แชร์

บทที่ 14

ผู้เขียน: หูเทียนเสี่ยว
เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งที่ไทเฮาพูด ทุกคนก็อดไม่ได้ที่ต้องมองไปที่ท่านอ๋องเฟิง

เฟิงเหยียนมองจั๋วซือหรานอย่างไม่กระตือรือร้น

จั๋วซือหรานรู้สึกดวงตาที่เย็นชาและลึกล้ำของชายคนนี้ดูเหมือนสื่อสานได้ ราวกับว่า เขากำลังเยาะเย้ยนางอย่างเงียบ ๆ เหมือนเขากำลังเยาะเย้ยนางตอบแทนความเมตตาด้วยความเกลียดชัง และนางกลับคำพูดของนาง

ทั้ง ๆ ที่เมื่อสองวันก่อน นางยังบอกเขาว่า จะไม่กวนเขาและจะไม่ให้เขารับผิดชอบ

จั๋วหรูซินกำลังอยากโล่งอก อย่างน้อยนางก็ไม่ต้องคู่กับฉินตวนหยาง

แต่นางยังไม่ทันโลง่อก และจั๋วซือหรานจะไม่ยอมให้นางสมหวังแน่นอน "ขอบพระทัยที่ไทเฮาเมตตา แต่สิ่งที่หม่อมฉันต้องการไม่ใช่พระราชโองการการสมรสกับท่านอ๋องเฟิงเพคะ"

ทันใดนั้นจั๋วหรูซินตกตะลึงจนดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้น และนางก็จ้องมองไปที่จั๋วซือหราน

ไทเฮาตรัสว่า “หรือ”

จั๋วซือหรานยังคงสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของชายคนนั้น สายตานั้นราวกับเป็นประกาย เหมือนมีไฟลุกอยู่แผ่นหลังของนาง แต่เมื่อคิดถึงภัยคุกคามครั้งก่อนของผู้อาวุโสใหญ่ นางทำได้เพียงกัดกระสุนและพูดซ้ำสิ่งที่นางพูดในวันงานเลี้ยงแต่งงาน "หม่อมฉันมีความรักที่หยั่งรากลึกต่อท่านอ๋องเฟิงโดยไม่มีวันเสียใจภายหลังเพคะ”

แล้วนางก็พูดอย่างไร้ยางอาย "อีกอย่าง หม่อมฉันกับเขายังต่างรักซึ่งกันและกัน เลยไม่จำเป็นต้องมีพระราชโองการก็สามารถครองคู่กันได้"

ทุกคนจ้องมองสีหน้าของท่านอ๋องเฟิง

แต่สีหน้าของเฟิงเหยียนไร้ความรู้สึก และเขาก็ไม่เสนอความคิดเห็นกับคำพูดของจั๋วซือหราน สายตาของเขาจ้องมองไปที่แผ่นหลังผอมเพรียวของหญิงสาวที่ใส่ชุดขาวตลอดเวลา และทุกคนไม่สามารถบอกได้ว่าเขาหมายถึงอะไร

จั๋วซือหรานถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นเขาไม่ได้ปฏิเสธ

“เป็นผู้ชายที่มีความสามารถและเป็นผู้หญิงที่สวยจริง ๆ” ไทเฮาทรงชมแล้วตรัสถามว่า “เจ้าต้องการพระราชโองการกาสมรสของใคร”

จั๋วหรูซินที่อยู่ข้าง ๆ เริ่มกังวล ใบหน้าของนางเริ่มซีดขาว และนางมองจั๋วซือหรานด้วยความกังวล

จั๋วซือหรานเห็นจั๋วหรูซินไม่มีความสุขเยี่ยงนี้ จั๋วซือหรานกลับรู้สึกมีความสุข

จั๋วหรูซินตกอยู่ในความกังวลตลอด นางไม่สนใจ ดังนั้นนางจึงพูดกับไทเฮาว่า "หม่อมฉันขอเก็บพระราชโองการนี้ไว้ทีหลังเพคะ และขอพระคุณนี้จากไทเฮาให้แก่พี่น้องในครอบครัวได้หรือไม่ "

ไทเฮาพยักหน้า “เจ้าให้ความสำคัญกับความเป็นพี่น้อง ดังนั้นข้าจึงตกลงตามคำขอของเจ้า”

“ขอบพระคุณไทเฮา” จั๋วซือหรานโค้งคำนับและกล่าวคำอำลา “หม่อมฉันจะไม่รบกวนไทเฮาพักผ่อน หม่อมฉันขอลาเพคะ”

แม่นมยวี่ถามจั๋วซือหราน "แม่นางจิ่วเจ้าคะ ไทเฮายังต้องการการรักษาอะใด ๆ และต้องการปรับแบบใด โปรดบอกข้าหน่อยเจ้าค่ะ"

หัวหน้าหมอหลวงในวังเหยียนชางอยู่ข้าง ๆ ตามมารยาท จั๋วซือหรานไม่ควรจ่ายยาแทนเขา

แต่ในขณะนี้ นางแค่อยากรีบไปจากที่นี่ เพราะนางอยากศึกษาว่า ทำไมแหวนเสวียนเหยียนปรากฏตัวอย่างกะทันหัน

นางจึงพยักหน้า แต่ทันใดที่นางกำลังอยากรบกวนแม่นมยวี่ไปหยิบปากกาและกระดาษมาจดใบสั่งยา นางก็ได้ยินไทเฮาพูดว่า "เช่นนั้น แม่นมยวี่ เอาป้ายประจำตราของข้าให้แม่นางจั๋วจิ่ว นับจากนี้เป็นต้นไป ข้าคงต้องรบกวนแม่นางจั๋วจิ่วเข้ามารักษาอาการข้าด้วย”

แต่เดิมจั๋วซือหรานแค่อยากเขียนใบสั่งยาให้ เพื่อช่วยกำจัดยาพิษที่ตกค้างในร่างกายของไทเฮา และนางไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องลับของราชวงศ์ แต่ตอนนี้กลายเป็นว่า นางกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่นางควบคุมไม่ได้ หากนางทำตามคำพูดของไทเฮา อาจมีคนโกรธแค้น หากนางปฏิเสธไทเฮา ไทเฮาคงโกรธด้วย

ไทเฮาตรัสอย่างอ่อนโยนว่า “ข้ารู้ดีว่าจวนของเจ้าไม่ขาดสิ่งใด ในวังก็ไม่มีอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ที่สามารถประทานแก่เจ้า นอกเสียห้องหนังสือหลวง ได้ยินมาว่าเจ้ามีน้องชายจากแม่คนเดียวกันหรือ วันหลังเจ้าพาน้องชายมาเรียนที่ห้องหนังสือหลวงได้”

