Share

บทที่ 2

Author: หูเทียนเสี่ยว
ฉินตวนหยางงและจวงเหยาเหยาถูกมัดอย่างแน่น

จั๋วซือหรานก้าวขาเดินออกจากห้องด้วยความมั่นใจ

นางสวมชุดแต่งงานสีแดงอันสดใสและงดงาม เสมือนนางกำลังสวมชุดสู้รบ นางดูทรงมีพลังและองอาจ

หลังจากที่คุณหนูและคนใช้ทั้งสามเดินออกจากห้องไป บนหลังคามีเสียงหัวเราะดังขึ้น

แผ่นกระเบื้องที่มุมหลังคาที่มิอาจได้รู้ว่า ถูกเปิดออกมาเมื่อใดเวลานี้กำลังถูกค่อย ๆ เคลื่อนกลับไปอยู่ที่เดิม

ร่างของสองคนค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนหลังคา

ชายหนุ่มทางด้านซ้ายแต่งกายด้วยชุดสีดำ เขามีใบหน้าเรียวงาม

ส่วนชายหนุ่มทางด้านขวา เขายิ้มและมองเฟิงเหยียนที่อันหล่อเหลา บัดนี้เฟิงเหยียนกำลังเมินเฉย

ชายหนุ่มทางด้านขวาหัวเราะและพูด"เดิมทีข้าแค่อยากรู้ว่าจั๋วซือหรานที่ถอนหมั้นกับเจ้าจะงามเช่นใด ไม่คิดเลยว่า ภรรยาในอนาคตของเจ้าจะน่าสนใจขเช่นนี้หรอกนะ"

ใบหน้าของเฟิงเหยียนนิ่งเฉย “เหยียนฉี เจ้าลากข้ามาที่นี่เพื่อปีนหลังคาของบ้านคนอื่นหรือ”

แววตาของเฟิงเหยียนเย็นชา บุคคลิกของเขาประกายอารมณ์ที่ปฏิเสธผู้อื่นเข้าใกล้ชิดอย่างหนักแน่น "อีกอย่าง นางไม่ใช่คู่หมั้นของข้า"

“เชอะ อย่าเย็นชาขนาดนี้สิ” ดวงตากลมโตของเหยียนฉีหรี่ลง “จั๋วจิ่วเพิ่งพูดไปเมื่อครู่นี้มิใช่หรือ นางบอกว่าจะขอเจ้า…อีกครั้ง”

เหยียนฉีอดขันมิได้ จึงหัวเราะเบา ๆ "...แค้ก ๆ ขอเจ้ารักนางอีกครั้ง...?"

ก่อนนห้านี้ชายสองคนนี้ได้เห็นเรื่องที่น่าขันด้วยดวงตาของตัวเองแล้ว

สิ่งที่จั๋วซือหรานได้พูดออกมานั้น แน่นอนว่าต่างก็ได้ยินอย่างชัดถ้อยชัดคำ

ในที่สุดสีหน้าของเฟิงเหยียนมีการเปลี่ยนแปลงเสียที เขาขมวดคิ้วแบะพูด "ไร้ยางอาย"

เหยียนฉียิ้มและกล่าวว่า "นี่ ข้าจะไปดูที่ลานหน้าเรือน เจ้าไปด้วยไหม"

*

ลานกว้างหน้าเรือนประดับประดาด้วยผ้าและโคมไฟระย้า เมื่อคนเดินเข้ามา เห็นได้ชัดว่าทั่วทั้งจวนกำลังจัดงานมงคล

เมื่อใกล้ถึงฤกษ์อันเป็นมงคลแล้ว แขกต่างพากันกระซิบกระซาบกัน

“ข้าได้ยินมาว่า เพื่อแต่งงานกับนักปราชญ์ คุณหนูจั๋วจิ่วถอนการหมั้นกับลูกชายคนโตของตระกูลเฟิง”

“บัณฑิตอะไรกันล่ะ เขาก็เป็นเพียงแค่คนไร้ความสามารถผู้หนึ่ง เป็นผู้ที่ไร้พลังวิเศษหรือพรสวรรค์ในการฝึกฝนวิชา ”

“นางบ้าไปแล้วหรือ เพื่อผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องเช่นนี้นะ มันเท่ากับทำให้ตระกูลเฟิงเสียหน้าชัด ๆ เลยนะ”

“ข้าไม่รู้ว่านางบ้าหรือเปล่า แต่ข้าได้ยินมาว่า ผู้อาวุโสของตระกูลจั๋วกำลังจะบ้าไปแล้ว”

“ถือว่าตระกูลจั๋วไว้หน้าให้แล้ว อย่างน้อยตระกูลจั๋วให้สินสอดมากพอแล้ว บางทีพวกเขาอาจกลัวตระกูลเสียหน้า เลยไม่อยากให้นางแต่งงานแบบซอมซ่อเหลือเกิน”

“ข้าแค่อยากรู้ว่า จั๋วจิ่วยอมทิ้งท่านอ๋องของตระกูลเฟิง แล้วไปชอบชายคนอื่น แล้วชายผู้นี้เป็นคนเช่นใดกันแน่”

“เชอะ เมื่อเปรียบเทียบกับท่านอ๋องเฟิงเหยียนแล้ว ทุกคนต่างก็ล้วนกลายเป็นผู้ไร้ความสามารถมิใช่หรือ…”

“นั่นน่ะสิ ข้าไม่สนใจพวกเจ้าจะมาที่นี่เพื่อร่วมความสนุกสนานหรือมาเพื่อดูเรื่องที่น่าขัน อย่างไรก็ตามข้ามาที่นี่เพื่อดูเรื่องตลก”

แขกที่ลานหน้าเรือนต่างพากันรอดูเรื่องตลกด้วยกัน บรรยายกาศกลับดูคึกคักอย่างมาก

ในขณะเดียวกัน เสียงครวญครางและเสียงตะโกนสาปแช่งก็ดังขึ้นมาจากที่ไกล ๆ

“ฮือ ๆ …ฮือ ๆ...พี่จั๋วเจ้าคะ ข้ารู้ข้าทำผิดไปแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย เด็กในท้องของข้าไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยเจ้าคะ”

"จั๋วจิ่ว จั๋วซือหราน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้เลย เจ้าบ้าไปแล้วหรือ เจ้าทำให้ตระกูลเฟิงต้องขุ่นเคืองเพราะข้า แม้ว่าเจ้าจะไม่แต่งงานกับข้า เจ้าก็เสียชื่อเสียงแล้ว เจ้าคิดว่ายังจะมีใครอยากแต่งงานกับเจ้าอยู่หรือ!"

