Share

บทที่ 11

Author: หูเทียนเสี่ยว
last update Last Updated: 2024-04-30 14:54:00
เมื่อได้ยินคำพูดของชายผู้นี้ ผู้สูงอายุใหญ่ก็ขมวดคิ้ว

รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้สูงอายุสามแข็งทื่อ "เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร จวนของข้าจะขาดแคลนยาของเสี่ยวจิ่วได้เช่นไร ทว่าข้ายังคงขอบคุณสำหรับน้ำใจของท่าน"

จั๋วซือหราน "ขอบพระทัยท่านอ๋องแทนข้าด้วย"

“ขอรับ เมื่อข้าส่งมอบของเรียบร้อยแล้ว ข้าจะกลับไปรายงานเดี๋ยวนี้ ข้าขอลา และข้าขอคุณหนูจิ่วหายดีเร็ว ๆ ขอรับ”

หลังจากผู้ติดตามของตระกูลเฟิงจากไป

ผู้สูงอายุใหญ่กล่าวอย่างเคร่งขรึม "ผู้ใดเข้ากะของคลัง นำตัวมา"

จั๋วซือหรานยิ้มอย่างสงบ นางกล่าวว่า "ผู้อาวุโสใหญ่เจ้าคะ ผู้ที่ดูแลคลังของจวนแค่มองว่าใครมีฐานะสูงกว่ากัน และจะฟังคำสั่งของคนผู้นั้น หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากใครบางคน ก็จะมิกล้าทำเช่นนี้หรอก"

ผู้อาวุโสใหญ่"ข้ารู้ว่าเจ้ามีความคับแค้นอยู่ในใจ เจ้าได้สสั่งสอนเสี่ยวลิ่วแล้ว เจ้าก็ยกโทษให้นางไปเสีย อย่าทำให้คนภายในตระกูลเสียความรู้สึกต่อกันเลย "

จั๋วซือหรานพูดต่อ "หนูเทียบกับพี่ลิ่วมิได้หรอก นางยุยงให้คนนอกทำหนอนพิษกู่ใส่ข้า การกระทำเช่นนี้ ข้ายังไม่เรียกร้องความยุติธรรมเลย"

“ทั้งหมดนี้ไม่มีที่เป็นยหลักฐานอันใด เหตุใดจึงต้องทำร้ายความส้มพันธ์พี่น้องด้วย” ผู้อาวุโสสามตะโกน “เสี่ยวจิ่ว หยุดคิดเล็ดคิดน้อยจนเกินเหตุได้แล้ว”

จั๋วซือหรานยิ้มอย่างเย็นชา "ผู้อาวุโสสาม ข้าถูกลงโทษตามกฎตระกูลเก้าแส้แล้ว หากร่างกายของข้าแย่กว่านี้ กระดูกของข้าอาจถูกตีจนหักก็ได้ ไม่อยากให้ข้าคิดเล็กคิดน้อยจนเกินเหตุหรือ ก็ได้ เช่นนั้นให้จั๋วหรูซินถูกเฆี่ยนเก้าเส้นด้วยเช่นกันสิ"

ผู้อาวุโสสามโกรธ "เจ้า นี่"

ผู้อาวุโสใหญ่รีบอ้าปาก "เอาล่ะ เรื่องนี้ค่อยว่ากันมาทีหลัง"

ผู้อาวุโสใหญ่ยังไม่ได้ซักถามและจัดการกับหลิวเย่ หากต้องตัดสินเรื่องที่จั๋วซือหรานถูกใส่หนอนพิษกู่ ก็ต้องรอหลังจากหลิวเย่จะถูกสอบปากคำแน่นอน

ดังนั้นจั๋วซือหรานไม่เรียกร้องเรื่องนี้อีก

ผู้อาวุโสที่สามถามแบบเหน็บ ๆ "ถ้าเช่นนั้น เรื่องที่เจ้าสามารถดึงกระบี่ของตระกูลเฟิงเหยียนออกมาได้ เป็นเรื่องจริงหรือ เจ้ากับเขาครองคู่กันโดยไม่บอกใครหรือ"

จั๋วซือหรานเหลือบมองผู้อาวุโสสามด้วยรอยยิ้มจาง ๆ นางคว้าประเด็นสำคัญของประโยคแล้วถามกลับ "ใช่น่ะสิ ข้าดึงกระบี่ประจำตระกูลของท่านอ๋องเฟิงออกมาได้ แล้วทำไม จั๋วหรูซินดึงมันออกมาไม่ได้หรือ"

“หึ เจ้าเอาเปรียบผู้อื่นและโอ้อวดให้มันน้อย ๆ หน่อย กระบี่ประจำตระกูลของเฟิงเหยียนมีความลึกลับมากมาย ไม่มีใครสามารถดึงมันออกมาได้ยกเว้นตัวเขาเอง แต่เจ้าดึงมันออกมาได้ ผู้ใดจะไปรู้ว่าเป็นเพราะเจ้าและเขาตกลงครองคู่กันโดยไม่บอกผู้อื่นจึงทำเช่นนั้นได้กันหรือไม่”

ผู้อาวุโสสามยังพูดจาเหน็บแนม เขาสะกิดอย่างชัดว่า นางเป็นสตรีร้อยลิ้นกะลาวนหลงรักคนง่าย เพราะถึงอย่างไร นางเป็นผู้ที่ถอนการหมั้นหมายก่อน และร้องแต่งงานกับฉินตวนหยางตอนนี้กลับไม่แต่งงานกับฉินตวนหยาง และบอกว่า กระบี่ประจำตะกูลของเฟิงเหยียนคือของขวัญแทนใจ

ผู้อาวุโสใหญ่เป็นคนพูดตรง ๆ "เสี่ยวจิ่ว หลังจากข้าตรวจสอบเรื่องที่เจ้าถูกปองร้ายและพบความจริงได้แล้ว ผู้สั่งการเบื้องหลังต้องได้รับบทลงโทษอย่างแน่น แต่ความผิดของเจ้าก็ไม่สามารถลดทอนลงได้แม้แต่น้อย เจ้าต้องไปซ่อมความสัมพันธ์กับตระกูลเฟิง และเจ้าต้องเอาสัญญาหมั้นกับเฟิงเหยียนกลับมาให้ได้ด้วย”

ดวงตาของจั๋วซือหรานกระตุกเล็กน้อย นางลองเอ่ยถาม "หากเสี่ยวจิ่วไร้ความสามารถ ไม่สามารถเอาสัญญาการหมั้นกับท่านอ๋องเฟิงกลับมาได้ล่ะ "

“ตระกูลไม่เลี้ยงผู้ไร้ความสามารถ ต่อไปเจ้าและน้องชายของเจ้าจะไม่ได้รับการการฝึกฝนใด ๆ จากในตระกูล” ผู้อาวุโสมองดูกล่องยาน้ำค้างหยกสามกล่องในมือของนาง “แต่ในเมื่อเฟิงเหยียนถึงนำกระบี่ประจำตระกูลมาเป็นของขวัญแทนใจ และให้เจ้าใช้กระบี่ส่วนตัวของเขา และยังสั่งคนนำยารักษาอาการบาดเจ็บมาให้เจ้า หากเจ้าอยากได้สัญญาการหมั้นกลับ คงไม่ใช่เรื่องยากหรอกนะ เจ้าเห็นด้วยไหม”

เห็นด้วยอะไรล่ะ

นี่เท่ากับจับนางไปย่างบนไฟ ทำได้ยากมาก

แต่ตอนนี้นางอยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสสาม จั๋วซือหรานไม่สามารถแสดงความกลัวได้

นางยิ้ม "เหอะ ๆ ...แน่นอนอยู่แล้ว"

ที่ตลอดผ่านมา ผู้อาวุโสใหญ่เป็นผู้ที่เคร่งขลึมและไม่ค่อยยิ้ม เมื่อเขาได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน ใบหน้าของเขาเริ่มมีรอยยิ้มเล็กน้อย “เช่นนั้นก็ดี อีกสองวันจะมีงานดอกไม้ในวัง เฟิงเหยียนเป็นท่านอ๋องของตระกูลเฟิง ดังนั้นเขาต้องเข้าร่วมพิธีในวันนั้นอย่างแน่นอน เมื่อเวลานั้นมาถึง อาการบาดเจ็บของเจ้าก็คงจะหายดีแล้ว อย่าพลาดงานนี้ล่ะ”

จั๋วซือหราน "เสี่ยวจิ่ว...ข้ารับคำสั่ง"

หลังจากนั้นไปสองวัน จั๋วซือหรานได้รักษาบาดแผลและวิเคราะห์ความสามารถของร่างนี้

ต้องยอมรับว่า เจ้าของร่างเดิมได้รับการยกย่องจากตระกูลจั๋วเช่นนี้ นางมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาเสียจริง ไม่เพียงแต่นางมีคุณสมบัติทางจิตวิญญาณที่เป็นเอกลักษณ์ในสายเลือดตระกูลจั๋วเพียงเท่านั้น อีกทั้งยังมีร่างกายที่แข็งแกร่งมากกว่าปกติอีกด้วย ซึ่งเข้ากันได้อย่างดีกับศิลปะการต่อสู้โบราณที่นางเคยฝึกฝนในชาติที่แล้ว

ภายในเวลาสองวัน อาการบาดเจ็บร้ายแรงที่ได้จากการลงโทษที่ทำตามกฎตระกูลเก้าแส้เกือบหายสนิทแล้ว

ในเช้าตรู่ มีสาวใช้นำเครื่องแต่งกายมา เพื่อแต่งตัวให้นาง

“ผู้อาวุโสใหญ่สั่งข้าน้อยมาแต่งกายให้แก่คุณหนูจิ่วเจ้าค่ะ”

จั๋วซือหรานนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง นางมองไปที่สาวใช้ที่กำลังเตรียมจะแต่งหน้าหนัก ๆให้กับนาง

"เดี๋ยว" จั๋วซือหรานจะดูไม่ออกได้อย่างไรว่า มีคนสั่งสาวใช้ผู้นี้มาก่อเรื่องอัตราย

นางห้ามสาวใช้ทำต่อ"ข้าทำเอง"

สาวใช้หยุดการเคลื่อนไหวทันที นางใจฝ่อเล็กน้อยและพูดโน้มน้าวว่า “คุณหนูจิ่วให้บ่าวทำให้เถิด”

“ให้เจ้าแต่งหน้าเหมือนตัวตลกให้ข้า และให้ข้าไปงานดอกไม้ตลก ๆ เช่นนั้นหรือ จั๋วหรูซินยังจะมีลูกเล่นใหม่ ๆ บ้างไหม” จั๋วซือหรานขมวดคิ้วและสั่ง "ออกไป!"

จั๋วซือหรานแต่งหน้าและแต่งกายด้วยตนเอง

แต่เดิมนางสวยอยู่แล้ว แม้ไม่ได้แต่งหน้า หากแต่งหน้าเพียงเล็กน้อยก็สวยงดงามยิ่งขึ้นไปอีก

เป็นที่น่าดึงดูดความสนใจผู้คนในงาน

“นางกลับมาจริง ๆ...”

“นางกล้ามางานดอกไม้ในวังได้จริง ๆ ! นางโดนลงโทษตามกฎตระกูลมิใช่หรือ ทำไมหายไวเช่นนี้”

จั๋วหรูซินยืนอยู่ข้าง ๆ นางสวมผ้าคลุมเพื่อปิดรอยแผลเป็นบนใบหน้าของนาง เวลานี้นางโกรธอย่างมากจนต้องกัดฟัน

สองวันแล้ว รอยแผลเป็นบนใบหน้าของนางเพิ่งค่อย ๆ จางหาย ทำไมอาการบาดเจ็บของจั๋วซือหรานถึงหายสนิทได้

ผู้ดูแลโน้มน้ามอยู่ข้าง ๆ นางพูดว่า "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูอย่าหุนหันพลันแล่น คุณท่านลิ่วเคยสั่งไว้ ท่านต้องใจเย็น ๆ หลัง ๆ มีโอกาสจัดการนางอยู่เจ้าค่ะ"

จั๋วหรูซินโกรธและกัดฟันแล้วพูดว่า "ข้ารู้แล้ว"

จั๋วซือหรานก้าวไปข้างหน้า นางเผชิญต่อสายตาที่โกรธแค้นของจั๋วหรูซิน และนางนั่งบนรถม้าโดยอารมณ์ดี

งานดอกไม้ในวังจัดขึ้นฤดูกาลละครั้ง และแน่นอนว่า ในช่วงฤดูหนาว ไม่มีดอกไม้ให้ชมหรอก แต่เดิมนั้นราชสำนักเป็นผู้จัดงาน และเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ในหมู่ตระกูลขุนนาง งานนี้ไม่ได้จัดเพื่อชมดอกไม้ แต่ชมหญิงสาวที่มาจากตระกูลขุนนางใหญ่ ๆ

