค้นอยู่ในใจ เจ้าได้สสั่งสอนเสี่ยวลิ่วแล้ว เจ้าก็ยกโทษให้นางไปเสีย อย่าทำให้คนภายในตระกูลเสียความรู้สึกต่อกันเลย "จั๋วซือหรานพูดต่อ "หนูเทียบกับพี่ลิ่วมิได้หรอก นางยุยงให้คนนอกทำหนอนพิษกู่ใส่ข้า การกระทำเช่นนี้ ข้ายังไม่เรียกร้องความยุติธรรมเลย"“ทั้งหมดนี้ไม่มีที่เป็นยหลักฐานอันใด เหตุใดจึงต้องทำร้ายความส้มพัน

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-29
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 12

    ที่จริงแล้วเฟิงเหยียนไม่มา จั๋วซือหรานกลับรู้สึกสบายใจขึ้นมากนางมีเวลาว่างพอดี นางจะได้วิเคราห์ชะตากรรมเดิมของเจ้าของร่างเดิมที่อยู่ในหัวในชะตาเดิมของเจ้าของร่าง เวลานี้นางได้แต่งงานกับฉินตวนหยางแล้ว ซึ่งตามมารยาท นางไม่ได้มาร่วมงานดอกไม้ในวังแน่นอน รู้เพียงในงานดอกไม้ครั้งนี้ จั๋วหรูซินทดลองยาให้ไทเฮาด้วยตัวเอง เพราะไทเฮานอนติดเตียงเป็นเวลานาน และนางได้รับการยกย่องสรรเสริญเป็นเสียงเอกฉันท์แต่ ณ ตอนนี้ หลังจากงานเลี้ยงเริ่มต้นได้ไม่นาน จั๋วหรูซินก็ลุกขึ้น“ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันทราบมาว่า ไทเฮาทรงประชวรนอนติดเตียงมานานแล้ว ซึ่งทำให้ท่านกังวลเป็นอย่างมาก...”แต่โครงเรื่องต่อไปไม่ได้เป็นไปตามโครงเรื่องเดิมเนื่องจากจั๋วหรูอหรานเปลี่ยนบทสนทนา "น้องสาวจิ่วของหม่อมฉันมีพรสวรรค์อย่างมาก มากเสียจนสามารถรักษาตัวจากแส้หนามของครอบครัวได้ภายในหนึ่งหรือสองวันหลังจากได้รับเฆี่ยนตีเก้าครั้ง ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งและพลังทางจิตวิญญาณ หากนางได้เป็นผู้ทดลองยายาของไทเฮา อาการเจ็บป่วยของไทเฮาจะหายขาดในไม่ช้า”ก่อนเข้าร่วมงานดอกไม้ในวัง บิดาและผู้อาวุโสสามให้นางเสนอจั๋วซือหรานให้เป็นผู้ทดลองยาให้แก่

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-29
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 13

    ตำหนักหย่งโซ่วเมื่อครึ่งเดือนก่อน ไทเฮาจู่ ๆ ก็ล้มป่วยลงอย่างกะทันหันและตกอยู่ในอาการขั้นร้ายแรงเมื่อฮองเฮาพาคนมาที่ตำหนักหย่งโซ่ว แม่นมยวี่ที่อยู่เคียงข้างไทเฮาก็ระมัดระวังมากขึ้นเมื่อนางรู้ว่า จั๋วซือหรานมาที่นี่เพื่อวินิจฉัยและรักษาไทเฮา ดวงตาของแม่นมยวี่เป็นประกาย แต่ก็หรี่ลงอย่างรวดเร็วฮองเฮาจะใจดีขนาดนี้ได้อย่างไรนางยังเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณหนูจั๋วจิ่วมาก่อน คนเล่ากันว่า คุณหนูจั๋วจิ่วมีความอัจฉริยะ แต่น่าเสียดายที่คุณหนูจั๋วจิ่วเป็นคนของตระกูลจั๋ว มีใครหรือที่มิทราบว่า แท้จริงแล้วตระกูลเหยียนเป็นหมอเทวดาตั้งแต่บรรพบุรุษหรือ ตระกูลจั๋วไม่เคยมีใครรับตำแหน่งเป็นคุณหมออย่างจริงจังเลยเหยียนชาง ผู้เป็นหัวหน้าของห้องหมอหลวงยืนอยู่ข้าง ๆ "จั๋วจิ่ว เจ้าพูดเบาเลยนะ เจ้ามีวิชาหมอด้วยหรือ"เขาเชื่อจั๋วจิ่วไม่มีปัญญารักษาไทเฮาได้ และเนื่องจากเรื่องอื้อฉาวเมื่อไม่นานมานี้ เหยียนชางดูถูกจั๋วซือหรานอย่างมากจั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และพูดว่า "ข้าพอรู้มานิดหน่อย ขอแสดงฝีมืออันน่าอับอายเสียหน่อย"นางยกแขนเสื้อขึ้นแล้วยื่นมือออก มือของนางขาวราวหยก นิ้วของนางอยู่ห่างจากผิวหนังข้อมือของ