อ๊ะ ทีนี่น่าตื่นเต้นเสียที

ประเดี๋ยวนี้ มีหญิงสาวผู้หนึ่งสวมชุดแต่งงานโดยไม่ประดับด้วยมงกุฎหงส์ หญิงสาวผู้นี้กำลังเผชิญกับสายตาของทุกคนและกำลังเดินไปยังเทียนคู่มังกรและหงส์ที่จุดไฟอยู่

ต่อมา ฉินตวนหยางและจวงเหยาเหยาก็ถูกลากเข้ามา

จั๋วซือหรานหันตัวและนั่งลงที่ที่นั่งที่อยู่ข้างธูปในห้องใหญ่ เวลานี้ ฉินตวนหยางถูกกดลงและคุกเข่าต่อหน้านาง

ฉินตวนหยางโกรธอย่างมากจนต้องกัดฟันแล้วพูดว่า "นั่นคือที่นั่งสำหรับท่านพ่อและท่านแม่ของข้า"

จั๋วซือหรานจ้องมองเขาเพียงแวบเดียว นางไม่สนใจคำพูดของชายผู้นี้และพูดกับทุกคนว่า

“ฉินตวนหยางและจวงเหยาเหยาแอบชู้กัน และพวกเขาสองคนกำลังมีลูกกัน วันนี้ฉินตวนหยางยังอยากแต่งภรรยาหลวงและภรรยาน้อยภายเข้าเรือนในวันเดียวกัน มันไร้สาระอย่างยิ่ง ข้าโปรดทุกคนเป็นพยานในวันนี้ด้วยว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้ากับฉินต้วนหยางจะตัดขาดเยื่อใยสิ้น”

“ของขวัญทั้งหมดที่พวกเจ้ามอบมา ข้าจะให้คนตรวจสอบตามรายชื่อและจะให้คนส่งคืนที่จวนของทุกท่าน จั๋วจิ่วรู้สึกละอายใจที่ปล่อยให้แขกทุกท่านมาเข้าร่วมงานเสียเที่ยว”

แขกต่างมองหน้ากันด้วยความตื่นตระหนกตดใจ พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า คนไร้ความสามารถอย่างฉินตวนหยางจะกล้าหาญเช่นนี้

เขาล้อหัวใจของจั๋วจิ่ว ซึ่งเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์และได้รับความเมตตาอย่างสูงส่งจากตระกูลจั๋ว เขายังกล้าแต่งภรรยาหลวงและภรรยาน้อยเข้าเรือนในวันเดียวกัน

“ท่าทางของนางคือ... จะไม่ไหว้ฟ้าดินแล้วหรือ” แขกในงานกระซิบกัน

“ผู้ใดบอกว่าจะไม่ไหว้ฟ้าดินแล้ว”

หลิ่วเย่พยุงหญิงชราเดินเข้ามาจากประตู ถัดจากหญิงชราคือชายชรา ผู้ซึ่งเป็นบิดาและมารดาของฉินตวนหยาง

แม้ว่าทั้งสองคนจะแต่งตัวหรูหรา ทว่าใบหน้าของพวกเขาดูแก่และโทรม ซึ่งเป็นเพราะพวกเขาทำงานหนักมาหลายปี

ลูกชายสอบผ่านและมียศฐาบรรดาศักดิ์ หญิงสาวในตระกูลที่สูงศักดิ์ในเมืองนี้ต่างมุ่งมั่นตั้งใจที่จะแต่งงานกับเขา คู่สามีภรรยาชราค่อนข้างภาคภูมิใจในเรื่องนี้มาโดยตลอด

พวกเขาได้ยินจากลูกชายมาว่า จั๋วซือหรานเป็นคนพูดง่ายอย่างมาก พวกเขาตั้งใจมาที่นี้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

แต่พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า ผู้หญิงผู้นี้จะไม่กราบไหว้ฟ้าดินแล้ว ทำแบบนั้นได้อย่างไร

“นางจั๋ว ทำไมยังไม่รีบลุกขึ้นไปไหว้ฟ้าดินเพื่อเสร็จพิธีของงานแต่งอีกล่ะ เจ้าอย่าพลาดช่วงเวลาอันเป็นมงคลนี้” แม่ฉินเดินไปยังด้านหน้าของจั๋วซือหราน

จั๋วซือหรานไม่ตอบโต้ใด ๆ เพียงแต่ยิ้มประชดประชัน

ใบหน้าของแม่ฉินชะงัก “นางจั๋ว ผู้ชายที่ไหนกันจะไม่รับเมียน้อย ยิ่งไปกว่านั้น ลูกชายของข้ามีชื่อเสียงโด่งดัง ในอนาคต เมื่อเขาได้ขึ้นเป็นข้าราชการระดับสูง เป็นไปได้หรือที่เขาไม่รับภรรยาน้อย ภรรยาน้อยไม่ได้มีอำนาจเหนือกว่าเจ้าหรอก เหตุใดเจ้าต้องกังวลคอยคิดเล็กคิดน้อย”

พ่อฉินที่อยู่ด้านข้างเห็นคล้อยตามว่า "ถึงอย่างไร ในอนาคต เด็ก ๆ จะเรียกเจ้าว่าแม่ใหญ่ ทำไมเจ้าถึงเป็นผู้หญิงที่โง่เขลาขนาดนี้ อย่าทำตัวเหมือนผู้หญิงที่ชอบอิจฉาริษยาเช่นนี้"

จั๋วซือหรานค่อย ๆ ยืนขึ้น นางวางตัวหยิ่ง "ผู้หญิงที่ชอบอิจฉาริษยาหรือ ทำไมเจ้าไม่เรียกข้าว่า ผู้หญิงที่ร้ายกาจเลยล่ะ ใครก็ได้ หักขาของฉินตวนหยาง และไล่พ่อแม่ของเขาออกไปด้วย"

ฉินตวนหยางสะดุ้ง เขารีบแอบเอาอะไรจิ้มปลายนิ้วของตนเอง มีเลือดสองสามหยดไหลออกมา

จากนั้นเขาขยับริมฝีปากของเขาสองสามครั้งและท่องหนอนพิษกู่โกยไม่ออกเสียง

จากนั้นเขาก็มองไปที่จั๋วซือหรานอีกครั้ง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและน้ำเสียงอ้อนวอน"เสี่ยวจิ่ว เจ้าอย่าโกรธเลยนะ ข้ารู้ข้าผิดไปแล้ว ต่อจากนี้ไป ข้าจะรักเจ้าคนเดียว ครั้งนี้โปรดยกโทษให้ข้าได้ไหมขอรับ"

