แชร์

บทที่ 12

ผู้เขียน: หูเทียนเสี่ยว
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-04-30 14:54:00
ที่จริงแล้วเฟิงเหยียนไม่มา จั๋วซือหรานกลับรู้สึกสบายใจขึ้นมาก

นางมีเวลาว่างพอดี นางจะได้วิเคราห์ชะตากรรมเดิมของเจ้าของร่างเดิมที่อยู่ในหัว

ในชะตาเดิมของเจ้าของร่าง เวลานี้นางได้แต่งงานกับฉินตวนหยางแล้ว ซึ่งตามมารยาท นางไม่ได้มาร่วมงานดอกไม้ในวังแน่นอน รู้เพียงในงานดอกไม้ครั้งนี้ จั๋วหรูซินทดลองยาให้ไทเฮาด้วยตัวเอง เพราะไทเฮานอนติดเตียงเป็นเวลานาน และนางได้รับการยกย่องสรรเสริญเป็นเสียงเอกฉันท์

แต่ ณ ตอนนี้ หลังจากงานเลี้ยงเริ่มต้นได้ไม่นาน จั๋วหรูซินก็ลุกขึ้น

“ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันทราบมาว่า ไทเฮาทรงประชวรนอนติดเตียงมานานแล้ว ซึ่งทำให้ท่านกังวลเป็นอย่างมาก...”

แต่โครงเรื่องต่อไปไม่ได้เป็นไปตามโครงเรื่องเดิม

เนื่องจากจั๋วหรูอหรานเปลี่ยนบทสนทนา "น้องสาวจิ่วของหม่อมฉันมีพรสวรรค์อย่างมาก มากเสียจนสามารถรักษาตัวจากแส้หนามของครอบครัวได้ภายในหนึ่งหรือสองวันหลังจากได้รับเฆี่ยนตีเก้าครั้ง ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งและพลังทางจิตวิญญาณ หากนางได้เป็นผู้ทดลองยายาของไทเฮา อาการเจ็บป่วยของไทเฮาจะหายขาดในไม่ช้า”

ก่อนเข้าร่วมงานดอกไม้ในวัง บิดาและผู้อาวุโสสามให้นางเสนอจั๋วซือหรานให้เป็นผู้ทดลองยาให้แก่ไทเฮา

ตามชื่อ ผู้ทดลองยาคือผู้ให้ยาโดยใช้พลังทางจิตวิญญาณ รวมไปถึงใช้เลือดเป็นตัวนำยา ผู้ทดลองยาบางคนถึงกับต้องทานยาจำนวนมาก หรือถูกของมีพิษกัดกิน ซึ่งบุคคลธรรมดาแบกรับการทดลองนี้ไม่ไหว

ร่างกายที่แข็งแกร่งของจั๋วซือหรานสามารถทนได้

แต่เนื่องจากจั๋วซือหรานเพิ่งได้รับโทษเก้าแส้ของตระกูลมา ให้นางมาเป็นผู้ทดลองยาอีกครั้งจะทำลายร่างกายของนางเสียหายอย่างแน่นอน

ตราบใดที่จั๋วซือหรานไม่ยอม จั๋วหรูซินจะเสนอตัวมาเป็นผูืทดลองยา แต่ร่างกายของนางทนไม่ไหวอย่างแน่นอน ต้องใช้เวลาบำรุงรักษาร่างกาย และอาการของไทเฮาก็ทนได้ไม่นานขนาดนั้น

เท่ากับว่า จั๋วหรูซิได้ชื่อเสียงโดยไม่ได้ทุ่มแรงใด ๆ หากมองในแง่นี้ นับว่านี่เป็นสถานการณ์ที่มีแต่ชัยชนะอย่างแน่นอน

ทุกคนมองดูนาง

จั๋วหรูซินถามอย่างกระตือรือร้นว่า "น้องสาวจิ่วเป็นคนที่มีความสามารถ ซึ่งควรออกแรงหน่อย ดังนั้นเจ้าคงไม่รังเกียจที่จะทุ่มแรงเล็กน้อยเพื่อแบ่งปันความกังวลของฮองเฮาใช่ไหม"

จั๋วซือหรานกระพริบตาเล็กน้อย โอ้ แท้จริงแล้ว เป็นแบบนี้เองหรือ ขุดหลุมพรางรอนางอยู่นี่เอง

“ข้าแค่ทุ่มแรงนิดเดียวเพียวเท่านั้น เหตุใดพี่สาวลิ่วถึงตื่นเต้นมากมายขนาดนี้ล่ะ”

ต้องบอกว่า แผนของคุณท่านจั๋วลิ่วและผู้อาวุโสสามดีเสียจริง

แต่พวกเขาพลาดไปเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือ การที่มีนางอยู่ เพราะนางไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม

นางมาจากอีกโลกหนึ่ง และนางเชี่ยวชาญในด้านศิลปะการต่อสู้โบราณและฝีมือทางการแพทย์ที่ลึกลับ

“ทำไมข้าต้องเป็นผู้ทดลองยาถึงจะบรรเทาความกังวลของฮองเฮาได้ล่ะ” จั๋วซือหรานพูดเบา ๆ “ข้ารักษาไทเฮาให้ได้ไม่ได้หรือ”

“พูดจาไร้ยางอาย” จั๋วหรูซินตะโกน “เจ้าคิดว่าหมอหลวงในวังทั้งหมดเป็นเพียงของตกแต่งเหรอ พวกเขายังรักษาไม่ได้ เจ้ากล้าพูดเกินตัวเช่นนี้ เจ้าไม่กลัวที่จะทำให้ครอบครัวของเราอับอายหรือ”

“อย่ายั่วข้าโมโหสิ พี่ลิ่ว”จั๋วซือหรานกล่าวต่อ “หมอหลวงทำไม่ได้ ข้าทำไม่ได้เช่นกันหรือใช่ เจ้าพยายามใส่ความข้าขนาดนี้ หากข้ารักษาให้หายดีได้ คำพูดของเจ้าในตอนนี้จะไม่น่าอับอายมากเลยหรือ”

“หรือขอรับ” มีเสียงหนึ่งดังก้องจากประตูห้องโถง “ข้าไม่รู้ว่าคุณหนูจิ่วจะมีความสามารถเช่นนี้”

คนรับใช้ที่ประตูส่งสารว่า "ท่านชายเหยียนฉีมาถึงแล้วขอรับ ท่านอ๋องเหยียนเฟิงมาถึงแล้วขอรับ"

