“บังอาจ พวกเจ้าอยากทำอะไร” ซือคงเซี่ยนพูดด้วยความโกรธจั๋วซือหรานไม่คาดคิดว่า จะมีคนกล้าทำเช่นนี้ต่อหน้าพระราชวัง และกล้าทำเช่นนี้ภายใต้สายตาขององค์ชายเจ็ด ท่านอ๋องเซี่ยน ดังนั้นนางจึงไม่ได้เตรียมพร้อมเมื่อนางตระหนักถึงอันตราย มือของนางก็ถูกจับไว้อยู่ข้างหลังแล้วเสียง คะตะ ดังขึ้นขั้นแรก มีแหวนโลหะคล้อมมือของนางไว้ด้านหลัง และแหวนโลหะอีกวงคล้องคอของนางไว้จั๋วซือหรานไม่รู้แหวนโลหะนั้นทำจากวัสดุอะไร มันช่างเย็นเหลือเกิน"พวกเจ้า..." แววตาของจั๋วซือหรานเป็นประกาย นางพยายามดิ้นรน แต่นางกลับไม่สามารถใช้พลังจิตและศิลปะการต่อสู้โบราณของตนเองได้เลย ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุดชายที่สวมชุดดำพูดอย่างเย็นชา "อย่าเสียแรงเปล่า ๆ เลย ไปกับพวกเราเลย"เขาเอามือของตัวเองกดหลังของจัวซือหรานอย่างแรง และมีพลังภายในอะไรบางอย่างทะลุเข้าไปในร่างกายของจั๋วซือหราน"อื้อนางถอนหายใจเข้าและฮึมเสียงหนึ่งที ทันใดนั้น ลำคอของนางมีรสหวานและรสคาวก็พรั่งพรูออกมา และรอยเลือดสีสดก็ไหลออกจากมุมริมฝีปากของนาง“พวกเจ้าช่างกล้าเสียจริง” ซือคงเซี่ยนเกรี้ยวโกรธ แต่ชั่วพริลตาเดียว เขามองไปที่แหวนโลหะที่อยู่รอบคอของจั๋ว
“อื้อ...” นางกลั้นเสียงร้องอันเจ็บปวดในลำคอ ริมฝีปากถูกนางกัดจนเป็นเศษชิ้นเล็ก ๆ และมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของนางท่านอ๋องเซี่ยนพูดจริงด้วย หน่วยสืบสวนพิเศษชอบใช้วิธีโหดเหี้ยมมาสอบสวนคนเสียจริงทันทีที่เม็ดยาละลายในปากของจั๋วซือหราน นางก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่า มันเป็นยาที่ช่วยให้ผู้คนตื่นตัวและเพิ่มการรับรู้ความรู้สึกทางประสาทสัมผัสทั้งห้า โดยปกติแล้ว ยานี้สามารถช่วยกระตุ้นสมอง ให้สมองสดชื่นและฉลาดแต่หากใช้ก่อนการลงโทษ คนที่ได้รับการลงโทษจะต้องรับความเจ็บไว้ขณะที่ยังมีสติอยู่ เพราะยานี้ทำให้คนมีสติตลอดและขยายความรู้สึกเจ็บปวดให้เป็นร้อย ๆ เท่าพลังที่กำเริบในร่างกายของนางดั่งไฟที่โหมกระหน่ำ ราวกับว่าพลังนั้นจะเผานางให้ไหม้มีผู้ชายที่สวมชุดดำเดินเข้ามา และในมือของเขา เขาได้ถือดาบที่รนด้วยเพลิงเสียงไร้อารมณ์“จั๋วซือหราน มีคนฟ้องเจ้าทำการรักษาโรคให้กับไทเฮาโดยไม่ได้รับป้ายอนุญาตหมอ เรื่องนี้จริงหรือไม่”จั๋วซือหรานกระตุกริมฝีปากของนางแล้วตอบ "จริง"อย่างที่นางเดาไว้เสียจริง นางเงยหน้ามองดูชายที่สวมชุดดำตรงหน้านาง “เหยียนชางอยู่ที่ใด ช่างกล้าฟ้องเรื่องเท็จ แต่กลับไม่กล้ามา