จั๋วซือหรานไม่ทันระวังตัวและได้รับความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในหัวใจและสมองในเวลาเดียวกัน...
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Mga Comments (4)
goodnovel comment avatar
Nong Thepwong
อ่านแล้วงง
goodnovel comment avatar
Nicky Narathonathiwat
เห็นด้วยจ้า
goodnovel comment avatar
Nicky Narathonathiwat
ควรแก้ไข รูปประโยคให้สมบูรณ์ มากกว่านี้ เป็นกำลังใจให้นะคะ
Tignan lahat ng Komento

Kaugnay na kabanata

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 3

    แววตาของจั๋วซือหรานเต็มไปด้วยความสับสน มีพลังที่มองไม่เห็นกำลังล่อลวงหัวใจของนาง เพื่อให้นางทำตามคำพูดของฉินตวนหยางนางพยายามทรงตัวไว้และอดความเจ็บปวดไว้ไม่แปลกเลย ชะตากรรมอันเดิมของเจ้าของร่างคนนี้ราวกับคนตาบอด นางรักคนไร้ความสามารถอย่างฉินตวนหยางขนาดนี้ แท้จริงแล้ว นางถูกอาคมหนอนพิษกู่ควบคุมสติไว้พิษแปลก ๆ ดังกล่าวแปลกอย่างมากจนทำให้เจ้าของร่างเดิมโดนอาคมหนอนพิษกู่โดยไม่รู้ตัว แม้ตายไปก็ไม่ทราบว่าตัวเองโดนหนอนพิษกู่ หากจั๋วซือหรานไม่ได้เดินทางข้ามเวลามา ร่างเดิมคงใช้ชีวิตอันน่าสงเวชอย่างชะตากรรมอันเดิมที่กำหนดไว้แต่ในเมื่อจั๋วซือหรานมาแล้ว นางจะไม่มีวันฉินตวนหยางสมหวังฉินตวนหยางเห็นนางไม่ตอบ จึงเสกเป่าอีกที "เสี่ยวจิ่ว เจ้าเชื่อข้าไหมขอรับ"จั๋วซือหรานมองไปที่ฉินตวนหยาง นางค่อย ๆ อ้าริมฝีปากอันสีแดงให้กว้างขึ้น“เจ้าฝันไปเสียเถิด”เสียง 'คลิก'ดังขึ้น“อา”ขาของฉินตวนหยางถูกคนหัก และเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเขาตกใจด้วยความเจ็บปวดทรมาน ผู้นั้นได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า ตราบใดเสน่ห์หนอนพิษกู่นี้ยังคงอยู่ จั๋วซือหรานก็สามารถเชื่อฟังเขาไปตลอดชีวิต ทำไมหนอนพิษกู่จึงใช้งานไม่ไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 4

    น้ำเสียงทุ้มต่ำของเฟิงเหยียนเต็มไปด้วยความเย็นชาและเสน่ห์"น่าอับอายเสียจริง เรื่องไร้สาระสิ้นดี"จั๋วซือหรานเงยหน้ามองชายผู้นี้ด้วยความเจ็บปวดอย่างมากใต้หล้ามีคนหน้าตาดีตั้งมากมายเฟิงเหยีนกลับมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ความหล่อเหลาของเขาผสมด้วยความกล้าหาญที่ฮึกเหิมทันทีที่จั๋วซือหรานเห็นใบหน้านี้ นางหายความเจ็บปวดทันทีแต่จั๋วซือหรานหายเจ็บปวด ไม่ใช่เป็นเพราะนางเห็นหน้าตาอันหล่อเหลาแต่เป็นเพราะวินาทีที่ชายผู้นี้ปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว เขาวางมือบนไหล่ฉินตวนหยาง"อ๊าก ๆ——!“ฉินตวนหยางกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงร้องนั้นดังเป็นสิบ ๆ เท่าเมื่อเทียบกับตอนที่เขาถูกหักขาในก่อนหน้านี้ และบัดนี้เขากำลังล้มบนพื้นและกระตุกไปทั้งตัวสายเลือดของตระกูลเฟิงเป็นเช่นนี้ สายเลือดนี้เป็นธาตุไฟที่รุนแรงที่สุด ยิ่งเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยม พลังทางจิตวิญญาณก็ยิ่งเผด็จการมาขึ้นเท่านั้นหากถูกพลังทางจิตวิญญาณนั้นรุกราน จะมีความรู้สึกอย่างร่างกายกำลังถูกไฟเผา ซึ่งความเจ็บปวดนั้นพอ ๆ กันกับความเจ็บปวดที่เสน่ห์หนอนพิษกู่นำมาในขณะเดียวกัน ฉินตวนหยางหลั่งน้ำอย่างหนัก เขาดูน่าเกลียดอย่า

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 5

    ทันทีที่เฟิงเหยียนเดินออกจากจวนของจั๋วซือหราน หลังจากนั้นไม่นาน ข้างเฟิงเหยียนมีร่างสีดำสองร่างปรากฏตัวอย่างเงียบ ๆ“ท่านอ๋องขอรับ” ชายที่สวมชุดดำทั้งสองแสดงความเคารพเฟิงเหยียนมีสีหน้าอย่างไม่มีอารมณ์ "ไปสืบมา ข้าต้องการรู้เสน่ห์หนอนพิษกู่ที่จั๋วจิ่วถูกวาง ใครเป็นคนสั่งการเบื้อหลัง"ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าบัณฑิตที่ไร้ประโยชน์ผู้นั้นจะเป็นผู้กระทำความผิดนี้*จั๋วซือหรานกำลังนั่งอยู่ในห้อง ฝูซางกังวลอย่างมาก และรีบเช็ดเลือดที่ริมฝีปากของคุณหนูของนาง "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูจะปล่อยเป็นเช่นนี้อีกต่อไปมิได้หรอกนะ ข้าน้อยว่า เราควรรีบไปตามคุณหมอมาตรวจเถิดนะ"“ข้าแค่อาเจียนออกมาเป็นเลือดเพียงเท่านั้น กังวลอะไรล่ะ” จั๋วซือหรานดึงเข็มเงินที่นางสอดไว้ก่อนหน้านี้ออกมาอย่างใจเย็น “หากไม่บีบเลือดที่ติดพิษกู่ออกไป อาการบาดเจ็บภายในจะไม่มีทางหายหรอก”ฝูซาง: “ว่าแต่คุณหนูไปเรียนทักษะการรักษามาโรคตั้งแต่เมื่อไรกัน"จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และไม่ตอบ ”ยิ่งไปกว่านี้ ข้าอยากรู้ว่าใครกันแน่ที่เกลียดข้ามากจนใช้เสน่ห์หนอนพิษกู่ มิฉะนั้น ต่อให้ฉินตวนหยางมีความกล้าหาญมากเท่าไร เขาก็ไม่กล้าำเช่นนี้กับข้าหรอก แม้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 6

