แชร์

ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง
ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง
ผู้แต่ง: หูเทียนเสี่ยว

บทที่ 1

ผู้แต่ง: หูเทียนเสี่ยว
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
“เสียวจิ่ว ผู้นี้คือจวงเหยาเหยา นางมีเลือดเนื้อเชื้อไขของข้าอยู่ในท้องของนางแล้ว ในเมื่อวันนี้เป็นพิธีงานแต่งระหว่างข้าและเจ้า ข้าไม่อยากปิดบังอะไรเจ้า ข้าได้วางแผนที่จะให้นางมาเป็นนางสนม และข้าจะแต่งเจ้ากับนางเข้าเรือนในวันนี้"

ฉินรุ่ยหยางไม่รู้สึกไร้ยางอายแม้แต่นิดเดียว

“เจ้า...เมื่อครู่นี้เจ้าพูดอะไรนะ เจ้าพูดอีกครั้งสิ…”

สีหน้าของจั๋วซือหรานดูซีดขาวมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับชุดแต่งงานสีแดงสดและมงกุฎหงส์

นางจ้องเขม็งไปยังชายและหญิงที่อยู่ตรงหน้านาง

ฉินรุ่ยหยาง"เสียวจิ่ว เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป เจ้าจะเป็นภรรยาหลวงที่มีเกียรติเสมอ ไม่มีใครมีอำนาจเหนือเจ้าได้ ในภายภาคหน้า เหยาเหยาจะเคารพเจ้าอันเป็นแท้ และลูกของนางก็จะเรียกเจ้าว่า แม่ใหญ่"

จั๋วซือหรานยิ้มเยาะ "ข้าเกลียดคำเรียกนี้เสียจริง เด็กเหี้ยอะไรกันกล้ามาเรียกข้าเป็นแม่"

ใบหน้าของฉินรุ่ยหยางนิ่งขรึม

จวงเหยาเหยาน้ำตาเอ่อคลอ " พี่จั๋วเจ้าคะ หนูรู้ดีว่าตนเองมีฐานะต่ำต้อย แต่เด็กที่อยู่ในท้องของข้านั้น เด็กไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย โปรดเห็นแก่เด็กคนนี้ที่เป็นสายเลือดของพี่ฉินด้วยนะ... "

จั๋วซือหรานไม่มองนาง สายตาจ้องไปยังฉินรุ่ยหยางอย่างไม่กระพริบ

“ถ้าเกิดว่าข้าไม่ยอมล่ะ เจ้ายังอยากแต่นางและข้าในวันเดียวหรือ”

ฉินรุ่ยหยางพูดอย่างมีความมั่นใจ "เสียวจิ่ว เจ้าถอนการหมั้นกับตระกูลเฟิง และต่อต้านตระกูลจั๋ว เพียงเพื่อแต่งงานกับข้า และในงานแต่งงานของเราในวันนี้ หากเกิดเรื่องใด ๆ ... เจ้าคงไม่อยากเสียหน้าหรอกใช่ไหม"

จั๋วซือหรานโกรธอย่างมาก หน้าอกของนางราวกับว่า กำลังมีไฟป่าลุกลามเผาไหม้ ทันใดนั้น นางรู้สึกหน้ามืด และเส้นลมปราณของนางผิดปกติ

"ฟึ่บ--!"

มีเลือดที่แดงสด ๆ พุ่งออก และนางล้มลงบนเตียงในทันที

“อ้าว” จวงเหยาเหยากรีดร้องเบา ๆ ราวกับว่านางหวาดกลัว แต่ริมฝีปากของนางแอบมีรอยยิ้มอันดีใจเล็กน้อย "พี่ฉินเจ้าคะ พี่รีบตามหมอมาดูอาการของพี่จั๋วหน่อยนะ”

“ไม่ต้อง นางไม่ตายง่ายหรอก ในหลายร้อยปีของตระกูลจั๋วที่ผ่านมา นางเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ชั้นสูงสุดในด้านจิตวิญญาณและด้านการฝึกฝน มิเช่นนั้น เจ้าคิดว่า ก่อนหนัานี้ นางจะสามารถหมั้นกับลูกชายคนโตของตระกูลเฟิงได้หรือ”

ฉินรุ่ยหยางเหลือบมองหญิงที่อยู่บนพื้นด้วยความรังเกียจ "ถ้าจะตายก็ต้องรอจนกว่านางเสร็จพิธีการแต่งงานก่อน มิช่นนั้น นางมีสินสอดตั้งมากมาย ข้ามิได้สักนิด ข้าจะไม่ขาดทุนอย่างหนักเลยหรือ"

ไม่มีใครสนใจจั๋วซือหราน ในขณะนี้ นางกำลังนอนเงียบงันอยู่บนเตียงนอน ทว่าเดิมทีดวงตาทั้งสองของคนบนเตียงนั้นยังคงหลับอยู่ วินาทีต่อมา หญิงผู้นี้กลับลืมตาอย่างกะทันหัน

ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา ความโศกเศร้าและความทุกข์ยากที่นางเคยมีในก่อนหน้านี้หายไปอย่างสิ้นเชิง

จั๋วซือหรานมองชายและหญิงที่ร้ายกาจที่อยู่ตรงหน้านางอย่างเย็นชา

เดิมทีนางเป็นสายสืบยอดฝีมือในยุคปัจจุบัน ซึ่งได้รับการส่งต่อวิชาศิลปะการต่อสู้โบาณและการแพทย์วิเศษ ยิ่งมากกว่านี้ นางยังเป็นผู้ที่ได้รับการสืบทอดและเป็นผู้ที่มีสิทธิ์ครอบครองเครื่องร่างวิเศษ ซึ่งเครื่องร่างวิเศษนี้ได้ถูกสืบทอดจากบรรพบุรุษ และมีนามว่า แหวนเสวียนเหยียน เนื่องจากแหวนเสวียนเหยียนเป็นที่ต้องการของทุกคน เขาจึงถูกเพื่อนร่วมสำนักลอบทำร้าย กระดูกของแหวนเสวียนเหยียนถูกคนร้ายวางระเบิด จนไหม้แหลกละเอียดเป็นผงคุลี

เมื่อจั๋วซือหรานลืมตาอีกครั้ง ความทรงจำก็ท่วมท้นอยู่ในสมองของนาง

เจ้าของร่างเดิมนี้คือคุณหนูจิ่วของตระกูลจั๋ว ซึ่งคุณหนูท่านนี้มีชื่อเดียวกับจั๋วซือหราน

คุณหนูจั๋วจิ่วมีความสามารถที่โดดเด่นในด้านศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่นางยังเป็นเด็ก นางได้รับการยกย่องอย่างสูงจากตระกูลจั๋ว และทางบ้านให้คุณหนูจิ่วหมั้นหมายกับตระกูลเฟิงตั้งแต่เนิ่น ๆ

แต่ใครจะรู้ว่า เพื่อแต่งงานกับฉินรุ่ยหยาง ผู้ที่เป็นบัณฑิตจน คุณหนูจิ่วของตระกูลจั๋วไม่ลังเลเลยสักนิดยกเลิกการหมั้นกับตระกูลเฟิงและยอมตัดขาดกับครอบครัว