“...อยากทรมานข้าจนให้ข้ายอมแพ้หรือ เจ้าฝันไปเถิด” จั๋วซือหรานกัดฟันเพื่ออดความเจ็บปวดอันแสนสาหัสไว้ ดวงตาของนางแดงก่ำ แต่นางไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียวไหลออก“เจ้าบังอาจ” เหยียนชางโกรธและตะโกน เขารีบไปาถามซือหลี่ฉือหางด้วยความกังวล “ท่านสบายดีไหมขอรับ เด็กคนนี้ไม่มีมารยาทและไม่รู้จักความผิด ท่านอย่าอ่อนมือกับนางเลย”ซือหลี่ฉือหางเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดของสกปรกที่อยู่ใบนบหน้าของเขา เขามีสีหน้าที่แย่มาก เขามองชายชุดดำที่อยู่ด้านข้างเขาและพยักหน้า"หึ--!"จั๋วซือหรานเม้มริมฝีปากของนางไว้แน่น แต่นางเจ็บเหลือเกินจนนางต้องครวญครางเหยียนชางเห็นแผนการเลวร้ายของเขาประสบความสำเร็จแล้ว เขาดีใจและยิ้ม เขาดูร่างกายของจั๋วซือหรานถูกผ่าเป็นรอยแผลหลายเส้นวิธีการสอบสวนของหน่วยสืบสวนพิเศษไม่ธรรมดาจริง ๆ พวกเขาใช้มีดร้อนแดงบาดแผลออก และแผลจะออกเลือดไม่มาก ฉะนนั้น ผู้ต้องสงสัยจะไม่มีเสียชีวิตจากการเสียเลือดจั๋วซือหรานในฐานะที่เป็นผู้ที่มีความสารมารถชั้นนำของตระกูลจั๋ว นางมีความสามารถการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง และบาดแผลของนางก็ตกสะเก็ดอย่างรวดเร็ว คนมักรู้สึกว่าแผลของนางหายสนิทในเวลาอันสั้น ดังนั้นเพชฌฆาตจึง
เหยียนชางรู้สึกตึงเครียดเล็กน้อย เขารู้ตำแหน่งของผู้นี้ได้ จึงรีบก้มหัวและพูดอย่างสุภาพ "ท่านซือเจิ้งขอรับ"เหยียนชางไม่คาดคิดว่า เรื่องเล็กน้อยเพียงเช่นนี้ ทำไมผู้ใหญ่ท่านนี้ต้องมาด้วยชายที่สวมชุดคลุมสีดำและสวมหน้ากากลายเปลวไฟโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย เขาถามจั๋วซือหราน “ทำไมเจ้าไม่ยิมรับผิดล่ะ เพียงแค่เจ้าณพยักหน้าและสารภาพ เจ้าก็ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีก แค่ประดยคเดียว”เสียงนั้นถูกหน้ากากบังไว้ ซึ่งทำให้คนรู้สึกเสียงทุ้มนั้นไม่ใช่เสียงจริงจั๋วซือหรานก้มศีรษะลง เลือดไหลออกจากปากของนาง และไหลลงบนพื้น นางหายใจเข้าและพูดด้วยเสียงแหบแห้ง ” วิชาการรักษาโรคคือความสามารถในการช่วยชีวิตผู้คน เดิมทีวิชานี้ควรรวบรวมจากหลายที่หลายสาย ตระกูลเหยียนปิดบังวิชานี้ ความสามารถสู้คนอื่มิได้ ยังกลับใส่ร้ายคนอื่นอีก เหตุใดข้าต้องยอมรับผิด “จั๋วซือหรานยกมุมปากของนางาขึ้นและเย้ยหยัน "เพียงเพราะ เหยียนชางมาฟ้องร้องกับพวกเจ้า..ก่อนข้าหรือ"“เจ้าหมายความว่า พวกข้าฟังความข้างเดียวเช่นนั้นหรือ” ซือเจิ้งของหน่วยงานสืบสวนพิเศษผู้นี้ถาม “เช่นนั้น ข้าจะให้โอกาสเจ้าครางหนึ่ง เจ้าจะได้แก้ตัว เจ้าจะพิสูจน์ได้อย่า
