Share

บทที่ 7

Author: หูเทียนเสี่ยว
จั๋วหรูซินตะโกนด้วยความโกรธ "จั๋วซือหราน เจ้า"

“พอแล้ว” ผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้วและตะโกน

จั๋วหรูซินยังอยากฟ้องต่อ "ผู้อาวุโสใหญ่ นาง..."

จั๋วซือหรานกลับโค้งคำนับเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพ "ข้าจะไปรับการลงโทษที่ห้องโถงบรรพบุรุษเจ้าค่ะ"

ทิ้งจั๋วหรูซินอยู่นั่นผู้เดียว ปล่อยนางโกรธจนหน้าซีด

ระหว่างทางไปห้องโถงบรรพบุรุษ จั๋วซือหรานเจอฝูซูและฝูซาง

“หลิ่วเย่ล่ะ” จั๋วซือหรานถาม

ฝูซางตอบ “พวกเราหลบสายตาของผู้อื่น พานางเข้าเดินผ่านประตูหลังและเดินเข้าจวน มัดนางไปหาผู้อาวุโสใหญ่เพื่ออธิบายรายละเอียดต่าง ๆ จากนั้นผู้อาวุโสใหญ่ก็สั่งให้ขังนางไว้ในห้องเก็บฟืนที่ลานด้านข้างจนกว่าเขาจะสอบปากคำ”

ฝูซูถาม "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูลิ่วกำจัดหลิ่วเย่หรือไม่เจ้าคะ มิเช่นนั้นข้าไปคอยคุ้มกันไว้ดีไหมเจ้าคะ"

จั๋วซือหรานยกริมฝีปากขึ้นและยิ้ม "หากนางฆ่าอีนังนั้นเสียจริง นั่นก็หมายความว่า หาเรื่องใส่ตัวแล้วน่ะสิ ในเมื่อผู้อาวุโสใหญ่สั่งขังหลิ่วเย่อยู่ในห้องเก็บฟืนที่ลานด้านข้าง แสดงว่าท่านต้องแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว"

หากจั๋วหรูซินจิตใจลุกลี้ลุกลน แล้วไปฆ่าหลิ่วเย่จริง ๆ เรื่องน่าจะสนุกน่าดูสินะ

ฝูซางกังวล"คุณหนูเจ้าคะ ตอนนี้คุณหนูรัยการลงโทษที่ต้องทำตามกฎเกณฑ์บ้านได้อย่างไรเจ้าคะ ไม่เช่นนั้น เราไปขอความเมตตาจากผู้อาวุโสใหญ่เสียดีกว่าไหมเจ้าคะ"

จั๋วซือหรานส่ายหัว "ยิ่งตอนนี้ข้าแย่มากเท่าไหร่ จั๋วหรูซินก็จะยิ่งแย่ลงมากเท่านั้นเมื่อความจริงได้ปรากฏขึ้น"

จั๋วซือหรานสั่ง"ฝูซาง เจ้าไปบอกแม่ข้าว่า ข้าเสร็จธุระเมื่อใด ข้าจะไปเยี่ยมท่าน ส่วนเรื่องกฎตระกูล เจ้าไม่ต้องบอกท่านหรอกนะ"

ฝูซางรับคำสั่ง "ข้ารับทราบเจ้าค่ะ"

ฝูซูถาม"คุณหนูเจ้าคะ แล้วข้าล่ะ"

จั๋วซือหรานกลอกตาแล้วพูดว่า "ฝูซู เจ้าต้องไปข้างนอก ช่วยข้าทำเรื่องหนึ่ง"

*

ในห้องโถงบรรพบุรุษ ถังหยวน ผู้รับใช้ของผู้อาวุโสใหญ่กำลังรออยู่แล้ว

“คุณหนูจิ่ว”

“รบกวนท่านลุงถังแล้ว” จั๋วซือหรานกล่าว

"ข้าขอโทษสำหรับการล่วงเกินตัวขอรับ" ถังหยวนมีนิสัยตรงไปตรงมา เขาไม่เคยจงใจทำลายผู้คน แต่เขาก็ไม่อ่อนให้ใคร

ตามกฎของตระกูลจั๋ว วิธีการลงโทษคือ นำแส้ที่มีหนามไปแช่ในสุราแรง หากใครมีสภาพร่างกายไม่ดีและถูกเฆมี่ยนไปหนึ่งที เขาจะอาเจียนเป็นเลือดทันที

"เพี้ยะ--"

จั๋วซือหรานเจ็บจนเกือบเป็นลม นางรู้สึมีรสหวานคาวพุ่งพล่านอยู่ในลำคอของนาง

นางเจ็บอย่างหนัก จนทรงตัวไม่อยู่ นางเซไปเซมา แต่นางยังคงกลั้นความเจ็บนั้นไว้โดยไม่ร้องสักคำ

ถังหยวนชื่นชมความอดทนของจั๋วซือหราน แต่แส้ในมือของเขายังคงหนักแน่น เขาแช่มันในสุราแรงอีกครั้งแล้วเหวี่ยงแส้ออกมาเป็นครั้งที่สอง

จั๋วซือหรานต้องถูกเฆี่ยนถึงเก้าครั้ง

นางยกมือเช็ดเลือดที่ไหลออกจากปากของนาง

หลังจากถูกเฆี่ยนไปอีกสองสามที ใกล้จะจบการลงโทษนั้น

ทันใดนั้น เสียงผู้หญิงอันโศกเศร้าโหยหวนดังจากประตู

“อย่านะ อย่าตีลูกสาวข้านะ”

จั๋วซือหรานตกใจ "...ท่านแม่"

เสียงฝีเท้ารีบเร่งร้อนรนซ้อนกับเสียงลมที่เกิดจากการเคลื่อนแส้ครั้งสุดท้าย

มารดาของนางพยายามแบกรับการลงโ?ษแทนนาง เพื่อแบรกรับการโจมตีจากแส้นี้

ทันใดนั้นดวงตาของจั๋วซือหรานที่ปิดอยู่เพียงครึ่งหนึ่งก็เปิดขึ้น ดวงตาคู่นั้นแสนเย็นชา

ทันใดนั้นร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงกลับเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว นางเอาตัวปกป้องร่างที่บอบบางของมารดาไว้ในอ้อมแขนอย่างแน่น จากนั้นนางก็หันหลังกลับเพื่อเอาแผ่นหลังไปรับการโจมตีครั้งสุดท้าย

“เอือก ” จั๋วซือหรานกระอักเลือดใส่หน้ามารดาของตนเอง

“หรานหราน ลูกแม่” ผู้เป็นมารดาร้องตะโกนออกมา

เสื้อผ้าอันสีขาวของจั๋วซือหรานเต็มไปด้วยรอยแส้ที่เปื้อนเลือด ซึ่งทำให้คนสะเทือนใจอย่างมาก และกระตุ้นให้คนเกิดความน่าสงสารอย่างเต็มที่

