แชร์

บทที่ 11

ผู้เขียน: หูเทียนเสี่ยว
เมื่อได้ยินคำพูดของชายผู้นี้ ผู้สูงอายุใหญ่ก็ขมวดคิ้ว

รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้สูงอายุสามแข็งทื่อ "เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร จวนของข้าจะขาดแคลนยาของเสี่ยวจิ่วได้เช่นไร ทว่าข้ายังคงขอบคุณสำหรับน้ำใจของท่าน"

จั๋วซือหราน "ขอบพระทัยท่านอ๋องแทนข้าด้วย"

“ขอรับ เมื่อข้าส่งมอบของเรียบร้อยแล้ว ข้าจะกลับไปรายงานเดี๋ยวนี้ ข้าขอลา และข้าขอคุณหนูจิ่วหายดีเร็ว ๆ ขอรับ”

หลังจากผู้ติดตามของตระกูลเฟิงจากไป

ผู้สูงอายุใหญ่กล่าวอย่างเคร่งขรึม "ผู้ใดเข้ากะของคลัง นำตัวมา"

จั๋วซือหรานยิ้มอย่างสงบ นางกล่าวว่า "ผู้อาวุโสใหญ่เจ้าคะ ผู้ที่ดูแลคลังของจวนแค่มองว่าใครมีฐานะสูงกว่ากัน และจะฟังคำสั่งของคนผู้นั้น หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากใครบางคน ก็จะมิกล้าทำเช่นนี้หรอก"

ผู้อาวุโสใหญ่"ข้ารู้ว่าเจ้ามีความคับแค้นอยู่ในใจ เจ้าได้สสั่งสอนเสี่ยวลิ่วแล้ว เจ้าก็ยกโทษให้นางไปเสีย อย่าทำให้คนภายในตระกูลเสียความรู้สึกต่อกันเลย "

จั๋วซือหรานพูดต่อ "หนูเทียบกับพี่ลิ่วมิได้หรอก นางยุยงให้คนนอกทำหนอนพิษกู่ใส่ข้า การกระทำเช่นนี้ ข้ายังไม่เรียกร้องความยุติธรรมเลย"

“ทั้งหมดนี้ไม่มีที่เป็นยหลักฐานอันใด เหตุใดจึงต้องทำร้ายความส้มพันธ์พี่น้องด้วย” ผู้อาวุโสสามตะโกน “เสี่ยวจิ่ว หยุดคิดเล็ดคิดน้อยจนเกินเหตุได้แล้ว”

จั๋วซือหรานยิ้มอย่างเย็นชา "ผู้อาวุโสสาม ข้าถูกลงโทษตามกฎตระกูลเก้าแส้แล้ว หากร่างกายของข้าแย่กว่านี้ กระดูกของข้าอาจถูกตีจนหักก็ได้ ไม่อยากให้ข้าคิดเล็กคิดน้อยจนเกินเหตุหรือ ก็ได้ เช่นนั้นให้จั๋วหรูซินถูกเฆี่ยนเก้าเส้นด้วยเช่นกันสิ"

ผู้อาวุโสสามโกรธ "เจ้า นี่"

ผู้อาวุโสใหญ่รีบอ้าปาก "เอาล่ะ เรื่องนี้ค่อยว่ากันมาทีหลัง"

ผู้อาวุโสใหญ่ยังไม่ได้ซักถามและจัดการกับหลิวเย่ หากต้องตัดสินเรื่องที่จั๋วซือหรานถูกใส่หนอนพิษกู่ ก็ต้องรอหลังจากหลิวเย่จะถูกสอบปากคำแน่นอน

ดังนั้นจั๋วซือหรานไม่เรียกร้องเรื่องนี้อีก

ผู้อาวุโสที่สามถามแบบเหน็บ ๆ "ถ้าเช่นนั้น เรื่องที่เจ้าสามารถดึงกระบี่ของตระกูลเฟิงเหยียนออกมาได้ เป็นเรื่องจริงหรือ เจ้ากับเขาครองคู่กันโดยไม่บอกใครหรือ"

จั๋วซือหรานเหลือบมองผู้อาวุโสสามด้วยรอยยิ้มจาง ๆ นางคว้าประเด็นสำคัญของประโยคแล้วถามกลับ "ใช่น่ะสิ ข้าดึงกระบี่ประจำตระกูลของท่านอ๋องเฟิงออกมาได้ แล้วทำไม จั๋วหรูซินดึงมันออกมาไม่ได้หรือ"

“หึ เจ้าเอาเปรียบผู้อื่นและโอ้อวดให้มันน้อย ๆ หน่อย กระบี่ประจำตระกูลของเฟิงเหยียนมีความลึกลับมากมาย ไม่มีใครสามารถดึงมันออกมาได้ยกเว้นตัวเขาเอง แต่เจ้าดึงมันออกมาได้ ผู้ใดจะไปรู้ว่าเป็นเพราะเจ้าและเขาตกลงครองคู่กันโดยไม่บอกผู้อื่นจึงทำเช่นนั้นได้กันหรือไม่”

ผู้อาวุโสสามยังพูดจาเหน็บแนม เขาสะกิดอย่างชัดว่า นางเป็นสตรีร้อยลิ้นกะลาวนหลงรักคนง่าย เพราะถึงอย่างไร นางเป็นผู้ที่ถอนการหมั้นหมายก่อน และร้องแต่งงานกับฉินตวนหยางตอนนี้กลับไม่แต่งงานกับฉินตวนหยาง และบอกว่า กระบี่ประจำตะกูลของเฟิงเหยียนคือของขวัญแทนใจ

ผู้อาวุโสใหญ่เป็นคนพูดตรง ๆ "เสี่ยวจิ่ว หลังจากข้าตรวจสอบเรื่องที่เจ้าถูกปองร้ายและพบความจริงได้แล้ว ผู้สั่งการเบื้องหลังต้องได้รับบทลงโทษอย่างแน่น แต่ความผิดของเจ้าก็ไม่สามารถลดทอนลงได้แม้แต่น้อย เจ้าต้องไปซ่อมความสัมพันธ์กับตระกูลเฟิง และเจ้าต้องเอาสัญญาหมั้นกับเฟิงเหยียนกลับมาให้ได้ด้วย”

ดวงตาของจั๋วซือหรานกระตุกเล็กน้อย นางลองเอ่ยถาม "หากเสี่ยวจิ่วไร้ความสามารถ ไม่สามารถเอาสัญญาการหมั้นกับท่านอ๋องเฟิงกลับมาได้ล่ะ "