ทว่าการกระทำของนางไม่ได้รับการตอบแทนที่ดีจากผู้ใด ในวันพิธีแต่งงาน ฉินตวนหยางพาภรรยาน้อยที่ตั้งท้องของเขา ทั้งให้ภรรยาหลวงกับภรรยาน้อยแต่งงานพร้อมกัน คุณหนูจั๋วจิ่วจึงโกรธอย่างมากจนกลายเป็นปีศาจ

ต่อมา คุณหนูจิ่วของตระกูลจั๋วถูกฉินตวนหยางหลอกลวงต่อเนื่อง และในที่สุดครอบครัวของนางก็ถูกทำลายจนกระทั่งต้องสูญเสียหายสมาชิกครอบครัว สุดท้ายนางก็เสียชีวิตด้วยภาวะซึมเศร้า คุณหนูจิ่วของตระกูลจั๋วถูกเอาเปรียบอย่างชัดเจน

สำหรับจั๋วซือหราน ทันทีที่นางลืมตา นางก็ข้ามเวลาและถูกส่งไปยังวันแต่งงานของคุณหนูจิ่วของตระกูลจั๋วและชายเจ้าเล่ห์ ซึ่งเหตุการณ์เลวร้ายทุกเรื่องยังไม่ได้เกิดขึ้น

เมื่อจั๋วซือหรานนึกถึงสิ่งนี้ นางยกมือขึ้นเพื่อถอดมงกุฎหงส์อันหนักบนหัวออก และดึงมีดยาวที่อยู่ในมือออกมา

“เจ้า...เจ้า เจ้าดึงมีดมาทำอะไร พวกเราตงกันอย่างดีแล้วว่า เจ้าจะไม่เล่นมีดเช่นนี้มิใช่หรือ เจ้ากระทำเช่นนี้ ช่างไร้มารยาทเสียจริง“

ฉินตวนหยางตระหนกตกใจ จวงเหยาเหยายิ่งหวาดกลัวจนหน้าซีดขาว

เมื่อก่อน ฉินตวนหยางมีความคิดเช่นนี้มาโดยตลอดว่า ผู้หญิงที่ตะโกนจะทุบตีและฆ่ากันไร้ความเป็นสุภาพสตรี และเจ้าของร่างนี้ยอมทำตรามความต้องการของชายผู้นี้

จนกระทั่งฉินตวนหยางลืมไปว่า ตัวจริงของจั๋วซือหรานไม่ใช่คนอ่อนแอและไม่ได้เป็นคนที่ไร้เรี่ยวแรง

เวลานี้ แม่นางที่มีความสามารถอย่างสุงส่งผู้นี้เต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง

“นางยังอยากแต่งงานอยู่ไหม รีบวางมีดลง” ฉินตวนหยางขู่ด้วยสีหน้าอันเกรงขาม

เมื่อจั๋วซือหรานได้ยินคำพูดของฉินรุ่ยหยาง นางพลิกข้อมือไป ๆ มา ๆ มีดที่อยู่ในมือของนางกลายเป็นดอกอันแสนสวยงามออกมา “สุภาพสตรีหรือ เจ้ากล้าเอ่ยคำนี้กับข้าหรือ พอดีเลย ข้ากับเจ้ายังไม่ทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเขียนจดหมายหย่า”

ฉินตวนหยางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาโการธอเคืองและรู้สึกอับอายจนใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

“จั๋วซือหราน ถึงอย่างไร ข้าก็เป็นสามีของเจ้า ข้าก็แค่อยากแต่งภรรยาน้อยเพิ่ม นี่เจ้าเป็นอะไรของเจ้า…”

“เจ้าอยากแต่งใครเป็นภรรยาน้อยแล้วแต่เจ้าเลย ข้าไม่สน จั๋วซือหรานขัดจังหวะการพูดของชายคนนี้อย่างเย็นชา “สายหัวไปประเดี๋ยวนี้เลย!”

จวงเหยาเหยาคุกเข่าต่อหน้าจั๋วซือหราน "พี่จั๋วเจ้าคะ ข้าจะไม่กล้าเพ้อฝันที่จะแต่งกับพี่ฉินอีกต่อไป ท่านอย่าโกรธไปเลยนะ ท่านเป็นคนใจกว้าง อย่าโกรธพี่ฉินเลย"

จั๋วซือหรานก้มตัวลงและมองจวงเหยาเหยาด้วยรอยยิ้มที่แฝงด้วยความหมายอันลึกลับ

จวงเหยาเหยาสะอึกสะอึ้น "ข้าขอท่านพี่อภัยข้าเจ้าค่ะ"

จั๋วซือหรานยกนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้ว จวงเหยาเหยาสะดุ้งทันที

“ประการแรก ข้าไม่ใช่พี่สาวของเจ้า”

จั๋วซือหรานยกนิ้วขึ้นอีกนิ้วหนึ่งแล้วยกมุมปากขึ้น "ประการที่สอง ข้าไม่เพียงแต่ให้อภัยเจ้าเท่านั้น ข้ายังอยากจะขอบคุณเจ้าด้วย"

“ขอบคุณข้าหรือ” จวงเหยาเหยาไม่อยากจะเชื่อคำพูดของจั๋วซือหราน

“ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าคงไม่มีโอกาสเห็นสภาพที่น่ารังเกียจของฉินตวนหยางหรอก คนยากจนและน่าหมั่นไส้อย่างผู้ชายคนนี้ยังกล้าเพ้อฝันว่าเขาสูงส่ง และยังกล้าได้ภรรยาหลายคน”

จั๋วซือหรานยืนขึ้นและพูดเสริม"เจ้าทำให้ข้าได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา ข้าต้องขอบคุณเจ้ามาก"

ทัศนคติที่ไม่แยแสของนางทำให้ฉินตวนหยางตื่นตระหนก "เจ้ากำลังพูดไร้สาระอะไร หากเจ้าไม่แต่งงานกับข้า เจ้ายังอยากจะแต่งงานกับใครอีก ก่อนหน้านี้เจ้าเคยยกเลิกการแต่งงานระหว่างเจ้ากับเฟิงเหยียนอย่างโจ่งแจ้ง เจ้าคิดว่าตระกูลเฟิงจะยังอยากได้เจ้าอีกหรือ”

จั๋วซือหรานหัวเราะเยาะ "เรื่องนี้ คงไม่ต้องรบกวนเจ้าหรอกนะ"

เฟิงเหยียน—เป็นคู่แต่งงานที่ตระกูลจั๋วจัดให้จั๋วซือหราน

กระกูลเฟิงเป็นผู้นำของห้าตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง และเฟิงเหยียนเป็นทายาทที่ได้รับความสนใจมาที่สุดในรุ่นนี้

เขาเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ อัจฉริยะที่ตระกูลเฟิงไม่เคยเจอในเวลานับศตวรรษ นอกจากนี้แล้ว เขายังเป็นผู้ที่มีใบหน้าอันหล่อเหลาอย่างยิ่งแทบไม่เหมือนคนทั่วไปในใต้หล้า

ในบรรดาลูกหลานของห้าตระกูลใหญ่นี้ เขามีชื่อเสียงและมีนามว่า สุภาพบุนุษขั้นเทพ

เจ้าของร่างนี้ทิ้งสุภาพบุรุษอันหล่อเหลานี้ไป แต่กลับไปเลือกผู้ที่มีฐานะต้อยต่ำอย่างฉินตวนหยาง