นี่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่ไม่คาดคิด ลูกหลานของตระกูลใหญ่ทั้งห้าก็ไม่ใช่ทุกคนสามารถเข้ามาเรียนที่ห้องหนังสือหลวงได้ ยิ่งไปกว่านั้น สตรีของตระกูลใหญ่ทั้งห้าแทบไม่มีโอกาสได้เข้าเรียนในห้องหนังสือหลวงเลย

จั๋วซือหรานคนเดิมมีความสามารถขั้นเทพ นางรอเสียนาน แต่นางไม่มีโอกาสเข้ามาศึกษาในห้องหนังสือหลวงได้

เหล่าสตรีและเหล่าสุภาพบุรุษชนชั้นสูงจำนวนมากที่อยู่ในตำหนักนี้ต่างมองจั๋วซือหรานด้วยความอิจฉาริษยา

“ หม่อมฉันขอขอบพระคุณสำหรับความรักของท่าน” จั๋วซือหรานจึงรับป้ายประจำตราของไทเฮาจากแม่นมยวี่ด้วยมือทั้งสองข้าง

“แม่นมยวี่ เจ้าออกไปส่งแม่นางจั๋วจิ่วเสียเถิด” ไทเฮาปัดมือ“ข้าเหนื่อยแล้ว แยกย้ายเถิด”

ทุกคนพากันเดินออกจากตำหนักหย่งโซ่ว ทุกคนเห็นได้ชัดว่า ไทเฮาไม่ได้ป่วยหนักแต่โดนยาพิษ แต่ไม่มีใครพูดอะไรอีกและทุกคนต่างรู้ความจริง

ทันใดนั้นตำหนักหย่งโซ่วเงียบลง

ฮองเฮาทรงยิ้มแห้ง ๆ และตรัสว่า “ท่านแม่ ว่าแต่ว่า แม่นางจั๋วจิ่วยังเด็กเกินไป ให้หัวหน้าหมอหลวงเหยียนมาวินิจฉัยและรักษาท่าน จะปลอดภัยกว่า”

ไทเฮาเหลือบมองพวกเขา แล้วพูดว่า "ไม่จำเป็น หมอหลวงเหยียนเจิ้งที่ว่าปลอดภัยใช้เวลาเป็นครึ่งเดือนก็รักษาข้าไม่หาย และแม่นางจั๋วจิ่วรักษาให้หายขาดได้ภายในเจ็ดนาที ความจริงเป็นอย่างไร ข้ารู้อยู่แก่ใจ ข้ากับพวกเจ้าไม่มีอะไรที่ต้องคุยต่อ ไปกันเถอะ ข้าจะพักผ่อน”

ฮองเฮาและเหยียนชางทำได้เพียงเดินออกจากตำหนักหย่งโซ่วได้เท่านั้น

เหยียนชางพูดด้วยใบหน้าเย็นชา “เกิดเรื่องจนได้ อยู่ดี ๆ เจ้าพาจั๋วจิ่วมารักษาไทเฮาทำไม”

“ในเวลานั้น จั๋วลิ่วก็เสนอจั๋วจิ่วต่อหน้าทุกคนอย่างกะทันหัน ข้าจะปฏิเสธต่อหน้าผู้คนมากมายได้อย่างไร และข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่า นางจะรักษาได้จริง” สีหน้าของฮองเฮาแย่ลง และเริ่มเกลียดจั๋วหรูซิน “ต้องโทษจั๋วลิ่ว นางเรื่องเยอะ"

จั๋วซือหรานไม่ได้กลับไปที่ห้องที่จัดงานดอกไม้ในวัง นางขอลาก่อน และเร่งฝีเท้าไปที่ประตูพระราชวัง

เงาร่างสูงที่สวมชุดสีดำเดินตามข้างหลังนาง ราวกับเขากำลังเดินเล่นอยู่ แต่ไม่มีใครสังเกตเขา

จั๋วหรูซินวิ่งตามจั๋วซือหราน นางยังไม่ได้สังเกตเขาเลย

“จั๋วซือหราน เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้”

จั๋วซือหรานทำเป็นไม่ได้ยินและเดินต่อไปอย่างรวดเร็ว

จั๋วหรูซินเอื้อมมือไปคว้านาง แต่จั๋วซือหรานเดินไวเหลือเกิน นางไม่สามารถแตะมุมเสื้อผ้าของจั๋วซือหรานได้

จั๋วซือหรานพูดด้วยเสียงที่เย็นชา "จั๋วหรูซิน เจ้าความจำสั้นหรือ เจ้าคิดว่าข้าเก็บพระราชโองการการหมั้นที่ไทเฮาพระราชทานไว้ เจ้าจะไม่ต้องแต่งงานกับฉินตวนหยางหรือ หากข้าเป็นเจ้า สิ่งที่ข้าควรทำมากที่สุดก็คือ อย่าหาเรื่องข้า”

จั๋วซือหรานห่วงแหวนเสวียนเหยียนของนาง นางไม่อยากเสียเวลากับจั๋วหรูซิน น้ำเสียงของนางไม่ดี

นางขยับตัวไปด้านหลังจั๋วหรูซินอย่างรวดเร็ว นางเอาเข็มยาวชี้ไปที่คอของจั๋วหรูซิน

ใบหน้าของจั๋วหรูซินซีดลง แต่นางยังคงแข็งคอและพูดว่า "เจ้าไม่ต้องมาขู่ข้า งานหมั้นหมายของพวกเราต้องฟังท่านอาวุโสจัดการ เรื่องที่เจ้าต้องไปขอพระราชทานพระราชโองการการหมั้นของเจ้า หากเจ้าเล่นงานการหมั้นของข้า ผู้อาวุโสก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ น้องชายเจ้าก็อย่าคิดที่ยังได้รับการฝึกฝนจากตระกูลเลย

จั๋วซือหรานยิ้มเยาะ "ก็ไม่แน่นะ เจ้าได้เล่นงานข้าในเรื่องการหมั้นของข้ามิใช่หรือ เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าบอกว่าจะเอาฉินตวนหยางแก่เจ้า ข้าจะเอาให้แน่ ๆ "

จั๋วซือหรานเคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ดังนั้นนางจึงไม่ขอพระราชโองการการหมั้นของตัวเองทันที แต่เก็บไว้จนกว่าจะมีโอกาสที่เหมาะสมมาปฏิบัติต่อจั๋วหรูซินตาต่อตาและฟันต่อฟัน