“ตระกูลไม่เลี้ยงผู้ไร้ความสามารถ ต่อไปเจ้าและน้องชายของเจ้าจะไม่ได้รับการการฝึกฝนใด ๆ จากในตระกูล” ผู้อาวุโสมองดูกล่องยาน้ำค้างหยกสามกล่องในมือของนาง “แต่ในเมื่อเฟิงเหยียนถึงนำกระบี่ประจำตระกูลมาเป็นของขวัญแทนใจ และให้เจ้าใช้กระบี่ส่วนตัวของเขา และยังสั่งคนนำยารักษาอาการบาดเจ็บมาให้เจ้า หากเจ้าอยากได้สัญญาการหมั้นกลับ คงไม่ใช่เรื่องยากหรอกนะ เจ้าเห็นด้วยไหม”

เห็นด้วยอะไรล่ะ

นี่เท่ากับจับนางไปย่างบนไฟ ทำได้ยากมาก

แต่ตอนนี้นางอยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสสาม จั๋วซือหรานไม่สามารถแสดงความกลัวได้

นางยิ้ม "เหอะ ๆ ...แน่นอนอยู่แล้ว"

ที่ตลอดผ่านมา ผู้อาวุโสใหญ่เป็นผู้ที่เคร่งขลึมและไม่ค่อยยิ้ม เมื่อเขาได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน ใบหน้าของเขาเริ่มมีรอยยิ้มเล็กน้อย “เช่นนั้นก็ดี อีกสองวันจะมีงานดอกไม้ในวัง เฟิงเหยียนเป็นท่านอ๋องของตระกูลเฟิง ดังนั้นเขาต้องเข้าร่วมพิธีในวันนั้นอย่างแน่นอน เมื่อเวลานั้นมาถึง อาการบาดเจ็บของเจ้าก็คงจะหายดีแล้ว อย่าพลาดงานนี้ล่ะ”

จั๋วซือหราน "เสี่ยวจิ่ว...ข้ารับคำสั่ง"

หลังจากนั้นไปสองวัน จั๋วซือหรานได้รักษาบาดแผลและวิเคราะห์ความสามารถของร่างนี้

ต้องยอมรับว่า เจ้าของร่างเดิมได้รับการยกย่องจากตระกูลจั๋วเช่นนี้ นางมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาเสียจริง ไม่เพียงแต่นางมีคุณสมบัติทางจิตวิญญาณที่เป็นเอกลักษณ์ในสายเลือดตระกูลจั๋วเพียงเท่านั้น อีกทั้งยังมีร่างกายที่แข็งแกร่งมากกว่าปกติอีกด้วย ซึ่งเข้ากันได้อย่างดีกับศิลปะการต่อสู้โบราณที่นางเคยฝึกฝนในชาติที่แล้ว

ภายในเวลาสองวัน อาการบาดเจ็บร้ายแรงที่ได้จากการลงโทษที่ทำตามกฎตระกูลเก้าแส้เกือบหายสนิทแล้ว

ในเช้าตรู่ มีสาวใช้นำเครื่องแต่งกายมา เพื่อแต่งตัวให้นาง

“ผู้อาวุโสใหญ่สั่งข้าน้อยมาแต่งกายให้แก่คุณหนูจิ่วเจ้าค่ะ”

จั๋วซือหรานนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง นางมองไปที่สาวใช้ที่กำลังเตรียมจะแต่งหน้าหนัก ๆให้กับนาง

"เดี๋ยว" จั๋วซือหรานจะดูไม่ออกได้อย่างไรว่า มีคนสั่งสาวใช้ผู้นี้มาก่อเรื่องอัตราย

นางห้ามสาวใช้ทำต่อ"ข้าทำเอง"

สาวใช้หยุดการเคลื่อนไหวทันที นางใจฝ่อเล็กน้อยและพูดโน้มน้าวว่า “คุณหนูจิ่วให้บ่าวทำให้เถิด”

“ให้เจ้าแต่งหน้าเหมือนตัวตลกให้ข้า และให้ข้าไปงานดอกไม้ตลก ๆ เช่นนั้นหรือ จั๋วหรูซินยังจะมีลูกเล่นใหม่ ๆ บ้างไหม” จั๋วซือหรานขมวดคิ้วและสั่ง "ออกไป!"

จั๋วซือหรานแต่งหน้าและแต่งกายด้วยตนเอง

แต่เดิมนางสวยอยู่แล้ว แม้ไม่ได้แต่งหน้า หากแต่งหน้าเพียงเล็กน้อยก็สวยงดงามยิ่งขึ้นไปอีก

เป็นที่น่าดึงดูดความสนใจผู้คนในงาน

“นางกลับมาจริง ๆ...”

“นางกล้ามางานดอกไม้ในวังได้จริง ๆ ! นางโดนลงโทษตามกฎตระกูลมิใช่หรือ ทำไมหายไวเช่นนี้”

จั๋วหรูซินยืนอยู่ข้าง ๆ นางสวมผ้าคลุมเพื่อปิดรอยแผลเป็นบนใบหน้าของนาง เวลานี้นางโกรธอย่างมากจนต้องกัดฟัน

สองวันแล้ว รอยแผลเป็นบนใบหน้าของนางเพิ่งค่อย ๆ จางหาย ทำไมอาการบาดเจ็บของจั๋วซือหรานถึงหายสนิทได้

ผู้ดูแลโน้มน้ามอยู่ข้าง ๆ นางพูดว่า "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูอย่าหุนหันพลันแล่น คุณท่านลิ่วเคยสั่งไว้ ท่านต้องใจเย็น ๆ หลัง ๆ มีโอกาสจัดการนางอยู่เจ้าค่ะ"

จั๋วหรูซินโกรธและกัดฟันแล้วพูดว่า "ข้ารู้แล้ว"

จั๋วซือหรานก้าวไปข้างหน้า นางเผชิญต่อสายตาที่โกรธแค้นของจั๋วหรูซิน และนางนั่งบนรถม้าโดยอารมณ์ดี

งานดอกไม้ในวังจัดขึ้นฤดูกาลละครั้ง และแน่นอนว่า ในช่วงฤดูหนาว ไม่มีดอกไม้ให้ชมหรอก แต่เดิมนั้นราชสำนักเป็นผู้จัดงาน และเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ในหมู่ตระกูลขุนนาง งานนี้ไม่ได้จัดเพื่อชมดอกไม้ แต่ชมหญิงสาวที่มาจากตระกูลขุนนางใหญ่ ๆ

มีการแข่งขันความงามในหมู่สตรีจากตระกูลหลายตระกูล แต่จั๋วซือหรานยังคงได้รับความสนใจอย่างท่วมท้น

