Share

บทที่ 7

Author: หูเทียนเสี่ยว
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
จั๋วหรูซินตะโกนด้วยความโกรธ "จั๋วซือหราน เจ้า"

“พอแล้ว” ผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้วและตะโกน

จั๋วหรูซินยังอยากฟ้องต่อ "ผู้อาวุโสใหญ่ นาง..."

จั๋วซือหรานกลับโค้งคำนับเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพ "ข้าจะไปรับการลงโทษที่ห้องโถงบรรพบุรุษเจ้าค่ะ"

ทิ้งจั๋วหรูซินอยู่นั่นผู้เดียว ปล่อยนางโกรธจนหน้าซีด

ระหว่างทางไปห้องโถงบรรพบุรุษ จั๋วซือหรานเจอฝูซูและฝูซาง

“หลิ่วเย่ล่ะ” จั๋วซือหรานถาม

ฝูซางตอบ “พวกเราหลบสายตาของผู้อื่น พานางเข้าเดินผ่านประตูหลังและเดินเข้าจวน มัดนางไปหาผู้อาวุโสใหญ่เพื่ออธิบายรายละเอียดต่าง ๆ จากนั้นผู้อาวุโสใหญ่ก็สั่งให้ขังนางไว้ในห้องเก็บฟืนที่ลานด้านข้างจนกว่าเขาจะสอบปากคำ”

ฝูซูถาม "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูลิ่วกำจัดหลิ่วเย่หรือไม่เจ้าคะ มิเช่นนั้นข้าไปคอยคุ้มกันไว้ดีไหมเจ้าคะ"

จั๋วซือหรานยกริมฝีปากขึ้นและยิ้ม "หากนางฆ่าอีนังนั้นเสียจริง นั่นก็หมายความว่า หาเรื่องใส่ตัวแล้วน่ะสิ ในเมื่อผู้อาวุโสใหญ่สั่งขังหลิ่วเย่อยู่ในห้องเก็บฟืนที่ลานด้านข้าง แสดงว่าท่านต้องแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว"

หากจั๋วหรูซินจิตใจลุกลี้ลุกลน แล้วไปฆ่าหลิ่วเย่จริง ๆ เรื่องน่าจะสนุกน่าดูสินะ

ฝูซางกังวล"คุณหนูเจ้าคะ ตอนนี้คุณหนูรัยการลงโทษที่ต้องทำตามกฎเกณฑ์บ้านได้อย่างไรเจ้าคะ ไม่เช่นนั้น เราไปขอความเมตตาจากผู้อาวุโสใหญ่เสียดีกว่าไหมเจ้าคะ"

จั๋วซือหรานส่ายหัว "ยิ่งตอนนี้ข้าแย่มากเท่าไหร่ จั๋วหรูซินก็จะยิ่งแย่ลงมากเท่านั้นเมื่อความจริงได้ปรากฏขึ้น"

จั๋วซือหรานสั่ง"ฝูซาง เจ้าไปบอกแม่ข้าว่า ข้าเสร็จธุระเมื่อใด ข้าจะไปเยี่ยมท่าน ส่วนเรื่องกฎตระกูล เจ้าไม่ต้องบอกท่านหรอกนะ"

ฝูซางรับคำสั่ง "ข้ารับทราบเจ้าค่ะ"

ฝูซูถาม"คุณหนูเจ้าคะ แล้วข้าล่ะ"

จั๋วซือหรานกลอกตาแล้วพูดว่า "ฝูซู เจ้าต้องไปข้างนอก ช่วยข้าทำเรื่องหนึ่ง"

*

ในห้องโถงบรรพบุรุษ ถังหยวน ผู้รับใช้ของผู้อาวุโสใหญ่กำลังรออยู่แล้ว

“คุณหนูจิ่ว”

“รบกวนท่านลุงถังแล้ว” จั๋วซือหรานกล่าว

"ข้าขอโทษสำหรับการล่วงเกินตัวขอรับ" ถังหยวนมีนิสัยตรงไปตรงมา เขาไม่เคยจงใจทำลายผู้คน แต่เขาก็ไม่อ่อนให้ใคร

ตามกฎของตระกูลจั๋ว วิธีการลงโทษคือ นำแส้ที่มีหนามไปแช่ในสุราแรง หากใครมีสภาพร่างกายไม่ดีและถูกเฆมี่ยนไปหนึ่งที เขาจะอาเจียนเป็นเลือดทันที

"เพี้ยะ--"

จั๋วซือหรานเจ็บจนเกือบเป็นลม นางรู้สึมีรสหวานคาวพุ่งพล่านอยู่ในลำคอของนาง

นางเจ็บอย่างหนัก จนทรงตัวไม่อยู่ นางเซไปเซมา แต่นางยังคงกลั้นความเจ็บนั้นไว้โดยไม่ร้องสักคำ

ถังหยวนชื่นชมความอดทนของจั๋วซือหราน แต่แส้ในมือของเขายังคงหนักแน่น เขาแช่มันในสุราแรงอีกครั้งแล้วเหวี่ยงแส้ออกมาเป็นครั้งที่สอง

จั๋วซือหรานต้องถูกเฆี่ยนถึงเก้าครั้ง

นางยกมือเช็ดเลือดที่ไหลออกจากปากของนาง

หลังจากถูกเฆี่ยนไปอีกสองสามที ใกล้จะจบการลงโทษนั้น

ทันใดนั้น เสียงผู้หญิงอันโศกเศร้าโหยหวนดังจากประตู

“อย่านะ อย่าตีลูกสาวข้านะ”

จั๋วซือหรานตกใจ "...ท่านแม่"

เสียงฝีเท้ารีบเร่งร้อนรนซ้อนกับเสียงลมที่เกิดจากการเคลื่อนแส้ครั้งสุดท้าย

มารดาของนางพยายามแบกรับการลงโ?ษแทนนาง เพื่อแบรกรับการโจมตีจากแส้นี้

ทันใดนั้นดวงตาของจั๋วซือหรานที่ปิดอยู่เพียงครึ่งหนึ่งก็เปิดขึ้น ดวงตาคู่นั้นแสนเย็นชา

ทันใดนั้นร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงกลับเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว นางเอาตัวปกป้องร่างที่บอบบางของมารดาไว้ในอ้อมแขนอย่างแน่น จากนั้นนางก็หันหลังกลับเพื่อเอาแผ่นหลังไปรับการโจมตีครั้งสุดท้าย

“เอือก ” จั๋วซือหรานกระอักเลือดใส่หน้ามารดาของตนเอง

“หรานหราน ลูกแม่” ผู้เป็นมารดาร้องตะโกนออกมา

เสื้อผ้าอันสีขาวของจั๋วซือหรานเต็มไปด้วยรอยแส้ที่เปื้อนเลือด ซึ่งทำให้คนสะเทือนใจอย่างมาก และกระตุ้นให้คนเกิดความน่าสงสารอย่างเต็มที่

