“บังอาจ พวกเจ้าอยากทำอะไร” ซือคงเซี่ยนพูดด้วยความโกรธจั๋วซือหรานไม่คาดคิดว่า จะมีคนกล้าทำเช่นนี้ต่อหน้าพระราชวัง และกล้าทำเช่นนี้ภายใต้สายตาขององค์ชายเจ็ด ท่านอ๋องเซี่ยน ดังนั้นนางจึงไม่ได้เตรียมพร้อมเมื่อนางตระหนักถึงอันตราย มือของนางก็ถูกจับไว้อยู่ข้างหลังแล้วเสียง คะตะ ดังขึ้นขั้นแรก มีแหวนโลหะคล้อมมือของนางไว้ด้านหลัง และแหวนโลหะอีกวงคล้องคอของนางไว้จั๋วซือหรานไม่รู้แหวนโลหะนั้นทำจากวัสดุอะไร มันช่างเย็นเหลือเกิน"พวกเจ้า..." แววตาของจั๋วซือหรานเป็นประกาย นางพยายามดิ้นรน แต่นางกลับไม่สามารถใช้พลังจิตและศิลปะการต่อสู้โบราณของตนเองได้เลย ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุดชายที่สวมชุดดำพูดอย่างเย็นชา "อย่าเสียแรงเปล่า ๆ เลย ไปกับพวกเราเลย"เขาเอามือของตัวเองกดหลังของจัวซือหรานอย่างแรง และมีพลังภายในอะไรบางอย่างทะลุเข้าไปในร่างกายของจั๋วซือหราน"อื้อนางถอนหายใจเข้าและฮึมเสียงหนึ่งที ทันใดนั้น ลำคอของนางมีรสหวานและรสคาวก็พรั่งพรูออกมา และรอยเลือดสีสดก็ไหลออกจากมุมริมฝีปากของนาง“พวกเจ้าช่างกล้าเสียจริง” ซือคงเซี่ยนเกรี้ยวโกรธ แต่ชั่วพริลตาเดียว เขามองไปที่แหวนโลหะที่อยู่รอบคอของจั๋ว
“อื้อ...” นางกลั้นเสียงร้องอันเจ็บปวดในลำคอ ริมฝีปากถูกนางกัดจนเป็นเศษชิ้นเล็ก ๆ และมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของนางท่านอ๋องเซี่ยนพูดจริงด้วย หน่วยสืบสวนพิเศษชอบใช้วิธีโหดเหี้ยมมาสอบสวนคนเสียจริงทันทีที่เม็ดยาละลายในปากของจั๋วซือหราน นางก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่า มันเป็นยาที่ช่วยให้ผู้คนตื่นตัวและเพิ่มการรับรู้ความรู้สึกทางประสาทสัมผัสทั้งห้า โดยปกติแล้ว ยานี้สามารถช่วยกระตุ้นสมอง ให้สมองสดชื่นและฉลาดแต่หากใช้ก่อนการลงโทษ คนที่ได้รับการลงโทษจะต้องรับความเจ็บไว้ขณะที่ยังมีสติอยู่ เพราะยานี้ทำให้คนมีสติตลอดและขยายความรู้สึกเจ็บปวดให้เป็นร้อย ๆ เท่าพลังที่กำเริบในร่างกายของนางดั่งไฟที่โหมกระหน่ำ ราวกับว่าพลังนั้นจะเผานางให้ไหม้มีผู้ชายที่สวมชุดดำเดินเข้ามา และในมือของเขา เขาได้ถือดาบที่รนด้วยเพลิงเสียงไร้อารมณ์“จั๋วซือหราน มีคนฟ้องเจ้าทำการรักษาโรคให้กับไทเฮาโดยไม่ได้รับป้ายอนุญาตหมอ เรื่องนี้จริงหรือไม่”จั๋วซือหรานกระตุกริมฝีปากของนางแล้วตอบ "จริง"อย่างที่นางเดาไว้เสียจริง นางเงยหน้ามองดูชายที่สวมชุดดำตรงหน้านาง “เหยียนชางอยู่ที่ใด ช่างกล้าฟ้องเรื่องเท็จ แต่กลับไม่กล้ามา