เพราะนางสวยและเด่นอย่างมาก

เดิมทีจั๋วซือหรานมีหน้าตาอย่างสวยเทวดา วินาทีที่ดวงตาคู่นั้นล้นความกล้าหาญออกมา ความงดงามนั้นเต็มไปด้วยเอกลัษณ์ส่วนตัว และเต็มไปด้วยความภาพภูิใจ ซึ่งดึงดูดสายตาของผู้คนอย่างมาก แม้ว่านางจะแต่งหน้าเล็กน้อย แต่ก็งดงามมากพอแล้ว

ในชาติที่แล้ว จั๋วซือหรานเป็นสายสืบยอดฝีมือของหน่วยงานนางแข็งขันแกร่งกล้า ทะนงในศักดิ์ศรี

และเจ้าของร่างเดิมไม่ใช่คนอ่อนแอเสียหน่อย นางเกิดมามีอำนาจบารมี ได้รับการยกย่องมาตั้งแต่เด็ก ทุกคนต่างภาคภูมิใจ

เมื่อนางลงจากรถม้า คนรับใช้ของเรือนผู้อื่นจ้องนางอย่างเยาะเย้ย ราวกับว่ากำลังย้ำถามว่า ทำไมนางถึงกล้ามาที่นี่อีก

จั๋วซือหรานเผชิญหน้ากับสายตาที่เยาะเย้ยของเขา รอยยิ้มบนริมฝีปากของนางสดใส แต่คำพูดของนางนั้นเย็นชามาก "เจ้ามองอะไร หากยังมองอีก ข้าจะควักลูกตาของเจ้าออกมา”

สีหน้าของคนรับใช้หยุดนิ่ง เขารีบถอนสายตากลับ

จนงานเลี้ยงกำลังจะเริ่มขึ้น เฟิงเหยียนยังไม่ปรากฎตัว

ทุกคนมองจั๋วซือหรานด้วยความสงสาร

“ท่านอ๋องเฟิงไม่มาเพราะไม่อยากเห็นจั๋วจิ่วแน่ ๆ ”

“นางยังพูดต่อสาธารณะชนอีกว่า นางรักท่านอ๋องเฟิงอย่างสุดซึ้งหัวใจ ช่างน่าอับอายจริง ๆ”
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Pa Mod
ตระกูลแบบนี้จะอยู่ไปเพื่อ.......ให้เขาฆ ่าตุยรึงัย,นางเอก
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 12

    ที่จริงแล้วเฟิงเหยียนไม่มา จั๋วซือหรานกลับรู้สึกสบายใจขึ้นมากนางมีเวลาว่างพอดี นางจะได้วิเคราห์ชะตากรรมเดิมของเจ้าของร่างเดิมที่อยู่ในหัวในชะตาเดิมของเจ้าของร่าง เวลานี้นางได้แต่งงานกับฉินตวนหยางแล้ว ซึ่งตามมารยาท นางไม่ได้มาร่วมงานดอกไม้ในวังแน่นอน รู้เพียงในงานดอกไม้ครั้งนี้ จั๋วหรูซินทดลองยาให้ไทเฮาด้วยตัวเอง เพราะไทเฮานอนติดเตียงเป็นเวลานาน และนางได้รับการยกย่องสรรเสริญเป็นเสียงเอกฉันท์แต่ ณ ตอนนี้ หลังจากงานเลี้ยงเริ่มต้นได้ไม่นาน จั๋วหรูซินก็ลุกขึ้น“ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันทราบมาว่า ไทเฮาทรงประชวรนอนติดเตียงมานานแล้ว ซึ่งทำให้ท่านกังวลเป็นอย่างมาก...”แต่โครงเรื่องต่อไปไม่ได้เป็นไปตามโครงเรื่องเดิมเนื่องจากจั๋วหรูอหรานเปลี่ยนบทสนทนา "น้องสาวจิ่วของหม่อมฉันมีพรสวรรค์อย่างมาก มากเสียจนสามารถรักษาตัวจากแส้หนามของครอบครัวได้ภายในหนึ่งหรือสองวันหลังจากได้รับเฆี่ยนตีเก้าครั้ง ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งและพลังทางจิตวิญญาณ หากนางได้เป็นผู้ทดลองยายาของไทเฮา อาการเจ็บป่วยของไทเฮาจะหายขาดในไม่ช้า”ก่อนเข้าร่วมงานดอกไม้ในวัง บิดาและผู้อาวุโสสามให้นางเสนอจั๋วซือหรานให้เป็นผู้ทดลองยาให้แก่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 13

    ตำหนักหย่งโซ่วเมื่อครึ่งเดือนก่อน ไทเฮาจู่ ๆ ก็ล้มป่วยลงอย่างกะทันหันและตกอยู่ในอาการขั้นร้ายแรงเมื่อฮองเฮาพาคนมาที่ตำหนักหย่งโซ่ว แม่นมยวี่ที่อยู่เคียงข้างไทเฮาก็ระมัดระวังมากขึ้นเมื่อนางรู้ว่า จั๋วซือหรานมาที่นี่เพื่อวินิจฉัยและรักษาไทเฮา ดวงตาของแม่นมยวี่เป็นประกาย แต่ก็หรี่ลงอย่างรวดเร็วฮองเฮาจะใจดีขนาดนี้ได้อย่างไรนางยังเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณหนูจั๋วจิ่วมาก่อน คนเล่ากันว่า คุณหนูจั๋วจิ่วมีความอัจฉริยะ แต่น่าเสียดายที่คุณหนูจั๋วจิ่วเป็นคนของตระกูลจั๋ว มีใครหรือที่มิทราบว่า แท้จริงแล้วตระกูลเหยียนเป็นหมอเทวดาตั้งแต่บรรพบุรุษหรือ ตระกูลจั๋วไม่เคยมีใครรับตำแหน่งเป็นคุณหมออย่างจริงจังเลยเหยียนชาง ผู้เป็นหัวหน้าของห้องหมอหลวงยืนอยู่ข้าง ๆ "จั๋วจิ่ว เจ้าพูดเบาเลยนะ เจ้ามีวิชาหมอด้วยหรือ"เขาเชื่อจั๋วจิ่วไม่มีปัญญารักษาไทเฮาได้ และเนื่องจากเรื่องอื้อฉาวเมื่อไม่นานมานี้ เหยียนชางดูถูกจั๋วซือหรานอย่างมากจั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และพูดว่า "ข้าพอรู้มานิดหน่อย ขอแสดงฝีมืออันน่าอับอายเสียหน่อย"นางยกแขนเสื้อขึ้นแล้วยื่นมือออก มือของนางขาวราวหยก นิ้วของนางอยู่ห่างจากผิวหนังข้อมือของ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 14

    เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งที่ไทเฮาพูด ทุกคนก็อดไม่ได้ที่ต้องมองไปที่ท่านอ๋องเฟิงเฟิงเหยียนมองจั๋วซือหรานอย่างไม่กระตือรือร้นจั๋วซือหรานรู้สึกดวงตาที่เย็นชาและลึกล้ำของชายคนนี้ดูเหมือนสื่อสานได้ ราวกับว่า เขากำลังเยาะเย้ยนางอย่างเงียบ ๆ เหมือนเขากำลังเยาะเย้ยนางตอบแทนความเมตตาด้วยความเกลียดชัง และนางกลับคำพูดของนางทั้ง ๆ ที่เมื่อสองวันก่อน นางยังบอกเขาว่า จะไม่กวนเขาและจะไม่ให้เขารับผิดชอบจั๋วหรูซินกำลังอยากโล่งอก อย่างน้อยนางก็ไม่ต้องคู่กับฉินตวนหยางแต่นางยังไม่ทันโลง่อก และจั๋วซือหรานจะไม่ยอมให้นางสมหวังแน่นอน "ขอบพระทัยที่ไทเฮาเมตตา แต่สิ่งที่หม่อมฉันต้องการไม่ใช่พระราชโองการการสมรสกับท่านอ๋องเฟิงเพคะ"ทันใดนั้นจั๋วหรูซินตกตะลึงจนดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้น และนางก็จ้องมองไปที่จั๋วซือหรานไทเฮาตรัสว่า “หรือ”จั๋วซือหรานยังคงสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของชายคนนั้น สายตานั้นราวกับเป็นประกาย เหมือนมีไฟลุกอยู่แผ่นหลังของนาง แต่เมื่อคิดถึงภัยคุกคามครั้งก่อนของผู้อาวุโสใหญ่ นางทำได้เพียงกัดกระสุนและพูดซ้ำสิ่งที่นางพูดในวันงานเลี้ยงแต่งงาน "หม่อมฉันมีความรักที่หยั่งรากลึกต่อท่านอ๋องเฟิงโดยไม

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 15

    “ไร้... ไร้สาระ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แค่นี้” จั๋วหรูซินพูดตะกุกตะกัก นางแอบเกลียดจั๋วซือหรานที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นคนเฉียบคมขนาดนี้ในความเป็นจริง ตั้งแต่วินาทีที่คุณท่านจั๋วลิ่วเห็นนางดึงกระกระบี่เสวียนเหยียนออกมา จั๋วซือหรานเห็นทัศนคติที่เขามีต่อนาง จั๋วซือหรานก็รู้ว่า มีบางอย่างผิดปกติ ช่วงสองวันที่นางฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ นางหาเวลาสอบถามข้อมูลบางอย่างด้วยพลังทางจิตวิญญาณของตระกูลเฟิง ผู้ที่มีพรสวรรค์มากเท่าใด จะมีฤทธิ์ร้ายแรงมากขึ้นเท่านั้น ฤทธิ์ร้ายแรงนั้นไม่เพียงเป็นภาระต่อผู้อื่นเท่านั้น แต่ยังเป็นภาระตนเองด้วยดังนั้นลูกหลานของตระกูลเฟิงจึงมีอายุได้ไม่นาน และยิ่งมีความสามารถมากเท่าไร พวกเขาก็จะยิ่งมีอายุน้อยลงเท่านั้นหากทุก ๆ ลูกหลานเป็นเช่นนี้ตลอด ตระกูลเฟิงจะถูกกำหนดให้พังพินาศหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลเฟิงพยายามหาวิธีเพื่อแก้ปัญหานี้ได้ตระกูลเหยียนเก่งด้านการแพทย์และการใช้ยา ดังนั้นตระกูลเหยียนจึงกลายเป็นเป็นหมอประจำของตระกูลเฟิงห้องกระบี่ประจำตระกูลออกแบบกระบี่ให้เป็นอาวุธประจำตระกูล และยังใช้เป็นตราประทับและเครื่องที่รองรับพลังด้วยดังนั้นบุตรหลานของตระกูลเ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 16

    “แล้วล่ะขอรับ” เขาพูดเบา ๆจั๋วซือหรานตอบ "ดังนั้นพวกเราควรเลือกสิ่งที่เราต้องการ มาร่วมมือกัน"เฟิงเหยียนเลิกคิ้ว "ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือเช่นไร เจ้ามีอะไรที่ข้าต้องการหรือ"ดวงตาของจั๋วซือหรานสว่างเป็นประกาย นางมองเขาอย่างแน่วแน่ "อะไรที่เหยียนฉีไม่สามารถรักษาเจ้าได้ บางทีข้าอาจจะรักษาได้"เมื่อเฟิงเหยียนได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เขาหรี่ตาลง เดิมทีมือของเขางวางบนกระบี่ประจำตระกูลที่เอวอย่างไม่ได้ตั้งใจที่ ทีนี้นิ้วหัวแม่มือดันด้ามมีดเล็กน้อย ใบมีดอันแหลมคมที่ประกายความหวาดกลัวนั้นปรากฏส่วนอันสั้นจากฝักหระบี่มันยาวเท่ากับนิ้วหัวแม่มือของมนุษย์เท่านั้นเองความอาฆาตจั๋วซือหรานรู้สึกถึงแรงผลักดันที่พุ่งออกมาจากเขาอย่างชัดเจนเขาคู่ควรกับการเป็นอัจฉริยะที่ตระกูลเฟิงไม่เคยพบและไม่เคยเห็นมานานนับศตวรรษแข็งแกร่ง เสียจริงคนขับรถม้าเกือบจะฉี่รด เขาตัวสั่น และถอยไปด้านหลังสองสามก้าว“นี่คือสิ่งที่จั๋วลิ่วบอกเจ้าในเมื่อสักครู่หรือ” เฟิงเหยียนพูดอย่างเย็นชาจั๋วซือหรานพูด "นางไม่ต้องบอกข้า ขาก็เดาออกได้"จากปฏิกิริยาของเฟิงเหยียน จั๋วซือหรานรู้นางเดาถูก นางลดสายตาลงและมองขาอันยาว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 17