จั๋วหรูซินไม่กลัวคำพูดของจั๋วซือหราน หากนางต้องแต่งงานกับฉินตวนหยางจริง ๆ แย่สุด นางหาโอกาสฆ่าฉินตวนหยาง ก็จบปัญหาได้ หากไม่ใช่เป็นเพราะนางเห็น ว่าสามารถใช้ฉินตวนหยางเป็นมีดชี้ไปที่จั๋วซือหราน นางคงฆ่าเขาไปนานแล้ว คนตายจะเป็นภัยคุกคามอะไรได้อีก

ดังนั้นเวลานี้นางจึงไม่สนใจคำพูดของจั๋วซือหรานมากนัก และนางยังคงพูดถึงจุดประสงค์ของนางต่อ "เจ้าให้ข้าไปเรียนที่ห้องหนังสือหลวง"

จั๋วซือหรานพูด "เจ้าตื่นได้แล้ว เจ้าต้องให้ข้าตบหน้าเจ้าสักสองทีไหม เจ้าจะได้สติสักที"

นางขี้เกียจสนใจจั๋วหรูซินอีก และเดินไปที่ประตูพระราชวัง จู่ ๆนางได้ยินเสียงของจั๋วหรูซินดังขึ้นจากข้างหลังนาง "เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน เจ้าบอกข้ามาว่า ทำไมผู้อาวุโสและตระกูลเฟิงต้องให้เจ้าแต่งงานกับท่านอ๋องเฟิง "

จั๋วซือหรานหยุดและพูด "โอ้"

จั๋วหรูซินเห็นจั๋วซือหรานหยุดฝีเท้า นางคิดว่าต่อรองได้ “เป็นอย่างไร”

จั๋วซือหรานส่ายหัว "ไม่เห็นเป็นอะไร"

จั๋วหรูซินโกรธ “ไม่เห็นเป็นอะไร แล้วทำไมเจ้าหยุดฝีเท้า"

“อ้าว ข้าอยากให้เจ้าคิดว่า มีอะไรต่อรองได้น่ะ แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ แล้วเจ้ารู้สึกอย่างไร รู้สึกแย่ไหม” จั๋วซือหรานกระพริบตาอย่างเจ้าเล่ห์ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยการแกล้ง “ถ้าเจ้ารู้สึกไม่ดี ข้าก็จะรู้สึกดี”

จั๋วหรูซินโกรธมากจนอยากจะอาเจียนเป็นเลือด และกัดฟันพูดออกมาเป็นพยางค์ “เจ้าไม่อยากรู้ว่าทำไมหรือ”

“เพราะข้าดึงกระบี่ประจำตระกูลของเฟิงเหยียนออกมาได้หรือ” ทันทีที่จั๋วซือหรานพูดจบ สีหน้าของจั๋วหรูซินก็แข็งทื่อ

จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว "อ้าว แสดงว่าข้าเดาถูกใช่ไหม"

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 15

    “ไร้... ไร้สาระ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แค่นี้” จั๋วหรูซินพูดตะกุกตะกัก นางแอบเกลียดจั๋วซือหรานที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นคนเฉียบคมขนาดนี้ในความเป็นจริง ตั้งแต่วินาทีที่คุณท่านจั๋วลิ่วเห็นนางดึงกระกระบี่เสวียนเหยียนออกมา จั๋วซือหรานเห็นทัศนคติที่เขามีต่อนาง จั๋วซือหรานก็รู้ว่า มีบางอย่างผิดปกติ ช่วงสองวันที่นางฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ นางหาเวลาสอบถามข้อมูลบางอย่างด้วยพลังทางจิตวิญญาณของตระกูลเฟิง ผู้ที่มีพรสวรรค์มากเท่าใด จะมีฤทธิ์ร้ายแรงมากขึ้นเท่านั้น ฤทธิ์ร้ายแรงนั้นไม่เพียงเป็นภาระต่อผู้อื่นเท่านั้น แต่ยังเป็นภาระตนเองด้วยดังนั้นลูกหลานของตระกูลเฟิงจึงมีอายุได้ไม่นาน และยิ่งมีความสามารถมากเท่าไร พวกเขาก็จะยิ่งมีอายุน้อยลงเท่านั้นหากทุก ๆ ลูกหลานเป็นเช่นนี้ตลอด ตระกูลเฟิงจะถูกกำหนดให้พังพินาศหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลเฟิงพยายามหาวิธีเพื่อแก้ปัญหานี้ได้ตระกูลเหยียนเก่งด้านการแพทย์และการใช้ยา ดังนั้นตระกูลเหยียนจึงกลายเป็นเป็นหมอประจำของตระกูลเฟิงห้องกระบี่ประจำตระกูลออกแบบกระบี่ให้เป็นอาวุธประจำตระกูล และยังใช้เป็นตราประทับและเครื่องที่รองรับพลังด้วยดังนั้นบุตรหลานของตระกูลเ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 16

    “แล้วล่ะขอรับ” เขาพูดเบา ๆจั๋วซือหรานตอบ "ดังนั้นพวกเราควรเลือกสิ่งที่เราต้องการ มาร่วมมือกัน"เฟิงเหยียนเลิกคิ้ว "ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือเช่นไร เจ้ามีอะไรที่ข้าต้องการหรือ"ดวงตาของจั๋วซือหรานสว่างเป็นประกาย นางมองเขาอย่างแน่วแน่ "อะไรที่เหยียนฉีไม่สามารถรักษาเจ้าได้ บางทีข้าอาจจะรักษาได้"เมื่อเฟิงเหยียนได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เขาหรี่ตาลง เดิมทีมือของเขางวางบนกระบี่ประจำตระกูลที่เอวอย่างไม่ได้ตั้งใจที่ ทีนี้นิ้วหัวแม่มือดันด้ามมีดเล็กน้อย ใบมีดอันแหลมคมที่ประกายความหวาดกลัวนั้นปรากฏส่วนอันสั้นจากฝักหระบี่มันยาวเท่ากับนิ้วหัวแม่มือของมนุษย์เท่านั้นเองความอาฆาตจั๋วซือหรานรู้สึกถึงแรงผลักดันที่พุ่งออกมาจากเขาอย่างชัดเจนเขาคู่ควรกับการเป็นอัจฉริยะที่ตระกูลเฟิงไม่เคยพบและไม่เคยเห็นมานานนับศตวรรษแข็งแกร่ง เสียจริงคนขับรถม้าเกือบจะฉี่รด เขาตัวสั่น และถอยไปด้านหลังสองสามก้าว“นี่คือสิ่งที่จั๋วลิ่วบอกเจ้าในเมื่อสักครู่หรือ” เฟิงเหยียนพูดอย่างเย็นชาจั๋วซือหรานพูด "นางไม่ต้องบอกข้า ขาก็เดาออกได้"จากปฏิกิริยาของเฟิงเหยียน จั๋วซือหรานรู้นางเดาถูก นางลดสายตาลงและมองขาอันยาว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 17

