18
หมู่บ้านใหม่ฉิงอี้ ลู่ปิงปิงยืนอยู่บนเรือนไม้ไผ่สองมือจับราวกั้นของเรือนเอาไว้ ใบหน้ากลมสวยแหงนขึ้นมองพระจันทร์เต็มดวงสีเลือด หวนคิดถึงสามีที่อยู่ต่อสู้กลับเผ่าปีศาจ ณ หมู่บ้านฉิงอี้แต่เดิม หวังว่าการย้อนมาในอดีตของเธอจะทำให้เผ่าสัตว์อสูรแคล้วคลาดจากภัยพิบัติในครั้งนี้ไปได้ เพราะเธอไม่อยากสูญเสียใครไปอย่างในภพชาติของเธออีกแล้ว หูหลี่กลับมาอย่างปลอดภัยตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับเธอด้วย ขอร้องล่ะ " คุณหนูดึกมากแล้วเข้าไปพักผ่อนเถอะนะเจ้าค่ะ หากคุณหนูมิสบายขึ้นมาแล้วท่านหูหลี่กลับมาพบเข้า ซูซู่อาจจะโดนท่านหูหลี่ทำโทษเอาได้นะเจ้าคะ " ซูซู่พยายามหาคำกล่าวให้สมเหตุสมผล เพื่อให้คุณหนูของนางได้พักผ่อนบ้าง ตั้งแต่มาที่นี่คุณหนูของนางก็เอาแต่เป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ณ หมู่บ้านฉิงอี้แต่เดิม นางมั่นใจว่าท่านเขยจะต้องชนะศึกในครั้งนี้เป็นแน่ มิใช่เพียงแค่นางเท่านั้น แต่ทว่าสัตว์อสูรที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน " ข้าอยากอยู่ตรงนี้อีกสักประเดี๋ยว ซูซู่เจ้าคิดว่าท่านพี่จะชนะศึกในครั้งนี้ได้หรือไม่ " ลู่ปิงปิงเอ่ยถามสาวรับใช้ในขณะที่ใบหน้ายังคงแหงนมองพระจันทร์เต็มดวงสีเลือดอยู่ แม้นว่าเธอกับหูหลี่ผู้เป็นสามีได้วางแผนการกำจัดศัตรูในครั้งนี้เอาไว้อย่างแนบเนียนแล้ว แต่ทว่าเธอก็อดที่จะเป็นห่วงและเป็นกังวลไม่ได้ เฮ่ย... " ซูซู่เชื่อว่าท่านหูหลี่จะต้องชนะศึกในครั้งนี้เจ้าค่ะ ฉะนั้นคุณหนูมิต้องเป็นห่วงหรือเป็นกังวลมากไปนะเจ้าคะ " พลางยกยิ้มให้กับคุณหนูของนาง " อืม...ขอบคุณนะซูซู่ที่คอยอยู่เคียงข้างข้ามาเสมอ " ลู่ปิงปิงหันมายกยิ้มอ่อนให้กับซูซู่ ถึงแม้ว่าซูซู่จะเป็นสาวรับใช้ของเสี่ยวลู่ซึ่งตอนนี้ก็คือเธอ หากแต่เธอกลับมองซูซู่เป็นเหมือนน้องสาวมากกว่าสาวรับใช้ " คุณหนู...มิว่าภายภาคหน้าจะต้องลำบากเพียงใดขอแค่ซูซู่ผู้นี้ได้อยู่เคียงข้างคุณหนู ซูซู่ก็มีความสุขมากแล้วเจ้าค่ะ " ดวงตากลมโตเริ่มฉ่ำคลอ ตั้งแต่นางเข้ามาเป็นสาวรับใช้ภายในจวนรองเสนาบดีกรมกลาโหม นางถูกสาวรับใช้ภายในจวนที่อยู่มานานกลั่นแกล้งสารพัดหากแต่ได้คุณหนูคอยยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือและปกป้องนางอยู่เสมอ จนกระทั่งนางได้เป็นสาวรับใช้ประจำกายของคุณหนูผู้แสนใจดีและอ่อนโยน ผ่านไปมินานนางก็ได้รู้ความจริงว่าคุณหนูได้เข้าไปคุกเข่าขอร้องต่อนายท่าน เพื่อให้นางได้มาเป็นสาวรับใช้ข้างกาย นั่นยิ่งทำให้นางซาบซึ้งในน้ำใจของคุณหนูมาก จนอุทิศชีวิตที่เหลืออยู่ของนางให้เป็นของคุณหนูเสี่ยวลู่และจะปกป้องคุณหนูเสี่ยวลู่ตลอดไป แม้นภายภาคหน้าจะต้องลำบากและจะต้องเจออุปสรรคมากเพียงใดนางก็จะมิมีวันทอดทิ้งคุณหนูของนางแน่นอน ' ขอบคุณนะซูซู่ ' เพียงได้ยินคำพูดของนางก็ทำให้เธอผ่อนคลายและสบายใจมากขึ้น เสี่ยวลู่เธอช่างโชคดีจริง ๆ ที่ได้ซูซู่เป็นสาวรับใช้ข้างกาย ถ้ำลับของหมู่บ้านฉิงอี้ " หึ ในที่สุดต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นของเผ่าปีศาจ หลังจากท่านซีจ้าวเหว่ยฟื้นคืนชีพเผ่าปีศาจก็จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ฮูหยินของข้าเจ้าจงทำลายค่ายกลที่ปกป้องต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์นั่นซะ ส่วนเจ้าชิงหรางจงไปฆ่าสัตว์อสูรพวกนั้นอย่าให้เหลือรอดไปได้แม้แต่ตนเดียว " " เจ้าค่ะท่านจ้าว " หยี่หมิงพยักหน้าให้กับสวามีและรอจังหวะที่จะเข้าไปทำลายค่ายกลปกคลุมต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ทิ้ง นางรู้ดีหากนางมิยอมทำตามคำสั่งของเขาอย่างว่าง่ายจะเป็นตัวนางเองที่จะต้องตาย " เจ้าค่ะท่านจ้าว " ชิงหรางรับคำแล้วเข้าไปต่อสู้กับสัตว์อสูรที่หูหลี่สร้างเอาไว้เพื่อตบตาของเผ่าปีศาจ " เผ่าสัตว์อสูรข้าจะทำลายให้สิ้น " เสียงเข้มเอ่ยขึ้น มุมปากคล้ำกระตุกยิ้มยามนึกถึงเผ่าศัตรูที่จะถูกทำลายให้สิ้นซากด้วยน้ำมือของเผ่าตนในมิช้า ภายในหมู่บ้านฉิงอี้แต่เดิม ตรอกเล็กภายในหมู่บ้าน บุรุษเผ่ามนุษย์หกคนที่ซุ่มหวังรอจู่โจมเผ่าปีศาจที่เหลืออยู่น้อยนิด เพื่อช่วยเผ่าสัตว์อสูรไถ่โทษความผิดของตนที่เคยกระทำไว้ในอดีต " ตอนนี้แหละ...พวกเราโจมตี " เสียงของเซียวหลี่ดังขึ้นสั่งการลูกสมุน " โจมตี หย๊า!... " เสี่ยวหูจู่โจมปีศาจตบะต่ำทันทีที่สิ้นเสียงของเซียวหลี่ " ตายซะพวกปีศาจ! " ลูกสมุนของเซียวหลี่ " ในที่สุดก็ได้ชดใช้คืนให้กับเผ่าสัตว์อสูรแล้ว " ผู้อาวุโสเว่ยกล่าวจบก็เข้าไปต่อสู้ร่วมกับบุตรชายและลูกสมุนหวังกำจัดปีศาจ เพื่อช่วยเผ่าสัตว์อสูรตามเจตนารมณ์ที่ตนได้ปณิธานเอาไว้ หากตายในการต่อสู้ครั้งนี้ก็มิคิดเสียดายชีวิต กลางอากาศ การต่อสู้ระหว่างหูหลี่กับจ้าวซินเหว่ย แม่ทัพเหยาชูกับโม่เฉิน มือขวาแม่ทัพเหยาชูหลินเยว่กับหลงซู ยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บ หูหลี่ใช้พลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดโจมตีจ้าวซินเหว่ย ซึ่งอีกฝ่ายก็ใช้พลังที่มีทั้งหมดป้องกันการโจมตีของหูหลี่ หากแต่ก็มิอาจป้องกันการโจมตีในครั้งนี้ได้ทำให้จ้าวซินเหว่ยได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นอย่างมาก " ฮึก! พวกเจ้าเผ่าสัตว์อสูรทุกตนมิมีทางรอดไปได้ เจ้าอาจจะเอาชนะข้าได้ แต่เจ้ามิมีทางเอาชนะท่านพี่ของข้าได้แน่ ท่านพี่จะต้องล้างแค้นให้ข้าและเผ่าปีศาจที่ถูกพวกเจ้าฆ่าอย่างแน่นอน ฮ่า ฮ่า ฮ่า... " ร่างของจ้าวซินเหว่ยค่อย ๆ สลายไปในอากาศจนมิเหลือ ส่วนปีศาจวัวแดงและปีศาจจิ้งจอกเห็นเช่นนั้นก็แค้นใจเป็นอย่างมากและอยากจะฆ่าพวกหูหลี่ให้สิ้นซากเดี๋ยวนั้น หากแต่มินานทั้งสองตนก็ถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของแม่ทัพเหยาชูและมือขวาของแม่ทัพเหยาชูหลินเยว่ " พวกปีศาจมีแต่พวกไร้ประโยชน์สินะ " หลินเยว่เอ่ยขึ้นอย่างเย้ยหยัน ทั้งที่ตนก็ถูกฝ่ายนั้นอัดจนได้รับบาดเจ็บเช่นกัน " ปากดีหลินเยว่ " แม่ทัพเหยาชูหันมาต่อว่ามือขวาของตนอย่างไม่จริงจังนัก " นั่นมันพวกมนุษย์นี่ " หลินเยว่ชี้นิ้วไปบริเวณตรอกเล็กให้ผู้นำทั้งสองตนดู " จริงด้วยแถมมนุษย์พวกนั้นยังต่อสู้กับเผ่าปีศาจอีก " แม่ทัพเหยาชูขมวดคิ้วหนาขึ้นอย่างสงสัย เหตุใดพวกมนุษย์ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ' นั่นมันพวกมนุษย์ที่เคยเข้ามาเข่นฆ่าสัตว์อสูรในหมู่บ้านเมื่อ 16 ปีก่อนนี่ เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ไม่สิหากกล่าวให้ถูกมนุษย์พวกนี้เป็นคนของเผ่าปีศาจ แล้วเหตุใดมนุษย์พวกนี้จึงต้องต่อสู้กับเผ่าปีศาจที่ตนร่วมมืออยู่ด้วยล่ะ ' หูหลี่ขมวดคิ้วพลางนึกคิดด้วยความสับสน " เราจะเข้าไปช่วยมนุษย์พวกนั้นหรือไม่ " แม่ทัพเหยาชูหันมาถามความคิดเห็นของหูหลี่ " อืม...