    จั๋วซือหรานแต่งกายด้วยชุดสีขาวบาง คุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูของจวนจั๋วนางพูดกับผู้ที่เฝ้าหน้าประตูว่า "กรุณาบอกผู้อาวุโสใหญ่ว่า จั๋วจิ่วกลับมาเพื่อขออภัยโทษแล้ว"องครักษ์กำลังจะเข้าไปรายงาน ทว่ากลับถูกใครบางคนห้ามไว้“ห้ามไป” เจียงซาน ซึ่งเป็นคนของบิดาจั๋วหรูซิน เขาห้ามยามที่เฝ้าหน้าประตูไว้เจียงซานพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า "คุณหนูจิ่วไม่เชื่อฟังแม้แต่ผู้อาวุโส ทั้งยังไม่สนใจชื่อเสียงของตระกูลด้วยซ้ำมิใช่หรือ ในเมื่อตอนนี้ออกเรือนแล้ว กลับมาด้วยเหตุใด"จั๋วซือหรานเกิดมาพร้อมกับผิวพรรณเกลี้ยงเกลา คิ้วงดงามดังภาพวาด ด้วยรูปลักษณ์สตรีเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องง่ายที่ถูกมองเป็นสตรีผู้แสนน่าสงสารและอ่อนแอแต่นางไม่ใช่สตรีอ่อนแอเห็นได้ชัดว่า นางกำลังคุกเข่าอยู่ แต่บุคลลิกของนางดูสูงส่งกว่าตอนที่นางยืนด้วยซ้ำ นางพูดอย่างเย็นชา "เจ้ามีฐานะเช่นใด เจ้ากล้าเยาะเย้ยข้าหรือ เหรือจ้าคิดว่า ข้าเป็นคนอ่อนแอที่กลั่นแกล้งง่ายเช่นนั้นหรือ"เจียงซาน "ผู้อาวุโสไม่อยากเห็นหน้าเจ้าเลย ต่อให้เจ้าคุกเข่าที่หน้าประตูจนตายก็ไร้ประโยชน์"จั๋วซือหรานพูดอย่างเย็นชา"เจ้าควรพิจารณาให้ดีเสียก่อนว่า ผู้อาวุโสไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 7

    จั๋วหรูซินตะโกนด้วยความโกรธ "จั๋วซือหราน เจ้า"“พอแล้ว” ผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้วและตะโกนจั๋วหรูซินยังอยากฟ้องต่อ "ผู้อาวุโสใหญ่ นาง..."จั๋วซือหรานกลับโค้งคำนับเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพ "ข้าจะไปรับการลงโทษที่ห้องโถงบรรพบุรุษเจ้าค่ะ"ทิ้งจั๋วหรูซินอยู่นั่นผู้เดียว ปล่อยนางโกรธจนหน้าซีดระหว่างทางไปห้องโถงบรรพบุรุษ จั๋วซือหรานเจอฝูซูและฝูซาง“หลิ่วเย่ล่ะ” จั๋วซือหรานถามฝูซางตอบ “พวกเราหลบสายตาของผู้อื่น พานางเข้าเดินผ่านประตูหลังและเดินเข้าจวน มัดนางไปหาผู้อาวุโสใหญ่เพื่ออธิบายรายละเอียดต่าง ๆ จากนั้นผู้อาวุโสใหญ่ก็สั่งให้ขังนางไว้ในห้องเก็บฟืนที่ลานด้านข้างจนกว่าเขาจะสอบปากคำ”ฝูซูถาม "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูลิ่วกำจัดหลิ่วเย่หรือไม่เจ้าคะ มิเช่นนั้นข้าไปคอยคุ้มกันไว้ดีไหมเจ้าคะ"จั๋วซือหรานยกริมฝีปากขึ้นและยิ้ม "หากนางฆ่าอีนังนั้นเสียจริง นั่นก็หมายความว่า หาเรื่องใส่ตัวแล้วน่ะสิ ในเมื่อผู้อาวุโสใหญ่สั่งขังหลิ่วเย่อยู่ในห้องเก็บฟืนที่ลานด้านข้าง แสดงว่าท่านต้องแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว"หากจั๋วหรูซินจิตใจลุกลี้ลุกลน แล้วไปฆ่าหลิ่วเย่จริง ๆ เรื่องน่าจะสนุกน่าดูสินะฝูซางกังวล"คุณหนูเจ้าค

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 8

    เมื่อจั๋วซือหรานเห็นฝูซูกลับมา นางคิดว่าฝูซูพาคุณหมอมาถึงบ้านแล้ว ผู้ใดจะทราบได้ว่า ชายหนุ่มแสนหล่อเหลาที่กล่าวถึงในเมื่อวานนี้ว่า จะต่างคนต่างอยู่ เวลานี้ชายผู้นี้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำและกำลังนั่งหน้าโต๊ะแปดเซียนจั๋วซือหราน "ทำไมถึงเป็นเจ้าล่ะ"เฟิงเหยียนเหลือบมองถ้วยชาในมือของเขา "ผู้ดูแลของเจ้าไปตามคุรหมอที่เรือนหมอของตระกูลเหยียน"“ข้าไปตามคุณหมอที่บ้านมิได้หรือเจ้าคะ” จั๋วซือหรานลากเก้าอี้หนึ่งตัวออกมาแล้วนั่งลง ใบหน้าของนางซีดเซียว นางริมชาเองและดื่มหมดถ้วย“เพราะคนที่ไปเชิญคุณหมอเป็นผู้ติดตามของเจ้า ดังนั้นตระกูลเหยียนจึงส่งข่าวข้า ข้านึกว่าเจ้าจะมีกลอุบายใหม่ ๆ ดังนั้นจึงเข้ามาดูเสียหน่อย” เฟิงเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีอารมณ์ใด ๆ“แล้วคุณหมอล่ะ เจ้าไม่ได้ให้คุณหมอตามมาด้วยหรือ ” จั๋วซือหรานถามเฟิงเกยียนไม่ได้พูดอะไร นั่นหมายถึงจั๋วซือหรานพูดได้ถูกเพราะเมื่อวานเหยียนฉีบอกว่า ชีพจรของนางแข็งแรงมากและถึงแม้จะมีอาการบาดเจ็บภายใน แต่ปัญหาก็ไม่ร้ายแรง ยิ่งไปกว่านั้น พลังทางจิตวิญญาณและความสามารถในการฟื้นฟูของลูกหลานตระกูลจั๋วนั้นเหนือกว่าคนทั่วไปมากเมื่อรวมกับยาน้ำค้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 9

