Share

บทที่ 9

Author: หูเทียนเสี่ยว
มีใบมีดคมที่เย็นเฉียบขึ้นจากหลังคอ และบัดนี้กระบี่เล่มนั้นกำลังถูกวางที่คอขององครักษ์

เขาไม่กล้าขยับตัว เสียงของเขาก็สั่นเครือ “ จิ่ว คุณหนูจิ่ว ท่าน…มีอะไรจะพูด…ก็พูดกันดี ๆ เสียก่อน อย่าหุนหันพลันแล่นไปเลย... “

“ข้าไม่ได้หุนหันพลันแล่น ข้าใจเย็นแล้วนะ” จั๋วซือหรานเสาะยิ้ม “แต่พวกเจ้าต่างหาก ตอนนี้พร้อมจะคุยกับข้าดี ๆ ยัง”

“จิ่ว คุณหนูจิ่ว ท่านเป็นคนใจกว้าง อย่า อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับพวกข้าเลยขอรับ” ยามอ่อนแรงจนขาสั่น เขากลัวมือของจั๋วซือหรานจะสั่น

“ตอนนี้ ข้าถามอะไร พวกเจ้าต้องตอบ เข้าใจหรือไม่”

"เข้า เข้าใจแล้วขอรับ"

“น้องชายของข้าอยู่ที่ไหน”

“คุณท่านลิ่วนำตัวไปแล้ว”

“นำตัวไปที่ไหน”

“พวกเราไม่ทราบขอรับ” องครักษ์เกรงว่านางจะไม่เชื่อ จึงย้ำอีกครั้งว่า "พวกเราไม่รู้จริง ๆ และคุณท่านลิ่วก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกเราทราบการเดินทางของท่าน"

“คำถามสุดท้าย จั๋วหรูซินอยู่ที่ไหน พาข้าไปหานางหน่อย” จั๋วหรูซินพูดอย่างเย็นชาโดยไม่ให้โอกาสผู้คุมปฏิเสธ นางกดกระบี่ลงจนทำให้เกิดรอยเลือดขึ้น

*

"ไร้ประโยชน์ ไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น"

ในห้องด้านใน จั๋วหรูซินทุบถ้วยชาในมือของนางออย่างแรง "ถังหยวนอ่อนให้อีนังนั้นหรือเปล่า แม้แต่ทำตามกฎตระกูล เอาแส้ไปตีอีนังนั้นตั้งเก้าครั้ง อีนังนั้นยังไม่ตายอีก"

“คุณหนู อย่าโกรธเลย ถึงแม้นางรับการโจมตีของเก้าแส้นั้นได้ ต่อให้นางไม่ตาย แต่ก็คงต้องมีอาการหนังอย่างมาก อีกอย่างเจ้าคะ ก่อนหน้านี้ นางถูกอาคมหนอนพิษกู่มาเป็นเวลานานแล้ว การฝึกฝนครั้งนี้ นางจะต้องตายอย่างแน่นอน อย่าคิดจะชนะท่านได้เลย” คนใช้ปลอบใจของจั๋วหรูซิน

“ที่พูดมาก็ถูก” จั๋วหรูซินรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย “เมื่อกี้เจ้าบอกว่า ท่านพ่อของข้ากักตัวจั๋วหวายไว้หรือ”

“ใช่เจ้าค่ะ เด็กโง่นั่นคิดว่าคุณท่านลิ่วของเราเป็นผู้ที่ลงโทษพี่สาวของเขา ดังนั้นเขาจึงรีบมาเพื่อร้องขอความเมตตา แต่เขาควบคุมอารมณ์ไม่ได้ คำพูดของเขาค่อนข้างหยาบคาย คุณท่านลิ่วจึงขังตัวเขาไว้”

“ เชอะ เหมือนกันกับพี่สาวของเขา เสียมารยาท ” จั๋วหรูซินยืนขึ้น “ไปดูกันเถิด พอดีเลย ข้าจะได้สอนเขาเสียหน่อยว่า ควรทำตามกฎเกณฑ์เช่นใด”

คนรับใช้เดินนำหน้า และกำลังจะเปิดประตูให้นาง

สีหน้าของจั๋วหรูซินเปลี่ยนไปทันที "ระวัง"

เสียง ปัง ดังก้อง ประตูพังและกระจายออกเป็นชิ้น ๆ ผู้ติดตามไม่ทันหลบหนี ถูกผลักออกและกรีดร้อง

“คุณ คุณหนู ช่วยด้วย”องครักษ์ผู้นั้นพูดอย่างสั่นเครือ เพราะเขาถูกจั๋วซือหรานจับไว้เป็นตัวประกัน

“จั๋วซือหราน” จั๋วหรูซินมองเหตุการณ์นอกประตู นางจึงถามด้วยความโกรธ“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ทำไมไม่รีบปล่อยองครักษ์ล่ะเจ้าอยากโดนลงโทษแบบเดิมอีกหรือ”

“พี่ลิ่วไม่ต้องเป็นกังวลหรอก” จั๋วซือหรานยกริมฝีปากขึ้นและยิ้มด้วยความชั่วร้ายเล็กน้อย “ได้ยินมาว่า พี่ลิ่วกำลังจะสั่งสอนกฎตระกูลให้กับน้องชายข้าหรือ ถ้าอย่างนั้น พี่ลิ่วนำทางสิ ”

“เจ้ากำลังข่มขู่ข้าอยู่หรือ” จั๋วหรูซินพูดอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าเจ้าจะขู่ข้าด้วยการจับองครักษ์เป็นตัวประกันได้หรือ ข้าไม่เชื่อหรอกนะ เจ้ากล้าฆ่าคนในเรือน”

จั๋วซือหรานหัวเราะเบา ๆ "แน่นอนว่าข้ารู้ว่าชีวิตขององครักษ์ไม่สามารถเอามาข่มขู่เจ้าได้ และก็ไม่สามารถข่มขู่คุณท่านลิ่วได้ ดังนั้น ข้าเลยมาหาเจ้านี่ไง"

“เจ้าหมายถึงอะไร” จั๋วหรูซินขมวดคิ้ว

องครักษ์ตะโกน "คุณหนูระวัง"

จั๋วหรูซินตอบสนองอย่างรวดเร็ว ทว่าก็ยังไม่เร็วพอ นังนสารเลว เป็นเพราะอะไร หลังจากถูกกฎตระกูลเก้าแส้ลงโทษแล้ว นางยังสามารถเคลื่อนตัวได้คล่องเช่นนี้

เมื่อมีดคม ๆ ถูกวางที่คอของนาง จั๋วหรูซินจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าจุดประสงค์ของจั๋วซือหรานคืออะไร

นางหัวเราะเยาะ “มันไม่ได้ผลหรอก จั๋วซือหราน เจ้าอย่าเพ้อฝันเลย เจ้าไม่กล้าฆ่าข้า แล้วมันข่มขู่ท่านพ่อของข้าไม่ได้”