ชายร่างสูงทั้งสองเดินมาจากประตู

เฟิงเหยียนแต่งกายด้วยชุดสีดำเหมือนเดิม ใบหน้าอันงดงามของเขาเต็มไปด้วยสีหน้าที่เย็นชา

ในทางกลับกัน ใบหน้าของเหยียนฉีเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน เขาทำท่าเคารพแก่ฮองเฮาจากที่ไกล ๆ "เหยียนฉีมาสายโปรดฮ่องเฮาอย่าโกรธ จะตำหนิกระหม่อมมิได้นะ เป็นความผิดของอ๋องเฟิงทั้งนั้นพะยะคะ”

เหยียนส่ายผลักหน้าที่ด้วยน้ำเสียงที่ช้า ๆ "เขาขาเป๋"

ทุกคนรู้ดีว่า นอ๋องเฟิงได้รับบาดเจ็บที่ขาระหว่างการฝึกซ้อมประจำตระกูล และพวกเขาก็อดไม่ได้ที่ต้องมองขายาวอันเหยียดตรงนั้น

ราชสำนักมีกำลังน้อย แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังต้องเคารพตระกูลใหญ่ทั้งห้า

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้มาเยือนยังเป็นบุตรชายผู้สูงศักดิ์ของตระกูลเฟิง ผู้กล้าหาญและเก่งในการต่อสู้ และมีบุตรชายผู้สูงศักดิ์ของตระกูลเหยียน ผู้เก่งด้านการแพทย์ด้วย

ฮองเฮายิ้มอย่างอ่อนโยน และกล่าวว่า "ไม่เป็นไร นี่เป็นเพียงงานเลี้ยงดื่มชาและพูดคุยเท่านั้น มันไม่สำคัญว่า เจ้าจะมาก่อนเวลาหรือมาสาย"

“แค่ไม่คิดว่าจะตามทันเรื่องนี้” เหยียนฉีมองจั๋วซือหรานด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูจั๋วจิ่ว ผู้ดูแลหมอหลวงในวังเป็นอาสามของข้านะ เจ้ากล้ามากเลยนะ หากเจ้ารักษาไม่ได้ล่ะ”

“หากข้ารักษาได้ล่ะ” จั๋วซือหรานขมวดคิ้วและยิ้ม ดวงตาของนางเป็นประกาย “เช่นนั้น โปรดฮองเฮาเป็นพยานด้วยเพคะ”

ฮองเฮา "โอ้ เจ้าต้องการให้ข้าเป็นพยานในเรื่องใด"

“หากหม่อมฉันรักษาอาการป่วยของไทเฮาได้ หม่อมฉันขอประทารพระราชโองกรการหมั้นเพคะ” จั๋วซือหรานกล่าว

ฮองเฮาถาม"ถ้าหากเจ้ารักษาไม่หายล่ะ"

จั๋วซือหรานยืนขึ้น เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้อยู่บนที่สูง แต่มันทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความภาคภูมิใจของนาง

นางยิ้มอย่างภาคภูมิใจ "ถ้าอย่างนั้น หม่อมฉันก็จะเป็นผู้ทดลองยาให้ไทเฮาก็ไม่เสียหายอะไร"

“เช่นนั้น พวกเจ้าทุกคนตามข้าไปที่ตำหนักหย่งโซ่วด้วยกันและเป็นพยานร่วมกับข้า” ฮองเฮากล่าว

จั๋วหรูซินไม่คาดคิดถึงสิ่งนี้ นางรีบเดินไปหาจั๋วซือหราน แล้วพูดด้วยเสียงต่ำ "เจ้าบ้าไปแล้วหรือ"

จั๋วซือหรานมองนางอย่างเย็นชา "นี่เป็นเรื่องที่เจ้าตั้งใจก่อมามิใช่หรือ ข้าทำในสิ่งที่เจ้าต้องการแล้ว เจ้าไม่พอใจหรือ"

“แต่ข้าไม่ได้ให้เจ้าโอ้อวดว่า เจ้าสามารถรักษาความเจ็บป่วยของไทเฮาได้ ท่านชายของตระกูลเหยียนอยู่ในงานด้วย เจ้าพูดอย่างนั้นไม่กล้วจะเดือดร้อนภายหลังหรือ” จั๋วหรูซินกัดฟันพูด

จั๋วซือหราน "ข้าจะเดือดร้อนหรือไม่ ไม่รบกวนเจ้าเป็นห่วง"

“เจ้าพูดเกินความสามารถ เพื่อต้องการขอพระราชโองการการหมั้นระหว่างเจ้ากับท่านอ๋องเฟิงเหยียน หากเจ้าทำให้ตระูลอับอาย เหล่าผู้อาวุโสจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่” จั๋วหรูซินพูดอย่างเคร่งขรึม นางคิดว่าตัวเองมองแผนการของจั๋วซือหรานออก

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ จั๋วซือหรานยิ้ม นางเบาเสียงลง และพูดด้วยน้ำเสียงที่ชั่วร้าย "เฟิงเหยียนและข้ารักกัน สายใยรักของเราผูกกัน ทำไมเราต้องมีพระราชโองการการหมั้นล่ะ เจ้าไปกังวลเรื่องของเจ้าเองเสียดีกว่า”

หัวใจของจั๋วหรูซินเต้นรัว "หมาย หมายถึงอะไร"

จั๋วซือหรานยิ้มอย่างสดใสจนเห็นฟันขาวเล็ก ๆ ของนาง “พี่ลิ่ว ลืมไปหรือ คู่รักของพี่ลิ่ว ฉินตวนหยาง ข้าเหลือไว้ให้เจ้าเป็นพิเศษนะ”

จั๋วซือหรานไม่ใช่คนบริสุทธิ์ จั๋วหรูซินกล้าหาผู้ชายชั่ว ๆ เช่นนี้ให้นาง นางก็จะโยนเขากลับไปหาจั๋วหรูซินอย่างแน่นอน

จั๋วหรูซิน: "เจ้า"

จั๋วซือหรานไม่สนใจนางและไม่มองนาง นางเดินจากไปอย่างสง่างาม

จั๋วหรูซินหวาดกลัวเล็กน้อย แต่นางรีบสงบอารมณ์ทันที นางเยาะเย้ยในใจว่า นางกำลังคิดอะไรอยู่ จั๋วซือหรานจะรักษาโรคของไทเฮาได้อย่างไร นางไปเป็นตัวตลกมากกว่า

