Share

บทที่ 8

Author: หูเทียนเสี่ยว
เมื่อจั๋วซือหรานเห็นฝูซูกลับมา นางคิดว่าฝูซูพาคุณหมอมาถึงบ้านแล้ว ผู้ใดจะทราบได้ว่า ชายหนุ่มแสนหล่อเหลาที่กล่าวถึงในเมื่อวานนี้ว่า จะต่างคนต่างอยู่ เวลานี้ชายผู้นี้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำและกำลังนั่งหน้าโต๊ะแปดเซียน

จั๋วซือหราน "ทำไมถึงเป็นเจ้าล่ะ"

เฟิงเหยียนเหลือบมองถ้วยชาในมือของเขา "ผู้ดูแลของเจ้าไปตามคุรหมอที่เรือนหมอของตระกูลเหยียน"

“ข้าไปตามคุณหมอที่บ้านมิได้หรือเจ้าคะ” จั๋วซือหรานลากเก้าอี้หนึ่งตัวออกมาแล้วนั่งลง ใบหน้าของนางซีดเซียว นางริมชาเองและดื่มหมดถ้วย

“เพราะคนที่ไปเชิญคุณหมอเป็นผู้ติดตามของเจ้า ดังนั้นตระกูลเหยียนจึงส่งข่าวข้า ข้านึกว่าเจ้าจะมีกลอุบายใหม่ ๆ ดังนั้นจึงเข้ามาดูเสียหน่อย” เฟิงเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีอารมณ์ใด ๆ

“แล้วคุณหมอล่ะ เจ้าไม่ได้ให้คุณหมอตามมาด้วยหรือ ” จั๋วซือหรานถาม

เฟิงเกยียนไม่ได้พูดอะไร นั่นหมายถึงจั๋วซือหรานพูดได้ถูก

เพราะเมื่อวานเหยียนฉีบอกว่า ชีพจรของนางแข็งแรงมากและถึงแม้จะมีอาการบาดเจ็บภายใน แต่ปัญหาก็ไม่ร้ายแรง ยิ่งไปกว่านั้น พลังทางจิตวิญญาณและความสามารถในการฟื้นฟูของลูกหลานตระกูลจั๋วนั้นเหนือกว่าคนทั่วไปมาก

เมื่อรวมกับยาน้ำค้างหยกที่เขาให้ไว้เมื่อวานนี้ ก็มากเกินพอที่จะรักษาอาการบาดเจ็บของนางได้

ดังนั้นเขาจึงคิดว่า จั๋วซือหรานจะเล่นงานอะไรอีก ดังนั้นเขาจึงไม่ให้คุณหมอตามเขามา

ในขณะนี้ เฟิงเหยียนได้กลิ่นจาง ๆ ของเลือดและได้กลิ่นสุราแรงด้วย

กฎตระกูลจั๋ว มีแส้หนามอันเป็นเอกลักษณ์โดยนำแส้แช่ในเสุราแรง แส้นี้ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อยับยั้งพลังทางจิตวิญญาณของลูก ๆ ตระกูลจั๋วที่มีพลังการฟื้นฟูโดยกำเนิดและเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป

โดยในปกติแล้ว เมื่อเฆี่ยนลงหนึ่งครั้งจะต้องอาเจียนเป็นเลือด

แม้แต่ผู้ชายก็อาจไม่สามารถยืนได้หากได้รับเฆี่ยนมากกว่าสองครั้ง

ด้วยความเข้มข้นของกลิ่นเลือดและสุราแรง นางคงได้รับการเฆี่ยนมากกว่าหนึ่งหรือสองครั้ง

และนางยังพูดได้โดยไม่เปลี่ยนสิหน้า เขาไม่รู้ว่าต้องชมว่า สตรีที่มีพรสวรรค์แห่งตระกูลจั๋วสมชื่อเสียจริง หรือชมนางเป็นแม่นางที่น่ากลัว มีความอดทนอย่างสูง

จั๋วซือหรานจับหน้าผากด้วยมือของตนเองแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้า "ท่านอ๋องเฟิง ข้าไม่มีเวลามาเล่นแง่เล่นง่ามกับเจ้า และเคารพความปรารถนาของเจ้าที่อยากต่างคนต่างอยู่ แต่เวลานี้ ข้าต้องการรับการรักษาจากคุณหมอจริง ๆ "

เมื่อเฟิงเหยียนดูใบหน้าที่ซีดเซียวของนาง เฟิงหยานขมวดคิ้วเล็กน้อย “ตระกูลจั๋วไม่มีหมอประจำจวนหรือ”

“หมอประจำจวน ข้าจะกล้าเรียกใช้หรือ” จั๋วซือหรานเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง “จั๋วลิ่วเกลียดข้าจะตาย พ่อของนางห้ามคนในคลังจ่ายยาข้าด้วยซ้ำ ข้าจะเชิญหมอประจำจวนมาได้เช่นไร ต่อให้ข้าเชิญมาแล้ว ข้าก็ยังกลัวหมอจะโรยเกลือพิษที่แผลข้า แม้ร่างกายข้าจะแข็งแรงเพียงใดก็ไม่สามารถทนได้หรอก”

แหวนเสวียนเหยียนก็ไม่ได้ข้ามภพมากับนาง นางรู้วิธีการรักษาทว่าไม่มียารักษา แถมอาการบาดเจ็บทั้งหมดอยู่ด้านหลัง ทำให้นางรักษาได้ลำบาก

นางหายใจเข้าเบา ๆ แล้วพูดต่อ "ข้าจึงสั่งคนรับใช้ออกไปเรียกคุณหมอมา เพราะตอนนี้ข้าไม่สามารถรักษาตนเองได้ แต่เจ้ากลับทำได้ดีเสียจริง บอกห้ามก็ห้ามเลย "

นางเริ่มไอทันทีที่เธอพูดจบ ไหล่ของนางสั่นเล็กน้อย และเสียงที่นางกลั้นไอไว้ซ้อนด้วยเสียงที่มีเสมหะ

เฟิงเหยียนคุ้นเคยกับเสียงนี้มาก นั่นเป็นเสียงเสมหะปนเลือด

เขาขมวดคิ้วและหยิบป้ายไม้มะเกลือออก โยนป้ายบนโต๊ะ นั่นเป็นป้ายของคุณหมอ คุณหมอที่ผ่านการทดสอบโดยเฉพาะเท่านั้นจึงจะได้รับป้ายดังกล่าว และเมื่อได้รับป้ายนี้ จึงสามารถเอาป้ายไปหอยที่เรือนหมอและเป็นคุณหมอได้