“พอ ๆ กันนั่นแหละ หรือว่าคุณท่านลิ่วจะกล้าฆ่าน้องชายข้าหรือ แต่ทางที่ดี เจ้าควรอวยพรท่านพ่อของเจ้าไม่ได้แอบลงโทษเสี่ยวหวายด้วยวิธีที่ชั่ว มิฉะนั้น หากเสี่ยวหวายได้รับบาดเจ็บตำแหน่งใด ข้าก็จะทำมันในตำแหน่งเดียวกันบนร่างกายของเจ้า ” จั๋วซือหรานซือหรานกล่าว

จั๋วหรูซินโกระ"เจ้ากล้าดีอย่างไร"

จั๋วซือหรานพูดต่อ "นี่ กระบี่นะไม่มีตานะ พี่ลิ่ว มันไม่ใช่มนุษย์มองคนออก พี่ลิ่วอย่ายั่วข้าเลย ข้าเพิ่งได้รับการลงโทษมา มือยังสั่นอยู่เลย มีอะไรที่ข้าไม่กล้าทำล่ะ ก็แค่โดนลงโทษอีกครั้งเอง ครั้งแรกข้าก็ทนมาแล้ว ยังต้องกลัวทนอีก 15 ครั้งหรือ”

จั๋วหวายกำลังคุกเข่าลงบนพื้นหินสีเขียวที่อยู่ด้านนอกห้องหนังสือ

อากาศก็หนาวอีกทั้งเพิ่งฝนตกไป พื้นหินสีเขียวก็เต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็ง ความหนาวกัดกร่อนทะลุเข้าไปในกระดูก ทำให้จั๋วหวายรู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกข็มทิ่ม

แก้มสองข้างของจั๋วหวายเต็มไปด้วยรอยนิ้วสีแดง และรอยนิ้วนั้นบวมเพราะถูกคนตบหน้า

เขารู้สึกเจ็บหัวเข่ามาก เขาตัวสั่นเพราะอดความเจ็บนั้นไม่ไหว แต่เมื่อเขาก็คิดว่า ตราบใดเขาเชื่อฟังและยอมรับโทษ คุณท่านลิ่วก็สามารถช่วยร้องขอความเมตตาให้พี่สาวของเขาได้ นางจะได้ไม่ต้องรับการลงโทษของกฎตระกูลเยอะขนาดนั้น

จั๋วหวายกัดฟันและอดความเจ็บไว้

เมื่อจั๋วซือหรานเดินเข้ามา นางเห็นชายหนุ่มที่มีหุ่นบางกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นน้ำแข็ง และชายคนนี้กำลังตัวสั่น

“เสี่ยวหวาย” จั๋วซือหรานเรียกน้องชาย

ดวงตาของจั๋วหวายเป็นประกาย “ท่านพี่”

บิดาเสียชีวิตในสนามรบ มารดาอ่อนแอบอบบาง พี่สาวของเขาเป็นที่พึ่งทางจิตใจของจั๋วหวายมาโดยตลอด และเมื่อเขาเห็นพี่สาว เขารู้สึกโล่งใจ เขารู้สึกหัวเข่าของเขาไม่ได้เจ็บเหมือนเมื่อครู่แล้ว

จั๋วซือหรานหรี่ตาลง และนางเห็นรอยแดงและบวมบนแก้มของเขา "ใครตีเจ้ากัน"

จั๋วหวายรู้สึกน้อยใจ เขาเม้มริมฝีปาก “คุณท่านลิ่วบอกว่า ท่านพ่อของข้าเสียชีวิตไปนานแล้ว ไม่มีใครสั่งสอน ข้าไร้มารยาท ดังนั้นต้องสั่งสอนข้าเสียหน่อย”

ประตูห้องอ่านหนังสือถูกเปิดออก คุณท่านจั๋วลิ่วเดินออกมา เมื่อเขาเห็นจั๋วซือหรานจับจั๋วหรูซินเป็นตัวประกัน เขาขมวดคิ้วและพูดว่า "จั๋วจิ่ว เจ้าจะก่อปัญหาอีกหรือ ข้าแค่ฝึกวินัยให้ผู้น้อย ทำไม สอนไม่ได้หรือ”

จั๋วซือหรานตอบ "คุณท่านลิ่ว ท่านยังไม่ได้เป็นหัวหน้าตระกูลเลย ท่านยุ่งเรื่องของผู้อื่นเช่นนี้ ท่านมีเวลาว่างเช่นนี้ สั่งสอนลูกสาวของท่านเสียดีกว่า นางจะได้ไม่ดิ้นรนทำลายผู้อื่น”

จั๋วหวายรีบลุกขึ้นยืน เขาเดินกะโผลกกะเผลกไปอยู่ข้างพี่สาวของเขา

จั๋วซือหนานมองไปที่รอยนิ้วบนแก้มของพี่ชายของนาง นางพูดอย่างเย็นชากับจั๋วหรูซิน "ก่อนที่มาที่นี่ ข้าพูดอะไรไป เจ้าจำได้อยู่ใช่หรือไม่ ไม่ว่าเสี่ยวหวายจะได้รับบาดเจ็บที่ไหน ข้าจะทำในตำแหน่งเดียวกันบนร่างกายของเจ้า"

จั๋วหรูซินหวาดกลัว รูม่านตาของนางตัวลงอย่างกะทันหัน รอยแผลของจั๋วหวายอยู่ที่ใบหน้าของเขา

แต่เดิมกระบี่ถูกวางอยู่บนคอของนาง เวลานี้กระบี่เล่มนั้นถูกยกขึ้นมา จั๋วซือหรานตบหน้านางเบา ๆ ด้วยกระบี่เล่มนั้น เห็นได้ชัดว่า จั๋วซือหรานอยากทำอะไร

“จั๋วซือหราน เจ้ากล้าดีอย่างไร——” จั๋วหรูซินตะโกน “ท่านพ่อ ช่วยด้วย”

คุณท่านจั๋วลิ่ว "จั๋วจิ่ว เจ้า——!"

