Share

บทที่ 21

Author: หูเทียนเสี่ยว
“บังอาจ พวกเจ้าอยากทำอะไร” ซือคงเซี่ยนพูดด้วยความโกรธ

จั๋วซือหรานไม่คาดคิดว่า จะมีคนกล้าทำเช่นนี้ต่อหน้าพระราชวัง และกล้าทำเช่นนี้ภายใต้สายตาขององค์ชายเจ็ด ท่านอ๋องเซี่ยน ดังนั้นนางจึงไม่ได้เตรียมพร้อม

เมื่อนางตระหนักถึงอันตราย มือของนางก็ถูกจับไว้อยู่ข้างหลังแล้ว

เสียง คะตะ ดังขึ้น

ขั้นแรก มีแหวนโลหะคล้อมมือของนางไว้ด้านหลัง และแหวนโลหะอีกวงคล้องคอของนางไว้

จั๋วซือหรานไม่รู้แหวนโลหะนั้นทำจากวัสดุอะไร มันช่างเย็นเหลือเกิน

"พวกเจ้า..." แววตาของจั๋วซือหรานเป็นประกาย นางพยายามดิ้นรน แต่นางกลับไม่สามารถใช้พลังจิตและศิลปะการต่อสู้โบราณของตนเองได้เลย ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด

ชายที่สวมชุดดำพูดอย่างเย็นชา "อย่าเสียแรงเปล่า ๆ เลย ไปกับพวกเราเลย"

เขาเอามือของตัวเองกดหลังของจัวซือหรานอย่างแรง และมีพลังภายในอะไรบางอย่างทะลุเข้าไปในร่างกายของจั๋วซือหราน

"อื้อ

นางถอนหายใจเข้าและฮึมเสียงหนึ่งที ทันใดนั้น ลำคอของนางมีรสหวานและรสคาวก็พรั่งพรูออกมา และรอยเลือดสีสดก็ไหลออกจากมุมริมฝีปากของนาง

“พวกเจ้าช่างกล้าเสียจริง” ซือคงเซี่ยนเกรี้ยวโกรธ แต่ชั่วพริลตาเดียว เขามองไปที่แหวนโลหะที่อยู่รอบคอของจั๋ว
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
deaw Gim (DEAW)
สนุกมากมากติดตามๆๆๆ
goodnovel comment avatar
ปูนิ่ม เจริญสุข
คำผิดเยอะมากกกกก
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 22

    “อื้อ...” นางกลั้นเสียงร้องอันเจ็บปวดในลำคอ ริมฝีปากถูกนางกัดจนเป็นเศษชิ้นเล็ก ๆ และมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของนางท่านอ๋องเซี่ยนพูดจริงด้วย หน่วยสืบสวนพิเศษชอบใช้วิธีโหดเหี้ยมมาสอบสวนคนเสียจริงทันทีที่เม็ดยาละลายในปากของจั๋วซือหราน นางก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่า มันเป็นยาที่ช่วยให้ผู้คนตื่นตัวและเพิ่มการรับรู้ความรู้สึกทางประสาทสัมผัสทั้งห้า โดยปกติแล้ว ยานี้สามารถช่วยกระตุ้นสมอง ให้สมองสดชื่นและฉลาดแต่หากใช้ก่อนการลงโทษ คนที่ได้รับการลงโทษจะต้องรับความเจ็บไว้ขณะที่ยังมีสติอยู่ เพราะยานี้ทำให้คนมีสติตลอดและขยายความรู้สึกเจ็บปวดให้เป็นร้อย ๆ เท่าพลังที่กำเริบในร่างกายของนางดั่งไฟที่โหมกระหน่ำ ราวกับว่าพลังนั้นจะเผานางให้ไหม้มีผู้ชายที่สวมชุดดำเดินเข้ามา และในมือของเขา เขาได้ถือดาบที่รนด้วยเพลิงเสียงไร้อารมณ์“จั๋วซือหราน มีคนฟ้องเจ้าทำการรักษาโรคให้กับไทเฮาโดยไม่ได้รับป้ายอนุญาตหมอ เรื่องนี้จริงหรือไม่”จั๋วซือหรานกระตุกริมฝีปากของนางแล้วตอบ "จริง"อย่างที่นางเดาไว้เสียจริง นางเงยหน้ามองดูชายที่สวมชุดดำตรงหน้านาง “เหยียนชางอยู่ที่ใด ช่างกล้าฟ้องเรื่องเท็จ แต่กลับไม่กล้ามา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 23