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-29
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 14

    เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งที่ไทเฮาพูด ทุกคนก็อดไม่ได้ที่ต้องมองไปที่ท่านอ๋องเฟิงเฟิงเหยียนมองจั๋วซือหรานอย่างไม่กระตือรือร้นจั๋วซือหรานรู้สึกดวงตาที่เย็นชาและลึกล้ำของชายคนนี้ดูเหมือนสื่อสานได้ ราวกับว่า เขากำลังเยาะเย้ยนางอย่างเงียบ ๆ เหมือนเขากำลังเยาะเย้ยนางตอบแทนความเมตตาด้วยความเกลียดชัง และนางกลับคำพูดของนางทั้ง ๆ ที่เมื่อสองวันก่อน นางยังบอกเขาว่า จะไม่กวนเขาและจะไม่ให้เขารับผิดชอบจั๋วหรูซินกำลังอยากโล่งอก อย่างน้อยนางก็ไม่ต้องคู่กับฉินตวนหยางแต่นางยังไม่ทันโลง่อก และจั๋วซือหรานจะไม่ยอมให้นางสมหวังแน่นอน "ขอบพระทัยที่ไทเฮาเมตตา แต่สิ่งที่หม่อมฉันต้องการไม่ใช่พระราชโองการการสมรสกับท่านอ๋องเฟิงเพคะ"ทันใดนั้นจั๋วหรูซินตกตะลึงจนดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้น และนางก็จ้องมองไปที่จั๋วซือหรานไทเฮาตรัสว่า “หรือ”จั๋วซือหรานยังคงสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของชายคนนั้น สายตานั้นราวกับเป็นประกาย เหมือนมีไฟลุกอยู่แผ่นหลังของนาง แต่เมื่อคิดถึงภัยคุกคามครั้งก่อนของผู้อาวุโสใหญ่ นางทำได้เพียงกัดกระสุนและพูดซ้ำสิ่งที่นางพูดในวันงานเลี้ยงแต่งงาน "หม่อมฉันมีความรักที่หยั่งรากลึกต่อท่านอ๋องเฟิงโดยไม

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-29
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 15

    “ไร้... ไร้สาระ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แค่นี้” จั๋วหรูซินพูดตะกุกตะกัก นางแอบเกลียดจั๋วซือหรานที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นคนเฉียบคมขนาดนี้ในความเป็นจริง ตั้งแต่วินาทีที่คุณท่านจั๋วลิ่วเห็นนางดึงกระกระบี่เสวียนเหยียนออกมา จั๋วซือหรานเห็นทัศนคติที่เขามีต่อนาง จั๋วซือหรานก็รู้ว่า มีบางอย่างผิดปกติ ช่วงสองวันที่นางฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ นางหาเวลาสอบถามข้อมูลบางอย่างด้วยพลังทางจิตวิญญาณของตระกูลเฟิง ผู้ที่มีพรสวรรค์มากเท่าใด จะมีฤทธิ์ร้ายแรงมากขึ้นเท่านั้น ฤทธิ์ร้ายแรงนั้นไม่เพียงเป็นภาระต่อผู้อื่นเท่านั้น แต่ยังเป็นภาระตนเองด้วยดังนั้นลูกหลานของตระกูลเฟิงจึงมีอายุได้ไม่นาน และยิ่งมีความสามารถมากเท่าไร พวกเขาก็จะยิ่งมีอายุน้อยลงเท่านั้นหากทุก ๆ ลูกหลานเป็นเช่นนี้ตลอด ตระกูลเฟิงจะถูกกำหนดให้พังพินาศหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลเฟิงพยายามหาวิธีเพื่อแก้ปัญหานี้ได้ตระกูลเหยียนเก่งด้านการแพทย์และการใช้ยา ดังนั้นตระกูลเหยียนจึงกลายเป็นเป็นหมอประจำของตระกูลเฟิงห้องกระบี่ประจำตระกูลออกแบบกระบี่ให้เป็นอาวุธประจำตระกูล และยังใช้เป็นตราประทับและเครื่องที่รองรับพลังด้วยดังนั้นบุตรหลานของตระกูลเ