    บ้าระห่ำจั๋วซือหรานชอบคนบ้าระห่ำเช่นนี้ นางรู้สึกเจอคนประเภทเดียวและเกิดความรู้สึกการเอ็นดูเฟิงเหยียนเดินจากไปแล้ว และนางคิดชื่อจากคำพูดของเขา “จั๋วเสี่ยวจิ่ว(จิ่วหมายถึง เลข เก้า ในภาษาไทย)หรือ ดีแล้วข้าไม่ได้เปิดเป็นบุตรคนที่สองของตระกูล...ไม่อย่างนั้น ก็จะดูเหมือนคนรับใช้ที่ร้านแล้ว”“จิ่ว...คุณหญิงจิ่วขอรับ” คนขับรถม้าเดินเข้ามาอย่างสั่นเทา “กลับ..กลับตอนนี้หรือขอรับ”"เจ้าค่ะ กลับเถอะ" จั๋วซือหรานเห็นคนขับรถม้าไสั่นเช่นนี้ นางอดไม่ได้ที่ต้องสงสายและถาม"เจ้าหนาวหรือ"คนขับหดคอลงจนเกือบจะร้องไห้ "เมื่อครู่นั้น ท่านอ๋องเฟิงทำเช่นนั้น...ข้า..ข้าน้อยกลัวแทบจะตาย"จั๋วซือหรานนึกถึงเจตนาฆ่าของเฟิงเหยียนที่เขาประกายในเมื่อครู่ คนทั่วไปรับพลังนั้นไม่ไหวเสียจริงนางยกมือขึ้นแล้วโบกมือให้คนขับรถม้า คนขับรถม้ารู้สึกมีสายลมพัดมาบนใบหน้าของเขา และความรู้สึกการกดขี่ที่น่ากลัวก่อนหน้านี้ก็หายไป*ในห้องส่วนตัวจั๋วซือหรานหรี่ตาลงและจ้องมองไปที่แหวนสีแดงเข้มที่เรียบง่ายบนนิ้วชี้ของมือขวาของนาง มันคือแหวนเสวียนเหยียนจริง ๆแต่นางไม่เข้าใจ“ทำไมถึงตามข้ามา” จั๋วซือหรานพึมพำจิตวิญญาณเ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 18

    บรรยากาศอันแสนอบอุ่นแตกสลายทันทีสีหน้าของจั๋วซือหรานแข็งค้าง ใช่แล้ว เจ้าของร่างเดิมและจั๋วหวายต่างก็เป็นลูกของผู้บัญชาการทหาร และพวกเขาไม่สนใจเรื่องเรียนเลยจริง ๆ หากให้พวกเขาเขียนหนังสือเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม( 1 ชั่วยาม=2 ชั่วโมง) พวกเขายอมฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาสามชั่วยามมากกว่า"ไม่เอาก็ต้องเอา" ความอ่อนโยนบนใบหน้าของจั๋วซือหรานในก่อนหน้านี้หายไป “เจ้าคิดว่าข้าชิงโอกาสเข้าเรียนในวังได้ ง่ายมากเลยหรือ คนอื่นอยากไปเรียนแต่ไปไม่ได้ แต่เจ้าต้องไป ไม่เช่นนั้น ฮึม ๆ ”จั๋วซือหรานกำหมัดของนาง ข้อต่อนิ้วของนางมีเสียง กร๊อบ ตั้งขึ้นจั๋วหวายเป็นผู้ที่หากไม่ใช้ความรุนแรงกับเขา เขาจะไม่ร่วมมือ เวลานี้ เขาถูกพี่สาวสั่งสนอย่างเชื่อง เขาจึงทำได้เพียงขมวดคิ้วตอบตกลงไป“ข้าจะไปบอกท่านแม่เรื่องนี้ หากพวกเราสองคนได้ไปเรียนที่วังได้ ท่านแม่ต้องดีใจแน่นอน”อวิ๋นเหนียงดีใจมากจริง ๆ แม้ว่าตระกูลทางบ้านนางจะไม่มีชื่อเสียงมากนัก แต่ก็เป็นตระกูลที่สืบทอดความรู้และวัฒนธรรมประเภณีอันดีงามจากบรรพบุรุษสู่ลูกหลานทว่านางแต่งงานกับผู้รู้ศิลปะการต่อสู้ และนางให้กำเนิดลูกชายและลูกสาวที่ไม่ชอบเรียนหนังสือ โดยเ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 19

    องค์ชายเจ็ดของปัจจุบัน ซือคงเซี่ยน เป็นถึงท่านชินอ๋องที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดท่านแม่เป็นนางสนมผู้สูงศักดิ์ เขามีฐานะสูงส่งตั้งแต่เกิด เขาคงไม่เคยคิดหรอกว่รา สักวันหนึ่ง เขาจะถูกห้ามไว้หน้าประตูเรือนซือคงเซี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้น เคาะประตูของสวนจี๋หย่าย่วนเบา ๆหลังจากนั้นไม่นาน มีคนเปิดประตูออก และมีหัวของผู้คนยื่นออกจากด้านใน คนนั้นถามด้วยความสงสัย “ท่านเป็นใคร ท่านต้องมาพบใครเจ้าคะ”“ไม่ทราบว่าคุณหนูจั๋วจิ่วอยู่หรือเปล่า” ซือคงเซี่ยนถามอย่างอ่อนโยนฝูซูเป็นคนโง่เขลา นางก็ลืมถามถึงตัวตนของอีกฝ่าย เมื่อได้ยินว่าตามหาคุณหนูง นางรีบโบกมือแล้วพูดว่า “คุณหนูป่วย ไม่พบใครเจ้าค่ะ”ซือคงเซี่ยนยังไม่ทันพูดอะไรอีก ประตูลานก็ถูกปิดลงซือคงเซี่ยนตกตะลึง ยืนอยู่ที่นั่นและขำในสวนจี๋หย่าย่วน ฝูซังเดินออกจากห้องครัวแล้วถามฝูซูว่า "นั่นใคร"“ไม่รู้สิ คนนั้นหาคุณหนู”ฝูซังขมวดคิ้ว "อย่างน้อย เจ้าควรถามหน่อยว่า เขาเป็นใคร"นางรีบไปเปิดประตูลาน และเห็นคุณชายที่สง่างามบังคงยืนอยู่ข้างนอก "ท่านเป็นใครเจ้าคะ มาหาคุณหนูมีธุระอันใดหรือเจ้าคะ"“ข้าแซ่ซือคง ซือคงเซี่ยน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 20