มีการแข่งขันความงามในหมู่สตรีจากตระกูลหลายตระกูล แต่จั๋วซือหรานยังคงได้รับความสนใจอย่างท่วมท้น

เพราะนางสวยและเด่นอย่างมาก

เดิมทีจั๋วซือหรานมีหน้าตาอย่างสวยเทวดา วินาทีที่ดวงตาคู่นั้นล้นความกล้าหาญออกมา ความงดงามนั้นเต็มไปด้วยเอกลัษณ์ส่วนตัว และเต็มไปด้วยความภาพภูิใจ ซึ่งดึงดูดสายตาของผู้คนอย่างมาก แม้ว่านางจะแต่งหน้าเล็กน้อย แต่ก็งดงามมากพอแล้ว

ในชาติที่แล้ว จั๋วซือหรานเป็นสายสืบยอดฝีมือของหน่วยงานนางแข็งขันแกร่งกล้า ทะนงในศักดิ์ศรี

และเจ้าของร่างเดิมไม่ใช่คนอ่อนแอเสียหน่อย นางเกิดมามีอำนาจบารมี ได้รับการยกย่องมาตั้งแต่เด็ก ทุกคนต่างภาคภูมิใจ

เมื่อนางลงจากรถม้า คนรับใช้ของเรือนผู้อื่นจ้องนางอย่างเยาะเย้ย ราวกับว่ากำลังย้ำถามว่า ทำไมนางถึงกล้ามาที่นี่อีก

จั๋วซือหรานเผชิญหน้ากับสายตาที่เยาะเย้ยของเขา รอยยิ้มบนริมฝีปากของนางสดใส แต่คำพูดของนางนั้นเย็นชามาก "เจ้ามองอะไร หากยังมองอีก ข้าจะควักลูกตาของเจ้าออกมา”

สีหน้าของคนรับใช้หยุดนิ่ง เขารีบถอนสายตากลับ

จนงานเลี้ยงกำลังจะเริ่มขึ้น เฟิงเหยียนยังไม่ปรากฎตัว

ทุกคนมองจั๋วซือหรานด้วยความสงสาร

“ท่านอ๋องเฟิงไม่มาเพราะไม่อยากเห็นจั๋วจิ่วแน่ ๆ ”

“นางยังพูดต่อสาธารณะชนอีกว่า นางรักท่านอ๋องเฟิงอย่างสุดซึ้งหัวใจ ช่างน่าอับอายจริง ๆ”

Related chapters

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 12

    ที่จริงแล้วเฟิงเหยียนไม่มา จั๋วซือหรานกลับรู้สึกสบายใจขึ้นมากนางมีเวลาว่างพอดี นางจะได้วิเคราห์ชะตากรรมเดิมของเจ้าของร่างเดิมที่อยู่ในหัวในชะตาเดิมของเจ้าของร่าง เวลานี้นางได้แต่งงานกับฉินตวนหยางแล้ว ซึ่งตามมารยาท นางไม่ได้มาร่วมงานดอกไม้ในวังแน่นอน รู้เพียงในงานดอกไม้ครั้งนี้ จั๋วหรูซินทดลองยาให้ไทเฮาด้วยตัวเอง เพราะไทเฮานอนติดเตียงเป็นเวลานาน และนางได้รับการยกย่องสรรเสริญเป็นเสียงเอกฉันท์แต่ ณ ตอนนี้ หลังจากงานเลี้ยงเริ่มต้นได้ไม่นาน จั๋วหรูซินก็ลุกขึ้น“ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันทราบมาว่า ไทเฮาทรงประชวรนอนติดเตียงมานานแล้ว ซึ่งทำให้ท่านกังวลเป็นอย่างมาก...”แต่โครงเรื่องต่อไปไม่ได้เป็นไปตามโครงเรื่องเดิมเนื่องจากจั๋วหรูอหรานเปลี่ยนบทสนทนา "น้องสาวจิ่วของหม่อมฉันมีพรสวรรค์อย่างมาก มากเสียจนสามารถรักษาตัวจากแส้หนามของครอบครัวได้ภายในหนึ่งหรือสองวันหลังจากได้รับเฆี่ยนตีเก้าครั้ง ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งและพลังทางจิตวิญญาณ หากนางได้เป็นผู้ทดลองยายาของไทเฮา อาการเจ็บป่วยของไทเฮาจะหายขาดในไม่ช้า”ก่อนเข้าร่วมงานดอกไม้ในวัง บิดาและผู้อาวุโสสามให้นางเสนอจั๋วซือหรานให้เป็นผู้ทดลองยาให้แก่

    Last Updated : 2024-04-30
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 13

    ตำหนักหย่งโซ่วเมื่อครึ่งเดือนก่อน ไทเฮาจู่ ๆ ก็ล้มป่วยลงอย่างกะทันหันและตกอยู่ในอาการขั้นร้ายแรงเมื่อฮองเฮาพาคนมาที่ตำหนักหย่งโซ่ว แม่นมยวี่ที่อยู่เคียงข้างไทเฮาก็ระมัดระวังมากขึ้นเมื่อนางรู้ว่า จั๋วซือหรานมาที่นี่เพื่อวินิจฉัยและรักษาไทเฮา ดวงตาของแม่นมยวี่เป็นประกาย แต่ก็หรี่ลงอย่างรวดเร็วฮองเฮาจะใจดีขนาดนี้ได้อย่างไรนางยังเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณหนูจั๋วจิ่วมาก่อน คนเล่ากันว่า คุณหนูจั๋วจิ่วมีความอัจฉริยะ แต่น่าเสียดายที่คุณหนูจั๋วจิ่วเป็นคนของตระกูลจั๋ว มีใครหรือที่มิทราบว่า แท้จริงแล้วตระกูลเหยียนเป็นหมอเทวดาตั้งแต่บรรพบุรุษหรือ ตระกูลจั๋วไม่เคยมีใครรับตำแหน่งเป็นคุณหมออย่างจริงจังเลยเหยียนชาง ผู้เป็นหัวหน้าของห้องหมอหลวงยืนอยู่ข้าง ๆ "จั๋วจิ่ว เจ้าพูดเบาเลยนะ เจ้ามีวิชาหมอด้วยหรือ"เขาเชื่อจั๋วจิ่วไม่มีปัญญารักษาไทเฮาได้ และเนื่องจากเรื่องอื้อฉาวเมื่อไม่นานมานี้ เหยียนชางดูถูกจั๋วซือหรานอย่างมากจั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และพูดว่า "ข้าพอรู้มานิดหน่อย ขอแสดงฝีมืออันน่าอับอายเสียหน่อย"นางยกแขนเสื้อขึ้นแล้วยื่นมือออก มือของนางขาวราวหยก นิ้วของนางอยู่ห่างจากผิวหนังข้อมือของ