จั๋วซือหรานมองฉินรุ่ยหยาง จิตใจของนางเต็มไปด้วยความดูถูก

“ข้าไปคุกเข่าต่อหน้าประตูบ้านของตระกูลเฟิงเป็นเวลานาน และขอเฟิงเหยียนรักข้าอีกครั้งอย่างไร้ยางอาย ข้าไม่เห็นเป็นอะไรเลย มีอะไรจะน่าอายมากกว่าที่ข้าต้องแต่งงานกับเจ้าหรือ”

ทันใดที่จั๋วซือหรานพูดจบ นางก็ทุบโต๊ะ "ใครก็ได้ ไล่ชายและหญิงที่ชู้กันออกไปจากที่นี่ที"

ไม่มีใครเข้ามา

เห็นได้ชัดว่า ที่นี่คือจวนของนาง แต่นางไม่สามารถเรียกใช้คนรับใช้ได้อย่างนั้นหรือ

จั๋วซือพูดต่ออย่างเย็นชา "คนตายกันหมดแล้วหรือ ฝูซางและฝูซูอยู่ไหน ทำไมไม่เข้ามา"

แต่มีเพียงสาวใช้หลิ่วเย่เท่านั้นที่เดินเข้ามาและพูดว่า "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูโปรดใจเย็น ๆ มีอะไรคุยกับคุณท่านดี ๆ อย่าโกรธคุณท่านเลย"

จั๋วซือหรานถาม " ฝูซางและฝูซูอยู่ไหน"

หลิ่วเย่ฟังคำถามของจั๋วซือหราน นางรู้สึกลำบากใจ"คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูเองเป็นคนที่บอกว่า พวกเขาทรยศและไม่มีศักดิ์ศรี ดังนั้นคุณหนูจึงไล่พวกเขาไปอยู่ลานด้านนอกแล้ว ... "

เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวเย่ จั๋วซือหรานสะดุ้งและนึกขึ้นได้

เจ้าของร่างนี้ไล่ฝูซางและฝูซูไปที่ลานด้านนอกแล้ว ซึ่งสองคนนี้ได้เติบโตกับนางมาด้วยกันและภักดีต่อนางอย่างมาก

หากเจ้าของร่างนี้ไม่ฟังคำใส่ร้ายของฉินรุ่ยหยาง ฝูซางและฝูซูถึงต้องมีฐานะที่ต่ำเช่นนี้หรือ

หลิ่วเย่ที่อยู่ตรงหน้านางต่างหากคือผู้ที่ทรยศคน

จั๋วซือหรานสั่งหลิวเย่ "ไปตามพวกเขามา"

หลิ่วเย่ยังคิดอยู่ว่า นางยังคงเป็นคุณหนูคนเดิม "คุณหนูเจ้าคะ พวกเขาทรยศคุณหนูเอง ท่านอย่าใจอ่อนเกินไป"

วินาทีต่อมา นางถูกจั๋วซือหรานจ้องมองอย่างเย็นชา นางหวาดกลัวจนตัวสั่น

หลิ่วเย่ตกตะลึงแววตาอันเย็นชาของจั๋วซือหราน นางกลัวและพูดต่อ "ข้าน้อยไปตามหาเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ"

หลังจากนั้นไม่นาน ฝูซูและฝูซางก็มา พวกเขาสองคนมองจั๋วซือหรานด้วยความวิตกกังวล "คุณหนู"

“เอาไอ้พวกนี้ออกไป”

ฝูซางและฝูดีใจ ทั้งคู่ทำท่าคำนับให้กับจั๋วซือหราน

“ตามที่ท่านสั่ง”

หลิ่วเย่รีบโน้มน้าวจั๋วซือหราน "คุณหนูเจ้าคะ แขกทุกคนมารอข้างนอกพร้อมกันแล้วเจ้าค่ะ ทุกคนกำลังรอคุณหนูและคุณท่านทำพิธีการกัน ทีนี้ คุณหนูก่อความวุ่นวายเช่นนี้ จะไม่ทำให้ทุกคนหัวเราะเยาะหรือเจ้าคะ"

“เจ้าอยากตัดสินใจแทนข้าหรือ” จั๋วซือหรานถามกลับอย่างไร้อารมณ์ กลิ่นอายอันดุร้ายของนางทำให้หลิ่วเย่วหวาดกลัวจนหน้าซีด

การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ทำให้ฉินตวนหยางตื่นตระหนก และเขาทำได้เพียงประนีประนอมเท่านั้น

“เสียวจิ่ว เจ้าอย่าโกรธนเลย มันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าจะไม่นางเข้ามาละกัน หลังจากที่ลูกเกิดแล้ว ข้าจะอุ้มเด็กมาให้เจ้าเลี้ยงทันที”

เมื่อจวงเหยาเหยาได้ยินคำพูดของฉินรุ่ยหยาง นางหน้าซีดทันที

จั๋วซือหรานรู้สึกหมั่นไส้ "ใครอยากได้ไอ้สารเลวของเจ้า"

เมื่อฉินรุ่ยหยางเห็นจั๋วซือหรานไม่ยอมเสียที ฉินตวนหยางก็โกรธและพูดว่า "จั๋วซือหราน ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็รอเป็นตัวตลกของทั้งเมืองหลวงละกัน"

จั๋วซือหรานได้ยินคำพูดของฉินรุ่ยหยาง นางยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้ฝูซางและฝูซูหยุด

ทั้งสองพูดด้วยความกังวล"คุณหนู คุณหนูอย่าไปฟังคำพูดของเขา"

ฉินต้วนหยาง "หุบปากเดี๋ยวนี้เลย ทาสสองคนนี้จะกล้ามากเกินไปแล้วนะ"

"ข้าคิดว่า เจ้าเป็นคนกล้าหาญมากกว่า" จั๋วซือหรานมองเขาอย่างเย็นชา "ข้าอยากรู้เสียจริงว่า ใครกันแน่ที่เป็นตัวตลกในเมืองหลวงกันแน่"

แต่เดิมจั๋วซือหรานแค่อยากไล่สองคนนี้ออกไป แต่ทีนี้นางตัดสินใจเปลี่ยนแผน

“มัดพวกมันไว้ ลากพวกมันไปที่ห้องโถง”
ความคิดเห็น (6)
goodnovel comment avatar
Bunny Beamz
คำที่ใช้ไม่ตรงกับที่บรรยายเลย ดูขัดๆกันไปหมด อ่านแล้วภาษาดูไม่ค่อยลื่นไหลเท่าไหร่ รู้สึกขัดๆตบอดเลย
goodnovel comment avatar
nuchjarin phonnapatpanit
เนื้อเรื่องดี ดูน่าสนใจ อยากอ่านต่อ แต่พอเพิ่งเริ่มอ่านก้อเหนื่อยใจ คำผิดเยอะมาก แปลผิดๆ ถูกๆ อ่านแล้วงง สะดุดตลอด คงทนอ่านแบบนี้ไปจนจบไม่ไหว
goodnovel comment avatar
ADN
เรื่องนี้แปลไม่ดีเท่าไหร่ บางคำพูดใช้ผิดแบบมาก เขียนผิดๆถูกๆอีก
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 2