ทว่านี่ก็ทำให้มารดาที่น่าสงสารผู้นี้หวาดกลัวเช่นกัน

ถังหยวนกล่าวว่า "คุณหนูจิ่ว ข้าขอโทษที่ล่วงเกินตัว วันหลังฝ่ากฎตระกูลอีกครั้ง แส้หนามของกฎตระกูลเป็นของที่พิเศษ แม้สติปัญญาของท่านจะดีแค่ไหนก็ตาม หากถูกเฆี่ยนตีเช่นนี้หลายครั้ง ร่างกายของท่านก็จะถูกทำลายได้ถึงแก่นแท้เช่นกัน”

“ขอบคุณท่านลุงถังที่ตักเตือนเจ้าค่ะ”

มารดาของจั๋วซือหรานพยุงนางเดินกลับอย่างระมัดระวัง น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาราวเขื่อนแตก

“ท่านแม่ หนูไม่เป็นไรเจ้าค่ะ หนูไม่เจ็บเลย”

“หนูโกหก รอยแผลเต็มตัวเช่นนี้แล้ว”

“ไม่เจ็บจริง ๆ ท่านแม่ไม่โกรธหนูหรอกนะ”

เนื่องจากนางถูกเสน่ห์หนอนพิษกู่คุมสนิต นางยืนกรานที่จะแต่งงานกับฉินตวนหยาง นางไม่ยอมฟังคำพูดของผู้เป็นมารดาแม้แต่คำเดียว

“พวกเขาบอกแม่ว่า ลูกไม่มีสติเพราะลูกถูกควบคุม พวกเขายังบอกอีกว่า หนูถูกยนอนพิษกู่ควบคุมสติ และหนูต้องเผชิญกับสิ่งเลวร้ายอย่างหนัก”

ผู้เป็นมารดาหลั่งน้ำตาและพูดว่า "คนอื่นอิจฉาข้าที่ให้กำเนิดลูกพร้อมพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา พวกเขายังอิจฉาด้วยว่า เพราะมีลูกที่เก่ง ข้าจึงมีโอกาสใช้ชีวิตอย่างดี แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่า ข้าอยากให้ลูกมีความสามารถแบบธรรมดา ๆ มากกว่า พวกเราใช้ชีวิตแบบลำบากหน่อยก็ไม่เป็นไร อย่างน้อย ลูกก็จะได้ไม่ถูกคนอื่นอิจฉาและเล่นงาน ลูกจะต้องไม่ต้องทนทุกข์ทนมากเช่นนี้”

ใบหน้าของจั๋วซือหรานซีดขาว ทว่ากลับยิ้มออก "ท่านพ่อจากไปแล้ว หนูเป็นลูกสาวคนโต หนูต้องดูแลครอบครัวของเราให้ได้ หนูต้องให้ท่านแม่และเสี่ยวหวายใช้ชีวิตอย่างมีความสุข"

“จริงสิ เสี่ยวหวายล่ะ ยังโกรธหนูอยู่หรือเปล่า” จั๋วซือหรานถาม

ในชะตากรรมของเจ้าของเดิม น้องชาย จั๋วหวายมักจะรู้สึกอยู่เสมอว่า นางยืนกรานที่จะแต่งงานกับฉินตวนหยางนั้น การตัดสินใจนั้นน่าแปลก น้องชายผู้นี้พยายามหาทุกวิถีทางเพื่อให้นางมีสติกลับมา และเขาไม่เคยยอมแพ้ด้วย

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงถูกฉินตวนหยางเกลียดชัง และต่อมาก็เสียชีวิตระหว่างถูกเนรเทศ

“เขาจะโกรธลูกทำไม เขาแค่รู้สึกสงสารเจ้า” ผู้เป็นมารดาถอนหายใจเบา ๆ “พอได้ยินว่า ลูกจะถูกลงโทษที่บ้าน ก็รีบวิ่งออกไปหาคนมาช่วยทันที เดี๋ยวเขากลับมา หากเห็นหนูบาดเจ็บเช่นนี้ เขาต้องร้องไห้แน่นอน”

เมื่อกลับมาที่สวนจี๋หย่าย่วน จั๋วซือหรานเห็นไม่เพียงแต่ไม่มีคนทำความสะอาดสนามหญ้าเป็นเวลานานแล้ว

ชาในถ้วยยังมีกลิ่นฝาดจากก้านชาอีกด้วย

จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว "ตอนที่หนูไม่อยู่ พวกเขาปฏิบัติต่อท่านแม่และน้องอย่างโหดร้ายเลยหรือ"

“ไม่เป็นไรน่ะ แม่และเสี่ยวหวายไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก ลูกรอก่อนนะ แม่จะไปหาคนไปเอายามาให้”

หลังจากที่มารดาของจั๋วซือหรานพูดจบ นางก็รีบเดินออกไป แต่เวลาผ่านไปครู่หนึ่งแล้ว จั๋วซือหรานเห็นท่านแม่ยังไม่กลับมาเสียที นางรู้สึกว่าต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ๆ นางจึงสวมเสื้อคลุมแล้วออกไปตามหาท่านแม่

“พวกเจ้าก็คิดเสียว่าทำบุญได้ไหมเจ้าคะ ลูกสาวของข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส นางต้องการยามาก ข้าจ่ายเงินก็ได้…”

ผู้เป็นแม่ร้องขออย่างเจ็บช้ำ แต่คนรับใช้หลายคนที่ดูแลคลังของเรือนจั๋วกลับทำท่าเมินเฉย

ยิ่งไปกว่านั้น คนรับใช้บางคนหัวเราะแล้วพูดว่า "อ้าว จิ่วฮูหยิน ไม่ใช่ว่าพวกข้าไม่อยากให้ท่านหรอก แต่เป็นเพราะคุณหนูจิ่วเป็นคนบาปของครอบครัวและไม่มีคุณสมบัติอะไรที่จะใช้ยาในจวนอีกแล้ว ท่านจะพูดอย่างไรก็ไม่มีผลหรอก"

ผู้เป็นมารดาอดไม่ได้ที่ต้องเอื้อมมือคว้าแขนเสื้อของหนึ่งในนั้นไว้

“น่ารำคาญจริง ๆ ก็บอกไปแล้วว่า ให้ไม่ได้ คุณท่านลิ่วสั่งเป็นการส่วนตัว ทำไมท่านต้องทำให้พวกข้าลำบากใจด้วย” น้ำเสียงของคนรับใช้เต็มไปด้วยความน่ารำคาญ เขาสะบัดมือของผู้เป็นมารดาอย่างแรง

เมื่อเห็นว่าจิ่วฮูหยินกำลังจะล้มบนพื้น แต่มีร่างหนึ่งรีบปรากฏขึ้นข้างหลังนางอย่างกะทันหัน เจ้าของร่างนั้นแบกรับนางไว้

คนรับใช้ประหลาดใจ “จิ่ว คุณหนูจิ่ว”

เขาไม่แน่ใจอยู่เล็กน้อย เพราะร่างกายของนางเต็มไปด้วยกลิ่นเลือด ยิ่งไปกว่านั้น ความโหดเหี้ยมรอบตัวนั้นรุนแรงกว่ากลิ่นเลือด

คนรับใช้รีบแก้ตัวว่า “ข้า เพราะข้ากำลังมีธุระด่วน เลย...”

