แชร์

บทที่ 16

ผู้เขียน: หูเทียนเสี่ยว
“แล้วล่ะขอรับ” เขาพูดเบา ๆ

จั๋วซือหรานตอบ "ดังนั้นพวกเราควรเลือกสิ่งที่เราต้องการ มาร่วมมือกัน"

เฟิงเหยียนเลิกคิ้ว "ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือเช่นไร เจ้ามีอะไรที่ข้าต้องการหรือ"

ดวงตาของจั๋วซือหรานสว่างเป็นประกาย นางมองเขาอย่างแน่วแน่ "อะไรที่เหยียนฉีไม่สามารถรักษาเจ้าได้ บางทีข้าอาจจะรักษาได้"

เมื่อเฟิงเหยียนได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เขาหรี่ตาลง เดิมทีมือของเขางวางบนกระบี่ประจำตระกูลที่เอวอย่างไม่ได้ตั้งใจที่ ทีนี้นิ้วหัวแม่มือดันด้ามมีดเล็กน้อย ใบมีดอันแหลมคมที่ประกายความหวาดกลัวนั้นปรากฏส่วนอันสั้นจากฝักหระบี่

มันยาวเท่ากับนิ้วหัวแม่มือของมนุษย์เท่านั้นเอง

ความอาฆาต

จั๋วซือหรานรู้สึกถึงแรงผลักดันที่พุ่งออกมาจากเขาอย่างชัดเจน

เขาคู่ควรกับการเป็นอัจฉริยะที่ตระกูลเฟิงไม่เคยพบและไม่เคยเห็นมานานนับศตวรรษ

แข็งแกร่ง เสียจริง

คนขับรถม้าเกือบจะฉี่รด เขาตัวสั่น และถอยไปด้านหลังสองสามก้าว

“นี่คือสิ่งที่จั๋วลิ่วบอกเจ้าในเมื่อสักครู่หรือ” เฟิงเหยียนพูดอย่างเย็นชา

จั๋วซือหรานพูด "นางไม่ต้องบอกข้า ขาก็เดาออกได้"

จากปฏิกิริยาของเฟิงเหยียน จั๋วซือหรานรู้นางเดาถูก นางลดสายตาลงและมองขาอันยาวของเฟิงเหยียน เวลานี้ขาสองข้างนั้นมองไม่ออกเบาะแสใด ๆ

“ข้าได้ยินมาว่า ท่านอ๋องเฟิงได้รับบาดเจ็บที่ขาในการฝึกซ้อมประจำตระกูล อาการอย่างหนักจนไม่สามารถยืนและเดินได้สักพัก ก่อนหน้านี้ ข้าถูกเสน่ห์หนอนพิษกู่ควบคุมสติจนไม่ได้พิจารณาอีก ต่อมาข้าได้ไตร่ตรองถี่ถ้วนแล้วก็รู้ตัว ด้วยระดับความสามารถของท่านอ๋อง เป็นเพียงการฝึกซ้อมภายในครอบครัวเอง อาการบาดเจ็บนั้นไม่น่าร้ายแรงขนาดนี้”

“ถูกลอบทำร้ายลับหลัง” เฟิงเหยียนพูดด้วยเสียงที่เบาบาง

“ต่อให้ถูกลอบทำร้ายลับหลังก็จริง ด้วยความสามารถของท่านอ๋อง ไม่ควรต้องรับบาดเจ็บสาหัสมากนัก เว้นแต่จะเป็นท่าน…”

คำพูดที่จั๋วซือหรานพูดไม่หมด ทั้งสองต่างรู้ดี

เขามีพรสวรรค์มากเกินไป หากความสามารถถึงสุดขีด ความสามารถนั้นจะพลิกกลับ และกลายเป็นพลังที่ทำล้ายเจ้าของร่าง ทีนี้ พลังทางจิตวิญญาณที่ควบคุมยากก็เริ่มทำร้ายตัวเองแล้ว

เฟิงเหยียนมองนางอย่างไร้ความรู้สึก "แล้วอย่างไรล่ะ เพียงเพราะเจ้ารักษาอาการให้แก่ไทเฮาในก่อนหน้าไม่กี่แข็ม เจ้าคิดว่าเจ้าจะรักษาข้าได้หรือ"

เขามองออกด้วย หากไม่ใช่เป็นเพราะเหยียนชางขัดขวางในช่วงนี้ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์คนใดก็ได้ สามารถรักษาพิษของไทเฮาได้

จั๋วซือหรานตอบ "แต่เจ้าไม่ควรคิดว่า อาการที่ข้ารักษาไปเมื่อครู่นี้ไม่ร้ายแรง เลยคิดว่าข้ารักษาอาการร้ายแรงได้หรอกนะ เช่นนั้น เราจะเดิมพันกันไหม หากข้ารักษาเจ้าได้ผลเสียจริง เจ้าจะต้องร่วมมือกับข้า พวกเราจะหมั้นกันตามความต้องการกันละกัน เพื่อหลอกเหล่าผู้อาวุโสไปก่อน”

เฟิงเหยียนพูด "หากการรักษาของเจ้าไม่ได้ผลล่ะ เจ้าไม่มีสิ่งที่ข้าอยากเดิมพัน"

จั๋วซือหรานเม้มริมฝีปาก ชายคนนี้ตอกตะปูบนหัว ที่เขาพูดมาเป็นความจริง

แต่นางไม่ทันสนใจอะไรมากมายอีกแล้ว ดังนั้นนางจึงตัดสินใจพูด เพราะถึงอย่างไรนางหน้าหนามาตลอดอยู่แล้ว

“ก็ทำอะไรไม่ได้” จั๋วซือหรานกล่าว “เจ้าต้องเดิมพัน แต่หากเจ้าไม่เดิมพัน...”