    ฉินตวนหยางงและจวงเหยาเหยาถูกมัดอย่างแน่นจั๋วซือหรานก้าวขาเดินออกจากห้องด้วยความมั่นใจนางสวมชุดแต่งงานสีแดงอันสดใสและงดงาม เสมือนนางกำลังสวมชุดสู้รบ นางดูทรงมีพลังและองอาจหลังจากที่คุณหนูและคนใช้ทั้งสามเดินออกจากห้องไป บนหลังคามีเสียงหัวเราะดังขึ้นแผ่นกระเบื้องที่มุมหลังคาที่มิอาจได้รู้ว่า ถูกเปิดออกมาเมื่อใดเวลานี้กำลังถูกค่อย ๆ เคลื่อนกลับไปอยู่ที่เดิมร่างของสองคนค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนหลังคาชายหนุ่มทางด้านซ้ายแต่งกายด้วยชุดสีดำ เขามีใบหน้าเรียวงามส่วนชายหนุ่มทางด้านขวา เขายิ้มและมองเฟิงเหยียนที่อันหล่อเหลา บัดนี้เฟิงเหยียนกำลังเมินเฉยชายหนุ่มทางด้านขวาหัวเราะและพูด"เดิมทีข้าแค่อยากรู้ว่าจั๋วซือหรานที่ถอนหมั้นกับเจ้าจะงามเช่นใด ไม่คิดเลยว่า ภรรยาในอนาคตของเจ้าจะน่าสนใจขเช่นนี้หรอกนะ"ใบหน้าของเฟิงเหยียนนิ่งเฉย “เหยียนฉี เจ้าลากข้ามาที่นี่เพื่อปีนหลังคาของบ้านคนอื่นหรือ”แววตาของเฟิงเหยียนเย็นชา บุคคลิกของเขาประกายอารมณ์ที่ปฏิเสธผู้อื่นเข้าใกล้ชิดอย่างหนักแน่น "อีกอย่าง นางไม่ใช่คู่หมั้นของข้า"“เชอะ อย่าเย็นชาขนาดนี้สิ” ดวงตากลมโตของเหยียนฉีหรี่ลง “จั๋วจิ่วเพิ่งพูดไปเมื่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 3

    แววตาของจั๋วซือหรานเต็มไปด้วยความสับสน มีพลังที่มองไม่เห็นกำลังล่อลวงหัวใจของนาง เพื่อให้นางทำตามคำพูดของฉินตวนหยางนางพยายามทรงตัวไว้และอดความเจ็บปวดไว้ไม่แปลกเลย ชะตากรรมอันเดิมของเจ้าของร่างคนนี้ราวกับคนตาบอด นางรักคนไร้ความสามารถอย่างฉินตวนหยางขนาดนี้ แท้จริงแล้ว นางถูกอาคมหนอนพิษกู่ควบคุมสติไว้พิษแปลก ๆ ดังกล่าวแปลกอย่างมากจนทำให้เจ้าของร่างเดิมโดนอาคมหนอนพิษกู่โดยไม่รู้ตัว แม้ตายไปก็ไม่ทราบว่าตัวเองโดนหนอนพิษกู่ หากจั๋วซือหรานไม่ได้เดินทางข้ามเวลามา ร่างเดิมคงใช้ชีวิตอันน่าสงเวชอย่างชะตากรรมอันเดิมที่กำหนดไว้แต่ในเมื่อจั๋วซือหรานมาแล้ว นางจะไม่มีวันฉินตวนหยางสมหวังฉินตวนหยางเห็นนางไม่ตอบ จึงเสกเป่าอีกที "เสี่ยวจิ่ว เจ้าเชื่อข้าไหมขอรับ"จั๋วซือหรานมองไปที่ฉินตวนหยาง นางค่อย ๆ อ้าริมฝีปากอันสีแดงให้กว้างขึ้น“เจ้าฝันไปเสียเถิด”เสียง 'คลิก'ดังขึ้น“อา”ขาของฉินตวนหยางถูกคนหัก และเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเขาตกใจด้วยความเจ็บปวดทรมาน ผู้นั้นได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า ตราบใดเสน่ห์หนอนพิษกู่นี้ยังคงอยู่ จั๋วซือหรานก็สามารถเชื่อฟังเขาไปตลอดชีวิต ทำไมหนอนพิษกู่จึงใช้งานไม่ไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 4

    น้ำเสียงทุ้มต่ำของเฟิงเหยียนเต็มไปด้วยความเย็นชาและเสน่ห์"น่าอับอายเสียจริง เรื่องไร้สาระสิ้นดี"จั๋วซือหรานเงยหน้ามองชายผู้นี้ด้วยความเจ็บปวดอย่างมากใต้หล้ามีคนหน้าตาดีตั้งมากมายเฟิงเหยีนกลับมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ความหล่อเหลาของเขาผสมด้วยความกล้าหาญที่ฮึกเหิมทันทีที่จั๋วซือหรานเห็นใบหน้านี้ นางหายความเจ็บปวดทันทีแต่จั๋วซือหรานหายเจ็บปวด ไม่ใช่เป็นเพราะนางเห็นหน้าตาอันหล่อเหลาแต่เป็นเพราะวินาทีที่ชายผู้นี้ปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว เขาวางมือบนไหล่ฉินตวนหยาง"อ๊าก ๆ——!“ฉินตวนหยางกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงร้องนั้นดังเป็นสิบ ๆ เท่าเมื่อเทียบกับตอนที่เขาถูกหักขาในก่อนหน้านี้ และบัดนี้เขากำลังล้มบนพื้นและกระตุกไปทั้งตัวสายเลือดของตระกูลเฟิงเป็นเช่นนี้ สายเลือดนี้เป็นธาตุไฟที่รุนแรงที่สุด ยิ่งเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยม พลังทางจิตวิญญาณก็ยิ่งเผด็จการมาขึ้นเท่านั้นหากถูกพลังทางจิตวิญญาณนั้นรุกราน จะมีความรู้สึกอย่างร่างกายกำลังถูกไฟเผา ซึ่งความเจ็บปวดนั้นพอ ๆ กันกับความเจ็บปวดที่เสน่ห์หนอนพิษกู่นำมาในขณะเดียวกัน ฉินตวนหยางหลั่งน้ำอย่างหนัก เขาดูน่าเกลียดอย่า

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 5

    ทันทีที่เฟิงเหยียนเดินออกจากจวนของจั๋วซือหราน หลังจากนั้นไม่นาน ข้างเฟิงเหยียนมีร่างสีดำสองร่างปรากฏตัวอย่างเงียบ ๆ“ท่านอ๋องขอรับ” ชายที่สวมชุดดำทั้งสองแสดงความเคารพเฟิงเหยียนมีสีหน้าอย่างไม่มีอารมณ์ "ไปสืบมา ข้าต้องการรู้เสน่ห์หนอนพิษกู่ที่จั๋วจิ่วถูกวาง ใครเป็นคนสั่งการเบื้อหลัง"ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าบัณฑิตที่ไร้ประโยชน์ผู้นั้นจะเป็นผู้กระทำความผิดนี้*จั๋วซือหรานกำลังนั่งอยู่ในห้อง ฝูซางกังวลอย่างมาก และรีบเช็ดเลือดที่ริมฝีปากของคุณหนูของนาง "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูจะปล่อยเป็นเช่นนี้อีกต่อไปมิได้หรอกนะ ข้าน้อยว่า เราควรรีบไปตามคุณหมอมาตรวจเถิดนะ"“ข้าแค่อาเจียนออกมาเป็นเลือดเพียงเท่านั้น กังวลอะไรล่ะ” จั๋วซือหรานดึงเข็มเงินที่นางสอดไว้ก่อนหน้านี้ออกมาอย่างใจเย็น “หากไม่บีบเลือดที่ติดพิษกู่ออกไป อาการบาดเจ็บภายในจะไม่มีทางหายหรอก”ฝูซาง: “ว่าแต่คุณหนูไปเรียนทักษะการรักษามาโรคตั้งแต่เมื่อไรกัน"จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และไม่ตอบ ”ยิ่งไปกว่านี้ ข้าอยากรู้ว่าใครกันแน่ที่เกลียดข้ามากจนใช้เสน่ห์หนอนพิษกู่ มิฉะนั้น ต่อให้ฉินตวนหยางมีความกล้าหาญมากเท่าไร เขาก็ไม่กล้าำเช่นนี้กับข้าหรอก แม้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 6