ทว่าจั๋วซือหรานเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว เขาทำได้เพียงแค่มองกระบี่อันคมกริบใบหน้าของจั๋วหรูซิน และใบหน้าของจั๋วหรูซินมีรอยแผลสองเส้น

"อ๊า——!" จั๋วหรูซินร้องด้วยเสียงแหลมและเศร้ารันทด"จั๋วซือหราน ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้าตายแน่นอน"

สีหน้าของจั๋วซือหรานไม่ได้มีการเปลี่ยนไปเลย ประสบการณ์ในชาติที่แล้วสอนนางไว้ว่า เมื่อนางควรโหดเหี้ยม นางห้ามอ่อนให้เด็ดขาด นางจดจำไว้ตลอดว่า การที่ใจดีต่อศัตรูนั้นจำทำลายตนเอง

ด้วยใบหน้าที่เย็นชา นางเตะด้านหลังของหัวเข่าของจั๋วหรูซินอีกครั้ง

จั๋วหรูซินคุกเข่าลงทันที

ไม่มีใครคาดคิดว่า จั๋วซือหรานจะลงมืออย่างเด็ดขาดและเฉียบคมขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลย แม้แต่จั๋วหวายก็ตกตะลึง

จั๋วซือหรานกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา "คุณท่านลิ่วห้ามคนในคลังจ่ายยารักษาแผลแก่ข้า แต่คุณท่านลิ่วคงเต็มใจที่จะจ่ายยาให้กับลูกสาวของตนเอง ข้าคิดว่าการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยของพี่ลิ่วไม่ใช่เรื่องใหญ่ เช่นนั้นจั๋วจิ่วขอลา”

ทันทีที่นางพูดจบ นางก็เตะจั๋วหรูซินไปยังด้านหน้า จากนั้นลากจั๋วหวายไว้ข้างหลังนาง

“หยุดเดี๋ยวนี้ เจ้าเด็กนี่ เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าจัดการเจ้าจริง ๆ หรือ ข้ายังไม่เชื่อว่า วันนี้ข้าจะจัดการเจ้าไม่ได้” คุณท่านจั๋วลิ่วตะโกน ทันทีที่เขาเตรียมจะลงมือ แต่สายตาของเขากลับหยุดมองที่กระบี่นั้น และเขามองอย่างชัดเจน

กระบี่ในมือของจั๋วซือหรานดูเหมือนจะมีรูปแบบที่ธรรมดาและเรียบง่าย แต่ด้ามนั้นสลักด้วยตราประจำตระกูลและมีอักษรหนึ่งตัว "เหยียน" ที่เขียนด้วยปากกาเหล็กเงินคุณภาพสูง

คุณท่านจั๋วลิ่วถาม "ทำไมกระบี่เสวียนเหยียนถึงอยู่ในมือของเจ้า เจ้าดึงกระบี่เสวียนเหยียนออกมาได้จริง ๆ หรือ"

เมื่อจั๋วหรูซินได้ยินคำพูดของท่านพ่อของนาง แต่เดิมนางมีสีหน้าดุร้าย นางรีบหันศีรษะไปมองกระบี่นั้น จึงสังเกตเห็นกระบี่ในมือของจั๋วซือหราน

นางถามจั๋วซือหรานอย่างเคร่งเครียด “นังสารเลว ทำไมกกระบี่ประจำตระกูลของท่านอ๋องเฟิงถึงอยู่ในมือเจ้า”
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Mga Comments (1)
goodnovel comment avatar
Piyapattra Samungkun
จั๋วหวายทำไมโง่จังไปขอร้องคุณท่านลิ่วแถมยังโวยวายให้เขาหาเรื่องทำร้ายนอกจากช่วยพี่สาวไม่ได้ยังทำร้ายตัวเองอีกหุนหันพลันแล่นไม่ไหวอยู่ตระกูลใหญ่ควรสุขุมใจเย็นก่อนทำอะไรต้องมีสติคิดก่อนทำเสมอแต่นี่อะไรไม่ไหวเลย
Tignan lahat ng Komento

Kaugnay na kabanata

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 10

    จั๋วซือหรานเหลือบมองกระบี่เรียบง่ายที่ดูธรรมดาในมือของนางความจริงนี่คือกระบี่ประจำตระกูลของเฟิงเหยียน และกระบี่เล่มนี้มีชื่อเดียวกับแหวนเสวียนเหยียนของนางจริง ๆในวันที่ลูกหลานของตระกูลกำเนิด ห้องกระบี่ประจำตระกูลจะเริ่มตีเหล็กเข้ารูปเพื่อทำกระบี่ให้ทารก รูปแบบของกระบี่จะแตกต่างกันไป แต่ตราประจำตระกูลเฟิงจะถูกสลักไว้ที่ด้ามจับ และชื่อของเด็กคนนั้นจะถูกสลักไว้ที่ส่วนท้ายของด้ามจับจั๋วซือหรานมองกระบี่เสวียนเหยียนที่อยู่ในมือของนางและไม่พูดอะไรความเงียบของนางทำให้จั๋วหรูซินโกรธมากขึ้น “เจ้าพูดมาสิ ทำไมเจ้าจึงมีกระบี่ประจำตระกูลของท่านอ๋องเฟิง”จั๋วซือหรานเงยหน้าขึ้นและมองหน้านาง "เจ้ายังต้องถามอีกหรือ แน่นอนว่าเขาให้ข้ามา"นางหยุดครู่หนึ่งและพูดทีละคำ "ของ ขวัญ แทน ใจ"“เป็นไปไม่ได้” จั๋วหรูซินโกรธแค้น นางกัดฟัน “เจ้าไม่ต้องพูดไร้สาระ ท่านอ๋องเฟิงเบื่อหน่ายกับการถูกบงการมากกว่าใคร ๆ ก่อนหน้านี้ เจ้ายกเลิกการหมั้นหมายและต้องการแต่งงานกับคนอื่น สมหวังเขาพอดี นางคิดว่าเขาอยากแต่งงานกับเจ้าหรือ เขาอยากแต่งงานกับเจ้าเพียงเพราะเจ้า…”“ซินเอ๋อร์ หยุดพูดได้แล้ว” จู่ ๆ คุณท่านจั๋วลิ่วก็พู

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 11

    เมื่อได้ยินคำพูดของชายผู้นี้ ผู้สูงอายุใหญ่ก็ขมวดคิ้วรอยยิ้มบนใบหน้าของผู้สูงอายุสามแข็งทื่อ "เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร จวนของข้าจะขาดแคลนยาของเสี่ยวจิ่วได้เช่นไร ทว่าข้ายังคงขอบคุณสำหรับน้ำใจของท่าน"จั๋วซือหราน "ขอบพระทัยท่านอ๋องแทนข้าด้วย"“ขอรับ เมื่อข้าส่งมอบของเรียบร้อยแล้ว ข้าจะกลับไปรายงานเดี๋ยวนี้ ข้าขอลา และข้าขอคุณหนูจิ่วหายดีเร็ว ๆ ขอรับ”หลังจากผู้ติดตามของตระกูลเฟิงจากไปผู้สูงอายุใหญ่กล่าวอย่างเคร่งขรึม "ผู้ใดเข้ากะของคลัง นำตัวมา"จั๋วซือหรานยิ้มอย่างสงบ นางกล่าวว่า "ผู้อาวุโสใหญ่เจ้าคะ ผู้ที่ดูแลคลังของจวนแค่มองว่าใครมีฐานะสูงกว่ากัน และจะฟังคำสั่งของคนผู้นั้น หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากใครบางคน ก็จะมิกล้าทำเช่นนี้หรอก"ผู้อาวุโสใหญ่"ข้ารู้ว่าเจ้ามีความคับแค้นอยู่ในใจ เจ้าได้สสั่งสอนเสี่ยวลิ่วแล้ว เจ้าก็ยกโทษให้นางไปเสีย อย่าทำให้คนภายในตระกูลเสียความรู้สึกต่อกันเลย "จั๋วซือหรานพูดต่อ "หนูเทียบกับพี่ลิ่วมิได้หรอก นางยุยงให้คนนอกทำหนอนพิษกู่ใส่ข้า การกระทำเช่นนี้ ข้ายังไม่เรียกร้องความยุติธรรมเลย"“ทั้งหมดนี้ไม่มีที่เป็นยหลักฐานอันใด เหตุใดจึงต้องทำร้ายความส้มพัน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 12