“หากข้าไม่เดิมพัน เจ้าจะทำเช่นไร” เฟิงเหยียนถามช้า ๆ

จั๋วซือหรานกัดฟัน "ข้าก็บอกว่า เจ้าทำลายความบริสุทธิ์ของข้าและไม่ยอมรับผิดชอบ เมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลเฟิงจะต้องเสียชื่อเสียง และต้องบังคับเจ้าแต่งงานกับข้า"

เฟิงเหยียน"..."

ผู้หญิงทั่วไปให้ความสำคัญกับความบริสุทธิ์มากกว่าสิ่งอื่น มีแต่ถูกผู้อื่นคุกคามตัวเองด้วยความบริสุทธิ์ของตัวเอง มีใค่ล่ะที่เอาความบริสุทธิ์ของตัวเองไปคุกคามผู้อื่น

จั๋วจิ่วคนนี้... เป็นคนแปลกจริง ๆ

เฟิงเหยียนเม้มปากโดยไม่ให้คนอื่นสังเกต “ทำลายความบริสุทธิ์ของเจ้าหรือ ข้าจะจดจำไว้”

หลังจากเขาพูดเช่นนั้น เขาก็คลายนิ้วโป้งของเขา ใส่กระบี่เสวียนเหยียนกลับเข้าไปในฝัก และเดินจากไปอย่างช้า ๆ

จั๋วซือหรานมองดูแผ่นหลังของเฟิงเหยียน นางถามชายผู้นั้น "ท่านอ๋อง ท่านตกลงกับข้าหรือไม่"

เฟิงเหยียนไม่หันกลับมา และเสียงทุ้มขรึมของเขาผสมกับสายลม แม้แต่ลมหนาวก็ดูเหมือนจะมีความรู้สึกอ่อนโยนมากขึ้น เสียงนั้นถูกลมพัดเข้าหูของจั๋วซือหราน ซึ่งทำให้นางคันหู

“ห้าวัน ข้าจะให้เจ้าเวลาห้าวัน เพื่อเตรียมตัว หากเจ้าไม่สามารถรักษาได้... จั๋วเสียวจิ่ว เจ้าอาจไม่เข้าใจตระกูลเฟิงและไม่เข้าใจข้า หากข้าไม่พยักหน้า ต่อให้พวกเขาบีบคอข้า ข้าก็ไม่ยอม”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 17

    บ้าระห่ำจั๋วซือหรานชอบคนบ้าระห่ำเช่นนี้ นางรู้สึกเจอคนประเภทเดียวและเกิดความรู้สึกการเอ็นดูเฟิงเหยียนเดินจากไปแล้ว และนางคิดชื่อจากคำพูดของเขา “จั๋วเสี่ยวจิ่ว(จิ่วหมายถึง เลข เก้า ในภาษาไทย)หรือ ดีแล้วข้าไม่ได้เปิดเป็นบุตรคนที่สองของตระกูล...ไม่อย่างนั้น ก็จะดูเหมือนคนรับใช้ที่ร้านแล้ว”“จิ่ว...คุณหญิงจิ่วขอรับ” คนขับรถม้าเดินเข้ามาอย่างสั่นเทา “กลับ..กลับตอนนี้หรือขอรับ”"เจ้าค่ะ กลับเถอะ" จั๋วซือหรานเห็นคนขับรถม้าไสั่นเช่นนี้ นางอดไม่ได้ที่ต้องสงสายและถาม"เจ้าหนาวหรือ"คนขับหดคอลงจนเกือบจะร้องไห้ "เมื่อครู่นั้น ท่านอ๋องเฟิงทำเช่นนั้น...ข้า..ข้าน้อยกลัวแทบจะตาย"จั๋วซือหรานนึกถึงเจตนาฆ่าของเฟิงเหยียนที่เขาประกายในเมื่อครู่ คนทั่วไปรับพลังนั้นไม่ไหวเสียจริงนางยกมือขึ้นแล้วโบกมือให้คนขับรถม้า คนขับรถม้ารู้สึกมีสายลมพัดมาบนใบหน้าของเขา และความรู้สึกการกดขี่ที่น่ากลัวก่อนหน้านี้ก็หายไป*ในห้องส่วนตัวจั๋วซือหรานหรี่ตาลงและจ้องมองไปที่แหวนสีแดงเข้มที่เรียบง่ายบนนิ้วชี้ของมือขวาของนาง มันคือแหวนเสวียนเหยียนจริง ๆแต่นางไม่เข้าใจ“ทำไมถึงตามข้ามา” จั๋วซือหรานพึมพำจิตวิญญาณเ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 18