ทว่านี่ก็ทำให้มารดาที่น่าสงสารผู้นี้หวาดกลัวเช่นกัน

ถังหยวนกล่าวว่า "คุณหนูจิ่ว ข้าขอโทษที่ล่วงเกินตัว วันหลังฝ่ากฎตระกูลอีกครั้ง แส้หนามของกฎตระกูลเป็นของที่พิเศษ แม้สติปัญญาของท่านจะดีแค่ไหนก็ตาม หากถูกเฆี่ยนตีเช่นนี้หลายครั้ง ร่างกายของท่านก็จะถูกทำลายได้ถึงแก่นแท้เช่นกัน”

“ขอบคุณท่านลุงถังที่ตักเตือนเจ้าค่ะ”

มารดาของจั๋วซือหรานพยุงนางเดินกลับอย่างระมัดระวัง น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก

“ท่านแม่ หนูไม่เป็นไรเจ้าค่ะ หนูไม่เจ็บเลย”

“หนูโกหก รอยแผลเต็มตัวเช่นนี้แล้ว”

“ไม่เจ็บจริง ๆ ท่านแม่ไม่โกรธหนูหรอกนะ”

เนื่องจากนางถูกเสน่ห์หนอนพิษกู่คุมสนิต นางยืนกรานที่จะแต่งงานกับฉินตวนหยาง นางไม่ยอมฟังคำพูดของผู้เป็นมารดาแม้แต่คำเดียว

“พวกเขาบอกแม่ว่า ลูกไม่มีสติเพราะลูกถูกควบคุม พวกเขายังบอกอีกว่า หนูถูกยนอนพิษกู่ควบคุมสติ และหนูต้องเผชิญกับสิ่งเลวร้ายอย่างหนัก”

ผู้เป็นมารดาหลั่งน้ำตาและพูดว่า "คนอื่นอิจฉาข้าที่ให้กำเนิดลูกพร้อมพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา พวกเขายังอิจฉาด้วยว่า เพราะมีลูกที่เก่ง ข้าจึงมีโอกาสใช้ชีวิตอย่างดี แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่า ข้าอยากให้ลูกมีความสามารถแบบธรรมดา ๆ มากกว่า พวกเราใช้ชีวิตแบบลำบากหน่อยก็ไม่เป็นไร อย่างน้อย ลูกก็จะได้ไม่ถูกคนอื่นอิจฉาและเล่นงาน ลูกจะต้องไม่ต้องทนทุกข์ทนมากเช่นนี้”

ใบหน้าของจั๋วซือหรานซีดขาว ทว่ากลับยิ้มออก "ท่านพ่อจากไปแล้ว หนูเป็นลูกสาวคนโต หนูต้องดูแลครอบครัวของเราให้ได้ หนูต้องให้ท่านแม่และเสี่ยวหวายใช้ชีวิตอย่างมีความสุข"

“จริงสิ เสี่ยวหวายล่ะ ยังโกรธหนูอยู่หรือเปล่า” จั๋วซือหรานถาม

ในชะตากรรมของเจ้าของเดิม น้องชาย จั๋วหวายมักจะรู้สึกอยู่เสมอว่า นางยืนกรานที่จะแต่งงานกับฉินตวนหยางนั้น การตัดสินใจนั้นน่าแปลก น้องชายผู้นี้พยายามหาทุกวิถีทางเพื่อให้นางมีสติกลับมา และเขาไม่เคยยอมแพ้ด้วย

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงถูกฉินตวนหยางเกลียดชัง และต่อมาก็เสียชีวิตระหว่างถูกเนรเทศ

“เขาจะโกรธลูกทำไม เขาแค่รู้สึกสงสารเจ้า” ผู้เป็นมารดาถอนหายใจเบา ๆ “พอได้ยินว่า ลูกจะถูกลงโทษที่บ้าน ก็รีบวิ่งออกไปหาคนมาช่วยทันที เดี๋ยวเขากลับมา หากเห็นหนูบาดเจ็บเช่นนี้ เขาต้องร้องไห้แน่นอน”

เมื่อกลับมาที่สวนจี๋หย่าย่วน จั๋วซือหรานเห็นไม่เพียงแต่ไม่มีคนทำความสะอาดสนามหญ้าเป็นเวลานานแล้ว

ชาในถ้วยยังมีกลิ่นฝาดจากก้านชาอีกด้วย

จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว "ตอนที่หนูไม่อยู่ พวกเขาปฏิบัติต่อท่านแม่และน้องอย่างโหดร้ายเลยหรือ"

“ไม่เป็นไรน่ะ แม่และเสี่ยวหวายไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก ลูกรอก่อนนะ แม่จะไปหาคนไปเอายามาให้”

หลังจากที่มารดาของจั๋วซือหรานพูดจบ นางก็รีบเดินออกไป แต่เวลาผ่านไปครู่หนึ่งแล้ว จั๋วซือหรานเห็นท่านแม่ยังไม่กลับมาเสียที นางรู้สึกว่าต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ๆ นางจึงสวมเสื้อคลุมแล้วออกไปตามหาท่านแม่

“พวกเจ้าก็คิดเสียว่าทำบุญได้ไหมเจ้าคะ ลูกสาวของข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส นางต้องการยามาก ข้าจ่ายเงินก็ได้…”

ผู้เป็นแม่ร้องขออย่างเจ็บช้ำ แต่คนรับใช้หลายคนที่ดูแลคลังของเรือนจั๋วกลับทำท่าเมินเฉย

ยิ่งไปกว่านั้น คนรับใช้บางคนหัวเราะแล้วพูดว่า "อ้าว จิ่วฮูหยิน ไม่ใช่ว่าพวกข้าไม่อยากให้ท่านหรอก แต่เป็นเพราะคุณหนูจิ่วเป็นคนบาปของครอบครัวและไม่มีคุณสมบัติอะไรที่จะใช้ยาในจวนอีกแล้ว ท่านจะพูดอย่างไรก็ไม่มีผลหรอก"

ผู้เป็นมารดาอดไม่ได้ที่ต้องเอื้อมมือคว้าแขนเสื้อของหนึ่งในนั้นไว้

“น่ารำคาญจริง ๆ ก็บอกไปแล้วว่า ให้ไม่ได้ คุณท่านลิ่วสั่งเป็นการส่วนตัว ทำไมท่านต้องทำให้พวกข้าลำบากใจด้วย” น้ำเสียงของคนรับใช้เต็มไปด้วยความน่ารำคาญ เขาสะบัดมือของผู้เป็นมารดาอย่างแรง

เมื่อเห็นว่าจิ่วฮูหยินกำลังจะล้มบนพื้น แต่มีร่างหนึ่งรีบปรากฏขึ้นข้างหลังนางอย่างกะทันหัน เจ้าของร่างนั้นแบกรับนางไว้

คนรับใช้ประหลาดใจ “จิ่ว คุณหนูจิ่ว”

เขาไม่แน่ใจอยู่เล็กน้อย เพราะร่างกายของนางเต็มไปด้วยกลิ่นเลือด ยิ่งไปกว่านั้น ความโหดเหี้ยมรอบตัวนั้นรุนแรงกว่ากลิ่นเลือด

คนรับใช้รีบแก้ตัวว่า “ข้า เพราะข้ากำลังมีธุระด่วน เลย...”

จั๋วซือหรานกลับไม่อยากฟัง และพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา: "ข้าคิดว่า เจ้าไม่ต้องใช้มือนี้อีกต่อไปแล้วแหละ"

“อะไรนะ…” คนรับใช้จ้องตาให้โต เขายังไม่ทันเข้าใจนางหมายถึงอะไร

ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้เขากรีดร้อง “มือ มือของข้า!”

มือของเขาถูกบิดในรูปแบบที่มีมุมแปลกประหลาด และเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า คุณหนูจิ่วปรากฏตัวข้าง ๆ เขาเมื่อใด

เขาเหงื่อออกและตัวสั่นอย่างมาก

จั๋วซือหรานพูดอย่างเย็นชา "เก็บยาเหล่านั้นไว้ใช้เองเถิด"

จั๋วซือหรานกอดแม่ของนางและพาท่านแม่กลับไปยังสวนจี๋หย่าย่วน นางคิดในใจว่า หากแหวนเสวียนเหยียนข้ามเวลามาด้วยก็จะดีนะ ในนั้นมีของทั้งหมดของนาง และแน่นอนว่าต้องมียารักษาบาดแผลด้วย หากมีแหวนเสวียนเหยียน มารดาของนางต้องทนทุกข์ขนาดนี้หรือ

เมื่อลุกแม่สองคนกลับไปถึงสวนจี๋หย่าย่วน เห็นฝูซูที่ออกไปทำธุระกลับมาพอดี บัดนี้ นางกำลังยืนอยู่หน้าประตูห้อง

จั๋วซือหรานปลอบโยนมารดาของตนเองและพูดว่า "ท่านแม่ไม่ต้องห่วง ฝูซูออกไปเพื่อตามคุณหมอมา"

“ลูกแม่... มีความคิดของตนเองอยู่เสมอ ลูกยังคาดเดาถึงการเฆี่ยนล่วงหน้า และยังตามคุณหมอมาด้วย”

มารดาเช็ดน้ำตา "หากมิใช่เป็นเพราะถูกเล่นงาน เมื่อก่อนลูกใมีการกระทำที่ไม่เหมาะสมได้อย่างไร คุณหนูลิ่วทำเกินไปแล้วจริง ๆ นางยังต้องการแต่งงานกับท่านอ๋องเฟิงหรือ นางฝันไปเถิด การหมั้นหมายระหว่างลูกกับท่านอ๋องเฟิง ไม่เพียงแต่เพราะพวกเจ้ามีคุณสมบัติที่เหมาะสมกัน ยิ่งไปกว่านั้น เป็นเพราะท่านพ่อของลูกเป็นผู้มีพระคุณต่อพวกเขา ดังนั้น หากไม่ใช่ลูกของแม่ที่ทำการหมั้นหมายกับท่านอ๋องเฟิง ก็ไม่มีทางที่จะเป็นคุณหนูลิ่วอย่างแน่แท้”

นี่เป็นครั้งแรกที่จั๋วซือหรานได้ยินเรื่องนี้

หลังจากปลอบใจมารดาของนางแล้ว จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปในห้อง เพราะนางยังคงคิดถึงสิ่งที่มารดของนางพูดในก่อนหน้านี้ นางจึงไม่สังเกตสีหน้าอันลังเลบนใบหน้าของฝูซูดวยซ้ำ

เมื่อนางเดินเข้าไปในห้อง นางตกตะลึง

"ทำไมถึงเป็นเจ้า"
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Yui Yui Yui
ในยุคโบราณแนะนำเป็นจากหนู เป็นข้าหรือเจ้า จะได้อ่านลื่นหน่อย ใช้คำว่าหนูอ่านยังไงก็สะดุดค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 8

    เมื่อจั๋วซือหรานเห็นฝูซูกลับมา นางคิดว่าฝูซูพาคุณหมอมาถึงบ้านแล้ว ผู้ใดจะทราบได้ว่า ชายหนุ่มแสนหล่อเหลาที่กล่าวถึงในเมื่อวานนี้ว่า จะต่างคนต่างอยู่ เวลานี้ชายผู้นี้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำและกำลังนั่งหน้าโต๊ะแปดเซียนจั๋วซือหราน "ทำไมถึงเป็นเจ้าล่ะ"เฟิงเหยียนเหลือบมองถ้วยชาในมือของเขา "ผู้ดูแลของเจ้าไปตามคุรหมอที่เรือนหมอของตระกูลเหยียน"“ข้าไปตามคุณหมอที่บ้านมิได้หรือเจ้าคะ” จั๋วซือหรานลากเก้าอี้หนึ่งตัวออกมาแล้วนั่งลง ใบหน้าของนางซีดเซียว นางริมชาเองและดื่มหมดถ้วย“เพราะคนที่ไปเชิญคุณหมอเป็นผู้ติดตามของเจ้า ดังนั้นตระกูลเหยียนจึงส่งข่าวข้า ข้านึกว่าเจ้าจะมีกลอุบายใหม่ ๆ ดังนั้นจึงเข้ามาดูเสียหน่อย” เฟิงเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีอารมณ์ใด ๆ“แล้วคุณหมอล่ะ เจ้าไม่ได้ให้คุณหมอตามมาด้วยหรือ ” จั๋วซือหรานถามเฟิงเกยียนไม่ได้พูดอะไร นั่นหมายถึงจั๋วซือหรานพูดได้ถูกเพราะเมื่อวานเหยียนฉีบอกว่า ชีพจรของนางแข็งแรงมากและถึงแม้จะมีอาการบาดเจ็บภายใน แต่ปัญหาก็ไม่ร้ายแรง ยิ่งไปกว่านั้น พลังทางจิตวิญญาณและความสามารถในการฟื้นฟูของลูกหลานตระกูลจั๋วนั้นเหนือกว่าคนทั่วไปมากเมื่อรวมกับยาน้ำค้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 9