    ที่จริงแล้วเฟิงเหยียนไม่มา จั๋วซือหรานกลับรู้สึกสบายใจขึ้นมากนางมีเวลาว่างพอดี นางจะได้วิเคราห์ชะตากรรมเดิมของเจ้าของร่างเดิมที่อยู่ในหัวในชะตาเดิมของเจ้าของร่าง เวลานี้นางได้แต่งงานกับฉินตวนหยางแล้ว ซึ่งตามมารยาท นางไม่ได้มาร่วมงานดอกไม้ในวังแน่นอน รู้เพียงในงานดอกไม้ครั้งนี้ จั๋วหรูซินทดลองยาให้ไทเฮาด้วยตัวเอง เพราะไทเฮานอนติดเตียงเป็นเวลานาน และนางได้รับการยกย่องสรรเสริญเป็นเสียงเอกฉันท์แต่ ณ ตอนนี้ หลังจากงานเลี้ยงเริ่มต้นได้ไม่นาน จั๋วหรูซินก็ลุกขึ้น“ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันทราบมาว่า ไทเฮาทรงประชวรนอนติดเตียงมานานแล้ว ซึ่งทำให้ท่านกังวลเป็นอย่างมาก...”แต่โครงเรื่องต่อไปไม่ได้เป็นไปตามโครงเรื่องเดิมเนื่องจากจั๋วหรูอหรานเปลี่ยนบทสนทนา "น้องสาวจิ่วของหม่อมฉันมีพรสวรรค์อย่างมาก มากเสียจนสามารถรักษาตัวจากแส้หนามของครอบครัวได้ภายในหนึ่งหรือสองวันหลังจากได้รับเฆี่ยนตีเก้าครั้ง ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งและพลังทางจิตวิญญาณ หากนางได้เป็นผู้ทดลองยายาของไทเฮา อาการเจ็บป่วยของไทเฮาจะหายขาดในไม่ช้า”ก่อนเข้าร่วมงานดอกไม้ในวัง บิดาและผู้อาวุโสสามให้นางเสนอจั๋วซือหรานให้เป็นผู้ทดลองยาให้แก่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 13

    ตำหนักหย่งโซ่วเมื่อครึ่งเดือนก่อน ไทเฮาจู่ ๆ ก็ล้มป่วยลงอย่างกะทันหันและตกอยู่ในอาการขั้นร้ายแรงเมื่อฮองเฮาพาคนมาที่ตำหนักหย่งโซ่ว แม่นมยวี่ที่อยู่เคียงข้างไทเฮาก็ระมัดระวังมากขึ้นเมื่อนางรู้ว่า จั๋วซือหรานมาที่นี่เพื่อวินิจฉัยและรักษาไทเฮา ดวงตาของแม่นมยวี่เป็นประกาย แต่ก็หรี่ลงอย่างรวดเร็วฮองเฮาจะใจดีขนาดนี้ได้อย่างไรนางยังเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณหนูจั๋วจิ่วมาก่อน คนเล่ากันว่า คุณหนูจั๋วจิ่วมีความอัจฉริยะ แต่น่าเสียดายที่คุณหนูจั๋วจิ่วเป็นคนของตระกูลจั๋ว มีใครหรือที่มิทราบว่า แท้จริงแล้วตระกูลเหยียนเป็นหมอเทวดาตั้งแต่บรรพบุรุษหรือ ตระกูลจั๋วไม่เคยมีใครรับตำแหน่งเป็นคุณหมออย่างจริงจังเลยเหยียนชาง ผู้เป็นหัวหน้าของห้องหมอหลวงยืนอยู่ข้าง ๆ "จั๋วจิ่ว เจ้าพูดเบาเลยนะ เจ้ามีวิชาหมอด้วยหรือ"เขาเชื่อจั๋วจิ่วไม่มีปัญญารักษาไทเฮาได้ และเนื่องจากเรื่องอื้อฉาวเมื่อไม่นานมานี้ เหยียนชางดูถูกจั๋วซือหรานอย่างมากจั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และพูดว่า "ข้าพอรู้มานิดหน่อย ขอแสดงฝีมืออันน่าอับอายเสียหน่อย"นางยกแขนเสื้อขึ้นแล้วยื่นมือออก มือของนางขาวราวหยก นิ้วของนางอยู่ห่างจากผิวหนังข้อมือของ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 14

    เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งที่ไทเฮาพูด ทุกคนก็อดไม่ได้ที่ต้องมองไปที่ท่านอ๋องเฟิงเฟิงเหยียนมองจั๋วซือหรานอย่างไม่กระตือรือร้นจั๋วซือหรานรู้สึกดวงตาที่เย็นชาและลึกล้ำของชายคนนี้ดูเหมือนสื่อสานได้ ราวกับว่า เขากำลังเยาะเย้ยนางอย่างเงียบ ๆ เหมือนเขากำลังเยาะเย้ยนางตอบแทนความเมตตาด้วยความเกลียดชัง และนางกลับคำพูดของนางทั้ง ๆ ที่เมื่อสองวันก่อน นางยังบอกเขาว่า จะไม่กวนเขาและจะไม่ให้เขารับผิดชอบจั๋วหรูซินกำลังอยากโล่งอก อย่างน้อยนางก็ไม่ต้องคู่กับฉินตวนหยางแต่นางยังไม่ทันโลง่อก และจั๋วซือหรานจะไม่ยอมให้นางสมหวังแน่นอน "ขอบพระทัยที่ไทเฮาเมตตา แต่สิ่งที่หม่อมฉันต้องการไม่ใช่พระราชโองการการสมรสกับท่านอ๋องเฟิงเพคะ"ทันใดนั้นจั๋วหรูซินตกตะลึงจนดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้น และนางก็จ้องมองไปที่จั๋วซือหรานไทเฮาตรัสว่า “หรือ”จั๋วซือหรานยังคงสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของชายคนนั้น สายตานั้นราวกับเป็นประกาย เหมือนมีไฟลุกอยู่แผ่นหลังของนาง แต่เมื่อคิดถึงภัยคุกคามครั้งก่อนของผู้อาวุโสใหญ่ นางทำได้เพียงกัดกระสุนและพูดซ้ำสิ่งที่นางพูดในวันงานเลี้ยงแต่งงาน "หม่อมฉันมีความรักที่หยั่งรากลึกต่อท่านอ๋องเฟิงโดยไม

