ฉินตวนหยางงและจวงเหยาเหยาถูกมัดอย่างแน่นจั๋วซือหรานก้าวขาเดินออกจากห้องด้วยความมั่นใจนางสวมชุดแต่งงานสีแดงอันสดใสและงดงาม เสมือนนางกำลังสวมชุดสู้รบ นางดูทรงมีพลังและองอาจหลังจากที่คุณหนูและคนใช้ทั้งสามเดินออกจากห้องไป บนหลังคามีเสียงหัวเราะดังขึ้นแผ่นกระเบื้องที่มุมหลังคาที่มิอาจได้รู้ว่า ถูกเปิดออกมาเมื่อใดเวลานี้กำลังถูกค่อย ๆ เคลื่อนกลับไปอยู่ที่เดิมร่างของสองคนค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนหลังคาชายหนุ่มทางด้านซ้ายแต่งกายด้วยชุดสีดำ เขามีใบหน้าเรียวงามส่วนชายหนุ่มทางด้านขวา เขายิ้มและมองเฟิงเหยียนที่อันหล่อเหลา บัดนี้เฟิงเหยียนกำลังเมินเฉยชายหนุ่มทางด้านขวาหัวเราะและพูด"เดิมทีข้าแค่อยากรู้ว่าจั๋วซือหรานที่ถอนหมั้นกับเจ้าจะงามเช่นใด ไม่คิดเลยว่า ภรรยาในอนาคตของเจ้าจะน่าสนใจขเช่นนี้หรอกนะ"ใบหน้าของเฟิงเหยียนนิ่งเฉย “เหยียนฉี เจ้าลากข้ามาที่นี่เพื่อปีนหลังคาของบ้านคนอื่นหรือ”แววตาของเฟิงเหยียนเย็นชา บุคคลิกของเขาประกายอารมณ์ที่ปฏิเสธผู้อื่นเข้าใกล้ชิดอย่างหนักแน่น "อีกอย่าง นางไม่ใช่คู่หมั้นของข้า"“เชอะ อย่าเย็นชาขนาดนี้สิ” ดวงตากลมโตของเหยียนฉีหรี่ลง “จั๋วจิ่วเพิ่งพูดไปเมื่
แววตาของจั๋วซือหรานเต็มไปด้วยความสับสน มีพลังที่มองไม่เห็นกำลังล่อลวงหัวใจของนาง เพื่อให้นางทำตามคำพูดของฉินตวนหยางนางพยายามทรงตัวไว้และอดความเจ็บปวดไว้ไม่แปลกเลย ชะตากรรมอันเดิมของเจ้าของร่างคนนี้ราวกับคนตาบอด นางรักคนไร้ความสามารถอย่างฉินตวนหยางขนาดนี้ แท้จริงแล้ว นางถูกอาคมหนอนพิษกู่ควบคุมสติไว้พิษแปลก ๆ ดังกล่าวแปลกอย่างมากจนทำให้เจ้าของร่างเดิมโดนอาคมหนอนพิษกู่โดยไม่รู้ตัว แม้ตายไปก็ไม่ทราบว่าตัวเองโดนหนอนพิษกู่ หากจั๋วซือหรานไม่ได้เดินทางข้ามเวลามา ร่างเดิมคงใช้ชีวิตอันน่าสงเวชอย่างชะตากรรมอันเดิมที่กำหนดไว้แต่ในเมื่อจั๋วซือหรานมาแล้ว นางจะไม่มีวันฉินตวนหยางสมหวังฉินตวนหยางเห็นนางไม่ตอบ จึงเสกเป่าอีกที "เสี่ยวจิ่ว เจ้าเชื่อข้าไหมขอรับ"จั๋วซือหรานมองไปที่ฉินตวนหยาง นางค่อย ๆ อ้าริมฝีปากอันสีแดงให้กว้างขึ้น“เจ้าฝันไปเสียเถิด”เสียง 'คลิก'ดังขึ้น“อา”ขาของฉินตวนหยางถูกคนหัก และเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเขาตกใจด้วยความเจ็บปวดทรมาน ผู้นั้นได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า ตราบใดเสน่ห์หนอนพิษกู่นี้ยังคงอยู่ จั๋วซือหรานก็สามารถเชื่อฟังเขาไปตลอดชีวิต ทำไมหนอนพิษกู่จึงใช้งานไม่ไ