หากมีศัตรูเช่นกันก็ต้องช่วยมิใช่หรือ " ช่วยไปก่อนแล้วค่อยเข็ญเอาความจริงจากมนุษย์เหล่านี้ก็มิสาย " ตามบัญชาขอรับ " หลินเยว่กล่าวจบก็ลอยตัวลงไปช่วยมนุษย์เข่นฆ่าปีศาจที่เป็นลูกสมุนตบะต่ำและกลาง แม่ทัพเหยาชูและหูหลี่เองก็ลงมาช่วยเช่นเดียวกัน มินานก็เข่นฆ่าลูกสมุนของปีศาจหมด " พวกเจ้ามิมีผู้ใดได้รับบาดเจ็บมากใช่หรือไม่ " แม่ทัพเหยาชูเอ่ยถามเหล่ามนุษย์ " มิมีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหนักขอรับ " เซียวหลี่เป็นผู้เอ่ยตอบคำถามของแม่ทัพเหยาชู " เช่นนั้นก็ดีแล้วรีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ " หูหลี่เอ่ยตัดบทแล้วนำทุกคนมายังค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อนำส่งไปยังหมู่บ้านใหม่ " ค่ายกลเคลื่อนย้ายพวกท่านจะให้พวกข้าไปด้วยจริงหรือ " ผู้อาวุโสเว่ยเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล ทั้งที่พวกตนทำเรื่องมิควรให้อภัยต่อเผ่าสัตว์อสูร หากแต่สัตว์อสูรเหล่านี้กลับช่วยเหลือพวกตนอย่างมิคิดอันใดเลย " อืม...แต่มีข้อแม้หากพวกเจ้ายอมรับข้อแม้เหล่านี้ได้ ข้าก็จะพาพวกเจ้าไปด้วย ข้าอยากให้พวกเจ้าสัญญาด้วยเลือดของพวกเจ้าว่าจากนี้ไปจะมิเข่นฆ่าผู้ใดในเผ่าสัตว์อสูรและมิทรยศต่อเผ่าสัตว์อสูรเช่นในอดีตอีก หากพวกเจ้าผิดสัจจะที่กล่าวไว้ขอให้พวกเจ้าชีวิตดับสิ้นในทันที พวกเจ้าจะทำหรือมิทำก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้า เพราะข้าเองก็มิอยากสูญเสียคนในเผ่าด้วยความละโมบโลภมากของคนนอกเผ่าเช่นกัน " ถึงแม้นว่ามนุษย์พวกนี้จะเคยทำเรื่องเลวร้ายเอาไว้กับเผ่าสัตว์อสูรของตนในอดีต ใช่ว่าตนจะให้อภัยกับสิ่งที่มนุษย์เหล่านี้ทำลงไปได้ ความโกรธเคืองความแค้นยังคงอยู่ภายในใจมิมีวันจางหาย หากแต่ว่าเห็นอีกฝ่ายเป็นเผ่าเดียวกันกับภรรยาและยังต่อสู้กับเผ่าปีศาจ เพื่อช่วยเผ่าสัตว์อสูรจึงอยากให้โอกาสกับอีกฝ่ายดูสักครั้ง แต่ครั้งนี้อีกฝ่ายจะต้องสาบานด้วยเลือด เพื่อความมั่นใจและความปลอดภัยของเผ่าสัตว์อสูรกันอีกฝ่ายทรยศหักหลัง ถ้าเมื่อใดที่อีกฝ่ายทรยศหักหลังโทษเพียงอย่างเดียวที่อีกฝ่ายจะได้รับจากสวรรค์คือวิญญาณดับสูญ " พวกข้ายอม/พวกเรายอม " บุรุษมนุษย์ทั้งหกคนกล่าวขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน หากทำให้อีกฝ่ายมั่นใจว่าพวกตนจะไม่ทรยศหักหลัง พวกตนก็เต็มใจที่จะทำและจะประพฤติดีต่อเผ่าสัตว์อสูร เพื่อชดใช้ความผิดที่เคยกระทำเอาไว้ในอดีตถึงแม้นว่ามันจะลบล้างกันมิได้ก็ตาม...19จ้าวจื่อเหนียงนั่งอยู่บนโขดหินจ้องมองการต่อสู้ของลูกสมุนอยู่เงียบ ๆ เมื่อเห็นว่าภรรยากำลังจะทำลายค่ายกลที่ปกป้องต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์จึงกระโดดลงจากโขดหินมุ่งตรงไปหาภรรยาทันที หยี่หมิงใช้พลังของนางที่มีทั้งหมดไปยังค่ายกลหวังทำลาย นางใช้เวลาอยู่สักพักแผงค่ายกลก็เริ่มร้าวและแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนที่ร่างของนางจะลงไปนั่งฟุบกับพื้นดินด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากที่ใช้พลังไปมาก จ้าวจื่อเหนียงและหลิวถาเอ๋อร์มิรอช้ารีบเข้ามายืนอยู่ข้างต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่ผนึกค่ายกลถูกทำลาย