    “...อยากทรมานข้าจนให้ข้ายอมแพ้หรือ เจ้าฝันไปเถิด” จั๋วซือหรานกัดฟันเพื่ออดความเจ็บปวดอันแสนสาหัสไว้ ดวงตาของนางแดงก่ำ แต่นางไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียวไหลออก“เจ้าบังอาจ” เหยียนชางโกรธและตะโกน เขารีบไปาถามซือหลี่ฉือหางด้วยความกังวล “ท่านสบายดีไหมขอรับ เด็กคนนี้ไม่มีมารยาทและไม่รู้จักความผิด ท่านอย่าอ่อนมือกับนางเลย”ซือหลี่ฉือหางเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดของสกปรกที่อยู่ใบนบหน้าของเขา เขามีสีหน้าที่แย่มาก เขามองชายชุดดำที่อยู่ด้านข้างเขาและพยักหน้า"หึ--!"จั๋วซือหรานเม้มริมฝีปากของนางไว้แน่น แต่นางเจ็บเหลือเกินจนนางต้องครวญครางเหยียนชางเห็นแผนการเลวร้ายของเขาประสบความสำเร็จแล้ว เขาดีใจและยิ้ม เขาดูร่างกายของจั๋วซือหรานถูกผ่าเป็นรอยแผลหลายเส้นวิธีการสอบสวนของหน่วยสืบสวนพิเศษไม่ธรรมดาจริง ๆ พวกเขาใช้มีดร้อนแดงบาดแผลออก และแผลจะออกเลือดไม่มาก ฉะนนั้น ผู้ต้องสงสัยจะไม่มีเสียชีวิตจากการเสียเลือดจั๋วซือหรานในฐานะที่เป็นผู้ที่มีความสารมารถชั้นนำของตระกูลจั๋ว นางมีความสามารถการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง และบาดแผลของนางก็ตกสะเก็ดอย่างรวดเร็ว คนมักรู้สึกว่าแผลของนางหายสนิทในเวลาอันสั้น ดังนั้นเพชฌฆาตจึง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 24

    เหยียนชางรู้สึกตึงเครียดเล็กน้อย เขารู้ตำแหน่งของผู้นี้ได้ จึงรีบก้มหัวและพูดอย่างสุภาพ "ท่านซือเจิ้งขอรับ"เหยียนชางไม่คาดคิดว่า เรื่องเล็กน้อยเพียงเช่นนี้ ทำไมผู้ใหญ่ท่านนี้ต้องมาด้วยชายที่สวมชุดคลุมสีดำและสวมหน้ากากลายเปลวไฟโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย เขาถามจั๋วซือหราน “ทำไมเจ้าไม่ยิมรับผิดล่ะ เพียงแค่เจ้าณพยักหน้าและสารภาพ เจ้าก็ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีก แค่ประดยคเดียว”เสียงนั้นถูกหน้ากากบังไว้ ซึ่งทำให้คนรู้สึกเสียงทุ้มนั้นไม่ใช่เสียงจริงจั๋วซือหรานก้มศีรษะลง เลือดไหลออกจากปากของนาง และไหลลงบนพื้น นางหายใจเข้าและพูดด้วยเสียงแหบแห้ง ” วิชาการรักษาโรคคือความสามารถในการช่วยชีวิตผู้คน เดิมทีวิชานี้ควรรวบรวมจากหลายที่หลายสาย ตระกูลเหยียนปิดบังวิชานี้ ความสามารถสู้คนอื่มิได้ ยังกลับใส่ร้ายคนอื่นอีก เหตุใดข้าต้องยอมรับผิด “จั๋วซือหรานยกมุมปากของนางาขึ้นและเย้ยหยัน "เพียงเพราะ เหยียนชางมาฟ้องร้องกับพวกเจ้า..ก่อนข้าหรือ"“เจ้าหมายความว่า พวกข้าฟังความข้างเดียวเช่นนั้นหรือ” ซือเจิ้งของหน่วยงานสืบสวนพิเศษผู้นี้ถาม “เช่นนั้น ข้าจะให้โอกาสเจ้าครางหนึ่ง เจ้าจะได้แก้ตัว เจ้าจะพิสูจน์ได้อย่า

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 25

    สายตาการจ้องมองของเขาแรงมากจนจั๋วซือหรานสังเกตถึงและหันไปมองเขาสีหน้าของเหยียนชางดูแย่เหลือเกิน นางรู้ 'อาการป่วยเรื้อรัง' ของท่านอ๋องยเฟิงได้อย่างไรอาการของของเฟิงเหยียน นอกจากผู้เฒ่าที่น่านับถือของตระกูลเฟิงและตระกูลเหยียน ผู้ที่รู้มีจำนวนไม่มากผู้เฒ่าของตระกูลจั๋ว อาจรู้เพียงเล็กน้อยเนื่องจากสองครอบครัวนี้มีสัญญาการหมั้นกันนางรู้ได้อย่างไรเหยียนชางพูดอย่างจนปัญญา "หาเรื่องกับตระกูลเหยียนของเรายังไม่เพียงพออีก เจ้าอยากให้ตระกูลเฟิงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอีกหรือ"จั๋วซือหรานเห็นเขาฟ้องร้องเช่นนี้ นางไม่โกรธ "ก่อนหน้านี้ หัวหน้าเหยียนกลัวจะแก้ไขยาก จะอายคนอื่นมิใช่หรือ ข้าจะช่วยรท่าน ท่านชอบเล่นการใหญ่หรือ เช่นนั้นพวกเราก็เริ่มการใหญ่กันเถอะ ”เหยียนชางอึ้งเลย "..."สีหน้าของเขาจากซีดกลายเป็นสีแดง และสีหน้าของเขาน่าดูมากเขาพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง จั๋วซือหรานกลายเป็นผู้นำไปซะแล้วจั๋วซือหรานมองไปที่ซือหลี่ไม่กี่คนนั้นและซือเจิ้งที่มีดวงตาเป็นประกาย"ข้าขอให้พวกเจ้าทุกคนเป็นพยานด้วย ในอีกสี่วัน ข้าจะแข่งกับคุรชายเหยียนฉีในด้านทักษะทางการแพทย์ และพวกเราจะวินิจฉัยและรักษาท่านอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 26