จั๋วซือหรานกลับไม่อยากฟัง และพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา: "ข้าคิดว่า เจ้าไม่ต้องใช้มือนี้อีกต่อไปแล้วแหละ"

“อะไรนะ…” คนรับใช้จ้องตาให้โต เขายังไม่ทันเข้าใจนางหมายถึงอะไร

ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้เขากรีดร้อง “มือ มือของข้า!”

มือของเขาถูกบิดในรูปแบบที่มีมุมแปลกประหลาด และเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า คุณหนูจิ่วปรากฏตัวข้าง ๆ เขาเมื่อใด

เขาเหงื่อออกและตัวสั่นอย่างมาก

จั๋วซือหรานพูดอย่างเย็นชา "เก็บยาเหล่านั้นไว้ใช้เองเถิด"

จั๋วซือหรานกอดแม่ของนางและพาท่านแม่กลับไปยังสวนจี๋หย่าย่วน นางคิดในใจว่า หากแหวนเสวียนเหยียนข้ามเวลามาด้วยก็จะดีนะ ในนั้นมีของทั้งหมดของนาง และแน่นอนว่าต้องมียารักษาบาดแผลด้วย หากมีแหวนเสวียนเหยียน มารดาของนางต้องทนทุกข์ขนาดนี้หรือ

เมื่อลุกแม่สองคนกลับไปถึงสวนจี๋หย่าย่วน เห็นฝูซูที่ออกไปทำธุระกลับมาพอดี บัดนี้ นางกำลังยืนอยู่หน้าประตูห้อง

จั๋วซือหรานปลอบโยนมารดาของตนเองและพูดว่า "ท่านแม่ไม่ต้องห่วง ฝูซูออกไปเพื่อตามคุณหมอมา"

“ลูกแม่... มีความคิดของตนเองอยู่เสมอ ลูกยังคาดเดาถึงการเฆี่ยนล่วงหน้า และยังตามคุณหมอมาด้วย”

มารดาเช็ดน้ำตา "หากมิใช่เป็นเพราะถูกเล่นงาน เมื่อก่อนลูกใมีการกระทำที่ไม่เหมาะสมได้อย่างไร คุณหนูลิ่วทำเกินไปแล้วจริง ๆ นางยังต้องการแต่งงานกับท่านอ๋องเฟิงหรือ นางฝันไปเถิด การหมั้นหมายระหว่างลูกกับท่านอ๋องเฟิง ไม่เพียงแต่เพราะพวกเจ้ามีคุณสมบัติที่เหมาะสมกัน ยิ่งไปกว่านั้น เป็นเพราะท่านพ่อของลูกเป็นผู้มีพระคุณต่อพวกเขา ดังนั้น หากไม่ใช่ลูกของแม่ที่ทำการหมั้นหมายกับท่านอ๋องเฟิง ก็ไม่มีทางที่จะเป็นคุณหนูลิ่วอย่างแน่แท้”

นี่เป็นครั้งแรกที่จั๋วซือหรานได้ยินเรื่องนี้

หลังจากปลอบใจมารดาของนางแล้ว จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปในห้อง เพราะนางยังคงคิดถึงสิ่งที่มารดของนางพูดในก่อนหน้านี้ นางจึงไม่สังเกตสีหน้าอันลังเลบนใบหน้าของฝูซูดวยซ้ำ

เมื่อนางเดินเข้าไปในห้อง นางตกตะลึง

"ทำไมถึงเป็นเจ้า"
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Yui Yui Yui
ในยุคโบราณแนะนำเป็นจากหนู เป็นข้าหรือเจ้า จะได้อ่านลื่นหน่อย ใช้คำว่าหนูอ่านยังไงก็สะดุดค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 8

    เมื่อจั๋วซือหรานเห็นฝูซูกลับมา นางคิดว่าฝูซูพาคุณหมอมาถึงบ้านแล้ว ผู้ใดจะทราบได้ว่า ชายหนุ่มแสนหล่อเหลาที่กล่าวถึงในเมื่อวานนี้ว่า จะต่างคนต่างอยู่ เวลานี้ชายผู้นี้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำและกำลังนั่งหน้าโต๊ะแปดเซียนจั๋วซือหราน "ทำไมถึงเป็นเจ้าล่ะ"เฟิงเหยียนเหลือบมองถ้วยชาในมือของเขา "ผู้ดูแลของเจ้าไปตามคุรหมอที่เรือนหมอของตระกูลเหยียน"“ข้าไปตามคุณหมอที่บ้านมิได้หรือเจ้าคะ” จั๋วซือหรานลากเก้าอี้หนึ่งตัวออกมาแล้วนั่งลง ใบหน้าของนางซีดเซียว นางริมชาเองและดื่มหมดถ้วย“เพราะคนที่ไปเชิญคุณหมอเป็นผู้ติดตามของเจ้า ดังนั้นตระกูลเหยียนจึงส่งข่าวข้า ข้านึกว่าเจ้าจะมีกลอุบายใหม่ ๆ ดังนั้นจึงเข้ามาดูเสียหน่อย” เฟิงเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีอารมณ์ใด ๆ“แล้วคุณหมอล่ะ เจ้าไม่ได้ให้คุณหมอตามมาด้วยหรือ ” จั๋วซือหรานถามเฟิงเกยียนไม่ได้พูดอะไร นั่นหมายถึงจั๋วซือหรานพูดได้ถูกเพราะเมื่อวานเหยียนฉีบอกว่า ชีพจรของนางแข็งแรงมากและถึงแม้จะมีอาการบาดเจ็บภายใน แต่ปัญหาก็ไม่ร้ายแรง ยิ่งไปกว่านั้น พลังทางจิตวิญญาณและความสามารถในการฟื้นฟูของลูกหลานตระกูลจั๋วนั้นเหนือกว่าคนทั่วไปมากเมื่อรวมกับยาน้ำค้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 9