    Last Updated : 2024-04-30
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 14

    เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งที่ไทเฮาพูด ทุกคนก็อดไม่ได้ที่ต้องมองไปที่ท่านอ๋องเฟิงเฟิงเหยียนมองจั๋วซือหรานอย่างไม่กระตือรือร้นจั๋วซือหรานรู้สึกดวงตาที่เย็นชาและลึกล้ำของชายคนนี้ดูเหมือนสื่อสานได้ ราวกับว่า เขากำลังเยาะเย้ยนางอย่างเงียบ ๆ เหมือนเขากำลังเยาะเย้ยนางตอบแทนความเมตตาด้วยความเกลียดชัง และนางกลับคำพูดของนางทั้ง ๆ ที่เมื่อสองวันก่อน นางยังบอกเขาว่า จะไม่กวนเขาและจะไม่ให้เขารับผิดชอบจั๋วหรูซินกำลังอยากโล่งอก อย่างน้อยนางก็ไม่ต้องคู่กับฉินตวนหยางแต่นางยังไม่ทันโลง่อก และจั๋วซือหรานจะไม่ยอมให้นางสมหวังแน่นอน "ขอบพระทัยที่ไทเฮาเมตตา แต่สิ่งที่หม่อมฉันต้องการไม่ใช่พระราชโองการการสมรสกับท่านอ๋องเฟิงเพคะ"ทันใดนั้นจั๋วหรูซินตกตะลึงจนดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้น และนางก็จ้องมองไปที่จั๋วซือหรานไทเฮาตรัสว่า “หรือ”จั๋วซือหรานยังคงสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของชายคนนั้น สายตานั้นราวกับเป็นประกาย เหมือนมีไฟลุกอยู่แผ่นหลังของนาง แต่เมื่อคิดถึงภัยคุกคามครั้งก่อนของผู้อาวุโสใหญ่ นางทำได้เพียงกัดกระสุนและพูดซ้ำสิ่งที่นางพูดในวันงานเลี้ยงแต่งงาน "หม่อมฉันมีความรักที่หยั่งรากลึกต่อท่านอ๋องเฟิงโดยไม

    Last Updated : 2024-04-30
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 15

    “ไร้... ไร้สาระ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แค่นี้” จั๋วหรูซินพูดตะกุกตะกัก นางแอบเกลียดจั๋วซือหรานที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นคนเฉียบคมขนาดนี้ในความเป็นจริง ตั้งแต่วินาทีที่คุณท่านจั๋วลิ่วเห็นนางดึงกระกระบี่เสวียนเหยียนออกมา จั๋วซือหรานเห็นทัศนคติที่เขามีต่อนาง จั๋วซือหรานก็รู้ว่า มีบางอย่างผิดปกติ ช่วงสองวันที่นางฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ นางหาเวลาสอบถามข้อมูลบางอย่างด้วยพลังทางจิตวิญญาณของตระกูลเฟิง ผู้ที่มีพรสวรรค์มากเท่าใด จะมีฤทธิ์ร้ายแรงมากขึ้นเท่านั้น ฤทธิ์ร้ายแรงนั้นไม่เพียงเป็นภาระต่อผู้อื่นเท่านั้น แต่ยังเป็นภาระตนเองด้วยดังนั้นลูกหลานของตระกูลเฟิงจึงมีอายุได้ไม่นาน และยิ่งมีความสามารถมากเท่าไร พวกเขาก็จะยิ่งมีอายุน้อยลงเท่านั้นหากทุก ๆ ลูกหลานเป็นเช่นนี้ตลอด ตระกูลเฟิงจะถูกกำหนดให้พังพินาศหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลเฟิงพยายามหาวิธีเพื่อแก้ปัญหานี้ได้ตระกูลเหยียนเก่งด้านการแพทย์และการใช้ยา ดังนั้นตระกูลเหยียนจึงกลายเป็นเป็นหมอประจำของตระกูลเฟิงห้องกระบี่ประจำตระกูลออกแบบกระบี่ให้เป็นอาวุธประจำตระกูล และยังใช้เป็นตราประทับและเครื่องที่รองรับพลังด้วยดังนั้นบุตรหลานของตระกูลเ

    Last Updated : 2024-04-30
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 16

    “แล้วล่ะขอรับ” เขาพูดเบา ๆจั๋วซือหรานตอบ "ดังนั้นพวกเราควรเลือกสิ่งที่เราต้องการ มาร่วมมือกัน"เฟิงเหยียนเลิกคิ้ว "ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือเช่นไร เจ้ามีอะไรที่ข้าต้องการหรือ"ดวงตาของจั๋วซือหรานสว่างเป็นประกาย นางมองเขาอย่างแน่วแน่ "อะไรที่เหยียนฉีไม่สามารถรักษาเจ้าได้ บางทีข้าอาจจะรักษาได้"เมื่อเฟิงเหยียนได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เขาหรี่ตาลง เดิมทีมือของเขางวางบนกระบี่ประจำตระกูลที่เอวอย่างไม่ได้ตั้งใจที่ ทีนี้นิ้วหัวแม่มือดันด้ามมีดเล็กน้อย ใบมีดอันแหลมคมที่ประกายความหวาดกลัวนั้นปรากฏส่วนอันสั้นจากฝักหระบี่มันยาวเท่ากับนิ้วหัวแม่มือของมนุษย์เท่านั้นเองความอาฆาตจั๋วซือหรานรู้สึกถึงแรงผลักดันที่พุ่งออกมาจากเขาอย่างชัดเจนเขาคู่ควรกับการเป็นอัจฉริยะที่ตระกูลเฟิงไม่เคยพบและไม่เคยเห็นมานานนับศตวรรษแข็งแกร่ง เสียจริงคนขับรถม้าเกือบจะฉี่รด เขาตัวสั่น และถอยไปด้านหลังสองสามก้าว“นี่คือสิ่งที่จั๋วลิ่วบอกเจ้าในเมื่อสักครู่หรือ” เฟิงเหยียนพูดอย่างเย็นชาจั๋วซือหรานพูด "นางไม่ต้องบอกข้า ขาก็เดาออกได้"จากปฏิกิริยาของเฟิงเหยียน จั๋วซือหรานรู้นางเดาถูก นางลดสายตาลงและมองขาอันยาว

    Last Updated : 2024-04-30
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 17