    บ้าระห่ำจั๋วซือหรานชอบคนบ้าระห่ำเช่นนี้ นางรู้สึกเจอคนประเภทเดียวและเกิดความรู้สึกการเอ็นดูเฟิงเหยียนเดินจากไปแล้ว และนางคิดชื่อจากคำพูดของเขา “จั๋วเสี่ยวจิ่ว(จิ่วหมายถึง เลข เก้า ในภาษาไทย)หรือ ดีแล้วข้าไม่ได้เปิดเป็นบุตรคนที่สองของตระกูล...ไม่อย่างนั้น ก็จะดูเหมือนคนรับใช้ที่ร้านแล้ว”“จิ่ว...คุณหญิงจิ่วขอรับ” คนขับรถม้าเดินเข้ามาอย่างสั่นเทา “กลับ..กลับตอนนี้หรือขอรับ”"เจ้าค่ะ กลับเถอะ" จั๋วซือหรานเห็นคนขับรถม้าไสั่นเช่นนี้ นางอดไม่ได้ที่ต้องสงสายและถาม"เจ้าหนาวหรือ"คนขับหดคอลงจนเกือบจะร้องไห้ "เมื่อครู่นั้น ท่านอ๋องเฟิงทำเช่นนั้น...ข้า..ข้าน้อยกลัวแทบจะตาย"จั๋วซือหรานนึกถึงเจตนาฆ่าของเฟิงเหยียนที่เขาประกายในเมื่อครู่ คนทั่วไปรับพลังนั้นไม่ไหวเสียจริงนางยกมือขึ้นแล้วโบกมือให้คนขับรถม้า คนขับรถม้ารู้สึกมีสายลมพัดมาบนใบหน้าของเขา และความรู้สึกการกดขี่ที่น่ากลัวก่อนหน้านี้ก็หายไป*ในห้องส่วนตัวจั๋วซือหรานหรี่ตาลงและจ้องมองไปที่แหวนสีแดงเข้มที่เรียบง่ายบนนิ้วชี้ของมือขวาของนาง มันคือแหวนเสวียนเหยียนจริง ๆแต่นางไม่เข้าใจ“ทำไมถึงตามข้ามา” จั๋วซือหรานพึมพำจิตวิญญาณเ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 18

    บรรยากาศอันแสนอบอุ่นแตกสลายทันทีสีหน้าของจั๋วซือหรานแข็งค้าง ใช่แล้ว เจ้าของร่างเดิมและจั๋วหวายต่างก็เป็นลูกของผู้บัญชาการทหาร และพวกเขาไม่สนใจเรื่องเรียนเลยจริง ๆ หากให้พวกเขาเขียนหนังสือเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม( 1 ชั่วยาม=2 ชั่วโมง) พวกเขายอมฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาสามชั่วยามมากกว่า"ไม่เอาก็ต้องเอา" ความอ่อนโยนบนใบหน้าของจั๋วซือหรานในก่อนหน้านี้หายไป “เจ้าคิดว่าข้าชิงโอกาสเข้าเรียนในวังได้ ง่ายมากเลยหรือ คนอื่นอยากไปเรียนแต่ไปไม่ได้ แต่เจ้าต้องไป ไม่เช่นนั้น ฮึม ๆ ”จั๋วซือหรานกำหมัดของนาง ข้อต่อนิ้วของนางมีเสียง กร๊อบ ตั้งขึ้นจั๋วหวายเป็นผู้ที่หากไม่ใช้ความรุนแรงกับเขา เขาจะไม่ร่วมมือ เวลานี้ เขาถูกพี่สาวสั่งสนอย่างเชื่อง เขาจึงทำได้เพียงขมวดคิ้วตอบตกลงไป“ข้าจะไปบอกท่านแม่เรื่องนี้ หากพวกเราสองคนได้ไปเรียนที่วังได้ ท่านแม่ต้องดีใจแน่นอน”อวิ๋นเหนียงดีใจมากจริง ๆ แม้ว่าตระกูลทางบ้านนางจะไม่มีชื่อเสียงมากนัก แต่ก็เป็นตระกูลที่สืบทอดความรู้และวัฒนธรรมประเภณีอันดีงามจากบรรพบุรุษสู่ลูกหลานทว่านางแต่งงานกับผู้รู้ศิลปะการต่อสู้ และนางให้กำเนิดลูกชายและลูกสาวที่ไม่ชอบเรียนหนังสือ โดยเ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 19

    องค์ชายเจ็ดของปัจจุบัน ซือคงเซี่ยน เป็นถึงท่านชินอ๋องที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดท่านแม่เป็นนางสนมผู้สูงศักดิ์ เขามีฐานะสูงส่งตั้งแต่เกิด เขาคงไม่เคยคิดหรอกว่รา สักวันหนึ่ง เขาจะถูกห้ามไว้หน้าประตูเรือนซือคงเซี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้น เคาะประตูของสวนจี๋หย่าย่วนเบา ๆหลังจากนั้นไม่นาน มีคนเปิดประตูออก และมีหัวของผู้คนยื่นออกจากด้านใน คนนั้นถามด้วยความสงสัย “ท่านเป็นใคร ท่านต้องมาพบใครเจ้าคะ”“ไม่ทราบว่าคุณหนูจั๋วจิ่วอยู่หรือเปล่า” ซือคงเซี่ยนถามอย่างอ่อนโยนฝูซูเป็นคนโง่เขลา นางก็ลืมถามถึงตัวตนของอีกฝ่าย เมื่อได้ยินว่าตามหาคุณหนูง นางรีบโบกมือแล้วพูดว่า “คุณหนูป่วย ไม่พบใครเจ้าค่ะ”ซือคงเซี่ยนยังไม่ทันพูดอะไรอีก ประตูลานก็ถูกปิดลงซือคงเซี่ยนตกตะลึง ยืนอยู่ที่นั่นและขำในสวนจี๋หย่าย่วน ฝูซังเดินออกจากห้องครัวแล้วถามฝูซูว่า "นั่นใคร"“ไม่รู้สิ คนนั้นหาคุณหนู”ฝูซังขมวดคิ้ว "อย่างน้อย เจ้าควรถามหน่อยว่า เขาเป็นใคร"นางรีบไปเปิดประตูลาน และเห็นคุณชายที่สง่างามบังคงยืนอยู่ข้างนอก "ท่านเป็นใครเจ้าคะ มาหาคุณหนูมีธุระอันใดหรือเจ้าคะ"“ข้าแซ่ซือคง ซือคงเซี่ยน