    มีใบมีดคมที่เย็นเฉียบขึ้นจากหลังคอ และบัดนี้กระบี่เล่มนั้นกำลังถูกวางที่คอขององครักษ์เขาไม่กล้าขยับตัว เสียงของเขาก็สั่นเครือ “ จิ่ว คุณหนูจิ่ว ท่าน…มีอะไรจะพูด…ก็พูดกันดี ๆ เสียก่อน อย่าหุนหันพลันแล่นไปเลย... ““ข้าไม่ได้หุนหันพลันแล่น ข้าใจเย็นแล้วนะ” จั๋วซือหรานเสาะยิ้ม “แต่พวกเจ้าต่างหาก ตอนนี้พร้อมจะคุยกับข้าดี ๆ ยัง”“จิ่ว คุณหนูจิ่ว ท่านเป็นคนใจกว้าง อย่า อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับพวกข้าเลยขอรับ” ยามอ่อนแรงจนขาสั่น เขากลัวมือของจั๋วซือหรานจะสั่น“ตอนนี้ ข้าถามอะไร พวกเจ้าต้องตอบ เข้าใจหรือไม่”"เข้า เข้าใจแล้วขอรับ"“น้องชายของข้าอยู่ที่ไหน”“คุณท่านลิ่วนำตัวไปแล้ว”“นำตัวไปที่ไหน”“พวกเราไม่ทราบขอรับ” องครักษ์เกรงว่านางจะไม่เชื่อ จึงย้ำอีกครั้งว่า "พวกเราไม่รู้จริง ๆ และคุณท่านลิ่วก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกเราทราบการเดินทางของท่าน"“คำถามสุดท้าย จั๋วหรูซินอยู่ที่ไหน พาข้าไปหานางหน่อย” จั๋วหรูซินพูดอย่างเย็นชาโดยไม่ให้โอกาสผู้คุมปฏิเสธ นางกดกระบี่ลงจนทำให้เกิดรอยเลือดขึ้น*"ไร้ประโยชน์ ไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น"ในห้องด้านใน จั๋วหรูซินทุบถ้วยชาในมือของนางออย่างแรง "ถังหยวนอ่อนให้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 10

    จั๋วซือหรานเหลือบมองกระบี่เรียบง่ายที่ดูธรรมดาในมือของนางความจริงนี่คือกระบี่ประจำตระกูลของเฟิงเหยียน และกระบี่เล่มนี้มีชื่อเดียวกับแหวนเสวียนเหยียนของนางจริง ๆในวันที่ลูกหลานของตระกูลกำเนิด ห้องกระบี่ประจำตระกูลจะเริ่มตีเหล็กเข้ารูปเพื่อทำกระบี่ให้ทารก รูปแบบของกระบี่จะแตกต่างกันไป แต่ตราประจำตระกูลเฟิงจะถูกสลักไว้ที่ด้ามจับ และชื่อของเด็กคนนั้นจะถูกสลักไว้ที่ส่วนท้ายของด้ามจับจั๋วซือหรานมองกระบี่เสวียนเหยียนที่อยู่ในมือของนางและไม่พูดอะไรความเงียบของนางทำให้จั๋วหรูซินโกรธมากขึ้น “เจ้าพูดมาสิ ทำไมเจ้าจึงมีกระบี่ประจำตระกูลของท่านอ๋องเฟิง”จั๋วซือหรานเงยหน้าขึ้นและมองหน้านาง "เจ้ายังต้องถามอีกหรือ แน่นอนว่าเขาให้ข้ามา"นางหยุดครู่หนึ่งและพูดทีละคำ "ของ ขวัญ แทน ใจ"“เป็นไปไม่ได้” จั๋วหรูซินโกรธแค้น นางกัดฟัน “เจ้าไม่ต้องพูดไร้สาระ ท่านอ๋องเฟิงเบื่อหน่ายกับการถูกบงการมากกว่าใคร ๆ ก่อนหน้านี้ เจ้ายกเลิกการหมั้นหมายและต้องการแต่งงานกับคนอื่น สมหวังเขาพอดี นางคิดว่าเขาอยากแต่งงานกับเจ้าหรือ เขาอยากแต่งงานกับเจ้าเพียงเพราะเจ้า…”“ซินเอ๋อร์ หยุดพูดได้แล้ว” จู่ ๆ คุณท่านจั๋วลิ่วก็พู

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 11

    เมื่อได้ยินคำพูดของชายผู้นี้ ผู้สูงอายุใหญ่ก็ขมวดคิ้วรอยยิ้มบนใบหน้าของผู้สูงอายุสามแข็งทื่อ "เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร จวนของข้าจะขาดแคลนยาของเสี่ยวจิ่วได้เช่นไร ทว่าข้ายังคงขอบคุณสำหรับน้ำใจของท่าน"จั๋วซือหราน "ขอบพระทัยท่านอ๋องแทนข้าด้วย"“ขอรับ เมื่อข้าส่งมอบของเรียบร้อยแล้ว ข้าจะกลับไปรายงานเดี๋ยวนี้ ข้าขอลา และข้าขอคุณหนูจิ่วหายดีเร็ว ๆ ขอรับ”หลังจากผู้ติดตามของตระกูลเฟิงจากไปผู้สูงอายุใหญ่กล่าวอย่างเคร่งขรึม "ผู้ใดเข้ากะของคลัง นำตัวมา"จั๋วซือหรานยิ้มอย่างสงบ นางกล่าวว่า "ผู้อาวุโสใหญ่เจ้าคะ ผู้ที่ดูแลคลังของจวนแค่มองว่าใครมีฐานะสูงกว่ากัน และจะฟังคำสั่งของคนผู้นั้น หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากใครบางคน ก็จะมิกล้าทำเช่นนี้หรอก"ผู้อาวุโสใหญ่"ข้ารู้ว่าเจ้ามีความคับแค้นอยู่ในใจ เจ้าได้สสั่งสอนเสี่ยวลิ่วแล้ว เจ้าก็ยกโทษให้นางไปเสีย อย่าทำให้คนภายในตระกูลเสียความรู้สึกต่อกันเลย "จั๋วซือหรานพูดต่อ "หนูเทียบกับพี่ลิ่วมิได้หรอก นางยุยงให้คนนอกทำหนอนพิษกู่ใส่ข้า การกระทำเช่นนี้ ข้ายังไม่เรียกร้องความยุติธรรมเลย"“ทั้งหมดนี้ไม่มีที่เป็นยหลักฐานอันใด เหตุใดจึงต้องทำร้ายความส้มพัน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 12