    “เช่นนั้น ข้ามีเรื่องหนึ่งคงต้องรบกวนท่านอ๋อง…”หลังจากที่จั๋วซือหรานฝากเรื่องกับซือคงเซี่ยน ตัวนางเองนั้นก็กลับบ้านด้วยความรู้สึกสบายขึ้นด้านหลังนาง บนชายคาหอคอยดำของหน่วยสืบสวนพิเศษมีร่างสูงยาวของผู้หนึ่ง คนผู้นี้สวมชุดสีดำและสวมหน้ากากที่มีลวดลายเปลวไฟบนใบหน้าเขามองดูเส้นทางที่ร่างบางนั้นเดินมีคนเดินเข้ามาหาเขาด้วยท่าทางที่แสดงความเคารพ คนผู้นั้นถือกระบี่ยาวที่มีรายเรียบง่ายด้วยมือทั้งสองข้าง “ท่านขอรับ”“อืม” เสียงต่ำของเขาดังจากภายใต้หน้ากาก เขาเอื้อมมือหยิบกระบี่ยาว และห้อยไว้ที่เอว ด้ามจับของกระบี่นั้นถูกสลักด้วยอักษรหนึ่งตัว ‘เหยียน’ เขาค่อย ๆ ถอดหน้ากากบนใบหน้าออก ด้วยมืออีกข้างหนึ่ง จึงเผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา“ช่วงนี้ติดตามตัวนางไว้ก่อน ระวังอย่าให้ใครจับได้ และดูว่านางต้องการจะทำอะไร” เขาสั่งด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม“รับทราบ“*ในยามค่ำคืน ​​เสียงกระดิ่งข้างนอกแสดงให้ว่า เป็นเวลาเที่ยงคืน จั๋วซือหรานลุกขึ้นจากเตียง นางสวมชุดสีดำและเดินออกจากเรือนจั๋วอย่างเงียบ ๆ นางเดินไปตามถนนราวกับเทพยาดาในยามค่ำคืน เวลาผ่านไปไม่มาก ก็ถึงจุดมุ่งหมายของนางเรือนหลังใหญ่ ก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 27

    จั๋วซือหรานฟังความเด็ดเดี่ยวจากน้ำเสียงของชายคนนั้นออก นางตัดสินใจหันหลังและเดินออกไปในทันที แต่พวกลาดตระเวนด้านนอกก็เข้ามาใกล้แล้วเดิมทีนางมาที่นี่เพื่อขอโทษเฟิงเหยียน ขอโทษที่ทำให้เขาต้องมีส่วนร่วมในการแข่งขันระหว่างนางกับตระกูลเหยียน และขอโทษเฟิงเหยียนเรื่องที่นางปฏิบัติก่อนค่อยมาแจ้งทีหลังอย่างไรก็ตาม นางมาที่นี่เพื่อขอโทษ และนางก็ไม่ถือสาหรอกที่ว่าดูเขาอาบน้ำ เพิ่มความผิดอีกนิดแล้วค่อยขอน้อมรับผิดความผิดเยอะไม่กังวล จั๋วหยุดหันตัว บิดเอวแล้วหันกลับมาอีกครั้งเสียงของเฟิงเหยียนยังคงเย็นชา “ยังไม่ออกไปอีกหรือ”“อา…” จั๋วซือหรานพูดเบา ๆ “ท่านอ๋องเฟิง ข้าขอโทษที่ทำผิดไป เกรงว่าข้าคงจะต้องอยู่ที่นี่สักพัก”นางยื่นมือออกและชี้ไปที่ประตู "องครักษ์ของตระกูลเฟิงเข้มงวดมากเสียจริง และข้าก็ตกเป็นเป้าหมายของพวกเขา โชคดีที่ทักษะการเคลื่อนไหวของข้าค่อนข้างดี ไม่เช่นนั้น ข้าคงถูกจับไปแล้ว"เสียงของเฟิงเหยียนดังจากอ่างอาบน้ำ “เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่ถูกจับได้”จั๋วซือหรานฟังคำพูดของเขา ราวกับว่าเขากำลังบอกว่า เขาจะต้องให้นางถูกจับแน่ ๆ หากเขาอยากให้นางถูกจับ ก็ทำได้ง่าย ๆ แค่เขาตะโ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 28