สายตาการจ้องมองของเขาแรงมากจนจั๋วซือหรานสังเกตถึงและหันไปมองเขาสีหน้าของเหยียนชางดูแย่เหลือเกิน นางรู้ 'อาการป่วยเรื้อรัง' ของท่านอ๋องยเฟิงได้อย่างไรอาการของของเฟิงเหยียน นอกจากผู้เฒ่าที่น่านับถือของตระกูลเฟิงและตระกูลเหยียน ผู้ที่รู้มีจำนวนไม่มากผู้เฒ่าของตระกูลจั๋ว อาจรู้เพียงเล็กน้อยเนื่องจากสองครอบครัวนี้มีสัญญาการหมั้นกันนางรู้ได้อย่างไรเหยียนชางพูดอย่างจนปัญญา "หาเรื่องกับตระกูลเหยียนของเรายังไม่เพียงพออีก เจ้าอยากให้ตระกูลเฟิงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอีกหรือ"จั๋วซือหรานเห็นเขาฟ้องร้องเช่นนี้ นางไม่โกรธ "ก่อนหน้านี้ หัวหน้าเหยียนกลัวจะแก้ไขยาก จะอายคนอื่นมิใช่หรือ ข้าจะช่วยรท่าน ท่านชอบเล่นการใหญ่หรือ เช่นนั้นพวกเราก็เริ่มการใหญ่กันเถอะ ”เหยียนชางอึ้งเลย "..."สีหน้าของเขาจากซีดกลายเป็นสีแดง และสีหน้าของเขาน่าดูมากเขาพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง จั๋วซือหรานกลายเป็นผู้นำไปซะแล้วจั๋วซือหรานมองไปที่ซือหลี่ไม่กี่คนนั้นและซือเจิ้งที่มีดวงตาเป็นประกาย"ข้าขอให้พวกเจ้าทุกคนเป็นพยานด้วย ในอีกสี่วัน ข้าจะแข่งกับคุรชายเหยียนฉีในด้านทักษะทางการแพทย์ และพวกเราจะวินิจฉัยและรักษาท่านอ
“เช่นนั้น ข้ามีเรื่องหนึ่งคงต้องรบกวนท่านอ๋อง…”หลังจากที่จั๋วซือหรานฝากเรื่องกับซือคงเซี่ยน ตัวนางเองนั้นก็กลับบ้านด้วยความรู้สึกสบายขึ้นด้านหลังนาง บนชายคาหอคอยดำของหน่วยสืบสวนพิเศษมีร่างสูงยาวของผู้หนึ่ง คนผู้นี้สวมชุดสีดำและสวมหน้ากากที่มีลวดลายเปลวไฟบนใบหน้าเขามองดูเส้นทางที่ร่างบางนั้นเดินมีคนเดินเข้ามาหาเขาด้วยท่าทางที่แสดงความเคารพ คนผู้นั้นถือกระบี่ยาวที่มีรายเรียบง่ายด้วยมือทั้งสองข้าง “ท่านขอรับ”“อืม” เสียงต่ำของเขาดังจากภายใต้หน้ากาก เขาเอื้อมมือหยิบกระบี่ยาว และห้อยไว้ที่เอว ด้ามจับของกระบี่นั้นถูกสลักด้วยอักษรหนึ่งตัว ‘เหยียน’ เขาค่อย ๆ ถอดหน้ากากบนใบหน้าออก ด้วยมืออีกข้างหนึ่ง จึงเผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา“ช่วงนี้ติดตามตัวนางไว้ก่อน ระวังอย่าให้ใครจับได้ และดูว่านางต้องการจะทำอะไร” เขาสั่งด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม“รับทราบ“*ในยามค่ำคืน เสียงกระดิ่งข้างนอกแสดงให้ว่า เป็นเวลาเที่ยงคืน จั๋วซือหรานลุกขึ้นจากเตียง นางสวมชุดสีดำและเดินออกจากเรือนจั๋วอย่างเงียบ ๆ นางเดินไปตามถนนราวกับเทพยาดาในยามค่ำคืน เวลาผ่านไปไม่มาก ก็ถึงจุดมุ่งหมายของนางเรือนหลังใหญ่ ก
จั๋วซือหรานฟังความเด็ดเดี่ยวจากน้ำเสียงของชายคนนั้นออก นางตัดสินใจหันหลังและเดินออกไปในทันที แต่พวกลาดตระเวนด้านนอกก็เข้ามาใกล้แล้วเดิมทีนางมาที่นี่เพื่อขอโทษเฟิงเหยียน ขอโทษที่ทำให้เขาต้องมีส่วนร่วมในการแข่งขันระหว่างนางกับตระกูลเหยียน และขอโทษเฟิงเหยียนเรื่องที่นางปฏิบัติก่อนค่อยมาแจ้งทีหลังอย่างไรก็ตาม นางมาที่นี่เพื่อขอโทษ และนางก็ไม่ถือสาหรอกที่ว่าดูเขาอาบน้ำ เพิ่มความผิดอีกนิดแล้วค่อยขอน้อมรับผิดความผิดเยอะไม่กังวล จั๋วหยุดหันตัว บิดเอวแล้วหันกลับมาอีกครั้งเสียงของเฟิงเหยียนยังคงเย็นชา “ยังไม่ออกไปอีกหรือ”“อา…” จั๋วซือหรานพูดเบา ๆ “ท่านอ๋องเฟิง ข้าขอโทษที่ทำผิดไป เกรงว่าข้าคงจะต้องอยู่ที่นี่สักพัก”นางยื่นมือออกและชี้ไปที่ประตู "องครักษ์ของตระกูลเฟิงเข้มงวดมากเสียจริง และข้าก็ตกเป็นเป้าหมายของพวกเขา โชคดีที่ทักษะการเคลื่อนไหวของข้าค่อนข้างดี ไม่เช่นนั้น ข้าคงถูกจับไปแล้ว"เสียงของเฟิงเหยียนดังจากอ่างอาบน้ำ “เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่ถูกจับได้”จั๋วซือหรานฟังคำพูดของเขา ราวกับว่าเขากำลังบอกว่า เขาจะต้องให้นางถูกจับแน่ ๆ หากเขาอยากให้นางถูกจับ ก็ทำได้ง่าย ๆ แค่เขาตะโ
จั๋วซือหรานถอนสายตาออก "ข้าแค่อยากหลบหน่วยลาดตระเวน ไม่ได้ตั้งใจรบกวนการรักษาอาการของท่านอ๋อง ข้าขอโทษจากใจจริง"เมื่อเขาได้ยินคำว่า "การรักษาอาการ" เฟิงเหยียนก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงของเขายังคงไม่มีความอบอุ่น "เจ้ามีเหตุอันใดจึงมาที่จวนตระกูลเฟิง"จั๋วซือหรานนึกถึงการเดิมพันระหว่างนางและเหยียนชางและจุดประสงค์ในการการเดิมทางมาที่นี่เสียงของนางอ่อนลงเล็กน้อย “ข้ามาที่นี่เพื่อขอโทษท่านอ๋อง”เฟิงเหยียนมองนางด้วยสายตาเย็นชา “บุกเข้าเรือนคนอื่นในยามวิกาล เจ้ามาขอโทษจริงหรือ ”จั๋วซือหรานพูดด้วยความตื่นตระหนกว่า “มันคือเรื่องเร่งด่วน ข้าไม่อยากให้ท่านอ๋องรับรู้เหตุการณ์จากผู้อื่นในวันพรุ่งนี้ วิธีนี้อาจเสียมารยาทไปหน่อย มิทราบว่า ท่านอ๋องต้องการการขอโทษอย่างสัตย์จริงเช่นใด คราวหน้าจั๋วจิ่วจะระวัง”เฟิงเหยียนมองดูนางครู่หนึ่งแล้วพูดเบา ๆ “มอบศีรษะมาพบข้า ”จั๋วซือหราน "..."เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้สิจั๋วซือหรานเงียบไปครู่หนึ่งแล้วอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ให้แก่เฟิงเหยียนฟัง“หัาหน้าของห้องหมอหลวง เหยียนชางกล่าวหาว่า ข้าลักลอบฝึกฝนวิชาของตระกูลเหยียน เขากล่าวหาข้าแอบซ้อมวิชาการตร
บนหน้าที่เหมือนศพแห้ง เผยให้เห็นรอยยิ้มน่าขนลุก "ตายซะ ตาย!"จั๋วซือหรานมองท่าทางนี้ของเขา โดยเฉพาะระฆังที่ดังขึ้นอย่างบ้าคลั่งนั่นนางจุ๊ปากเบาๆ "ถ้าข้าไม่ใช้เครื่องมืออะไรบ้าง ก็คงจะผิดต่อเจ้าที่สั่นกระดิ่งดั่งลั่นขนาดนี้"หลังจากนั้น จั๋วซือหรานพลิกข้อมือ ในฝ่ามือขาวนวล ปรากฏขลุ่ยสั้นมาเลาหนึ่ง!ขลุ่ยสั้นเลานี้ดูเหมือนทั้งเลาจะเปล่งประกายหลากสีราวกับเคลือบน้ำมัน สวยงามอย่างน่าพิศวง!ยิ่งไปกว่านั้นแค่มองก็...หวงเจี้ยนถังถลึงตากลมโต "นี่คือ..."เขามองออกแล้ว "...อาวุธกู่?"