“...อยากทรมานข้าจนให้ข้ายอมแพ้หรือ เจ้าฝันไปเถิด” จั๋วซือหรานกัดฟันเพื่ออดความเจ็บปวดอันแสนสาหัสไว้ ดวงตาของนางแดงก่ำ แต่นางไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียวไหลออก“เจ้าบังอาจ” เหยียนชางโกรธและตะโกน เขารีบไปาถามซือหลี่ฉือหางด้วยความกังวล “ท่านสบายดีไหมขอรับ เด็กคนนี้ไม่มีมารยาทและไม่รู้จักความผิด ท่านอย่าอ่อนมือกับนางเลย”ซือหลี่ฉือหางเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดของสกปรกที่อยู่ใบนบหน้าของเขา เขามีสีหน้าที่แย่มาก เขามองชายชุดดำที่อยู่ด้านข้างเขาและพยักหน้า"หึ--!"จั๋วซือหรานเม้มริมฝีปากของนางไว้แน่น แต่นางเจ็บเหลือเกินจนนางต้องครวญครางเหยียนชางเห็นแผนการเลวร้ายของเขาประสบความสำเร็จแล้ว เขาดีใจและยิ้ม เขาดูร่างกายของจั๋วซือหรานถูกผ่าเป็นรอยแผลหลายเส้นวิธีการสอบสวนของหน่วยสืบสวนพิเศษไม่ธรรมดาจริง ๆ พวกเขาใช้มีดร้อนแดงบาดแผลออก และแผลจะออกเลือดไม่มาก ฉะนนั้น ผู้ต้องสงสัยจะไม่มีเสียชีวิตจากการเสียเลือดจั๋วซือหรานในฐานะที่เป็นผู้ที่มีความสารมารถชั้นนำของตระกูลจั๋ว นางมีความสามารถการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง และบาดแผลของนางก็ตกสะเก็ดอย่างรวดเร็ว คนมักรู้สึกว่าแผลของนางหายสนิทในเวลาอันสั้น ดังนั้นเพชฌฆาตจึง
เหยียนชางรู้สึกตึงเครียดเล็กน้อย เขารู้ตำแหน่งของผู้นี้ได้ จึงรีบก้มหัวและพูดอย่างสุภาพ "ท่านซือเจิ้งขอรับ"เหยียนชางไม่คาดคิดว่า เรื่องเล็กน้อยเพียงเช่นนี้ ทำไมผู้ใหญ่ท่านนี้ต้องมาด้วยชายที่สวมชุดคลุมสีดำและสวมหน้ากากลายเปลวไฟโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย เขาถามจั๋วซือหราน “ทำไมเจ้าไม่ยิมรับผิดล่ะ เพียงแค่เจ้าณพยักหน้าและสารภาพ เจ้าก็ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีก แค่ประดยคเดียว”เสียงนั้นถูกหน้ากากบังไว้ ซึ่งทำให้คนรู้สึกเสียงทุ้มนั้นไม่ใช่เสียงจริงจั๋วซือหรานก้มศีรษะลง เลือดไหลออกจากปากของนาง และไหลลงบนพื้น นางหายใจเข้าและพูดด้วยเสียงแหบแห้ง ” วิชาการรักษาโรคคือความสามารถในการช่วยชีวิตผู้คน เดิมทีวิชานี้ควรรวบรวมจากหลายที่หลายสาย ตระกูลเหยียนปิดบังวิชานี้ ความสามารถสู้คนอื่มิได้ ยังกลับใส่ร้ายคนอื่นอีก เหตุใดข้าต้องยอมรับผิด “จั๋วซือหรานยกมุมปากของนางาขึ้นและเย้ยหยัน "เพียงเพราะ เหยียนชางมาฟ้องร้องกับพวกเจ้า..ก่อนข้าหรือ"“เจ้าหมายความว่า พวกข้าฟังความข้างเดียวเช่นนั้นหรือ” ซือเจิ้งของหน่วยงานสืบสวนพิเศษผู้นี้ถาม “เช่นนั้น ข้าจะให้โอกาสเจ้าครางหนึ่ง เจ้าจะได้แก้ตัว เจ้าจะพิสูจน์ได้อย่า