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 15

    “ไร้... ไร้สาระ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แค่นี้” จั๋วหรูซินพูดตะกุกตะกัก นางแอบเกลียดจั๋วซือหรานที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นคนเฉียบคมขนาดนี้ในความเป็นจริง ตั้งแต่วินาทีที่คุณท่านจั๋วลิ่วเห็นนางดึงกระกระบี่เสวียนเหยียนออกมา จั๋วซือหรานเห็นทัศนคติที่เขามีต่อนาง จั๋วซือหรานก็รู้ว่า มีบางอย่างผิดปกติ ช่วงสองวันที่นางฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ นางหาเวลาสอบถามข้อมูลบางอย่างด้วยพลังทางจิตวิญญาณของตระกูลเฟิง ผู้ที่มีพรสวรรค์มากเท่าใด จะมีฤทธิ์ร้ายแรงมากขึ้นเท่านั้น ฤทธิ์ร้ายแรงนั้นไม่เพียงเป็นภาระต่อผู้อื่นเท่านั้น แต่ยังเป็นภาระตนเองด้วยดังนั้นลูกหลานของตระกูลเฟิงจึงมีอายุได้ไม่นาน และยิ่งมีความสามารถมากเท่าไร พวกเขาก็จะยิ่งมีอายุน้อยลงเท่านั้นหากทุก ๆ ลูกหลานเป็นเช่นนี้ตลอด ตระกูลเฟิงจะถูกกำหนดให้พังพินาศหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลเฟิงพยายามหาวิธีเพื่อแก้ปัญหานี้ได้ตระกูลเหยียนเก่งด้านการแพทย์และการใช้ยา ดังนั้นตระกูลเหยียนจึงกลายเป็นเป็นหมอประจำของตระกูลเฟิงห้องกระบี่ประจำตระกูลออกแบบกระบี่ให้เป็นอาวุธประจำตระกูล และยังใช้เป็นตราประทับและเครื่องที่รองรับพลังด้วยดังนั้นบุตรหลานของตระกูลเ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 16

    “แล้วล่ะขอรับ” เขาพูดเบา ๆจั๋วซือหรานตอบ "ดังนั้นพวกเราควรเลือกสิ่งที่เราต้องการ มาร่วมมือกัน"เฟิงเหยียนเลิกคิ้ว "ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือเช่นไร เจ้ามีอะไรที่ข้าต้องการหรือ"ดวงตาของจั๋วซือหรานสว่างเป็นประกาย นางมองเขาอย่างแน่วแน่ "อะไรที่เหยียนฉีไม่สามารถรักษาเจ้าได้ บางทีข้าอาจจะรักษาได้"เมื่อเฟิงเหยียนได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เขาหรี่ตาลง เดิมทีมือของเขางวางบนกระบี่ประจำตระกูลที่เอวอย่างไม่ได้ตั้งใจที่ ทีนี้นิ้วหัวแม่มือดันด้ามมีดเล็กน้อย ใบมีดอันแหลมคมที่ประกายความหวาดกลัวนั้นปรากฏส่วนอันสั้นจากฝักหระบี่มันยาวเท่ากับนิ้วหัวแม่มือของมนุษย์เท่านั้นเองความอาฆาตจั๋วซือหรานรู้สึกถึงแรงผลักดันที่พุ่งออกมาจากเขาอย่างชัดเจนเขาคู่ควรกับการเป็นอัจฉริยะที่ตระกูลเฟิงไม่เคยพบและไม่เคยเห็นมานานนับศตวรรษแข็งแกร่ง เสียจริงคนขับรถม้าเกือบจะฉี่รด เขาตัวสั่น และถอยไปด้านหลังสองสามก้าว“นี่คือสิ่งที่จั๋วลิ่วบอกเจ้าในเมื่อสักครู่หรือ” เฟิงเหยียนพูดอย่างเย็นชาจั๋วซือหรานพูด "นางไม่ต้องบอกข้า ขาก็เดาออกได้"จากปฏิกิริยาของเฟิงเหยียน จั๋วซือหรานรู้นางเดาถูก นางลดสายตาลงและมองขาอันยาว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 17

    บ้าระห่ำจั๋วซือหรานชอบคนบ้าระห่ำเช่นนี้ นางรู้สึกเจอคนประเภทเดียวและเกิดความรู้สึกการเอ็นดูเฟิงเหยียนเดินจากไปแล้ว และนางคิดชื่อจากคำพูดของเขา “จั๋วเสี่ยวจิ่ว(จิ่วหมายถึง เลข เก้า ในภาษาไทย)หรือ ดีแล้วข้าไม่ได้เปิดเป็นบุตรคนที่สองของตระกูล...ไม่อย่างนั้น ก็จะดูเหมือนคนรับใช้ที่ร้านแล้ว”“จิ่ว...คุณหญิงจิ่วขอรับ” คนขับรถม้าเดินเข้ามาอย่างสั่นเทา “กลับ..กลับตอนนี้หรือขอรับ”"เจ้าค่ะ กลับเถอะ" จั๋วซือหรานเห็นคนขับรถม้าไสั่นเช่นนี้ นางอดไม่ได้ที่ต้องสงสายและถาม"เจ้าหนาวหรือ"คนขับหดคอลงจนเกือบจะร้องไห้ "เมื่อครู่นั้น ท่านอ๋องเฟิงทำเช่นนั้น...ข้า..ข้าน้อยกลัวแทบจะตาย"จั๋วซือหรานนึกถึงเจตนาฆ่าของเฟิงเหยียนที่เขาประกายในเมื่อครู่ คนทั่วไปรับพลังนั้นไม่ไหวเสียจริงนางยกมือขึ้นแล้วโบกมือให้คนขับรถม้า คนขับรถม้ารู้สึกมีสายลมพัดมาบนใบหน้าของเขา และความรู้สึกการกดขี่ที่น่ากลัวก่อนหน้านี้ก็หายไป*ในห้องส่วนตัวจั๋วซือหรานหรี่ตาลงและจ้องมองไปที่แหวนสีแดงเข้มที่เรียบง่ายบนนิ้วชี้ของมือขวาของนาง มันคือแหวนเสวียนเหยียนจริง ๆแต่นางไม่เข้าใจ“ทำไมถึงตามข้ามา” จั๋วซือหรานพึมพำจิตวิญญาณเ