    บ้าระห่ำจั๋วซือหรานชอบคนบ้าระห่ำเช่นนี้ นางรู้สึกเจอคนประเภทเดียวและเกิดความรู้สึกการเอ็นดูเฟิงเหยียนเดินจากไปแล้ว และนางคิดชื่อจากคำพูดของเขา “จั๋วเสี่ยวจิ่ว(จิ่วหมายถึง เลข เก้า ในภาษาไทย)หรือ ดีแล้วข้าไม่ได้เปิดเป็นบุตรคนที่สองของตระกูล...ไม่อย่างนั้น ก็จะดูเหมือนคนรับใช้ที่ร้านแล้ว”“จิ่ว...คุณหญิงจิ่วขอรับ” คนขับรถม้าเดินเข้ามาอย่างสั่นเทา “กลับ..กลับตอนนี้หรือขอรับ”"เจ้าค่ะ กลับเถอะ" จั๋วซือหรานเห็นคนขับรถม้าไสั่นเช่นนี้ นางอดไม่ได้ที่ต้องสงสายและถาม"เจ้าหนาวหรือ"คนขับหดคอลงจนเกือบจะร้องไห้ "เมื่อครู่นั้น ท่านอ๋องเฟิงทำเช่นนั้น...ข้า..ข้าน้อยกลัวแทบจะตาย"จั๋วซือหรานนึกถึงเจตนาฆ่าของเฟิงเหยียนที่เขาประกายในเมื่อครู่ คนทั่วไปรับพลังนั้นไม่ไหวเสียจริงนางยกมือขึ้นแล้วโบกมือให้คนขับรถม้า คนขับรถม้ารู้สึกมีสายลมพัดมาบนใบหน้าของเขา และความรู้สึกการกดขี่ที่น่ากลัวก่อนหน้านี้ก็หายไป*ในห้องส่วนตัวจั๋วซือหรานหรี่ตาลงและจ้องมองไปที่แหวนสีแดงเข้มที่เรียบง่ายบนนิ้วชี้ของมือขวาของนาง มันคือแหวนเสวียนเหยียนจริง ๆแต่นางไม่เข้าใจ“ทำไมถึงตามข้ามา” จั๋วซือหรานพึมพำจิตวิญญาณเ

    Last Updated : 2024-04-30
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 18

    บรรยากาศอันแสนอบอุ่นแตกสลายทันทีสีหน้าของจั๋วซือหรานแข็งค้าง ใช่แล้ว เจ้าของร่างเดิมและจั๋วหวายต่างก็เป็นลูกของผู้บัญชาการทหาร และพวกเขาไม่สนใจเรื่องเรียนเลยจริง ๆ หากให้พวกเขาเขียนหนังสือเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม( 1 ชั่วยาม=2 ชั่วโมง) พวกเขายอมฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาสามชั่วยามมากกว่า"ไม่เอาก็ต้องเอา" ความอ่อนโยนบนใบหน้าของจั๋วซือหรานในก่อนหน้านี้หายไป “เจ้าคิดว่าข้าชิงโอกาสเข้าเรียนในวังได้ ง่ายมากเลยหรือ คนอื่นอยากไปเรียนแต่ไปไม่ได้ แต่เจ้าต้องไป ไม่เช่นนั้น ฮึม ๆ ”จั๋วซือหรานกำหมัดของนาง ข้อต่อนิ้วของนางมีเสียง กร๊อบ ตั้งขึ้นจั๋วหวายเป็นผู้ที่หากไม่ใช้ความรุนแรงกับเขา เขาจะไม่ร่วมมือ เวลานี้ เขาถูกพี่สาวสั่งสนอย่างเชื่อง เขาจึงทำได้เพียงขมวดคิ้วตอบตกลงไป“ข้าจะไปบอกท่านแม่เรื่องนี้ หากพวกเราสองคนได้ไปเรียนที่วังได้ ท่านแม่ต้องดีใจแน่นอน”อวิ๋นเหนียงดีใจมากจริง ๆ แม้ว่าตระกูลทางบ้านนางจะไม่มีชื่อเสียงมากนัก แต่ก็เป็นตระกูลที่สืบทอดความรู้และวัฒนธรรมประเภณีอันดีงามจากบรรพบุรุษสู่ลูกหลานทว่านางแต่งงานกับผู้รู้ศิลปะการต่อสู้ และนางให้กำเนิดลูกชายและลูกสาวที่ไม่ชอบเรียนหนังสือ โดยเ

    Last Updated : 2024-04-30
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 19

    องค์ชายเจ็ดของปัจจุบัน ซือคงเซี่ยน เป็นถึงท่านชินอ๋องที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดท่านแม่เป็นนางสนมผู้สูงศักดิ์ เขามีฐานะสูงส่งตั้งแต่เกิด เขาคงไม่เคยคิดหรอกว่รา สักวันหนึ่ง เขาจะถูกห้ามไว้หน้าประตูเรือนซือคงเซี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้น เคาะประตูของสวนจี๋หย่าย่วนเบา ๆหลังจากนั้นไม่นาน มีคนเปิดประตูออก และมีหัวของผู้คนยื่นออกจากด้านใน คนนั้นถามด้วยความสงสัย “ท่านเป็นใคร ท่านต้องมาพบใครเจ้าคะ”“ไม่ทราบว่าคุณหนูจั๋วจิ่วอยู่หรือเปล่า” ซือคงเซี่ยนถามอย่างอ่อนโยนฝูซูเป็นคนโง่เขลา นางก็ลืมถามถึงตัวตนของอีกฝ่าย เมื่อได้ยินว่าตามหาคุณหนูง นางรีบโบกมือแล้วพูดว่า “คุณหนูป่วย ไม่พบใครเจ้าค่ะ”ซือคงเซี่ยนยังไม่ทันพูดอะไรอีก ประตูลานก็ถูกปิดลงซือคงเซี่ยนตกตะลึง ยืนอยู่ที่นั่นและขำในสวนจี๋หย่าย่วน ฝูซังเดินออกจากห้องครัวแล้วถามฝูซูว่า "นั่นใคร"“ไม่รู้สิ คนนั้นหาคุณหนู”ฝูซังขมวดคิ้ว "อย่างน้อย เจ้าควรถามหน่อยว่า เขาเป็นใคร"นางรีบไปเปิดประตูลาน และเห็นคุณชายที่สง่างามบังคงยืนอยู่ข้างนอก "ท่านเป็นใครเจ้าคะ มาหาคุณหนูมีธุระอันใดหรือเจ้าคะ"“ข้าแซ่ซือคง ซือคงเซี่ยน