ทั้งสองหวังนำเอาแก่นกลางต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อนำไปปลดผนึกหวังคืนชีพให้กับจอมราชาปีศาจอย่างซีจ้าวเหว่ยและนำส่วนที่เหลือของต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ไปทำเป็นโอสถขายให้กับปีศาจในเผ่าชิงหรางที่ปราบร่างโคลนมายาที่หูหลี่สร้างขึ้นได้ทั้งหมดแล้วก็ลอยตัวมายืนอยู่ข้างกายของหลิวถาเอ๋อร์ โดยมีปีศาจลูกสมุนที่บำเพ็ญตบะถึงขั้นกลางสิบกว่าตนยืนอยู่ข้างหลังจ้าวจื่อเหนียงและหลิวถาเอ๋อร์รวมพลังกันเพื่อดึงเอาแก่นกลางต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ โดยมิสนใจหยี่หมิงที่เป็นภรรยาแถมยังสูญเส
บทนำ ภพปัจจุบัน... หญิงสาวร่างเพรียวที่กำลังเร่งรีบ เนื่องจากเธอกำลังจะไปทำงานสาย สาเหตุไม่ใช่อะไรเพราะเธอดันเผลอไปปิดนาฬิกาปลุก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่ามันเป็นเวลา 7 โมงกว่าไปเสียแล้ว หญิงสาวมีนามว่า ซิน ลู่ปิงปิง อาศัยอยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่อายุ 23 ปีบริบูรณ์ สาเหตุที่เธอต้องอยู่ตัวคนเดียว เพราะว่าบิดามารดาของเธอได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างกระทันหัน ญาติพี่น้องทางฝั่งบิดาและมารดาไม่มีใครยื่นมือเข้ามาดูแลหญิงสาวเลยสักคนเดียว เธอยังโชคดีที่บิดามารดายังเหลือสมบัติให้กับเธออยู่ไม่น้อย ทำให้เธอใช้ชีวิตอยู่คนเดียวอย่างไม่ลำบากยากเย็นมากนัก ซิน ลู่ปิงปิง ทำงานอยู่ที่บริษัทออกแบบผลิตภัณฑ์บรรจุเครื่องประดับตั้งอยู่ใจกลางเมือง เธอวิ่งมาขึ้นรถเมล์ประจำทางได้ทันท่วงที พลางยกข้อมือขึ้นมาดูเวลาอยู่บ่อยครั้ง ได้แต่ภาวนาอยู่ในใจว่าขอให้เธอไปทำงานทันเวลาด้วยเถิด หญิงสาวภาวนาอยู่อย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภายในใจรู้สึกกระวนกระวายเป็นอย่างมาก เนื่องจากบริษัทนี้เข้มงวดกับเวลามาก เวลาทำงานจะต้องมาทำงานให้ตรงเวลาอยู่เสมอไม่อย่างนั้นจะถูกเชิญออกทันที ซึ่งเธอไม่อยากจะถูกเชิญออกในตอนนี้หรอกนะ เศ
01ณ หมู่บ้านเล็กท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามและเงียบสงบในยามเช้าตรู่ มีเสียงสัตว์ตัวน้อย ๆ ส่งเสียงร้องต่อกันไปทั่วบริเวณ เป็นสัญญาณให้กับเหล่าผู้อาศัยได้รู้ถึงเพลาในยามเหม่าและยามโหย่ว หญิงสาวผู้ที่หลับใหลมาเป็นเวลาหลายวัน เนื่องจากพิษไข้เริ่มขยับเปลือกตาลืมขึ้นช้า ๆ ก่อนจะกระพริบตาถี่หวังปรับแสงของดวงตาให้คุ้นชิน ลำคอแห้งผาก นางค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นนั่งพลางกวาดสายตากลมโตไปทั่วเรือนไม้เก่า โดยไม่ลืมที่จะมองสำรวจร่างกายของเธอด้วย ไม่นานนักคิ้วโค้งสวยได้รูปก็เริ่มขมวดขึ้นด้วยความขุ่นงง ริมฝีปากอวบซีดขยับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง" ที่นี่ที่ไหนกันแล้วทำไมฉันถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้ โอ๊ยปวดหัวจัง! " หญิงสาวจำได้ว่าเธอวิ่งขึ้นรถเมล์มาทำงานแล้วรถเมล์ที่เธอนั่งมันก็เกิดพลิกคว่ำขึ้น ขณะนั้นเธอรู้สึกเบลอและชาไปหมดทั้งตัว ไม่นานสติของเธอก็ดับวูบลงไม่รับรู้อะไรอีกเลยแต่ทว่าเมื่อสักครู่เธอกลับรู้สึกปวดหัวขึ้นมาฉับพลันพร้อมกับความทรงจำใหม่ไหลเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว ถ้าเดาไม่ผิดมันน่าจะเป็นความทรงจำของเจ้าของร่างที่เธอเข้ามาอยู่อย่างแน่นอน หญิงสาวยังคงใช้มือ