สายตาการจ้องมองของเขาแรงมากจนจั๋วซือหรานสังเกตถึงและหันไปมองเขาสีหน้าของเหยียนชางดูแย่เหลือเกิน นางรู้ 'อาการป่วยเรื้อรัง' ของท่านอ๋องยเฟิงได้อย่างไรอาการของของเฟิงเหยียน นอกจากผู้เฒ่าที่น่านับถือของตระกูลเฟิงและตระกูลเหยียน ผู้ที่รู้มีจำนวนไม่มากผู้เฒ่าของตระกูลจั๋ว อาจรู้เพียงเล็กน้อยเนื่องจากสองครอบครัวนี้มีสัญญาการหมั้นกันนางรู้ได้อย่างไรเหยียนชางพูดอย่างจนปัญญา "หาเรื่องกับตระกูลเหยียนของเรายังไม่เพียงพออีก เจ้าอยากให้ตระกูลเฟิงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอีกหรือ"จั๋วซือหรานเห็นเขาฟ้องร้องเช่นนี้ นางไม่โกรธ "ก่อนหน้านี้ หัวหน้าเหยียนกลัวจะแก้ไขยาก จะอายคนอื่นมิใช่หรือ ข้าจะช่วยรท่าน ท่านชอบเล่นการใหญ่หรือ เช่นนั้นพวกเราก็เริ่มการใหญ่กันเถอะ ”เหยียนชางอึ้งเลย "..."สีหน้าของเขาจากซีดกลายเป็นสีแดง และสีหน้าของเขาน่าดูมากเขาพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง จั๋วซือหรานกลายเป็นผู้นำไปซะแล้วจั๋วซือหรานมองไปที่ซือหลี่ไม่กี่คนนั้นและซือเจิ้งที่มีดวงตาเป็นประกาย"ข้าขอให้พวกเจ้าทุกคนเป็นพยานด้วย ในอีกสี่วัน ข้าจะแข่งกับคุรชายเหยียนฉีในด้านทักษะทางการแพทย์ และพวกเราจะวินิจฉัยและรักษาท่านอ
“เช่นนั้น ข้ามีเรื่องหนึ่งคงต้องรบกวนท่านอ๋อง…”หลังจากที่จั๋วซือหรานฝากเรื่องกับซือคงเซี่ยน ตัวนางเองนั้นก็กลับบ้านด้วยความรู้สึกสบายขึ้นด้านหลังนาง บนชายคาหอคอยดำของหน่วยสืบสวนพิเศษมีร่างสูงยาวของผู้หนึ่ง คนผู้นี้สวมชุดสีดำและสวมหน้ากากที่มีลวดลายเปลวไฟบนใบหน้าเขามองดูเส้นทางที่ร่างบางนั้นเดินมีคนเดินเข้ามาหาเขาด้วยท่าทางที่แสดงความเคารพ คนผู้นั้นถือกระบี่ยาวที่มีรายเรียบง่ายด้วยมือทั้งสองข้าง “ท่านขอรับ”“อืม” เสียงต่ำของเขาดังจากภายใต้หน้ากาก เขาเอื้อมมือหยิบกระบี่ยาว และห้อยไว้ที่เอว ด้ามจับของกระบี่นั้นถูกสลักด้วยอักษรหนึ่งตัว ‘เหยียน’ เขาค่อย ๆ ถอดหน้ากากบนใบหน้าออก ด้วยมืออีกข้างหนึ่ง จึงเผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา“ช่วงนี้ติดตามตัวนางไว้ก่อน ระวังอย่าให้ใครจับได้ และดูว่านางต้องการจะทำอะไร” เขาสั่งด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม“รับทราบ“*ในยามค่ำคืน เสียงกระดิ่งข้างนอกแสดงให้ว่า เป็นเวลาเที่ยงคืน จั๋วซือหรานลุกขึ้นจากเตียง นางสวมชุดสีดำและเดินออกจากเรือนจั๋วอย่างเงียบ ๆ นางเดินไปตามถนนราวกับเทพยาดาในยามค่ำคืน เวลาผ่านไปไม่มาก ก็ถึงจุดมุ่งหมายของนางเรือนหลังใหญ่ ก
จั๋วซือหรานฟังความเด็ดเดี่ยวจากน้ำเสียงของชายคนนั้นออก นางตัดสินใจหันหลังและเดินออกไปในทันที แต่พวกลาดตระเวนด้านนอกก็เข้ามาใกล้แล้วเดิมทีนางมาที่นี่เพื่อขอโทษเฟิงเหยียน ขอโทษที่ทำให้เขาต้องมีส่วนร่วมในการแข่งขันระหว่างนางกับตระกูลเหยียน และขอโทษเฟิงเหยียนเรื่องที่นางปฏิบัติก่อนค่อยมาแจ้งทีหลังอย่างไรก็ตาม นางมาที่นี่เพื่อขอโทษ และนางก็ไม่ถือสาหรอกที่ว่าดูเขาอาบน้ำ เพิ่มความผิดอีกนิดแล้วค่อยขอน้อมรับผิดความผิดเยอะไม่กังวล จั๋วหยุดหันตัว บิดเอวแล้วหันกลับมาอีกครั้งเสียงของเฟิงเหยียนยังคงเย็นชา “ยังไม่ออกไปอีกหรือ”“อา…” จั๋วซือหรานพูดเบา ๆ “ท่านอ๋องเฟิง ข้าขอโทษที่ทำผิดไป เกรงว่าข้าคงจะต้องอยู่ที่นี่สักพัก”นางยื่นมือออกและชี้ไปที่ประตู "องครักษ์ของตระกูลเฟิงเข้มงวดมากเสียจริง และข้าก็ตกเป็นเป้าหมายของพวกเขา โชคดีที่ทักษะการเคลื่อนไหวของข้าค่อนข้างดี ไม่เช่นนั้น ข้าคงถูกจับไปแล้ว"เสียงของเฟิงเหยียนดังจากอ่างอาบน้ำ “เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่ถูกจับได้”จั๋วซือหรานฟังคำพูดของเขา ราวกับว่าเขากำลังบอกว่า เขาจะต้องให้นางถูกจับแน่ ๆ หากเขาอยากให้นางถูกจับ ก็ทำได้ง่าย ๆ แค่เขาตะโ
จั๋วซือหรานถอนสายตาออก "ข้าแค่อยากหลบหน่วยลาดตระเวน ไม่ได้ตั้งใจรบกวนการรักษาอาการของท่านอ๋อง ข้าขอโทษจากใจจริง"เมื่อเขาได้ยินคำว่า "การรักษาอาการ" เฟิงเหยียนก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงของเขายังคงไม่มีความอบอุ่น "เจ้ามีเหตุอันใดจึงมาที่จวนตระกูลเฟิง"จั๋วซือหรานนึกถึงการเดิมพันระหว่างนางและเหยียนชางและจุดประสงค์ในการการเดิมทางมาที่นี่เสียงของนางอ่อนลงเล็กน้อย “ข้ามาที่นี่เพื่อขอโทษท่านอ๋อง”เฟิงเหยียนมองนางด้วยสายตาเย็นชา “บุกเข้าเรือนคนอื่นในยามวิกาล เจ้ามาขอโทษจริงหรือ ”จั๋วซือหรานพูดด้วยความตื่นตระหนกว่า “มันคือเรื่องเร่งด่วน ข้าไม่อยากให้ท่านอ๋องรับรู้เหตุการณ์จากผู้อื่นในวันพรุ่งนี้ วิธีนี้อาจเสียมารยาทไปหน่อย มิทราบว่า ท่านอ๋องต้องการการขอโทษอย่างสัตย์จริงเช่นใด คราวหน้าจั๋วจิ่วจะระวัง”เฟิงเหยียนมองดูนางครู่หนึ่งแล้วพูดเบา ๆ “มอบศีรษะมาพบข้า ”จั๋วซือหราน "..."เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้สิจั๋วซือหรานเงียบไปครู่หนึ่งแล้วอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ให้แก่เฟิงเหยียนฟัง“หัาหน้าของห้องหมอหลวง เหยียนชางกล่าวหาว่า ข้าลักลอบฝึกฝนวิชาของตระกูลเหยียน เขากล่าวหาข้าแอบซ้อมวิชาการตร
“นี่ฝูซูกับเฮยหลิงยังไว้หน้าพวกเจ้าอยู่นะ ถึงยังไม่จับตะเกียบ ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าแค่น้ำแกงก็ไม่ได้ชิมด้วยซ้ำ” เจี่ยงเทียนซิงวางตะเกียบลงหัวเราะฮั่วจือโจวไม่อยากเชื่อ ถามขึ้นว่า “นี่คือของที่แม่นางจั๋วจิ่วทำหรือ? จริงหรือเปล่า?”“เป็นของที่คุณหนูข้าทำเอง” ฝูซูพยักหน้าอินเจ๋ออันมองเขา ถามขึ้นว่า “คุณชายฮั่ว ยอมรับแล้วหรือยัง?”ฮั่วจือโจวถอนหายใจเบาๆ พยักหน้าเจี่ยงเทียนซิงเห็นท่าทางแขกยึดครองตำแหน่งเจ้าภาพของอินเจ๋ออันแล้วก็หัวเราะพรวดขึ้นมา “เปาน้อย เจ้าเองก็ไว้หน้าตัวเองหน่อยดีไหม คำพูดนี้ข้าต่างหากที่ควรถาม? เจ้าน่ะยอมรับแล้วหรือยัง?”