เขามีป้ายนี้ นั่นหมายความว่า เขาสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของนางได้เช่นกัน

แต่จั๋วซือหรานหมอบลงโต๊ะโดยไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ

“จั๋วจิ่ว” เฟิงเหยียนเรียก แต่จั๋วซือหรานยังคงนิ่งเงียบ

เขาขมวดคิ้วและเอื้อมมือออก ค่อย ๆ ดันไหล่นาง แต่เขาเห็นตัวนางล้มไปด้านข้าง

เฟิงเหยียนยื่นมือออกไปรับนางไว้ และร่างอันบอบบางของหญิงสาวก็ถูกโอบไว้อยู่ในอ้อมแขนของเขา

เสื้อคลุมที่คลุมไหล่ของนางตกใส่พื้น และหลังของนางเปื้อนไปด้วยสีแดงเลือดที่น่าสยดสยองโดยไม่เหลือสิ่งใดปิดไว้ได้

เฟิงเหยียนตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หรี่ลงเพียงเล็กน้อย

แส้เก้าที

ตระกูลจั๋วลงมืออย่างโหดร้ายเสียจริง

และโดนตีเช่นนี้แล้ว นางยังตายอีก ช่างเก่งเสียจริง

เฟิงเหยียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นอุ้มนางแล้วเดินไปที่ห้องด้านใน

*

จั๋วซือหรานรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ แขนขาและกระดูกของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างมาก นางรู้สึกเปลือกตาของนางหนักอึ้งถึงพันโล และนางรู้สึกเวียนหัวด้วย

ท่ามกลางความสับสนเอาแต่คิดว่า หากท่านแม่เห็นนางในสภาพแบบนี้ ท่านแม่คงร้องไห้จนตาบอด

จั๋วซือหรานไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่เสียงกังวลและเสียงร้องไห้ของท่านแม่ดังก้องอยู่ในหูของนางอยู่ตลอด

“หรานหราน ทำอย่างไรดี… ควรทำอย่างไรดี?”

ท่านแม่

จั๋วซือหรานพยายามเปิดโพรงตาให้ได้มากที่สุด นางพบว่าตัวนางนั้นกำลังนอนค่ำอยู่บนเตียงโดยไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่ ความเจ็บปวดที่หลังของนางไม่ได้เจ็บอย่างกัดเซาะกระดูกเช่นตอนแรกแล้ว ตอนนี้นางทนความเจ็บนั้นได้แล้ว และติดแปะยาลงลงก็รู้สึกสดชื่นและเย็นสบาย

นางไม่มีเวลาคิดว่า ใครเป็นคนดูแลอาการบาดเจ็บของนางเสียงของแม่นางเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ “หรานหราน ลูกกำลังพักผ่อนอยู่หรือเปล่า”

จั๋วซือหรานรีบลุกนั่ง นางดึงเสื้อคลุมที่ข้าง ๆ และมัดไว้แน่น "เปล่าเจ้าค่ะ ท่านแม่เข้ามาได้เลย"

ผู้เป็นมารดาผลักประตูและเดินเข้ามาด้วยสีหน้าอันกังวล “ลูกดีขึ้นหรือยัง หมอว่าเช่นไรบ้าง”

“เอ่อ โอ้ ท่านแม่อย่ากังวลเจ้าค่ะ อาการบาดเจ็บดูร้ายแรง จริง ๆ แล้วคนของผู้อาวุโสใหญ่ไม่ได้ทำอะไรโหดร้ายกับหนูหรอก คุณหมอบอกว่า มันเป็นแค่อาการบาดเจ็บที่ผิวหนังและจะหายภายในไม่กี่วันเจ้าค่ะ”

จั๋วซือหรานปลอบใจของท่านแม่ “เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ”

ผู้เป็นมารดาโล่งใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าเป็นอาการบาดเจ็บที่ผิวหนัง แต่นางก็ดูกังวลอีกครั้ง “เสี่ยวหวาย เมื่อเสี่ยวหวายได้ยินลูกต้องถูกลงโทษด้วยกฎตระกูล เขาก็ไปขอความเมตตากับผู้อื่น ตอนนี้เขายังไม่กลับมาเสียที ข้าไม่สบายใจเลยไปถามหา เพิ่งทราบว่า แท้จริงแล้วเขาไปขอความเมตตาจากคุณท่านลิ่ว”

“อะไรนะ” จั๋วซือหรานเป็นห่วง นางรีบลุกขึ้นทันที “หนูจะไปหาเขาเดี๋ยวนี้”

หลังจากที่พวกนางเดินออกจากห้อง ร่างสูงที่ยืนอยู่หลังฉากกั้นห้องค่อย ๆ ปรากฏตัว

เฟิงเหยียนขมวดคิ้วและมองไปยังเสื้อคลุมของเขาที่วางอยู่ในตอนแรก ทว่าตอนนี้ตำแหน่งนั้นกลับว่างเปล่า

แม้แต่กระบี่ประจำตระกูลก็...

*

จั๋วซือหรานรีบวิ่งไปที่เรือนของคุณท่านลิ่ว

นางพูดกับยามรักษาประตูลานบ้านว่า "ข้ามาที่นี่เพื่อมารับน้องชายของข้า โปรดแจ้งคุณท่านลิ่วปล่อยเขาไป"

องครักษ์ไม่แสดงเจตนาที่จะปฏิบัติตาม และยังมองนางอย่างเยาะเย้ย "คุณชายหวายมาที่นี่อย่างหุนหันพลันแล่น และยังพูดหยาบคายใส่คุณท่านลิ่ว คุณท่านลิ่วเห็นใจคุณชายหวายมีแม่ที่กำเนิดชีวิต แต่ไม่มีพ่อที่สั่งสอนเขา ดังนั้นท่านจึงตัดสินที่จะสั่งสอนเขากฎของการเคารพผู้อาวุโสแล้ว เมื่อท่านสั่งสอนเสร็จ ท่านจะปล่อยคุณชายหวายกลับ“

“ในเมื่อคุณหนูจิ่วเพิ่งได้รับบทลงโทษของตระกูล ก็ควรดูแลอาการบาดเจ็บให้ดีสิ เหตุใดจึงต้องมาที่นี่ด้วย เชอะ แถมยังแต่งตัวไม่เรียบร้อยและวิ่งมาที่นี่ คุณหนูจิ่วไม่รู้สึกหยาบคายไปหน่อยหรือ”

จั๋วซือหรานหรี่ตาลงและมองดูตัวเอง นางจึงรู้ตัวเองรีบร้อยเหลือเกิน จึงรีบดึงเสื้อคลุมแล้วสวมให้ดี