    บรรยากาศอันแสนอบอุ่นแตกสลายทันทีสีหน้าของจั๋วซือหรานแข็งค้าง ใช่แล้ว เจ้าของร่างเดิมและจั๋วหวายต่างก็เป็นลูกของผู้บัญชาการทหาร และพวกเขาไม่สนใจเรื่องเรียนเลยจริง ๆ หากให้พวกเขาเขียนหนังสือเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม( 1 ชั่วยาม=2 ชั่วโมง) พวกเขายอมฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาสามชั่วยามมากกว่า"ไม่เอาก็ต้องเอา" ความอ่อนโยนบนใบหน้าของจั๋วซือหรานในก่อนหน้านี้หายไป “เจ้าคิดว่าข้าชิงโอกาสเข้าเรียนในวังได้ ง่ายมากเลยหรือ คนอื่นอยากไปเรียนแต่ไปไม่ได้ แต่เจ้าต้องไป ไม่เช่นนั้น ฮึม ๆ ”จั๋วซือหรานกำหมัดของนาง ข้อต่อนิ้วของนางมีเสียง กร๊อบ ตั้งขึ้นจั๋วหวายเป็นผู้ที่หากไม่ใช้ความรุนแรงกับเขา เขาจะไม่ร่วมมือ เวลานี้ เขาถูกพี่สาวสั่งสนอย่างเชื่อง เขาจึงทำได้เพียงขมวดคิ้วตอบตกลงไป“ข้าจะไปบอกท่านแม่เรื่องนี้ หากพวกเราสองคนได้ไปเรียนที่วังได้ ท่านแม่ต้องดีใจแน่นอน”อวิ๋นเหนียงดีใจมากจริง ๆ แม้ว่าตระกูลทางบ้านนางจะไม่มีชื่อเสียงมากนัก แต่ก็เป็นตระกูลที่สืบทอดความรู้และวัฒนธรรมประเภณีอันดีงามจากบรรพบุรุษสู่ลูกหลานทว่านางแต่งงานกับผู้รู้ศิลปะการต่อสู้ และนางให้กำเนิดลูกชายและลูกสาวที่ไม่ชอบเรียนหนังสือ โดยเ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 19

    องค์ชายเจ็ดของปัจจุบัน ซือคงเซี่ยน เป็นถึงท่านชินอ๋องที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดท่านแม่เป็นนางสนมผู้สูงศักดิ์ เขามีฐานะสูงส่งตั้งแต่เกิด เขาคงไม่เคยคิดหรอกว่รา สักวันหนึ่ง เขาจะถูกห้ามไว้หน้าประตูเรือนซือคงเซี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้น เคาะประตูของสวนจี๋หย่าย่วนเบา ๆหลังจากนั้นไม่นาน มีคนเปิดประตูออก และมีหัวของผู้คนยื่นออกจากด้านใน คนนั้นถามด้วยความสงสัย “ท่านเป็นใคร ท่านต้องมาพบใครเจ้าคะ”“ไม่ทราบว่าคุณหนูจั๋วจิ่วอยู่หรือเปล่า” ซือคงเซี่ยนถามอย่างอ่อนโยนฝูซูเป็นคนโง่เขลา นางก็ลืมถามถึงตัวตนของอีกฝ่าย เมื่อได้ยินว่าตามหาคุณหนูง นางรีบโบกมือแล้วพูดว่า “คุณหนูป่วย ไม่พบใครเจ้าค่ะ”ซือคงเซี่ยนยังไม่ทันพูดอะไรอีก ประตูลานก็ถูกปิดลงซือคงเซี่ยนตกตะลึง ยืนอยู่ที่นั่นและขำในสวนจี๋หย่าย่วน ฝูซังเดินออกจากห้องครัวแล้วถามฝูซูว่า "นั่นใคร"“ไม่รู้สิ คนนั้นหาคุณหนู”ฝูซังขมวดคิ้ว "อย่างน้อย เจ้าควรถามหน่อยว่า เขาเป็นใคร"นางรีบไปเปิดประตูลาน และเห็นคุณชายที่สง่างามบังคงยืนอยู่ข้างนอก "ท่านเป็นใครเจ้าคะ มาหาคุณหนูมีธุระอันใดหรือเจ้าคะ"“ข้าแซ่ซือคง ซือคงเซี่ยน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 20

    ทันทีที่พระราชกฤษฎีกานี้ออกมา สิทธิ์ทั้งสองที่สัญญาไว้กับจั๋วซือหรานนั้นเป็นสิทธิ์ของพวกเขาอย่างแน่นอน แม้ว่านางตั้งใจจะมอบสิทธิ์นั้นกับคนอื่นก้ไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงถ้าคนอื่นต้องการแย่งสิทธิ์นั้น อย่างหวังเลยดังนั้นเมื่อจั๋วซือหรานมาที่ห้องโถงด้านหน้าเพื่อรับพระราชโองการ สีหน้าของเหล่าผู้อาวุโสก็ซีดขาวเมื่อจั๋วซือหรานเห็นพวกเขาไม่สบายใจ จั๋วซือหรานก็รู้สึกมีสบายใจขึ้น ในที่สุดความโกรธที่นางได้รับในห้องโถงนี้ในตอนเช้าก็บรรเทาลบุคคลที่มาประกาศกฤษฎีกาคือองค์ชายเจ็ด ซือคงเซี่ยน ซึ่งนางได้พบเขาในตอนเช้าหลังจากที่เขาประกาศกฤษฎีกาแล้ว เขาก็ยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า "คุณจั๋วจิ่ว รับพระราชโองการขอรับ"“หน่อมฉันขอขอบพระคุณในกรุณาธิดา” จั๋วซือหรานกล่าวซือคงเซี่ยนให้นางไม่ต้องทำพิธีเคารพ “เอาล่ะ เจ้าสัญญาว่าจะรักษาไทเฮา ตอนนี้เจ้าได้รับพระราชโองการแล้ว ยังรู้สึกไม่สบายเหมือนตอนเช้าหรือเปล่า”เขาพูดสิ่งนี้ต่อหน้าเหล่าผู้อาวุโส ซึ่งทำให้กลายเป็นว่า สร้างปัญหาแก่จั๋วซือหรานโดยตรงปรากฎว่า นางแกล้งทำเป็นไม่สบาย และจงใจไม่เข้าไปรักษาไทเฮาที่วังจั๋วซือหรานไม่สนใจคนอื่นจะคิดอย่างไรกับนาง และ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 21