จั๋วหรูซินเร่งฝีเท้าและมุ่งหน้าไปยังตำหนักหย่งโซ่ว

ไม่ไกลจากด้านหลังของพวกนาง เหยียนฉีมองไปยังชายที่สวมชุดสีดำ เวลานี้ สีหน้าของชายพูดนี้ไร้ความรู้สึก เหยียนฉียิ้มอย่างขำขันว่า "คนสองคนรักกัน มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน และผูกพันกันตลอดชีวิตที่เหลือ เจ้าและจั๋วจิ่วมาถึงจุดนี้แล้วหรือ "

ด้วยทักษะของพวกเขา พวกเขาสามารถได้ยินการคุยระหว่างจั๋วซือหรานและจั๋วหรูซินได้อย่างชัดเจน

เฟิงเหยียนขมวดคิ้วและเหลือบมองเหยียนฉีอย่างเย็นชา “หากเจ้ามีเวลามาก ก็ไปรักษาสมองของตัวเองเถิด ชื่อเสียงของตระกูลตัวเองจะถูกคนทำลายอยู่แล้ว ยังมีเวลาแกล้งข้าอีกหรือ”

เหยียนฉีสะดุ้ง จากนั้นโบกมือแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "แม้ว่าความสามารถของคุณอาสามของข้าจะไม่ได้สูงที่สุดในบรรดาตระกูล แต่ก็ยังเก่งพอ เขายังรักษาความเจ็บป่วยของไทเฮาไม่ได้...เจ้าเชื่อความสามารถของจั๋วจิ่วขนาดนี้เลยหรือ”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 13

    ตำหนักหย่งโซ่วเมื่อครึ่งเดือนก่อน ไทเฮาจู่ ๆ ก็ล้มป่วยลงอย่างกะทันหันและตกอยู่ในอาการขั้นร้ายแรงเมื่อฮองเฮาพาคนมาที่ตำหนักหย่งโซ่ว แม่นมยวี่ที่อยู่เคียงข้างไทเฮาก็ระมัดระวังมากขึ้นเมื่อนางรู้ว่า จั๋วซือหรานมาที่นี่เพื่อวินิจฉัยและรักษาไทเฮา ดวงตาของแม่นมยวี่เป็นประกาย แต่ก็หรี่ลงอย่างรวดเร็วฮองเฮาจะใจดีขนาดนี้ได้อย่างไรนางยังเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณหนูจั๋วจิ่วมาก่อน คนเล่ากันว่า คุณหนูจั๋วจิ่วมีความอัจฉริยะ แต่น่าเสียดายที่คุณหนูจั๋วจิ่วเป็นคนของตระกูลจั๋ว มีใครหรือที่มิทราบว่า แท้จริงแล้วตระกูลเหยียนเป็นหมอเทวดาตั้งแต่บรรพบุรุษหรือ ตระกูลจั๋วไม่เคยมีใครรับตำแหน่งเป็นคุณหมออย่างจริงจังเลยเหยียนชาง ผู้เป็นหัวหน้าของห้องหมอหลวงยืนอยู่ข้าง ๆ "จั๋วจิ่ว เจ้าพูดเบาเลยนะ เจ้ามีวิชาหมอด้วยหรือ"เขาเชื่อจั๋วจิ่วไม่มีปัญญารักษาไทเฮาได้ และเนื่องจากเรื่องอื้อฉาวเมื่อไม่นานมานี้ เหยียนชางดูถูกจั๋วซือหรานอย่างมากจั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และพูดว่า "ข้าพอรู้มานิดหน่อย ขอแสดงฝีมืออันน่าอับอายเสียหน่อย"นางยกแขนเสื้อขึ้นแล้วยื่นมือออก มือของนางขาวราวหยก นิ้วของนางอยู่ห่างจากผิวหนังข้อมือของ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-30
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 14

    เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งที่ไทเฮาพูด ทุกคนก็อดไม่ได้ที่ต้องมองไปที่ท่านอ๋องเฟิงเฟิงเหยียนมองจั๋วซือหรานอย่างไม่กระตือรือร้นจั๋วซือหรานรู้สึกดวงตาที่เย็นชาและลึกล้ำของชายคนนี้ดูเหมือนสื่อสานได้ ราวกับว่า เขากำลังเยาะเย้ยนางอย่างเงียบ ๆ เหมือนเขากำลังเยาะเย้ยนางตอบแทนความเมตตาด้วยความเกลียดชัง และนางกลับคำพูดของนางทั้ง ๆ ที่เมื่อสองวันก่อน นางยังบอกเขาว่า จะไม่กวนเขาและจะไม่ให้เขารับผิดชอบจั๋วหรูซินกำลังอยากโล่งอก อย่างน้อยนางก็ไม่ต้องคู่กับฉินตวนหยางแต่นางยังไม่ทันโลง่อก และจั๋วซือหรานจะไม่ยอมให้นางสมหวังแน่นอน "ขอบพระทัยที่ไทเฮาเมตตา แต่สิ่งที่หม่อมฉันต้องการไม่ใช่พระราชโองการการสมรสกับท่านอ๋องเฟิงเพคะ"ทันใดนั้นจั๋วหรูซินตกตะลึงจนดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้น และนางก็จ้องมองไปที่จั๋วซือหรานไทเฮาตรัสว่า “หรือ”จั๋วซือหรานยังคงสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของชายคนนั้น สายตานั้นราวกับเป็นประกาย เหมือนมีไฟลุกอยู่แผ่นหลังของนาง แต่เมื่อคิดถึงภัยคุกคามครั้งก่อนของผู้อาวุโสใหญ่ นางทำได้เพียงกัดกระสุนและพูดซ้ำสิ่งที่นางพูดในวันงานเลี้ยงแต่งงาน "หม่อมฉันมีความรักที่หยั่งรากลึกต่อท่านอ๋องเฟิงโดยไม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-30
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 15