02" เสี่ยวลู่เจ้าหิวหรือไหม " หลังจากป้อนน้ำให้กับเสี่ยวลู่เสร็จหูหลี่ก็เอ่ยถามนางในทันท่วงที ลู่ปิงปิงในร่างเสี่ยวลู่ไม่ได้เอ่ยตอบหูหลี่ เธอทำเพียงพยักหน้าให้กับเขาเท่านั้น ก่อนที่เขาจะหันไปสั่งการต่อสาวรับใช้ของฟูเหรินอย่างซูซู่ให้นำสำรับอาหารเข้ามาให้นางทาน" ซูซู่เจ้าจงออกไปนำสำรับมาให้กับคุณหนูของเจ้าได้ทานเถอะ "" เจ้าค่ะท่านหูหลี่ "ซูซู่โค้งรับคำสั่งของหูหลี่แล้วถอยหลังลุกออกไปจากเรือนไม้เก่า วันนี้นางทำของโปรดคุณหนูเอาไว้หลายอย่าง นางดีใจมากที่คุณหนูฟื้นขึ้นมาแล้วได้ทานอาหารฝีมือของนางเสียที นางลงมือทำอาหารเองทุกครั้งตั้งแต่คุณหนูของนางเป็นไข้ป่า แต่ทว่านางก็ต้องนำอาหารเหล่านี้ไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านได้ทานแทน เนื่องจากคุณหนูของนางไม่ฟื้นเอาแต่นอนซมด้วยพิษไข้ป่า จนเวลาล่วงเลยมาเป็นเวลาสามวัน คุณหนูของนางจึงได้ฟื้นขึ้นมาอย่างที่นางได้เห็นเมื่อสักครู่นี้ซูซู่จัดสำรับอาหารให้กับคุณหนูของนางอย่างพิถีพิถัน แล้วนำมาให้กับคุณหนูของนางที่เรือนไม้เก่า จากนั้นจึงค่อย ๆ เดินออกไปจากเรือนไม้เก่าเฉียดเช่นเดิมหูหลี่คอยป้อนอาหารให้เสี่ยว
03หูหลี่กลับมายังห้องทำงานของตน พลางใช้มือข้างขวาขึ้นมาจับไว้ที่คางแล้วใช้มือข้างซ้ายแนบกับหน้าท้องของตนขบคิดถึงรอยเท้าปีศาจที่เจอเมื่อสักครู่ บริเวณชายป่าใกล้หมู่บ้านที่ตนเป็นผู้นำ การที่มีเหล่าปีศาจเริ่มเข้ามาใกล้หมู่บ้านฉิงอี้อย่างนี้ นั่นแปลว่าปีศาจเหล่านั้นเริ่มรู้ถึงต้นรักใหญ่แล้ว ต้นรักใหญ่เป็นต้นไม้ที่เป็นยารักษาโรคทั้งต้น มีสรรพคุณแตกต่างกันออกไปหลายอย่าง จึงเป็นที่ต้องการของใครหลาย ๆ คน หมู่บ้านฉิงอี้ถูกตั้งขึ้นเพื่อรักษาต้นรักใหญ่ต้นนี้ให้ห่างจากเหล่าปีศาจและมนุษย์มายาวนานกว่า 30 ปี ซึ่งบิดามารดาของหูหลี่เองก็ถูกเหล่ามนุษย์ฆ่าตายเพราะเหตุนี้เช่นกัน สมัยเมื่อ 10 ปีก่อนหูหลี่ยังเป็นเด็ก หมู่บ้านฉินอี้ที่หูหลี่และครอบครัวได้อาศัยอยู่ซึ่งห่างออกไปจากหมู่บ้านแห่งนี้ 2 ลี้ ซึ่งบิดาของหูหลี่เป็นถึงประมุขของหมู่บ้านฉินอี้แห่งนั้น เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ชาวบ้านต่างล้มตายกันมากมายและทำให้หมู่บ้านแห่งนั้นต้องล่มสลายไปในช่วงค่ำคืน ส่วนชาวบ้านที่เหลือรอดก็ต่างแตกแยกจากกันไปคนละทิศละทาง หูหลี่ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในที่ลับตามคำสั่งของบิดามารดา หลั
04หูหลี่หันมาจ้องมองใบหน้าของเสี่ยวลู่ที่ยามนี้กำลังตั้งอกตั้งใจอ่านตำราอยู่ของกายตน นี้ถือเป็นครั้งแรกที่ตนกับนางได้นั่งอยู่ในห้องทำงานของตนเช่นนี้ นับว่าเป็นโชคดีสำหรับตนจริง ๆ " ฟูเหรินเจ้าอยากกลับไปพักผ่อนก่อนหรือไม่ "" สวามีนี้ท่านมิอยากให้ข้าอยู่กับท่านต่อรึ เหตุใดท่านจึงถามข้าเช่นนี้ " ลู่ปิงปิงแสร้งทำใบหน้าเศร้าสร้อยพลางใช้มือเรียวปิดตำราสมุนไพร" มิใช่เช่นนั้นข้าเพียงเป็นห่วงเจ้าเห็นว่าเจ้าพึ่งจะอาการดีขึ้นจึงมิอยากให้เจ้าต้องมานั่งหลังคดหลังแข็งเช่นนี้ "" สวามีข้าบอกท่านแล้วว่าท่านมิต้องเป็นห่วงข้า เหตุใดท่านจึงมิฟังข้าเลย ข้ารู้กำลังของตัวข้าดีนะเจ้าค่ะ "" มิเช่นไรเจ้าก็เริ่มดื้อรั้นเอาแต่ใจต่อข้าแล้ว "" สวามีท่านจะมากล่าวหาข้าเช่นนี้มิได้นะเจ้าค่ะ ข้าเพียงแค่เอ่ยออกมาตามความเป็นจริงเท่านั้น มิเชื่อท่านก็ลองหันไปถามท่านโมลู่หานดูสิเจ้าคะ ว่าสิ่งที่ข้าพูดมามันจริงหรือไม่ "" เอ่อ พอดีข้าพึ่งนึกได้ว่าข้าจะต้องออกไปหารือกับท่านจื่อหนาน ข้าขอตัวก่อนนะ เจ้าทั้งสองพูดคุยกันต่อเลย ข้ามิกวนเจ้าทั้งสองแล้ว " เอ่ยจบโมลู่หานก็รีบเดินออกม