น้ำเสียงทุ้มต่ำของเฟิงเหยียนเต็มไปด้วยความเย็นชาและเสน่ห์"น่าอับอายเสียจริง เรื่องไร้สาระสิ้นดี"จั๋วซือหรานเงยหน้ามองชายผู้นี้ด้วยความเจ็บปวดอย่างมากใต้หล้ามีคนหน้าตาดีตั้งมากมายเฟิงเหยีนกลับมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ความหล่อเหลาของเขาผสมด้วยความกล้าหาญที่ฮึกเหิมทันทีที่จั๋วซือหรานเห็นใบหน้านี้ นางหายความเจ็บปวดทันทีแต่จั๋วซือหรานหายเจ็บปวด ไม่ใช่เป็นเพราะนางเห็นหน้าตาอันหล่อเหลาแต่เป็นเพราะวินาทีที่ชายผู้นี้ปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว เขาวางมือบนไหล่ฉินตวนหยาง"อ๊าก ๆ——!“ฉินตวนหยางกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงร้องนั้นดังเป็นสิบ ๆ เท่าเมื่อเทียบกับตอนที่เขาถูกหักขาในก่อนหน้านี้ และบัดนี้เขากำลังล้มบนพื้นและกระตุกไปทั้งตัวสายเลือดของตระกูลเฟิงเป็นเช่นนี้ สายเลือดนี้เป็นธาตุไฟที่รุนแรงที่สุด ยิ่งเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยม พลังทางจิตวิญญาณก็ยิ่งเผด็จการมาขึ้นเท่านั้นหากถูกพลังทางจิตวิญญาณนั้นรุกราน จะมีความรู้สึกอย่างร่างกายกำลังถูกไฟเผา ซึ่งความเจ็บปวดนั้นพอ ๆ กันกับความเจ็บปวดที่เสน่ห์หนอนพิษกู่นำมาในขณะเดียวกัน ฉินตวนหยางหลั่งน้ำอย่างหนัก เขาดูน่าเกลียดอย่า
ทันทีที่เฟิงเหยียนเดินออกจากจวนของจั๋วซือหราน หลังจากนั้นไม่นาน ข้างเฟิงเหยียนมีร่างสีดำสองร่างปรากฏตัวอย่างเงียบ ๆ“ท่านอ๋องขอรับ” ชายที่สวมชุดดำทั้งสองแสดงความเคารพเฟิงเหยียนมีสีหน้าอย่างไม่มีอารมณ์ "ไปสืบมา ข้าต้องการรู้เสน่ห์หนอนพิษกู่ที่จั๋วจิ่วถูกวาง ใครเป็นคนสั่งการเบื้อหลัง"ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าบัณฑิตที่ไร้ประโยชน์ผู้นั้นจะเป็นผู้กระทำความผิดนี้*จั๋วซือหรานกำลังนั่งอยู่ในห้อง ฝูซางกังวลอย่างมาก และรีบเช็ดเลือดที่ริมฝีปากของคุณหนูของนาง "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูจะปล่อยเป็นเช่นนี้อีกต่อไปมิได้หรอกนะ ข้าน้อยว่า เราควรรีบไปตามคุณหมอมาตรวจเถิดนะ"“ข้าแค่อาเจียนออกมาเป็นเลือดเพียงเท่านั้น กังวลอะไรล่ะ” จั๋วซือหรานดึงเข็มเงินที่นางสอดไว้ก่อนหน้านี้ออกมาอย่างใจเย็น “หากไม่บีบเลือดที่ติดพิษกู่ออกไป อาการบาดเจ็บภายในจะไม่มีทางหายหรอก”ฝูซาง: “ว่าแต่คุณหนูไปเรียนทักษะการรักษามาโรคตั้งแต่เมื่อไรกัน"จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และไม่ตอบ ”ยิ่งไปกว่านี้ ข้าอยากรู้ว่าใครกันแน่ที่เกลียดข้ามากจนใช้เสน่ห์หนอนพิษกู่ มิฉะนั้น ต่อให้ฉินตวนหยางมีความกล้าหาญมากเท่าไร เขาก็ไม่กล้าำเช่นนี้กับข้าหรอก แม้