    “ไร้... ไร้สาระ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แค่นี้” จั๋วหรูซินพูดตะกุกตะกัก นางแอบเกลียดจั๋วซือหรานที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นคนเฉียบคมขนาดนี้ในความเป็นจริง ตั้งแต่วินาทีที่คุณท่านจั๋วลิ่วเห็นนางดึงกระกระบี่เสวียนเหยียนออกมา จั๋วซือหรานเห็นทัศนคติที่เขามีต่อนาง จั๋วซือหรานก็รู้ว่า มีบางอย่างผิดปกติ ช่วงสองวันที่นางฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ นางหาเวลาสอบถามข้อมูลบางอย่างด้วยพลังทางจิตวิญญาณของตระกูลเฟิง ผู้ที่มีพรสวรรค์มากเท่าใด จะมีฤทธิ์ร้ายแรงมากขึ้นเท่านั้น ฤทธิ์ร้ายแรงนั้นไม่เพียงเป็นภาระต่อผู้อื่นเท่านั้น แต่ยังเป็นภาระตนเองด้วยดังนั้นลูกหลานของตระกูลเฟิงจึงมีอายุได้ไม่นาน และยิ่งมีความสามารถมากเท่าไร พวกเขาก็จะยิ่งมีอายุน้อยลงเท่านั้นหากทุก ๆ ลูกหลานเป็นเช่นนี้ตลอด ตระกูลเฟิงจะถูกกำหนดให้พังพินาศหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลเฟิงพยายามหาวิธีเพื่อแก้ปัญหานี้ได้ตระกูลเหยียนเก่งด้านการแพทย์และการใช้ยา ดังนั้นตระกูลเหยียนจึงกลายเป็นเป็นหมอประจำของตระกูลเฟิงห้องกระบี่ประจำตระกูลออกแบบกระบี่ให้เป็นอาวุธประจำตระกูล และยังใช้เป็นตราประทับและเครื่องที่รองรับพลังด้วยดังนั้นบุตรหลานของตระกูลเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-30
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 16

    “แล้วล่ะขอรับ” เขาพูดเบา ๆจั๋วซือหรานตอบ "ดังนั้นพวกเราควรเลือกสิ่งที่เราต้องการ มาร่วมมือกัน"เฟิงเหยียนเลิกคิ้ว "ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือเช่นไร เจ้ามีอะไรที่ข้าต้องการหรือ"ดวงตาของจั๋วซือหรานสว่างเป็นประกาย นางมองเขาอย่างแน่วแน่ "อะไรที่เหยียนฉีไม่สามารถรักษาเจ้าได้ บางทีข้าอาจจะรักษาได้"เมื่อเฟิงเหยียนได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เขาหรี่ตาลง เดิมทีมือของเขางวางบนกระบี่ประจำตระกูลที่เอวอย่างไม่ได้ตั้งใจที่ ทีนี้นิ้วหัวแม่มือดันด้ามมีดเล็กน้อย ใบมีดอันแหลมคมที่ประกายความหวาดกลัวนั้นปรากฏส่วนอันสั้นจากฝักหระบี่มันยาวเท่ากับนิ้วหัวแม่มือของมนุษย์เท่านั้นเองความอาฆาตจั๋วซือหรานรู้สึกถึงแรงผลักดันที่พุ่งออกมาจากเขาอย่างชัดเจนเขาคู่ควรกับการเป็นอัจฉริยะที่ตระกูลเฟิงไม่เคยพบและไม่เคยเห็นมานานนับศตวรรษแข็งแกร่ง เสียจริงคนขับรถม้าเกือบจะฉี่รด เขาตัวสั่น และถอยไปด้านหลังสองสามก้าว“นี่คือสิ่งที่จั๋วลิ่วบอกเจ้าในเมื่อสักครู่หรือ” เฟิงเหยียนพูดอย่างเย็นชาจั๋วซือหรานพูด "นางไม่ต้องบอกข้า ขาก็เดาออกได้"จากปฏิกิริยาของเฟิงเหยียน จั๋วซือหรานรู้นางเดาถูก นางลดสายตาลงและมองขาอันยาว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-30
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 17

    บ้าระห่ำจั๋วซือหรานชอบคนบ้าระห่ำเช่นนี้ นางรู้สึกเจอคนประเภทเดียวและเกิดความรู้สึกการเอ็นดูเฟิงเหยียนเดินจากไปแล้ว และนางคิดชื่อจากคำพูดของเขา “จั๋วเสี่ยวจิ่ว(จิ่วหมายถึง เลข เก้า ในภาษาไทย)หรือ ดีแล้วข้าไม่ได้เปิดเป็นบุตรคนที่สองของตระกูล...ไม่อย่างนั้น ก็จะดูเหมือนคนรับใช้ที่ร้านแล้ว”“จิ่ว...คุณหญิงจิ่วขอรับ” คนขับรถม้าเดินเข้ามาอย่างสั่นเทา “กลับ..กลับตอนนี้หรือขอรับ”"เจ้าค่ะ กลับเถอะ" จั๋วซือหรานเห็นคนขับรถม้าไสั่นเช่นนี้ นางอดไม่ได้ที่ต้องสงสายและถาม"เจ้าหนาวหรือ"คนขับหดคอลงจนเกือบจะร้องไห้ "เมื่อครู่นั้น ท่านอ๋องเฟิงทำเช่นนั้น...ข้า..ข้าน้อยกลัวแทบจะตาย"จั๋วซือหรานนึกถึงเจตนาฆ่าของเฟิงเหยียนที่เขาประกายในเมื่อครู่ คนทั่วไปรับพลังนั้นไม่ไหวเสียจริงนางยกมือขึ้นแล้วโบกมือให้คนขับรถม้า คนขับรถม้ารู้สึกมีสายลมพัดมาบนใบหน้าของเขา และความรู้สึกการกดขี่ที่น่ากลัวก่อนหน้านี้ก็หายไป*ในห้องส่วนตัวจั๋วซือหรานหรี่ตาลงและจ้องมองไปที่แหวนสีแดงเข้มที่เรียบง่ายบนนิ้วชี้ของมือขวาของนาง มันคือแหวนเสวียนเหยียนจริง ๆแต่นางไม่เข้าใจ“ทำไมถึงตามข้ามา” จั๋วซือหรานพึมพำจิตวิญญาณเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-30
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 18