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1130

    ดังนั้นจึงไม่กล้าอวดดีแล้วจั๋วซือหรานนำคนสำนักเมฆาวารีไปที่โรงเตี๊ยมหกคนนั้นของสำนักเมฆาวารีแบกผู้ดูแลชุยเหมือนคนดำแบกโลงศพอย่างไรอย่างนั้น...ตอนที่ออกจากโรงเตี๊ยมไปที่ตระกูลเหอ ก็ดึงดูดความสนใจไปไม่น้อยแล้ว ตอนนี้จากจวนตระกูลเหอยังแบกคนที่เจ็บจนน่าเวทนากลับมาอีกคน จึงทำให้คนที่เห็นยิ่งรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเข้าไปอีกยิ่งไปกว่านั้นยังมองออกอย่างรวดเร็วอีกว่าคนคนนั้น แม้บนตัวจะเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง แต่ก็มองออกไม่ยาก ว่าเป็นคนของสำนักเมฆาวารีเช่นกัน ยิ่งไปกว่นั้น เนื่องจากสื้อผ้าที่เหลืออยู่บางส่วนบนตัว พอมองก็รู้ว่าแตกต่างกับศิษย์ทั่วไปของสำนักเมฆาวารีดังนั้นจึงคาดเดาได้ไม่ยาก น่าจะเป็นคนที่มีฐานะหน่ยอในสำนักเมฆาวารียังกลายมาเป็นสภาพนี้...ถ้าบอกว่าแต่ก่อนสำนักเมฆาวารีมีชื่อเสียงมากในเมืองหยาง วันนี้ก็น่าจะถึงจุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์แล้วจั๋วซือหรานไม่ได้สนใจสายตาคนรอบข้าง นางเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรเพียงแต่ว่า ระหว่างทางที่กลับมานี้ ผู้ดูแลชุยก็ร้องอย่างน่าเวทนา ฟังแล้วทำเอารำคาญขึ้นมาเลยพอมาถึงโรงเตี๊ยม ผู้จัดการโรงเตี๊ยมคางแทบจะห้อยลงมาแล้วพวกสำนักเมฆาวารีวางผู้ดูแลชุย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1129

    เพียงแต่ว่า เหอจื้อหย่วนทางนี้ นางคงไม่ได้คำตอบอะไรแล้วบนนิ้วจั๋วซือหรานยังคงหมุนตะปูวิญญาณเล่นเหมือนควงปากกา ลุกขึ้นยืน เดินพิจารณาตัวเหอจื้อหย่วนสำนักเมฆาวารีทั้งหกคน แล้วก็ฐนตัวผู้ดูแลชุยไปรอบหนึ่งสภาพผู้ดูแลชุยตอนนี้ดูสับสนมาก แต่สำนักเมฆาวารีทั้งหกคนและเหอจื้อหย่วน พอเห็นท่าทางเดินเล่นเหมือนอยู่ในสวนของจั๋วซือหรานแล้วก็ผวาขึ้นมาจะแย่กลัวว่าจั๋วซือหรานจะพลั้งมือเอาตะปูวิญญาณในมือจิ้มเข้ามาที่หลังคอพวกเขา อย่างนั้นได้บรรลัยกันพอดีถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็ พวกเขาอาจจะไม่มีความรู้สึกเช่นนี้แต่ว่า หญิงสาวตรงหน้าคนนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกมองไม่ออกเลย! ไม่รู้ว่าในใจนางกำลังคิดอะไรดังนั้น จึงไม่กล้าเดิมพันกับหญิงสาวคนนี้ว่าจะปราณีพวกเขาหรือเปล่ารู้สึกแค่ว่านางเหมือนจะบ้าขึ้นมาได้ทุกขณะพวกเขาจ้องมองจั๋วซือหรานอย่างเคร่งเครียด เหงื่อไหลหยดลงมาจากหน้าผากจั๋วซือหรานแค่ร้องเชอะเย็นชาขึ้นมา เอ่ยว่า "ช่างเถอะ"นางใช้ตะปูวิญญาณชี้ไปที่พวกสำนักเมฆาวารี "พวกเจ้าแบกหัวหน้าพวกเจ้า แล้วไปกับข้า"พวกสำนักเมฆาวารีตกตะลึง นิ่งงันกันไปพักหนึ่งจั๋วซือหรานยิ้มตาโค้ง มองพวกเขาอย่างเย็นชา "พวกเจ้า

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1128

    ผู้เฒ่าเหอกับหกคนนั้นของสำนักเมฆาวารี พริบตานี้ ก้เหมือนสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันตรายที่ทำให้คนรู้สึกไม่ค่อยดี...จากบนตัวนาง"เจ้า..." คนสำนักเมฆาวารีคนหนึ่งเอ่ยขึ้น "คิดจะทำอะไร?"สายตาจั๋วซือหรานเหลือบผ่านพวกเขากับผู้เฒ่าเหอ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นขรึมๆ ว่า "ข้ามาที่นี่ ไม่ใช่แค่มาดูผู้ดูแลชุยของพวกเจ้าเท่านั้น"ผู้เฒ่าเหอบางทีอาจจะยังไม่เข้าใจความหมายคำพูดของจั๋วซือหรานแต่คนสำนักเมฆาวารี ปัญญาเกิดขึ้นในพริบตา เข้าใจได้ทันทีนางมาเพื่อหุ่นเชิดความมืดขอผู้ดูแลชุย!เมื่อครุ่นางใช้ปลายฝักกริชพลิกไปมาบนตัวผู้ดูแลชุย แน่นอนว่าไม่ใช่ตรวจสอบบาดแผลบนตัวผู้ดูแลชุยแต่เพื่อค้นหาตลับหุ่นเชิดของเขาแต่ก็หาไม่เจอตอนที่ตระหนักได้ถึงสิ่งนี้ สีหน้าคนสำนักเมฆาวารีก็เปลี่ยนไป"แล้วเจ้า....เจ้าตอนนี้คิดจะทำอะไร...."จั๋วซือหรานพิจารณาตัวพวกเขา จากนั้นในมือก็ปรากฏตะปูวิญญาณสีดำเล่มหนึ่งออกมา นำออกมาหมุนเล่นบนนิ้ว"ในเมื่อไม่มีสินสงคราม ข้าก็กำลังคิดว่า หลอมพวกเจ้ามาเป็นหุ่นเชิดความมืดเปลี่ยนเป็นสินสงครามไปเลยดีไหม" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นเสียงเรียบมุมปากของนางมีรอยยิ้ม กระทั่งพวกเขาก็ยังไม่แน่ใจไป