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-29
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 16

    “แล้วล่ะขอรับ” เขาพูดเบา ๆจั๋วซือหรานตอบ "ดังนั้นพวกเราควรเลือกสิ่งที่เราต้องการ มาร่วมมือกัน"เฟิงเหยียนเลิกคิ้ว "ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือเช่นไร เจ้ามีอะไรที่ข้าต้องการหรือ"ดวงตาของจั๋วซือหรานสว่างเป็นประกาย นางมองเขาอย่างแน่วแน่ "อะไรที่เหยียนฉีไม่สามารถรักษาเจ้าได้ บางทีข้าอาจจะรักษาได้"เมื่อเฟิงเหยียนได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เขาหรี่ตาลง เดิมทีมือของเขางวางบนกระบี่ประจำตระกูลที่เอวอย่างไม่ได้ตั้งใจที่ ทีนี้นิ้วหัวแม่มือดันด้ามมีดเล็กน้อย ใบมีดอันแหลมคมที่ประกายความหวาดกลัวนั้นปรากฏส่วนอันสั้นจากฝักหระบี่มันยาวเท่ากับนิ้วหัวแม่มือของมนุษย์เท่านั้นเองความอาฆาตจั๋วซือหรานรู้สึกถึงแรงผลักดันที่พุ่งออกมาจากเขาอย่างชัดเจนเขาคู่ควรกับการเป็นอัจฉริยะที่ตระกูลเฟิงไม่เคยพบและไม่เคยเห็นมานานนับศตวรรษแข็งแกร่ง เสียจริงคนขับรถม้าเกือบจะฉี่รด เขาตัวสั่น และถอยไปด้านหลังสองสามก้าว“นี่คือสิ่งที่จั๋วลิ่วบอกเจ้าในเมื่อสักครู่หรือ” เฟิงเหยียนพูดอย่างเย็นชาจั๋วซือหรานพูด "นางไม่ต้องบอกข้า ขาก็เดาออกได้"จากปฏิกิริยาของเฟิงเหยียน จั๋วซือหรานรู้นางเดาถูก นางลดสายตาลงและมองขาอันยาว

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-29
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 17

    บ้าระห่ำจั๋วซือหรานชอบคนบ้าระห่ำเช่นนี้ นางรู้สึกเจอคนประเภทเดียวและเกิดความรู้สึกการเอ็นดูเฟิงเหยียนเดินจากไปแล้ว และนางคิดชื่อจากคำพูดของเขา “จั๋วเสี่ยวจิ่ว(จิ่วหมายถึง เลข เก้า ในภาษาไทย)หรือ ดีแล้วข้าไม่ได้เปิดเป็นบุตรคนที่สองของตระกูล...ไม่อย่างนั้น ก็จะดูเหมือนคนรับใช้ที่ร้านแล้ว”“จิ่ว...คุณหญิงจิ่วขอรับ” คนขับรถม้าเดินเข้ามาอย่างสั่นเทา “กลับ..กลับตอนนี้หรือขอรับ”"เจ้าค่ะ กลับเถอะ" จั๋วซือหรานเห็นคนขับรถม้าไสั่นเช่นนี้ นางอดไม่ได้ที่ต้องสงสายและถาม"เจ้าหนาวหรือ"คนขับหดคอลงจนเกือบจะร้องไห้ "เมื่อครู่นั้น ท่านอ๋องเฟิงทำเช่นนั้น...ข้า..ข้าน้อยกลัวแทบจะตาย"จั๋วซือหรานนึกถึงเจตนาฆ่าของเฟิงเหยียนที่เขาประกายในเมื่อครู่ คนทั่วไปรับพลังนั้นไม่ไหวเสียจริงนางยกมือขึ้นแล้วโบกมือให้คนขับรถม้า คนขับรถม้ารู้สึกมีสายลมพัดมาบนใบหน้าของเขา และความรู้สึกการกดขี่ที่น่ากลัวก่อนหน้านี้ก็หายไป*ในห้องส่วนตัวจั๋วซือหรานหรี่ตาลงและจ้องมองไปที่แหวนสีแดงเข้มที่เรียบง่ายบนนิ้วชี้ของมือขวาของนาง มันคือแหวนเสวียนเหยียนจริง ๆแต่นางไม่เข้าใจ“ทำไมถึงตามข้ามา” จั๋วซือหรานพึมพำจิตวิญญาณเ