ยิ่งไปกว่านั้นคุณภาพก็ดูไม่เลวเลย ถ้าหากเป็นอาวุธกู่จริง แล้วเป็นพวกที่ยอมรับเจ้านายล่ะก็ ก็ต้องทำการหลอมสกัดขึ้นมาเองอย่างน้อยนี่ก็อธิบายได้ ว่าหญิงสาวคนนี้ต่อให้ฝีมือในการหลอมวัตถุ ก็ยังยอดเยี่ยม!หวงเจี้ยนถังอดคิดขึ้นมาอีกไม่ได้ นี่เป็นแค่...หญิงสาวคนหนึ่งเท่านั้น!แล้วก็โมโหกว่าเดิมเดิมทียังคิดว่าตนเองจะแพ้แค่ด้านวิชาหุ่นเชิดเท่านั้น แค่ตนเองมีพรสวรรค์ไม่พอ หรืออาจจะเดินผิดเส้นทางเท่านั้นแต่อย่างน้อยฝีมือด้านการหลอมวัตถุก็ยังยอดเยี่ยมอยู่แต่ตอนนี้พอเห็น บางทีในด้านหลอมวัตถุ ตนเองก็ไม่แน่ว่าจะไ
หวงเจี้ยนถังรู้สึกว่า ที่พึ่งตอนนี้ของจั๋วซือหรานคือคนสำนักเมฆาวารีและคุณชายฉินที่ถูกนางควบคุมอยู่เหล่านี้คนเหล่านี้จะทำอะไรได้ อย่าว่าแต่เจ็ดคนนี้เลย ต่อให้มาอีกสักสิบคน ก็ไม่ใช่คู่มือหุ่นเชิดความมืดของเขาสำหรับเรื่องนี้ หวงเจี้ยนถังมีความมั่นใจอยู่แม้จะบอกว่าเขาถูกจั๋วซือหรานทำให้เสียความมั่นใจในด้านวิชาหุ่นเชิดแต่ในด้านการหลอมสกัดหุ่นเชิด ด้านคุณสมบัติหุ่นเชิด หวงเจี้ยนถังก็ไม่ประหม่าเท่าไรนักความหยิ่งผยองในตอนนี้ ถือว่ามีรากฐานที่แข็งแกร่งอยู่จั๋วซือหรานไม่ตอบสนองอะไรต่อสายตาและคำพูดยิ้มเยาะของหวงเจี้ยนถังเลยแค่มองดูสถานการณ์ตรงหน้าเงียบๆด้วยความโกรธแค้นและชิงชังต่อนางของหวงเจี้ยนถัง จึงไม่มีการถ่วงเวลาอะไรทั้งสิ้น การต่อสู้เริ่มขึ้นทันทีหุ่นเชิดความมืดพวกนั้นพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วและมิน่าที่หวงเจี้ยนถังมั่นใจขนาดนั้น หุ่นเชิดความมืดเหล่านี้ล้วนเป็นของดีทั้งสิ้น!จั๋วซือหรานจะมีแค่ตาเดียวก็ยังพิจารณาได้ ว่าหุ่นเชิดความมืดพวกนี้ไม่ใช่ของธรรมดาอย่างน้อยก็ดีกว่าหุ่นเชิดความมืดที่ได้มาจากผู้เฒ่าเหอ รวมถึงหุ่นเชิดความมืดที่ได้จากผู้ดูแลชุยต่อมาด้วยมองผาดเดียวก็ม
จ้องจั๋วซือหรานเขม็ง"มีสิทธิ์อะไร...มีสิทธิ์อะไร....หึ หึๆๆๆ...ฮ่าๆๆๆ!"เขาหัวเราะขึ้นอย่างบ้าคลั่ง สายตาจ้องมาทางจั๋วซือหรานเป็นระยะ "มีสิทธิ์อะไร...ข้าทุ่มเทมาหลายสิบปี! แต่หญิงสาวคนเดียวก็ยังสู้ไม่ได้เหรอ! มีสิทธิ์อะไร?! ข้าไม่เชื่อ! ข้าไม่เชื่อ! สวรรค์ทอดทิ้งข้า!"หลังจากนั้น ในมือเขาก็มีเสียงวูม! มีตลับหุ่นเชิดโผล่มาอีกหลายตลับ!ยิ่งไปกว่านั้นอักขระคำสาปประหลาดบนนั้น จั๋วซือหรานใช้ความเข้าใจต่อการคัดลอกอักขระคำสาปของตลับหุ่นเชิดในช่วงหลายวันนี้มาทำการประเมินตลับหุ่นเชิดเหล่านี้ล้วนเป็นหุ่นเชิดความมืดทั้งหมด!ดังนั้น ตอนที่หวงเจี้ยนถังเอาตลับหุ่นเชิดออกมามากมายนั้นคนสำนักเมฆาวารีที่เข้ามารายงานนั่น กับคนที่มาดูมหรสพอีกมากมาย เดิมทียังคิดว่า จั๋วซือหรานน่าจะมีความหวาดกลัว...หรือไม่ก็สายตาที่ระแวดระวังขึ้นมาบ้าง?แต่ว่าไม่มีเลยไม่มีเลยสักนิดถ้าแค่ไม่มีก็ว่าไปอย่าง ถึงอย่างไรพวกเขาก็แทบจะไม่เคยเห็นสีหน้าหวาดกลัวใดๆ บนหน้าหญิงสาวที่เผชิญหน้ากับอันตรายคนนี้เลยแต่ ไม่ใช่แค่ไม่มีความหวาดกลัวพวกเขายังเห็นว่า...ดวงตาของนางเป็นประกายขึ้นด้วยซ้ำ!ตาของนาง...เปล่งประกายขึ้น