    ที่จริงแล้วเฟิงเหยียนไม่มา จั๋วซือหรานกลับรู้สึกสบายใจขึ้นมากนางมีเวลาว่างพอดี นางจะได้วิเคราห์ชะตากรรมเดิมของเจ้าของร่างเดิมที่อยู่ในหัวในชะตาเดิมของเจ้าของร่าง เวลานี้นางได้แต่งงานกับฉินตวนหยางแล้ว ซึ่งตามมารยาท นางไม่ได้มาร่วมงานดอกไม้ในวังแน่นอน รู้เพียงในงานดอกไม้ครั้งนี้ จั๋วหรูซินทดลองยาให้ไทเฮาด้วยตัวเอง เพราะไทเฮานอนติดเตียงเป็นเวลานาน และนางได้รับการยกย่องสรรเสริญเป็นเสียงเอกฉันท์แต่ ณ ตอนนี้ หลังจากงานเลี้ยงเริ่มต้นได้ไม่นาน จั๋วหรูซินก็ลุกขึ้น“ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันทราบมาว่า ไทเฮาทรงประชวรนอนติดเตียงมานานแล้ว ซึ่งทำให้ท่านกังวลเป็นอย่างมาก...”แต่โครงเรื่องต่อไปไม่ได้เป็นไปตามโครงเรื่องเดิมเนื่องจากจั๋วหรูอหรานเปลี่ยนบทสนทนา "น้องสาวจิ่วของหม่อมฉันมีพรสวรรค์อย่างมาก มากเสียจนสามารถรักษาตัวจากแส้หนามของครอบครัวได้ภายในหนึ่งหรือสองวันหลังจากได้รับเฆี่ยนตีเก้าครั้ง ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งและพลังทางจิตวิญญาณ หากนางได้เป็นผู้ทดลองยายาของไทเฮา อาการเจ็บป่วยของไทเฮาจะหายขาดในไม่ช้า”ก่อนเข้าร่วมงานดอกไม้ในวัง บิดาและผู้อาวุโสสามให้นางเสนอจั๋วซือหรานให้เป็นผู้ทดลองยาให้แก่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 13

    ตำหนักหย่งโซ่วเมื่อครึ่งเดือนก่อน ไทเฮาจู่ ๆ ก็ล้มป่วยลงอย่างกะทันหันและตกอยู่ในอาการขั้นร้ายแรงเมื่อฮองเฮาพาคนมาที่ตำหนักหย่งโซ่ว แม่นมยวี่ที่อยู่เคียงข้างไทเฮาก็ระมัดระวังมากขึ้นเมื่อนางรู้ว่า จั๋วซือหรานมาที่นี่เพื่อวินิจฉัยและรักษาไทเฮา ดวงตาของแม่นมยวี่เป็นประกาย แต่ก็หรี่ลงอย่างรวดเร็วฮองเฮาจะใจดีขนาดนี้ได้อย่างไรนางยังเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณหนูจั๋วจิ่วมาก่อน คนเล่ากันว่า คุณหนูจั๋วจิ่วมีความอัจฉริยะ แต่น่าเสียดายที่คุณหนูจั๋วจิ่วเป็นคนของตระกูลจั๋ว มีใครหรือที่มิทราบว่า แท้จริงแล้วตระกูลเหยียนเป็นหมอเทวดาตั้งแต่บรรพบุรุษหรือ ตระกูลจั๋วไม่เคยมีใครรับตำแหน่งเป็นคุณหมออย่างจริงจังเลยเหยียนชาง ผู้เป็นหัวหน้าของห้องหมอหลวงยืนอยู่ข้าง ๆ "จั๋วจิ่ว เจ้าพูดเบาเลยนะ เจ้ามีวิชาหมอด้วยหรือ"เขาเชื่อจั๋วจิ่วไม่มีปัญญารักษาไทเฮาได้ และเนื่องจากเรื่องอื้อฉาวเมื่อไม่นานมานี้ เหยียนชางดูถูกจั๋วซือหรานอย่างมากจั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และพูดว่า "ข้าพอรู้มานิดหน่อย ขอแสดงฝีมืออันน่าอับอายเสียหน่อย"นางยกแขนเสื้อขึ้นแล้วยื่นมือออก มือของนางขาวราวหยก นิ้วของนางอยู่ห่างจากผิวหนังข้อมือของ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 14

    เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งที่ไทเฮาพูด ทุกคนก็อดไม่ได้ที่ต้องมองไปที่ท่านอ๋องเฟิงเฟิงเหยียนมองจั๋วซือหรานอย่างไม่กระตือรือร้นจั๋วซือหรานรู้สึกดวงตาที่เย็นชาและลึกล้ำของชายคนนี้ดูเหมือนสื่อสานได้ ราวกับว่า เขากำลังเยาะเย้ยนางอย่างเงียบ ๆ เหมือนเขากำลังเยาะเย้ยนางตอบแทนความเมตตาด้วยความเกลียดชัง และนางกลับคำพูดของนางทั้ง ๆ ที่เมื่อสองวันก่อน นางยังบอกเขาว่า จะไม่กวนเขาและจะไม่ให้เขารับผิดชอบจั๋วหรูซินกำลังอยากโล่งอก อย่างน้อยนางก็ไม่ต้องคู่กับฉินตวนหยางแต่นางยังไม่ทันโลง่อก และจั๋วซือหรานจะไม่ยอมให้นางสมหวังแน่นอน "ขอบพระทัยที่ไทเฮาเมตตา แต่สิ่งที่หม่อมฉันต้องการไม่ใช่พระราชโองการการสมรสกับท่านอ๋องเฟิงเพคะ"ทันใดนั้นจั๋วหรูซินตกตะลึงจนดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้น และนางก็จ้องมองไปที่จั๋วซือหรานไทเฮาตรัสว่า “หรือ”จั๋วซือหรานยังคงสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของชายคนนั้น สายตานั้นราวกับเป็นประกาย เหมือนมีไฟลุกอยู่แผ่นหลังของนาง แต่เมื่อคิดถึงภัยคุกคามครั้งก่อนของผู้อาวุโสใหญ่ นางทำได้เพียงกัดกระสุนและพูดซ้ำสิ่งที่นางพูดในวันงานเลี้ยงแต่งงาน "หม่อมฉันมีความรักที่หยั่งรากลึกต่อท่านอ๋องเฟิงโดยไม

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 15

    “ไร้... ไร้สาระ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แค่นี้” จั๋วหรูซินพูดตะกุกตะกัก นางแอบเกลียดจั๋วซือหรานที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นคนเฉียบคมขนาดนี้ในความเป็นจริง ตั้งแต่วินาทีที่คุณท่านจั๋วลิ่วเห็นนางดึงกระกระบี่เสวียนเหยียนออกมา จั๋วซือหรานเห็นทัศนคติที่เขามีต่อนาง จั๋วซือหรานก็รู้ว่า มีบางอย่างผิดปกติ ช่วงสองวันที่นางฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ นางหาเวลาสอบถามข้อมูลบางอย่างด้วยพลังทางจิตวิญญาณของตระกูลเฟิง ผู้ที่มีพรสวรรค์มากเท่าใด จะมีฤทธิ์ร้ายแรงมากขึ้นเท่านั้น ฤทธิ์ร้ายแรงนั้นไม่เพียงเป็นภาระต่อผู้อื่นเท่านั้น แต่ยังเป็นภาระตนเองด้วยดังนั้นลูกหลานของตระกูลเฟิงจึงมีอายุได้ไม่นาน และยิ่งมีความสามารถมากเท่าไร พวกเขาก็จะยิ่งมีอายุน้อยลงเท่านั้นหากทุก ๆ ลูกหลานเป็นเช่นนี้ตลอด ตระกูลเฟิงจะถูกกำหนดให้พังพินาศหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลเฟิงพยายามหาวิธีเพื่อแก้ปัญหานี้ได้ตระกูลเหยียนเก่งด้านการแพทย์และการใช้ยา ดังนั้นตระกูลเหยียนจึงกลายเป็นเป็นหมอประจำของตระกูลเฟิงห้องกระบี่ประจำตระกูลออกแบบกระบี่ให้เป็นอาวุธประจำตระกูล และยังใช้เป็นตราประทับและเครื่องที่รองรับพลังด้วยดังนั้นบุตรหลานของตระกูลเ