เสื้อคลุมสีดำนี้... นางนึกถึงชายผู้มีใบหน้าหล่อเหลาอย่างยิ่ง และก็นึกถึงยาทาอันเย็นที่อยู่บนบาดแผลของนาง

หรือว่า ชายผู้นั้นเป็นเขา

และกระเป๋าด้านข้างที่เอวของเสื้อคลุมนี้... ดูเหมือนจะมีของหนักอยู่ในนั้นด้วย

นางล้วงเข้าไปในกระเป๋าด้านข้าง แล้วเลิกคิ้ว

ทันทีที่มือของนางอสัมผัสด้ามกระบี่ในกระเป๋าข้าง ๆ เรื่องต่างๆ ก็ง่ายขึ้นทันที

“คุณหนูจิ่ว ท่านคิดว่ามัน...เอ่อ” ก่อนที่องครักษ์จะพูดจบ เขาก็สังเกต จู่ ๆ จั๋วซือหรานก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตาเขา

เขาหันกลับไปมองเพื่อนที่ร่วมงานกัน แววตาของฝ่ายตรงข้ามก็สับสนเช่นกัน

จากนั้น พวกเขาทั้งสองก็ได้ยินเสียงผู้หญิงแผ่วเบาที่อยู่ข้างหลัง

“อาจเป็นเพราะหลังที่ข้ากลับมา ข้ามีนิสัยที่ดีมากเสียจนใครก็ได้กล้ามาห้ามข้า และอยากเหยียบหัวข้าเพื่อดูว่าข้าจะโกรธไหม”

เสียงของจั๋วซือหรานเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันน่ากลัว ทำให้พวกเขาขนหัวลุก

นางหัวเราะเบา ๆ แล้วถามพวกเขา “ข้าช่วยสมปรารถนาของพวกเจ้า ข้าโมโหแล้ว เช่นนั้นพวกเจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อล่ะ”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 9

    มีใบมีดคมที่เย็นเฉียบขึ้นจากหลังคอ และบัดนี้กระบี่เล่มนั้นกำลังถูกวางที่คอขององครักษ์เขาไม่กล้าขยับตัว เสียงของเขาก็สั่นเครือ “ จิ่ว คุณหนูจิ่ว ท่าน…มีอะไรจะพูด…ก็พูดกันดี ๆ เสียก่อน อย่าหุนหันพลันแล่นไปเลย... ““ข้าไม่ได้หุนหันพลันแล่น ข้าใจเย็นแล้วนะ” จั๋วซือหรานเสาะยิ้ม “แต่พวกเจ้าต่างหาก ตอนนี้พร้อมจะคุยกับข้าดี ๆ ยัง”“จิ่ว คุณหนูจิ่ว ท่านเป็นคนใจกว้าง อย่า อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับพวกข้าเลยขอรับ” ยามอ่อนแรงจนขาสั่น เขากลัวมือของจั๋วซือหรานจะสั่น“ตอนนี้ ข้าถามอะไร พวกเจ้าต้องตอบ เข้าใจหรือไม่”"เข้า เข้าใจแล้วขอรับ"“น้องชายของข้าอยู่ที่ไหน”“คุณท่านลิ่วนำตัวไปแล้ว”“นำตัวไปที่ไหน”“พวกเราไม่ทราบขอรับ” องครักษ์เกรงว่านางจะไม่เชื่อ จึงย้ำอีกครั้งว่า "พวกเราไม่รู้จริง ๆ และคุณท่านลิ่วก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกเราทราบการเดินทางของท่าน"“คำถามสุดท้าย จั๋วหรูซินอยู่ที่ไหน พาข้าไปหานางหน่อย” จั๋วหรูซินพูดอย่างเย็นชาโดยไม่ให้โอกาสผู้คุมปฏิเสธ นางกดกระบี่ลงจนทำให้เกิดรอยเลือดขึ้น*"ไร้ประโยชน์ ไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น"ในห้องด้านใน จั๋วหรูซินทุบถ้วยชาในมือของนางออย่างแรง "ถังหยวนอ่อนให้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 10

    จั๋วซือหรานเหลือบมองกระบี่เรียบง่ายที่ดูธรรมดาในมือของนางความจริงนี่คือกระบี่ประจำตระกูลของเฟิงเหยียน และกระบี่เล่มนี้มีชื่อเดียวกับแหวนเสวียนเหยียนของนางจริง ๆในวันที่ลูกหลานของตระกูลกำเนิด ห้องกระบี่ประจำตระกูลจะเริ่มตีเหล็กเข้ารูปเพื่อทำกระบี่ให้ทารก รูปแบบของกระบี่จะแตกต่างกันไป แต่ตราประจำตระกูลเฟิงจะถูกสลักไว้ที่ด้ามจับ และชื่อของเด็กคนนั้นจะถูกสลักไว้ที่ส่วนท้ายของด้ามจับจั๋วซือหรานมองกระบี่เสวียนเหยียนที่อยู่ในมือของนางและไม่พูดอะไรความเงียบของนางทำให้จั๋วหรูซินโกรธมากขึ้น “เจ้าพูดมาสิ ทำไมเจ้าจึงมีกระบี่ประจำตระกูลของท่านอ๋องเฟิง”จั๋วซือหรานเงยหน้าขึ้นและมองหน้านาง "เจ้ายังต้องถามอีกหรือ แน่นอนว่าเขาให้ข้ามา"นางหยุดครู่หนึ่งและพูดทีละคำ "ของ ขวัญ แทน ใจ"“เป็นไปไม่ได้” จั๋วหรูซินโกรธแค้น นางกัดฟัน “เจ้าไม่ต้องพูดไร้สาระ ท่านอ๋องเฟิงเบื่อหน่ายกับการถูกบงการมากกว่าใคร ๆ ก่อนหน้านี้ เจ้ายกเลิกการหมั้นหมายและต้องการแต่งงานกับคนอื่น สมหวังเขาพอดี นางคิดว่าเขาอยากแต่งงานกับเจ้าหรือ เขาอยากแต่งงานกับเจ้าเพียงเพราะเจ้า…”“ซินเอ๋อร์ หยุดพูดได้แล้ว” จู่ ๆ คุณท่านจั๋วลิ่วก็พู