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-29
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 18

    บรรยากาศอันแสนอบอุ่นแตกสลายทันทีสีหน้าของจั๋วซือหรานแข็งค้าง ใช่แล้ว เจ้าของร่างเดิมและจั๋วหวายต่างก็เป็นลูกของผู้บัญชาการทหาร และพวกเขาไม่สนใจเรื่องเรียนเลยจริง ๆ หากให้พวกเขาเขียนหนังสือเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม( 1 ชั่วยาม=2 ชั่วโมง) พวกเขายอมฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาสามชั่วยามมากกว่า"ไม่เอาก็ต้องเอา" ความอ่อนโยนบนใบหน้าของจั๋วซือหรานในก่อนหน้านี้หายไป “เจ้าคิดว่าข้าชิงโอกาสเข้าเรียนในวังได้ ง่ายมากเลยหรือ คนอื่นอยากไปเรียนแต่ไปไม่ได้ แต่เจ้าต้องไป ไม่เช่นนั้น ฮึม ๆ ”จั๋วซือหรานกำหมัดของนาง ข้อต่อนิ้วของนางมีเสียง กร๊อบ ตั้งขึ้นจั๋วหวายเป็นผู้ที่หากไม่ใช้ความรุนแรงกับเขา เขาจะไม่ร่วมมือ เวลานี้ เขาถูกพี่สาวสั่งสนอย่างเชื่อง เขาจึงทำได้เพียงขมวดคิ้วตอบตกลงไป“ข้าจะไปบอกท่านแม่เรื่องนี้ หากพวกเราสองคนได้ไปเรียนที่วังได้ ท่านแม่ต้องดีใจแน่นอน”อวิ๋นเหนียงดีใจมากจริง ๆ แม้ว่าตระกูลทางบ้านนางจะไม่มีชื่อเสียงมากนัก แต่ก็เป็นตระกูลที่สืบทอดความรู้และวัฒนธรรมประเภณีอันดีงามจากบรรพบุรุษสู่ลูกหลานทว่านางแต่งงานกับผู้รู้ศิลปะการต่อสู้ และนางให้กำเนิดลูกชายและลูกสาวที่ไม่ชอบเรียนหนังสือ โดยเ

    Terakhir Diperbarui : 2024-10-29

Bab terbaru

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 752

    "ถ้าอย่างนั้นข้าขอกินก่อนละ หิวแล้ว" จั๋วซือหรานยกบะหมี่รวมมิตรออกมาชามหนึ่งกลิ่นหอมนั่นลอยเข้ามาในจมูกซางถิงทันที ลูกกระเดือกเขากลิ้งไหล หิว...ขึ้นมาทันทีเขาพูดขึ้นเสียงต่ "ก็ไม่ใช่ขนาดนั้นทั้งหมดหรอก"จั๋วซือหรานเองก็เหลือบตามองเขา แต่ก็ไม่ได้ขี้งก แบ่งให้เขาชามหนึ่งดังนั้นเพียงไม่นาน ซางถิงเดิมทีที่คิดจะพูดคุยอย่างจริงจังกับนาง ก็จริงจังขึ้นมาไม่ได้ในชั่วพลันเสียแล้วทั้งสองคนสูดบะหมี่ไปด้วย คุยกันไปด้วย แล้วมันจะจริงจังไปได้แค่ไหนกันดังนั้นถึงได้มีการเจรจจาบนโต๊ะอาหารโต๊ะสุราน่ะสิ ก็แค่ให้มีอารมณ์ผ่อนคลายลงมาหน่อย เหตุผลแค่นี้แหละดังนั้นลักษณะของบทสนทนา จึงเบาลงมาแทบจะในทันทีจั๋วซือหรานสูดบะหมี่ไปด้วย คุยไปด้วย "ข้าพาเจ้ากลับมามันจะเพราะอะไรได้ จะให้ข้าชำแหละเจ้าไปชั่งโลขายเหรอ พวกค้ามนุษย์มันก็แค่ปลาซิวปลาสร้อย ไม่ใช่ข้าจั๋วซือหรานหรอกนะ"ซางถิงมองนาง "แล้วมันเพราะอะไรล่ะ?""คนอย่างข้าไม่ชอบติดค้างน้ำใจใคร" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น "ตาหลักแล้วเจ้าไม่ควรต้องถูกเปิดเผยตัวตน ขนาดถูกตระกูลซางตัดหางปล่อยวัดแล้ว ซ้ำยังหนีการไล่ล่ามาเรียบร้อย เดิมทีไม่ควรมาถูกตระกูลซางเพ่งเล็ง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 751