แต่ตรงหน้าเหล่านี้ ล้วนยังมีชีวิตกันอยู่นางสามารถควบคุมพวกเขาได้อย่างสบาย ตอนที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่!"นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน...เป็นไปได้อย่างไร..." หวงเจี้ยนถังราวกับถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง รู้สึกเริ่มสับสนหมดหวังขึ้นมาแล้วเขาพูดงึมงำซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด "นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน เป็นไปได้อย่างไร...นี่มันเป็นไปไม่ได้...เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด...""ถ้าหากแบบนี้ เช่นนั้นข้า...มันคืออะไรล่ะ? แล้วข้า...จะเป็นอะไรไปได้?" หวงเจี้ยนถังพูด ในสีหน้าก็เหมือนจะเสียสติคุ้มคลั่งขึ้นมาแล้วรางๆแต่ก็ยังไม่ถือว่ารุนแรงนัก และตอนนี้เอง ด้านนอกประตูก็มีคนในชุดสำนักเมฆาวารีคนหนึ่ง เข้ามาพูดอะไรข้างหูหวงเจี้ยนถังสีหน้าหวงเจี้ยนถังยิ่งปั้นยากขึ้นไปอีก ราวกับไม่มีลมหายใจเหลืออยู่อีกแล้วจั๋วซือหรานมองคนสำนักเมฆาวารีที่รีบเข้ามาจากด้านนอก เห็นสีหน้าแปลกประหลาดของเขา ก็พอจะเดาได้ว่าเขาพูดอะไรเพราะจั๋วซือหรานจำคนสำนักเมฆาวารีคนนี้ได้ ถ้าหากจำไม่ผิด เหมือนจะเคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่งที่โรงเตี๊ยมดังนั้นที่เขารีบเข้ามาตอนนี้ สีหน้ายังดูเหมือนพูดไม่ออกบอกไม่ถูกแบบนี้จั๋วซือหรานก็นึกไปถึงหนึ่งความเป็นไปได้...บาง
ยังคงอยู่ในท่าทางป้องกันเช่นเดียว ขวางอยู่ตรงหน้าจั๋วซือหรานคอของพวกเขากระทั่งเลือดหยุดไหลไปแล้ว และถ้าหากมองอย่างละเอียดจะพบว่า แผลบนคอคุณชายฉินก่อนหน้านี้ ไม่ใช่แค่เลือดหยุดไหล กระทั่งว่า!กระทั่งมันเริ่มรักษาแล้ว!หวงเจี้ยนถังเองก็มองสิ่งเหล่านี้ออก ไม่ใช่สิ่งที่อยู่เหนือความเข้าใจเขาเลย ยิ่งไปกว่านั้นเขาใช้ชีวิตมาแล้วตั้งหลายปี จะมายอมรับและเผชิญหน้ากับความไม่รู้และความล้มเหลวของตนเองง่ายๆ ได้อย่างไร?หวงเจี้ยนถังยิ่งมั่นใจในความคิดของตนเองมากขึ้นไปอีก"นี่ถ้าไม่ใช่วิชาชั่วร้าย แล้วจะเป็นอะไรไปได้?! ศิษย์สำนักข้าล้วนถูกเจ้าควบคุมไปหมด!" หวงเจี้ยนถังเอ่ยขึ้นอย่างโกรธแค้น "เจ้ามัน...ปีศาจสาวชัดๆ! ได้ยินว่าเจ้าสร้างความวุ่นวายในเมืองหลวงน่าดู น่าจะใช้วิชาชั่วร้ายแบบนี้สินะ! วันนี้ข้าจะจัดการแทนสวรรค์..."เขายังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นว่ามุมปากหญิงสาวคนนี้ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ไม่มีความอบอุ่น แต่แฝงไว้ด้วยอำนาจที่เหนือกว่าเสียงของนางเรียบใสเย็น "คิดให้ดีแล้วค่อยพูด แทนสวรรค์รึ? วิญญาณนับไม่ถ้วนที่มือเจ้า เต็มไปด้วยกรรมชั่ว แล้วยังคิดจะแทนสวรรค์? เจ้าทำได้หรือไงกัน?""อ๊ะ ใช่แล้ว" นางเห