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 11

    เมื่อได้ยินคำพูดของชายผู้นี้ ผู้สูงอายุใหญ่ก็ขมวดคิ้วรอยยิ้มบนใบหน้าของผู้สูงอายุสามแข็งทื่อ "เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร จวนของข้าจะขาดแคลนยาของเสี่ยวจิ่วได้เช่นไร ทว่าข้ายังคงขอบคุณสำหรับน้ำใจของท่าน"จั๋วซือหราน "ขอบพระทัยท่านอ๋องแทนข้าด้วย"“ขอรับ เมื่อข้าส่งมอบของเรียบร้อยแล้ว ข้าจะกลับไปรายงานเดี๋ยวนี้ ข้าขอลา และข้าขอคุณหนูจิ่วหายดีเร็ว ๆ ขอรับ”หลังจากผู้ติดตามของตระกูลเฟิงจากไปผู้สูงอายุใหญ่กล่าวอย่างเคร่งขรึม "ผู้ใดเข้ากะของคลัง นำตัวมา"จั๋วซือหรานยิ้มอย่างสงบ นางกล่าวว่า "ผู้อาวุโสใหญ่เจ้าคะ ผู้ที่ดูแลคลังของจวนแค่มองว่าใครมีฐานะสูงกว่ากัน และจะฟังคำสั่งของคนผู้นั้น หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากใครบางคน ก็จะมิกล้าทำเช่นนี้หรอก"ผู้อาวุโสใหญ่"ข้ารู้ว่าเจ้ามีความคับแค้นอยู่ในใจ เจ้าได้สสั่งสอนเสี่ยวลิ่วแล้ว เจ้าก็ยกโทษให้นางไปเสีย อย่าทำให้คนภายในตระกูลเสียความรู้สึกต่อกันเลย "จั๋วซือหรานพูดต่อ "หนูเทียบกับพี่ลิ่วมิได้หรอก นางยุยงให้คนนอกทำหนอนพิษกู่ใส่ข้า การกระทำเช่นนี้ ข้ายังไม่เรียกร้องความยุติธรรมเลย"“ทั้งหมดนี้ไม่มีที่เป็นยหลักฐานอันใด เหตุใดจึงต้องทำร้ายความส้มพัน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 12

    ที่จริงแล้วเฟิงเหยียนไม่มา จั๋วซือหรานกลับรู้สึกสบายใจขึ้นมากนางมีเวลาว่างพอดี นางจะได้วิเคราห์ชะตากรรมเดิมของเจ้าของร่างเดิมที่อยู่ในหัวในชะตาเดิมของเจ้าของร่าง เวลานี้นางได้แต่งงานกับฉินตวนหยางแล้ว ซึ่งตามมารยาท นางไม่ได้มาร่วมงานดอกไม้ในวังแน่นอน รู้เพียงในงานดอกไม้ครั้งนี้ จั๋วหรูซินทดลองยาให้ไทเฮาด้วยตัวเอง เพราะไทเฮานอนติดเตียงเป็นเวลานาน และนางได้รับการยกย่องสรรเสริญเป็นเสียงเอกฉันท์แต่ ณ ตอนนี้ หลังจากงานเลี้ยงเริ่มต้นได้ไม่นาน จั๋วหรูซินก็ลุกขึ้น“ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันทราบมาว่า ไทเฮาทรงประชวรนอนติดเตียงมานานแล้ว ซึ่งทำให้ท่านกังวลเป็นอย่างมาก...”แต่โครงเรื่องต่อไปไม่ได้เป็นไปตามโครงเรื่องเดิมเนื่องจากจั๋วหรูอหรานเปลี่ยนบทสนทนา "น้องสาวจิ่วของหม่อมฉันมีพรสวรรค์อย่างมาก มากเสียจนสามารถรักษาตัวจากแส้หนามของครอบครัวได้ภายในหนึ่งหรือสองวันหลังจากได้รับเฆี่ยนตีเก้าครั้ง ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งและพลังทางจิตวิญญาณ หากนางได้เป็นผู้ทดลองยายาของไทเฮา อาการเจ็บป่วยของไทเฮาจะหายขาดในไม่ช้า”ก่อนเข้าร่วมงานดอกไม้ในวัง บิดาและผู้อาวุโสสามให้นางเสนอจั๋วซือหรานให้เป็นผู้ทดลองยาให้แก่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 13

    ตำหนักหย่งโซ่วเมื่อครึ่งเดือนก่อน ไทเฮาจู่ ๆ ก็ล้มป่วยลงอย่างกะทันหันและตกอยู่ในอาการขั้นร้ายแรงเมื่อฮองเฮาพาคนมาที่ตำหนักหย่งโซ่ว แม่นมยวี่ที่อยู่เคียงข้างไทเฮาก็ระมัดระวังมากขึ้นเมื่อนางรู้ว่า จั๋วซือหรานมาที่นี่เพื่อวินิจฉัยและรักษาไทเฮา ดวงตาของแม่นมยวี่เป็นประกาย แต่ก็หรี่ลงอย่างรวดเร็วฮองเฮาจะใจดีขนาดนี้ได้อย่างไรนางยังเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณหนูจั๋วจิ่วมาก่อน คนเล่ากันว่า คุณหนูจั๋วจิ่วมีความอัจฉริยะ แต่น่าเสียดายที่คุณหนูจั๋วจิ่วเป็นคนของตระกูลจั๋ว มีใครหรือที่มิทราบว่า แท้จริงแล้วตระกูลเหยียนเป็นหมอเทวดาตั้งแต่บรรพบุรุษหรือ ตระกูลจั๋วไม่เคยมีใครรับตำแหน่งเป็นคุณหมออย่างจริงจังเลยเหยียนชาง ผู้เป็นหัวหน้าของห้องหมอหลวงยืนอยู่ข้าง ๆ "จั๋วจิ่ว เจ้าพูดเบาเลยนะ เจ้ามีวิชาหมอด้วยหรือ"เขาเชื่อจั๋วจิ่วไม่มีปัญญารักษาไทเฮาได้ และเนื่องจากเรื่องอื้อฉาวเมื่อไม่นานมานี้ เหยียนชางดูถูกจั๋วซือหรานอย่างมากจั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และพูดว่า "ข้าพอรู้มานิดหน่อย ขอแสดงฝีมืออันน่าอับอายเสียหน่อย"นางยกแขนเสื้อขึ้นแล้วยื่นมือออก มือของนางขาวราวหยก นิ้วของนางอยู่ห่างจากผิวหนังข้อมือของ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 14

    เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งที่ไทเฮาพูด ทุกคนก็อดไม่ได้ที่ต้องมองไปที่ท่านอ๋องเฟิงเฟิงเหยียนมองจั๋วซือหรานอย่างไม่กระตือรือร้นจั๋วซือหรานรู้สึกดวงตาที่เย็นชาและลึกล้ำของชายคนนี้ดูเหมือนสื่อสานได้ ราวกับว่า เขากำลังเยาะเย้ยนางอย่างเงียบ ๆ เหมือนเขากำลังเยาะเย้ยนางตอบแทนความเมตตาด้วยความเกลียดชัง และนางกลับคำพูดของนางทั้ง ๆ ที่เมื่อสองวันก่อน นางยังบอกเขาว่า จะไม่กวนเขาและจะไม่ให้เขารับผิดชอบจั๋วหรูซินกำลังอยากโล่งอก อย่างน้อยนางก็ไม่ต้องคู่กับฉินตวนหยางแต่นางยังไม่ทันโลง่อก และจั๋วซือหรานจะไม่ยอมให้นางสมหวังแน่นอน "ขอบพระทัยที่ไทเฮาเมตตา แต่สิ่งที่หม่อมฉันต้องการไม่ใช่พระราชโองการการสมรสกับท่านอ๋องเฟิงเพคะ"ทันใดนั้นจั๋วหรูซินตกตะลึงจนดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้น และนางก็จ้องมองไปที่จั๋วซือหรานไทเฮาตรัสว่า “หรือ”จั๋วซือหรานยังคงสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของชายคนนั้น สายตานั้นราวกับเป็นประกาย เหมือนมีไฟลุกอยู่แผ่นหลังของนาง แต่เมื่อคิดถึงภัยคุกคามครั้งก่อนของผู้อาวุโสใหญ่ นางทำได้เพียงกัดกระสุนและพูดซ้ำสิ่งที่นางพูดในวันงานเลี้ยงแต่งงาน "หม่อมฉันมีความรักที่หยั่งรากลึกต่อท่านอ๋องเฟิงโดยไม

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 15

    “ไร้... ไร้สาระ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แค่นี้” จั๋วหรูซินพูดตะกุกตะกัก นางแอบเกลียดจั๋วซือหรานที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นคนเฉียบคมขนาดนี้ในความเป็นจริง ตั้งแต่วินาทีที่คุณท่านจั๋วลิ่วเห็นนางดึงกระกระบี่เสวียนเหยียนออกมา จั๋วซือหรานเห็นทัศนคติที่เขามีต่อนาง จั๋วซือหรานก็รู้ว่า มีบางอย่างผิดปกติ ช่วงสองวันที่นางฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ นางหาเวลาสอบถามข้อมูลบางอย่างด้วยพลังทางจิตวิญญาณของตระกูลเฟิง ผู้ที่มีพรสวรรค์มากเท่าใด จะมีฤทธิ์ร้ายแรงมากขึ้นเท่านั้น ฤทธิ์ร้ายแรงนั้นไม่เพียงเป็นภาระต่อผู้อื่นเท่านั้น แต่ยังเป็นภาระตนเองด้วยดังนั้นลูกหลานของตระกูลเฟิงจึงมีอายุได้ไม่นาน และยิ่งมีความสามารถมากเท่าไร พวกเขาก็จะยิ่งมีอายุน้อยลงเท่านั้นหากทุก ๆ ลูกหลานเป็นเช่นนี้ตลอด ตระกูลเฟิงจะถูกกำหนดให้พังพินาศหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลเฟิงพยายามหาวิธีเพื่อแก้ปัญหานี้ได้ตระกูลเหยียนเก่งด้านการแพทย์และการใช้ยา ดังนั้นตระกูลเหยียนจึงกลายเป็นเป็นหมอประจำของตระกูลเฟิงห้องกระบี่ประจำตระกูลออกแบบกระบี่ให้เป็นอาวุธประจำตระกูล และยังใช้เป็นตราประทับและเครื่องที่รองรับพลังด้วยดังนั้นบุตรหลานของตระกูลเ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 16

    “แล้วล่ะขอรับ” เขาพูดเบา ๆจั๋วซือหรานตอบ "ดังนั้นพวกเราควรเลือกสิ่งที่เราต้องการ มาร่วมมือกัน"เฟิงเหยียนเลิกคิ้ว "ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือเช่นไร เจ้ามีอะไรที่ข้าต้องการหรือ"ดวงตาของจั๋วซือหรานสว่างเป็นประกาย นางมองเขาอย่างแน่วแน่ "อะไรที่เหยียนฉีไม่สามารถรักษาเจ้าได้ บางทีข้าอาจจะรักษาได้"เมื่อเฟิงเหยียนได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เขาหรี่ตาลง เดิมทีมือของเขางวางบนกระบี่ประจำตระกูลที่เอวอย่างไม่ได้ตั้งใจที่ ทีนี้นิ้วหัวแม่มือดันด้ามมีดเล็กน้อย ใบมีดอันแหลมคมที่ประกายความหวาดกลัวนั้นปรากฏส่วนอันสั้นจากฝักหระบี่มันยาวเท่ากับนิ้วหัวแม่มือของมนุษย์เท่านั้นเองความอาฆาตจั๋วซือหรานรู้สึกถึงแรงผลักดันที่พุ่งออกมาจากเขาอย่างชัดเจนเขาคู่ควรกับการเป็นอัจฉริยะที่ตระกูลเฟิงไม่เคยพบและไม่เคยเห็นมานานนับศตวรรษแข็งแกร่ง เสียจริงคนขับรถม้าเกือบจะฉี่รด เขาตัวสั่น และถอยไปด้านหลังสองสามก้าว“นี่คือสิ่งที่จั๋วลิ่วบอกเจ้าในเมื่อสักครู่หรือ” เฟิงเหยียนพูดอย่างเย็นชาจั๋วซือหรานพูด "นางไม่ต้องบอกข้า ขาก็เดาออกได้"จากปฏิกิริยาของเฟิงเหยียน จั๋วซือหรานรู้นางเดาถูก นางลดสายตาลงและมองขาอันยาว