    เฟิงเหยียนอันที่จริงเข้าใจอย่างชัดเจน พลังที่แท้จริงของจั๋วซือหรานแข็งแกร่งมาก คุณสมบัติร่างกายเองก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นบาดแผลทั่วไปสำหรับนางแล้ว เพียงไม่นานก็จะสมานคืนแต่ต่อให้ในใจชัดเจนแค่ไหน พริบตาที่ได้ยินเฟิงหร่านบอกว่านางบาดเจ็บคิ้วของเฟิงเหยียนก็ขมวดแน่นขึ้นมา ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีเข้มดูหนักแน่น"บาดเจ็บตรงไหน? หนักหนามั๊ย?" เฟิงเหยียนถามเสียงขรึมแต่ว่าสีหน้าของเฟิงหร่านก็เปลี่ยนเป็นไม่สบายใจขึ้นมานางเม้มริมฝีปาก ในใจแอบคิด แล้วนี่ต้องพูดอย่างไรล่ะ...เฟิงหร่านนิ่งงันไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้น "ก็...ตรงนี้ตรงนั้น"เฟิงเหยียนหลังจากได้ยินคำนี้ จึงสังเกตเห็นสีหน้าไม่สบายใจของเฟิงหร่านขึ้นมาเขาขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีกเพียงไม่นานก็มีปฏิกิริยากลับมา เฟิงหร่านกำลังพูดโกหกแต่พอลองคิด เฟิงหร่านทำไมต้องพูดโกหก? ใครให้เฟิงหร่านโกหกกัน?เพียงไม่นาน สองเส้นคำถาม ก็จูงไปหาคำตอบที่ชัดเจนคำตอบหนึ่งคิ้วที่ขมวดแน่นของเฟิงเหยียนคลายลงมาแล้ว เลิกคิ้วขึ้น "โอ๋? ถ้างั้น นางยังพูดอะไรอีกไหม?"เฟิงหร่านคิดถึงคำพูดของพี่จั๋ว กัดฟันพูดต่อว่า "นางยังบอกว่า..."เฟิงหร่านมองพี่ชายอย่างจนใจ ตัด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 750

    เฟิงหร่านตาเป็นประกาย แต่เวลานี้ จั๋วซือหรานก็ลังเลขึ้นมาแล้ว "เดี๋ยวก่อน""อื๋อ?" เฟิงหร่านมองนาง จากนั้นจึงเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ในตานาง"อย่าพูดให้มันง่ายนัก" จั๋วซือหรานยิ้ม "โดยเฉพาะตอนอยู่ต่อหน้าพี่ชายเจ้า..."จั๋วซือหรานลากเสียงยาวครุ่นคิด จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า "เจ้าแค่บอกเขาว่า ข้าถูกรังแก สู้คนอื่นเขาไม่ได้ ไม่มีพลังไม่มีขั้วอำนาจหนุนหลัง เจ็บตัวขึ้นมาแล้ว"เฟิงหร่านฟังแล้วงงงัน "ท่านถูก...ถูกรังแก? สู้...สู้ไม่ไหว?"จั๋วซือหรานยิ้มตาหยีพยักหน้า "อืม เจ้าพูดแบบนี้ไปก็พอ""แต่ว่า..." เฟิงหร่านยังคงลังเล หลักๆ รู้สึกว่าพี่ชายก็ไม่ใช่คนโง่นะ จะมาติดกับง่ายๆ ได้อย่างไรกันจั๋วซือหรานยิ้มแล้วพูดขึ้นมา "เจ้าทำตามที่ข้าพูดก็พอ พี่ชายเจ้าดีใจแน่""ดีใจ?" เฟิงหร่านยังไม่ค่อยเข้าใจจั๋วซือหรานเองก็ไม่ได้อธิบายกับนางมากนักอันที่จริงจั๋วซือหรานต่อมาก็เคยคิด ถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับเฟิงเหยียนพิจารณาจากสถานการณ์ที่ตระกูลเฟิงระแวดระวัง อันที่จริงคือกลัวว่านางกับเฟิงเหยียนพออยู่ด้วยกัน จะมาขโมยพลังตระกูลเฟิงของพวกเขาไปอันที่จริงตระกูลเฟิงก็ไม่ได้เกลียดชังในตัวจั๋วซือหรานอยู