    จั๋วซือหรานแต่งกายด้วยชุดสีขาวบาง คุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูของจวนจั๋วนางพูดกับผู้ที่เฝ้าหน้าประตูว่า "กรุณาบอกผู้อาวุโสใหญ่ว่า จั๋วจิ่วกลับมาเพื่อขออภัยโทษแล้ว"องครักษ์กำลังจะเข้าไปรายงาน ทว่ากลับถูกใครบางคนห้ามไว้“ห้ามไป” เจียงซาน ซึ่งเป็นคนของบิดาจั๋วหรูซิน เขาห้ามยามที่เฝ้าหน้าประตูไว้เจียงซานพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า "คุณหนูจิ่วไม่เชื่อฟังแม้แต่ผู้อาวุโส ทั้งยังไม่สนใจชื่อเสียงของตระกูลด้วยซ้ำมิใช่หรือ ในเมื่อตอนนี้ออกเรือนแล้ว กลับมาด้วยเหตุใด"จั๋วซือหรานเกิดมาพร้อมกับผิวพรรณเกลี้ยงเกลา คิ้วงดงามดังภาพวาด ด้วยรูปลักษณ์สตรีเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องง่ายที่ถูกมองเป็นสตรีผู้แสนน่าสงสารและอ่อนแอแต่นางไม่ใช่สตรีอ่อนแอเห็นได้ชัดว่า นางกำลังคุกเข่าอยู่ แต่บุคลลิกของนางดูสูงส่งกว่าตอนที่นางยืนด้วยซ้ำ นางพูดอย่างเย็นชา "เจ้ามีฐานะเช่นใด เจ้ากล้าเยาะเย้ยข้าหรือ เหรือจ้าคิดว่า ข้าเป็นคนอ่อนแอที่กลั่นแกล้งง่ายเช่นนั้นหรือ"เจียงซาน "ผู้อาวุโสไม่อยากเห็นหน้าเจ้าเลย ต่อให้เจ้าคุกเข่าที่หน้าประตูจนตายก็ไร้ประโยชน์"จั๋วซือหรานพูดอย่างเย็นชา"เจ้าควรพิจารณาให้ดีเสียก่อนว่า ผู้อาวุโสไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 7

    จั๋วหรูซินตะโกนด้วยความโกรธ "จั๋วซือหราน เจ้า"“พอแล้ว” ผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้วและตะโกนจั๋วหรูซินยังอยากฟ้องต่อ "ผู้อาวุโสใหญ่ นาง..."จั๋วซือหรานกลับโค้งคำนับเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพ "ข้าจะไปรับการลงโทษที่ห้องโถงบรรพบุรุษเจ้าค่ะ"ทิ้งจั๋วหรูซินอยู่นั่นผู้เดียว ปล่อยนางโกรธจนหน้าซีดระหว่างทางไปห้องโถงบรรพบุรุษ จั๋วซือหรานเจอฝูซูและฝูซาง“หลิ่วเย่ล่ะ” จั๋วซือหรานถามฝูซางตอบ “พวกเราหลบสายตาของผู้อื่น พานางเข้าเดินผ่านประตูหลังและเดินเข้าจวน มัดนางไปหาผู้อาวุโสใหญ่เพื่ออธิบายรายละเอียดต่าง ๆ จากนั้นผู้อาวุโสใหญ่ก็สั่งให้ขังนางไว้ในห้องเก็บฟืนที่ลานด้านข้างจนกว่าเขาจะสอบปากคำ”ฝูซูถาม "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูลิ่วกำจัดหลิ่วเย่หรือไม่เจ้าคะ มิเช่นนั้นข้าไปคอยคุ้มกันไว้ดีไหมเจ้าคะ"จั๋วซือหรานยกริมฝีปากขึ้นและยิ้ม "หากนางฆ่าอีนังนั้นเสียจริง นั่นก็หมายความว่า หาเรื่องใส่ตัวแล้วน่ะสิ ในเมื่อผู้อาวุโสใหญ่สั่งขังหลิ่วเย่อยู่ในห้องเก็บฟืนที่ลานด้านข้าง แสดงว่าท่านต้องแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว"หากจั๋วหรูซินจิตใจลุกลี้ลุกลน แล้วไปฆ่าหลิ่วเย่จริง ๆ เรื่องน่าจะสนุกน่าดูสินะฝูซางกังวล"คุณหนูเจ้าค

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 8

    เมื่อจั๋วซือหรานเห็นฝูซูกลับมา นางคิดว่าฝูซูพาคุณหมอมาถึงบ้านแล้ว ผู้ใดจะทราบได้ว่า ชายหนุ่มแสนหล่อเหลาที่กล่าวถึงในเมื่อวานนี้ว่า จะต่างคนต่างอยู่ เวลานี้ชายผู้นี้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำและกำลังนั่งหน้าโต๊ะแปดเซียนจั๋วซือหราน "ทำไมถึงเป็นเจ้าล่ะ"เฟิงเหยียนเหลือบมองถ้วยชาในมือของเขา "ผู้ดูแลของเจ้าไปตามคุรหมอที่เรือนหมอของตระกูลเหยียน"“ข้าไปตามคุณหมอที่บ้านมิได้หรือเจ้าคะ” จั๋วซือหรานลากเก้าอี้หนึ่งตัวออกมาแล้วนั่งลง ใบหน้าของนางซีดเซียว นางริมชาเองและดื่มหมดถ้วย“เพราะคนที่ไปเชิญคุณหมอเป็นผู้ติดตามของเจ้า ดังนั้นตระกูลเหยียนจึงส่งข่าวข้า ข้านึกว่าเจ้าจะมีกลอุบายใหม่ ๆ ดังนั้นจึงเข้ามาดูเสียหน่อย” เฟิงเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีอารมณ์ใด ๆ“แล้วคุณหมอล่ะ เจ้าไม่ได้ให้คุณหมอตามมาด้วยหรือ ” จั๋วซือหรานถามเฟิงเกยียนไม่ได้พูดอะไร นั่นหมายถึงจั๋วซือหรานพูดได้ถูกเพราะเมื่อวานเหยียนฉีบอกว่า ชีพจรของนางแข็งแรงมากและถึงแม้จะมีอาการบาดเจ็บภายใน แต่ปัญหาก็ไม่ร้ายแรง ยิ่งไปกว่านั้น พลังทางจิตวิญญาณและความสามารถในการฟื้นฟูของลูกหลานตระกูลจั๋วนั้นเหนือกว่าคนทั่วไปมากเมื่อรวมกับยาน้ำค้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 9