Pinakabagong kabanata

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1255

    จั๋วหวายเกือบจะสำรอกออกมาแล้ว!"ถ้าจะอาเจียนก็ออกไปอาเจียนซะ ถ้าทำกู่กล่องนี้ของข้าพัง ข้าจะจับเจ้าแขวนห้อยหัวซะเลย" ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นเสียงเรียบจั๋วหวายหมุนตัวพุ่งออกไป สูดลมหายใจลึกหลายครั้งกว่าจะสงบลงมาได้ จากนั้นจึงเตรียมตัวเตรียมใจ ตอนที่เข้าไปอีกครั้งก็ไม่มีกระทบกระเทือนอย่างแรงแบบก่อนหน้าแล้วแต่สายตากลับไม่ได้มองไปยังแผ่นกระดานที่มีของดิ้นกระแด่วๆ นั่นมองแล้วขนลุกสุดๆ"มีเรื่องอะไร?" ปันอวิ๋นถามขึ้นเสียงเรียบจั๋วหวายเอ่ยเสียงต่ำ "ท่านรู้..." เขาสูดจมูก ถามออกไปว่า "ท่านรู้จักเฟิงเหยียนใช่ไหม?"ปันอวิ๋นเดิมทีกำลังป้อนอาหารเจ้าพวกดุ๊กดิ๊กพวกนั้นพอได้ยินคำนี้ การเคลื่อนไหวก็หยุดลงมา ไม่หันไปมองเขา ผ่านไปครู่หนึ่งจึงถามขึ้นเรียบๆ ว่า "ทำไมล่ะ?""ข้าอยากเจอเขา ข้าอยากจะถามเขา ว่าทำไมทำแบบนี้กับพี่ของข้า" จั๋วหวายขอบตาแดงรื้นเขาสูดหายใจลึกแล้วพ่นออกมา "ข้าเองก็อยากจะถามเขา ว่าช่วยพี่ข้าได้ไหม ถ้าหากไม่ได้ หรือก็คือเขาเป็นผู้ชายทรยศ ไม่ยินยอม เช่นนั้นเขามาบอกกับท่านพี่ได้ไหม ว่าให้เลิกแล้วต่อกันจบๆ ไป"ปันอวิ๋นพอได้ยินคำนี้ จะฟังความเสียใจในใจจั๋วหวายไม่ออกได้อย่างไรกั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1254

    เซี่ยอวิ๋นซีสูดหายใจลึก "เอาล่ะ ส่วนี้ข้าฟังจบแล้ว ยังมีอีกไหม?"จั๋วเฮ่ออิงอันที่จริงยังอยากจะขอโทษนาง ง้อนางดีดีแต่ตอนนี้ ยังไม่ใช่เวลาจริงๆเขาเองก็รีบกลับมาก็เพราะเรื่องที่เร่งด่วนกว่าจั๋วเฮ่ออิงพยักหน้า "ยังมี ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าเรื่องของข้าอีกร้อยเท่า"นิ้วของเซี่ยอวิ๋นซีเคาะเบาๆ บนโต๊ะ ริมฝีปากเม้ม สีหน้าตึงเครียดขึ้นมาแล้ว"เสี่ยวหวายหรือ?" เซี่ยอวิ๋นซีพอคิดถึงเรื่องที่ลูกชายถูกเอาไปทำผู้ทดลองยา ใจก็เหมือนถูกกรีดแทงแม้จะเชื่อมั่นในลูกสาว แต่ก็ยังหวาดกลัวอยู่ ถ้าหากช้าเกินไปล่ะ ถ้าหากสถานการณ์ไม่สู้ดีล่ะ?แต่นางกลับเห็นจั๋วเฮ่ออิงส่ายหัว สีหน้าขรึมลง เสียงเองก็ขรึมด้วย "หรานหรานต่างหาก"สีเลือดบนหน้าเซี่ยอวิ๋นซี พริบตานี้ซีดลงมาทันที......จั๋วหวายอยู่หน้าเตา บนจมูกมีเขม่าดำอยู่หน่อยๆจวงอี๋ไห่เตือนเขา "คุณชายเสี่ยวหวาย ท่านไปพักเถอะ ที่นี่ข้าจัดการก็พอแล้ว""ข้าอยากจะรอที่นี่" จั๋วหวายเม้มปากแน่น ดวงตาเบิกโพลง แดงก่ำเล็กน้อย เหมือนจะร้องไห้ได้ตลอดเวลา "ข้ากำลังคิด...ข้าแค่จ้องมองยาของท่านพี่ ข้าก็สบายใจ"ชายหนุ่มในที่สุดก็ทนไม่ไหว ยกมือขึ้นมาเช็ดตาแม้น้ำ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1253

    "ตอนนั้นข้าบาดเจ็บหนักในสนามรบ หลังจากตื่นมาก็ไม่รู้วันคืน ไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน และไม่รู้กระทั่งชื่อสกุลตัวเอง พวกเขาบอกข้าว่า สถานที่นั้นชื่อว่าสำนักเมฆาวารี ตั้งอยู่ที่รอยต่อของพรมแดนใต้กับแคว้นชาง เป็นสำนักที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในท้องถิ่นนั้น..."จั๋วเฮ่ออิงเล่าเรื่องราวตอนนั้นออกมาอย่างละเอียดเขาไม่มีความทรงจำก่อนหน้าอยู่นาน ต่อให้ภายหลังในที่สุดก็นึกออกมาแล้ว ความทรงจำก็ยังขาดๆ หายๆดังนั้นช่วงนี้ อันที่จริงเขาก็พยายามรวบรวมความทรงจำและเรื่องในอดีตปะติดปะต่อเข้าด้วยกันอยู่ตลอดตอนนี้ถือว่าสามารถเล่าออกมาได้อย่างราบรื่นแล้ว กระทั่งตอนที่เจอกับจั๋วหวายก่อนหน้า เขายังไม่ได้เล่าให้ชัดเจนเลยจั๋วอวิ๋นฉีฟังเงียบๆ อยู่ข้างๆ แต่พอได้ยินก็อึ้งไป!ใครจะไปคิด ตอนนั้นที่พูดกันว่าลุงเก้าหายไปอย่างไร้ร่องรอยไม่เจอกระทั่งศพ น่าจะตายไปในสนามรบแล้ว กลับมาเจอกับเรื่องแบบนี้?จั๋วอวิ๋นฉีอึ้งไปแล้ว แต่เขาก็ยังเอียงตามองอาสะใภ้เก้าสีหน้าบนหน้าอาสะใภ้เก้ากลับยังคงสงบนิ่งอยู่ตลอดไม่มีท่าทีตกตะลึงใด สีหน้าเองก็ไม่มีอาการด้วยกระทั่งหลังจากจั๋วอวิ๋นฉีได้ยินว่าลุงเก้าถู