05หลังจากที่หูหลี่และลู่ปิงปิงถกเถียงกันอยู่พอสมควร ทั้งสองจึงได้พากันกลับเรือนไม้เก่า ยามมาถึงลู่ปิงปิงก็เห็นเหล่าทหารและเหล่าชาวบ้านช่วยกันขนย้ายสิ่งของออกมาจากเรือนไม้เก่าเดินไปยังฝั่งทางขวาของเรือนที่เธอกับหูหลี่อาศัยอยู่ด้วยกัน ก่อนที่เธอจะรีบเดินเข้ามาถามซูซู่สาวรับใช้ของเสี่ยวลู่ที่กำลังจัดแจงของใช้ของคุณหนูของนางอยู่" ซูซู่นี่มันเรื่องอันใดกัน เหตุใดเหล่าทหารและเหล่าชาวบ้านถึงได้เข้ามาขนย้ายข้าวของภายในเรือนออกไปเช่นนี้ "" ซูซู่เองก็มิรู้เช่นกันเจ้าค่ะคุณหนู อยู่ ๆ เหล่าทหารพร้อมกับเหล่าชาวบ้านก็เข้ามาขนย้ายข้าวของออกไปจากเรือนอย่างที่คุณหนูเห็นเมื่อสักครู่นี้แหละเจ้าค่ะ " ซูซู่กล่าวออกมาตามความเป็นจริง นางเองก็มิรู้เช่นเดียวกันอยู่ ๆ เหล่าทหารและเหล่าชาวบ้านก็เดินเข้ามาบอกว่าจะเข้ามาขนย้ายข้าวของทั้งหมดภายในเรือนไม้เก่าเข้าไปยังเรือนใหม่ตามคำสั่งที่ได้รับมาจากผู้นำ ซึ่งเรื่องนี้คนที่รู้ดีที่สุดคงจะมิพ้นคุณชายหูหลี่แล้ว" เหล่ากงท่านต้องอธิบายเรื่องนี้ให้ข้าฟังแล้ว มิเช่นนั้นข้าจะมิคุยกับท่านอีกเป็นแน่แท้ " ลู่ปิงปิงเผยใบหน้าบึงตึง เ
06หูหลี่ตามเสี่ยวลู่หรือลู่ปิงปิงและสาวรับใช้ของนางเข้าป่าลึกตามคำของตนที่ได้ลั่นเอาไว้ พร้อมทหารคุมกันสามนาย ซึ่งทหารเหล่านี้เปรียบเสมือนองครักษ์ประจำตัวของผู้นำ ทั้งหกคนเดินฝ่าป่ารกร้างมาได้ประมาณ 1 ชั่วยาม ก่อนที่ทุกคนจะหยุดพักหวังเอาแรง ลู่ปิงปิงรับน้ำจากหูหลี่มาดื่มแก้กระหาย หญิงสาวไม่คิดว่ามันจะเหนื่อยขนาดนี้ ถ้าเป็นในภพชาติที่เธอจากมาเธอมักจะใช้บริการรถโดยสารเสมอ เพื่อความสะดวกสบายของเธอเอง ในภพชาตินี้คงจะมีอะไรให้เธอเรียนรู้และพบเจออีกมากแน่ ฉะนั้นเธอจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการรับมือจากสิ่งที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้านี้ " เจ้าไหวหรือไหม " หูหลี่เอ่ยถามภรรยาด้วยความเป็นห่วง ภายในใจของตนมิอยากให้ภรรยามาที่แบบนี้มากนัก เนื่องจากบริเวณป่าแห่งนี้ นอกจากเผ่าของตนแล้วยังมีเผ่าปีศาจวนเวียนอยู่มิน้อย" ข้ามิเป็นไรข้ายังไหวอยู่ อีกมินานเราก็จะถึงที่หมายแล้ว ข้าว่าเราอย่าได้พักกันนานเลยนะเจ้าค่ะ ยามค่ำคืนป่าแถบนี้มันอันตรายยิ่งนัก ข้ามิอยากให้ผู้ใดต้องได้รับอันตรายเพราะข้าเป็นเหตุเจ้าค่ะ "" อืมถูกของเจ้าเช่นนั้นทุกคนออกเดินทางกันต่
19จ้าวจื่อเหนียงนั่งอยู่บนโขดหินจ้องมองการต่อสู้ของลูกสมุนอยู่เงียบ ๆ เมื่อเห็นว่าภรรยากำลังจะทำลายค่ายกลที่ปกป้องต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์จึงกระโดดลงจากโขดหินมุ่งตรงไปหาภรรยาทันที หยี่หมิงใช้พลังของนางที่มีทั้งหมดไปยังค่ายกลหวังทำลาย นางใช้เวลาอยู่สักพักแผงค่ายกลก็เริ่มร้าวและแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนที่ร่างของนางจะลงไปนั่งฟุบกับพื้นดินด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากที่ใช้พลังไปมาก