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1127

    พอเห็นภาพตรงหน้า จั๋วซือหรานไม่ได้รู้สึกอะไร...ผู้ดูแลชุยออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้นางแล้ว จัดการสั่งสอนคนตระกูลเหอให้เช่นนั้นก็มีแค่ความเป็นไปได้เดียว"มีคนชิงตัดหน้าไปก่อนแล้วหรือ?" จั๋วซือหรานงึมงำจากนั้นจังหวะก้าวเท้าที่ไม่เร่งไม่ร้อนแต่เดิม ตอนนี้กลับเพิ่มความเร็วขึ้นมา! เดินตรงไปด้านใน!จั๋วซือหรานยังเดินไม่ทันถึงประตูห้อง ก็ได้ยินในห้องมีเสียงครวญครางลอดออกมาพอเดินเข้าไป ก็เห็นสภาพในห้อง แทบไม่ได้แตกต่างกับสภาพคนที่นอนบ้อท่าอยู่ในลานบ้านพวกนั้นเลยเก้าอี้ที่นั่งหลักกลายเป็นเศษชิ้นไม้ผู้เฒ่าเหอนั่งหมดสภาพอยู่บนเศษไม้บนพื้น ขยับตัวไม่ได้ ร้องไอ๊โยวไอ๊โยวครวญครางและรอบๆ ยังมีคนรับใช้ตระกูลเหออีกบางส่วน ล้วนนอนกระจัดกระจายกันอยู่บนพื้น ดูแล้วไม่เหลือสภาพกันเลยมีแค่ร่างหนึ่งที่อยู่ตรงกลาง ที่ยังดูเด่นหน่อย เพราะดูจากสภาพแล้วเหมือนจะหนักหนากว่าคนอื่นพอควรจั๋วซือหรานพิจารณา คนผู้นี้น่าจะเป็นผู้ดูแลชุยจากสำนักเมฆาวารีสาเหตุที่ใช้คำว่าพิจารณา ก็เพราะบนตัวคนผู้นี้เสื้อผ้าคนผู้นี้ที่พอจะ่บอกตัวตนได้แทบจะไม่เหลืออยู่แล้วบาดแผลบนตัวดูแล้ว...เหมือนถูกไฟร้อนแรงลวกเข้าอย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1126

    หลังจากจั๋วซือหรานได้ยิน ก็ยิ้มออกมา เพียงแต่ว่า พวกเขาไม่มีใครเห็นความรู้สึกยิ้มจากสีหน้ายิ้มของนางเลยยิ่งไปกว่านั้น ในคำพูดถัดจากนี้ของนาง ก็ยิ่งไม่มีคามอบอุ่นเหลืออยู่อีก"ข้าแค่จะทำให้สำนักพวกเจ้าขายหน้าแค่นั้นที่ไหน" จั๋วซือหรานเหลือบมองพวกเขาเย็นชาผาดหนึ่ง เอ่ยต่อว่า "สิ่งที่ข้าต้องการ คือสำนักของพวกเจ้า...ตายไปให้หมด!"แม้นางจะไม่พูดอะไรมาตลอด ต่อให้คนรับใช้ของนางเอง ก็รู้แค่เป้าหมายการเดินทางครั้งนี้ของนาง แต่กลับไม่รู้ความรู้สึกส่วนลึกในใจนางเลยเพราะนางไม่เคยพูดอะไรออกมา และไม่เคยเผยอะไรออกมาด้วยแต่ในความเป็นจริง หลังจากที่รู้ว่าเจ้าสำนักเมฆาวารี เพื่อจะช่วยเหลือลูกของตนเอง จนต้องใช้น้องสาวของนางมาเป็นผู้ทดลองยาในใจจั๋วซือหรานก็อดกลั้นเอาไว้มาตลอดความโกรธนี้ แผดเผาอยู่ในใจนางมาตลอด ทำให้ในใจนางอันที่จริงโกรธแค้นไม่หยุดมาตลอดนางคิดถึงน้องชายนับครั้งไม่ถ้วน คิดถึงเด็กน้อยจั๋วหวายเด็กคนนี้ ในเส้นโชคชะตาของเจ้าของร่างเดิม เป็นเด็กน้อยที่ตายไปอย่างน่าเวทนานางรับชีวิตของเจ้าของร่างเดิมมา มีความปรารถนาอยู่หนึ่งเรื่อง ก็คือทำให้ท่านแม่ น้องชายที่เจ้าของร่างเดิมรักใน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1125

    เหลียนเจินได้ยินจั๋วซือหรานพูดเช่นนี้ ก็เข้าใจความหมายลึกๆ ในคำพูดของนายท่านเป็นอย่างดีน่าจะเพราะ เขาเคยถูกจั๋วซือหรานแย่งตลับหุ่นเชิดไปนั่นล่ะดังนั้นเหลียนเจินจึงมีปฏิกิริยากับเรื่องพวกนี้ค่อนข้างเร็ว!"แม่นางจะบอกว่า..." เหลียนเจินก้มลงมองจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานยิ้มตาโค้ง "ใช่แล้ว เอาล่ะ พวกเจ้าก็พักฟื้นกันต่อไปนะ"นางยื่นมือไปตบเบาๆ ที่บ่าอันแข็งแรงของเหลียนเจิน "ข้าไปแปปเดียว"เหลียนเจินเดาได้ถึงเป้าหมายครั้งนี้ของนาง อดกังวลขึ้นมาไม่ได้ตามหลักการ เหลียนเจินเดิมทีคิดว่าตนเองควรจะกังวลความปลอดภัยของแม่นางถึงอย่างไร การจะไปแย่งของจากผู้ดูแลสำนักเมฆาวารี จะมองอย่างไรก็น่าจะเป็นเรื่องที่อันตรายแต่ว่าพอถึงเวลา เหลียนเจินกลับรู้สึกที่ตนเองกังวลไม่ใช่ความปลอดภัยของแม่นางแต่เป็น..."แม่นาง เจ้าสิ่งเย็นเยือกนั่น สัมผัสมากไปจะไม่ดีกับร่างกาย" เหลียนเจินเอ่ยเตือนขึ้นจั๋วซือหรานได้ยินคำนี้ก็เลิกคิ้ว ในดวงตาและคิ้วก็มีรอยยิ้มที่เบิกบาน "ไม่เป็นไร หาวิธีจัดการได้แล้ว"มีวิธีจัดการด้วยหรือ?เหลียนเจินงงงัน แต่ก็สังเกตได้ว่า สีหน้าของนายท่านดูดีขึ้นมากแล้ว กระทั่งมองไม่ออกว่าเ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1124