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1252

    เซี่ยอวิ๋นซีอ้าปากพะงาบ แต่กลับไม่มีเสียงออกมา!ดังนั้น ร่างกายจึงขยับไปก่อนคำพูดเซี่ยอวิ๋นซีเดินตรงไปหาเขา ไม่กล้าเข้าใกล้นัก เหมือนยังคงกลัวจะทำลายภาพมายานี้ลงไปกระทั่งยื่นมือ ก็ยังทำได้แค่ลากมือเบากลางอากาศเหมือนลูบใบหน้าที่ขมุกขมอมของชายหนุ่มนางยิ้มพร้อมน้ำตา "ข้าเคยคิดมาหลายครั้ง ถ้าหากท่านยังมีชีวิตอยู่ จะมีหน้าตาแบบไหน...น่าจะเป็นแบบนี้กระมัง""เสี่ยวอวิ๋น..." จั๋วเฮ่ออิงมองหญิงสาวตรงหน้าตาแดงรื้นตนเองพลาดอะไรไปบ้างนี่...เสียงของเขาสั่นเครือขึ้นมา "ข้ากลับมา...ช้าไปหน่อย"เซี่ยอวิ๋นซีตอนนี้ ความไม่อยากเชื่อในสมองเหล่านั้น ในที่สุดก็ค่อยๆ ตกตะกอนลงไปนางเดินขึ้นหน้าไปหลายก้าว ในที่สุดก็มาอยู่ตรงหน้าจั๋วเฮ่ออิงยกมือขึ้นมา ลูบเบาๆ ที่ชายเสื้อเขาก่อนหลังจากพบว่าตนเองแตะต้องเขาได้จริงๆความรู้สึกที่เก็บซ่อนมานาน ในที่สุดก็เอ่อทะลักออกมาจึงยกมือขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่ใช่แค่ลูบเบาๆ แล้ว นางกำหมัด ทุบลงไปที่หน้าอกของเขา"ท่าน...ท่าน....ท่านไปอยู่ไหนมา...ยังมีชีวิต...ยังมีชีวิตอยู่แล้วทำไม...ทำไมไม่กลับมากัน?! ท่านไปอยู่ที่ไหนมา..."จั๋วเฮ่ออิงพูดไม่ออกเลยสักคำทำได้แ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1251

    เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบมาตลอด ในที่สุดก็ผ่อนช้าลงจั๋วเฮ่ออิงยังหยุดอยู่ที่เดิม ยกมือขึ้นมาจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมที่ยุ่งเหยิงของตนเองจั๋วอวิ๋นฉีไม่รู้เขาเดินนำไปข้างหน้าก่อนแล้วรอจนตอนที่จั๋วเฮ่ออิงตามขึ้นไป จั๋วอวิ๋นฉีก็เดินเข้าไปในสวนจี๋หย่าย่วนแล้ว เดินเข้าไปด้วยพลางเรียกขึ้นอย่างอบอุ่น "ป้าสะใภ้เก้า""อวิ๋นฉีมาแล้วหรือ..." เสียงอ่อนโยนเสียงหนึ่งดังออกมาจากด้านในสวนจี๋หย่าย่วนคุ้นเคยเหลือเกินตอนที่ได้ยินเสียงนี้ ใจของจั๋วเฮ่ออิงก็เต้นรัวจนผิดปกติตึงเครียดจนปากคอแห้งผากจั๋วอวิ๋นฉีเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม "ไม่ใช่แค่ข้านะ ลองเดาสิว่าข้าพาใครมา?""เจ้ามาทุกครั้งก็ชอบเอาของมาให้ข้า ข้าบอกว่าไม่ต้องแล้วแท้ๆ ข้าไม่ได้ขาดเหลืออะไรหรอก" เซี่ยอวิ๋นซีกำลังรดน้ำต้นไม้ในสวนพวกนี้ล้วนถูกย้ายมาจากสมุนไพรเหล่านั้นที่นางปลูกไว้ในเรือนของจั๋วซือหรานเซี่ยอวิ๋นซีรู้ว่าลูกสาวชอบ จึงคิดจะนำมาปลูกไว้ในสวนจี๋หย่าย่วนหน่อยอันที่จริงก่อนหน้านี้เซี่ยอวิ๋นซีส่วนใหญ่อยู่ในเรือนของลูกสาวมากกว่า แต่จั๋วอวิ๋นฉีไปเยี่ยมนางค่อนข้างลำบาก แล้วเขาก็ไปเยี่ยมอยู่บ่อยๆ ก็เพราะไม่ค่อยวางใจที่เซี่ยอวิ๋นซีอยู่ท

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1250

    "เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นน่ะ เอาเป็นว่า...เรื่องมันยาวมาก" จั๋วเฮ่ออิงถอนหายใจยาว จากนั้นจึงเอ่ยว่า "จริงด้วย พาข้าเข้าไปหน่อยได้ไหม ข้ามีเรื่องด่วนต้องไปหาเสี่ยวอวิ๋น"จั๋วอวิ๋นฉีรู้ ว่าเสี่ยวอวิ๋นในคำพูดลุงเก้า หมายถึงสะใภ้เก้าลุงเก้ากับสะใภ้เก้ารักกันดีมาแต่ไหนแต่ไร เข้ากันได้ดีรักใคร่กลมเกลียวและด้วยเหตุนี้ ตอนข่าวที่ลุงเก้าตายตอนนั้นส่งกลับมา สะใภ้เก้าแทบจะตายตามกันไป ถ้าไม่ใช่ยังมีลูกอยู่สองคน...แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ นางก็ยังดูเหมือนตายไปแล้วรอบหนึ่งอย่างไรอย่างนั้นจั๋วอวิ๋นฉีพยักหน้าหงึกหงัก เอ่ยขึ้นว่า "ข้าจะพาท่านไป!สะใภ้เก้าถ้าเห็นท่านกลับมา คงจะดีใจมากแน่ๆ ตอนนั้น...ที่ข่าวท่านรบจนตัวตายส่งกลับมา สะใภ้เก้าเกือบจะปลิดชีพตามท่านไปแล้ว ถ้าไม่ใช่ซือหรานกับเสี่ยวหวายยังเล็กล่ะก็..."จั๋วเฮ่ออิงหลายวันนี้ รู้สึกกลัดกลุ้มเพราะเรื่องของลูกๆ มากอันที่จริงไม่ค่อยได้คิดถึงทางภรรยาเท่าไรตอนนี้ ได้ยินคำพูดของจั๋วอวิ๋นฉีชั่วพริบตา จั๋วเฮ่ออิงก็รู้สึกว่า ในใจเหมือนถูกมีดกรีดผ่าอย่างไรอย่างนั้น เจ็บปวดรวดร้าว!จั๋วอวิ๋นฉีดีใจสุดๆ หลังจากทักทายเหล่าคนคุ้มกันแล้ว ก็นำจั๋วเฮ่ออิงเข้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1249