จ้าวจื่อเหนียงและหลิวถาเอ๋อร์มิรอช้ารีบเข้ามายืนอยู่ข้างต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่ผนึกค่ายกลถูกทำลาย ทั้งสองหวังนำเอาแก่นกลางต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อนำไปปลดผนึกหวังคืนชีพให้กับจอมราชาปีศาจอย่างซีจ้าวเหว่ยและนำส่วนที่เหลือของต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ไปทำเป็นโอสถขายให้กับปีศาจในเผ่าชิงหรางที่ปราบร่างโคลนมายาที่หูหลี่สร้างขึ้นได้ทั้งหมดแล้วก็ลอยตัวมายืนอยู่ข้างกายของหลิวถาเอ๋อร์ โดยมีปีศาจลูกสมุนที่บำเพ็ญตบะถึงขั้นกลางสิบกว่าตนยืนอยู่ข้างหลังจ้าวจื่อเหนียงและหลิวถาเอ๋อร์รวมพลังกันเพื่อดึงเอาแก่นกลางต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ โดยมิสนใจหยี่หมิงที่เป็นภรรยาแถมยังสูญเส
18หมู่บ้านใหม่ฉิงอี้ลู่ปิงปิงยืนอยู่บนเรือนไม้ไผ่สองมือจับราวกั้นของเรือนเอาไว้ ใบหน้ากลมสวยแหงนขึ้นมองพระจันทร์เต็มดวงสีเลือด หวนคิดถึงสามีที่อยู่ต่อสู้กลับเผ่าปีศาจ ณ หมู่บ้านฉิงอี้แต่เดิม หวังว่าการย้อนมาในอดีตของเธอจะทำให้เผ่าสัตว์อสูรแคล้วคลาดจากภัยพิบัติในครั้งนี้ไปได้ เพราะเธอไม่อยากสูญเสียใครไปอย่างในภพชาติของเธออีกแล้ว หูหลี่กลับมาอย่างปลอดภัยตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับเธอด้วย ขอร้องล่ะ" คุณหนูดึกมากแล้วเข้าไปพักผ่อนเถอะนะเจ้าค่ะ หากคุณหนูมิสบายขึ้นมาแล้วท่านหูหลี่กลับมาพบเข้า ซูซู่อาจจะโดนท่านหูหลี่ทำโทษเอาได้นะเจ้าคะ " ซูซู่พยายามหาคำกล่าวให้สมเหตุสมผล เพื่อให้คุณหนูของนางได้พักผ่อนบ้าง ตั้งแต่มาที่นี่คุณหนูของนางก็เอาแต่เป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ณ หมู่บ้านฉิงอี้แต่เดิม นางมั่นใจว่าท่านเขยจะต้องชนะศึกในครั้งนี้เป็นแน่ มิใช่เพียงแค่นางเท่านั้น แต่ทว่าสัตว์อสูรที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน" ข้าอยากอยู่ตรงนี้อีกสักประเดี๋ยว ซูซู่เจ้าคิดว่าท่านพี่จะชนะศึกในครั้งนี้ได้หรือไม่ " ลู่ปิงปิงเอ่ยถามสาวรับใช้ในขณะที่ใบหน
17หน้าประตูหมู่บ้านฉิงอี้พระจันทร์สีเลือดปรากฏขึ้นพร้อมกับกองกำลังปีศาจที่มาเยือนอยู่หน้าประตูของหมู่บ้านฉิงอี้ โดยมีจ้าวจื่อเหนียง (ปีศาจงูแดงผู้พี่) จ้าวซินเหว่ย (ปีศาจงูดำผู้น้อง) หลิวถาเอ๋อร์ (ปีศาจหงส์เพลิง-น้องสาวของจอมราชาปีศาจ) และหยี่หมิง (องค์หญิงเผ่ามนุษย์) นำทัพในครั้งนี้ ค่ายกลที่ถูกร่ายปกคลุมหมู่บ้านฉิงอี้ทำให้กองกำลังของเผ่าปีศาจไม่สามารถเข้าโจมตีหมู่บ้านได้ในทันที " หมู่บ้านแห่งนี้ถูกร่ายค่ายกลป้องกันเอาไว้ขอรับท่านจ้าว " ซิงซือหังปีศาจสามตากล่าวรายงานต่อนายท่านของตน หากต้องการทำลายค่ายกลป้องกันนี้จะต้องใช้พลังอยู่มิน้อย" เรื่องค่ายกลปล่อยให้ข้ากับซินเหว่ยเป็นผู้ทำลายเอง หากค่ายกลถูกทำลายแล้ว ท่านจ้าวและปีศาจทุกตนเข้าโจมตีหมู่บ้านแห่งนี้ได้เลย " หลิวถาเอ๋อร์กล่าวจบก็ลอยตัวขึ้นไปอยู่กลางอากาศคู่กับคู่หมั้นของนาง ก่อนที่ทั้งสองจะร่ายพลังใส่ค่ายกลของหมู่บ้านฉิงอี้ มินานค่ายกลป้องกันก็ถูกทำลายลง" ปีศาจทุกตนบุกเข้าโจมตีได้ ทำลายเผ่าสัตว์อสูรทิ้งให้หมดอย่าให้เหลือแม้แต่ตนเดียว! " จ้าวจื่อเหนียงสั่งการเสียงดัง" เย้! ฆ่า! ฆ่า!