    จั๋วซือหรานถอนสายตาออก "ข้าแค่อยากหลบหน่วยลาดตระเวน ไม่ได้ตั้งใจรบกวนการรักษาอาการของท่านอ๋อง ข้าขอโทษจากใจจริง"เมื่อเขาได้ยินคำว่า "การรักษาอาการ" เฟิงเหยียนก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงของเขายังคงไม่มีความอบอุ่น "เจ้ามีเหตุอันใดจึงมาที่จวนตระกูลเฟิง"จั๋วซือหรานนึกถึงการเดิมพันระหว่างนางและเหยียนชางและจุดประสงค์ในการการเดิมทางมาที่นี่เสียงของนางอ่อนลงเล็กน้อย “ข้ามาที่นี่เพื่อขอโทษท่านอ๋อง”เฟิงเหยียนมองนางด้วยสายตาเย็นชา “บุกเข้าเรือนคนอื่นในยามวิกาล เจ้ามาขอโทษจริงหรือ ”จั๋วซือหรานพูดด้วยความตื่นตระหนกว่า “มันคือเรื่องเร่งด่วน ข้าไม่อยากให้ท่านอ๋องรับรู้เหตุการณ์จากผู้อื่นในวันพรุ่งนี้ วิธีนี้อาจเสียมารยาทไปหน่อย มิทราบว่า ท่านอ๋องต้องการการขอโทษอย่างสัตย์จริงเช่นใด คราวหน้าจั๋วจิ่วจะระวัง”เฟิงเหยียนมองดูนางครู่หนึ่งแล้วพูดเบา ๆ “มอบศีรษะมาพบข้า ”จั๋วซือหราน "..."เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้สิจั๋วซือหรานเงียบไปครู่หนึ่งแล้วอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ให้แก่เฟิงเหยียนฟัง“หัาหน้าของห้องหมอหลวง เหยียนชางกล่าวหาว่า ข้าลักลอบฝึกฝนวิชาของตระกูลเหยียน เขากล่าวหาข้าแอบซ้อมวิชาการตร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 29

    หลังจากได้รับการอนุญาตจากเฟิงเหยียน จั๋วซือหรานก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อนางกระโดดลงจากกำแพงของจวนเฟิง ขาของนางก็อ่อนไร้เรี่ยวแรงจนนางต้องล้มลงกับพื้นร่างกายทุกส่วนของนางกำลังกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรงหน่วยสืบสวนพิเศษสมชื่อเสียจริง หน่วยงานนี้ถนัดในการใช้วิธีการทรมานเสียจริง วิธีการเหล่านั้น...ด้วยความสามารถในการฟื้นตัวของนาง จนถึงตอนนี้นางยังคงเจ็บปวดอยู่จั๋วซือหรานพลิกฝ่ามือของนาง และยาเม็ดสีขาวสองเม็ดก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของนาง นางใส่เข้าไปในปากของตนเองมีเงามืดแวบวับอยู่ที่มุมไกล จั๋วซือหรานสังเกตถึงเงานั้น ความจริงเมื่อนางออกมาจากตระกูลจั๋ว นางสังเกตเห็นว่า มีใครบางคนแอบมองนางอยู่ในความมืดจั๋วซือหรานรู้สึกต้องเป็นคนของหน่วยสืบสวนพิเศษแน่ ๆ ทันใดนั้นสมองของนางปรากฏภาพของชายลึกลับผู้หนึ่ง ชายผู้สวมชุดคลุมสีดำและหน้ากากเพลิงไฟชายผู้นั้นไม่ใช่คนธรรมดาเสียจริงอย่างไรก็ตาม คนที่ติดตามและแอบดูในความมืดไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าใกล้หรือทำร้ายนาง และด้วยสภาพของจั๋วซือหรานในปัจจุบัน นางไม่อยากสร้างปัญหาใหม่อีก นางเลยทำเป็นมองไม่เห็นหลังจากแอบเข้าไปในจวนเฟิง คนที่แอบตาม