    “บังอาจ พวกเจ้าอยากทำอะไร” ซือคงเซี่ยนพูดด้วยความโกรธจั๋วซือหรานไม่คาดคิดว่า จะมีคนกล้าทำเช่นนี้ต่อหน้าพระราชวัง และกล้าทำเช่นนี้ภายใต้สายตาขององค์ชายเจ็ด ท่านอ๋องเซี่ยน ดังนั้นนางจึงไม่ได้เตรียมพร้อมเมื่อนางตระหนักถึงอันตราย มือของนางก็ถูกจับไว้อยู่ข้างหลังแล้วเสียง คะตะ ดังขึ้นขั้นแรก มีแหวนโลหะคล้อมมือของนางไว้ด้านหลัง และแหวนโลหะอีกวงคล้องคอของนางไว้จั๋วซือหรานไม่รู้แหวนโลหะนั้นทำจากวัสดุอะไร มันช่างเย็นเหลือเกิน"พวกเจ้า..." แววตาของจั๋วซือหรานเป็นประกาย นางพยายามดิ้นรน แต่นางกลับไม่สามารถใช้พลังจิตและศิลปะการต่อสู้โบราณของตนเองได้เลย ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุดชายที่สวมชุดดำพูดอย่างเย็นชา "อย่าเสียแรงเปล่า ๆ เลย ไปกับพวกเราเลย"เขาเอามือของตัวเองกดหลังของจัวซือหรานอย่างแรง และมีพลังภายในอะไรบางอย่างทะลุเข้าไปในร่างกายของจั๋วซือหราน"อื้อนางถอนหายใจเข้าและฮึมเสียงหนึ่งที ทันใดนั้น ลำคอของนางมีรสหวานและรสคาวก็พรั่งพรูออกมา และรอยเลือดสีสดก็ไหลออกจากมุมริมฝีปากของนาง“พวกเจ้าช่างกล้าเสียจริง” ซือคงเซี่ยนเกรี้ยวโกรธ แต่ชั่วพริลตาเดียว เขามองไปที่แหวนโลหะที่อยู่รอบคอของจั๋ว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 22

    “อื้อ...” นางกลั้นเสียงร้องอันเจ็บปวดในลำคอ ริมฝีปากถูกนางกัดจนเป็นเศษชิ้นเล็ก ๆ และมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของนางท่านอ๋องเซี่ยนพูดจริงด้วย หน่วยสืบสวนพิเศษชอบใช้วิธีโหดเหี้ยมมาสอบสวนคนเสียจริงทันทีที่เม็ดยาละลายในปากของจั๋วซือหราน นางก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่า มันเป็นยาที่ช่วยให้ผู้คนตื่นตัวและเพิ่มการรับรู้ความรู้สึกทางประสาทสัมผัสทั้งห้า โดยปกติแล้ว ยานี้สามารถช่วยกระตุ้นสมอง ให้สมองสดชื่นและฉลาดแต่หากใช้ก่อนการลงโทษ คนที่ได้รับการลงโทษจะต้องรับความเจ็บไว้ขณะที่ยังมีสติอยู่ เพราะยานี้ทำให้คนมีสติตลอดและขยายความรู้สึกเจ็บปวดให้เป็นร้อย ๆ เท่าพลังที่กำเริบในร่างกายของนางดั่งไฟที่โหมกระหน่ำ ราวกับว่าพลังนั้นจะเผานางให้ไหม้มีผู้ชายที่สวมชุดดำเดินเข้ามา และในมือของเขา เขาได้ถือดาบที่รนด้วยเพลิงเสียงไร้อารมณ์“จั๋วซือหราน มีคนฟ้องเจ้าทำการรักษาโรคให้กับไทเฮาโดยไม่ได้รับป้ายอนุญาตหมอ เรื่องนี้จริงหรือไม่”จั๋วซือหรานกระตุกริมฝีปากของนางแล้วตอบ "จริง"อย่างที่นางเดาไว้เสียจริง นางเงยหน้ามองดูชายที่สวมชุดดำตรงหน้านาง “เหยียนชางอยู่ที่ใด ช่างกล้าฟ้องเรื่องเท็จ แต่กลับไม่กล้ามา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 23

    “...อยากทรมานข้าจนให้ข้ายอมแพ้หรือ เจ้าฝันไปเถิด” จั๋วซือหรานกัดฟันเพื่ออดความเจ็บปวดอันแสนสาหัสไว้ ดวงตาของนางแดงก่ำ แต่นางไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียวไหลออก“เจ้าบังอาจ” เหยียนชางโกรธและตะโกน เขารีบไปาถามซือหลี่ฉือหางด้วยความกังวล “ท่านสบายดีไหมขอรับ เด็กคนนี้ไม่มีมารยาทและไม่รู้จักความผิด ท่านอย่าอ่อนมือกับนางเลย”ซือหลี่ฉือหางเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดของสกปรกที่อยู่ใบนบหน้าของเขา เขามีสีหน้าที่แย่มาก เขามองชายชุดดำที่อยู่ด้านข้างเขาและพยักหน้า"หึ--!"จั๋วซือหรานเม้มริมฝีปากของนางไว้แน่น แต่นางเจ็บเหลือเกินจนนางต้องครวญครางเหยียนชางเห็นแผนการเลวร้ายของเขาประสบความสำเร็จแล้ว เขาดีใจและยิ้ม เขาดูร่างกายของจั๋วซือหรานถูกผ่าเป็นรอยแผลหลายเส้นวิธีการสอบสวนของหน่วยสืบสวนพิเศษไม่ธรรมดาจริง ๆ พวกเขาใช้มีดร้อนแดงบาดแผลออก และแผลจะออกเลือดไม่มาก ฉะนนั้น ผู้ต้องสงสัยจะไม่มีเสียชีวิตจากการเสียเลือดจั๋วซือหรานในฐานะที่เป็นผู้ที่มีความสารมารถชั้นนำของตระกูลจั๋ว นางมีความสามารถการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง และบาดแผลของนางก็ตกสะเก็ดอย่างรวดเร็ว คนมักรู้สึกว่าแผลของนางหายสนิทในเวลาอันสั้น ดังนั้นเพชฌฆาตจึง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 24