    จั๋วซือหรานพอได้ยินคำนี้ ก็ลูบคางเบาๆ"พูดแบบนี้ ทำเอาข้าสนใจฝีมือของผู้ดูแลชุยขึ้นมาเลย" จั๋วซือหรานเพ่งมองไปทางพวกเขา "เพียงแต่ว่า ผู้ดูแลชุยตอนนี้อยู่ไหนล่ะ?"จั๋วซือหรานพูดไปด้วยพลางเดินเข้าใกล้พวกเขาแต่พอเห็นว่าพวกเขายังคงปากแข็ง จั๋วซือหรานก็ยิ้มตาโค้ง "แนะนำกับพวกเจ้าหน่อย ใยหุ่นเชิดแบบใหม่ของข้า..."หลังจากนั้นนิ้วนางก็กระดิกเบาๆคนสำนักเมฆาวารีคนหนึ่งร้องเจ็บปวดขึ้นมาจากนั้นคนสำนักเมฆาวารีคนอื่นตอนที่มองจั๋วซือหราน สายตาก็ดูผิดปกติไปแล้ว"ใช้ดีดีมากในการทรมานไต่สวน" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น "พวกเจ้าถ้าหากไม่ยอมพูดล่ะก็ จะลองทีละคนก็ได้ ข้าจะเล่นไปช้าๆ"คนจากสำนักเมฆาวารีเหล่านี้ ก็เป็นอย่างที่จั๋วซือหรานคาดเอาไว้ ไม่ได้มีพวกกล้าเลยแม้แต่คนเดียวคิดแล้วก็ใช่ คนในสำนักเหล่านี้ ส่วนใหญ่ล้วนมาจากพวกตระกูลที่มีฐานะดีหน่อยกันทั้งนัน มีแววดีตั้งแต่เด็ก ถูกเลี้ยงดูฟูมฟักมาอย่างดีคิดว่าคงไม่เคยเจอของแข็งกันมาก่อน ดังนั้นจะไปเก่งกล้าได้ที่ไหนกันไม่ถึงหนึ่งเค่อ ก็ได้คำอธิบายออกมาผู้ดูแลชุยคนนั้น ชื่อเต็มว่าชุยหงฮุย เป็นหนึ่งในผู้ดูแลสำนักเมฆาวารี ฝีมือการต่อสู้ไม่เลว ค่อนข้าง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1123

    "อะไรนะ?" คนสำนักเมฆาวารี ไม่เข้าใจคำพูดของนางแต่ก็มีคนที่กลับฟังออก สีหน้าเคร่งขรึม "นางรู้ว่าพวกเรามากันเจ็ดคน"เหลียนเจินบอกกับจั๋วซือหรานต่อ "ผู้ดูแลสำนักเมฆาวารี เครื่องแบบแตกต่างกับคนทั่วไปอยู่ ผ้าคาดเอวและขอบเสื้อจะประดับด้วยลายน้ำเมฆสีม่วง ดังนั้น..."จั๋วซือหรานตอบคำเขา "ยังไม่มาสินะ"กลุ่มตรงหน้านี้ ทั้งหกคน บนเครื่องแบบดุแล้วไม่มีอะไรแตกต่างกันบนพื้นฐานสามารถพิจารณาได้ ว่าคนพวกนี้เป็นศิษย์ทั่วไปเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น จั๋วซือหรานยังพิจารณาได้อีก ว่าในกลุ่มพวกเขาน่าจะไม่ได้ทำอะไรอย่างเช่นผู้ดูแลจงใจเปลี่ยนมาสวมชุดของศิษย์ทั่วไปมาแฝงอยู่ในกลุ่มเพื่อให้ศัตรูตายใจ เพื่อจะเล่นงานศัตรูได้อย่างไม่ทันตั้งตัว...สาเหตุที่จั๋วซือหรานมั่นใจเช่นนี้ ก็เพราะคนในสำนักเหล่านี้ ไม่ต้องคิดเลย ในใจล้วนเย่อหยิ่งกันหมดความเย่อหยิ่งนั้น บางครั้งก็ก็เป็ฯความจองหองแบบหนึ่งและความจองหองก็จะมองข้ามศัตรู ไหนจะเรื่องที่ชุดบ่งบอกถึงตัวตนฐานะอีก ตัวตนฐานะมันวางลงได้ง่ายๆ เสียที่ไหนไม่แน่ว่าคนที่มีจะเป็นพวกที่ว่า พอได้เลื่อนขั้นทั้งที ไปที่ไหนทีก็แทบอยากจะประกาศให้ใต้หล้ารู้ว่าตนเองได้เลื่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1122

    "อะไรนะ?!" คนสำนักเมฆาวารีคิดไม่ถึงว่าจะเป็นสิ่งนี้แต่หลังจากที่ยอมรับเรื่องนี้ก็รู้สึกว่า สถานการณ์ที่นิ้วมือที่กำลังทำปางมือถูกดึงจนเปลี่ยนรูป ก็เหมือนถูกสายเชิดหุ่นดึงเอาไว้จริงๆคนสำนักเมฆาวารีคนหนึ่งสาดอะไรบางอย่างไปที่ระหว่างคนคนนั้นกับจั๋วซือหราน เหมือนเป็นผงฝุ่นสีแดงๆสรุปคือ จากการสาดนี้ ไหมกู่ที่พรางตัวอยู่ตอนแรกค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาแล้วตอนที่ยังไม่ปรากฏตัว พวกเขายังรู้สึกว่าประหลาดอยู่ รู้สึกตกตะลึง แต่ก็ไม่ได้หวาดกลัวแต่ตอนนี้พอสาดผงแดงออก พอไหมกู่ที่พรางร่างปรากฏรูปร่างแท้จริงออกมาอารมณ์หวาดกลัวอย่างหนึ่ง ค่อยๆเกิดขึ้นมาในความคิดพวกเขาไม่ต้องมองที่อื่น แค่คนตรงหน้านี้ ก็ตกตะลึงกันแค่ไหนเพราะตอนนี้ ไม่ใช่คนคนนั้นที่ถูกจั๋วซือหรานตัดท่าวิชาไปแต่ว่าจั๋วซือหราน ทำเช่นนี้กับคนทั้งหมดระหว่างตัวพวกเขา เต็มไปด้วยใยหุ่นเชิดเต็มไปหมด โดยมีนางเป็นต้นตอ เชื่อมกับปลายทางที่ตัวพวกเขาใยหุ่นเชิดเหล่านั้นออกมาจากในแขนเสื้อนาง มากมายเต็มไปหมดและนางตอนนี้ แค่กระดิกนิ้วสองนิ้วเท่านั้น ใช้สองเส้นนั้นดึงนิ้วคนคนนี้เอาไว้ ก็ทำลายวิชาของเขาลงได้แล้วนางอยู่ในชุดแดง นั่งเงียบๆ อ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status