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1255

    จั๋วหวายเกือบจะสำรอกออกมาแล้ว!"ถ้าจะอาเจียนก็ออกไปอาเจียนซะ ถ้าทำกู่กล่องนี้ของข้าพัง ข้าจะจับเจ้าแขวนห้อยหัวซะเลย" ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นเสียงเรียบจั๋วหวายหมุนตัวพุ่งออกไป สูดลมหายใจลึกหลายครั้งกว่าจะสงบลงมาได้ จากนั้นจึงเตรียมตัวเตรียมใจ ตอนที่เข้าไปอีกครั้งก็ไม่มีกระทบกระเทือนอย่างแรงแบบก่อนหน้าแล้วแต่สายตากลับไม่ได้มองไปยังแผ่นกระดานที่มีของดิ้นกระแด่วๆ นั่นมองแล้วขนลุกสุดๆ"มีเรื่องอะไร?" ปันอวิ๋นถามขึ้นเสียงเรียบจั๋วหวายเอ่ยเสียงต่ำ "ท่านรู้..." เขาสูดจมูก ถามออกไปว่า "ท่านรู้จักเฟิงเหยียนใช่ไหม?"ปันอวิ๋นเดิมทีกำลังป้อนอาหารเจ้าพวกดุ๊กดิ๊กพวกนั้นพอได้ยินคำนี้ การเคลื่อนไหวก็หยุดลงมา ไม่หันไปมองเขา ผ่านไปครู่หนึ่งจึงถามขึ้นเรียบๆ ว่า "ทำไมล่ะ?""ข้าอยากเจอเขา ข้าอยากจะถามเขา ว่าทำไมทำแบบนี้กับพี่ของข้า" จั๋วหวายขอบตาแดงรื้นเขาสูดหายใจลึกแล้วพ่นออกมา "ข้าเองก็อยากจะถามเขา ว่าช่วยพี่ข้าได้ไหม ถ้าหากไม่ได้ หรือก็คือเขาเป็นผู้ชายทรยศ ไม่ยินยอม เช่นนั้นเขามาบอกกับท่านพี่ได้ไหม ว่าให้เลิกแล้วต่อกันจบๆ ไป"ปันอวิ๋นพอได้ยินคำนี้ จะฟังความเสียใจในใจจั๋วหวายไม่ออกได้อย่างไรกั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1254

    เซี่ยอวิ๋นซีสูดหายใจลึก "เอาล่ะ ส่วนี้ข้าฟังจบแล้ว ยังมีอีกไหม?"จั๋วเฮ่ออิงอันที่จริงยังอยากจะขอโทษนาง ง้อนางดีดีแต่ตอนนี้ ยังไม่ใช่เวลาจริงๆเขาเองก็รีบกลับมาก็เพราะเรื่องที่เร่งด่วนกว่าจั๋วเฮ่ออิงพยักหน้า "ยังมี ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าเรื่องของข้าอีกร้อยเท่า"นิ้วของเซี่ยอวิ๋นซีเคาะเบาๆ บนโต๊ะ ริมฝีปากเม้ม สีหน้าตึงเครียดขึ้นมาแล้ว"เสี่ยวหวายหรือ?" เซี่ยอวิ๋นซีพอคิดถึงเรื่องที่ลูกชายถูกเอาไปทำผู้ทดลองยา ใจก็เหมือนถูกกรีดแทงแม้จะเชื่อมั่นในลูกสาว แต่ก็ยังหวาดกลัวอยู่ ถ้าหากช้าเกินไปล่ะ ถ้าหากสถานการณ์ไม่สู้ดีล่ะ?แต่นางกลับเห็นจั๋วเฮ่ออิงส่ายหัว สีหน้าขรึมลง เสียงเองก็ขรึมด้วย "หรานหรานต่างหาก"สีเลือดบนหน้าเซี่ยอวิ๋นซี พริบตานี้ซีดลงมาทันที......จั๋วหวายอยู่หน้าเตา บนจมูกมีเขม่าดำอยู่หน่อยๆจวงอี๋ไห่เตือนเขา "คุณชายเสี่ยวหวาย ท่านไปพักเถอะ ที่นี่ข้าจัดการก็พอแล้ว""ข้าอยากจะรอที่นี่" จั๋วหวายเม้มปากแน่น ดวงตาเบิกโพลง แดงก่ำเล็กน้อย เหมือนจะร้องไห้ได้ตลอดเวลา "ข้ากำลังคิด...ข้าแค่จ้องมองยาของท่านพี่ ข้าก็สบายใจ"ชายหนุ่มในที่สุดก็ทนไม่ไหว ยกมือขึ้นมาเช็ดตาแม้น้ำ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1253

    "ตอนนั้นข้าบาดเจ็บหนักในสนามรบ หลังจากตื่นมาก็ไม่รู้วันคืน ไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน และไม่รู้กระทั่งชื่อสกุลตัวเอง พวกเขาบอกข้าว่า สถานที่นั้นชื่อว่าสำนักเมฆาวารี ตั้งอยู่ที่รอยต่อของพรมแดนใต้กับแคว้นชาง เป็นสำนักที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในท้องถิ่นนั้น..."จั๋วเฮ่ออิงเล่าเรื่องราวตอนนั้นออกมาอย่างละเอียดเขาไม่มีความทรงจำก่อนหน้าอยู่นาน ต่อให้ภายหลังในที่สุดก็นึกออกมาแล้ว ความทรงจำก็ยังขาดๆ หายๆดังนั้นช่วงนี้ อันที่จริงเขาก็พยายามรวบรวมความทรงจำและเรื่องในอดีตปะติดปะต่อเข้าด้วยกันอยู่ตลอดตอนนี้ถือว่าสามารถเล่าออกมาได้อย่างราบรื่นแล้ว กระทั่งตอนที่เจอกับจั๋วหวายก่อนหน้า เขายังไม่ได้เล่าให้ชัดเจนเลยจั๋วอวิ๋นฉีฟังเงียบๆ อยู่ข้างๆ แต่พอได้ยินก็อึ้งไป!ใครจะไปคิด ตอนนั้นที่พูดกันว่าลุงเก้าหายไปอย่างไร้ร่องรอยไม่เจอกระทั่งศพ น่าจะตายไปในสนามรบแล้ว กลับมาเจอกับเรื่องแบบนี้?จั๋วอวิ๋นฉีอึ้งไปแล้ว แต่เขาก็ยังเอียงตามองอาสะใภ้เก้าสีหน้าบนหน้าอาสะใภ้เก้ากลับยังคงสงบนิ่งอยู่ตลอดไม่มีท่าทีตกตะลึงใด สีหน้าเองก็ไม่มีอาการด้วยกระทั่งหลังจากจั๋วอวิ๋นฉีได้ยินว่าลุงเก้าถู