    มีใบมีดคมที่เย็นเฉียบขึ้นจากหลังคอ และบัดนี้กระบี่เล่มนั้นกำลังถูกวางที่คอขององครักษ์เขาไม่กล้าขยับตัว เสียงของเขาก็สั่นเครือ “ จิ่ว คุณหนูจิ่ว ท่าน…มีอะไรจะพูด…ก็พูดกันดี ๆ เสียก่อน อย่าหุนหันพลันแล่นไปเลย... ““ข้าไม่ได้หุนหันพลันแล่น ข้าใจเย็นแล้วนะ” จั๋วซือหรานเสาะยิ้ม “แต่พวกเจ้าต่างหาก ตอนนี้พร้อมจะคุยกับข้าดี ๆ ยัง”“จิ่ว คุณหนูจิ่ว ท่านเป็นคนใจกว้าง อย่า อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับพวกข้าเลยขอรับ” ยามอ่อนแรงจนขาสั่น เขากลัวมือของจั๋วซือหรานจะสั่น“ตอนนี้ ข้าถามอะไร พวกเจ้าต้องตอบ เข้าใจหรือไม่”"เข้า เข้าใจแล้วขอรับ"“น้องชายของข้าอยู่ที่ไหน”“คุณท่านลิ่วนำตัวไปแล้ว”“นำตัวไปที่ไหน”“พวกเราไม่ทราบขอรับ” องครักษ์เกรงว่านางจะไม่เชื่อ จึงย้ำอีกครั้งว่า "พวกเราไม่รู้จริง ๆ และคุณท่านลิ่วก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกเราทราบการเดินทางของท่าน"“คำถามสุดท้าย จั๋วหรูซินอยู่ที่ไหน พาข้าไปหานางหน่อย” จั๋วหรูซินพูดอย่างเย็นชาโดยไม่ให้โอกาสผู้คุมปฏิเสธ นางกดกระบี่ลงจนทำให้เกิดรอยเลือดขึ้น*"ไร้ประโยชน์ ไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น"ในห้องด้านใน จั๋วหรูซินทุบถ้วยชาในมือของนางออย่างแรง "ถังหยวนอ่อนให้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 10

    จั๋วซือหรานเหลือบมองกระบี่เรียบง่ายที่ดูธรรมดาในมือของนางความจริงนี่คือกระบี่ประจำตระกูลของเฟิงเหยียน และกระบี่เล่มนี้มีชื่อเดียวกับแหวนเสวียนเหยียนของนางจริง ๆในวันที่ลูกหลานของตระกูลกำเนิด ห้องกระบี่ประจำตระกูลจะเริ่มตีเหล็กเข้ารูปเพื่อทำกระบี่ให้ทารก รูปแบบของกระบี่จะแตกต่างกันไป แต่ตราประจำตระกูลเฟิงจะถูกสลักไว้ที่ด้ามจับ และชื่อของเด็กคนนั้นจะถูกสลักไว้ที่ส่วนท้ายของด้ามจับจั๋วซือหรานมองกระบี่เสวียนเหยียนที่อยู่ในมือของนางและไม่พูดอะไรความเงียบของนางทำให้จั๋วหรูซินโกรธมากขึ้น “เจ้าพูดมาสิ ทำไมเจ้าจึงมีกระบี่ประจำตระกูลของท่านอ๋องเฟิง”จั๋วซือหรานเงยหน้าขึ้นและมองหน้านาง "เจ้ายังต้องถามอีกหรือ แน่นอนว่าเขาให้ข้ามา"นางหยุดครู่หนึ่งและพูดทีละคำ "ของ ขวัญ แทน ใจ"“เป็นไปไม่ได้” จั๋วหรูซินโกรธแค้น นางกัดฟัน “เจ้าไม่ต้องพูดไร้สาระ ท่านอ๋องเฟิงเบื่อหน่ายกับการถูกบงการมากกว่าใคร ๆ ก่อนหน้านี้ เจ้ายกเลิกการหมั้นหมายและต้องการแต่งงานกับคนอื่น สมหวังเขาพอดี นางคิดว่าเขาอยากแต่งงานกับเจ้าหรือ เขาอยากแต่งงานกับเจ้าเพียงเพราะเจ้า…”“ซินเอ๋อร์ หยุดพูดได้แล้ว” จู่ ๆ คุณท่านจั๋วลิ่วก็พู

Pinakabagong kabanata

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1255

    จั๋วหวายเกือบจะสำรอกออกมาแล้ว!"ถ้าจะอาเจียนก็ออกไปอาเจียนซะ ถ้าทำกู่กล่องนี้ของข้าพัง ข้าจะจับเจ้าแขวนห้อยหัวซะเลย" ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นเสียงเรียบจั๋วหวายหมุนตัวพุ่งออกไป สูดลมหายใจลึกหลายครั้งกว่าจะสงบลงมาได้ จากนั้นจึงเตรียมตัวเตรียมใจ ตอนที่เข้าไปอีกครั้งก็ไม่มีกระทบกระเทือนอย่างแรงแบบก่อนหน้าแล้วแต่สายตากลับไม่ได้มองไปยังแผ่นกระดานที่มีของดิ้นกระแด่วๆ นั่นมองแล้วขนลุกสุดๆ"มีเรื่องอะไร?" ปันอวิ๋นถามขึ้นเสียงเรียบจั๋วหวายเอ่ยเสียงต่ำ "ท่านรู้..." เขาสูดจมูก ถามออกไปว่า "ท่านรู้จักเฟิงเหยียนใช่ไหม?"ปันอวิ๋นเดิมทีกำลังป้อนอาหารเจ้าพวกดุ๊กดิ๊กพวกนั้นพอได้ยินคำนี้ การเคลื่อนไหวก็หยุดลงมา ไม่หันไปมองเขา ผ่านไปครู่หนึ่งจึงถามขึ้นเรียบๆ ว่า "ทำไมล่ะ?""ข้าอยากเจอเขา ข้าอยากจะถามเขา ว่าทำไมทำแบบนี้กับพี่ของข้า" จั๋วหวายขอบตาแดงรื้นเขาสูดหายใจลึกแล้วพ่นออกมา "ข้าเองก็อยากจะถามเขา ว่าช่วยพี่ข้าได้ไหม ถ้าหากไม่ได้ หรือก็คือเขาเป็นผู้ชายทรยศ ไม่ยินยอม เช่นนั้นเขามาบอกกับท่านพี่ได้ไหม ว่าให้เลิกแล้วต่อกันจบๆ ไป"ปันอวิ๋นพอได้ยินคำนี้ จะฟังความเสียใจในใจจั๋วหวายไม่ออกได้อย่างไรกั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1254