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 749

    ตอนเดินมาถึงทางแยก จั๋วซือหรานก็เอียงตามองชิ่งหมิง "น้องชิ่ง เจ้าไม่กลับหรือ?"ชิ่งหมิงมองจั๋วซือหรานตาเป็นประกายแม้จะอยู่ในสภาพผู้ใหญ่หน้าตาหล่อเหลา ตามหลักการความคิดและการรับรู้ก็ควรจะกลับเป็นผู้ใหญ่แล้วเช่นกันให้ความรู้สึกที่ดูเย็นชากับคนอื่น แต่ตอนที่มองจั๋วซือหรานประกายแสงที่สว่างวาบขึ้นมาในตาคู่นั้น ก็ดูเหมือนกับชายหนุ่มที่ความคิดจิตใจยังมึนงงก่อนหน้าคนนั้นเลยชิ่งหมิงตอบ "ข้าไม่ต้องไปกับเจ้าหรือ?""ข้าก็ไม่คิดอะไรหรอก แต่ลุงของเจ้าจะวางใจหรือ? กลัวว่าเดี๋ยวจะอาละวาดเข้ามาอีก" จั๋วซือหรานคิดถึงลุงของชิ่งหมิงคนนั้น นั่นก็ไม่ใช่เล่นๆ เลยนะชิ่งหมิงเอ่ยตอบ "เขาไม่มาหรอก ที่ข้าดีขึ้นมา เขาจะต้องซาบซึ้งขอบคุณเจ้าแน่ ยิ่งไปกว่านั้นก็รู้แล้วด้วยว่าก่อนหน้านี้โทษเจ้าแบบผิดๆ ไว้"จั๋วซือหรานฟังไม่ออกเสียที่ไหน เด็กคนนี้...เอาเถอะ เรียกว่าเด็กคงไม่ได้แล้ว ตอนนี้ไม่ว่าจะความคิดหรือรูปลักษณ์ภายนอก เรียกว่าเด็กไม่ได้แล้วชายคนนี้ คิดจะกลับไปกับนาง"เอาเถอะ ไปกัน" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นไม่นานนัก ก็มาถึงเรือนของจั๋วซือหรานพอเข้าประตูใหญ่ จั๋วซือหรานก็เห็นเฉวียนคุนที่ทำหน้าพรรณนาไม

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 748

    อินเจ๋ออันมองบน "ใครหาเรื่องใครกันแน่? เจ้าอย่ามาทำตัวใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น...""นั่นสิ" จั๋วซือหรานวางถ้วยบนโต๊ะ กลอกตามองอินเจ๋ออัน พริบตาต่อมา อินเจ๋ออันก็รู้สึกปวดหน้าผาก! บนสัญลักษณ์จันทร์เสี้ยวที่หน้าผากนั่น เจ็บปวดขึ้นมา!หญิงสาวคนนี้ยื่นมือดีดเผียะไปที่สัญลักษณ์จันทร์เสี้ยวนี้!จั๋วซือหรานดีดนิ้วใส่หน้าผากอินเจ๋ออัน พลางเอ่ยขึ้นว่า "ดังนั้นก่อนที่จะหาเรื่องก็ต้องคิดให้ถี่ถ้วนก่อนว่าเอาอยู่ไหม อย่าส่งออกมาเปล่าๆ เข้าใจไหม? เจ้าเองก็มีประสบการณ์เยอะแล้วนี่ หลังจากนี้ก็จำให้ขึ้นใจล่ะ"จั๋วซือหรานพูด พลางดีดไปอีกที อินเจ๋ออันร้องโอ๊ย ยกมือขึ้นกุมหน้าผากตัวเอง "พอแล้ว เลิกดีดได้แล้ว!"ฮั่วจือโจวที่อยู่ข้างๆ มองฉากนี้อย่างสนใจ เขาเห็ฯหญิงสาวที่ถูกจั๋วซือหรานจูงมาด้านหลังแล้วถ้าหากจำไม่ผิดล่ะก็ น่าจะเป็นคุณหนูสี่ซางเชวี่ยที่ตระกูลซางให้ความสำคัญที่สุดในรุ่นนี้ใช่ไหม?และสองคนที่อยู่ข้างๆ หนึ่งในนั้น ก็เป็นนักควบคุมสัตว์ที่สู้กับจั๋วซือหรานอย่างร้อนแรงบนเวทีก่อนหน้านี้ ส่วนอีกคนดูแล้วไม่คุ้นหน้าเลยแต่ด้วยรูปลักษณ์ที่งดงามโดดเด่น มองแล้วไม่ใช่คนธรรมดาเลยแม่นางจั๋วจิ่วคนนี้ไม่ธ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 747