“ถ้าข้าไม่ยอมรับ แล้วข้าจะเอาเงินมาให้พวกเจ้าด้วยตัวเองทำไมกัน?!” อินเจ๋ออันจ้องอย่างมาดร้ายไปทางเจี่ยงเทียนซิงตัวเขาเองอาจจะไม่ทันสังเกต ว่าตนเองกระทั่งลืมไปแล้วว่าต่อต้านชื่อเรีย ‘เปาน้อย’ อยู่เฟิงหร่านนั่งอยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไรมาตลอด สนใจแค่การกินอาหารบนโต๊ะอย่างรวดเร็วราวพายุดูดเท่านั้นนางกินไปด้วย พิจารณาชายหนุ่มสามคนนี้ไปด้วยในใจจู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกวิตกกังวลขึ้นมาเฟิงหร่านเกิดวิตกกังวลขึ้นมาแทนพี่ชายตนเอง นางชื่นชมในใจ พี่หญิงจั๋วน
สายตาฮั่วจือโจวมองจั๋วซือหรานอย่างลึกซึ้งตระกูลขุนนางเหล่านี้ล้วนเป็นแบบเดียวกัน จั๋วซือหรานเองก็เดินออกมาจากตระกูลขุนนาง ดังนั้นจึงเข้าใจเป็นอย่างดีต่อให้ทุกคนจะเป็นลูกหลานในตระกูลเหมือนกัน และก็จะมีพวกลูกหลานที่ได้รับการปฏิบัติกับให้ความสำคัญมากกว่า และก็จะมีลูกหลานที่ถูกมองข้ามหรือเมินเฉยแต่นี่ก็จะขึ้นอยู่กับฝีมือของรุ่นพ่อและฝีมือของตนเองดูจากจั๋วซือหรานแล้วมองออกไม่ยาก กระทั่งฝีมือของรุ่นพ่อก็ยังไม่แน่ว่าจะสำคัญ เพราะพ่อของนางนั้นไม่อยู่มานานแล้วมีเพียงฝีมือของตนเองที่ถูกให้ความสำคัญมากที่สุดดังนั้นในฐานะที่เป็นลูกหลานในตระกูล หากคิดจะได้รับการให้ความสำคัญของตระกูล อย่างน้อยก็ต้องทำผลงานออกมาให้ได้สถานการณ์ของฮั่วจือโจวตอนนี้ก็น่าจะเป็นเช่นนี้เขามีฝีมืออยู่บ้าง และมีอุดมการณ์ของตนเองด้วยเช่นกัน แต่ก็จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ จะตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามไม่ได้เพราะในตระกูลเช่นนี้ คนมากมายล้วนเป็นแบบเดียวกัน โอกาสอาจจะมีแค่ครั้งเดียว ถ้าทำผลงานไม่ได้ หลังจากนี้ทรัพยายากรก็อาจจะไม่เอนมาทางเขาอีกแล้วจุดนี้ จั๋วซือหรานไม่ลังเลที่จะพูดออกมาสายตาฮั่วจือโจวหยุดอยู่ที่แ
จั๋วซือหรานยิ้มๆ “ก็ต้องตั้งแต่ตอนที่เจ้าตามพวกเราเข้ามาแล้วน่ะสิ”ฮั่วจือโจวลุกขึ้นยืน เดินตรงเข้ามาทางนี้ นั่งลงข้างโต๊ะพวกเขา“เมื่อครู่แผนของแม่นางจิ่ว ข้าได้ยินแล้ว” ฮั่วจือโจวเองก็ไม่ปิดบัง พูดออกมาตรงๆเขาพูดประโยคนี้ออกมา ก็หวังว่าจั๋วซือหรานจะไม่ต้องมาเสียเวลาคิดมากในเรื่องนี้แล้วแต่ฮั่วจือโจวคิดไม่ถึงว่าจั๋วซือหรานจะพูดว่า “ข้าจงใจพูดออกมาให้เจ้าได้ยิน”สีหน้าฮั่วจือโจวตกตะลึงไปทันที “อะไรนะ?”จั๋วซือหรานยิ้มตาโค้งเอ่ยขึ้นว่า “คุณชายสามฮั่วฟังแผนการของข้าแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง?”