    เซี่ยอวิ๋นซีสูดหายใจลึก "เอาล่ะ ส่วนี้ข้าฟังจบแล้ว ยังมีอีกไหม?"จั๋วเฮ่ออิงอันที่จริงยังอยากจะขอโทษนาง ง้อนางดีดีแต่ตอนนี้ ยังไม่ใช่เวลาจริงๆเขาเองก็รีบกลับมาก็เพราะเรื่องที่เร่งด่วนกว่าจั๋วเฮ่ออิงพยักหน้า "ยังมี ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าเรื่องของข้าอีกร้อยเท่า"นิ้วของเซี่ยอวิ๋นซีเคาะเบาๆ บนโต๊ะ ริมฝีปากเม้ม สีหน้าตึงเครียดขึ้นมาแล้ว"เสี่ยวหวายหรือ?" เซี่ยอวิ๋นซีพอคิดถึงเรื่องที่ลูกชายถูกเอาไปทำผู้ทดลองยา ใจก็เหมือนถูกกรีดแทงแม้จะเชื่อมั่นในลูกสาว แต่ก็ยังหวาดกลัวอยู่ ถ้าหากช้าเกินไปล่ะ ถ้าหากสถานการณ์ไม่สู้ดีล่ะ?แต่นางกลับเห็นจั๋วเฮ่ออิงส่ายหัว สีหน้าขรึมลง เสียงเองก็ขรึมด้วย "หรานหรานต่างหาก"สีเลือดบนหน้าเซี่ยอวิ๋นซี พริบตานี้ซีดลงมาทันที......จั๋วหวายอยู่หน้าเตา บนจมูกมีเขม่าดำอยู่หน่อยๆจวงอี๋ไห่เตือนเขา "คุณชายเสี่ยวหวาย ท่านไปพักเถอะ ที่นี่ข้าจัดการก็พอแล้ว""ข้าอยากจะรอที่นี่" จั๋วหวายเม้มปากแน่น ดวงตาเบิกโพลง แดงก่ำเล็กน้อย เหมือนจะร้องไห้ได้ตลอดเวลา "ข้ากำลังคิด...ข้าแค่จ้องมองยาของท่านพี่ ข้าก็สบายใจ"ชายหนุ่มในที่สุดก็ทนไม่ไหว ยกมือขึ้นมาเช็ดตาแม้น้ำ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1253

    "ตอนนั้นข้าบาดเจ็บหนักในสนามรบ หลังจากตื่นมาก็ไม่รู้วันคืน ไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน และไม่รู้กระทั่งชื่อสกุลตัวเอง พวกเขาบอกข้าว่า สถานที่นั้นชื่อว่าสำนักเมฆาวารี ตั้งอยู่ที่รอยต่อของพรมแดนใต้กับแคว้นชาง เป็นสำนักที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในท้องถิ่นนั้น..."จั๋วเฮ่ออิงเล่าเรื่องราวตอนนั้นออกมาอย่างละเอียดเขาไม่มีความทรงจำก่อนหน้าอยู่นาน ต่อให้ภายหลังในที่สุดก็นึกออกมาแล้ว ความทรงจำก็ยังขาดๆ หายๆดังนั้นช่วงนี้ อันที่จริงเขาก็พยายามรวบรวมความทรงจำและเรื่องในอดีตปะติดปะต่อเข้าด้วยกันอยู่ตลอดตอนนี้ถือว่าสามารถเล่าออกมาได้อย่างราบรื่นแล้ว กระทั่งตอนที่เจอกับจั๋วหวายก่อนหน้า เขายังไม่ได้เล่าให้ชัดเจนเลยจั๋วอวิ๋นฉีฟังเงียบๆ อยู่ข้างๆ แต่พอได้ยินก็อึ้งไป!ใครจะไปคิด ตอนนั้นที่พูดกันว่าลุงเก้าหายไปอย่างไร้ร่องรอยไม่เจอกระทั่งศพ น่าจะตายไปในสนามรบแล้ว กลับมาเจอกับเรื่องแบบนี้?จั๋วอวิ๋นฉีอึ้งไปแล้ว แต่เขาก็ยังเอียงตามองอาสะใภ้เก้าสีหน้าบนหน้าอาสะใภ้เก้ากลับยังคงสงบนิ่งอยู่ตลอดไม่มีท่าทีตกตะลึงใด สีหน้าเองก็ไม่มีอาการด้วยกระทั่งหลังจากจั๋วอวิ๋นฉีได้ยินว่าลุงเก้าถู