    มีใบมีดคมที่เย็นเฉียบขึ้นจากหลังคอ และบัดนี้กระบี่เล่มนั้นกำลังถูกวางที่คอขององครักษ์เขาไม่กล้าขยับตัว เสียงของเขาก็สั่นเครือ “ จิ่ว คุณหนูจิ่ว ท่าน…มีอะไรจะพูด…ก็พูดกันดี ๆ เสียก่อน อย่าหุนหันพลันแล่นไปเลย... ““ข้าไม่ได้หุนหันพลันแล่น ข้าใจเย็นแล้วนะ” จั๋วซือหรานเสาะยิ้ม “แต่พวกเจ้าต่างหาก ตอนนี้พร้อมจะคุยกับข้าดี ๆ ยัง”“จิ่ว คุณหนูจิ่ว ท่านเป็นคนใจกว้าง อย่า อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับพวกข้าเลยขอรับ” ยามอ่อนแรงจนขาสั่น เขากลัวมือของจั๋วซือหรานจะสั่น“ตอนนี้ ข้าถามอะไร พวกเจ้าต้องตอบ เข้าใจหรือไม่”"เข้า เข้าใจแล้วขอรับ"“น้องชายของข้าอยู่ที่ไหน”“คุณท่านลิ่วนำตัวไปแล้ว”“นำตัวไปที่ไหน”“พวกเราไม่ทราบขอรับ” องครักษ์เกรงว่านางจะไม่เชื่อ จึงย้ำอีกครั้งว่า "พวกเราไม่รู้จริง ๆ และคุณท่านลิ่วก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกเราทราบการเดินทางของท่าน"“คำถามสุดท้าย จั๋วหรูซินอยู่ที่ไหน พาข้าไปหานางหน่อย” จั๋วหรูซินพูดอย่างเย็นชาโดยไม่ให้โอกาสผู้คุมปฏิเสธ นางกดกระบี่ลงจนทำให้เกิดรอยเลือดขึ้น*"ไร้ประโยชน์ ไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น"ในห้องด้านใน จั๋วหรูซินทุบถ้วยชาในมือของนางออย่างแรง "ถังหยวนอ่อนให้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 10

    จั๋วซือหรานเหลือบมองกระบี่เรียบง่ายที่ดูธรรมดาในมือของนางความจริงนี่คือกระบี่ประจำตระกูลของเฟิงเหยียน และกระบี่เล่มนี้มีชื่อเดียวกับแหวนเสวียนเหยียนของนางจริง ๆในวันที่ลูกหลานของตระกูลกำเนิด ห้องกระบี่ประจำตระกูลจะเริ่มตีเหล็กเข้ารูปเพื่อทำกระบี่ให้ทารก รูปแบบของกระบี่จะแตกต่างกันไป แต่ตราประจำตระกูลเฟิงจะถูกสลักไว้ที่ด้ามจับ และชื่อของเด็กคนนั้นจะถูกสลักไว้ที่ส่วนท้ายของด้ามจับจั๋วซือหรานมองกระบี่เสวียนเหยียนที่อยู่ในมือของนางและไม่พูดอะไรความเงียบของนางทำให้จั๋วหรูซินโกรธมากขึ้น “เจ้าพูดมาสิ ทำไมเจ้าจึงมีกระบี่ประจำตระกูลของท่านอ๋องเฟิง”จั๋วซือหรานเงยหน้าขึ้นและมองหน้านาง "เจ้ายังต้องถามอีกหรือ แน่นอนว่าเขาให้ข้ามา"นางหยุดครู่หนึ่งและพูดทีละคำ "ของ ขวัญ แทน ใจ"“เป็นไปไม่ได้” จั๋วหรูซินโกรธแค้น นางกัดฟัน “เจ้าไม่ต้องพูดไร้สาระ ท่านอ๋องเฟิงเบื่อหน่ายกับการถูกบงการมากกว่าใคร ๆ ก่อนหน้านี้ เจ้ายกเลิกการหมั้นหมายและต้องการแต่งงานกับคนอื่น สมหวังเขาพอดี นางคิดว่าเขาอยากแต่งงานกับเจ้าหรือ เขาอยากแต่งงานกับเจ้าเพียงเพราะเจ้า…”“ซินเอ๋อร์ หยุดพูดได้แล้ว” จู่ ๆ คุณท่านจั๋วลิ่วก็พู

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 11

    เมื่อได้ยินคำพูดของชายผู้นี้ ผู้สูงอายุใหญ่ก็ขมวดคิ้วรอยยิ้มบนใบหน้าของผู้สูงอายุสามแข็งทื่อ "เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร จวนของข้าจะขาดแคลนยาของเสี่ยวจิ่วได้เช่นไร ทว่าข้ายังคงขอบคุณสำหรับน้ำใจของท่าน"จั๋วซือหราน "ขอบพระทัยท่านอ๋องแทนข้าด้วย"“ขอรับ เมื่อข้าส่งมอบของเรียบร้อยแล้ว ข้าจะกลับไปรายงานเดี๋ยวนี้ ข้าขอลา และข้าขอคุณหนูจิ่วหายดีเร็ว ๆ ขอรับ”หลังจากผู้ติดตามของตระกูลเฟิงจากไปผู้สูงอายุใหญ่กล่าวอย่างเคร่งขรึม "ผู้ใดเข้ากะของคลัง นำตัวมา"จั๋วซือหรานยิ้มอย่างสงบ นางกล่าวว่า "ผู้อาวุโสใหญ่เจ้าคะ ผู้ที่ดูแลคลังของจวนแค่มองว่าใครมีฐานะสูงกว่ากัน และจะฟังคำสั่งของคนผู้นั้น หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากใครบางคน ก็จะมิกล้าทำเช่นนี้หรอก"ผู้อาวุโสใหญ่"ข้ารู้ว่าเจ้ามีความคับแค้นอยู่ในใจ เจ้าได้สสั่งสอนเสี่ยวลิ่วแล้ว เจ้าก็ยกโทษให้นางไปเสีย อย่าทำให้คนภายในตระกูลเสียความรู้สึกต่อกันเลย "จั๋วซือหรานพูดต่อ "หนูเทียบกับพี่ลิ่วมิได้หรอก นางยุยงให้คนนอกทำหนอนพิษกู่ใส่ข้า การกระทำเช่นนี้ ข้ายังไม่เรียกร้องความยุติธรรมเลย"“ทั้งหมดนี้ไม่มีที่เป็นยหลักฐานอันใด เหตุใดจึงต้องทำร้ายความส้มพัน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 12