    เหยียนชางรู้สึกตึงเครียดเล็กน้อย เขารู้ตำแหน่งของผู้นี้ได้ จึงรีบก้มหัวและพูดอย่างสุภาพ "ท่านซือเจิ้งขอรับ"เหยียนชางไม่คาดคิดว่า เรื่องเล็กน้อยเพียงเช่นนี้ ทำไมผู้ใหญ่ท่านนี้ต้องมาด้วยชายที่สวมชุดคลุมสีดำและสวมหน้ากากลายเปลวไฟโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย เขาถามจั๋วซือหราน “ทำไมเจ้าไม่ยิมรับผิดล่ะ เพียงแค่เจ้าณพยักหน้าและสารภาพ เจ้าก็ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีก แค่ประดยคเดียว”เสียงนั้นถูกหน้ากากบังไว้ ซึ่งทำให้คนรู้สึกเสียงทุ้มนั้นไม่ใช่เสียงจริงจั๋วซือหรานก้มศีรษะลง เลือดไหลออกจากปากของนาง และไหลลงบนพื้น นางหายใจเข้าและพูดด้วยเสียงแหบแห้ง ” วิชาการรักษาโรคคือความสามารถในการช่วยชีวิตผู้คน เดิมทีวิชานี้ควรรวบรวมจากหลายที่หลายสาย ตระกูลเหยียนปิดบังวิชานี้ ความสามารถสู้คนอื่มิได้ ยังกลับใส่ร้ายคนอื่นอีก เหตุใดข้าต้องยอมรับผิด “จั๋วซือหรานยกมุมปากของนางาขึ้นและเย้ยหยัน "เพียงเพราะ เหยียนชางมาฟ้องร้องกับพวกเจ้า..ก่อนข้าหรือ"“เจ้าหมายความว่า พวกข้าฟังความข้างเดียวเช่นนั้นหรือ” ซือเจิ้งของหน่วยงานสืบสวนพิเศษผู้นี้ถาม “เช่นนั้น ข้าจะให้โอกาสเจ้าครางหนึ่ง เจ้าจะได้แก้ตัว เจ้าจะพิสูจน์ได้อย่า

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 994

    พอได้ยินคำนี้ของนาง เฉวียนคุนก็เอียงตามองนาง ยิ้มขึ้นมาจั๋วซือหรานเห็นสายตาที่เอียงมากับรอยยิ้มเขา ก็เอ่ยขึ้นอย่างจนใจว่า "สายตาอะไรของเจ้ากัน ข้าพูดเรื่องจริงนะ"เฉวียนคุนโบกไม้โบกมือ "นายท่านไม่ต้องมาขู่ข้า"จั๋วซือหราน "..."เฉวียนคุนเอ่ยด้วยรอยิ้ม "ด้วยความฉลาดหลักแหลมกับการวางแผนได้ละเอียดรอบของของท่าน ในเมื่อวางใจไปที่หลวนหนาน ก็อธิบายได้แล้วว่าในเมืองหลวง ท่านไม่ได้มีแค่เฉวียนคุนคนเดียวเท่านั้น""ข้าเป็นแค่คนไม่สำคัญ ติดตามนายท่านคอยดูแลเรื่องในเรือนยังพอไหว แต่จะให้ข้าไปวุ่นกับเรื่องธุรกิจนี่ ข้าคงไม่ไหว ข้ารู้ตัวเองดี"เฉวียนคุนยิ้มๆ มองจั๋วซือหราน "ดังนั้น ข้าจะติดตามนายท่านไปหลวนหนานด้วย ไม่ว่าจะยอู่ในเรือนเล็กหรือว่าใหญ่ ข้าก็ยังมองท่านเป็นนายท่านอยู่วันยังค่ำ "จั๋วซือหรานหลังจากได้ยินคำพูดของเฉวียนคุน ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก หลังจากนิ่งงันไปครู่ใหญ่จึงเอ่ยขึ้นว่า "ช่างเถอะ แล้วแต่เจ้าละกัน"นางเบ้ปาก "เจ้าคนไม่ยอมก้าวหน้า"เฉวียนคุนตอบกลับอย่างเริงร่า "เดิมทีข้าก็แค่อยากจะอยู่ข้างกายนายท่านเท่านั้น ไม่ได้อยากจะก้าวหน้าอะไร"จั๋วซือหรานมองเขา "แต่ว่าเจ้าพูดผิดไปคำหนึ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 993