    บรรยากาศอันแสนอบอุ่นแตกสลายทันทีสีหน้าของจั๋วซือหรานแข็งค้าง ใช่แล้ว เจ้าของร่างเดิมและจั๋วหวายต่างก็เป็นลูกของผู้บัญชาการทหาร และพวกเขาไม่สนใจเรื่องเรียนเลยจริง ๆ หากให้พวกเขาเขียนหนังสือเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม( 1 ชั่วยาม=2 ชั่วโมง) พวกเขายอมฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาสามชั่วยามมากกว่า"ไม่เอาก็ต้องเอา" ความอ่อนโยนบนใบหน้าของจั๋วซือหรานในก่อนหน้านี้หายไป “เจ้าคิดว่าข้าชิงโอกาสเข้าเรียนในวังได้ ง่ายมากเลยหรือ คนอื่นอยากไปเรียนแต่ไปไม่ได้ แต่เจ้าต้องไป ไม่เช่นนั้น ฮึม ๆ ”จั๋วซือหรานกำหมัดของนาง ข้อต่อนิ้วของนางมีเสียง กร๊อบ ตั้งขึ้นจั๋วหวายเป็นผู้ที่หากไม่ใช้ความรุนแรงกับเขา เขาจะไม่ร่วมมือ เวลานี้ เขาถูกพี่สาวสั่งสนอย่างเชื่อง เขาจึงทำได้เพียงขมวดคิ้วตอบตกลงไป“ข้าจะไปบอกท่านแม่เรื่องนี้ หากพวกเราสองคนได้ไปเรียนที่วังได้ ท่านแม่ต้องดีใจแน่นอน”อวิ๋นเหนียงดีใจมากจริง ๆ แม้ว่าตระกูลทางบ้านนางจะไม่มีชื่อเสียงมากนัก แต่ก็เป็นตระกูลที่สืบทอดความรู้และวัฒนธรรมประเภณีอันดีงามจากบรรพบุรุษสู่ลูกหลานทว่านางแต่งงานกับผู้รู้ศิลปะการต่อสู้ และนางให้กำเนิดลูกชายและลูกสาวที่ไม่ชอบเรียนหนังสือ โดยเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-30
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 19

    องค์ชายเจ็ดของปัจจุบัน ซือคงเซี่ยน เป็นถึงท่านชินอ๋องที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดท่านแม่เป็นนางสนมผู้สูงศักดิ์ เขามีฐานะสูงส่งตั้งแต่เกิด เขาคงไม่เคยคิดหรอกว่รา สักวันหนึ่ง เขาจะถูกห้ามไว้หน้าประตูเรือนซือคงเซี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้น เคาะประตูของสวนจี๋หย่าย่วนเบา ๆหลังจากนั้นไม่นาน มีคนเปิดประตูออก และมีหัวของผู้คนยื่นออกจากด้านใน คนนั้นถามด้วยความสงสัย “ท่านเป็นใคร ท่านต้องมาพบใครเจ้าคะ”“ไม่ทราบว่าคุณหนูจั๋วจิ่วอยู่หรือเปล่า” ซือคงเซี่ยนถามอย่างอ่อนโยนฝูซูเป็นคนโง่เขลา นางก็ลืมถามถึงตัวตนของอีกฝ่าย เมื่อได้ยินว่าตามหาคุณหนูง นางรีบโบกมือแล้วพูดว่า “คุณหนูป่วย ไม่พบใครเจ้าค่ะ”ซือคงเซี่ยนยังไม่ทันพูดอะไรอีก ประตูลานก็ถูกปิดลงซือคงเซี่ยนตกตะลึง ยืนอยู่ที่นั่นและขำในสวนจี๋หย่าย่วน ฝูซังเดินออกจากห้องครัวแล้วถามฝูซูว่า "นั่นใคร"“ไม่รู้สิ คนนั้นหาคุณหนู”ฝูซังขมวดคิ้ว "อย่างน้อย เจ้าควรถามหน่อยว่า เขาเป็นใคร"นางรีบไปเปิดประตูลาน และเห็นคุณชายที่สง่างามบังคงยืนอยู่ข้างนอก "ท่านเป็นใครเจ้าคะ มาหาคุณหนูมีธุระอันใดหรือเจ้าคะ"“ข้าแซ่ซือคง ซือคงเซี่ยน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-30
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 20

    ทันทีที่พระราชกฤษฎีกานี้ออกมา สิทธิ์ทั้งสองที่สัญญาไว้กับจั๋วซือหรานนั้นเป็นสิทธิ์ของพวกเขาอย่างแน่นอน แม้ว่านางตั้งใจจะมอบสิทธิ์นั้นกับคนอื่นก้ไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงถ้าคนอื่นต้องการแย่งสิทธิ์นั้น อย่างหวังเลยดังนั้นเมื่อจั๋วซือหรานมาที่ห้องโถงด้านหน้าเพื่อรับพระราชโองการ สีหน้าของเหล่าผู้อาวุโสก็ซีดขาวเมื่อจั๋วซือหรานเห็นพวกเขาไม่สบายใจ จั๋วซือหรานก็รู้สึกมีสบายใจขึ้น ในที่สุดความโกรธที่นางได้รับในห้องโถงนี้ในตอนเช้าก็บรรเทาลบุคคลที่มาประกาศกฤษฎีกาคือองค์ชายเจ็ด ซือคงเซี่ยน ซึ่งนางได้พบเขาในตอนเช้าหลังจากที่เขาประกาศกฤษฎีกาแล้ว เขาก็ยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า "คุณจั๋วจิ่ว รับพระราชโองการขอรับ"“หน่อมฉันขอขอบพระคุณในกรุณาธิดา” จั๋วซือหรานกล่าวซือคงเซี่ยนให้นางไม่ต้องทำพิธีเคารพ “เอาล่ะ เจ้าสัญญาว่าจะรักษาไทเฮา ตอนนี้เจ้าได้รับพระราชโองการแล้ว ยังรู้สึกไม่สบายเหมือนตอนเช้าหรือเปล่า”เขาพูดสิ่งนี้ต่อหน้าเหล่าผู้อาวุโส ซึ่งทำให้กลายเป็นว่า สร้างปัญหาแก่จั๋วซือหรานโดยตรงปรากฎว่า นางแกล้งทำเป็นไม่สบาย และจงใจไม่เข้าไปรักษาไทเฮาที่วังจั๋วซือหรานไม่สนใจคนอื่นจะคิดอย่างไรกับนาง และ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-30