    ที่จริงแล้วเฟิงเหยียนไม่มา จั๋วซือหรานกลับรู้สึกสบายใจขึ้นมากนางมีเวลาว่างพอดี นางจะได้วิเคราห์ชะตากรรมเดิมของเจ้าของร่างเดิมที่อยู่ในหัวในชะตาเดิมของเจ้าของร่าง เวลานี้นางได้แต่งงานกับฉินตวนหยางแล้ว ซึ่งตามมารยาท นางไม่ได้มาร่วมงานดอกไม้ในวังแน่นอน รู้เพียงในงานดอกไม้ครั้งนี้ จั๋วหรูซินทดลองยาให้ไทเฮาด้วยตัวเอง เพราะไทเฮานอนติดเตียงเป็นเวลานาน และนางได้รับการยกย่องสรรเสริญเป็นเสียงเอกฉันท์แต่ ณ ตอนนี้ หลังจากงานเลี้ยงเริ่มต้นได้ไม่นาน จั๋วหรูซินก็ลุกขึ้น“ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันทราบมาว่า ไทเฮาทรงประชวรนอนติดเตียงมานานแล้ว ซึ่งทำให้ท่านกังวลเป็นอย่างมาก...”แต่โครงเรื่องต่อไปไม่ได้เป็นไปตามโครงเรื่องเดิมเนื่องจากจั๋วหรูอหรานเปลี่ยนบทสนทนา "น้องสาวจิ่วของหม่อมฉันมีพรสวรรค์อย่างมาก มากเสียจนสามารถรักษาตัวจากแส้หนามของครอบครัวได้ภายในหนึ่งหรือสองวันหลังจากได้รับเฆี่ยนตีเก้าครั้ง ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งและพลังทางจิตวิญญาณ หากนางได้เป็นผู้ทดลองยายาของไทเฮา อาการเจ็บป่วยของไทเฮาจะหายขาดในไม่ช้า”ก่อนเข้าร่วมงานดอกไม้ในวัง บิดาและผู้อาวุโสสามให้นางเสนอจั๋วซือหรานให้เป็นผู้ทดลองยาให้แก่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 13

    ตำหนักหย่งโซ่วเมื่อครึ่งเดือนก่อน ไทเฮาจู่ ๆ ก็ล้มป่วยลงอย่างกะทันหันและตกอยู่ในอาการขั้นร้ายแรงเมื่อฮองเฮาพาคนมาที่ตำหนักหย่งโซ่ว แม่นมยวี่ที่อยู่เคียงข้างไทเฮาก็ระมัดระวังมากขึ้นเมื่อนางรู้ว่า จั๋วซือหรานมาที่นี่เพื่อวินิจฉัยและรักษาไทเฮา ดวงตาของแม่นมยวี่เป็นประกาย แต่ก็หรี่ลงอย่างรวดเร็วฮองเฮาจะใจดีขนาดนี้ได้อย่างไรนางยังเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณหนูจั๋วจิ่วมาก่อน คนเล่ากันว่า คุณหนูจั๋วจิ่วมีความอัจฉริยะ แต่น่าเสียดายที่คุณหนูจั๋วจิ่วเป็นคนของตระกูลจั๋ว มีใครหรือที่มิทราบว่า แท้จริงแล้วตระกูลเหยียนเป็นหมอเทวดาตั้งแต่บรรพบุรุษหรือ ตระกูลจั๋วไม่เคยมีใครรับตำแหน่งเป็นคุณหมออย่างจริงจังเลยเหยียนชาง ผู้เป็นหัวหน้าของห้องหมอหลวงยืนอยู่ข้าง ๆ "จั๋วจิ่ว เจ้าพูดเบาเลยนะ เจ้ามีวิชาหมอด้วยหรือ"เขาเชื่อจั๋วจิ่วไม่มีปัญญารักษาไทเฮาได้ และเนื่องจากเรื่องอื้อฉาวเมื่อไม่นานมานี้ เหยียนชางดูถูกจั๋วซือหรานอย่างมากจั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และพูดว่า "ข้าพอรู้มานิดหน่อย ขอแสดงฝีมืออันน่าอับอายเสียหน่อย"นางยกแขนเสื้อขึ้นแล้วยื่นมือออก มือของนางขาวราวหยก นิ้วของนางอยู่ห่างจากผิวหนังข้อมือของ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 14

    เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งที่ไทเฮาพูด ทุกคนก็อดไม่ได้ที่ต้องมองไปที่ท่านอ๋องเฟิงเฟิงเหยียนมองจั๋วซือหรานอย่างไม่กระตือรือร้นจั๋วซือหรานรู้สึกดวงตาที่เย็นชาและลึกล้ำของชายคนนี้ดูเหมือนสื่อสานได้ ราวกับว่า เขากำลังเยาะเย้ยนางอย่างเงียบ ๆ เหมือนเขากำลังเยาะเย้ยนางตอบแทนความเมตตาด้วยความเกลียดชัง และนางกลับคำพูดของนางทั้ง ๆ ที่เมื่อสองวันก่อน นางยังบอกเขาว่า จะไม่กวนเขาและจะไม่ให้เขารับผิดชอบจั๋วหรูซินกำลังอยากโล่งอก อย่างน้อยนางก็ไม่ต้องคู่กับฉินตวนหยางแต่นางยังไม่ทันโลง่อก และจั๋วซือหรานจะไม่ยอมให้นางสมหวังแน่นอน "ขอบพระทัยที่ไทเฮาเมตตา แต่สิ่งที่หม่อมฉันต้องการไม่ใช่พระราชโองการการสมรสกับท่านอ๋องเฟิงเพคะ"ทันใดนั้นจั๋วหรูซินตกตะลึงจนดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้น และนางก็จ้องมองไปที่จั๋วซือหรานไทเฮาตรัสว่า “หรือ”จั๋วซือหรานยังคงสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของชายคนนั้น สายตานั้นราวกับเป็นประกาย เหมือนมีไฟลุกอยู่แผ่นหลังของนาง แต่เมื่อคิดถึงภัยคุกคามครั้งก่อนของผู้อาวุโสใหญ่ นางทำได้เพียงกัดกระสุนและพูดซ้ำสิ่งที่นางพูดในวันงานเลี้ยงแต่งงาน "หม่อมฉันมีความรักที่หยั่งรากลึกต่อท่านอ๋องเฟิงโดยไม

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 15

    “ไร้... ไร้สาระ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แค่นี้” จั๋วหรูซินพูดตะกุกตะกัก นางแอบเกลียดจั๋วซือหรานที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นคนเฉียบคมขนาดนี้ในความเป็นจริง ตั้งแต่วินาทีที่คุณท่านจั๋วลิ่วเห็นนางดึงกระกระบี่เสวียนเหยียนออกมา จั๋วซือหรานเห็นทัศนคติที่เขามีต่อนาง จั๋วซือหรานก็รู้ว่า มีบางอย่างผิดปกติ ช่วงสองวันที่นางฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ นางหาเวลาสอบถามข้อมูลบางอย่างด้วยพลังทางจิตวิญญาณของตระกูลเฟิง ผู้ที่มีพรสวรรค์มากเท่าใด จะมีฤทธิ์ร้ายแรงมากขึ้นเท่านั้น ฤทธิ์ร้ายแรงนั้นไม่เพียงเป็นภาระต่อผู้อื่นเท่านั้น แต่ยังเป็นภาระตนเองด้วยดังนั้นลูกหลานของตระกูลเฟิงจึงมีอายุได้ไม่นาน และยิ่งมีความสามารถมากเท่าไร พวกเขาก็จะยิ่งมีอายุน้อยลงเท่านั้นหากทุก ๆ ลูกหลานเป็นเช่นนี้ตลอด ตระกูลเฟิงจะถูกกำหนดให้พังพินาศหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลเฟิงพยายามหาวิธีเพื่อแก้ปัญหานี้ได้ตระกูลเหยียนเก่งด้านการแพทย์และการใช้ยา ดังนั้นตระกูลเหยียนจึงกลายเป็นเป็นหมอประจำของตระกูลเฟิงห้องกระบี่ประจำตระกูลออกแบบกระบี่ให้เป็นอาวุธประจำตระกูล และยังใช้เป็นตราประทับและเครื่องที่รองรับพลังด้วยดังนั้นบุตรหลานของตระกูลเ