    หลงซ่งประสานมือกับจั๋วซือหราน เอ่ยขึ้นว่า "แม่นางจิ่ว พวกเราเองวันนี้ก็เพิ่งทราบ ว่าน้องชายท่านจะถูกพากลับไปที่สำนักเมฆาวารีแล้ว"พอสิ้นเสียงหลงซ่ง ก็ได้ยินเสียงกร๊อบดังขึ้น!ถ้วยชาในมือจั๋วซือหรานแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย สีหน้านางไม่เหลือความอบอุ่นใดอีก ถามขึ้นว่า "เจ้าว่าอะไรนะ"หลงซ่องเองก็มองออกถึงอารมณ์ของจั๋วซือหราน เขาชะงักไป จากนั้นจึงเอ่ยซ้ำขึ้นอีกครั้ง "น้องชายของท่านจะถูกพากลับสำนักเมฆาวารีแล้ว"จั๋วซือหรานนิ่งงันไปพักหนึ่ง จึงถามขึ้นเสียงต่ำว่า "เรื่องนี้...เป็นข่าวตั้งแต่ตอนไหน ถ้าคำนวณจากความเร็วในการส่งสารของหอเฟิ่งเสวี่ย"หลงซ่งรู้ว่านางพบจุดสำคัญของเรื่องนี้แล้วในชั่วพริบตาหลงซ่งตอบว่า "อย่างช้าสุดคือไม่เกินสามวัน ด้วยความเร็วการส่งสารของหอเฟิ่งเสวี่ย"จั๋วซือหรานหัวเราะเย็นชาขึ้นมา "สามวัน...ตอนนั้นแม่ของข้าคงเพิ่งจะออกเดินทางจากอวิ๋นหลิวมาเมืองหลวง หรือก็คือ พอแม่ข้าออกจากอวิ๋นหลิว ตระกูลเซี่ยอย่างพวกเขาก็จัดแจงให้น้องชายข้าทันทีสินะ"หลงซ่งขานรับคำหนึ่ง "น่าจะเป็นอย่างที่แม่นางคาดการณ์""ดี ดีเหลือเกิน" สายตาจั๋วซือหรานไม่เหลืออุณหภูมิใดอีก นางลุกขึ้นยืน "ข

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 992

    "ท่านกับเสี่ยวหวายกินยาลูกกลอนที่ข้าหลอม ถ้าหากบอกว่าเป็นโรคอะไร ข้าเองก็ยังเชื่ออยู่ แต่นี่...ไม่คุ้นกับสภาพแวดล้อมรึ? เป็นไปไม่ได้" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "และไม่รู้ว่าเสี่ยวหวายถูกใครวางแผนอะไรใส่ ถึงต้องใช้วิธีนี้เพื่อให้เขาอยู่ในเมืองอวิ๋นหลิว ไม่ให้เขากลับมาเมืองหลวง"จั๋วซือหรานพูด ดวงตาหรี่ลง "ข้าสงสัยว่า ต่อให้ตระกูลเซี่ยที่อวิ๋นหลิว คงจะไม่รู้จักความเจ้าอารมณ์ของจั๋วซือหรานอย่างข้า แต่ตระกูลของคุณหนูป่วยคนนั้น หรือก็คือเจ้าพวกสำนักกะโหลกกะลา บางทีอาจจะเคยได้ยินชื่อข้าบ้าง อาจจะรู้ว่าข้ารับมือยาก เสี่ยวหวายถ้าหากกลับมาถึงเมืองหลวง ไม่นานข้าคงจะสังเกตเห็นความผิดปกติ ดังนั้นจึงให้ตระกูลเซี่ยหาเหตุผลให้เสี่ยวหวายอยู่ที่อวิ๋นหลิวต่อ"ความเร็วการพูดของจั๋วซือหรานไม่รีบไม่ร้อน พูดมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะแค่การคาดเดา แต่ในการคาดเดานาง เส้นตรรกะทั้งหมดก็แจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ"ถ้ารู้แต่แรกก็ไม่ไปแล้ว" คิ้วของเซี่ยอวิ๋นเหนียงขมวดขึ้นมา"ท่านแม่อย่าโทษตัวเอง""ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?" เซี่ยอวิ๋นเหนียงถามขึ้นจั๋วซือหรานคิดๆ "ท่านแม่ ท่านเล่ากับข้าให้ละเอียดหน่อย ถึงเรื่องหลังจากพาเส

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 991

    พอได้ยินคำพูดจั๋วซือหราน สีหน้าเซี่ยอวิ๋นเหนียงก็เปลี่ยนไปทันทีต่อในนางจะพอเข้าใจคร่าวกับคำว่า 'ผู้ทดลองยา' ก็ตาม แต่จากท่าทีต่อตระกูลเซี่ยของจั๋วซือหราน เซี่ยอวิ๋นเหนียงเองก็พอคาดเดาได้ เช่นนั้นจะต้องไม่ดีเท่าไรแน่ ไม่ใช่เรื่องที่ดีกับจั๋วหวายนักเซี่ยอวิ๋นเหนียงถามเสียงขรึม "ข้าก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่จากชื่อแล้วก็พอจะเดาออก ดังนั้น หรานหราน...ความหมายของเจ้าคือ เสี่ยวหวายถูกคนวางแผนหลอกลวงจนกลายเป็น 'ผู้ทดลองยา' ที่ไร้ค่าหรือ?"ตาของจั๋วซือหรานลึกซึ้ง "นี่เป็นการคาดเดาที่เลวร้ายสุดของข้า"เซี่ยอวิ๋นเหนียงสีหน้าซีดไป "ข้าคลอดเจ้ามาข้าเข้าใจดี ว่าในใจเจ้าถ้าไม่มั่นไปแปดส่วน จะไม่มีทางพูดออกมา...ในเมื่อเจ้าพูดมาเช่นนี้ เช่นนั้นก็คงจริงไปกว่าครึ่งแล้ว"จั๋วซือหรานอ้าปาก แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาในเมื่อตามหลักการแล้ว ตนเองไม่ใช่เซี่ยอวิ๋นเหนียงคลอดออกมาหรอก แต่ก็ยังอดพูดไม่ได้ ว่าลึกแล้วก็มีวาสนาอยู่ระดับหนึ่ง ตอนนี้เซี่ยอวิ๋นเหนียงพูดถึงนิสัยนางได้ถูกต้องพูดได้แค่ว่าแม่รู้จักลูกสาวดีที่สุดสินะจั๋วซือหรานก่อนหน้านี้เพราะกังวลอารมณ์ของแม่ ดังนั้นจึงพูดออกมาค่อนข้างอ้อมค้อมแต่ตอนนี้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 990