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1252

    เซี่ยอวิ๋นซีอ้าปากพะงาบ แต่กลับไม่มีเสียงออกมา!ดังนั้น ร่างกายจึงขยับไปก่อนคำพูดเซี่ยอวิ๋นซีเดินตรงไปหาเขา ไม่กล้าเข้าใกล้นัก เหมือนยังคงกลัวจะทำลายภาพมายานี้ลงไปกระทั่งยื่นมือ ก็ยังทำได้แค่ลากมือเบากลางอากาศเหมือนลูบใบหน้าที่ขมุกขมอมของชายหนุ่มนางยิ้มพร้อมน้ำตา "ข้าเคยคิดมาหลายครั้ง ถ้าหากท่านยังมีชีวิตอยู่ จะมีหน้าตาแบบไหน...น่าจะเป็นแบบนี้กระมัง""เสี่ยวอวิ๋น..." จั๋วเฮ่ออิงมองหญิงสาวตรงหน้าตาแดงรื้นตนเองพลาดอะไรไปบ้างนี่...เสียงของเขาสั่นเครือขึ้นมา "ข้ากลับมา...ช้าไปหน่อย"เซี่ยอวิ๋นซีตอนนี้ ความไม่อยากเชื่อในสมองเหล่านั้น ในที่สุดก็ค่อยๆ ตกตะกอนลงไปนางเดินขึ้นหน้าไปหลายก้าว ในที่สุดก็มาอยู่ตรงหน้าจั๋วเฮ่ออิงยกมือขึ้นมา ลูบเบาๆ ที่ชายเสื้อเขาก่อนหลังจากพบว่าตนเองแตะต้องเขาได้จริงๆความรู้สึกที่เก็บซ่อนมานาน ในที่สุดก็เอ่อทะลักออกมาจึงยกมือขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่ใช่แค่ลูบเบาๆ แล้ว นางกำหมัด ทุบลงไปที่หน้าอกของเขา"ท่าน...ท่าน....ท่านไปอยู่ไหนมา...ยังมีชีวิต...ยังมีชีวิตอยู่แล้วทำไม...ทำไมไม่กลับมากัน?! ท่านไปอยู่ที่ไหนมา..."จั๋วเฮ่ออิงพูดไม่ออกเลยสักคำทำได้แ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1251

    เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบมาตลอด ในที่สุดก็ผ่อนช้าลงจั๋วเฮ่ออิงยังหยุดอยู่ที่เดิม ยกมือขึ้นมาจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมที่ยุ่งเหยิงของตนเองจั๋วอวิ๋นฉีไม่รู้เขาเดินนำไปข้างหน้าก่อนแล้วรอจนตอนที่จั๋วเฮ่ออิงตามขึ้นไป จั๋วอวิ๋นฉีก็เดินเข้าไปในสวนจี๋หย่าย่วนแล้ว เดินเข้าไปด้วยพลางเรียกขึ้นอย่างอบอุ่น "ป้าสะใภ้เก้า""อวิ๋นฉีมาแล้วหรือ..." เสียงอ่อนโยนเสียงหนึ่งดังออกมาจากด้านในสวนจี๋หย่าย่วนคุ้นเคยเหลือเกินตอนที่ได้ยินเสียงนี้ ใจของจั๋วเฮ่ออิงก็เต้นรัวจนผิดปกติตึงเครียดจนปากคอแห้งผากจั๋วอวิ๋นฉีเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม "ไม่ใช่แค่ข้านะ ลองเดาสิว่าข้าพาใครมา?""เจ้ามาทุกครั้งก็ชอบเอาของมาให้ข้า ข้าบอกว่าไม่ต้องแล้วแท้ๆ ข้าไม่ได้ขาดเหลืออะไรหรอก" เซี่ยอวิ๋นซีกำลังรดน้ำต้นไม้ในสวนพวกนี้ล้วนถูกย้ายมาจากสมุนไพรเหล่านั้นที่นางปลูกไว้ในเรือนของจั๋วซือหรานเซี่ยอวิ๋นซีรู้ว่าลูกสาวชอบ จึงคิดจะนำมาปลูกไว้ในสวนจี๋หย่าย่วนหน่อยอันที่จริงก่อนหน้านี้เซี่ยอวิ๋นซีส่วนใหญ่อยู่ในเรือนของลูกสาวมากกว่า แต่จั๋วอวิ๋นฉีไปเยี่ยมนางค่อนข้างลำบาก แล้วเขาก็ไปเยี่ยมอยู่บ่อยๆ ก็เพราะไม่ค่อยวางใจที่เซี่ยอวิ๋นซีอยู่ท

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1250

    "เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นน่ะ เอาเป็นว่า...เรื่องมันยาวมาก" จั๋วเฮ่ออิงถอนหายใจยาว จากนั้นจึงเอ่ยว่า "จริงด้วย พาข้าเข้าไปหน่อยได้ไหม ข้ามีเรื่องด่วนต้องไปหาเสี่ยวอวิ๋น"จั๋วอวิ๋นฉีรู้ ว่าเสี่ยวอวิ๋นในคำพูดลุงเก้า หมายถึงสะใภ้เก้าลุงเก้ากับสะใภ้เก้ารักกันดีมาแต่ไหนแต่ไร เข้ากันได้ดีรักใคร่กลมเกลียวและด้วยเหตุนี้ ตอนข่าวที่ลุงเก้าตายตอนนั้นส่งกลับมา สะใภ้เก้าแทบจะตายตามกันไป ถ้าไม่ใช่ยังมีลูกอยู่สองคน...แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ นางก็ยังดูเหมือนตายไปแล้วรอบหนึ่งอย่างไรอย่างนั้นจั๋วอวิ๋นฉีพยักหน้าหงึกหงัก เอ่ยขึ้นว่า "ข้าจะพาท่านไป!สะใภ้เก้าถ้าเห็นท่านกลับมา คงจะดีใจมากแน่ๆ ตอนนั้น...ที่ข่าวท่านรบจนตัวตายส่งกลับมา สะใภ้เก้าเกือบจะปลิดชีพตามท่านไปแล้ว ถ้าไม่ใช่ซือหรานกับเสี่ยวหวายยังเล็กล่ะก็..."จั๋วเฮ่ออิงหลายวันนี้ รู้สึกกลัดกลุ้มเพราะเรื่องของลูกๆ มากอันที่จริงไม่ค่อยได้คิดถึงทางภรรยาเท่าไรตอนนี้ ได้ยินคำพูดของจั๋วอวิ๋นฉีชั่วพริบตา จั๋วเฮ่ออิงก็รู้สึกว่า ในใจเหมือนถูกมีดกรีดผ่าอย่างไรอย่างนั้น เจ็บปวดรวดร้าว!จั๋วอวิ๋นฉีดีใจสุดๆ หลังจากทักทายเหล่าคนคุ้มกันแล้ว ก็นำจั๋วเฮ่ออิงเข้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1249