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 958

    พวกนางเอ่ยว่า "เพราะ เพราะว่า...เพราะว่าพวกเราอยู่ในห้องของนายท่านแล้วเคยเห็นภาพของแม่นางจิ่ว...""โอ๋?" จั๋วซือหรานมองพวกนางอย่างสนใจ จากนั้นจึงกลอกตามองไปทางซือคงเซี่ยน "ที่เจ้าบอกว่าของนางสนใจ น่าจะเป็นเจ้าสิ่งนี้กระมัง?"ซือคงเซี่ยนถอนหายใจ "ไม่ใช่แค่นี้"คำพูดของสาวใช้วัง บวกกับคำพูดของซือคงเซี่ยน ก็กระตุ้นความอยากรู้ของจั๋วซือหรานขึ้นมาแล้ว "พาข้าไปดูหน่อย"ซือคงเซี่ยนนำนางเดินตรงไปที่เรือนหลังของตำหนักวัง จากนั้นก็พานางลงไปยังห้องใต้ดินห้องหนึ่งสถานที่มากมายล้วนมีห้องใต้ดิน ใช้สำหรับเก็บของ ใช้สำหรับเก็บน้ำแข็งจั๋วซือหรานจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่ด้านหลังตำหนักวังเจาหมิ่นมีห้องใต้ดินเพียงแต่ว่า หลังจากลงไปห้องใต้ดินซือคงเซี่ยนก็รับจานเทียนใบหนึ่งมาจากผู้ใต้บัญชา จากนั้นจึงหมุนตัวกลับมาดึงมือของจั๋วซือหราน ถึงแม้จะดึงแค่ชายเสื้อนางเท่านั้นแต่ซือคงเซี่ยนยังรู้สึกใจเต้นไม่เป็นส่ำ"ด้านในค่อนข้างมืด ตามข้ามา" ซือคงเซี่ยนพูดจั๋วซือหรานเดินตามเขาเข้าไปด้านหลังเงียบๆคิดไม่ถึงว่าในห้องใต้ดินจะยังมีอีกชั้น เป็นห้องลับเล็กๆ ห้องหนึ่งตอนนี้ในห้องเล็กจุดไฟสว่างไว้แล้วแต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 957

    จั๋วซือหรานตามซือคงเซี่ยนเข้าไปในตำหนักวังที่เจาหมิ่นอยู่อดพูดไม่ได้เลย เจาหมิ่นอยู่ในแคว้นชาง ไม่ใช่องค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานอะไรถ้าให้พูดจริงๆ อันที่จริงแคว้นชางก็ไม่มีองค์หญิงคนไหนที่ได้รับความโปรดปรานพิเศษอยุ่แล้ว องค์จักรพรรดิเองก็มีแค่ซือคงอวี้ที่เป็นที่โปรดปรานมากที่สุดเท่านั้นองค์จักรพรรดิเฒ่าก่อนหน้านี้น่าจะคำนวณไว้เช่นนั้น ไม่อยากให้ลูกๆ มาทะเลาะกันมาก แล้วมาฆ่าล้างสังหารกันเองดังนั้นจึงวางท่าทีเอาไว้ชัดเจนตั้งแต่แรก ลำเอียงไว้อย่างเห็นได้ชัดให้ตายเถอะ ทำให้องค์ชายคนอื่นรู้ว่าตนเองไม่มีหวัง แล้วไม่เกิดความคิดก่อกบฏหรือความทะเยอทะยานมากเกินไปจากเรื่องนี้แล้วก็ทำให้ลูกชายที่ได้รับความลำเอียงคนนั้น ไม่รู้สึกว่าเหล่าพี่น้องมีพลังคุกคามอะไร จนต้องมาลงไม้ลงมือกับเหล่าพี่น้องด้วยกันตามหลักการแล้ว วิธีการเช่นนี้ขององค์จักรพรรดิเฒ่า ต้องการจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้และฆ่าฟันกันเองของเหล่าลูกๆเจรนาเริ่มต้นนั้นดีมากตามหลักการ เรื่องราวควรจะเป็นไปตามที่เขาคิดไว้ใครจะรู้ว่าลูกชายที่ตนเองโปรดปรานลำเอียงนั้นไม่ใช่เชื้อสายของตนเอง เช่นนั้นเหล่าลูกๆ คนอื่นที่เดิมทีไม่มีพลัง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 956

    ไม่มีความแน่นอนเท่าไร"เข้าใจแล้ว ขอบคุณที่บอกสิ่งเหล่านี้กับข้า" จั๋วซือหรานพูดพลางลุกขึ้นยืน "ข้อมูลพวกนี้ข้าจะไปตรวจสอบอีกครั้ง"ฮั่วจือโจวที่ตระกูลค้าข่าวสารอยู่แล้ว สนใจช่องทมางข่าวกรองทั้งหมด ดังนั้นพอได้ยินจั๋วซือหรานเพูดเช่นนี้จึงอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา "เจ้าไปตรวจสอบที่ไหนหรือ?"จั๋วซือหรานคิดๆ "ไปถามกับเฟิงอวี้เอา?"เจี่ยงเทียนซิง "..."ฮั่วจือโจว"..."พวกเขาถึงแม้จะรู้สึกพูดไม่ออก งงงันไปบ้าง แต่เพราะอะไรพอคำนี้ออกจากปากจั๋วซือหรานกลับดู...เหมือนจะเชื่อได้อย่างประหลาดนางคงไม่ได้คิดจะไปถามเฟิงอวี้จริงๆ หรอกกระมัง?แต่ว่าจั๋วซือหรานไม่ได้พูดหัวข้อสนทนานี้อีกแค่หยิบกระดาษออกมาให้ฮั่วจือโจว "นี่ นี่คือรายการอาหารที่ข้าทำออกมา เจ้าให้พ่อครัวลองทำออกมาชิมดูก่อน ถ้าหากไม่อร่อยข้าจะกลับมาใหม่"จั๋วซือหรานพูดเสร็จก็ลุกขึ้นจะเดินเจี่ยงเทียนซิงกับฮั่วจือโจว ส่งนางไปที่ประตูเจี่ยงเทียนซิงทนไม่ไหว ถามขึ้นว่า "เจ้าคงไม่คิดจะไปถามเฟิงอวี้หรอกใช่ไหม?"จั๋วซือหรานมองเขาเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม "เจ้าเดาดูสิ?"ยังไม่ทันที่จั๋วซือหรานจะออกไปที่ถนน ก็มีคนเข้ามาหาเสียแล้ว"แม่นาง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 955