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 700

    “เอาล่ะ รู้แล้ว” จั๋วซือหรานถามต่อ “ยังมีอีกไหม?”อิ๋นไห่บอกต่อว่า “คนจากตระกูลเฟิง ตระกูลจั๋ว ตระกูลเหยียนกับตระกูลฮั่วล้วนมากันหมด”ตอนนี้ กลายมาเป็นจั๋วซือหรานประหลาดใจแล้วแม้ว่านางจะรู้ว่าตนเองถูกจับตามอง แต่ในระดับนี้...“เอิกเกริกเสียจริง” จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นอิ๋นไห่เอ่ยต่อ “ใช่เลย ดังนั้นนายท่านจึงให้ข้ามาบอกแม่นางก่อน เกรงว่าท่านจะมีแผนการอื่นอยู่อีก”เจี่ยงเทียนซิงนี่รอบคอบใช้ได้เลยแต่จั๋วซือหรานก็คิดๆ เอ่ยต่อว่า “ยังไม่มีแผนกับความคิดอื่นชั่วคราว ให้เจี่ยงเทียนซิงทำตามแผนเดิม คอยดูแล้วจัดการเอา”อิ๋นไห่พยักหน้ารับคำสั่ง “ขอรับ”“อาจริงด้วย” จั๋วซือหรานมองไปทางอิ๋นไห่“แม่นางโปรดกำชับได้เลย” อิ๋นไห่เอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวังจั๋วซือหรานคิดๆ พูดต่อมาว่า “ให้เจี่ยงเทียนซิงคอยระวังหน่อย ตามหลักการแล้วในห้าตระกูลนี้ ที่ควรไปผิดใจด้วยข้าก็ผิดใจมาจนหมดแล้ว...”อิ๋นไห่ฟังคำนี้ของจั๋วซือรหาน ก็รู้สึกทั้งนับถือทั้งจนใจ ว่าอย่างไรดีล่ะ เกรงว่าตอนนี้ทั้งเมืองหลวง คงมีแค่แม่นางจิ่วเท่านั้นที่มีพลังพูดคำนี้ออกมา“สรุปคือ ตามหลักการแล้วทั้งห้าตระกูลนี้ไม่มีใครมองข้าดีสักคน คิดว่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 699

    จากเวลาเริ่มประลองที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ตลาดมืดก็คึกคักขึ้นเรื่อยๆ เช่นกันเพราะการประลองกับเฮยหลิงก่อนหน้านี้ แม้หอฟ้าดาวจะไม่ได้พูดชัดเจนว่าเป็นจั๋วซือหรานแต่ที่ต่อมาที่เฮยหลิงไปเป็น ‘เทพประตู’ ให้เปล่าๆ ที่เรือนของจั๋วซือหราน ทุกคนจึงคาดเดากันว่าคนที่ประมือกับเฮยหลิงครั้งนั้น จะต้องเป็นจั๋วซือหรานแน่นอน!เพียงแต่ว่า เรื่องราวมากมายส่วนใหญ่มักเป็นเช่นนี้ ถ้าแค่ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน มันก็เป็นได้แค่สิ่งทีเรียกว่าข่าวลือเท่านั้นและเจ้าข่าวลือนี้ พอยิ่งมีความไม่แน่นอนมากขึ้น แน่นอนว่าจึงมีทั้งคนที่เชื่อ และมีคนที่ไม่เชื่อเหล่าประชาชนที่แจ้นไปรักษากับจั๋วซือหรานก่อนหน้านี้ กว่าครึ่งนั้นเชื่อ รู้สึกว่าจั๋วซือหรานมีฝีมือ ดันั้นจึงสามารถเอาชนะเฮยหลิงได้ ทำให้พวกผีพนันพวกนั้นได้จดได้จำ โดนสั่งสอนกันไปตามระเบียบแต่ในสายตาผีพนันเหล่านั้น ก็มักจะหาข้ออ้างให้กับตนเอง รู้สึกว่าต้องไม่ใช่แน่ จะเป็นไปได้อย่างไร ไม่มีทางที่ทุกเรื่องจะเป็นฝีมือของนาง เพียงเพราะว่าช่วงนี้นางกำลังโด่งดังที่สุดในเมืองหลวงหรอกกระมัง?ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากเป็นนางจริง แล้วทำไมตระกูลขุนนางเหล่านั้นถึงไม่ออกมาพูดถึงเ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 698

    จั๋วซือหรานยิ้มๆ ลุกขึ้นยืน สะบัดแขนกับเท้าเล็กน้อย “เวลาน่าจะใกล้แล้ว ข้าลงไปก่อนนะ”พูดจบ จั๋วซือหรานก็เอาหน้ากากชิ้นหนึ่งสวมไปบนหน้าเจี่ยงเทียนซิงเอ่ยขึ้น “ข้าส่งเจ้าไปแล้วกัน”จั๋วซือหรานโบกไม้โบกมือ “ไม่ต้องหรอก เจ้ารอที่นี่เถอะ จำไว้ว่าต้องลงเดิมพันก็ลงเสีย ในเมื่อมีสามยก ยกแรกกับยกสองก็อย่าว่างนักล่ะ ครั้งถ้าไม่โกยเงินจาก ‘เปาบุ้นจิ้น’ นั่นมาให้มากหน่อย เดี๋ยวจะเนรคุณที่เขาลงทุนลงแรงจัดเสียขนาดนี้เอา”“อืม” เจี่ยงเทียนซิงยิ้ม พยักหน้า “เจ้าเองก็ระวังด้วย อย่าบาดเจ็บล่ะ”จั๋วซือหรานเดินออกมาจากห้องหรู ตอนเดินผ่านข้างตัวฝูซู ก็กำชับกับเขา “เจ้าคอยตามเจ้าสำนักหอฟ้าดาวไปก็พอ”จากนั้นจึงเดินออกจากห้องหรูไปฝูซูเดินมาอยู่ข้างกายเจี่ยงเทียนซิง จึงเห็นว่าเจ้าสำนักตลาดมืดที่หนุ่มแน่นคนนี้ กำลังหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดมืออย่างไม่รีบไม่ร้อนอยู่เพราะตอนที่เจ้าสำนักคนนี้ปอกผลไม้ให้กับคุณหนูของเขาก่อนหน้านี้ มือเปื้อนน้ำในผลไม้ไปนั่นเองฝูซูอันที่จริงก็เหมือนสัมผัสอะไรได้รางๆ ...แต่ก็พูดออกมาไม่ได้ตอนนี้เอง เจี่ยงเทียนซิงก็หันหน้ามามองเขา “เจ้ารับใช้ข้างกายซือหรานมานานแล้วกระมัง?”