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1146

    ให้ความรู้สึก...แปลกประหลาดมากๆจั๋วซือหรานมองออกถึงความคิดของผู้จัดการ เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า "เจ้าให้พนักงานนำไปก็พอ ม้าของข้าจะตามไปเอง""อย่างนี้นี่เอง" ผู้จัดการจึงส่งสายตาให้กับพนักงานพนักงานเข้ามานำม้าไปเรือนหลังโรงเตี๊ยมทันทีอันที่จริงสายตาเมื่อครู่นี้ของผู้จัดการ ยังมีความหมายอื่นอยู่ด้วยพนักงานเข้าใจเจตนาเป็นอย่างดี ความหมายของผู้จัดการคือ ให้เขาหาโอกาสมองดูในรถม้าด้วยว่ามีสถานการณ์แบบไหนพนักงานนำรถม้าไปถึงเรือนด้านหลัง จากนั้นก็สังเกตไปรอบๆ พอพบว่าไม่มีคนกำลังมองตนเองเขาก็เลยยื่นมือออกไปเลิกม่ารถม้าออกเบาๆ คิดจะเปิดดูว่าด้านในมีสถานการณ์อย่างไรตอนเพิ่งแง้มเปิดได้เล็กน้อย กระทั่งยังไม่ทันได้มองว่าเป็นอย่างไรความเจ็บปวดที่รุนแรงวูบหนึ่ง ก็ซัดเข้าใส่อวัยวะสัมผัสทั้งหมดของเขา พริบตานั้น เหมือนความคิดกับการคิดอ่านทั้งหมดหายไปจนหมดสิ้นความเจ็บปวด มีแต่ความเจ็บปวด"อ๊าๆๆๆ...!"พนักงานล้มลงพื้นร้องครวญคราง เขากรีดร้องอย่างน่าเวทนา กระทั่งแขกทั้งหมดก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน!และตอนนีเ้อง ผู้จัดการที่กำลังนำจั๋วซือหรานไปที่ห้องพักก็ได้ยินเสียงกรีดร้องน่าเวทนานี้ขึ้น

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1145

    ก่อนที่เหลียนเจินจะไปหาข่าว ก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่ค่อยวางใจว่า "คุณหนู ฟังออกว่าเมื่อครู่นี้พวกเขาจงใจพูดโรงเตี๊ยมสุ่ยอวิ๋นขึ้นมา ยิ่งไปจากนั้นดูจากชื่อก็เดาไม่ยากเลยว่าเกี่ยวข้องกับสำนักเมฆาวารีแน่ มันจะ...ไม่ค่อยปลอดภัยหรือเปล่า?"จั๋วซือหรานมองทางเขา ยิ้มขึ้นบางๆ "ข้าไม่ใช่มาเพื่อความปลอดภัยเสียหน่อย ต่อให้พวกเขาไม่พูด โรงเตี๊ยมสุ่ยอวิ๋นนี่พอฟังก็รู้แล้วว่าเกี่ยวข้องกับสำนักเมฆาวารี ข้าต้องไปอยู่แล้ว"เหลียนเจินก็ตระหนักขึ้นได้ว่าความเป็นห่วงของตนเองจะมากเกินไปแล้ว "ข้าน้อยจะไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้""ระวังตัวด้วย" จั๋วซือหรานยัดเจ้าก้อนเนื้อตัวหนึ่งให้เขา แต่พวกก้อนเนื้อหลังจากกินแมลงกู่ในหลุมฆ่านั่นก็ยังหลับลึกอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าใกล้จะยกระดับแล้วหรือยังตามหลักการ น่าจะให้พวกมันหลับลึกในมิติน้ำพุวิเศษต่อไป เพราะสำหรับพวกมันแล้ว มิติน้ำพุวิเศษเป็นสถานที่ที่สบายมากที่สุดแต่ตอนนี้ถึงอย่างไรก็อยู่ในรังศัตรูจั๋วซือหรานครุ่นคิด จากนั้นก็หยิบเจ้าก้อนเนื้อตัวหนึ่งออกมา ยัดเข้าไปในเสื้อผ้าเหลียนเจิน"คุณหนู นี่คือ...""แมลงกู่ของข้า แต่ว่าตอนนี้มันกำลังหลับลึก เจ้าพยายามอย่าให้เกิดเรื่องอะไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1144