    สายตาทั้งสองคน ทำเอาจั๋วซือหรานพูดไม่ค่อยออกนางโบกมือเอ่ยขึ้น "เอาล่ะๆๆ ก็แค่ข้าอยากรู้สถานการณ์ของเฟิงเหยียนเองได้ไหมล่ะ? พูดได้หรือเปล่า"รู้สึกว่าถ้าหากตนเองไม่ยอมรับจุดนี้ สองคนนี้ก็เอาแต่ใช้สายตาสงสัยนี้จ้องนางไม่ได้ยุ่งยากอะไร สู้ยอมรับจุดนี้ไปเลยถึงแม้จะพูดได้ไม่เต็มปาก แต่ก็อดพูดไม่ได้เลย หลังจากที่ตนเองได้ยินคำพูดของเฟิงหร่านแล้ว ก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาเจี่ยงเทียนซิงกับฮั่วจือโจวอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ สกิลเฟิงคนนั้นมีดีอะไรกันแน่นะคนอย่างจั๋วจิ่วนี่ ใครบ้างที่ไม่คู่ควรกัน ทำไมถึงเลือกไปแขวนคอตายอยู่กับต้นไม้คดๆ อย่างเฟิงเหยียนได้เนี่ย หรือว่ามันมีไอ้สิ่งที่เรียกว่าสวรรค์ลิขิตไว้อยู่จริงๆ?เจี่ยงเทียนซิงคิดๆ เอ่ยตอบว่า "ความเข้าใจต่อตระกูลจั๋ว ก่อนหน้านี้ก็บอกกับเจ้าไปแล้ว"จั๋วซือหรานคิดถึงเรื่องที่เจี่ยงเทียนซิงเล่าว่าพ่อของเขาเคยเจอคนตระกูลเฟิงที่แดนเหนือคนนั้นตระกูลเฟิงเดิมทีก็ค่อนข้างปิดและลึกลับอยู่แล้ว โลกภายนอกรู้น้อยมากฮั่วจือโจวครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ "สำหรับความเข้าใจต่อตัวเฟิงเหยียน ก็มีแค่เท่านั้นล่ะ""ตระกูลฮั่วของข้า

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 954

    จั๋วซือหรานได้ยินคำพูดนี้ "ถ้าเป็นลุงสาม...พ่อของเฟิงเหยียน เฟิงอวี้หรือ?"เฟิงหร่านพยักหน้า "สถานการณ์หลักๆ พ่อของข้าก็รู้มาไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่ลุงสามตอนนั้นก็เสียวความจำไปกะทันหัน แต่มาผ่านไปกว่าครึ่งปี ท่านพี่ก็เกิดขึ้นมา"เฟิงหร่านพูดแบบไม่ค่อยชัดเจน จั๋วซือหรานรู้ว่านางไม่ใช่คิดจะปิดบัง แต่เกรงว่าสิ่งที่นางรู้ก็มีเพียงเท่านี้เพียงแต่ว่า ข้อมูลเหล่านี้ของนาง ก็ทำให้จั๋วซือหรานรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาแล้วในเมื่อเฟิงหร่านไม่รู้ จั๋วซือหรานก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ"พักผ่อนเถอะ ตอนนี้ก็อยู่ที่นี่ไปก่อน อีกเดี๋ยวจะย้ายไปบ้านที่ใหญ่หน่อยแล้ว"จั๋วซือหรานตอนนี้จึงออกจากห้องของเฟิงหร่านนางออกจากเรือน ตรงไปยังโรงเตี๊ยมโรงเตี๊ยมที่นางคิดจะทำนั้น มีเบื้องหลังเป็นตระกูลฮั่วกับหอจันทร์เงินและหอฟ้าดาว ช่วงนี้การเตรียมการก็ดำเนินไปอย่างเข้มข้นแล้วตอนที่ไปถึงโรงเตี๊ยม ฮั่วจือโจวกำลังดื่มชาอยู่กับเจี่ยงเทียนซิงด้านใน"เอ๊? ท่านโหวของพวกเรามาแล้ว" เจี่ยงเทียนซิงยิ้มทักขึ้นมาคำหนึ่งฮั่วจือโจวมองไปทางนาง "มาได้อย่างไรกัน? คิดว่าช่วงนี้เจ้าจะยุ่งมากเสียอีก""ก็ยุ่งนั่นล่ะ แต่การค้าของตัว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 953

    โกรธหรือ?จั๋วซือหรานมองไปทางเฟิงหร่าน เหมือนในที่สุดจะมีท่าทีอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาเฟิงหร่านเห็นพี่จั๋วในที่สุดก็เริ่มมีท่าทีสนใจขึ้นบ้างแล้ว มุมปากจึงยกขึ้นเป็นเส้นโค้ง ในใจก็แอบผ่อนลมหายใจออกมาเฟิงหร่านอันที่จริงก็กลัวมากมาตลอด เพราะนางมองออกว่าจั๋วซือหรานเป็นคนที่อิสระไม่ยึดติด นางกลัวมากว่าถ้าตระกูลเฟิงยังเอาแต่ทำให้มันยุ่งเหยิงเช่นนี้ พี่จั๋วจะไม่เอาพี่ชายขึ้นมาแต่ก่อน เฟิงหร่านรู้สึกแค่ว่า เป็นจั๋วซือหรานที่ใฝ่สูงต่อตัวพี่ชาย แต่ต่อมาก็ค่อยๆ รู้สึกว่า พี่จั๋วกับพี่ชาย ใครก็ไม่ได้ใฝ่สูงใส่ใครทั้งนั้น พวกเขาเข้ากันได้ดี เหมาะสมกันมากแต่เรื่องที่ตระกูลเฟิงก่อขึ้นมา!เฟิงหร่านพอพูดถึงเรื่องนี้ ก็พบว่าจั๋วซือหรานเหมือนดูสนใจอยู่ ทำให้ความเร็วในการพูดจึงเร็วขึ้นมาพอควร"เพราะในข่าวที่ลือกลับมา มีข่าวที่ว่าพี่จั๋วอาจจะถูกพระราชทานงานอภิเษกกับอ๋องเซี่ยนด้วย พวกเขาจึงด่าว่าท่านทำตัวไม่เหมาะสม แล้วพี่ชายก็เลยโกรธ บีบเก้าอี้จนป่นไปเลย"จั๋วซือหรานมุมปากยกขึ้นเบาๆเฟิงหร่านเอ่ยต่อ "แต่เพราะข้าตอนนั้นเตรียมจะหนีแล้ว ข้าเองก็เข้าไปฟังในโถงประชุมไม่ได้ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน สรุปคือ ต่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 952