“ไม่เลว” ฮั่วจือโจวตอบ “มิน่าสี่ตระกูลที่เหลือจึงมองเจ้าเป็นหนามยอกอก”รอยยิ้มบนหน้าจั๋วยังไม่จางหาย “ถ้าข้าไม่จงใจพูดให้เจ้าได้ยิน แล้วจะกล่อมให้เจ้ามาร่วมมือได้อย่างไรกัน?”“ร่วมมือ?” ฮั่วจือโจวตกตะลึงจั๋วซือหรานตอบ “อืม ข้าไม่มีเจตนาจะทำให้ตระกูลฮั่วต้องลำบากใจ ถ้าแค่ตระกูลฮั่วไม่ทำให้ข้าลำบากใจน่ะนะ แต่ข้าเองก็เข้าใจ บุ่มบ่ามไปแย่งธุรกิจของคนอื่น ดูแล้วยังไงก็ไม่เหมาะสม และยังเป็นในสถานการณ์ที่ข้ามั่นใจว่าข้าคว้ามันมาได้ด้วย”ฟังคำพูดนี้ของจั๋วซือหรานแล้ว ฮั่วจือโจวก็หัวเราะขึ้นมา เขาก
“ทำให้มันคึกคักขึ้น?” เฟิงหร่านตาเป็นประกาย ความชื่นชมต่อตัวจั๋วซือหรานของนางไม่ได้แค่นิดหน่อยแล้วตอนนี้มองจั๋วซือหรานด้วยตาเป็นประกาย “พี่หญิงจั๋ว จะทำให้มันคึกคักขึ้นได้อย่างไรหรือ?”จั๋วซือหรานคิดๆ เอ่ยขึ้นว่า “วิธีการมีอยู่เยอะเลยทีเดียว ก็ให้เจ้าไปแสดงพ่นไฟ เฮยหลิงไปแสดงหน้าอกทลายหินอะไรแบบนั้น หรือไม่ข้าก็ให้พวกแมลงไปแสดงละครหุ่นกระบอก? ต้องสนุกคึกคักแน่ๆ...”“พ่น พ่น...พ่นไฟ??” ในสายตาเฟิงหร่านเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อก็จริง สำหรับนางที่เป็นคุณหนูลูกขุนนางเช่นนี้ทุกการกระทำทั้งหมดของจั๋วซือหราน กระทั่งแค่ลมหายใจของนาง ก็ดูจะผิดแปลกไปจากคนอื่นๆ ในตระกูลขุนนางเหล่านั้น “พ่นไฟเป็นไหม? ถ้าไม่เป็นเดี๋ยวไว้ข้าหาเวลาสอนเจ้า” จั๋วซือหรานวางตะเกียบลง “สรุปคือ ถ้าถึงเวลาต้องเปิดกิจการ ก็หาการแสดงอะไรมา จากนั้นพอเปิดร้านก็เตรียมการให้ลูกค้าแต่ละโต๊ะหลังจากที่กินอาหารเสร็จ ก็มอบอาหารเพิ่มให้อีกหนึ่งจานแบบไม่ต้องจ่ายเงินอะไรแบบนี้”“ประชาชนกินเพื่ออยู่ ขอแค่ของอร่อย ยังต้องกลัวว่าจะไม่มีใครมาอีกหรือ” จั๋วซือหรานคิดคิด เอ่ยต่อว่า “ไหนจะเรื่องที่อาหารของที่นี่รสชาติแย่แค่ไหน น่าจะไ
จั๋วซือหรานตอบ “เดี๋ยวเจ้าลองชิมก็รู้แล้ว...”ผ่านไปครู่หนึ่ง อาหารก็ส่งขึ้นมา หน้าตาแย่เอามากๆเจี่ยงเทียนซิงจึงเพิ่งได้ยินประโยคหลังของจั๋วซือหราน “...ไม่ใช่ห่วยแตกแบบธรรมดาด้วย”เจี่ยงเทียนซิง “...”เฟิงหร่าน “...”ฝูซู “...”เฮยหลิง “...”ทุกคนทยอยกันพูดไม่ออกจั๋วซือหรานหยิบตะเกียบขึ้นมา คีบคำหนึ่งส่งเข้าปาก หลังจากเคี้ยวไปสองคำ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “พวกเจ้าลองชิมสิ ห่วยแตกแบบไม่ธรรมดาจริงๆ”เฮยหลิงยังพอไหว ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ก็ใช้ชีวิตยากลำบากมาแล้ว ขยับตะเกียบ หลังจากกินคำแรกไปเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าเขาเหมือนจะโกรธขึ้นแล้วเฟิงหร่านเองพอเห็นสถานการณ์ จึงวางตะเกียบลงเงียบๆเจี่ยงเทียนซิงถาม “เจ้าหิวแล้ว แต่จงใจมายังร้านอาหารที่รสชาติแย่หรือ?”จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น “ลองชิมดูก่อน แบบนี้ภายหลังจะได้มีความแตกต่าง”เจี่ยงเทียนซิงก็เชื่อฟังคำพูดของนาง คีบขึ้นมาพอส่งเข้าปาก จึงเพิ่งมีปฏิกิริยากับคำพูดของจั๋วซือหราน “...ภายหลัง?”ตอนนี้เอง อะไรบางอย่างที่อยู่ในปาก ในที่สุดก็ทำเอาประสามรับรสของเขาถูกปะทะอย่างรุนแรง“ถุด” เจี่ยงเทียนซิงพ่นอาหารในปากออกมา รู้สึกว่าคำวิจารณ์ก่อน
พอได้ยินคำพูดของเจี่ยงเทียนซิง จั๋วซือหรานก็เลิกคิ้ว “นั่นก็จริงอยู่”เจี่ยงเทียนซิงถามขึ้น “บาดแผลของเจ้าไม่เป็นไรหรือ?”“ถ้าเจ้าถามช้าอีกหน่อย มันก็หายสนิทแล้ว” จั๋วซือหรานมองตำแหน่งบาดแผลเหล่านั้นบนร่างกายตนเองผาดหนึ่ง“ที่ข้าพูดไม่ได้หมายถึงบาดแผลในการประลองเมื่อครู่ แต่เป็นของเมื่อคืนนี้” เจี่ยงเทียนซิงบอกมาเฟิงหร่านอยู่ข้างๆ ได้ยินคำพูดของเจี่ยงเทียนซิง จึงรีบกำชับขึ้นมาว่า “จริงด้วย พี่หญิงจั๋ว ท่านไม่เป็นอะไรแล้วหรือ? ข้าได้ยินเรื่องที่ท่านเข้าไปในศาลบรรพบุรุษเมื่อคืนนี้แล้ว นั่นมันอันตรายมากเลย! ท่านไม่ได้บาดเจ็บใช่ไหม?”จั๋วซือหรานเหลือบมองแม่นางคนนี้ “พี่ชายของเจ้า กลับบ้านไปแล้วหรือยัง?”เฟิงหร่านตกตะลึง จากนั้นจึงพยักหน้า “กลับมาแล้ว”“เช่นนั้นเขาไม่ได้บอกเจ้าหรือ?” จั๋วซือหรานถามขึ้นมาอีกเฟิงหร่านถอนหายใจอีกครั้ง “อารมณ์ของพี่ชายเหมือนไม่ค่อยดีนัก หลังจากกลับมา ผู้อาวุโสหลายคนที่อยากไปคุยกับเขา ก็ล้วนถูกไล่ออกมาหมด ข้าเองก็ไม่กล้าเข้าไปวุ่นวาย”นางมองจั๋วซือหรานตาแป๋ว “พี่หญิงจั๋ว เป็นเพราะท่านหรือเปล่า?”“หือ?” จั๋วซือหรานส่งเสียงสงสัยขึ้นมาเฟิงหร่านถามขึ้น
“ไม่มีเคล็ดวิชาอะไร กระทั่งไม่มีถุงเก็บสัตว์ด้วยซ้ำ แต่กลับเก็บแมงมุมหน้าผีระดับราชาลงไปได้ในชั่วพริบตา” ซางเชวี่ยเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ “ก่อนหน้านี้ตอนที่นางอัญเชิญราชาแมงมุมหน้าผีออกมา พวกเราถูกทำให้เข้าใจผิดจนคิดว่าอีกฝ่ายอัญเชิญออกมา คู่มือของนางคนนั้น แม้ความเร็วในการอัญเชิญจะเร็ว แต่ก็ยังต้องมีเคล็ดวิชาอะไรอยู่”“ตอนนั้นถูกเบนความสนใจจนไม่ทันสังเกต ตอนนี้กลับมองเห็นชัดเจนแล้ว ไม่แน่ว่าตอนที่นางอัญเชิญมาก็เป็นเช่นนี้ ไม่มีเคล็ดวิชาอะไรในการเก็บหรือเรียก” คนตระกูลซางที่ถูกจั๋วซือหรานแย่งราชาแมงมุมหน้าผีไปคนนั้นเอ่ยขึ้นเสียงขรึมเขาจู่ๆ ก็รู้สึกโชค ที่ตอนไปจัดการราชาแมงมุมหน้าผีในป่าลึกลับตอนนั้น ตนเองไม่ได้เผชิญหน้ากับจั๋วซือหรานเหมือนคนพวกนั้นตอนนั้นเขายังรู้สึกว่า ราชาแมงมุมหน้าผีถูกแย่งไปเพราะโชคดีที่ไม่ได้มาเจอกับเขา ดังนั้นจึงแย่งไปได้อย่างราบรื่นแต่พอเห็นตรงนี้ ในใจเขาก็แอบรู้สึกโชคดี ยังดีที่ตนเองโชคดี! ไม่ได้ไปเจอเข้ากับจั๋วซือหรานในตอนนั้น! ไม่เช่นนั้น เขาคงได้กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่ในป่าลึกลับเหมือนคนอื่นๆ พวกนั้นแน่!และบนเวทีประลองตอนนี้ หลังจากจั๋วซือหรานเก็บราชาหน้