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 697

    “ลองฟังดูหน่อยก็ได้” ซางถิงเอ่ยขึ้นมา“ก็ได้” อินเจ๋ออันส่งสายตาให้กับคนรับใช้ไม่นานนัก อิ๋นไห่ก็ถูกเชิญเข้ามา“นายท่านของเจ้ามีอะไรมาบอกข้าหรือ?” อินเจ๋ออันถามเสียงของอิ๋นไห่มีมารยาทและเกรงใจ “ท่านเจ้าสำนักหอจันทร์เงิน นายท่านของข้าให้ข้ามาถามท่านวัน การทดสอบไกล่เกลี่ยตัดสินวันนี้ ท่านคิดจะต่อสู้กันกี่ยกหรือ?”อินเจ๋ออันพอได้ยินคำนี้ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาก่อน ในใจคิดว่าการทดสอบไกล่เกลี่ยตัดสินมันไม่ใช่ว่าแค่ยกเดียวก็พอหรือ? ยังจะเอาสักกี่ยกกัน?แต่อินเจ๋ออันพอคิด ในใจก็มีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามา เขาเอียงตามองซางถิงผาดหนึ่งซางถิงเลิกคิ้วอินเจ๋ออันบอกกับอิ๋นไห่ว่า “ปกติ...ไม่ใช่ว่าสามยกหรอกหรือ?”หลังจากนั้นเขาก็เห็นสีหน้าแข็งทื่อของอิ๋นไห่อย่างที่คาดไว้อินเจ๋ออันรู้สึกสะใจขึ้นในนใจทันที เจี่ยงเทียนซิงคงไม่คิดอย่างแน่นอนว่าเขาจะจัดสามยก คงคิดว่าจะมีแค่ยกเดียวกระมัง?ไม่แปลกที่สีหน้าของอิ๋นไห่จะปั้นยากแบบนี้“เจ้าไปบอกเจ้านายเจ้าตามนี้แล้วกัน” อินเจ๋อไห่เอ่ยขึ้น“ขอรับ” หลังจากอิ๋นไห่ขานรับ_ก็หมุนตัวจากไปสีหน้ายังคงแข็งอยู่ หลังจากเดินออกไปก็ถอนใจเบาออกมาเบาๆแม่นางจิ่วเดาไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 696

    “นี่เจ้าพูดจริงจังหรือ?” ดวงตาเจี่ยงเทียนซิงเบิกโพลงขึ้นอีกพอควรต่อให้นางควบคุมสัตว์ได้ เจี่ยงเทียนซิงก็ยังไม่รู้สึกตกตะลึงนัก คนอย่างจั๋วซือหราน ทำให้ผู้คนตกตะลึงมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วนางเป็นวิชาแพทย์ กลั่นยาได้ ต่อยตีก็ได้ จะควบคุมสัตว์ได้ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่เกินคาดนักแต่ควบคุมสัตว์ได้กับเป็นนักภาษาสัตว์มันคนละเรื่องกันจั๋วซือหรานยิ้มตอบกลับมา “เจ้าว่าอย่างไรล่ะ?”“ข้าว่า...” เจี่ยงเทียนซิงขมวดคิ้ว แต่ก็เห็นว่าจั๋วซือหรานตอนนี้ก็ยังมีท่าทีเย้าแหย่เขาจู่ๆ เขาก็เหมือนจะไม่ได้กังวลเหมือนก่อนหน้านี้แล้วเจี่ยงเทียนซิงหันไปบอกกับอิ๋นไห่ “ไปถามอินเจ๋ออันเสีย ว่าประลองกี่ยก”“ขอรับ!” อิ๋นไห่ออกไปทันทีตอนนี้เอง ในหอจันทร์เงินอินเจ๋ออันกำลังนั่งดื่มชา “วันนี้ก็ฝากเจ้าด้วยนะ”ข้างๆ อินเจ๋ออันมีชายคนหนึ่งนั่งอยู่ สวมหน้ากากปิดบังครึ่งล่างใบหน้าไว้ มองเห็นแค่สันจมูกโด่งคมชัดรวมถึงโครงหน้าคมกริบของเขาเท่านั้นดวงตาลึกซึ้งของเขา ม่านตามีสีน้ำเงินอ่อนๆ ดูลึกลับพอได้ยินคำพูดของอินเจ๋ออัน ดูจากรูปทรงคิ้วตาของเขาก็มองออกได้ไม่ยากว่าเขากำลังยิ้มอยู่เล็กน้อย“จะว่าไป” เขาเอ่ยขึ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 695

    “เจ้านี่มัน...” เจี่ยงเทียนซิงคิดไม่ออกว่าจะใช้คำว่าอะไรมาพรรณนาจั๋วซือหรานดีเหล่มองอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นว่า “...เจ้าเล่ห์เหลือเกิน”จั๋วซือหรานมองเขา “ข้าคิดว่าเจ้านิ่งไปค่อนวันแล้วจะหาคำดีดีมาเรียกข้าได้เสียอีก”“เจ้าไม่เข้าใจ” เจี่ยงเทียนซิงโบกไม้โบกมือ “ในปากของพ่อค้าคนหนึ่ง สามารถใช้คำว่าเจ้าเล่ห์มาพรรณนาตัวเจ้าได้ ถือว่าเป็นคำชมที่ยอดเยี่ยมแล้ว”จั๋วซือหรานมองเขา “อย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นก็ขอบคุณที่ชม จะว่าไปเจ้าถามอินเจ๋ออันแล้วหรือยัง วันนี้การทดสอบจะประลองกี่ยก?”“ยังจะกี่ยกได้ล่ะ ปกติก็แค่ยกเดียวไม่ใช่หรือ?” เจี่ยงเทียนซินตอบคำถามนี้ออกมาอย่างคล่องแคล่วจั๋วซือหรานมองเขา “เวลาพูดก็พูดกันอย่างนี้นั่นล่ะ แต่ข้ามันพวกมีประสบการณ์แย่ๆ มาก่อน ตอนนั้นที่ตระกูลเหยียนประลองกับข้า ก็ยังทำตัวไม่ตรงไปตรงมาเลย...”เจี่ยงเทียนซิงพอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน ก็คิดถึงตอนที่ตระกูลเหยียนประลองกับนางเมื่อครั้งนั้น มันก็เป็นสถานการณ์ที่ขายหน้าจริงๆคิ้วขมวดขึ้นมา จากนั้นจึงเรียกอิ๋นไห่มาทันที“นายท่าน มีอะไรหรือ?” อิ๋นไห่ถามขึ้นเจียงเทียนซิงขมวดคิ้ว เอ่ยขึ้นเสียงขรึม “เจ้าไป ถามอิน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 694