จั๋วซือหรานแต่งกายด้วยชุดสีขาวบาง คุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูของจวนจั๋วนางพูดกับผู้ที่เฝ้าหน้าประตูว่า "กรุณาบอกผู้อาวุโสใหญ่ว่า จั๋วจิ่วกลับมาเพื่อขออภัยโทษแล้ว"องครักษ์กำลังจะเข้าไปรายงาน ทว่ากลับถูกใครบางคนห้ามไว้“ห้ามไป” เจียงซาน ซึ่งเป็นคนของบิดาจั๋วหรูซิน เขาห้ามยามที่เฝ้าหน้าประตูไว้เจียงซานพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า "คุณหนูจิ่วไม่เชื่อฟังแม้แต่ผู้อาวุโส ทั้งยังไม่สนใจชื่อเสียงของตระกูลด้วยซ้ำมิใช่หรือ ในเมื่อตอนนี้ออกเรือนแล้ว กลับมาด้วยเหตุใด"จั๋วซือหรานเกิดมาพร้อมกับผิวพรรณเกลี้ยงเกลา คิ้วงดงามดังภาพวาด ด้วยรูปลักษณ์สตรีเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องง่ายที่ถูกมองเป็นสตรีผู้แสนน่าสงสารและอ่อนแอแต่นางไม่ใช่สตรีอ่อนแอเห็นได้ชัดว่า นางกำลังคุกเข่าอยู่ แต่บุคลลิกของนางดูสูงส่งกว่าตอนที่นางยืนด้วยซ้ำ นางพูดอย่างเย็นชา "เจ้ามีฐานะเช่นใด เจ้ากล้าเยาะเย้ยข้าหรือ เหรือจ้าคิดว่า ข้าเป็นคนอ่อนแอที่กลั่นแกล้งง่ายเช่นนั้นหรือ"เจียงซาน "ผู้อาวุโสไม่อยากเห็นหน้าเจ้าเลย ต่อให้เจ้าคุกเข่าที่หน้าประตูจนตายก็ไร้ประโยชน์"จั๋วซือหรานพูดอย่างเย็นชา"เจ้าควรพิจารณาให้ดีเสียก่อนว่า ผู้อาวุโสไ
จั๋วหรูซินตะโกนด้วยความโกรธ "จั๋วซือหราน เจ้า"“พอแล้ว” ผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้วและตะโกนจั๋วหรูซินยังอยากฟ้องต่อ "ผู้อาวุโสใหญ่ นาง..."จั๋วซือหรานกลับโค้งคำนับเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพ "ข้าจะไปรับการลงโทษที่ห้องโถงบรรพบุรุษเจ้าค่ะ"ทิ้งจั๋วหรูซินอยู่นั่นผู้เดียว ปล่อยนางโกรธจนหน้าซีดระหว่างทางไปห้องโถงบรรพบุรุษ จั๋วซือหรานเจอฝูซูและฝูซาง“หลิ่วเย่ล่ะ” จั๋วซือหรานถามฝูซางตอบ “พวกเราหลบสายตาของผู้อื่น พานางเข้าเดินผ่านประตูหลังและเดินเข้าจวน มัดนางไปหาผู้อาวุโสใหญ่เพื่ออธิบายรายละเอียดต่าง ๆ จากนั้นผู้อาวุโสใหญ่ก็สั่งให้ขังนางไว้ในห้องเก็บฟืนที่ลานด้านข้างจนกว่าเขาจะสอบปากคำ”ฝูซูถาม "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูลิ่วกำจัดหลิ่วเย่หรือไม่เจ้าคะ มิเช่นนั้นข้าไปคอยคุ้มกันไว้ดีไหมเจ้าคะ"จั๋วซือหรานยกริมฝีปากขึ้นและยิ้ม "หากนางฆ่าอีนังนั้นเสียจริง นั่นก็หมายความว่า หาเรื่องใส่ตัวแล้วน่ะสิ ในเมื่อผู้อาวุโสใหญ่สั่งขังหลิ่วเย่อยู่ในห้องเก็บฟืนที่ลานด้านข้าง แสดงว่าท่านต้องแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว"หากจั๋วหรูซินจิตใจลุกลี้ลุกลน แล้วไปฆ่าหลิ่วเย่จริง ๆ เรื่องน่าจะสนุกน่าดูสินะฝูซางกังวล"คุณหนูเจ้าค
เมื่อจั๋วซือหรานเห็นฝูซูกลับมา นางคิดว่าฝูซูพาคุณหมอมาถึงบ้านแล้ว ผู้ใดจะทราบได้ว่า ชายหนุ่มแสนหล่อเหลาที่กล่าวถึงในเมื่อวานนี้ว่า จะต่างคนต่างอยู่ เวลานี้ชายผู้นี้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำและกำลังนั่งหน้าโต๊ะแปดเซียนจั๋วซือหราน "ทำไมถึงเป็นเจ้าล่ะ"เฟิงเหยียนเหลือบมองถ้วยชาในมือของเขา "ผู้ดูแลของเจ้าไปตามคุรหมอที่เรือนหมอของตระกูลเหยียน"“ข้าไปตามคุณหมอที่บ้านมิได้หรือเจ้าคะ” จั๋วซือหรานลากเก้าอี้หนึ่งตัวออกมาแล้วนั่งลง ใบหน้าของนางซีดเซียว นางริมชาเองและดื่มหมดถ้วย“เพราะคนที่ไปเชิญคุณหมอเป็นผู้ติดตามของเจ้า ดังนั้นตระกูลเหยียนจึงส่งข่าวข้า ข้านึกว่าเจ้าจะมีกลอุบายใหม่ ๆ ดังนั้นจึงเข้ามาดูเสียหน่อย” เฟิงเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีอารมณ์ใด ๆ“แล้วคุณหมอล่ะ เจ้าไม่ได้ให้คุณหมอตามมาด้วยหรือ ” จั๋วซือหรานถามเฟิงเกยียนไม่ได้พูดอะไร นั่นหมายถึงจั๋วซือหรานพูดได้ถูกเพราะเมื่อวานเหยียนฉีบอกว่า ชีพจรของนางแข็งแรงมากและถึงแม้จะมีอาการบาดเจ็บภายใน แต่ปัญหาก็ไม่ร้ายแรง ยิ่งไปกว่านั้น พลังทางจิตวิญญาณและความสามารถในการฟื้นฟูของลูกหลานตระกูลจั๋วนั้นเหนือกว่าคนทั่วไปมากเมื่อรวมกับยาน้ำค้
มีใบมีดคมที่เย็นเฉียบขึ้นจากหลังคอ และบัดนี้กระบี่เล่มนั้นกำลังถูกวางที่คอขององครักษ์เขาไม่กล้าขยับตัว เสียงของเขาก็สั่นเครือ “ จิ่ว คุณหนูจิ่ว ท่าน…มีอะไรจะพูด…ก็พูดกันดี ๆ เสียก่อน อย่าหุนหันพลันแล่นไปเลย... ““ข้าไม่ได้หุนหันพลันแล่น ข้าใจเย็นแล้วนะ” จั๋วซือหรานเสาะยิ้ม “แต่พวกเจ้าต่างหาก ตอนนี้พร้อมจะคุยกับข้าดี ๆ ยัง”“จิ่ว คุณหนูจิ่ว ท่านเป็นคนใจกว้าง อย่า อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับพวกข้าเลยขอรับ” ยามอ่อนแรงจนขาสั่น เขากลัวมือของจั๋วซือหรานจะสั่น“ตอนนี้ ข้าถามอะไร พวกเจ้าต้องตอบ เข้าใจหรือไม่”"เข้า เข้าใจแล้วขอรับ"“น้องชายของข้าอยู่ที่ไหน”“คุณท่านลิ่วนำตัวไปแล้ว”“นำตัวไปที่ไหน”“พวกเราไม่ทราบขอรับ” องครักษ์เกรงว่านางจะไม่เชื่อ จึงย้ำอีกครั้งว่า "พวกเราไม่รู้จริง ๆ และคุณท่านลิ่วก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกเราทราบการเดินทางของท่าน"“คำถามสุดท้าย จั๋วหรูซินอยู่ที่ไหน พาข้าไปหานางหน่อย” จั๋วหรูซินพูดอย่างเย็นชาโดยไม่ให้โอกาสผู้คุมปฏิเสธ นางกดกระบี่ลงจนทำให้เกิดรอยเลือดขึ้น*"ไร้ประโยชน์ ไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น"ในห้องด้านใน จั๋วหรูซินทุบถ้วยชาในมือของนางออย่างแรง "ถังหยวนอ่อนให้
อย่างกับจะใช้สายตาจัดการเปลื้องผ้านางออกจนหมดอย่างไรอย่างนั้นในน้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความอยากได้อยากครองอย่างไม่ปิดบัง เอ่ยขึ้นว่า "แม่นางจั๋วจิ่ว ตระกูลเฟิงทำกับท่านแบบนี้ ไม่ได้เห็นใจและสงสารกันเลย! หชื่อเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งสำคัญมาก ทั้งที่ท่านต้องหมั้นหมายกับเฟิงเหยียนชัดๆ ตอนนี้กลับมาเปลี่ยนคนกลางทาง นี่มันไม่เห็นท่านอยู่ในสายตาเลย!"