    Last Updated : 2024-04-30

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 840

    ซือคงเซี่ยนชั่วขณะหนึ่ง ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีแต่ว่าจั๋วซือหรานกลับไม่รอให้เขาทันซาบซึ้ง นางดึงชายผ้าคลุมไหล่เล็กน้อย เดินตรงไปทางตำหนักข้างตำหนักข้างจัดเตรียมงานเลี้ยงเสร็จแล้ว เหล่าแขกเหรื่อกำลังกินอย่างมีความสุขล้วนเป็นชนชั้นสูงและเหล่าญาติราชวงศ์ หลักๆ แล้วล้วนเป็นตระกูลเหยียนกับตระกูลเฟิง ตระกูลซางเองก็มีคนบางส่วนมาด้วยแต่ว่ากลับไม่เห็นตระกูลฮั่วกับตระกูลจั๋วมานี่ทำเอาคนนึกไม่ถึงเลย ทุกคนคาดเดาว่า ที่ตระกูลฮั่วไม่มา น่าจะเพราะมีความร่วมมือกับจั๋วซือหรานไว้แต่ตระกูลจั๋วก็ไม่มาหรือ?"จะเพราะอะไรได้ ก็เพราะถูกตระกูลเฟิงถอนหมั้นน่ะสิ""แต่ว่าพวกเขาทั้งสองตระกูลก็สงบศึกกันแล้วหรือ? ก่อนหน้านี้ตอนที่จั๋วจิ่วถูกคนใช้เสน่ห์หนอนพิษกู่เข้าควบคุม ไม่ใช่ยังเคยไปถอนหมั้นกับตระกูลเฟิงหรอกหรือ""ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้จั๋วซือหรานถูกตระกูลเฟิงถอนหมั้น...นางไม่ใช่ว่าออกจากตระกูลจั๋วแล้วหรือ?"เสียงคำวิจารณ์เหล่านี้ ล้วนหยุดลงอย่างฉับพลันตอนที่ร่างงามคลุมผ้าคลุมเดินเข้าไปเท้าของจั๋วซือหรานไม่สะทกสะท้าน เดินมาที่ข้างโต๊ะจัดเลี้ยงตัวหนึ่งแล้วนั่งลงคนที่เดิมทีกำลังคุยกันอยู่ที่โต๊ะนี้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 839

    เหยียนหยี่หลิงโมโหจะแย่ แต่ก็ยังกลัวจะเสียหน้า ดังนั้นจึงระงับเสียงต่ำไว้แม้เสียงจะกดต่ำไว้ ความโกรธในน้ำเสียงกลับกดต่ำลงไป"เวลาข้าพูดแล้วยกตระกูลยกผู้อาวุโสออกมา แน่นอนว่าเพราะข้ามีตระกูล! มีผู้อาวุโส! ข้ามีที่พึ่งพาอย่างไรล่ะ! ไม่เหมือนกับเจ้า เจ้ามีตระกูลกับเขาไหม? มีผู้อาวุโสกับเขาบ้างไหม?"ความโกรธในน้ำเสียงเหยียนหยี่หลิงยิ่งเพิ่มขึ้น แต่ในเสียงของจั๋วซือหรานกลับหัวเราะขึ้นมา นางเป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร เวลาศัตรูโกรธ นางก็จะไม่โกรธนี่คือสิ่งที่เรียกว่าการถ่ายทอดพลังงานด้านลบ ไม่อย่างนั้นคงได้ป่วยกันพอดี ใครก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้นนี่?จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม "ข้าเป็นต้นไม้ใหญ่ ทำไมจะต้องมีคนมาให้พึ่งพาด้วย? ข้าบอกแล้ว ข้ากับเจ้าไม่เหมือนกัน เจ้าก็อย่าทำให้ตนเองอับอายขยหน้าดีกว่า อย่ามาทึกทักว่าเป็นเรื่องตัวเอง เจ้าไม่ใช่อยากจะแต่งกับเฟิงเหยียนมาตลอดหรือ ตอนนี้เรื่องก็เสร็จไปครึ่งแล้วนะ จะดีใจก็ดีใจไปคนเดียว จะมาลอยชายต่อหน้าข้าทำไมกัน?"ก็เหมือนกับที่จั๋วซือหรานคิดไว้ ยิ่งคนอื่นโกรธข้าก็จะยิ่งไม่โกรธส่วนความคิดของเหยียนหยี่หลิงเหมือนว่าจะเป็น...คนอื่นยิ่งนิ่ง นางก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 838

    ซือคงเซี่ยนไฟโกรธปะทุในใจ เขายังโกรธด้วยหรือ? เขามีคุณสมบัติอะไรมาโกรธ? เขาทำซือหรานบาดเจ็บขนาดนี้เชียว!ซือคงเซี่ยนโตมาขนาดนี้ยังไม่เคยอิจฉาริษยาใครมาก่อน แต่สำหรับเฟิงเหยียน เขานั้นอิจฉาริษยาจริงๆได้รับใจของหญิงสาวอย่างซือหราน แต่กลับไม่เสียดาย? ทำร้ายนางจนบาดเจ็บขนาดนี้เลยหรือ!ส่วนอีกด้านหนึ่ง เฟิงเหยียนเห็นชายหนุ่มในชุดอ๋องคนนั้น จับแขนจั๋วจิ่วอย่างเสียดายหวงหวน ถามถึงอาการของนางด้วยสายตาอ่อนโยนและกังวลเฟิงเหยียนพูดอะไรไม่ออก แค่รู้สึกว่า...เหมือนในใจถูกกระชากขนออกมากำหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น ไม่ได้เจ็บมาก แต่มันคันจะแย่ มองข้ามไปไม่ได้เลยชั่วขณะหนึ่งยิ่งไปกว่านั้น จั๋วซือหรานยังดึงอ๋องเซี่ยนไปข้างๆ แล้วพูดคุยด้วยอีก...ภาพที่ทั้งสองคนอยู่ข้างๆ ยืนใกล้กันมาก คุยกันด้วยเสียงต่ำเบา เหมือนประทับเข้าไปในดวงตาเขาอย่างไรอย่างนั้นจั๋วซือหรานขี้เกียจจะสนใจเขาทางนั้น เอ่ยกับอ๋องเซี่ยนขึ้นว่า "ท่านอ๋องมาครั้งนี้จะปลอดภัยแน่หรือ? ที่นี่ถึงอย่างไรก็เป็นเขตของซือคงอวี้ ข้านะหนีไปเองก็ได้"ซือคงเซี่ยนยิ้มตาโค้งเอ่ยขึ้น "ข้าจะทำให้เจ้าลำบากใจได้อย่างไรล่ะ ข้าจัดการอะไรเรียบร้อยหมดแล้วถึ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 837