    “ดังนั้นเจ้าน่ะ! ไม่ยอมดูแลตัวเองให้ดี แต่วิ่งแจ้นออกไปทะเลาะกับตระกูลเฟิงจนตัวเองบาดเจ็บมันใช้ได้ที่ไหนกัน?” ในใจเจี่ยงเทียนซิงรู้สึกว่ายังปล่อยผ่านไปไม่ได้ ดังนั้นจึงหยิบออกมาพูดอีกถามขึ้นอย่างทนไม่ไหว “เจ้าไปสู้กับใครมากัน? ถึงทำตัวเองบาดเจ็บแบบนี้?”เจี่ยงเทียนซิงรู้สึกว่า จั๋วซือหรานที่มีวิชาแปลกประหลาดอยู่ตั้งมากมาย ต่อให้เอาชนะไม่ได้ แต่ปกติคิดจะทำร้ายนางก็ไม่น่าทำได้ง่ายๆ นี่นาจั๋วซือหรานเบ้ปาก “พ่อของเฟิงเหยียนน่ะ”เจี่ยงเทียนซิงทำหน้าเหมือนกินแมลงวันเข้าไป ถลึงตาโต พูดไม่ออกไปพักหนึ่ง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงพูดออกมาว่า “กลางค่ำกลางคืนแต่เจ้ากลับไปหาเรื่องต่อยตีกับพ่อสามีในอนาคตหรือ?”“นี่มันไม่ใช่สาระสำคัญ สาระสำคัญคือ เมื่อครู่เจ้าบอกว่าคนที่จะสู้กับข้าวันนี้น่าจะเป็นทรยศจากตระกูลซาง? ชื่ออะไรล่ะ?” จั๋วซือหรานถามขึ้นเจี่ยงเทียนซิงมองนาง “นั่นยังไม่สำคัญอีกหรือ? แต่คนเขาชื่ออะไรสำคัญกว่าหรือ? คนทรยศของตระกูลซาง ไม่ว่าจะชื่ออะไรก็ไม่มีทางเป็นพวกอ่อนแอ ต้องเป็นคนแข็งแกร่งแน่นอน”จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว “คนแข็งแกร่ง? แกร่งแค่ไหนกัน?”จั๋วซือหรานถามขึ้น “นักภาษาสัตว์หรือ?”เจี

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 693

    ตอนนี้เป็นช่วงค่ำใกล้อาหารเย็น อีกเดี๋ยวการประลองของพวกเขาก็จะเริ่มแล้วเจี่ยงเทียนซิงเช็ดเศษขนมปิ่งที่มุมปากนางจนสะอาด เอ่ยขึ้นอย่างจนใจ “ถ้าอย่างนั้นให้เอาของมารองท้องให้เจ้าก่อนดีไหม?”จั๋วซือหรานโบกไม้โบกมือ “ไม่ต้องแล้ว สู้เสร็จแล้วข้าค่อยกินแล้วกัน ข้าเห็นร้านอาหารที่น่าจะไม่เลวอยู่ เดี๋ยวสู้เสร็จเจ้าเลี้ยงข้าวข้าที่นั่นก็พอ”เจี่ยงเทียนซิงพยักหน้า เอ่ยขึ้นว่า “เอาเรื่องสนามทดสอบมาไว้ก่อนอาหารค่ำถือว่ามีเหตุผลอยู่”ไม่รอให้เขาได้อธิบาย จั๋วซือหรานก็พยักหน้าตอบ “ข้ารู้ จัดการสูบเงินค่าข้าวจากผีพนันพวกนั้นมาก่อนสินะ ดังนั้นข้าถึงพูดว่าไม่มีมีมนุษยธรรมขึ้นมานี่ไง”เจี่ยงเทียนซิงเดิมทียังคิดว่านางไม่รู้ คิดไม่ถึงว่านางจะเข้าใจอย่างกระจ่างเลยทีเดียวเจียงเทียนซิงมองหน้าจั๋วซือหราน “ข้ารู้สึกว่าสีหน้าเจ้าไม่ค่อยดีนัก”จั๋วซือหรานโบกไม้โบกมือ “ช่างเถอะ เมื่อคืนนี้ไปจวนตระกูลเฟิงแล้วอาละวาดไปรอบหนึ่ง บาดเจ็บมาหน่อย”เจียงเทียนซิงสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที “เจ้า? คนเดียวหรือ?! ไปบ้านตระกูลเฟิง? เจ้าคงไม่ได้ไปหาเรื่องตระกูลเฟิง...เพราะคนที่สาวงามที่ซ่อนไว้ในห้องทองคนนั้นจริงๆ หรอกใ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 692

    “ท่านยังอารมณ์เสียอีกหรือ?” ฝูซูมองนาง รู้สึกเหมือนถ้าแค่นางพูดว่าไม่ดีออกมา เขาก็จะโกรธขึ้นแล้วจั๋วซือหรานพยักหน้า “อารมณ์ดีอยู่นะ...”ตอนนี้เอง ชายที่ดูเจ้าเล่ห์คนหนึ่งเห็นรูปร่างของจั๋วซือหราน แล้วยังสวมหมวกปีกกว้างอีก รู้สึกว่าต้องเป็นหญิงสาวแน่ก็เลยถือโอกาสที่คนเยอะแยะ จงใจเบียดตัวเข้ามา คิดจะชนไปที่ตัวจั๋วซือหรานคิดจะแต๊ะอั๋งนิดๆ หน่อยๆถึงอย่างไรที่นี่ก็คนเยอะแยะ เบียดเสียดไปมาก็เป็นเรื่องปกติ ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ก็เป็นตลาดมืดด้วยแต่แค่ชายชุดของจั๋วซือหรานก็ยังแตะไม่โดน พอเบียดเข้ามาอย่างเจ้าเล่ห์ ก็ถูกจั๋วซือหรานบีบคอเอาไว้“อ่อก...แค่ก!” ชายคนนี้หน้าซีดไปทันที “เจ้าทำ...ทำอะไรน่ะ? ปล่อย...ปล่อยข้านะ!”จั๋วซือหรานสะบัดเขาไปข้างๆ คนผู้นี้ยืนไม่มั่นคง ล้มจ้ำเบ้าลงบนพื้นเขาถลึงตามองจั๋วซือหราน “คนมากขนาดนี้ ไปโดนตัวเจ้าอย่างไม่ระวังบ้างแล้วเป็นอะไรไปกัน?!”“มีที่ตั้งมากให้เบียด แต่เจ้ากลับคิดจะเบียดมาข้างตัวหญิงสาว ก็ไม่มีอะไรหรอก ให้ขาหักขาเจ้าทิ้ง แล้วก็ไปรักษาตัวอยู่ที่บ้าน จะได้ไม่ต้องมาดูงานแบบนี้เสียเลยดีไหม?” จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นเสียงเรียบคนผู้นี้ก่อนหน้าเจอ

DMCA.com Protection Status