    มีใบมีดคมที่เย็นเฉียบขึ้นจากหลังคอ และบัดนี้กระบี่เล่มนั้นกำลังถูกวางที่คอขององครักษ์เขาไม่กล้าขยับตัว เสียงของเขาก็สั่นเครือ “ จิ่ว คุณหนูจิ่ว ท่าน…มีอะไรจะพูด…ก็พูดกันดี ๆ เสียก่อน อย่าหุนหันพลันแล่นไปเลย... ““ข้าไม่ได้หุนหันพลันแล่น ข้าใจเย็นแล้วนะ” จั๋วซือหรานเสาะยิ้ม “แต่พวกเจ้าต่างหาก ตอนนี้พร้อมจะคุยกับข้าดี ๆ ยัง”“จิ่ว คุณหนูจิ่ว ท่านเป็นคนใจกว้าง อย่า อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับพวกข้าเลยขอรับ” ยามอ่อนแรงจนขาสั่น เขากลัวมือของจั๋วซือหรานจะสั่น“ตอนนี้ ข้าถามอะไร พวกเจ้าต้องตอบ เข้าใจหรือไม่”"เข้า เข้าใจแล้วขอรับ"“น้องชายของข้าอยู่ที่ไหน”“คุณท่านลิ่วนำตัวไปแล้ว”“นำตัวไปที่ไหน”“พวกเราไม่ทราบขอรับ” องครักษ์เกรงว่านางจะไม่เชื่อ จึงย้ำอีกครั้งว่า "พวกเราไม่รู้จริง ๆ และคุณท่านลิ่วก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกเราทราบการเดินทางของท่าน"“คำถามสุดท้าย จั๋วหรูซินอยู่ที่ไหน พาข้าไปหานางหน่อย” จั๋วหรูซินพูดอย่างเย็นชาโดยไม่ให้โอกาสผู้คุมปฏิเสธ นางกดกระบี่ลงจนทำให้เกิดรอยเลือดขึ้น*"ไร้ประโยชน์ ไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น"ในห้องด้านใน จั๋วหรูซินทุบถ้วยชาในมือของนางออย่างแรง "ถังหยวนอ่อนให้

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 700

    “เอาล่ะ รู้แล้ว” จั๋วซือหรานถามต่อ “ยังมีอีกไหม?”อิ๋นไห่บอกต่อว่า “คนจากตระกูลเฟิง ตระกูลจั๋ว ตระกูลเหยียนกับตระกูลฮั่วล้วนมากันหมด”ตอนนี้ กลายมาเป็นจั๋วซือหรานประหลาดใจแล้วแม้ว่านางจะรู้ว่าตนเองถูกจับตามอง แต่ในระดับนี้...“เอิกเกริกเสียจริง” จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นอิ๋นไห่เอ่ยต่อ “ใช่เลย ดังนั้นนายท่านจึงให้ข้ามาบอกแม่นางก่อน เกรงว่าท่านจะมีแผนการอื่นอยู่อีก”เจี่ยงเทียนซิงนี่รอบคอบใช้ได้เลยแต่จั๋วซือหรานก็คิดๆ เอ่ยต่อว่า “ยังไม่มีแผนกับความคิดอื่นชั่วคราว ให้เจี่ยงเทียนซิงทำตามแผนเดิม คอยดูแล้วจัดการเอา”อิ๋นไห่พยักหน้ารับคำสั่ง “ขอรับ”“อาจริงด้วย” จั๋วซือหรานมองไปทางอิ๋นไห่“แม่นางโปรดกำชับได้เลย” อิ๋นไห่เอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวังจั๋วซือหรานคิดๆ พูดต่อมาว่า “ให้เจี่ยงเทียนซิงคอยระวังหน่อย ตามหลักการแล้วในห้าตระกูลนี้ ที่ควรไปผิดใจด้วยข้าก็ผิดใจมาจนหมดแล้ว...”อิ๋นไห่ฟังคำนี้ของจั๋วซือรหาน ก็รู้สึกทั้งนับถือทั้งจนใจ ว่าอย่างไรดีล่ะ เกรงว่าตอนนี้ทั้งเมืองหลวง คงมีแค่แม่นางจิ่วเท่านั้นที่มีพลังพูดคำนี้ออกมา“สรุปคือ ตามหลักการแล้วทั้งห้าตระกูลนี้ไม่มีใครมองข้าดีสักคน คิดว่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 699

    จากเวลาเริ่มประลองที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ตลาดมืดก็คึกคักขึ้นเรื่อยๆ เช่นกันเพราะการประลองกับเฮยหลิงก่อนหน้านี้ แม้หอฟ้าดาวจะไม่ได้พูดชัดเจนว่าเป็นจั๋วซือหรานแต่ที่ต่อมาที่เฮยหลิงไปเป็น ‘เทพประตู’ ให้เปล่าๆ ที่เรือนของจั๋วซือหราน ทุกคนจึงคาดเดากันว่าคนที่ประมือกับเฮยหลิงครั้งนั้น จะต้องเป็นจั๋วซือหรานแน่นอน!เพียงแต่ว่า เรื่องราวมากมายส่วนใหญ่มักเป็นเช่นนี้ ถ้าแค่ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน มันก็เป็นได้แค่สิ่งทีเรียกว่าข่าวลือเท่านั้นและเจ้าข่าวลือนี้ พอยิ่งมีความไม่แน่นอนมากขึ้น แน่นอนว่าจึงมีทั้งคนที่เชื่อ และมีคนที่ไม่เชื่อเหล่าประชาชนที่แจ้นไปรักษากับจั๋วซือหรานก่อนหน้านี้ กว่าครึ่งนั้นเชื่อ รู้สึกว่าจั๋วซือหรานมีฝีมือ ดันั้นจึงสามารถเอาชนะเฮยหลิงได้ ทำให้พวกผีพนันพวกนั้นได้จดได้จำ โดนสั่งสอนกันไปตามระเบียบแต่ในสายตาผีพนันเหล่านั้น ก็มักจะหาข้ออ้างให้กับตนเอง รู้สึกว่าต้องไม่ใช่แน่ จะเป็นไปได้อย่างไร ไม่มีทางที่ทุกเรื่องจะเป็นฝีมือของนาง เพียงเพราะว่าช่วงนี้นางกำลังโด่งดังที่สุดในเมืองหลวงหรอกกระมัง?ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากเป็นนางจริง แล้วทำไมตระกูลขุนนางเหล่านั้นถึงไม่ออกมาพูดถึงเ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 698