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 840

    ซือคงเซี่ยนชั่วขณะหนึ่ง ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีแต่ว่าจั๋วซือหรานกลับไม่รอให้เขาทันซาบซึ้ง นางดึงชายผ้าคลุมไหล่เล็กน้อย เดินตรงไปทางตำหนักข้างตำหนักข้างจัดเตรียมงานเลี้ยงเสร็จแล้ว เหล่าแขกเหรื่อกำลังกินอย่างมีความสุขล้วนเป็นชนชั้นสูงและเหล่าญาติราชวงศ์ หลักๆ แล้วล้วนเป็นตระกูลเหยียนกับตระกูลเฟิง ตระกูลซางเองก็มีคนบางส่วนมาด้วยแต่ว่ากลับไม่เห็นตระกูลฮั่วกับตระกูลจั๋วมานี่ทำเอาคนนึกไม่ถึงเลย ทุกคนคาดเดาว่า ที่ตระกูลฮั่วไม่มา น่าจะเพราะมีความร่วมมือกับจั๋วซือหรานไว้แต่ตระกูลจั๋วก็ไม่มาหรือ?"จะเพราะอะไรได้ ก็เพราะถูกตระกูลเฟิงถอนหมั้นน่ะสิ""แต่ว่าพวกเขาทั้งสองตระกูลก็สงบศึกกันแล้วหรือ? ก่อนหน้านี้ตอนที่จั๋วจิ่วถูกคนใช้เสน่ห์หนอนพิษกู่เข้าควบคุม ไม่ใช่ยังเคยไปถอนหมั้นกับตระกูลเฟิงหรอกหรือ""ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้จั๋วซือหรานถูกตระกูลเฟิงถอนหมั้น...นางไม่ใช่ว่าออกจากตระกูลจั๋วแล้วหรือ?"เสียงคำวิจารณ์เหล่านี้ ล้วนหยุดลงอย่างฉับพลันตอนที่ร่างงามคลุมผ้าคลุมเดินเข้าไปเท้าของจั๋วซือหรานไม่สะทกสะท้าน เดินมาที่ข้างโต๊ะจัดเลี้ยงตัวหนึ่งแล้วนั่งลงคนที่เดิมทีกำลังคุยกันอยู่ที่โต๊ะนี้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 839

    เหยียนหยี่หลิงโมโหจะแย่ แต่ก็ยังกลัวจะเสียหน้า ดังนั้นจึงระงับเสียงต่ำไว้แม้เสียงจะกดต่ำไว้ ความโกรธในน้ำเสียงกลับกดต่ำลงไป"เวลาข้าพูดแล้วยกตระกูลยกผู้อาวุโสออกมา แน่นอนว่าเพราะข้ามีตระกูล! มีผู้อาวุโส! ข้ามีที่พึ่งพาอย่างไรล่ะ! ไม่เหมือนกับเจ้า เจ้ามีตระกูลกับเขาไหม? มีผู้อาวุโสกับเขาบ้างไหม?"ความโกรธในน้ำเสียงเหยียนหยี่หลิงยิ่งเพิ่มขึ้น แต่ในเสียงของจั๋วซือหรานกลับหัวเราะขึ้นมา นางเป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร เวลาศัตรูโกรธ นางก็จะไม่โกรธนี่คือสิ่งที่เรียกว่าการถ่ายทอดพลังงานด้านลบ ไม่อย่างนั้นคงได้ป่วยกันพอดี ใครก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้นนี่?จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม "ข้าเป็นต้นไม้ใหญ่ ทำไมจะต้องมีคนมาให้พึ่งพาด้วย? ข้าบอกแล้ว ข้ากับเจ้าไม่เหมือนกัน เจ้าก็อย่าทำให้ตนเองอับอายขยหน้าดีกว่า อย่ามาทึกทักว่าเป็นเรื่องตัวเอง เจ้าไม่ใช่อยากจะแต่งกับเฟิงเหยียนมาตลอดหรือ ตอนนี้เรื่องก็เสร็จไปครึ่งแล้วนะ จะดีใจก็ดีใจไปคนเดียว จะมาลอยชายต่อหน้าข้าทำไมกัน?"ก็เหมือนกับที่จั๋วซือหรานคิดไว้ ยิ่งคนอื่นโกรธข้าก็จะยิ่งไม่โกรธส่วนความคิดของเหยียนหยี่หลิงเหมือนว่าจะเป็น...คนอื่นยิ่งนิ่ง นางก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 838

    ซือคงเซี่ยนไฟโกรธปะทุในใจ เขายังโกรธด้วยหรือ? เขามีคุณสมบัติอะไรมาโกรธ? เขาทำซือหรานบาดเจ็บขนาดนี้เชียว!ซือคงเซี่ยนโตมาขนาดนี้ยังไม่เคยอิจฉาริษยาใครมาก่อน แต่สำหรับเฟิงเหยียน เขานั้นอิจฉาริษยาจริงๆได้รับใจของหญิงสาวอย่างซือหราน แต่กลับไม่เสียดาย? ทำร้ายนางจนบาดเจ็บขนาดนี้เลยหรือ!ส่วนอีกด้านหนึ่ง เฟิงเหยียนเห็นชายหนุ่มในชุดอ๋องคนนั้น จับแขนจั๋วจิ่วอย่างเสียดายหวงหวน ถามถึงอาการของนางด้วยสายตาอ่อนโยนและกังวลเฟิงเหยียนพูดอะไรไม่ออก แค่รู้สึกว่า...เหมือนในใจถูกกระชากขนออกมากำหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น ไม่ได้เจ็บมาก แต่มันคันจะแย่ มองข้ามไปไม่ได้เลยชั่วขณะหนึ่งยิ่งไปกว่านั้น จั๋วซือหรานยังดึงอ๋องเซี่ยนไปข้างๆ แล้วพูดคุยด้วยอีก...ภาพที่ทั้งสองคนอยู่ข้างๆ ยืนใกล้กันมาก คุยกันด้วยเสียงต่ำเบา เหมือนประทับเข้าไปในดวงตาเขาอย่างไรอย่างนั้นจั๋วซือหรานขี้เกียจจะสนใจเขาทางนั้น เอ่ยกับอ๋องเซี่ยนขึ้นว่า "ท่านอ๋องมาครั้งนี้จะปลอดภัยแน่หรือ? ที่นี่ถึงอย่างไรก็เป็นเขตของซือคงอวี้ ข้านะหนีไปเองก็ได้"ซือคงเซี่ยนยิ้มตาโค้งเอ่ยขึ้น "ข้าจะทำให้เจ้าลำบากใจได้อย่างไรล่ะ ข้าจัดการอะไรเรียบร้อยหมดแล้วถึ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 837