    "พอได้ยินคำพูดจั๋วอวิ๋นฉี ทหารก็ตกตะลึงไป""อะ อะไร?!"ก่อนหน้านี้ตอนได้ยินชื่อจั๋วเฮ่ออิง ทหารไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย และไม่ได้คิดไปถึงตัวของพ่อจั๋วซือหรานด้วยเพราะทุกคนรู้ว่า สาเหตุที่แม่นางจั๋วจิ่วแต่ก่อนได้รับความไม่เป็นธรรมจากตระกูลจั๋ว ส่วนใหญ่ก็เพราะมาจากนางไม่มีพ่อให้พึ่งพานั่นเองส่วนใหญ่ก็น่าจะเพราะแบบนี้ ดังนั้นตอนที่ได้ยินชื่อจั๋วเฮ่ออิง ผู้คนจึงคิดไปแค่ คนคนนี้น่าจะเป็นคนจากตระกูลจั๋วที่มีชื่ออักษรเฮ่อเท่านั้น เป็นใครกันแน่นะแต่ไม่คิดไปถึงตัวจั๋วซือหรานเลย"ให้ตายเถอะ อย่างนั้นก่อนหน้านี้ข้าก็เสียมารยาทแล้วสิ?" ทหารรู้สึกสำนึกผิดขึ้นมาทันทีจั๋วอวิ๋นฉียิ้มๆ "ก็ยังไม่แน่หรอก บางทีอาจจะไม่ใช่ลุงเก้าก็ได้ ถึงอย่างไรลุงเก้าก็ไม่อยู่มาหลายปีแล้ว ถ้าคนไม่เกี่ยวข้องกล้าปลอมตัวเป็นลุงเก้า ข้าจะให้เขาต้องชดใช้อย่างสาสม"จะปลอมตัวเป็นใครในตระกูลจั๋วก็ได้ จั๋วอวิ๋นฉีไม่มีความเห็นอะไร แต่ลุงเก้านั้นไม่ได้สำหรับตัวเขา ซือหรานถือว่ามีบุญคุณที่นางเห็นคุณค่าและสนับสนุนเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กสาวคนนี้ ตนเองก็ยังไม่รู้ว่าต้องเร่ร่อนอยู่ภายนอกอีกกี่ปีดังนั้น ถ้าสวมรอยเป็นคนอื่น จั๋

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1248

    "ตามหลักแล้วคนตระกูลจั๋วควรจะปฏิบัติดีด้วยเป็นพิเศษ แต่กฏก็ยังเป็นกฏ ยิ่งไปกว่านั้นชื่อนี้ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน ยังต้องไปบ้านตระกูลจั๋วเพื่อแจ้งทราบก่อนจึงจะยืนยันได้ เจ้าไปตอนนี้เลย ขี่ม้าข้าไป รีบไปรีบกลับ ถ้าหากเป็นคนตระกูลจั๋วจริง ข้าจะขอรับโทษด้วยตนเอง""รับทราบ!" ทหารไม่กล้าชักช้า ขึ้นขี่ม้าของหัวหน้า ทะยานไปยังบ้านตระกูลจั๋วเดิมทียังคิดว่าต้องไปถึงจวนจั๋วก่อนถึงจะได้ถามใครจะคิดว่ากลางทาง ก็เจอเข้ากับผู้อาวุโสห้าตระกูลจั๋ว หรือก็คือจั๋วอวิ๋นฉีที่แม่นางจั๋วจิ่วดันขึ้นไปเป็นผู้อาวุโสที่หล่อเหลาอายุน้อยคนนั้นนั่นเองว่ากันว่าเป็นคนที่โดดเด่นสุดในกลุ่มชายหนุ่มของตระกูลจั๋วเลยทีเดียว เป็นอัจฉริยะที่ตอนนั้นถูกใส่ร้าย บวกกับกฏเกณฑ์คร่ำครึของตระกูลจั๋ว จนเกือบทำให้ถูกกลบฝังความสามารถไว้นอกตระกูลหลังจากแม่นางจั๋วจิ่วออกจากเมืองหลวง ตระกูลจั๋วก็ก็ได้จั๋วอวิ๋นฉีมาช่วยค้ำจุน หลายปีนี้ที่เขาอยู่ภายนอกก็ไม่รู้ว่าผ่านอะไรมาบ้าง เรียนรู้อะไรมาเยอะมาก มีฝีมืออยู่พอควรเลยทีเดียวในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ทำให้การค้าของตระกูลจั๋วเจริญรุ่งเรือง บวกกับเจ้าสำนักทั้งสองในตลาดมืดที่แม่นางจั๋วจิ่วคบค้าไว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1247

    ได้ยินคำนี้ของเขา คนคุ้มกันประตูเมืองก็แหงนตาเหลือบมองเขาเมืองหลวงไม่มีใครไม่รู้จักตระกูลจั๋ว โดยเฉพาะคนค่ายคุ้มกันกับค่ายคุ้มกันเมือง เพราะเคยได้รับบุญคุณช่วยชีวิตจากจั๋วซือหราน จึงมีความอ่อนไหวต่อแซ่จั๋วขึ้นไปอีกยิ่งไปกว่านั้นต้องรู้ด้วย พวกผู้ชายในตระกูลจั๋ว ก็ล้วนเป็นพวกที่มีชื่ออวิ๋นอยู่ทั้งนั้น ไม่ว่าจะจั๋วอวิ๋นเฟิงกับจั๋วอวิ๋นชิงที่ถูกจั๋วซือหรานสั่งสอนไปแล้วแล้วยังมีจั๋วอวิ๋นฉีที่จั๋วซือหรานพากลับมาแล้วดันขึ้นเป็นผู้อาวุโสแต่ชายหนุ่มรุ่นที่แล้วของตระกูลจั๋ว เป็นรุ่นที่มีชื่อเฮ่ออย่างคุณท่านจั๋วลิ่วที่ถูกจั๋วซือหรานลากลงมาตอนนั้น ก็มีชื่อว่าจั๋วเห้อหรงแต่ว่าจั๋วเฮ่ออิง ไม่ได้ยินมานานมากแล้วดังนั้นคนคุ้มกันจึงไม่รู้จัก รู้สึกว่าอาจจะเป็นญาติห่างๆ ก็ได้เพียงแต่ว่า ในเมื่อเป็นคนจากตระกุลจั๋ว ก่อนหน้านี้ไม่สนใจ แต่ตอนนี้ตระกูลจั๋วมีแม่นางจั๋วจิ่วเข้ามาดูแลแล้วท่าทีการพูดของพวกเขาต่อคนตระกูลจั๋ว ก็จะอ่อนโยนลงหน่อยดังนั้นจึงเอ่ยกับจั๋วเฮ่ออิงว่า "ญาติของตระกูลจั๋วสินะ?"จั๋วเฮ่ออิงพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจนัก ถึงอย่างไรตนเองก็หายสาบสูญไปตั้งหลายปีแล้ว

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status