    "อะไรนะ?!" บนหน้าคนๆนี้มีความโกรธขึ้นมาแล้ว "เจ้าว่าอะไรนะ?"จั๋วซือหรานหัวเราะพรวด "ข้าบอกว่า เจ้าน่าจะตาบอด ทำไม? ยังฟังไม่ชัดหรือ? ดังนั้นใครกันแน่ที่หูหนวก..."คนคนนี้น่าจะเป็นคนสำนักเมฆาวารี อยู่ในเมืองอวิ๋นคงได้รับการเคารพมาตลอด เกรงว่าคงจะยังไม่เคยเจอสถานการณ์ปฏิบัติด้วยเช่นนี้ชั่วขณะหนึ่งยังไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับคำพูดจั๋วซือหรานอย่างไร!เสียงของจั๋วซือหรานยังคงเย็นเยียบ เอ่ยต่อว่า "ป้ายผ่านทางของข้าอยู่ในมือเจ้าแล้ว ข้างบนเขียนตัวตนของข้าอยู่ชัดๆ แต่เจ้า เป็นแค่ประชาชนที่ไม่มีตำแหน่งไม่มีตัวตนฐานะ คนแบบเจ้า ในเมืองหลวงยังต้องมาคุกเข่าคารวะต่อหน้าข้าด้วยซ้ำ เจ้ามันใครกัน...กล้ามีท่าทีแบบนี้กับข้าเรอะ?"ดวงตาของคนผู้นี้ถลึงกลมขึ้นมาทันที "เจ้าว่าอะไรนะ?""ฟังภาษาคนไม่ออกหรือไร?" จั๋วซือหรานเหลือบมองเขาเย็นชา "หรือจะบอกว่า ที่นี่เป็นพื้นที่ของสำนักเมฆาวารี ไม่ถูกควบคุมด้วยกฏเกณฑ์ของราชสำนัก?"คนผู้นี้ถูกจั๋วซือหรานทำให้โกรธจัด ดูแล้วเหมือนจะโต้กลับทันทีคนคุ้มกันข้างกายเขายื่นมือมาขวางไว้ จากนั้นก็ยิ้มให้กับจั๋วซือหราน"ใต้เท้าโปรดระงับโกรธด้วย ท่านกล่าวเกินไปแล้ว! เมืองอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1143

    จั๋วซือหรานก่อนหน้านี้ได้ยินคนสำนักเมฆาวารีที่เป็นเชลยจากด่านกระดูกแพะก่อนหน้านี้แล้ว ว่าเมืองอวิ๋นถึงแม้จะเป็นเมือง แต่เนื่องจากสำนักเมฆาวารีอยู่ในเนินเขาเมฆาวารีเขตเมืองอวิ๋นเมืองอวิ๋นในความด้านรู้สึกจึงเหมือนเป็นพื้นที่ส่วนตัวของสำนักเมฆาวารีต่อมาจึงได้รับการยืนยันมากขึ้นจากปากของเหลียนเจิน"วัตถุดิบอาหาร วัตถุดิบยา ความต้องการต่างๆ ของสำนักเมฆาวารี ก็ล้วนเข้ามาขอจากเมืองอวิ๋นก่อนเป็นที่แรก ดังนั้นพูดแบบนี้แล้วกัน...เมืองอวิ๋นนั้นแทบเรียกได้ว่ามีสำนักเมฆาวารีเลี้ยงดูอยู่"ดังนั้นถึงได้พูดกันว่าเมืองอวิ๋นเป็นเหมือนพื้นที่ส่วนตัวของสำนักเมฆาวารีถ้าเปลี่ยนคำพูด ขอแค่อยู่ในเมืองอวิ๋น กระทั่งไม่ต้องใช้ไปเนินเขาเมฆาวารีด้วยซ้ำ ความเสี่ยงก็ยังสูงกว่าอยู่ในเมืองหยางหลายเท่าจั๋วซือหรานเข้าใจเหตุผลนี้อยู่แล้วดูจากคนคุ้มกันประตูเมืองก็มองเห็นเงาของสำนักเมฆาวารีได้ไม่ยากคนคุ้มกันเมืองหยาง ดูแล้วอย่างน้อยก็ยังเป็นคนของราชสำนัก แต่คนคุ้มกันเมืองอวิ๋น นอกจากคนในราชสำนักแล้ว ยังมีคนในเครื่องแบบสำนักเมฆาวารีบางส่วนอยู่ด้วย คอยติดตามอยู่ข้างๆไม่รู้ว่ามาคอยช่วยเหลือ หรือมาคอยจับตาดูร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1142

    จั๋วซือหรานไม่มีเรื่องอื่นให้ทำ จึงเริ่มตั้งใจค้นคว้าหุ่นเชิดความมืดอย่างจริงจังแม้จะบอกว่าไม่เหมือนคืนนั้น ที่มีพลังวิญญาณความร้อนของใครบางคนคอยขับไล่ความเย็นเยือกให้แต่น่าจะเพราะคนนั้นก่อนหน้านี้คอยเฝ้านางอยู่ทั้งคืน จึงยังพอเหลือประสิทธิภาพอยู่บ้างบวกกับว่า หลังจากที่จั๋วซือหรานค้นคว้าหุ่นเชิดความมืดมานาน เริ่มจะพอคลำๆคุณสมบัติมันได้บ้างแล้วดังนั้น จั๋วซือหรานรูสึกว่า ตนเองน่าจะมีปัญหาไม่มากนักเพียงแต่ว่า นางนำตลับหุ่นเชิด...หรือก็คือที่คุณชายเยี่ยนทิ้งไว้ให้ ตลับหุ่นเชิดที่รื้อออกมาจากบนตัวผู้ดูแลชุยพอเปิดออก ตอนที่ปล่อยหุ่นเชิดความมืดที่ปิดผนึกอยู่ด้านในออกมาจั๋วซือหรานยังรู้สึกตกตะลึงอยู่"นายท่าน นี่มัน..." ราชาแมงมุมหน้าผีเองก็เห็นสถานการณ์นี้ รู้สึกประหลาดใจหน่อยๆจั๋วซือหรานมองหุ่นเชิดความมืดที่ออกมาจากในตลับหุ่นเชิดนี้ เป็นเหมือนกับหุ่นเชิดความที่ได้มาก่อนหน้าตัวนั้น ใส่หุ่นเชิดความมืดเอาไว้ตามหลักการแล้วจะต้องมีปราณหยินอยู่มหาศาล กระทั่งพลังเย็นเยือกยังส่งผลกระทบต่อตัวคนอีกด้วยแต่พอเปิดตลับหุ่นเชิดนี้แล้วปล่อยหุ่นเชิดความมืดออกมา กลับไม่มีกลิ่นอายพลังเย็