    ่จั๋วซือหรานแม้จะแก้ปัญหาเรื่องพวกองครักษ์ตระกูลเฟิงที่ตามล่าสังหารเฟิงหร่านเข้ามาได้แล้ว แต่เรื่องที่ว่าทำไมเฟิงหร่านถึงถูกตระกูลเฟิงไล่สังหาร นางเองก็ไม่มีเวลาไปทำความเข้าใจเลย หลังจากกลับมาเมืองหลวงเรื่องราวมากมายเหลือเกิน ยุ่งตัวเป็นเกลียวจนไม่มีเวลาเอาเสียเลยและตอนนี้เอง ก็เพิ่งจะได้มาไต่ถามสถานการณ์กับเฟิงหร่านไม่พูดขึ้นมายังพอว่า แต่พอพูดขึ้นมา เฟิงหร่านก็เหมือนจะโมโหเอามากๆ กระทั่งความถี่การหายใจก็ยังเปลี่ยนไปนางสูดลมหายใจลึกไปหลายที จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า "พวกเขา...กล้าเกินไปแล้ว"จั๋วซือหรานได้ยินคำนี้ มุมปากก็ยกขึ้น เข้าใจความหมายของเฟิงหร่านทันทีติดต่อศัตรูทรยศแคว้น เข้าร่วมการชิงบัลลังก์ของราชวงศ์ ไม่แตกต่างอะไรกับก่อกบฏ นี่มันก็ กล้าหาญชาญชัยมากจริงๆ"น่าขันที่พวกเขารู้อยู่ว่ามันผิด แต่กลับต่อให้ตายก็ไม่ยอมแก้ ไม่รู้ว่าไอ้ความหยิ่งทะนงในกระดูกนั่นมันไม่มียาจะช่วยได้แล้วใช่ไหม..."เฟิงหร่านสูดลมหายใจลึก อารมณ์ฮึดฮัดในหน้าอก จึงค่อยๆ ผ่อนลงมา"พ่อข้าบอกว่า ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ไหว เขารู้สึกว่าถ้ายังอยู่ในตระกูลเฟิงต่อ จะจบไม่สวยแน่ แต่เขา...ไม่มีทางให้ถอยแล้ว"

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 951

    เวลาเองก็ค่อนข้างมืดแล้ว แล้วห้องของจั๋วซือหรานนั่น ถึงยังไงก็เป็นห้องหญิงสาวนะกลับเรียกให้เหยียนฉีไป...เหยียนเจินมองไปด้วยสายตาครุ่นคิด "คงไม่ใช่ว่า..."เขายังพูดไม่ทันจบ ก็สบเข้ากับสายตาจั๋วซือหรานแล้วไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอมองสายตานี้ของจั๋วซือหรานแล้ว เหยียนเจินก็รู้สึกว่า คำพูดของตนเองต่อจากนี้ น่าจะสำคัญมาก จะพูดจาเรื่อยเปื่อยไม่ได้ดังนั้นคำพูดแต่เดิมทีว่า 'สนใจลูกชายข้าหรือ?' จึงขึ้นมาแค่มุมปาก แต่พอออกจากปากก็บิดเบือนไปเป็น "จะสอนวิชาแพทย์ให้ลูกข้ารึ?"ถึงอย่างไรก็อย่าลืมว่าเหยียนฉีจะคารวะจั๋วซือหรานเป็นอาจารย์พูดคำนี้จบ เหยียนฉีก็เห็นสีหน้าจั๋วซือหรานเปลี่ยนไปจริงๆ แล้วก่อนหน้านี้เหยียนฉีก็รู้สึกบางอย่างตอนที่จั๋วซือหรานเรียกเขาไปที่ห้องนาง...แต่ตอนนี้ พอท่านพ่อพูดออกมา เขาก็รู้สึกได้ถึงเจตนาของจั๋วซือหรานแล้วแล้วก็เป็นไปตามนั้น จั๋วซือหรานหลังจากได้ยินคำพูดนี้ของเหยียนเจิน ก็ยิ้มตาโค้งขึ้นมา "ใช่แล้ว จะเรียกลูกชายท่านไปใช้แรงงานหน่อย ไปเถอะ"เหยียนฉีก่อนหน้านี้มีช่วงหนึ่งที่คิดไม่ออกมาตลอด ว่าจั๋วซือหรานเก่งกาจแบบนี้ได้อย่างไร หญิงสาวที่ถูกตระกูลทอดทิ้งคนหนึ่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 950

    ต่งคังตอบ "องค์หญิงเนื่องจากยังไม่แต่งงาน ดังนั้นจึงยังไม่ได้ออกจากวังสร้างจวน ยังคงอยู่ในวัง ตำหนัวังของนางไม่ใช่กรมสืบสวนอาญาเข้าไปจัดการ แต่เป็นอ๋องเซี่ยนที่กำชับให้หน่วยงานในวังเข้าไปจัดการ แม่นางจิ่วหากสนใจล่ะก็ ข้าจะไปหาข่าวมาให้"จั๋วซือหรานพอได้ยินก็โบกไม้โบกมือ "ไม่ต้องแล้ว"ในเมื่อเป็นการกำชับของซือคงเซี่ยน เช่นนั้นถ้าหากมีจุดไหนที่ผิดปกติ ก็น่าจะมาบอกนางจั๋วซือหรานกับต่งคังยืนอยู่หน้าประตูจวนชินอ๋องอวี้ที่ไม่ได้รุ่งโรจน์เหมือนในอดีตอีกแล้วนางหันตามองกลับไป โบกมือเล็กน้อย ป้ายชื่อหนาหนักที่เขียนอักษรสี่ตัวไว้ว่า 'จวนชินอ๋องอวี้' ก็ร่วงลงมาดังโครมจั๋วซือหรานกลับไปที่บ้านตนเอง แล้วไปกำชับกับเฉวียนคุนแล้วก็เหล่าองครักษ์เงา"ย้าย ย้ายบ้านหรือ?""แต่เรือนนี้ของแม่นางจิ่วเพิ่งเข้ามาอยู่ได้ไม่นานเองนะ..."จั๋วซือหรานมองพวกเขาผาดหนึ่ง "ย้ายไปอยู่ที่ที่กว้างกว่าน่ะ"นางเอ่ยถึงเรื่องรางวัลพระราชทานขึ้นมาไม่ใช่ทุกคนที่จะฟังเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ ทุกคนล้วนดีอกดีใจกับรางวัลพระราชทานนี้พอหลังจากที่องครักษ์เงาลงไป พ่อลูกตระกูลเหยียนที่ไม่พูดอะไรอยู่ข้างๆ มาตลอด จึงเอ่ยปาก

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status