    "แต่พวกของลุงเจ้าบอกว่า ตระกูลของแม่นางทางนั้น เหมือนจะค่อนข้างกระตือรือร้นกับเรื่องนี้ บอกว่าถึงอย่างไรก็เป็นคุณหนูจากสำนัก เรื่องนี้ถ้ากำหนดแล้ว จะเป็นประโยชน์กับเสี่ยวหวาย ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นประโยชน์กับเจ้าด้วย เจ้าเองก็รู้ ว่าน้องชายเจ้า..."เซี่ยอวิ๋นเหนียงส่ายหัวเอ่ยต่อว่า "ถ้าบอกว่าเพื่อตัวเขาเอง เขาก็จะไม่มีปฏิกิริยาอะไร แต่ถ้าบอกว่าเป็นประโยชน์กับเจ้า เขาก็จะไม่มีความเห็นอื่นอีก"พอฟังถึงตรงนี้ จั๋วซือหรานก็เม้มปาก นิ้วมือกำแน่นขึ้นมา กดเสียงต่ำลงถามว่า "จากนั้นล่ะ?""จากนั้นเด็กคนนี้เดิมทีคิดจะกลับมา เพื่อถามการตัดสินใจจากเจ้าด้วยตัวเอง เขาบอกว่าจะฟังเจ้า เขาไม่มีความเห็นอะไร" เซี่ยอวิ๋นเหนียงคิดๆ แล้วก็พูดคำพูดของจั๋วหวายตอนนั้นออกมาคำพูดเดิมของจั๋วหวายตอนนั้นคือ: 'ข้าเองไม่ใช่ว่าจะตัดสินใจหรือเลือกเองไม่ได้ แต่พี่สาวข้าฉลาดกว่าข้า สายตากว้างไกลกว่าข้า ดังนั้นต่อให้นางบอกว่าได้ก็ไม่แน่ว่าอาจจะเหมาะกับข้า แต่ถ้านางบอกว่าไม่ เช่นนั้นก็คือไม่ ข้าจะฟังท่านพี่'จั๋วซือหรานสูดหายใจลึก ถามต่อว่า "ท่านแม่ เสี่ยวหวายเริ่มไม่สบายตั้งแต่ตอนไหน?"เซี่ยอวิ๋นเหนียงคิดอย่างละเอียด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 989

    จั๋วซือหรานเองก็พาแม่ไปนั่งบนรถม้าคันหนึ่งระหว่างทางที่รถม้าแล่นตรงไปยังจวน เซี่ยอวิ๋นเหนียงก็รีบถามขึ้นว่า "หรานหราน นี่มัน...เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เสี่ยวหวายมีตรงไหนแย่ไหม?"เสียงของนางมีความร้อนรน "แม่ไม่ดีเอง แม่คิดไม่ถึงว่าบ้านตายายเจ้าจะแอบทำแบบนี้ เสี่ยวหวายมีอะไรไม่ดีกันแน่? แม่ได้ยินความหมายเจ้าก่อนหน้านี้ อาการป่วยของเสี่ยวหวาย มันไม่ถูกต้องใช่ไหม?"จั๋วซือหรานครุ่นคิดพักหนึ่ง นางเดิมทีไม่อยากให้แม่ตกใจแต่ก็เข้าใจดี ยิ่งตอนนี้พูดไม่ชัดเจน แม่ก็จะยิ่งถูกทำให้ตกใจง่ายขึ้นดังนั้นจั๋วซือหรนพอคิดไปครู่หนึ่ง จึงกลั่นกรองคำพูดแล้วเอ่ยว่า "ท่านแม่ยังไม่ต้องร้อนใจกังวล เป็นแค่การคาดการณ์ของข้าเท่านั้น ท่านตอบคำถามส่วนหนึ่งข้ามาก่อน ข้าจึงจะพิจารณาได้ว่าตอนนี้คือสถานการณ์แบบไหน"เซี่ยอวิ๋นเหนียงรู้ว่าลูกสาวเป็นคนฉลาด เรื่องทุกเรื่องอยู่ในการควบคุมหมด จึงรีบพยักหน้ารับ "เจ้าแค่ถามมา ถ้าแม่รู้ แม้จะบอกเจ้าให้หมด!""ตอนนี้ตระกูลเซี่ย...ยังเป็นท่านตาที่ดูแลหรือเปล่า?" จั๋วซือหรานถามขึ้นมาเซี่ยอวิ๋นเหนียงถอนหายใจเบาๆ "ข้าเองกลับไปถึงเพิ่งรู้ ว่าสุขภาพตาของเจ้าแย่ลงทุกปี ไม่กี่ปีน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 988