    จั๋วซือหรานยิ้มๆ ลุกขึ้นยืน สะบัดแขนกับเท้าเล็กน้อย “เวลาน่าจะใกล้แล้ว ข้าลงไปก่อนนะ”พูดจบ จั๋วซือหรานก็เอาหน้ากากชิ้นหนึ่งสวมไปบนหน้าเจี่ยงเทียนซิงเอ่ยขึ้น “ข้าส่งเจ้าไปแล้วกัน”จั๋วซือหรานโบกไม้โบกมือ “ไม่ต้องหรอก เจ้ารอที่นี่เถอะ จำไว้ว่าต้องลงเดิมพันก็ลงเสีย ในเมื่อมีสามยก ยกแรกกับยกสองก็อย่าว่างนักล่ะ ครั้งถ้าไม่โกยเงินจาก ‘เปาบุ้นจิ้น’ นั่นมาให้มากหน่อย เดี๋ยวจะเนรคุณที่เขาลงทุนลงแรงจัดเสียขนาดนี้เอา”“อืม” เจี่ยงเทียนซิงยิ้ม พยักหน้า “เจ้าเองก็ระวังด้วย อย่าบาดเจ็บล่ะ”จั๋วซือหรานเดินออกมาจากห้องหรู ตอนเดินผ่านข้างตัวฝูซู ก็กำชับกับเขา “เจ้าคอยตามเจ้าสำนักหอฟ้าดาวไปก็พอ”จากนั้นจึงเดินออกจากห้องหรูไปฝูซูเดินมาอยู่ข้างกายเจี่ยงเทียนซิง จึงเห็นว่าเจ้าสำนักตลาดมืดที่หนุ่มแน่นคนนี้ กำลังหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดมืออย่างไม่รีบไม่ร้อนอยู่เพราะตอนที่เจ้าสำนักคนนี้ปอกผลไม้ให้กับคุณหนูของเขาก่อนหน้านี้ มือเปื้อนน้ำในผลไม้ไปนั่นเองฝูซูอันที่จริงก็เหมือนสัมผัสอะไรได้รางๆ ...แต่ก็พูดออกมาไม่ได้ตอนนี้เอง เจี่ยงเทียนซิงก็หันหน้ามามองเขา “เจ้ารับใช้ข้างกายซือหรานมานานแล้วกระมัง?”

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 697

    “ลองฟังดูหน่อยก็ได้” ซางถิงเอ่ยขึ้นมา“ก็ได้” อินเจ๋ออันส่งสายตาให้กับคนรับใช้ไม่นานนัก อิ๋นไห่ก็ถูกเชิญเข้ามา“นายท่านของเจ้ามีอะไรมาบอกข้าหรือ?” อินเจ๋ออันถามเสียงของอิ๋นไห่มีมารยาทและเกรงใจ “ท่านเจ้าสำนักหอจันทร์เงิน นายท่านของข้าให้ข้ามาถามท่านวัน การทดสอบไกล่เกลี่ยตัดสินวันนี้ ท่านคิดจะต่อสู้กันกี่ยกหรือ?”อินเจ๋ออันพอได้ยินคำนี้ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาก่อน ในใจคิดว่าการทดสอบไกล่เกลี่ยตัดสินมันไม่ใช่ว่าแค่ยกเดียวก็พอหรือ? ยังจะเอาสักกี่ยกกัน?แต่อินเจ๋ออันพอคิด ในใจก็มีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามา เขาเอียงตามองซางถิงผาดหนึ่งซางถิงเลิกคิ้วอินเจ๋ออันบอกกับอิ๋นไห่ว่า “ปกติ...ไม่ใช่ว่าสามยกหรอกหรือ?”หลังจากนั้นเขาก็เห็นสีหน้าแข็งทื่อของอิ๋นไห่อย่างที่คาดไว้อินเจ๋ออันรู้สึกสะใจขึ้นในนใจทันที เจี่ยงเทียนซิงคงไม่คิดอย่างแน่นอนว่าเขาจะจัดสามยก คงคิดว่าจะมีแค่ยกเดียวกระมัง?ไม่แปลกที่สีหน้าของอิ๋นไห่จะปั้นยากแบบนี้“เจ้าไปบอกเจ้านายเจ้าตามนี้แล้วกัน” อินเจ๋อไห่เอ่ยขึ้น“ขอรับ” หลังจากอิ๋นไห่ขานรับ_ก็หมุนตัวจากไปสีหน้ายังคงแข็งอยู่ หลังจากเดินออกไปก็ถอนใจเบาออกมาเบาๆแม่นางจิ่วเดาไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 696

    “นี่เจ้าพูดจริงจังหรือ?” ดวงตาเจี่ยงเทียนซิงเบิกโพลงขึ้นอีกพอควรต่อให้นางควบคุมสัตว์ได้ เจี่ยงเทียนซิงก็ยังไม่รู้สึกตกตะลึงนัก คนอย่างจั๋วซือหราน ทำให้ผู้คนตกตะลึงมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วนางเป็นวิชาแพทย์ กลั่นยาได้ ต่อยตีก็ได้ จะควบคุมสัตว์ได้ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่เกินคาดนักแต่ควบคุมสัตว์ได้กับเป็นนักภาษาสัตว์มันคนละเรื่องกันจั๋วซือหรานยิ้มตอบกลับมา “เจ้าว่าอย่างไรล่ะ?”“ข้าว่า...” เจี่ยงเทียนซิงขมวดคิ้ว แต่ก็เห็นว่าจั๋วซือหรานตอนนี้ก็ยังมีท่าทีเย้าแหย่เขาจู่ๆ เขาก็เหมือนจะไม่ได้กังวลเหมือนก่อนหน้านี้แล้วเจี่ยงเทียนซิงหันไปบอกกับอิ๋นไห่ “ไปถามอินเจ๋ออันเสีย ว่าประลองกี่ยก”“ขอรับ!” อิ๋นไห่ออกไปทันทีตอนนี้เอง ในหอจันทร์เงินอินเจ๋ออันกำลังนั่งดื่มชา “วันนี้ก็ฝากเจ้าด้วยนะ”ข้างๆ อินเจ๋ออันมีชายคนหนึ่งนั่งอยู่ สวมหน้ากากปิดบังครึ่งล่างใบหน้าไว้ มองเห็นแค่สันจมูกโด่งคมชัดรวมถึงโครงหน้าคมกริบของเขาเท่านั้นดวงตาลึกซึ้งของเขา ม่านตามีสีน้ำเงินอ่อนๆ ดูลึกลับพอได้ยินคำพูดของอินเจ๋ออัน ดูจากรูปทรงคิ้วตาของเขาก็มองออกได้ไม่ยากว่าเขากำลังยิ้มอยู่เล็กน้อย“จะว่าไป” เขาเอ่ยขึ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 695

    “เจ้านี่มัน...” เจี่ยงเทียนซิงคิดไม่ออกว่าจะใช้คำว่าอะไรมาพรรณนาจั๋วซือหรานดีเหล่มองอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นว่า “...เจ้าเล่ห์เหลือเกิน”จั๋วซือหรานมองเขา “ข้าคิดว่าเจ้านิ่งไปค่อนวันแล้วจะหาคำดีดีมาเรียกข้าได้เสียอีก”“เจ้าไม่เข้าใจ” เจี่ยงเทียนซิงโบกไม้โบกมือ “ในปากของพ่อค้าคนหนึ่ง สามารถใช้คำว่าเจ้าเล่ห์มาพรรณนาตัวเจ้าได้ ถือว่าเป็นคำชมที่ยอดเยี่ยมแล้ว”จั๋วซือหรานมองเขา “อย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นก็ขอบคุณที่ชม จะว่าไปเจ้าถามอินเจ๋ออันแล้วหรือยัง วันนี้การทดสอบจะประลองกี่ยก?”“ยังจะกี่ยกได้ล่ะ ปกติก็แค่ยกเดียวไม่ใช่หรือ?” เจี่ยงเทียนซินตอบคำถามนี้ออกมาอย่างคล่องแคล่วจั๋วซือหรานมองเขา “เวลาพูดก็พูดกันอย่างนี้นั่นล่ะ แต่ข้ามันพวกมีประสบการณ์แย่ๆ มาก่อน ตอนนั้นที่ตระกูลเหยียนประลองกับข้า ก็ยังทำตัวไม่ตรงไปตรงมาเลย...”เจี่ยงเทียนซิงพอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน ก็คิดถึงตอนที่ตระกูลเหยียนประลองกับนางเมื่อครั้งนั้น มันก็เป็นสถานการณ์ที่ขายหน้าจริงๆคิ้วขมวดขึ้นมา จากนั้นจึงเรียกอิ๋นไห่มาทันที“นายท่าน มีอะไรหรือ?” อิ๋นไห่ถามขึ้นเจียงเทียนซิงขมวดคิ้ว เอ่ยขึ้นเสียงขรึม “เจ้าไป ถามอิน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 694