    ทันทีที่พระราชกฤษฎีกานี้ออกมา สิทธิ์ทั้งสองที่สัญญาไว้กับจั๋วซือหรานนั้นเป็นสิทธิ์ของพวกเขาอย่างแน่นอน แม้ว่านางตั้งใจจะมอบสิทธิ์นั้นกับคนอื่นก้ไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงถ้าคนอื่นต้องการแย่งสิทธิ์นั้น อย่างหวังเลยดังนั้นเมื่อจั๋วซือหรานมาที่ห้องโถงด้านหน้าเพื่อรับพระราชโองการ สีหน้าของเหล่าผู้อาวุโสก็ซีดขาวเมื่อจั๋วซือหรานเห็นพวกเขาไม่สบายใจ จั๋วซือหรานก็รู้สึกมีสบายใจขึ้น ในที่สุดความโกรธที่นางได้รับในห้องโถงนี้ในตอนเช้าก็บรรเทาลบุคคลที่มาประกาศกฤษฎีกาคือองค์ชายเจ็ด ซือคงเซี่ยน ซึ่งนางได้พบเขาในตอนเช้าหลังจากที่เขาประกาศกฤษฎีกาแล้ว เขาก็ยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า "คุณจั๋วจิ่ว รับพระราชโองการขอรับ"“หน่อมฉันขอขอบพระคุณในกรุณาธิดา” จั๋วซือหรานกล่าวซือคงเซี่ยนให้นางไม่ต้องทำพิธีเคารพ “เอาล่ะ เจ้าสัญญาว่าจะรักษาไทเฮา ตอนนี้เจ้าได้รับพระราชโองการแล้ว ยังรู้สึกไม่สบายเหมือนตอนเช้าหรือเปล่า”เขาพูดสิ่งนี้ต่อหน้าเหล่าผู้อาวุโส ซึ่งทำให้กลายเป็นว่า สร้างปัญหาแก่จั๋วซือหรานโดยตรงปรากฎว่า นางแกล้งทำเป็นไม่สบาย และจงใจไม่เข้าไปรักษาไทเฮาที่วังจั๋วซือหรานไม่สนใจคนอื่นจะคิดอย่างไรกับนาง และ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 21

    “บังอาจ พวกเจ้าอยากทำอะไร” ซือคงเซี่ยนพูดด้วยความโกรธจั๋วซือหรานไม่คาดคิดว่า จะมีคนกล้าทำเช่นนี้ต่อหน้าพระราชวัง และกล้าทำเช่นนี้ภายใต้สายตาขององค์ชายเจ็ด ท่านอ๋องเซี่ยน ดังนั้นนางจึงไม่ได้เตรียมพร้อมเมื่อนางตระหนักถึงอันตราย มือของนางก็ถูกจับไว้อยู่ข้างหลังแล้วเสียง คะตะ ดังขึ้นขั้นแรก มีแหวนโลหะคล้อมมือของนางไว้ด้านหลัง และแหวนโลหะอีกวงคล้องคอของนางไว้จั๋วซือหรานไม่รู้แหวนโลหะนั้นทำจากวัสดุอะไร มันช่างเย็นเหลือเกิน"พวกเจ้า..." แววตาของจั๋วซือหรานเป็นประกาย นางพยายามดิ้นรน แต่นางกลับไม่สามารถใช้พลังจิตและศิลปะการต่อสู้โบราณของตนเองได้เลย ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุดชายที่สวมชุดดำพูดอย่างเย็นชา "อย่าเสียแรงเปล่า ๆ เลย ไปกับพวกเราเลย"เขาเอามือของตัวเองกดหลังของจัวซือหรานอย่างแรง และมีพลังภายในอะไรบางอย่างทะลุเข้าไปในร่างกายของจั๋วซือหราน"อื้อนางถอนหายใจเข้าและฮึมเสียงหนึ่งที ทันใดนั้น ลำคอของนางมีรสหวานและรสคาวก็พรั่งพรูออกมา และรอยเลือดสีสดก็ไหลออกจากมุมริมฝีปากของนาง“พวกเจ้าช่างกล้าเสียจริง” ซือคงเซี่ยนเกรี้ยวโกรธ แต่ชั่วพริลตาเดียว เขามองไปที่แหวนโลหะที่อยู่รอบคอของจั๋ว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 22

    “อื้อ...” นางกลั้นเสียงร้องอันเจ็บปวดในลำคอ ริมฝีปากถูกนางกัดจนเป็นเศษชิ้นเล็ก ๆ และมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของนางท่านอ๋องเซี่ยนพูดจริงด้วย หน่วยสืบสวนพิเศษชอบใช้วิธีโหดเหี้ยมมาสอบสวนคนเสียจริงทันทีที่เม็ดยาละลายในปากของจั๋วซือหราน นางก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่า มันเป็นยาที่ช่วยให้ผู้คนตื่นตัวและเพิ่มการรับรู้ความรู้สึกทางประสาทสัมผัสทั้งห้า โดยปกติแล้ว ยานี้สามารถช่วยกระตุ้นสมอง ให้สมองสดชื่นและฉลาดแต่หากใช้ก่อนการลงโทษ คนที่ได้รับการลงโทษจะต้องรับความเจ็บไว้ขณะที่ยังมีสติอยู่ เพราะยานี้ทำให้คนมีสติตลอดและขยายความรู้สึกเจ็บปวดให้เป็นร้อย ๆ เท่าพลังที่กำเริบในร่างกายของนางดั่งไฟที่โหมกระหน่ำ ราวกับว่าพลังนั้นจะเผานางให้ไหม้มีผู้ชายที่สวมชุดดำเดินเข้ามา และในมือของเขา เขาได้ถือดาบที่รนด้วยเพลิงเสียงไร้อารมณ์“จั๋วซือหราน มีคนฟ้องเจ้าทำการรักษาโรคให้กับไทเฮาโดยไม่ได้รับป้ายอนุญาตหมอ เรื่องนี้จริงหรือไม่”จั๋วซือหรานกระตุกริมฝีปากของนางแล้วตอบ "จริง"อย่างที่นางเดาไว้เสียจริง นางเงยหน้ามองดูชายที่สวมชุดดำตรงหน้านาง “เหยียนชางอยู่ที่ใด ช่างกล้าฟ้องเรื่องเท็จ แต่กลับไม่กล้ามา