    เซี่ยหมิงอี้คิดๆ ยังเอ่ยขึ้นเสียงต่ำว่า "เดิมทีเรื่องงานแต่งงานของลูกต้องมีพ่อแม่เป็นคนตัดสินใจ ไม่ใช่พี่สายมาตัดสินนะ เจ้ากับเสี่ยวหวายถูกตระกูลจั๋วขับไล่ออกมา ไม่มีตระกูลจั๋วมาจัดการให้พวกเจ้า พวกเราในฐานะผู้อาวุโส จัดการเรื่องนี้ให้เสี่ยวหวายมันก็สมเหตุสมผลดี เจ้าทำไมถึงต้องโมโหเพราะเรื่องนี้..."จั๋วซือหรานหัวเราะเย็นชา "ความหมายก็คือ พวกท่านแค่จัดการให้เสี่ยวหวายยังไม่พอ แต่หลังจากนี้ยังคิดจะวางท่าทางเป็นผู้อาวุโสในตระกูล แล้วมาจัดแจงให้ข้าด้วยว่างั้น"เซี่ยหมิงอี้หน้าแข็งไปจั๋วซือหรานเอ่ยต่อ "ยิ่งไปกว่านั้นข้าเป็นพี่สาวคนโต ข้าตัดสินใจได้อยู่แล้ว ข้าตอนนี้ไม่ใช่แค่พี่สาวของจั๋วหวาย ลูกสาวของเซี่ยอวิ๋นซี ข้ายังเป็นผู้อาวุโสของตระกูลจั๋วอีกด้วย สามข้อนี้ ข้าจัดการงานแต่งงานที่ดีให้กับน้องชายข้าในอนาคตได้เหลือๆ ไม่ต้องลำบากพวกท่านแล้ว!"มือของจั๋วซือหรานออกแรงเพิ่มขึ้น!ดวงตาของเซี่ยหมิงอี้เบิกกว้างขึ้น ในสายตามีความตกตะลึงขึ้นมา!เพราะ...เขาพบว่า นางหยวนแม้จะถูกบีบคอไว้แต่ตอนที่จั๋วซือหรานออกแรงเพิ่ม คอของเขาก็ถูกรัดแน่นขึ้น เจ็บปวดตามขึ้นมาแล้ว!เซี่ยหมิงอี้กระทั่งในดวงต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 987

    การก่อเรื่องกะทันหันของจั๋วซือหราน บวกกับท่าทางของคนของหน่วยคุ้มกันกับองครักษ์เงาที่พุ่งเข้าไปควบคุมขบวนรถอย่างรวดเร็วแน่นอนว่าทำให้คนอื่นๆ ในรถม้าตกใจลุงใหญ่ของจั๋วซือหราน หรือก็คือเซี่ยหมิงอี้พี่ชายคนโตของเซี่ยอวิ๋นเหนียง เดินลงมาจากรถม้าหน้าขรึม"อวิ๋นซี นี่มันเกิดอะไรขึ้น?" เซี่ยหมิงอี้มองไปทางเซี่ยอวิ๋นเหนียง ถามเสียงขรึมจากนั้นสายตาก็เหลือบไปทางจั๋วซือหรานผาดหนึ่ง ถามขึ้นว่า "เข้าใจผิดอะไรกันหรือเปล่า?"คอของนางหยวนยังคงถูกบีบอยู่ในมือจั๋วซือหราน ท่าทางนั้น เหมือนหิ้วไก่ตัวหนึ่งอยู่ไม่ผิดเพี้ยนเพียงแต่ว่า ยังพอส่งเสียงอะไรออกมาได้ เสียงของนางหยวนกับสายตานั้นพรั่นพรึงเหมือนกัน "พี่ พี่ใหญ่! ช่วยข้าด้วย!"เซี่ยหมิงอี้เอ่ยกับจั๋วซือหรานเสียงขรึม "หรานหราน นี่ต้องมีอะไรเข้าใจผิดแน่ เจ้าปล่อยป้ารองเจ้าลงก่อนเถอะ ครอบครัวเดียวกันอย่าทำร้ายกันให้ชาวเมืองเขาหัวเราะเยาะเลย"คำพูดนี้พูดไว้ถูกต้อง ถ้าหากเป็นเรื่องสำคัญของภาพรวม จั๋วซือหรานจะทำตามที่เซี่ยหมิงอี้ว่าแน่นอนแต่ว่านางไม่ใช่คนที่จะต้องเห็นภาพรวมเป็นเรื่องสำคัญเสียทุกเรื่องคนที่นางใส่ใจเดิมทีก็มีไม่เยอะอยู่แล้ว แม่แ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 986

    นางหยวนแน่นอนไม่คิดจะผิดใจกับหลานสาวคนนี้ แม้จะบอกว่าไม่รู้ว่าที่ลือกันเป็นจริงอยู่กี่ส่วน แต่คนผู้นี้ เป็นคนที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง แล้วยังเป็นโหวหญิงอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังมีตำแหน่งขุนนางในตัวแน่นอนต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษนางหยวนหยุดไปครู่หนึ่ง จึงพูดว่า "หรานหราน เจ้าเข้าใจบ้านพวกเราผิดแล้ว เสี่ยวหวายไม่ได้ถูกขังไว้ในอวิ๋นหลิวไม่ให้กลับเมืองหลวง แต่หลังจากเขาไปที่อวิ๋นหลิว อาจจะเพราะการกินอยู่ไม่สบายหรืออะไรสักอย่าง ร่างกายก็ไม่ค่อยดีมาโดยตลอด เส้นทางกลับมาก็ไกลแล้วยังขรุขระด้วย ดังนั้นจึงให้เขาอยู่ที่อวิ๋นหลิว รอให้ร่างกายดีแล้วค่อยกลับมาเมืองหลวง"เดิมทีขณะที่พวกนางพูดกันก็กำลังเดินไปด้านในเมืองหลวงแต่พอนางหยวนพูดคำนี้ เท้าของจั๋วซือหรานก็หยุดลงทันทีนางหันมามองนางหยวนนิ่งๆนางหยวนถูกสายตาของนางมองจนลนลาน "หรานหราน เจ้า เจ้า...ทำไมมองข้าแบบนั้น?"จากนั้นนางจึงเห็นรอยยิ้มที่ยากจะเข้าใจบนใบหน้าจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานก็ถามนางเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้มมาคำหนึ่ง "ท่านป้า ไม่รู้ว่าครั้งนี้มีแค่ท่านป้าที่มากับท่านแม่ใช่ไหม?"นางหยวนแม้จะถูกนางจ้องจนรู้สึกลนลาน แต่พอได้ยินคำถามท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status