    จั๋วซือหรานเดินขึ้นหน้า โบกมือดึงไหมกู่บนมือซางเชวี่ยทำได้แค่เดินตามนางไปตอนที่เดินผ่านคนของโถงตัดหัวตระกูลซาง จั๋วซือหรานเองก็ไม่มีท่าเกรงกลัวอะไรเอาจริงๆ คือ เดินอาดๆ ผ่านไปหน้าตาเฉยแต่พวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไรกับจั๋วซือหราน!ทำได้แค่มองนางพาซางเชวี่ยไปแบบทำอะไรไม่ได้และไม่ไช่ไม่คิดจะลงมือเพื่อรั้งนางไว้ แต่พอคิดแล้ว เหตุผลก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมีคนที่คุณหนูสี่ทำอะไรไม่ได้ พวกเขาไม่มีทางรั้งนางไว้ได้หรอก! ไหนจะยัง ข้างๆ นางยังมีซางถิงกับผู้แข็งแกร่งนักหลอมศัสตราที่ไม่รู้จักปกป้องอยู่ด้วยนะ!กลับไปหารือกันก่อนแล้วค่อยตัดสินใจดีกว่าไม่มีคนห้ามจั๋วซือหราน เพียงแต่ว่า ตอนที่ผ่านหน้าพวกเขา จั๋วซือหรานจู่ๆ ก็หยุดเท้าลงน่าจะเพราะสิ่งที่เจอก่อนหน้านี้ ทำให้พวกเขาได้ผลกระทบและการคุกคามอย่างมากจั๋วซือหรานหยุดลงตรงหน้าพวกเขาเช่นนี้ พวกเขาก็ตึงเครียดกันขึ้นมาทันที"ไม่ต้องเครียดไป" จั๋วซือหรานเหมือนมองออกถึงความเครียดพวกเขา เอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบพูดต่อว่า "ข้าก็แค่อยากจะเตือนพวกเจ้าคำหนึ่ง เรื่องนี้เดิมทีเป็นพวกเจ้าที่มาหาเรื่องข้าก่อน ผลลัพธ์คือถูกข้าตอบโต้กลับ สรุปก็คือ เป็นพว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 746

    ยิ่งไปกว่านั้นนักหลอมศัสตราคนนี้ เหมือนจะมีความสามารถการหลอมเครื่องป้องกัน แล้วยังดูเชื่อฟังจั๋วซือหรานมากด้วย'ชาม' ที่ซ้อนกันอย่างอลังการนั่นถูกเก็บลงมาเรียบร้อย สุดท้ายก็เปลี่ยนมาสิ่งที่ดูเหมือนไม้บรรทัดทั้งกว้างทั้งใหญ่ชิ้นหนึ่งส่วนซางเชวี่ยยืนอยู่ด้านหลังของไม้บรรทัด จ้องเขม็งมาที่จั๋วซือหรานจั๋วซือหรานเองก็มองนางนิ่งๆ เช่นกัน กอดอกอย่างไม่สะทกสะท้านริมฝีปากซางเชวี่ยไม่มีสีเลือด กระทั่งเส้นลมปราณที่ปรากฏบนใบหน้าอย่างผิดปกติก่อนหน้านี้ ก็ดูจางลงไปอย่างเห็นได้ชัดซางถิงที่ก่อนหน้าเตรียมตัวรับการระเบิดตัวเองของซางเชวี่ย ตอนนี้กลับรู้สึกประหลาดใจ "นี่มัน...เกิดอะไรขึ้น?"จั๋วซือหรานมองไปทางเขา "ก่อนหน้านี้ข้าทำการเปิดผ่านช่องพลังบนตัวนางไว้แล้ว พวกพลังจากสัตว์ที่ควบคุมที่นางเปิดช่องพลังรับมา ล้วนเก็บไว้ไม่อยู่บนตัวนาง คล้ายๆ กับที่ข้าเจาะรูเอาไว้บนตัวนางก่อนหน้านี้ รั่วออกมาจนหมด"จั๋วซือหรานพูดพลางจ้องมองซางเชวี่ยเรียบๆ ผาดหนึ่ง "ยิ่งไปกว่านั้นก็เหมือนกับลูก..."จั๋วซือหรานหยุดคำว่า 'ลูกโป่ง' เอาไว้ บอกต่อมาว่า "พลังบนตัวนางยิ่งมาก เจ้า 'รู' นี่ก็จะยิ่งโตมากขึ้น รั่วออกมาเ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 745