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 966

    นางยกมือขึ้นตบไปที่หลังของชิ่งหมิงเบาๆ "เจ้าติดอ่างโตแล้วสินะ"ข้าเดิมทีโตกว่าเจ้าเสียอีก" ชิ่งหมิงเอ่ยต่อ "เดี๋ยวตอนที่เจ้าไปพื้นที่ศักดินา ข้าจัดการงานในมือเสร็จแล้วจะไปหาเจ้าที่หลวนหนาน"จั๋วซือหรานตกตะลึง "เจ้า...ซือหลี่ไม่ไปทำงานตามใจชอบได้ด้วยหรือ?""ไม่ได้" ชิ่งหมิงตอบ "แต่ข้าไม่สนใจ อย่างมากก็แค่เลิกทำ ยิ่งไปกว่านั้น ใต้เท้าซือเจิ้งก่อนหน้าก็ไม่ได้ไปทำงานตั้งนานแล้ว ข้าก็แค่ทำตามคนอื่นเขา"จั๋วซือหรานพอได้ยินชิ่งหมิงเอ่ยถึงใต้เท้าซือเจิ้ง นางก็เม้มปาก สีหน้าชะงักไปถามขึ้นเบาๆ "ใต้เท้าซือเจิ้งไม่ได้ไปทำงานนานแค่ไหนแล้ว?""อืม ก็ซักพักก่อนหน้านี้แล้วล่ะ จู่ๆ ก็ไปทำงานเมื่อไม่กี่วันก่อน" ชิ่งหมิงบอกทุกเรื่องที่รู้จนหมดเปลือกจั๋วซือหรานยังคิดจะถามอะไรอีก ก็ได้ยินเสียงติ๋งดังขึ้นมานางมองกลับไปทางเตาสำริดทันที แล้วจึงเห็น ว่าขลุ่ยเลานั้นที่นอนนิ่งอยู่ในเตา ตัวขลุ่ยมีแสงประกายระยิบระยับ เปล่งแสงห้าสี ราวกับน้ำมันบนผิวน้ำอย่างไรอย่างนั้นจั๋วซือหรานตาเป็นประกาย "สำเร็จแล้ว!"นางดับเพลิงห้าสีของตนเองลงทันที จากนั้นมือก็คลุมด้วยสีหยกชั้นหนึ่ง ใช้งานหัตถ์เสวียนอวี้ ยื่นเข้าไป

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 965

    มองกระบอกน้ำชาโอสถสามใบที่ว่างเปล่าตรงมุมกำแพงจั๋วซือหรานก็ยกมุมปากขึ้น ว่ายังไงดีล่ะ?พูดได้แค่ว่าใต้เท้าซือหลี่ตันติ่งของพวกเรา ปากไม่ตรงกับใจเลยจริงๆถึงอย่างไร ดูจากสภาพสบายๆ ที่ผิดปกติของชิ่งหมิงซึ่งไม่มีเหงื่อสักหยด น้ำชาโอสถในกระบอกน้ำชาโอสถที่มุมกำแพงเหล่านั้น ไม่ต้องคิดเลยว่าใครเป็นคนเตรียมเอาไว้เพลิงห้าสีเผาเข้าไปในเตาสำริด อุณหภูมิของห้องหลอมก็เพิ่มสูงขึ้นทันทีจั๋วซือหรานถึงแม้จะเพิ่งหลอมวัตถุชั้นต้น แต่เนื่องจากเดิมทีพลังความเข้าใจค่อนข้างโดดเด่นอยู่แล้ว บวกกับมีทักษะการหลอมยาอยู่แล้วด้วยพลังควบคุมการหลอมสกัดก็ค่อนข้างโดดเด่น ดังนั้นอีกสองวันข้างหน้าก็ต้องทุ่มเทเสร็จสิ้นเรื่องนี้ตอนนี้ก็ดูเชี่ยวชาญมากแล้วด้วย กระทั่งสามารถหันมาคุยเล่นกับชิ่งหมิงได้บ้างแล้ว"...ดังนั้นข้าเองก็ถือว่าผิดใจกับพรมแดนใต้ไปทั่วแล้วด้วย" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น "ครั้งนี้ที่ข้าจัดการไปตั้งมากมาย ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกดินแดนทางใต้ ยิ่งไปกว่านั้นองค์หญิงเจาหมิ่นนั่น..."ชิ่งหมิงกลอกตามองนาง "เจ้าของกล่องกู่พวกนั้นที่เจ้าเอามาน่ะหรือ? คนที่ใช้เสน่ห์หนอนพิษกู่เล่นงานเจ้าเมื่อตอนนั้นน่ะนะ?""อืม

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 964

    ชิ่งหมิงยื่นมือไปหยิบเผ้าเช็ดหน้าสะอาดมาผืนหนึ่ง เช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้นางเช็ดไปด้วยพลางพูดว่า "ปกติตอนเพิ่งเรียนหลอมวัตถุไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้ ควรค่อยๆ เรียนรู้ไปตามลำดับจึงจะถูก แต่เจ้าเป็นสถานการณ์พิเศษ ดังนั้นก็คงจะเหนื่อยไปจริงๆ"จั๋วซือหรานรู้ความหมายของชิ่งหมิง คนอื่นถ้าเรียนการหลอมสกัด ล้วนเริ่มจากการหลอมสกัดของชิ้นเล็กๆ ก่อนเหมือนนางเสียที่ไหน ตอนเริ่มก็เริ่มจากหลอมวัตถุซ้ำใหม่เลยการหลอมวัตถุเดิมทีก็ไม่ใช่งานที่ง่ายอะไร การหลอมซ้ำยิ่งยากขึ้นไปอีกนี่มันเหมือนกับยังไม่ทันจะเดินเป็น แต่ก็เรียนวิ่งข้ามคานเสียแล้ว...จั๋วซือหรานถอนหายใจยาวออกมา เอ่ยขึ้นว่า "ไม่มีทางเลือก จงกระหายและทำตัวให้โง่ตลอดเวลา...เลยทำได้แค่ทำอะไรให้เห็นผลได้ไวขึ้นเท่านั้น ยังดีที่มีน้ำยาโอสถของป๋อยวนอยู่"หรือก็คือของเหลวขมๆในแก้วที่ดื่มลงไปในปากเมื่อครู่นั่นเองแม้จะขม แต่กลับเย็นโล่งมาก ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ร้อนเช่นนี้ ดื่มลงไปกลับสบายขึ้นมากเลย"เอาล่ะ เริ่มเถอะ" จั๋วซือหรานมองขลุ่ยเลานั้นในเตาสำริดไม่ได้เป็นขลุ่ยดินเผารูปร่างอ้วนกลมแบบก่อนหน้าแล้วชิ่งหมิงบอกว่าถึงอย่างไรก็ต้องหลอมซ้ำ นา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 963