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1252

    เซี่ยอวิ๋นซีอ้าปากพะงาบ แต่กลับไม่มีเสียงออกมา!ดังนั้น ร่างกายจึงขยับไปก่อนคำพูดเซี่ยอวิ๋นซีเดินตรงไปหาเขา ไม่กล้าเข้าใกล้นัก เหมือนยังคงกลัวจะทำลายภาพมายานี้ลงไปกระทั่งยื่นมือ ก็ยังทำได้แค่ลากมือเบากลางอากาศเหมือนลูบใบหน้าที่ขมุกขมอมของชายหนุ่มนางยิ้มพร้อมน้ำตา "ข้าเคยคิดมาหลายครั้ง ถ้าหากท่านยังมีชีวิตอยู่ จะมีหน้าตาแบบไหน...น่าจะเป็นแบบนี้กระมัง""เสี่ยวอวิ๋น..." จั๋วเฮ่ออิงมองหญิงสาวตรงหน้าตาแดงรื้นตนเองพลาดอะไรไปบ้างนี่...เสียงของเขาสั่นเครือขึ้นมา "ข้ากลับมา...ช้าไปหน่อย"เซี่ยอวิ๋นซีตอนนี้ ความไม่อยากเชื่อในสมองเหล่านั้น ในที่สุดก็ค่อยๆ ตกตะกอนลงไปนางเดินขึ้นหน้าไปหลายก้าว ในที่สุดก็มาอยู่ตรงหน้าจั๋วเฮ่ออิงยกมือขึ้นมา ลูบเบาๆ ที่ชายเสื้อเขาก่อนหลังจากพบว่าตนเองแตะต้องเขาได้จริงๆความรู้สึกที่เก็บซ่อนมานาน ในที่สุดก็เอ่อทะลักออกมาจึงยกมือขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่ใช่แค่ลูบเบาๆ แล้ว นางกำหมัด ทุบลงไปที่หน้าอกของเขา"ท่าน...ท่าน....ท่านไปอยู่ไหนมา...ยังมีชีวิต...ยังมีชีวิตอยู่แล้วทำไม...ทำไมไม่กลับมากัน?! ท่านไปอยู่ที่ไหนมา..."จั๋วเฮ่ออิงพูดไม่ออกเลยสักคำทำได้แ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1251

    เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบมาตลอด ในที่สุดก็ผ่อนช้าลงจั๋วเฮ่ออิงยังหยุดอยู่ที่เดิม ยกมือขึ้นมาจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมที่ยุ่งเหยิงของตนเองจั๋วอวิ๋นฉีไม่รู้เขาเดินนำไปข้างหน้าก่อนแล้วรอจนตอนที่จั๋วเฮ่ออิงตามขึ้นไป จั๋วอวิ๋นฉีก็เดินเข้าไปในสวนจี๋หย่าย่วนแล้ว เดินเข้าไปด้วยพลางเรียกขึ้นอย่างอบอุ่น "ป้าสะใภ้เก้า""อวิ๋นฉีมาแล้วหรือ..." เสียงอ่อนโยนเสียงหนึ่งดังออกมาจากด้านในสวนจี๋หย่าย่วนคุ้นเคยเหลือเกินตอนที่ได้ยินเสียงนี้ ใจของจั๋วเฮ่ออิงก็เต้นรัวจนผิดปกติตึงเครียดจนปากคอแห้งผากจั๋วอวิ๋นฉีเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม "ไม่ใช่แค่ข้านะ ลองเดาสิว่าข้าพาใครมา?""เจ้ามาทุกครั้งก็ชอบเอาของมาให้ข้า ข้าบอกว่าไม่ต้องแล้วแท้ๆ ข้าไม่ได้ขาดเหลืออะไรหรอก" เซี่ยอวิ๋นซีกำลังรดน้ำต้นไม้ในสวนพวกนี้ล้วนถูกย้ายมาจากสมุนไพรเหล่านั้นที่นางปลูกไว้ในเรือนของจั๋วซือหรานเซี่ยอวิ๋นซีรู้ว่าลูกสาวชอบ จึงคิดจะนำมาปลูกไว้ในสวนจี๋หย่าย่วนหน่อยอันที่จริงก่อนหน้านี้เซี่ยอวิ๋นซีส่วนใหญ่อยู่ในเรือนของลูกสาวมากกว่า แต่จั๋วอวิ๋นฉีไปเยี่ยมนางค่อนข้างลำบาก แล้วเขาก็ไปเยี่ยมอยู่บ่อยๆ ก็เพราะไม่ค่อยวางใจที่เซี่ยอวิ๋นซีอยู่ท

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1250

    "เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นน่ะ เอาเป็นว่า...เรื่องมันยาวมาก" จั๋วเฮ่ออิงถอนหายใจยาว จากนั้นจึงเอ่ยว่า "จริงด้วย พาข้าเข้าไปหน่อยได้ไหม ข้ามีเรื่องด่วนต้องไปหาเสี่ยวอวิ๋น"จั๋วอวิ๋นฉีรู้ ว่าเสี่ยวอวิ๋นในคำพูดลุงเก้า หมายถึงสะใภ้เก้าลุงเก้ากับสะใภ้เก้ารักกันดีมาแต่ไหนแต่ไร เข้ากันได้ดีรักใคร่กลมเกลียวและด้วยเหตุนี้ ตอนข่าวที่ลุงเก้าตายตอนนั้นส่งกลับมา สะใภ้เก้าแทบจะตายตามกันไป ถ้าไม่ใช่ยังมีลูกอยู่สองคน...แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ นางก็ยังดูเหมือนตายไปแล้วรอบหนึ่งอย่างไรอย่างนั้นจั๋วอวิ๋นฉีพยักหน้าหงึกหงัก เอ่ยขึ้นว่า "ข้าจะพาท่านไป!สะใภ้เก้าถ้าเห็นท่านกลับมา คงจะดีใจมากแน่ๆ ตอนนั้น...ที่ข่าวท่านรบจนตัวตายส่งกลับมา สะใภ้เก้าเกือบจะปลิดชีพตามท่านไปแล้ว ถ้าไม่ใช่ซือหรานกับเสี่ยวหวายยังเล็กล่ะก็..."จั๋วเฮ่ออิงหลายวันนี้ รู้สึกกลัดกลุ้มเพราะเรื่องของลูกๆ มากอันที่จริงไม่ค่อยได้คิดถึงทางภรรยาเท่าไรตอนนี้ ได้ยินคำพูดของจั๋วอวิ๋นฉีชั่วพริบตา จั๋วเฮ่ออิงก็รู้สึกว่า ในใจเหมือนถูกมีดกรีดผ่าอย่างไรอย่างนั้น เจ็บปวดรวดร้าว!จั๋วอวิ๋นฉีดีใจสุดๆ หลังจากทักทายเหล่าคนคุ้มกันแล้ว ก็นำจั๋วเฮ่ออิงเข้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1249