    อืม...จั๋วซือหรานมองแผ่นหลังสูงโปร่งนี้แม้ตัวเองจะไม่ได้กลัวก็ตามแต่ว่า หลังจากผ่านการสังเกตสั้นๆ ตัวตนฐานะของชายคนนี้ก็ออกมาแล้วจั๋วซือหรานในใจมีคำตอบแล้ว"นี่มันคืออะไร" จั๋วซือหรานถามชายหนุ่มตอบ "เป็นสิ่งที่ข้าหลอมสกัดออกมา..."จั๋วซือหรานคิดว่าเป็นภาชนะอาวุธเวทอะไรเสียอีก คิดไม่ถึงว่าคำตอบที่ชายหนุ่มตอบมาคือ "เครื่องป้องกัน สามารถขังนางไว้ในนี้ เช่นนี้ต่อให้นางคิดโจมตีด้วยการระเบิดตนเอง คลื่นพลังก็ยากที่จะสร้างผลกระทบกับคนด้านนอก"จั๋วซือหรานมองแผ่นหลังสูงโปร่งของเขา ยิ้มปากโค้ง ในรอยยิ้มมีความชื่นชมอยู่ระดับหนึ่ง"โตขึ้นแล้วนะ พูดจาก็คล่องแล้วด้วย" จั๋วซือหรานพอพูดออกมา หลังของชายหนุ่มก็แข็งทื่อขึ้นทันทีจากนั้นตอนที่เขาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ก็เริ่มมีอาการติดอ่างขึ้นมา "ข้า ข้ามาช้าไป น่า...น่าจะมาให้ไวกว่านี้!""ไม่เป็นไร" จั๋วซือหรานยิ้มเอ่ยขึ้น "น้องชิ่งแค่ตรงเข้ามาช่วยคุ้มกันข้า ข้าก็ซาบซึ้งมากแล้ว"คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือชิ่งหมิง...ซือหลี่ฝานเทียนของหน่วยสืบสวนพิเศษนั่นเองเพียงแต่เขาในตอนนี้ ไม่ใช่เด็กหนุ่มอย่างเคย แต่สลัดคราบกลายเป็นผู้ใหญ่แล้วเขาเคยบอกกับ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 744

    คนของโถงตัดหัวทยอยกันเข้าไปล้อมซางเชวี่ย "คุณหนูสี่!"พวกเรารีบประคองซางเชวี่ยขึ้นมา หลังจากซางเชวี่ยลุกขึ้น กลับโบกมือสลัดออกจากการประคองของพวกเขาเดินโซซัดโซเซไปทางจั๋วซือหรานสองก้าวมุมปากนางมีเลือดสดติดอยู่ ในตามีไฟโกรธที่ไม่ยินยอม จ้องเขม็งไปที่จั๋วซือหรานสีหน้าเหมือนคุ้มคลั่งไปแล้ว "ข้าไม่มีทางแพ้ ข้าจะแพ้ได้อย่างไร ข้าจะ...ตายไปพร้อมกับเจ้า!""คุณหนูสี่ ท่านบ้าไปแล้วหรือ?!" คนของโถงตัดหัวคิดจะดึงนางไว้ แต่กลับดึงไม่อยู่ทำได้แค่มองเส้นลมปราณบนหน้านางปรากฏสีประหลาดขึ้นมา ดวงตาสีฟ้าทึมที่สายเลือดตระกูลซางมีแต่เดิม ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทึม คล้ายกับเลือดคนของโถงตัดหัวสัมสผัสได้ว่านางคิดจะทำอะไร ก็ล้วนหวาดกลัวกัน ทยอยกันถอยออกไปซางถิแค่มองเห็นหน้าตาของซางเชวี่ยตอนนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วเขาหมุนตัวฉับพลัน ขวางจั๋วซือหรานไว้ด้านหลัง ไม่มีปิดบังอะไรอีกแล้ว ทำปางมือออกมาอย่างรวดเร็วสีน้ำเงินทึมในดวงตาทึมขึ้นกว่าเดิม พลังเองก็รุนแรงกว่าก่อนหน้านี้มหาศาล!จั๋วซือหรานเงยหน้ามองชายหนุ่มที่มาขวางไว้ตรงหน้า ก็เข้าใจแล้ว ว่านี่น่าจะเป็นความสามารถที่ซางถิงคิดจะซ่อนเอาไว้ ดูแล้วคล้า

DMCA.com Protection Status