    เหมือนกับว่า...นี่มันเป็นชื่อเรียกเฉพาะอะไรสักอย่างแต่ว่า นี่มันชื่อเรียกเฉพาะอะไรล่ะ?เฟิงเหยียนขมวดคิ้ว ไม่มีอารมณ์ใดเหยียนหยี่หลิงที่อยู่ข้างๆ ก็ตาแดงรื้นเหมือนจะร้องไห้เพราะตกใจกับเสียงที่เข้มงวดของเขาเฟิงเหยียนขมวดคิ้วเหลือบมองนาง เอาจริงๆ สำหรับหญิงสาวอ่อนหวานแบบนี้ก็เป็นเรื่องปกติแต่บอกไม่ถูกว่าเพราะอะไร เห็นแล้วรู้สึกรำคาญหน่อยๆราวกับว่า...หญิงสาวไม่ควรเป็นเช่นนี้ แล้วมันควรเป็นแบบไหนล่ะ? ไม่มีอารมณ์อย่างนั้นรึจากนั้นก็มองไปยังใบหน้าสวยที่อยู่ห่างออกไปทางนั้น กลับเป็นใบหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ ราวกัว่าต่อให้ตอนนี้ฟ้าถล่มลงมาต่อหน้านาง นางก็จะไม่แม้แต่ขมวดคิ้วเพียงแต่ว่า ถ้าหากเหยียนหยี่หลิงร้องไห้ออกมาตอนนี้ คงทำให้งานยิ่งยุ่งยากเข้าไปอีกเขากลัวความยุ่งยาก ก็เลยยื่นมือไปรับถ้วยชาของเหยียนหยี่หลิงมาเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "ขอบใจ"สีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจของเหยียนหยี่หลิงก่อนหน้านี้จึงหายไปจั๋วซือหรานพอเห็นท่าทางรักใคร่ชอบพอของทางนี้ มุมปากก็ยกขึ้นให้เห็นการเย้ยหยันอย่างเย็นชาขึ้นมาตามหลักการแล้ว นางไม่ควรไปคิดเล็กคิดน้อยกับคนโง่คนรักหนุ่มโง่แล้วทำอย่างไรล่ะ? ก็ต้องใ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 836

    อย่างกับจะใช้สายตาจัดการเปลื้องผ้านางออกจนหมดอย่างไรอย่างนั้นในน้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความอยากได้อยากครองอย่างไม่ปิดบัง เอ่ยขึ้นว่า "แม่นางจั๋วจิ่ว ตระกูลเฟิงทำกับท่านแบบนี้ ไม่ได้เห็นใจและสงสารกันเลย! หชื่อเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งสำคัญมาก ทั้งที่ท่านต้องหมั้นหมายกับเฟิงเหยียนชัดๆ ตอนนี้กลับมาเปลี่ยนคนกลางทาง นี่มันไม่เห็นท่านอยู่ในสายตาเลย!"จั๋วซือหรานพอได้ยินก็ไม่ได้พูดอะไร หลักๆ คือขี้เกียจจะไปตอบ จะลองดูว่าคนผู้นี้จะพูดอะไรออกมาอีกคนผู้นี้พอเห็นจั๋วซือหรานไม่พูดอะไร ก็คิดว่าจั๋วซือหรานยอมรับตัวเขาแล้วจึงรีบพูดต่อว่า "ไหนจะเรื่องที่ให้เจ้าต้องมาเจ็บจนเหวอะหวะไปทั้งตัวนี่เอง รังแกกันเกินไปแล้ว นี่คือยารักษาอาการบาดเจ็บ น้ำใจเล็กน้อยของข้าน้อย ข้าน้อยชื่นชมแม่นางจั๋วจิ่วมานานแล้ว แม่นางเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง จะอย่างไรเบื้องหลังก็ควรมีตระกูลมาคอยสนับสนุนถึงจะถูก..."จั๋วซือหรานได้ยินคำนี้ ในที่สุดหัวเราะออกมาอย่างทนไม่ไหว ตาของนางโค้งจนเย็นชาไร้ความอบอุ่น เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า "โอ้ นี่ก็มาทันเวลาจริงๆ ถ้ายังไม่เอายามารักษาล่ะก็ แผลของข้าก็ใกล้สมานกันแล้ว"คนผู้นี้สีหน้าแข็งทื่อ รอบๆ ก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 835

    "เจ้า...!" เฟิงเหยียนรู้สึกว่าตนเองแทบจะบ้าอยู่แล้ว กระทั่งไม่รู้ว่าไฟโกรธนี้มาจากที่ไหนนิ้วของจั๋วซือหรานคลายจากด้ามกระบี่ เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "ชอบกระบี่ข้าขนาดนี้เชียว? ถึงกับเอามือเปล่ามารับคมเลยหรือ? ให้เจ้าแล้วกัน"พูดพลาง จั๋วซือหรานก็หันไปมองผู้อาวุโสตระกูลเฟิงเหล่านั้นนางหัวเราะขึ้นมา "แค่นี้น่ะนะ?"พอสิ้นเสียง ก็เห็นสีหน้าเหมือนกินขี้มาของพวกเขาตามคาดทุกคนล้วนนิ่งเป็นเป่าสาก เพราะสถานการณ์ก่อนหน้านี้มันพลิกไปพลิกมา...จนทำเอาคนต้องถลึงตาอ้าปากค้าง ดูละครยังไม่ถึงใจขนาดนี้เลยจั๋วจิ่วคนนี้ เป็นคนประหลาดเสียจริง!นางกล้ามากจริงๆ!นางกล้าเดิมพัน!พวกบ้าเดิมพันแบบนาง ตระกูลเฟิงทำไมถึงกล้าไปยั่วโมโหนางกัน?ครั้งนี้เป็นไงล่ะ ขายหน้าครั้งใหญ่เลยกระมังคิดจะทำให้จั๋วซือหรานอึดอัดต่อหน้าคน ตอนนี้ใครกันแน่ที่อัดอัด?ผู้อาวุโสตระกูลเฟิงไม่พอใจกับเรื่องนี้มาก เดินไปข้างๆ เฟิงเหยียน กดเสียงต่ำถามขึ้นมา "เหยียนเอ๋อร์! เจ้าเป็นอะไรไป"เฟิงเหยียนก้มหน้าลงใช้ผ้าเช็ดมือเช็ดแผลที่ฝ่ามือของตนเอง สีหน้านิ่งมาก กวาดตามองผู้อาวุโสผาดหนึ่ง เสียงเองก็เรียบสงบ "พวกท่านก่อนหน้านี้ไม่ได้พูด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 834