    "พอได้ยินคำพูดจั๋วอวิ๋นฉี ทหารก็ตกตะลึงไป""อะ อะไร?!"ก่อนหน้านี้ตอนได้ยินชื่อจั๋วเฮ่ออิง ทหารไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย และไม่ได้คิดไปถึงตัวของพ่อจั๋วซือหรานด้วยเพราะทุกคนรู้ว่า สาเหตุที่แม่นางจั๋วจิ่วแต่ก่อนได้รับความไม่เป็นธรรมจากตระกูลจั๋ว ส่วนใหญ่ก็เพราะมาจากนางไม่มีพ่อให้พึ่งพานั่นเองส่วนใหญ่ก็น่าจะเพราะแบบนี้ ดังนั้นตอนที่ได้ยินชื่อจั๋วเฮ่ออิง ผู้คนจึงคิดไปแค่ คนคนนี้น่าจะเป็นคนจากตระกูลจั๋วที่มีชื่ออักษรเฮ่อเท่านั้น เป็นใครกันแน่นะแต่ไม่คิดไปถึงตัวจั๋วซือหรานเลย"ให้ตายเถอะ อย่างนั้นก่อนหน้านี้ข้าก็เสียมารยาทแล้วสิ?" ทหารรู้สึกสำนึกผิดขึ้นมาทันทีจั๋วอวิ๋นฉียิ้มๆ "ก็ยังไม่แน่หรอก บางทีอาจจะไม่ใช่ลุงเก้าก็ได้ ถึงอย่างไรลุงเก้าก็ไม่อยู่มาหลายปีแล้ว ถ้าคนไม่เกี่ยวข้องกล้าปลอมตัวเป็นลุงเก้า ข้าจะให้เขาต้องชดใช้อย่างสาสม"จะปลอมตัวเป็นใครในตระกูลจั๋วก็ได้ จั๋วอวิ๋นฉีไม่มีความเห็นอะไร แต่ลุงเก้านั้นไม่ได้สำหรับตัวเขา ซือหรานถือว่ามีบุญคุณที่นางเห็นคุณค่าและสนับสนุนเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กสาวคนนี้ ตนเองก็ยังไม่รู้ว่าต้องเร่ร่อนอยู่ภายนอกอีกกี่ปีดังนั้น ถ้าสวมรอยเป็นคนอื่น จั๋

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1248

    "ตามหลักแล้วคนตระกูลจั๋วควรจะปฏิบัติดีด้วยเป็นพิเศษ แต่กฏก็ยังเป็นกฏ ยิ่งไปกว่านั้นชื่อนี้ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน ยังต้องไปบ้านตระกูลจั๋วเพื่อแจ้งทราบก่อนจึงจะยืนยันได้ เจ้าไปตอนนี้เลย ขี่ม้าข้าไป รีบไปรีบกลับ ถ้าหากเป็นคนตระกูลจั๋วจริง ข้าจะขอรับโทษด้วยตนเอง""รับทราบ!" ทหารไม่กล้าชักช้า ขึ้นขี่ม้าของหัวหน้า ทะยานไปยังบ้านตระกูลจั๋วเดิมทียังคิดว่าต้องไปถึงจวนจั๋วก่อนถึงจะได้ถามใครจะคิดว่ากลางทาง ก็เจอเข้ากับผู้อาวุโสห้าตระกูลจั๋ว หรือก็คือจั๋วอวิ๋นฉีที่แม่นางจั๋วจิ่วดันขึ้นไปเป็นผู้อาวุโสที่หล่อเหลาอายุน้อยคนนั้นนั่นเองว่ากันว่าเป็นคนที่โดดเด่นสุดในกลุ่มชายหนุ่มของตระกูลจั๋วเลยทีเดียว เป็นอัจฉริยะที่ตอนนั้นถูกใส่ร้าย บวกกับกฏเกณฑ์คร่ำครึของตระกูลจั๋ว จนเกือบทำให้ถูกกลบฝังความสามารถไว้นอกตระกูลหลังจากแม่นางจั๋วจิ่วออกจากเมืองหลวง ตระกูลจั๋วก็ก็ได้จั๋วอวิ๋นฉีมาช่วยค้ำจุน หลายปีนี้ที่เขาอยู่ภายนอกก็ไม่รู้ว่าผ่านอะไรมาบ้าง เรียนรู้อะไรมาเยอะมาก มีฝีมืออยู่พอควรเลยทีเดียวในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ทำให้การค้าของตระกูลจั๋วเจริญรุ่งเรือง บวกกับเจ้าสำนักทั้งสองในตลาดมืดที่แม่นางจั๋วจิ่วคบค้าไว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1247

    ได้ยินคำนี้ของเขา คนคุ้มกันประตูเมืองก็แหงนตาเหลือบมองเขาเมืองหลวงไม่มีใครไม่รู้จักตระกูลจั๋ว โดยเฉพาะคนค่ายคุ้มกันกับค่ายคุ้มกันเมือง เพราะเคยได้รับบุญคุณช่วยชีวิตจากจั๋วซือหราน จึงมีความอ่อนไหวต่อแซ่จั๋วขึ้นไปอีกยิ่งไปกว่านั้นต้องรู้ด้วย พวกผู้ชายในตระกูลจั๋ว ก็ล้วนเป็นพวกที่มีชื่ออวิ๋นอยู่ทั้งนั้น ไม่ว่าจะจั๋วอวิ๋นเฟิงกับจั๋วอวิ๋นชิงที่ถูกจั๋วซือหรานสั่งสอนไปแล้วแล้วยังมีจั๋วอวิ๋นฉีที่จั๋วซือหรานพากลับมาแล้วดันขึ้นเป็นผู้อาวุโสแต่ชายหนุ่มรุ่นที่แล้วของตระกูลจั๋ว เป็นรุ่นที่มีชื่อเฮ่ออย่างคุณท่านจั๋วลิ่วที่ถูกจั๋วซือหรานลากลงมาตอนนั้น ก็มีชื่อว่าจั๋วเห้อหรงแต่ว่าจั๋วเฮ่ออิง ไม่ได้ยินมานานมากแล้วดังนั้นคนคุ้มกันจึงไม่รู้จัก รู้สึกว่าอาจจะเป็นญาติห่างๆ ก็ได้เพียงแต่ว่า ในเมื่อเป็นคนจากตระกุลจั๋ว ก่อนหน้านี้ไม่สนใจ แต่ตอนนี้ตระกูลจั๋วมีแม่นางจั๋วจิ่วเข้ามาดูแลแล้วท่าทีการพูดของพวกเขาต่อคนตระกูลจั๋ว ก็จะอ่อนโยนลงหน่อยดังนั้นจึงเอ่ยกับจั๋วเฮ่ออิงว่า "ญาติของตระกูลจั๋วสินะ?"จั๋วเฮ่ออิงพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจนัก ถึงอย่างไรตนเองก็หายสาบสูญไปตั้งหลายปีแล้ว

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status