จั๋วซือหรานพอได้ยินก็ไม่ได้พูดอะไร หลักๆ คือขี้เกียจจะไปตอบ จะลองดูว่าคนผู้นี้จะพูดอะไรออกมาอีกคนผู้นี้พอเห็นจั๋วซือหรานไม่พูดอะไร ก็คิดว่าจั๋วซือหรานยอมรับตัวเขาแล้วจึงรีบพูดต่อว่า "ไหนจะเรื่องที่ให้เจ้าต้องมาเจ็บจนเหวอะหวะไปทั้งตัวนี่เอง รังแกกันเกินไปแล้ว นี่คือยารักษาอาการบาดเจ็บ น้ำใจเล็กน้อยของข้าน้อย ข้าน้อยชื่นชมแม่นางจั๋วจิ่วมานานแล้ว แม่นางเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง จะอย่างไรเบื้องหลังก็ควรมีตระกูลมาคอยสนับสนุนถึงจะถูก..."จั๋วซือหรานได้ยินคำนี้ ในที่สุดหัวเราะออกมาอย่างทนไม่ไหว ตาของนางโค้งจนเย็นชาไร้ความอบอุ่น เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า "โอ้ นี่ก็มาทันเวลาจริงๆ ถ้ายังไม่เอายามารักษาล่ะก็ แผลของข้าก็ใกล้สมานกันแล้ว"คนผู้นี้สีหน้าแข็งทื่อ รอบๆ ก
"เจ้า...!" เฟิงเหยียนรู้สึกว่าตนเองแทบจะบ้าอยู่แล้ว กระทั่งไม่รู้ว่าไฟโกรธนี้มาจากที่ไหนนิ้วของจั๋วซือหรานคลายจากด้ามกระบี่ เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "ชอบกระบี่ข้าขนาดนี้เชียว? ถึงกับเอามือเปล่ามารับคมเลยหรือ? ให้เจ้าแล้วกัน"พูดพลาง จั๋วซือหรานก็หันไปมองผู้อาวุโสตระกูลเฟิงเหล่านั้นนางหัวเราะขึ้นมา "แค่นี้น่ะนะ?"พอสิ้นเสียง ก็เห็นสีหน้าเหมือนกินขี้มาของพวกเขาตามคาดทุกคนล้วนนิ่งเป็นเป่าสาก เพราะสถานการณ์ก่อนหน้านี้มันพลิกไปพลิกมา...จนทำเอาคนต้องถลึงตาอ้าปากค้าง ดูละครยังไม่ถึงใจขนาดนี้เลยจั๋วจิ่วคนนี้ เป็นคนประหลาดเสียจริง!นางกล้ามากจริงๆ!นางกล้าเดิมพัน!พวกบ้าเดิมพันแบบนาง ตระกูลเฟิงทำไมถึงกล้าไปยั่วโมโหนางกัน?ครั้งนี้เป็นไงล่ะ ขายหน้าครั้งใหญ่เลยกระมังคิดจะทำให้จั๋วซือหรานอึดอัดต่อหน้าคน ตอนนี้ใครกันแน่ที่อัดอัด?ผู้อาวุโสตระกูลเฟิงไม่พอใจกับเรื่องนี้มาก เดินไปข้างๆ เฟิงเหยียน กดเสียงต่ำถามขึ้นมา "เหยียนเอ๋อร์! เจ้าเป็นอะไรไป"เฟิงเหยียนก้มหน้าลงใช้ผ้าเช็ดมือเช็ดแผลที่ฝ่ามือของตนเอง สีหน้านิ่งมาก กวาดตามองผู้อาวุโสผาดหนึ่ง เสียงเองก็เรียบสงบ "พวกท่านก่อนหน้านี้ไม่ได้พูด
แต่กลับไม่ลงมือ กระทั่ง ยังเก็บกระบี่ยาวลงทันควันอีกด้วยเสียงชิ้ง! ดังขึ้น กระบี่เสวียนเหยียนกลับเข้าไปอยู่ในฝักแล้วจั๋วซือหรานมองเขา "ท่านอ๋อง ท่านไม่รู้จักข้าจริงหรือ?""ไม่รู้จัก" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้นเสียงเย็นชา แต่ในใจกลับไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร ไม่รู้จักจริงหรือ? แล้วปัญหามันเกิดจากตรงไหนกัน...จั๋วซือหรานหัวเราะเฮอะขึ้น "มองไม่ออกเลย ว่าท่านอ๋องจะมีเมตตากับคนที่ไม่รู้จักแบบนี้ ไม่ใช่บอกว่าจะสังหารข้าหรือ ลงมือไม่ลงแล้วเหรอ?"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไรจั๋วซือหรานมองเขา มุมปากเลิกขึ้นเป็นรอยโค้งเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม "หรือก็คือ เพราะข้าหน้าตาดี ท่านอ๋องเลยเห็นใจและสงสารขึ้นมาแล้วสินะ?"