"เจ้า...!" บนหน้าผอมแห้งของหวงเจี้ยนถัง ดวงตาเบิกโพลงฉับพลัน!ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากผอมเกินไป เดิมทีดวงตาที่โตอยู่แล้ว ตอนนี้พอถลึงตา ก็ยิ่งโตขึ้นจนแทบจะร่วงลงมาอย่างไรอย่างนั้นในดวงตาเขาตกตะลึงจนยากจะปิดบัง เพราะเนื่องจากตกใจมากเกินไป กระทั่งปากก็ยังอ้าค้าง มุมปากสั่นเล็กน้อย ราวกับได้รับผลกระทบมหาศาล"นี่...นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน..." เขางึมงำขึ้นคำหนึ่งในน้ำเสียงฟังแล้ว ก็เหมือนไม่มีความเย็นชาดุดันแบบก่อนหน้าแล้วหวงเจี้ยนถังเป็นปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนมาแล้วหลายปี เข้าใจว่าวิชาหุ่นเชิดของตนเองไม่ธรรมดายิ่งไปกว่านั้นการค้นคว้าต่อวิชาเหยี่ยน ระดับการหลอมวัตถุของเขาเองก็ไม่ได้ต่ำเลยนี่เป็นพื้นฐานและความภาคภูมิใจของเขามาโดยตลอดโดยเฉพาะหุ่นเชิดความมืด กระทั่งในสำนักเมฆาวารี มีหุ่นเชิดความมืดไม่น้อยที่หลอมสกัดออกมาจากมือเขา อย่างหุ่นเชิดความมืดของผู้ดูแลชุยก่อนหน้านั้น อันที่จริงก็หลอมมาจากมือของหวงเจี้ยนถังกระทั่งเจ้าสำนักก็ยังมีหุ่นเชิดความมืดบางส่วน ที่หวงเจี้ยนถังหลอมสกัดออกมาให้อีกด้วย ถึงอย่างไรการหลอมสกัดหุ่นเชิดก็เป็นงานละเอียดอ่อน เปลืองทั้งเวลาเปลืองทั้งแรง ไม่ใช่อะไ
พอเข้าใจวิชาหุ่นเชิดบ้าง และล้วนรู้ว่า เพื่อหุ่นเชิดหนึ่งตัว ไม่ว่าจะเป็นหุ่นเชิดธรรมดาหรือหุ่นเชิดความมืด ปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งในการหลอมสกัดจึงจะนำมาใช้งานได้เหมือนกับนางแบบนี้เสียที่ไหน?! คิดจะใช้ก็เอามาใช้เลย?ยิ่งไปกว่านั้น! คุณชายฉินก็ยังไม่ตายด้วย!พวกเขาเห็นว่าเขายังหายใจอยู่!คนสำนักเมฆาวารีพวกนั้น ก็รู้สึกตกตะลึงอย่างมากกับฉากที่เห็นตรงหน้า!ถ้าหากบอกว่าก่อนหน้านี้พวกเขารู้สึกตกตะลึงกับการแสดงออกของจั๋วซือหราน พวกเขาในตอนนี้คืองงเป็นไก่ตาแตกไปแล้วไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ที่พวกเขารู้ กระทั่งเจ้าสำนักก็ยังไม่มีความสามารถแบบนี้!และตอนนีเ้อง คนสำนักเมฆาวารีก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น เย็นๆ ใสๆ เส้นเสียงทั้งที่น่าฟัง แต่ตอนนี้ในหูพวกเขา กลับราวกับเป็นเสียงที่ลอดมาจากขุมนรก"พวกเจ้า ลองหลบดูอีกสักครั้งไหม?"คนเหล่านี้รู้สึกเหมือน หัวใจจะหยุดเต้นไปแล้วในพริบตาอวัยวะสัมผัสหลายจุดแจ่มชัดขึ้นเป็นพิเศษในพริบตานี้ อย่างเช่นว่า พวกเขาสามารถมองเห็นอย่างชัดเจน ว่านิ้วมือของนางขยับอย่างไรภาพการกระดิกนิ้วเบาๆ นั่น...กลับสร้างความตกตะลึงได้ยิ่งกว่าโบกแกว่