    เหมือนกับว่า...นี่มันเป็นชื่อเรียกเฉพาะอะไรสักอย่างแต่ว่า นี่มันชื่อเรียกเฉพาะอะไรล่ะ?เฟิงเหยียนขมวดคิ้ว ไม่มีอารมณ์ใดเหยียนหยี่หลิงที่อยู่ข้างๆ ก็ตาแดงรื้นเหมือนจะร้องไห้เพราะตกใจกับเสียงที่เข้มงวดของเขาเฟิงเหยียนขมวดคิ้วเหลือบมองนาง เอาจริงๆ สำหรับหญิงสาวอ่อนหวานแบบนี้ก็เป็นเรื่องปกติแต่บอกไม่ถูกว่าเพราะอะไร เห็นแล้วรู้สึกรำคาญหน่อยๆราวกับว่า...หญิงสาวไม่ควรเป็นเช่นนี้ แล้วมันควรเป็นแบบไหนล่ะ? ไม่มีอารมณ์อย่างนั้นรึจากนั้นก็มองไปยังใบหน้าสวยที่อยู่ห่างออกไปทางนั้น กลับเป็นใบหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ ราวกัว่าต่อให้ตอนนี้ฟ้าถล่มลงมาต่อหน้านาง นางก็จะไม่แม้แต่ขมวดคิ้วเพียงแต่ว่า ถ้าหากเหยียนหยี่หลิงร้องไห้ออกมาตอนนี้ คงทำให้งานยิ่งยุ่งยากเข้าไปอีกเขากลัวความยุ่งยาก ก็เลยยื่นมือไปรับถ้วยชาของเหยียนหยี่หลิงมาเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "ขอบใจ"สีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจของเหยียนหยี่หลิงก่อนหน้านี้จึงหายไปจั๋วซือหรานพอเห็นท่าทางรักใคร่ชอบพอของทางนี้ มุมปากก็ยกขึ้นให้เห็นการเย้ยหยันอย่างเย็นชาขึ้นมาตามหลักการแล้ว นางไม่ควรไปคิดเล็กคิดน้อยกับคนโง่คนรักหนุ่มโง่แล้วทำอย่างไรล่ะ? ก็ต้องใ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 836

    อย่างกับจะใช้สายตาจัดการเปลื้องผ้านางออกจนหมดอย่างไรอย่างนั้นในน้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความอยากได้อยากครองอย่างไม่ปิดบัง เอ่ยขึ้นว่า "แม่นางจั๋วจิ่ว ตระกูลเฟิงทำกับท่านแบบนี้ ไม่ได้เห็นใจและสงสารกันเลย! หชื่อเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งสำคัญมาก ทั้งที่ท่านต้องหมั้นหมายกับเฟิงเหยียนชัดๆ ตอนนี้กลับมาเปลี่ยนคนกลางทาง นี่มันไม่เห็นท่านอยู่ในสายตาเลย!"จั๋วซือหรานพอได้ยินก็ไม่ได้พูดอะไร หลักๆ คือขี้เกียจจะไปตอบ จะลองดูว่าคนผู้นี้จะพูดอะไรออกมาอีกคนผู้นี้พอเห็นจั๋วซือหรานไม่พูดอะไร ก็คิดว่าจั๋วซือหรานยอมรับตัวเขาแล้วจึงรีบพูดต่อว่า "ไหนจะเรื่องที่ให้เจ้าต้องมาเจ็บจนเหวอะหวะไปทั้งตัวนี่เอง รังแกกันเกินไปแล้ว นี่คือยารักษาอาการบาดเจ็บ น้ำใจเล็กน้อยของข้าน้อย ข้าน้อยชื่นชมแม่นางจั๋วจิ่วมานานแล้ว แม่นางเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง จะอย่างไรเบื้องหลังก็ควรมีตระกูลมาคอยสนับสนุนถึงจะถูก..."จั๋วซือหรานได้ยินคำนี้ ในที่สุดหัวเราะออกมาอย่างทนไม่ไหว ตาของนางโค้งจนเย็นชาไร้ความอบอุ่น เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า "โอ้ นี่ก็มาทันเวลาจริงๆ ถ้ายังไม่เอายามารักษาล่ะก็ แผลของข้าก็ใกล้สมานกันแล้ว"คนผู้นี้สีหน้าแข็งทื่อ รอบๆ ก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 835

    "เจ้า...!" เฟิงเหยียนรู้สึกว่าตนเองแทบจะบ้าอยู่แล้ว กระทั่งไม่รู้ว่าไฟโกรธนี้มาจากที่ไหนนิ้วของจั๋วซือหรานคลายจากด้ามกระบี่ เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "ชอบกระบี่ข้าขนาดนี้เชียว? ถึงกับเอามือเปล่ามารับคมเลยหรือ? ให้เจ้าแล้วกัน"พูดพลาง จั๋วซือหรานก็หันไปมองผู้อาวุโสตระกูลเฟิงเหล่านั้นนางหัวเราะขึ้นมา "แค่นี้น่ะนะ?"พอสิ้นเสียง ก็เห็นสีหน้าเหมือนกินขี้มาของพวกเขาตามคาดทุกคนล้วนนิ่งเป็นเป่าสาก เพราะสถานการณ์ก่อนหน้านี้มันพลิกไปพลิกมา...จนทำเอาคนต้องถลึงตาอ้าปากค้าง ดูละครยังไม่ถึงใจขนาดนี้เลยจั๋วจิ่วคนนี้ เป็นคนประหลาดเสียจริง!นางกล้ามากจริงๆ!นางกล้าเดิมพัน!พวกบ้าเดิมพันแบบนาง ตระกูลเฟิงทำไมถึงกล้าไปยั่วโมโหนางกัน?ครั้งนี้เป็นไงล่ะ ขายหน้าครั้งใหญ่เลยกระมังคิดจะทำให้จั๋วซือหรานอึดอัดต่อหน้าคน ตอนนี้ใครกันแน่ที่อัดอัด?ผู้อาวุโสตระกูลเฟิงไม่พอใจกับเรื่องนี้มาก เดินไปข้างๆ เฟิงเหยียน กดเสียงต่ำถามขึ้นมา "เหยียนเอ๋อร์! เจ้าเป็นอะไรไป"เฟิงเหยียนก้มหน้าลงใช้ผ้าเช็ดมือเช็ดแผลที่ฝ่ามือของตนเอง สีหน้านิ่งมาก กวาดตามองผู้อาวุโสผาดหนึ่ง เสียงเองก็เรียบสงบ "พวกท่านก่อนหน้านี้ไม่ได้พูด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 834