เฟิงเหยียนได้ยินคำนี้ นิ่งงันไปพักหนึ่ง "เจ้าถือว่าเป็นหญิงสาวที่ต้องเห็ฯใจและสงสารหรือ?"จั๋วซือหรานพอได้ยินก็ยิ้มๆ นางมองเขานิ่งไม่รู้เพราะอะไร เฟิงเหยียนมองออกบางส่วนจากในสองตานี้...ทำให้เขามีสีหน้าตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุกระทั่งว่า ตัวนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงต้องตื่นตระหนกแต่เพียงไม่นาน เขาก็มีคำตอบขึ้นมาเพราะวินาทีต่อมา มือที่ห้อยอยู่ข้างตัวนาง กำกระบี่แล้วชูขึ้นมาทันควันแต่
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร น่าจะเพราะพริบตานี้ จู่ๆ ก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาจั๋วซือหรานไม่หลบอีก จู่ๆ นางก็หยุดเท้ายืนนิ่งมองชายที่โบกกระบี่มาทางตนเอง หางตานางแดงรื้นขึ้นมา เหมือนดูอ่อนแอมาก แต่ริมฝีปากกลับเม้มแน่น มองไม่เหมือนคนที่อ่อนแอเลยแม้แต่น้อยเฟิงเหยียนโบกกระบี่โจมตีมาทางเขา เขากระทั่งคาดการณ์ไว้แล้วล่วงหน้า ว่าหญิงสาวคนนี้จะทำท่ายกกระบี่เพื่อกันไม่รู้เพราะอะไร ถึงแม้เขาจะไม่รู้จักหญิงสาวคนนี้ แต่ระหว่างที่ลงมือกับนาง กลับทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองพูดไม่ถูกว่าเป็นความรู้สึกอะไร และบอกไม่ถูกว่าในใจเป็นอย่างไรหรือว่าจะเพราะ...นางนั้นงดงามมาก ดังนั้นจึงทำให้เขารู้สึกเห็นใจและทะนุถนอมขึ้นมาหรือ?ถึงแม้เขาจะรู้สึกว่าในชีวิตของตนเองนี้ เหมือนไม่เคยเกิดมีคำว่ารู้สึกเห็นใจและทะนุถนอมมาก่อนเลยก็ตามแต่ว่า บาดแผลเหล่านั้นบนตัวนาง...เดิมทีควรจะตัดแขนของนางไปแล้ว แต่ตอนหลังกลับเก็บแรงลงมา จึงทิ้งไว้แค่เพียงแผลถลอกเดิมทีควรจะเป็นการโจมตีที่ทะลวงท้องของนางไป แต่กลับกลายเป็นแผลตื้นๆ แผลหนึ่งที่ข้างเอวนางแทนแน่นอน เฟิงเหยียนคิดว่า น่าจะเพราะนางปฏิกิริยารวดเร็วมาก และเพราะทุกค
"เฟิงเหยียนเองก็ไร้น้ำใจเกินไปแล้ว""นั่นสิ ต่อให้ไม่ได้เป็นคนรักกัน แต่แม่นางจั๋วจิ่วก็รักเขามากนะ ถึงกับยอมเป็นศัตรูกับทั้งตระกูลเฟิงเพื่อความปลอดภัยของเขาเลย แต่ดันต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""น่าเวทนาจริงๆ หญิงสาวนี่นะ ต่อให้จะเก่งกาจแค่ไหน แต่ถ้ามาหลงใครหัวปักหัวปำเรื่องความรัก ก็จบแล้ว""คนที่อหังการอย่างจั๋วจิ่ว ก็ยังหนีคำว่ารักนี่ไม่พ้นสินะ"ถึงแม้จะไม่อยากได้ยิน แต่ห้องโถงมันก็ใหญ่แค่นี้คำสำคัญในเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ดังก้องจนได้ยินอย่างชัดเจนจั๋วซือหรานยืนอยู่ตรงนั้น นางยกมือขึ้นกุมแขนซ้ายของตนเอง ของเหลวสีแดงสดไหลออกมาตามร้องนิ้ว จนทำเอาแขนเสื้อชุดแดงเพลิงของนาง