    และเป็นอย่างที่จั๋วซือหรานพูดไว้ สามวันต่อมา ราชโองการขององค์จักรพรรดิเฒ่าก็ประกาศไปทั้งฟ้าดินประกาศว่าสุขภาพไม่อำนวย ต้องการใช้ชีวิตบั้นปลาย จึงมอบเรื่องงานทั้งหมดให้องค์ชายเจ็ดซือคงเซี่ยนจัดการองค์ชายเจ็ดซือคงเซี่ยนถูกแต่งตั้งเป็นอ๋องสำเร็จราชการแทน ยศชินอ๋อง แม้จะไม่ค่อยตรงกับกฏหมายนัก แต่ก็ยังให้อ๋องสำเร็จราชการแทนเข้าอยู่ในวังตะวันออก แม้จะไม่ค่อยเข้ากับกฏแต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ถึงอย่างไรก็เข้าวังตะวันออกไปแล้ว ใครมองออกถึงเจตนาขององค์จักรพรรดิเฒ่าได้ไม่ยากยิ่งไปกว่านั้นยังสำเร็จราชการแทนด้วย ใครอยากจะไปขัดใจกับคนที่จะเป็นใหญ่ในอนาคตกัน?จนถึงตอนนี้ ความวุ่นวายของอ๋องอวี้จึงยุติลงขณะข่าวที่ซือคงเซี่ยนถูกแต่งตั้งลือกระจายทั่วเมืองหลวง จั๋วซือหรานกำลังวุ่นอยู่ในกรมสืบสวนพิเศษมาแล้วหลายวัน"ซือหราน ไม่ร้อนแล้ว ดื่มเถอะ" ชายหนุ่มหล่อเหล่ามีสายตาอ่อนโยน นำถ้วนในมือส่งไปตรงหน้าจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานรับแล้วดื่มลงไปอึกอัก หลังจากที่ดื่มลงไปเหมือนวัวเคี้ยวบัว จึงถอนใจยาวออกมา"โล่งเสียที" จั๋วซือหรานถอนหายใจ นางกลอกตามองชายหนุ่มหล่อเหลาข้างๆ อดยื่นมือไปหยิกแก้มเขาแล้วดึงเบ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 962

    และจากนั้น ไม่รอให้จั๋วซือหรานถามละเอียด แสงแดงหม่นของค่ายกลคำสาปนั่นก็มอดดับลงจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว หมายความว่าอย่างไร?ไม่คิดจะตอบก็วางสายทิ้งหรือ? หน้าไม่อายเกินไปไหม?ซือคงเซี่ยนพอเห็นแสงหม่นของค่ายกลคำสาปดับไปก็ร้อนรนขึ้นมา คิดจะเดินเข้ามา จึงลองยื่นเท้าเข้าไปในชายขอบคำสาปเพื่อทดสอบและพบว่าค่ายกลคำสาปไม่ได้มีผลแผดเผาแบบก่อนหน้าแล้ว ซือคงเซี่ยนจึงพุ่งเข้าไปในค่ายกลคำสาป ไม่สนใจอะไรอีก อุ้มตัวจั๋วซือหรานออกมาทันทีจั๋วซือหรานรู้สึกจนใจ "ท่านอ๋อง..."ซือคงเซี่ยนเอ่ยขึ้น "ขอโทษนะซือหราน สถานการณ์มันเร่งด่วนจนมาสนเรื่องชายหญิงไม่ได้แล้ว ค่ายกลคำสาปนี้ประหลาดเกินไป อีกเดี๋ยวข้าจะให้คนมาทำลายห้องลับนี้ทิ้งเสีย ค่ายกลคำสาปนี้คงถูกทำลายไปด้วยกัน""ไม่ต้องนะ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น "ข้าอยากจะค้นคว้าค่ายกลคำสาปนี้เสียหน่อย"ซือคงเซี่ยนยังรู้สึกกังวล เขาขมวดคิ้วขึ้น "ซือหราน เมื่อกี้เจ้าพูดจริงหรือ? ที่ว่าอีกฝ่ายเป็นคนของสภาผู้อาวุโส?""ถ้าเขาไม่ใช่แล้วจะประหม่าทำไมกัน" จั๋วซือหรานเบ้ปาก ยังคงรู้สึกหงุดหงิดกับการ 'วางสาย' ของอีกฝ่ายอยู่จานกั้นจึงชี้ไปที่ค่ายกลคำสาปนั่น "ยิ่งไปกว่านั้น

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 961

    จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว ทำงานแล้วหรือ?ซือคงเซี่ยนที่อยู่ข้างๆ พอเห็นฉากนี้ ก็กลั้นหายใจ จ้องเขม็งมองอักขระที่เปล่งแสงสีแดงหม่นนั่นเดิมทีอักขระสีเลือดเหล่านี้ดูแล้วก็รู้สึกแปลกประหลาดมาก เวลานี้พอเปล่งแสงแดงหม่นออกมา ก็ยิ่งแปลกประหลาดขึ้นไปอีกดูเต็มไปด้วยความอันตรายในอากาศอัดแน่นไปด้วยกลิ่นคาวเลือด กระตุ้นประสาทของซือคงเซี่ยนขึ้นบาดแผลน่ากลัวบนข้อมือจั๋วซือหราน กระตุ้นประสาทเขายิ่งกว่าซือคงเซี่ยนหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกมา คิดจะขึ้นไปพันแผลให้นาง แต่เมื่อครู่พอเดินขึ้นไปก้าวหนึ่ง ก็เห็นซือหรานขมวดคิ้ว สายตาเย็นวาบไปนางดีดนิ้วจนเกิดลมขึ้นวูบหนึ่ง ผลักซือคงเซี่ยนกลับไปซือคงเซี่ยนเดิมทียังถลึงตาด้วยความไม่เข้าใจ จากนั้นจึงมองไปทางปลายจมูกตนเองอย่างไม่รู้ตัว ปลายเท้ามีอาการแสบร้อนแล่นขึ้นมาเมื่อครู่ตอนที่ตนเองจะเข้าไปพันแผลให้นาง ปลายรองเท้าต้นเองก็ถูกเผาไปแล้วเมื่อครู่เขาแค่...คิดจะเดินเข้าไปในอาณาเขตค่ายกลที่อักขระคำสาปนั่นสร้างขึ้นเท่านั้นปลายรองเท้ากลับถูกอักขระคำสาปที่อยู่วงนอกสุดเผาเสียแล้ว จนปลายเท้าเองก็ยังโดนผลกระทบไปด้วย ยังดีที่ไม่รุนแรงนักยังดีที่ซือหรานปฏิก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 960