    แต่กลับไม่ลงมือ กระทั่ง ยังเก็บกระบี่ยาวลงทันควันอีกด้วยเสียงชิ้ง! ดังขึ้น กระบี่เสวียนเหยียนกลับเข้าไปอยู่ในฝักแล้วจั๋วซือหรานมองเขา "ท่านอ๋อง ท่านไม่รู้จักข้าจริงหรือ?""ไม่รู้จัก" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้นเสียงเย็นชา แต่ในใจกลับไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร ไม่รู้จักจริงหรือ? แล้วปัญหามันเกิดจากตรงไหนกัน...จั๋วซือหรานหัวเราะเฮอะขึ้น "มองไม่ออกเลย ว่าท่านอ๋องจะมีเมตตากับคนที่ไม่รู้จักแบบนี้ ไม่ใช่บอกว่าจะสังหารข้าหรือ ลงมือไม่ลงแล้วเหรอ?"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไรจั๋วซือหรานมองเขา มุมปากเลิกขึ้นเป็นรอยโค้งเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม "หรือก็คือ เพราะข้าหน้าตาดี ท่านอ๋องเลยเห็นใจและสงสารขึ้นมาแล้วสินะ?"เฟิงเหยียนได้ยินคำนี้ นิ่งงันไปพักหนึ่ง "เจ้าถือว่าเป็นหญิงสาวที่ต้องเห็ฯใจและสงสารหรือ?"จั๋วซือหรานพอได้ยินก็ยิ้มๆ นางมองเขานิ่งไม่รู้เพราะอะไร เฟิงเหยียนมองออกบางส่วนจากในสองตานี้...ทำให้เขามีสีหน้าตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุกระทั่งว่า ตัวนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงต้องตื่นตระหนกแต่เพียงไม่นาน เขาก็มีคำตอบขึ้นมาเพราะวินาทีต่อมา มือที่ห้อยอยู่ข้างตัวนาง กำกระบี่แล้วชูขึ้นมาทันควันแต่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 833

    ไม่รู้ว่าเพราะอะไร น่าจะเพราะพริบตานี้ จู่ๆ ก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาจั๋วซือหรานไม่หลบอีก จู่ๆ นางก็หยุดเท้ายืนนิ่งมองชายที่โบกกระบี่มาทางตนเอง หางตานางแดงรื้นขึ้นมา เหมือนดูอ่อนแอมาก แต่ริมฝีปากกลับเม้มแน่น มองไม่เหมือนคนที่อ่อนแอเลยแม้แต่น้อยเฟิงเหยียนโบกกระบี่โจมตีมาทางเขา เขากระทั่งคาดการณ์ไว้แล้วล่วงหน้า ว่าหญิงสาวคนนี้จะทำท่ายกกระบี่เพื่อกันไม่รู้เพราะอะไร ถึงแม้เขาจะไม่รู้จักหญิงสาวคนนี้ แต่ระหว่างที่ลงมือกับนาง กลับทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองพูดไม่ถูกว่าเป็นความรู้สึกอะไร และบอกไม่ถูกว่าในใจเป็นอย่างไรหรือว่าจะเพราะ...นางนั้นงดงามมาก ดังนั้นจึงทำให้เขารู้สึกเห็นใจและทะนุถนอมขึ้นมาหรือ?ถึงแม้เขาจะรู้สึกว่าในชีวิตของตนเองนี้ เหมือนไม่เคยเกิดมีคำว่ารู้สึกเห็นใจและทะนุถนอมมาก่อนเลยก็ตามแต่ว่า บาดแผลเหล่านั้นบนตัวนาง...เดิมทีควรจะตัดแขนของนางไปแล้ว แต่ตอนหลังกลับเก็บแรงลงมา จึงทิ้งไว้แค่เพียงแผลถลอกเดิมทีควรจะเป็นการโจมตีที่ทะลวงท้องของนางไป แต่กลับกลายเป็นแผลตื้นๆ แผลหนึ่งที่ข้างเอวนางแทนแน่นอน เฟิงเหยียนคิดว่า น่าจะเพราะนางปฏิกิริยารวดเร็วมาก และเพราะทุกค

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 832

    "เฟิงเหยียนเองก็ไร้น้ำใจเกินไปแล้ว""นั่นสิ ต่อให้ไม่ได้เป็นคนรักกัน แต่แม่นางจั๋วจิ่วก็รักเขามากนะ ถึงกับยอมเป็นศัตรูกับทั้งตระกูลเฟิงเพื่อความปลอดภัยของเขาเลย แต่ดันต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""น่าเวทนาจริงๆ หญิงสาวนี่นะ ต่อให้จะเก่งกาจแค่ไหน แต่ถ้ามาหลงใครหัวปักหัวปำเรื่องความรัก ก็จบแล้ว""คนที่อหังการอย่างจั๋วจิ่ว ก็ยังหนีคำว่ารักนี่ไม่พ้นสินะ"ถึงแม้จะไม่อยากได้ยิน แต่ห้องโถงมันก็ใหญ่แค่นี้คำสำคัญในเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ดังก้องจนได้ยินอย่างชัดเจนจั๋วซือหรานยืนอยู่ตรงนั้น นางยกมือขึ้นกุมแขนซ้ายของตนเอง ของเหลวสีแดงสดไหลออกมาตามร้องนิ้ว จนทำเอาแขนเสื้อชุดแดงเพลิงของนาง ย้อมจนกลายเป็นแดงคล้ำนางมองชายคนนั้น มองสีหน้าไร้อารมณ์กับดวงตาลึกซึ้งที่เหม่อลอยของเขาถึงแม้จะไม่อยากยินยอม แต่ก็จำใจต้องยอมรับความจริงหนึ่ง"เจ้าจำข้าไม่ได้แล้ว" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นเสียงเรียบเสียงของเฟิงเหยียนไม่มีความอบอุ่นแม้เพียงน้อย ฟังแล้วเลื่อนลอยมาก "ข้าไม่รู้จักเจ้าเลย"จั๋วซือหรานคิดถึงภาพตอนที่ตนเองได้พบชายคนนี้ขึ้นมาครั้งแรกทันทีเขาในตอนนั้น ก็เหมือนจะเป็นเช่นนี้ พูดจาเฉยเมย เย็นชา ฟังไม่ออกเล

DMCA.com Protection Status