ย้อมจนกลายเป็นแดงคล้ำนางมองชายคนนั้น มองสีหน้าไร้อารมณ์กับดวงตาลึกซึ้งที่เหม่อลอยของเขาถึงแม้จะไม่อยากยินยอม แต่ก็จำใจต้องยอมรับความจริงหนึ่ง"เจ้าจำข้าไม่ได้แล้ว" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นเสียงเรียบเสียงของเฟิงเหยียนไม่มีความอบอุ่นแม้เพียงน้อย ฟังแล้วเลื่อนลอยมาก "ข้าไม่รู้จักเจ้าเลย"จั๋วซือหรานคิดถึงภาพตอนที่ตนเองได้พบชายคนนี้ขึ้นมาครั้งแรกทันทีเขาในตอนนั้น ก็เหมือนจะเป็นเช่นนี้ พูดจาเฉยเมย เย็นชา ฟังไม่ออกเล
"เจ้ากำลังพูดไร้สาระอะไร? พวกเราไปทำอะไรกับเขาตอนไหน?"ถูกจั๋วซือหรานใช้กระบี่ยาวแทงผู้อาวุโสตระกูลเฟิงคนนี้ไว้บนพื้น เนื่องจากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกะทันหันทำให้เขาหน้าบูดเบี้ยวแต่ว่าตอนที่มองจั๋วซือหราน สายตากลับดูภาคภูมิใจขึ้นมาราวกับกำลังบอกกับนางว่า: แล้วเจ้าจะทำอะไรได้? เจ้าโกรธแค้นขนาดนี้เพื่อเฟิงเหยียน ไล่ฆ่าคนไปมากมาย พยายามไปตั้งมากมาย แล้วมีประโยชน์อะไร? เจ้าทำอะไรได้บ้าง?ผู้อาวุโสคนนี้ทนความเจ็บปวดไว้ เสียงกดลงทั้งต่ำทั้งเบา แต่กลับมีความเย้ยหยันกับหยิ่งยโสขึ้นอย่างไม่ปิดบัง บอกกับจั๋วซือหรานว่า "เจ้าไม่ใช่ว่าทุกวันต้องสังหารคนในตระกูลเราหนึ่งคนหรือ? เจ้าไม่ใช่บอกว่า ทุกวันจะสังหารลิ่วล้อของพวกเราคนหนึ่งนี่นะ?"เขาจ้องจั๋วซือหรานนิ่ง หัวเราะเย็นชา "เช่นนั้นเจ้าก็จัดการสังหารเฟิงเหยียนเสียสิ เขาเองก็เป็นลิ่วล้อของพวกเรา ทำไมเจ้าไม่ลงมือ?"ดวงตาของจั๋วซือหรานแดงก่ำขึ้นมา ริมฝีปากเม้มแน่น ไม่พูดอะไรผู้อาวุโสที่ถูกนางกดไว้คนนี้ พูดต่อมาว่า "จั๋วจิ่ว ถ้าเจ้าไม่ลงมือ ข้าก็จะลงมือแล้วนะ"จั๋วซือหรานยังไม่ทันตั้งตัวว่าคำว่า 'ลงมือ' จากปากผู้อาวุโสตระกูลเฟิงหมายความว่าอย
เขาจ่ายออกไปแล้วจริงๆเจ็บปวดมากดังนั้นเขาจึงหวังว่าลูกชายตนเองจะไม่เดินตามรอยความผิดพลาดของตนเช่นนั้น ขอแค่เหยียนเอ๋อร์ไม่เอาใครมาไว้ในใจ ก็ไม่ต้องเดินตามรอยตนเองแล้วและก็ผ่านไปอีกพักหนึ่งงานเลี้ยงในที่สุดก็เริ่มขึ้นแล้ว จั๋วซือหรานตามเหล่าแขกเหรื่อไปที่โถงจัดเลี้ยงและได้เห็นเหล่าผู้อาวุโสตระกูลเฟิง เข้ามาถึงในห้องจัดเลี้ยงก่อนแล้วนอกเหนือจากนี้ คนของตระกูลเหยียนส่วนหนึ่งก็อยู่ด้วยพวกเขากำลังคุยอะไรบางอย่างกันอยู่คิ้วของจั๋วซือหรานเลิกเล็กน้อย สายตาเย็นชาลงเล็กน้อยตอนที่ทุกคนมากันเกือบครบ ผู้อาวุโสตระกูลเหยียนกับผุ้อาวุโสตระกูลเฟิงก็ยืนขึ้นมา ร่วมประกาศข่าวขึ้นพร้อมกัน"เชื่อว่าทุกคนน่าจะเคยได้ยินกันแล้ว พวกเราสองตระกูลกำลังจะเกี่ยวดองกัน ลูกหลานที่ยอดเยี่ยมสองคนของสองตระกูลเรา ในวันนี้จะทำการหมั้นหมายกันภายใต้สักขีพยานของทุกท่าน หวังว่าจะได้รับการอวยพรของทุกท่าน"ทุกคนไม่อวยพรก็ไม่อวยพรสิ แต่สายตาก็อดมองไปทางจั๋วซือหรานไม่ได้ขึ้นมา ราวกับพยายามจะหาคำตอบหรือเหตุผลจากหน้าบนหน้าจั๋วซือหรานสีหน้าของจั๋วซือหรานไม่มีความอบอุ่นอยู่เลย แต่ก็มองไม่ออกว่าอึดอัดอะไรมีคน