    "พอได้ยินคำพูดจั๋วอวิ๋นฉี ทหารก็ตกตะลึงไป""อะ อะไร?!"ก่อนหน้านี้ตอนได้ยินชื่อจั๋วเฮ่ออิง ทหารไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย และไม่ได้คิดไปถึงตัวของพ่อจั๋วซือหรานด้วยเพราะทุกคนรู้ว่า สาเหตุที่แม่นางจั๋วจิ่วแต่ก่อนได้รับความไม่เป็นธรรมจากตระกูลจั๋ว ส่วนใหญ่ก็เพราะมาจากนางไม่มีพ่อให้พึ่งพานั่นเองส่วนใหญ่ก็น่าจะเพราะแบบนี้ ดังนั้นตอนที่ได้ยินชื่อจั๋วเฮ่ออิง ผู้คนจึงคิดไปแค่ คนคนนี้น่าจะเป็นคนจากตระกูลจั๋วที่มีชื่ออักษรเฮ่อเท่านั้น เป็นใครกันแน่นะแต่ไม่คิดไปถึงตัวจั๋วซือหรานเลย"ให้ตายเถอะ อย่างนั้นก่อนหน้านี้ข้าก็เสียมารยาทแล้วสิ?" ทหารรู้สึกสำนึกผิดขึ้นมาทันทีจั๋วอวิ๋นฉียิ้มๆ "ก็ยังไม่แน่หรอก บางทีอาจจะไม่ใช่ลุงเก้าก็ได้ ถึงอย่างไรลุงเก้าก็ไม่อยู่มาหลายปีแล้ว ถ้าคนไม่เกี่ยวข้องกล้าปลอมตัวเป็นลุงเก้า ข้าจะให้เขาต้องชดใช้อย่างสาสม"จะปลอมตัวเป็นใครในตระกูลจั๋วก็ได้ จั๋วอวิ๋นฉีไม่มีความเห็นอะไร แต่ลุงเก้านั้นไม่ได้สำหรับตัวเขา ซือหรานถือว่ามีบุญคุณที่นางเห็นคุณค่าและสนับสนุนเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กสาวคนนี้ ตนเองก็ยังไม่รู้ว่าต้องเร่ร่อนอยู่ภายนอกอีกกี่ปีดังนั้น ถ้าสวมรอยเป็นคนอื่น จั๋

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1248

    "ตามหลักแล้วคนตระกูลจั๋วควรจะปฏิบัติดีด้วยเป็นพิเศษ แต่กฏก็ยังเป็นกฏ ยิ่งไปกว่านั้นชื่อนี้ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน ยังต้องไปบ้านตระกูลจั๋วเพื่อแจ้งทราบก่อนจึงจะยืนยันได้ เจ้าไปตอนนี้เลย ขี่ม้าข้าไป รีบไปรีบกลับ ถ้าหากเป็นคนตระกูลจั๋วจริง ข้าจะขอรับโทษด้วยตนเอง""รับทราบ!" ทหารไม่กล้าชักช้า ขึ้นขี่ม้าของหัวหน้า ทะยานไปยังบ้านตระกูลจั๋วเดิมทียังคิดว่าต้องไปถึงจวนจั๋วก่อนถึงจะได้ถามใครจะคิดว่ากลางทาง ก็เจอเข้ากับผู้อาวุโสห้าตระกูลจั๋ว หรือก็คือจั๋วอวิ๋นฉีที่แม่นางจั๋วจิ่วดันขึ้นไปเป็นผู้อาวุโสที่หล่อเหลาอายุน้อยคนนั้นนั่นเองว่ากันว่าเป็นคนที่โดดเด่นสุดในกลุ่มชายหนุ่มของตระกูลจั๋วเลยทีเดียว เป็นอัจฉริยะที่ตอนนั้นถูกใส่ร้าย บวกกับกฏเกณฑ์คร่ำครึของตระกูลจั๋ว จนเกือบทำให้ถูกกลบฝังความสามารถไว้นอกตระกูลหลังจากแม่นางจั๋วจิ่วออกจากเมืองหลวง ตระกูลจั๋วก็ก็ได้จั๋วอวิ๋นฉีมาช่วยค้ำจุน หลายปีนี้ที่เขาอยู่ภายนอกก็ไม่รู้ว่าผ่านอะไรมาบ้าง เรียนรู้อะไรมาเยอะมาก มีฝีมืออยู่พอควรเลยทีเดียวในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ทำให้การค้าของตระกูลจั๋วเจริญรุ่งเรือง บวกกับเจ้าสำนักทั้งสองในตลาดมืดที่แม่นางจั๋วจิ่วคบค้าไว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1247

    ได้ยินคำนี้ของเขา คนคุ้มกันประตูเมืองก็แหงนตาเหลือบมองเขาเมืองหลวงไม่มีใครไม่รู้จักตระกูลจั๋ว โดยเฉพาะคนค่ายคุ้มกันกับค่ายคุ้มกันเมือง เพราะเคยได้รับบุญคุณช่วยชีวิตจากจั๋วซือหราน จึงมีความอ่อนไหวต่อแซ่จั๋วขึ้นไปอีกยิ่งไปกว่านั้นต้องรู้ด้วย พวกผู้ชายในตระกูลจั๋ว ก็ล้วนเป็นพวกที่มีชื่ออวิ๋นอยู่ทั้งนั้น ไม่ว่าจะจั๋วอวิ๋นเฟิงกับจั๋วอวิ๋นชิงที่ถูกจั๋วซือหรานสั่งสอนไปแล้วแล้วยังมีจั๋วอวิ๋นฉีที่จั๋วซือหรานพากลับมาแล้วดันขึ้นเป็นผู้อาวุโสแต่ชายหนุ่มรุ่นที่แล้วของตระกูลจั๋ว เป็นรุ่นที่มีชื่อเฮ่ออย่างคุณท่านจั๋วลิ่วที่ถูกจั๋วซือหรานลากลงมาตอนนั้น ก็มีชื่อว่าจั๋วเห้อหรงแต่ว่าจั๋วเฮ่ออิง ไม่ได้ยินมานานมากแล้วดังนั้นคนคุ้มกันจึงไม่รู้จัก รู้สึกว่าอาจจะเป็นญาติห่างๆ ก็ได้เพียงแต่ว่า ในเมื่อเป็นคนจากตระกุลจั๋ว ก่อนหน้านี้ไม่สนใจ แต่ตอนนี้ตระกูลจั๋วมีแม่นางจั๋วจิ่วเข้ามาดูแลแล้วท่าทีการพูดของพวกเขาต่อคนตระกูลจั๋ว ก็จะอ่อนโยนลงหน่อยดังนั้นจึงเอ่ยกับจั๋วเฮ่ออิงว่า "ญาติของตระกูลจั๋วสินะ?"จั๋วเฮ่ออิงพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจนัก ถึงอย่างไรตนเองก็หายสาบสูญไปตั้งหลายปีแล้ว

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status