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1141

    "ได้ๆๆ กินไปๆๆ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นอย่างจนใจเทียบกับแมลงกู่ในหลุมฆ่าเหล่านี้ที่ไม่รู้ว่าจะหลอมเป็นนางพญากู่แบบไหน จั๋วซือหรานก็ยังเอ็นดูเจ้าก้อนเนื้อทั้งเจ็ดของตนเองมากกว่า ถึงอย่างไรก็มีความรู้สึกต่อกันนี่นะแม้จะบอกว่าสำหรับแมลงกู่ในหลุมฆ่าพวกนี้ จั๋วซือหรานอันที่จริงก็รู้สึกสนใจอยากจะเปิดกล่องสุ่มดูเหมือนกันแต่ก็ทนดูสภาพน้ำลายสออขงเจ้เาจ็ดตัวนี้ไม่ได้จริงๆความรู้สึกนี้เหมือนกำลังมองเด็กๆ บ้านตัวเองแอบจ้องอาหารในชามคนอื่นจนน้ำลายไหลอย่างไรอย่างนั้น...จั๋วซือหรานยังพูดไม่ทันขาดคำ เจ้าเจ็ดตัวนุ่มนิ่มหนุบหนับตรงหน้านางที่ดูอารมณ์ดีสุดๆ นี้ก็กางฟันแหลมคมของพวกมันเองออกมาในพริบตา ดูดุร้ายมากยื่นไหมกู่ที่คมกริบออกไปฉับพลัน!จั๋วซือหรานถอนใจ เดินไปอยู่ข้างๆ ไม่รบกวนการกินของพวกมันบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนยังคงเบ่งบานได้ไม่เลว ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่เหมือนตอนที่อยู่ในป่าด้วย ที่ส่งผลกระทบกับพื้นที่ออกไปกว้างๆเพียงแค่แผ่ออกไปเป็นรัศมีประมาณบ้านหลังหนึ่งจากจุดที่มันอยู่เท่านั้น ที่มีหมอกพิษของป่าปกคลุมอยู่แมงมุมของนางล้อมอยู่รอบๆ ต้นไม้ต้นนี้ อยู่ในหมอกพิษของมัน ราวกับกลาย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1140

    "ความเร็วนี้ยังพอไหว พยายามไปให้ถึงเขตเมืองอวิ๋นในช่วงค่ำให้ได้" จั๋วซือหรานเอ่ยกำชับ"รับทราบ" เหลียนเจินขานรับจั๋วซือหรานเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง "พวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ยังไหวไหม?"เหลียนเจินซาบซึ้งขึ้นในใจ รู้ว่านายท่านเป็นห่วงสุขภาพของพวกเขา ถึงอย่างไรก่อนหน้าที่จะถูกนางรับตัวมา พวกเขาก็เพิ่งจะผ่านการทรมานของเหอจื้อหย่วนไป"นายท่านวิชาแพทย์ยอดเยี่ยม ใช้ยาได้ราวกับเทพ พวกข้าน้อยฟื้นฟูได้ระดับหนึ่งแล้ว นายท่านวางใจได้เลย พวกข้าน้อยจะไม่ทำให้งานของนายท่านล่าช้าแน่" เหลียนเจินเอ่ยขึ้นเสียงขรึมเขาเองก็รู้สาเหตุและเหตุผลการเดินทางครั้งนี้ของนายท่านจากเจิ้นเจียงแล้ว เข้าใจความรู้สึกของนายท่านดีจั๋วซือหรานพยักหน้า "อืม ถ้าอย่างนั้นก็ดี"สายตานางเหลือบมองไปด้านหลัง เอ่ยกับเหลียนเจินว่า "ท้ายสุดแล้ว พวกเจ้าก็เป็นคนของข้า แล้วข้าเองก็ดีกับคนของข้ามาโดยตลอด ดังนั้นถ้าหากพวกเจ้ามีตรงไหนไม่ค่อยดี ก็ไม่ต้องเอาแต่ทนไว้"จั๋วซือหรานยิ้มๆ "รีบขึ้นรถม้าไปพักผ่อนซะ แล้วให้เจ้าพวกบนรถม้านั่นลงมาวิ่งตามรถก็พอ"บนใบหน้าเคร่งขรึมของเหลียนเจิน ผ่อนคลายลงมาเพราะคำนี้ของนายท่าน เผยรอยยิ้มออกมา"รู