นางไม่กลัวเลยจริงๆ! ยิ่งไปกว่านั้น ประทัดที่ว่ามันคืออะไร!คนสำนักเมฆาวารีมีปฏิกิริยาขึ้นมา สิ่งที่นางพูดน่าจะหมายถึงกระบอกเสียงของพวกเขาเมื่อครู่นี้ประทัดอะไรกันเล่า? ฟังแล้วดูตลกเสียจริงสีหน้าพวกเขาปั้นยากขึ้นมาแต่ว่ากลับไม่มีปฏิกิริยาใดกับคำพูดยโสของนาง เพราะว่า...ผู้อาวุโสยังไม่มาหญิงสาวคนนี้ลึกล้ำเกินหยั่งจริงๆนิ่งกันแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่พักหนึ่ง พวกเขาก็ได้ยินเสียงนางที่เหมือนจะหมดความอดทน "หรือว่า ข้าต้องปาดคอพวกเจ้าทิ้งด้วย ผู้อาวุโสของพวกเจ้าถึงจะรู้สึกว่าเรื่องนี้สำคัญแล้วยอมเข้ามา?"พวกเข้าหน้าเขียวปี๋ สายตาพรั่นพรึงขึ้นมา"เอาเถอะ" สองมือที่กอดอกอยู่ของจั๋วซือหราน ยื่นออกมาข้างหนึ่งเหมือนกับที่จัดการคุณชายฉินเมื่อครู่ ชูนิ้วหนึ่งขึ้นมาสายตาคนสำนักเมฆาวารีถลึงตาโต พวกเขารู้จักท่านี้ของนง ดังนั้น พอเห็นท่าทางนี้ ก็เลยตึงเครียดกันขึ้นมาพวกเขาจ้องไปที่นิ้วเรียวขาวของนางอย่างตึงเครียด และเห็นว่านิ้วของนางกระดิกเบาๆ ขึ้นมาทันที!ตอนนี้เอง พวกเขาในที่สุดก็ได้ยินเสียงจากไกลๆ พุ่งเข้ามาเป็นเสียงกระดิ่ง กริ๊งๆๆ...!พวกเขาแทบน้ำตาคลอเบ้า! เพราะพวกเขารู้จัก
รู้สึกเหมือนถูกสัตว์ร้ายจับจ้องอยู่อย่างไรอย่างนั้น พอบวกกับ ที่จมูกตอนนี้ยังได้กลิ่นเลือดสดที่ทะลักออกมาจากคอของคุณชายฉินจนมีกลิ่นคาวเลือดจางๆและยังได้ยินเสียงอ่อคๆ ในคอของคุณชายฉินอีก ขนาดที่ความน่าเกรงขามที่แข็งแกร่งขนาดนี้ แข็งแกร่งจนราวกับจะจับต้องมันได้ขึ้นมา!ดังนั้นพวกเขาที่เดิมทียังคิดจะบุกเข้าไป จึงยืนนิ่งตัวแข็งกันอยู่ที่เดิมพอเห็นท่าทางแข็งทื่อไปกะทันหันของพวกเขา จั๋วซือหรานก็เลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ยกมุมปากเอ่ยขึ้นว่า "เป็นตัวเลือกที่ฉลาด"รอบๆ ไม่รู้ว่าใครที่ตะโกนขึ้นมา "ให้ตายเถอะ! ใยหุ่นเชิด...มากมายเต็มไปหมด!""ให้ตาย! เยอะมากจริงๆ! นางเองก็เป็นปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนหรือ?!"พอได้ยินเสียงแบบนี้ขึ้นมารอบๆ พวกสำนักเมฆาวารีก็สังเกตเห็นขึ้นมา ว่าระว่างนางกับพวกเขา มีใยละเอียดอยู่มากมายจริงๆ...เพียงแต่มันโปร่งใสอยู่ตลอด ดังนั้น ถ้าหากไม่สังเกตอย่างละเอียดก็จะมองไม่เห็นและมีใยหุ่นเชิดในนี้ ที่ย้อมเลือดอยู่ด้วยไม่รู้ว่านางปล่อยใยหุ่นเชิดมากมายขนาดนี้มาตั้งแต่เมื่อไรคิดดูแล้วเมื่อครู่นี้คุณชายฉินน่าจะถูกปาดคอไปตอนที่นางใช้นิ้วปาดวาด ก็คงพราะเจ้าใยหุ่นเชิดพวกนี้สินะพลัง