"ข้าก็แค่คิดไม่ถึง เจ้ารู้อยู่แล้วว่าเป็นแผนแต่ก็ยังกล้ามา นี่มันพูดว่าหยิ่งยโสไม่ได้แล้ว แต่เป็นโง่เขลาต่างหาก"จั๋วซือหรานได้ยินคำพูดเขา ก็หันหน้ากลับมา แล้วจึงเห็นชายกลางคนคนหนึ่งไม่ใช่คนอื่น บิดาของเฟิงเหยียน เฟิงอวี้นั่นเอง"พวกเขาเอาเฟิงเหยียนมาเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน ไม่ใช่ว่าคิดไว้แล้วว่าข้าจะมาหรือ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้สายตาเฟิงอวี้ดูลึกซึ้งมากจั๋วซือหรานมองดวงตาเขา น้าจะเพราะคิ้วตาใบหน้าของเฟิงอวี้ดูคล้ายกับเฟิงเหยียนจริงๆดังนั้นพอมองดวงตาเฟิงอวี้ ก็คล้ายกับมองดวงตาของเฟิงเหยียนอย่างไรอย่างนั้นพอที่จะอ่านออกมาได้ชัดเจน ว่าในสองตานั่น ไม่มีความคิดอริศัตรูตอนนี้ ไม่เห็นความคิดอริศัตรู แต่กลับเห็นถึงอารมณ์ที่ซับซ้อนลึกซึ้งบางส่วนนางเองก็บอกไม่ถูกว่าคืออะไร แต่ขอแค่ไม่ใช่ความคิดอริศัตรู นางก็ขี้เกียจจะไปใส่ใจจั๋วซือหรานหมุนตัวหันไปโยนหินลงน้ำต่อแต่กลับไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินจากไปลอดเข้ามาทางด้านหลังเฟิงอวี้ยืนอยู่ด้านหลังนางตลอด ไม่ได้เดินไปไหนจั๋วซือหรานไม่ได้ยินเสียงเขาเดินจากไป ดังนั้นหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงหันมาถามว่า "ท่านมีอะไรจะชี้แนะอีกหรือ?"ถึงแ
พวกมันล้วนโมโหกัน"ปล่อยข้าออกไป! ข้าจะกัดเขาให้ตายไปเลย!" งูเพลิงเงินเอ่ยขึ้นขนมถั่วแดงเป็นพวกนิสัยหัวรุนแรง "ข้าจะไปฝังไหมกู่ให้เต็มตัวเขาเลย!"กระทั่งราชาแมงมุมหน้าผีที่สุขุมที่สุด ก็ยังพูดว่า "ข้าจะให้เขาได้เจอกับรสชาติของการถูกชำแหละจนตาย"พวกมันเจื้อยแจ้วอยู่ในสมองนาง แต่กลับบรรเทาอารมณ์ของจั๋วซือหรานลงได้ระดับหนึ่งหลังจากเข้ามาในสวนชิวอี ถึงแม้นางจะเดินเพียงคนเดียวแต่ก็มีคนเข้ามาใกล้นาง ทว่าไม่ได้มีเจตนามาหาเรื่องนางผ่านเรื่องไปมากมาย คนเราก็เรียนรู้ที่จะทำตัวให้ว่าง่ายขึ้นไม่น้อย ต่อให้จะไม่ชอบนาง ก็จะไม่ยั่วโมโหนาง ถึงอย่างไร ถ้าไปยั่วโมโหความยุ่งยากใหญ่นี้เข้า ไม่ใช่ตัวเลือกที่ฉลาดนักแน่นอนคนที่เข้ามาหานางก็เพื่อจะมาสร้างความสนิทสนมกับนาง"แม่นางจิ่ว ได้ยินว่าช่วงนี้ท่านร่วมมือกับตระกูลฮั่ว ใช้ยาลูกกลอนขั้นสี่เป็นสิ่งแลกเปลี่ยน ไม่ทราบว่าอยากจะมาร่วมมือกับข้าบ้างไหม?""จริงด้วย ขายยาลูกกลอนเหล่านั้นให้พวกข้าบ้างก็ได้นะ"ถึงอย่างไรยาลูกกลอนขั้นสี่หลายครั้งก็ราคาสูงมากจนขายไม่ได้ในเมืองหลวง ต้องนำไปประมูลกัน การประมูลก็ดูไม่ใช่สิ่งที่แน่นอนด้วย ไม่รู้ว่าจะมีคนโง