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1139

    มนุษย์กู่ แค่ฟังจากชื่อ ก็น่าจะไม่ใช่ตัวเลือกอะไรที่น่ายอมรับแล้วแต่มนุษย์เราก็เป็นแบบนี้ มักจะถูกครอบงำได้ง่ายจากปรากฏการณ์รื้อหน้าต่างแม้ว่ามนุษย์กู่จะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีมาก แต่ขณะเผชิญหน้าความตาย ก็เหมือนจะเปลี่ยนเป็นอะไรที่ไม่ได้ยอมรับยากขนาดนั้นแล้วผู้จัดการพยักหน้าแทบไม่ทัน รีบร้อนตอบว่า "มนุษย์กู่! ข้ายอมกลายเป็มนุษย์กู่ของท่าน!"เมืองหยางถึงอย่างไรก็เป็นเมืองที่อยู่ใกล้พรมแดนใต้ ดังนั้นจึงค่อนข้างเข้าใจต่อพิษกู่ดังนั้นจึงเข้าใจคร่าวๆ แม้พิษกู่จะรุนแรงมาก แต่ปรมาจารย์กู่ถ้าหากใส่กู่เข้าไปในมนุษย์กู่ที่ตนเองเลี้ยง ก็จะไม่ทำให้ตายไปอย่งแท้จริง ดังนั้นภายใต้สถานการณ์ปกติ จะต้องเจ็บตัวบ้าง แต่ก็ไม่ถึงชีวิตปันอวิ๋นเดิมทีก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว มองออกได้ไม่ยากแต่หลังจากที่ผู้จัดการพยักหน้าหงึกหงัก อารมณ์เขาก็เหมือนจะผ่อนคลายลงมาพอควรผู้จัดการเห็นตราประทับกู่ในมือเขา ปรทับลงมาบนตัวตนเองแม้ใจจะหวาดกลัว แต่ก็ไม่กล้าขยับตัวซี้ซั้วรู้สึกแค่ว่าที่หลังคอเหมือนถูกอะไรบางอย่างเล็กๆ แทงเข้ามา ไม่ได้เจ็บปวดอะไรนัก"เอาล่ะ ตัวข้ายังมีเรื่องต้องไปทำ เท่านี้ก่อนแล้วกัน" ปันอวิ๋นเอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1138

    เสียงของเขาดูไม่ได้ใส่ใจนัก "โอ้ ล้มเหลวไปแล้ว""เจ้าขยะ" ในน้ำเสียงอีกด้านมีความรู้สึกที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด "เจ้าเฟิงเหยียนนั่นอย่างน้อยก็ยังรู้จักให้ความร่วมมือลบความทรงจำทิ้ง แต่เจ้า แค่ให้ไปปล้นก็ยังไม่สำเร็จ เจ้ามันขยะกว่าเขาเสียอีก"ปันอวิ๋นพอได้ยิน มุมปากยังคงเป็นเส้นโค้งที่ดูประชดประชัน ในดวงตาไม่มีความอบอุ่นใดอยู่อีกด้านไม่รอเขาตอบ เอ่ยต่อมาว่า "ดังนั้นตอนแรกพวกเราถึงให้หลงเฉินเลือกเฟิงเหยียนไม่เลือกเจ้าไงล่ะ ดูท่าจะไม่ได้เลือกผิด"เส้นโค้งประชดประชันเหล่านั้นของมุมปากปันอวิ๋นลดลงมา ความอบอุ่นในดวงตาเย็นเยียบไปแล้วอย่างสิ้นเชิงเพียงแต่น้ำเสียงฟังแล้วยังดูนิ่งไม่มีความผันผวนใด ราวกับไม่มีอารมณ์ใดๆ อยู่"แต่ตอนนี้พวกเจ้าก็ยังต้องให้ข้ามาจัดการความยุ่งยากของเฟิงเหยียน" ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ"แล้วเจ้าจัดการแล้วหรือยัง? ให้เจ้าไปปล้นมาก็ยังทำไม่ได้" เสียงจากอีกด้านหัวเราะเย็นชาขึ้นมาแต่ปันอวิ๋นก็หัวเราะขึ้นเบาๆ ดูนิ่งมาก "ข้าเป็นพวกเมตตาต่อสตรีนะ เรื่องปล้นอะไรไม่ถนัดหรอก แต่ยังพอเปลี่ยนวิธีแก้ไขความยุ่งยากได้""เจ้ายังมีวิธีอะไรอีก? อย่าคิดว่าตัวเองฉลาดนักเล

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status