    “ดังนั้นเจ้าน่ะ! ไม่ยอมดูแลตัวเองให้ดี แต่วิ่งแจ้นออกไปทะเลาะกับตระกูลเฟิงจนตัวเองบาดเจ็บมันใช้ได้ที่ไหนกัน?” ในใจเจี่ยงเทียนซิงรู้สึกว่ายังปล่อยผ่านไปไม่ได้ ดังนั้นจึงหยิบออกมาพูดอีกถามขึ้นอย่างทนไม่ไหว “เจ้าไปสู้กับใครมากัน? ถึงทำตัวเองบาดเจ็บแบบนี้?”เจี่ยงเทียนซิงรู้สึกว่า จั๋วซือหรานที่มีวิชาแปลกประหลาดอยู่ตั้งมากมาย ต่อให้เอาชนะไม่ได้ แต่ปกติคิดจะทำร้ายนางก็ไม่น่าทำได้ง่ายๆ นี่นาจั๋วซือหรานเบ้ปาก “พ่อของเฟิงเหยียนน่ะ”เจี่ยงเทียนซิงทำหน้าเหมือนกินแมลงวันเข้าไป ถลึงตาโต พูดไม่ออกไปพักหนึ่ง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงพูดออกมาว่า “กลางค่ำกลางคืนแต่เจ้ากลับไปหาเรื่องต่อยตีกับพ่อสามีในอนาคตหรือ?”“นี่มันไม่ใช่สาระสำคัญ สาระสำคัญคือ เมื่อครู่เจ้าบอกว่าคนที่จะสู้กับข้าวันนี้น่าจะเป็นทรยศจากตระกูลซาง? ชื่ออะไรล่ะ?” จั๋วซือหรานถามขึ้นเจี่ยงเทียนซิงมองนาง “นั่นยังไม่สำคัญอีกหรือ? แต่คนเขาชื่ออะไรสำคัญกว่าหรือ? คนทรยศของตระกูลซาง ไม่ว่าจะชื่ออะไรก็ไม่มีทางเป็นพวกอ่อนแอ ต้องเป็นคนแข็งแกร่งแน่นอน”จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว “คนแข็งแกร่ง? แกร่งแค่ไหนกัน?”จั๋วซือหรานถามขึ้น “นักภาษาสัตว์หรือ?”เจี

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 693

    ตอนนี้เป็นช่วงค่ำใกล้อาหารเย็น อีกเดี๋ยวการประลองของพวกเขาก็จะเริ่มแล้วเจี่ยงเทียนซิงเช็ดเศษขนมปิ่งที่มุมปากนางจนสะอาด เอ่ยขึ้นอย่างจนใจ “ถ้าอย่างนั้นให้เอาของมารองท้องให้เจ้าก่อนดีไหม?”จั๋วซือหรานโบกไม้โบกมือ “ไม่ต้องแล้ว สู้เสร็จแล้วข้าค่อยกินแล้วกัน ข้าเห็นร้านอาหารที่น่าจะไม่เลวอยู่ เดี๋ยวสู้เสร็จเจ้าเลี้ยงข้าวข้าที่นั่นก็พอ”เจี่ยงเทียนซิงพยักหน้า เอ่ยขึ้นว่า “เอาเรื่องสนามทดสอบมาไว้ก่อนอาหารค่ำถือว่ามีเหตุผลอยู่”ไม่รอให้เขาได้อธิบาย จั๋วซือหรานก็พยักหน้าตอบ “ข้ารู้ จัดการสูบเงินค่าข้าวจากผีพนันพวกนั้นมาก่อนสินะ ดังนั้นข้าถึงพูดว่าไม่มีมีมนุษยธรรมขึ้นมานี่ไง”เจี่ยงเทียนซิงเดิมทียังคิดว่านางไม่รู้ คิดไม่ถึงว่านางจะเข้าใจอย่างกระจ่างเลยทีเดียวเจียงเทียนซิงมองหน้าจั๋วซือหราน “ข้ารู้สึกว่าสีหน้าเจ้าไม่ค่อยดีนัก”จั๋วซือหรานโบกไม้โบกมือ “ช่างเถอะ เมื่อคืนนี้ไปจวนตระกูลเฟิงแล้วอาละวาดไปรอบหนึ่ง บาดเจ็บมาหน่อย”เจียงเทียนซิงสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที “เจ้า? คนเดียวหรือ?! ไปบ้านตระกูลเฟิง? เจ้าคงไม่ได้ไปหาเรื่องตระกูลเฟิง...เพราะคนที่สาวงามที่ซ่อนไว้ในห้องทองคนนั้นจริงๆ หรอกใ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 692

    “ท่านยังอารมณ์เสียอีกหรือ?” ฝูซูมองนาง รู้สึกเหมือนถ้าแค่นางพูดว่าไม่ดีออกมา เขาก็จะโกรธขึ้นแล้วจั๋วซือหรานพยักหน้า “อารมณ์ดีอยู่นะ...”ตอนนี้เอง ชายที่ดูเจ้าเล่ห์คนหนึ่งเห็นรูปร่างของจั๋วซือหราน แล้วยังสวมหมวกปีกกว้างอีก รู้สึกว่าต้องเป็นหญิงสาวแน่ก็เลยถือโอกาสที่คนเยอะแยะ จงใจเบียดตัวเข้ามา คิดจะชนไปที่ตัวจั๋วซือหรานคิดจะแต๊ะอั๋งนิดๆ หน่อยๆถึงอย่างไรที่นี่ก็คนเยอะแยะ เบียดเสียดไปมาก็เป็นเรื่องปกติ ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ก็เป็นตลาดมืดด้วยแต่แค่ชายชุดของจั๋วซือหรานก็ยังแตะไม่โดน พอเบียดเข้ามาอย่างเจ้าเล่ห์ ก็ถูกจั๋วซือหรานบีบคอเอาไว้“อ่อก...แค่ก!” ชายคนนี้หน้าซีดไปทันที “เจ้าทำ...ทำอะไรน่ะ? ปล่อย...ปล่อยข้านะ!”จั๋วซือหรานสะบัดเขาไปข้างๆ คนผู้นี้ยืนไม่มั่นคง ล้มจ้ำเบ้าลงบนพื้นเขาถลึงตามองจั๋วซือหราน “คนมากขนาดนี้ ไปโดนตัวเจ้าอย่างไม่ระวังบ้างแล้วเป็นอะไรไปกัน?!”“มีที่ตั้งมากให้เบียด แต่เจ้ากลับคิดจะเบียดมาข้างตัวหญิงสาว ก็ไม่มีอะไรหรอก ให้ขาหักขาเจ้าทิ้ง แล้วก็ไปรักษาตัวอยู่ที่บ้าน จะได้ไม่ต้องมาดูงานแบบนี้เสียเลยดีไหม?” จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นเสียงเรียบคนผู้นี้ก่อนหน้าเจอ

DMCA.com Protection Status