    ในสายตา ก็เหมือนจะเป็นพิธีสาปแช่งอย่างหนึ่งจริงๆ ใครมาเห็น ก็น่าจะอารมณ์ไม่ดีนั่นล่ะแต่ว่าสีหน้าจั๋วซือหรานกลับเป็นปกติแล้ว เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า "ข้าไม่เป็นไร ความคิดนางเองก็ดูไม่เลวอยู่"ซือคงเซี่ยนกระพริบตาปริบๆ ไม่ค่อยเข้าใจจั๋วซือหรานยิ้มเรียบๆ "เคยได้ยินว่าเจาหมิ่นเชี่ยวชาญเรื่องการทำนายใช่ไหม?"ซือคงเซี่ยนครุ่นคิด พยักหน้า "สมัยก่อนหลังจากที่นางกลับไปดินแดนทางใต้แล้วกลับมา ก็บอกว่าความสามารถการทำนายปลุกขึ้นมาแล้ว หลังจากนั้นก็ยังทำนายแผ่นดินไหวให้กับเสด็จพ่อไปครั้งหนึ่ง และหลังจากนั้น เสด็จพ่อก็ให้ความสำคัญกับนางขึ้นมา"จั๋วซือหรานพยักหน้าอย่างเข้าใจ "มิน่า ความคิดถึงได้ไม่ไหวขนาดนั้น แต่ดวงก็ไม่ได้ดีเหมือนกับข้า""ดวง?" ซือคงเซี่ยนมองนางจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม "ดวงของข้าก็คือเจ้า"พอคำนี้ออกไป หน้าของซือคงเซี่ยนก็ร้อนผ่าวขึ้นมา "ซือหราน...ทำไมจึงพูดเช่นนี้?""เจ้าเห็นแล้วคงรู้สึกว่านางโรคจิตเท่านั้น แต่ถ้าหากเสด็จพอเจ้าเห็นสิ่งนี้ล่ะ?" จั๋วซือหรานเลิกคิ้วขึ้นบอกสมมติฐาน "ฝ่าบาทเดิมทีรู้ว่าความสามารถเจาหมิ่นทำนายได้ยอดเยี่ยม ถ้ามาเห็นเนื้อหานี้ เกรงว่าคงไม่คิด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 959

    จั๋วซือหรานบีบซากบันทึกเหล่านี้ไว้ในมือ สีหน้ายังคงไม่กลับมานางกลอกตามองซือคงเซี่ยน ถามว่า "ของพวกนี้...เจ้าเคยเห็นมาก่อนไหม?"ซือคงเซี่ยนพยักหน้า ตอนที่สายตาตกไปอยุ่บนซากบันทึกในมือ คิ้วก็ขมวดแน่น สีหน้าเองก็มองออกไม่ยากว่าเคร่งขรึมขึ้นมาซือคงเซี่ยนเอ่ยเสียงต่ำ "ดังนั้นข้าถึงบอกว่าเจาหมิ่นเหมือนกับ...เป็นโรคจิตน่ะ ไม่เช่นนั้นนางคงไม่เขียนอะไรแปลกๆ...พวกนี้"สายตาจั๋วซือหรานจ้องอยู่บนซากบันทึกเหล่านั้นนางรู้แน่นอน ว่าทำไมซือคงเซี่ยนถึงรู้สึกว่าเจาหมิ่นเป็นโรคจิตเพราะบนซากบันทึกเหล่านั้น เนื้อหาที่เจาหมิ่นเขียน จากที่คนอื่นเห็นก็คงรู้สึกว่าเกินความคาดหมายจริงๆสิ่งที่เขียนอยู่ด้านบน...ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นดังนั้นจึงในสายตาของซือคงเซี่ยน จึงเหมือนเจาหมิ่นเกิดโรคจิตกำเริบแล้วเขียนเนื้อหาพวกนี้ออกมาแต่จั๋วซือหรานรู้ ว่าเนื้อหาเหล่านั้นที่เขียนบนบันทึก ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นไปแล้วเพียงแต่ ไม่ได้อยู่ในโลกนี้ของนาง แต่เป็นในเส้นชะตาเก่าเจ้าของร่างเดิมเนื้อนาที่เขียนในซากบันทึกนี้ของเจาหมิ่น ทั้งหมดล้วนอยู่ในเส้นชะตาเดิม เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับจั๋วซือหรานเจ้าของร่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 958

    พวกนางเอ่ยว่า "เพราะ เพราะว่า...เพราะว่าพวกเราอยู่ในห้องของนายท่านแล้วเคยเห็นภาพของแม่นางจิ่ว...""โอ๋?" จั๋วซือหรานมองพวกนางอย่างสนใจ จากนั้นจึงกลอกตามองไปทางซือคงเซี่ยน "ที่เจ้าบอกว่าของนางสนใจ น่าจะเป็นเจ้าสิ่งนี้กระมัง?"ซือคงเซี่ยนถอนหายใจ "ไม่ใช่แค่นี้"คำพูดของสาวใช้วัง บวกกับคำพูดของซือคงเซี่ยน ก็กระตุ้นความอยากรู้ของจั๋วซือหรานขึ้นมาแล้ว "พาข้าไปดูหน่อย"ซือคงเซี่ยนนำนางเดินตรงไปที่เรือนหลังของตำหนักวัง จากนั้นก็พานางลงไปยังห้องใต้ดินห้องหนึ่งสถานที่มากมายล้วนมีห้องใต้ดิน ใช้สำหรับเก็บของ ใช้สำหรับเก็บน้ำแข็งจั๋วซือหรานจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่ด้านหลังตำหนักวังเจาหมิ่นมีห้องใต้ดินเพียงแต่ว่า หลังจากลงไปห้องใต้ดินซือคงเซี่ยนก็รับจานเทียนใบหนึ่งมาจากผู้ใต้บัญชา จากนั้นจึงหมุนตัวกลับมาดึงมือของจั๋วซือหราน ถึงแม้จะดึงแค่ชายเสื้อนางเท่านั้นแต่ซือคงเซี่ยนยังรู้สึกใจเต้นไม่เป็นส่ำ"ด้านในค่อนข้างมืด ตามข้ามา" ซือคงเซี่ยนพูดจั๋วซือหรานเดินตามเขาเข้าไปด้านหลังเงียบๆคิดไม่ถึงว่าในห้องใต้ดินจะยังมีอีกชั้น เป็นห้องลับเล็กๆ ห้องหนึ่งตอนนี้ในห้องเล็กจุดไฟสว่างไว้แล้วแต

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status