    แต่กลับไม่ลงมือ กระทั่ง ยังเก็บกระบี่ยาวลงทันควันอีกด้วยเสียงชิ้ง! ดังขึ้น กระบี่เสวียนเหยียนกลับเข้าไปอยู่ในฝักแล้วจั๋วซือหรานมองเขา "ท่านอ๋อง ท่านไม่รู้จักข้าจริงหรือ?""ไม่รู้จัก" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้นเสียงเย็นชา แต่ในใจกลับไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร ไม่รู้จักจริงหรือ? แล้วปัญหามันเกิดจากตรงไหนกัน...จั๋วซือหรานหัวเราะเฮอะขึ้น "มองไม่ออกเลย ว่าท่านอ๋องจะมีเมตตากับคนที่ไม่รู้จักแบบนี้ ไม่ใช่บอกว่าจะสังหารข้าหรือ ลงมือไม่ลงแล้วเหรอ?"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไรจั๋วซือหรานมองเขา มุมปากเลิกขึ้นเป็นรอยโค้งเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม "หรือก็คือ เพราะข้าหน้าตาดี ท่านอ๋องเลยเห็นใจและสงสารขึ้นมาแล้วสินะ?"เฟิงเหยียนได้ยินคำนี้ นิ่งงันไปพักหนึ่ง "เจ้าถือว่าเป็นหญิงสาวที่ต้องเห็ฯใจและสงสารหรือ?"จั๋วซือหรานพอได้ยินก็ยิ้มๆ นางมองเขานิ่งไม่รู้เพราะอะไร เฟิงเหยียนมองออกบางส่วนจากในสองตานี้...ทำให้เขามีสีหน้าตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุกระทั่งว่า ตัวนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงต้องตื่นตระหนกแต่เพียงไม่นาน เขาก็มีคำตอบขึ้นมาเพราะวินาทีต่อมา มือที่ห้อยอยู่ข้างตัวนาง กำกระบี่แล้วชูขึ้นมาทันควันแต่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 833

    ไม่รู้ว่าเพราะอะไร น่าจะเพราะพริบตานี้ จู่ๆ ก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาจั๋วซือหรานไม่หลบอีก จู่ๆ นางก็หยุดเท้ายืนนิ่งมองชายที่โบกกระบี่มาทางตนเอง หางตานางแดงรื้นขึ้นมา เหมือนดูอ่อนแอมาก แต่ริมฝีปากกลับเม้มแน่น มองไม่เหมือนคนที่อ่อนแอเลยแม้แต่น้อยเฟิงเหยียนโบกกระบี่โจมตีมาทางเขา เขากระทั่งคาดการณ์ไว้แล้วล่วงหน้า ว่าหญิงสาวคนนี้จะทำท่ายกกระบี่เพื่อกันไม่รู้เพราะอะไร ถึงแม้เขาจะไม่รู้จักหญิงสาวคนนี้ แต่ระหว่างที่ลงมือกับนาง กลับทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองพูดไม่ถูกว่าเป็นความรู้สึกอะไร และบอกไม่ถูกว่าในใจเป็นอย่างไรหรือว่าจะเพราะ...นางนั้นงดงามมาก ดังนั้นจึงทำให้เขารู้สึกเห็นใจและทะนุถนอมขึ้นมาหรือ?ถึงแม้เขาจะรู้สึกว่าในชีวิตของตนเองนี้ เหมือนไม่เคยเกิดมีคำว่ารู้สึกเห็นใจและทะนุถนอมมาก่อนเลยก็ตามแต่ว่า บาดแผลเหล่านั้นบนตัวนาง...เดิมทีควรจะตัดแขนของนางไปแล้ว แต่ตอนหลังกลับเก็บแรงลงมา จึงทิ้งไว้แค่เพียงแผลถลอกเดิมทีควรจะเป็นการโจมตีที่ทะลวงท้องของนางไป แต่กลับกลายเป็นแผลตื้นๆ แผลหนึ่งที่ข้างเอวนางแทนแน่นอน เฟิงเหยียนคิดว่า น่าจะเพราะนางปฏิกิริยารวดเร็วมาก และเพราะทุกค

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 832

    "เฟิงเหยียนเองก็ไร้น้ำใจเกินไปแล้ว""นั่นสิ ต่อให้ไม่ได้เป็นคนรักกัน แต่แม่นางจั๋วจิ่วก็รักเขามากนะ ถึงกับยอมเป็นศัตรูกับทั้งตระกูลเฟิงเพื่อความปลอดภัยของเขาเลย แต่ดันต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""น่าเวทนาจริงๆ หญิงสาวนี่นะ ต่อให้จะเก่งกาจแค่ไหน แต่ถ้ามาหลงใครหัวปักหัวปำเรื่องความรัก ก็จบแล้ว""คนที่อหังการอย่างจั๋วจิ่ว ก็ยังหนีคำว่ารักนี่ไม่พ้นสินะ"ถึงแม้จะไม่อยากได้ยิน แต่ห้องโถงมันก็ใหญ่แค่นี้คำสำคัญในเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ดังก้องจนได้ยินอย่างชัดเจนจั๋วซือหรานยืนอยู่ตรงนั้น นางยกมือขึ้นกุมแขนซ้ายของตนเอง ของเหลวสีแดงสดไหลออกมาตามร้องนิ้ว จนทำเอาแขนเสื้อชุดแดงเพลิงของนาง ย้อมจนกลายเป็นแดงคล้ำนางมองชายคนนั้น มองสีหน้าไร้อารมณ์กับดวงตาลึกซึ้งที่เหม่อลอยของเขาถึงแม้จะไม่อยากยินยอม แต่ก็จำใจต้องยอมรับความจริงหนึ่ง"เจ้าจำข้าไม่ได้แล้ว" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นเสียงเรียบเสียงของเฟิงเหยียนไม่มีความอบอุ่นแม้เพียงน้อย ฟังแล้วเลื่อนลอยมาก "ข้าไม่รู้จักเจ้าเลย"จั๋วซือหรานคิดถึงภาพตอนที่ตนเองได้พบชายคนนี้ขึ้นมาครั้งแรกทันทีเขาในตอนนั้น ก็เหมือนจะเป็นเช่นนี้ พูดจาเฉยเมย เย็นชา ฟังไม่ออกเล

DMCA.com Protection Status