เปรี๊ยะ...! ตอนที่เสียงนี้ดังขึ้น แจ่มชัดอย่างมากต่อให้ในสถานที่ที่สับสนวุ่นวายอย่างในลานประลอง ก็ยังแจ่มชัดอย่างมาก!ทุกคนล้วนมีปฏิกิริยากันขึ้นว่ามาต้นเสียงมาจากไหนแต่เพียงไม่นาน ก็มีคนพบขึ้นแล้ว“ดู...ดูสิ! ให้ตายเถอะ...เว เวที แตก...แตกออกแล้ว!”ภายใต้การจับตามองของทุกคน ด้านใต้ร่างกายของซางถิง แตกออกมาเป็นรอยแยกรอยหนึ่ง!“นั่น...นั่นไม่ใช่เวทีที่ทำจากหินต้องห้ามหรือ? ทำ ทำไมถึง...แตกล่ะ?”ระดับความแข็งของหินต้องห้ามแค่จินตนาการก็รู้แล้ว ไหนจะคุณสมบัติพิเศษของหินต้องห้ามที่สามารถสะกดพลังวิญญาณของมนุษย์ได้ถ้าหากไม่สามารถใช้พลังวิญญาณ แล้วคิดจะสร้างรอยแตกแก่หินต้องห้าม นั่นมันฝันกลางวันชัดๆทว่าตอนนี้ กลับมีคนทำได้แล้วก็คือคนที่เดิมทีถูกทุกคนดูถูกบนเวทีประลอง ถูกทุกคนเข้าใจว่าสู้หลอกๆ เข้าใจว่านางไม่มีฝีมือการต่อสู้...คนที่เป็นแค่หญิงสาวในสายตาของทุกคนคนนั้นจัดการหั่น...เวทีประลองที่ทำจากหินต้องห้ามนี้จนแตกหลังจากที่ทุกคนตระหนักขึ้นได้ ทั่วทั้งลานก็เงียบลงมาทันทีจั๋วซือหรานมองไปทางอินเจ๋ออัน อินเจ๋ออันก็สีหน้าปั้นยากขึ้นมา กระทั่งประกาศแพ้ชนะก็ยังลืมทำ ยืนแข็งทื
เพราะบนเวทีประลอง ไม่ค่อยจะมีความยอดเยี่ยมที่พิเศษนัก หรือก็คือ การต่อสู้ที่งดงามยอดเยี่ยม คนที่เก่งกาจจริงๆ ใครก็ไม่อยากจะมาเสียเวลาบนเวทีประลองระดับต่ำๆ เช่นนี้ปกติจึงมีแต่การต่อสู้ที่ไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรนัก และเพราะเหตุนี้ ทุกคนจึงอยากจะลองเดิมพันกัน อยากจะเห็นการต่อสู้ที่เลือดสาดยิ่งขึ้น เพราะมันต้องมีอะไรสักอย่างที่ดึงดูดสายตาแต่ตอนนี้ การต่อสู้บนเวที ไม่จำเป็นต้องเลือดสาด แค่นี้ก็ยอดเยี่ยมเพียงพอแล้วยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็มองออก!สถานการณ์ตอนนี้เหมือนเคยเจอมาก่อนเพียงไม่นาน ก็มีคนมีปฏิกิริยาขึ้นมา“ไม่ใช่เหมือนกับตอนยกแรกหรือ? แค่พลิกกลับมาเท่านั้น”“จริงด้วย! ตอนยกแรก เป็นหญิงสาวถูกอีกฝ่ายใช้แส้ไล่ฟาดบีบจนเข้าไปในระยะโจมตีของสัตว์ประหลาด!”“แต่ว่าตอนนี้เหมือนนางมาไล่บี้ชายคนนี้ไปในระยะของสัตว์ประหลาด...?”“ไม่ ไม่ใช่ นางบีบชายคนนี้ ตรงไปยังจุดโจมตีถัดไปของนาง!”“พอพูดเช่นนี้ ตอนยกแรกคงไม่ใช่ว่านางยอมให้คนอื่นชนะหรอกใช่ไหม...?”จั๋วซือหรานได้ยินเสียงเหล่านี้ หางตายกโค้งนางคิดจะให้ทุกคนรู้สึกเช่นนี้ พอเป็นแบบนี้ก็คงไม่มีใครรู้สึกว่านางไม่มีฝีมือ เอาชนะมาได้เพราะอีกฝ