16ป่าลึกฐานลับของเผ่าปีศาจมุมปากหนาแสยะยิ้มออกมายามเห็นข้อความลับด้านในของแผ่นกระดาษ ในที่สุด...ในที่สุดก็หาเจอเสียที ฮ่า ฮ่า ฮ่า " หลงซูเจ้าจงไปบอกปีศาจทุกตนและมนุษย์ที่ติดตามให้เตรียมตัวให้พร้อมถึงเวลาที่เรารอคอยกันแล้ว "" ขอรับนายท่าน ปีศาจทุกตนและพวกมนุษย์ทั้งหลายจงฟัง พวกเจ้าจงเตรียมตัวกันให้พร้อมในอีกมิช้ากองกำลังเผ่าปีศาจจะมาถึงฐานลับของพวกเรา ต่อจากนี้ถึงเวลาที่เผ่าปีศาจจะบุกเข้าโจมตีพวกเผ่าสัตว์อสูรเสียทีและแย่งชิงต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์มาเป็นของเผ่าปีศาจของพวกเราซะ เพื่อช่วยให้ท่านจอมราชาปีศาจของพวกเราฟื้นคืนชีพได้สำเร็จ " " เฮ้! ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! " ปีศาจติดตามพากันส่งเสียงดังสนั่นป่าทึบ นานเท่าใดแล้วที่พวกมันมิได้ออกไล่ล่าเช่นนี้ จึงทำให้พวกมันฮึกเหิมกันใหญ่" ท่านพ่อ " เซียวหลี่หันมาเอ่ยเรียกบิดาของตน หากเป็นเช่นนี้เผ่าสัตว์อสูรคงได้จบสิ้นจริง ๆ แน่" ทำตามแผนของพวกมันไปก่อนแล้วจากนั้นค่อยคิดหาวิธีกันใหม่ " ผู้อาวุโสเว่ยหันมาตอบบุตรชายเสียงแผ่ว จากสถานการณ์ตรงหน้าพวกตนจะต้องคิดหาวิธีการตั้งรับกับสถานการณ์นี้กันใหม่เสียแล
15 ชิงหรางที่ตามหาต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกดูแลจากเผ่าสัตว์อสูรตามบัญชาเทพสวรรค์ นางใช้เวลาสามวันสามคืนในที่สุดนางก็พบที่ซ่อนของต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ ห่างออกไปจากหมู่บ้านฉิงอี้ 1 ลี้ ต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ถูกซ่อนเอาไว้ในถ้ำลึก บริเวณปากถ้ำถูกร่ายค่ายกลบังตาเอาไว้หากเป็นมนุษย์ธรรมดาหรือเป็นปีศาจที่บำเพ็ญตบะน้อยนิดก็มิอาจเห็นทางเข้าของถ้ำนี้ได้ รอบต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์มีแสงสีทองอร่ามเปล่งออกมาอยู่ตลอด ผลิผลสีแดงออกมามากมาย บริเวณโคนก้านของผลจะมีปีก 5 ปีก เป็นรูปขอบขนาน เชื่อมอยู่ระหว่างโคนปีกและผลยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร ภายในถ้ำแห่งนี้จะมีคริสตัลสีแดงงอกออกมากระจัดกระจายตลอดทางเดิน ซึ่งคริสตัลเหล่านี้มีแสงเปล่งออกมาทำให้ถ้ำมิมืดและน่ากลัวแถมยังมีสมุนไพรหายากบางชนิดเกิดภายในถ้ำแห่งนี้ด้วย บริเวณปากถ้ำจะมิมีผู้คุ้มกันจะมีก็แต่เพียงบริเวณต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น สัตว์อสูรที่คุ้มกันมีทั้งหมดหกตน ยืนล้อมต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ทำให้ตัวนางมิสามารถเข้าไปใกล้ต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ได้ในตอนนี้ ทำได้เพียงถอยหลังออกมาจากที่แห่งนี้ก่อน ยังไงซะต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องตกเป็นของเผ่าป
14เรือนแม่ทัพเหยาชูร่างสูงกำยำของผู้เป็นเจ้าเรือนกำลังนั่งจิบชาอยู่ที่ศาลาไม่ไกลจากห้องของตัวเองและห้องของสตรีที่พามารักษามากนัก สายตาคมเฉี่ยวทำการกวาดมองไปทั่วบริเวณของเรือน หวังหาผู้ร้ายที่แอบรุกรานเข้ามาในยามวิกาล แต่แท้จริงแล้วกลับกำลังมองหาสตรีที่เจ้าตัวได้นำออกมาจากป่า เพื่อพามารักษาอาการบาดเจ็บเมื่อไม่นานมานี้ต่างหาก ซึ่งนางมีนามว่าชิงหราง นางอ้างว่าตัวของนางเป็นชาวบ้านมนุษย์ธรรมดาที่ออกมาเก็บสมุนไพรไปขายเพื่อประทังชีวิตก่อนยามโหย่วสตรีนางนี้ได้มาขอตนออกไปซื้อของกับสาวรับใช้ที่อยู่ในเรือนมานาน กระทั่งบัดนี้เข้ายามซวีแล้วทั้งสองยังมิกลับมากันเลย หรือไม่ทั้งสองก็อาจจะเกิดเหตุมิคาดฝันขึ้นกลางทาง มิได้ตนจะต้องออกไปตามหาทั้งสอง คืนปล่อยไว้แบบนี้มิดีแน่ เหยาชูวางแก้วชาลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นจากเกาอี้กำลังจะเดินออกจากศาลา แต่ทว่าเจ้าตัวยังไม่ได้ก้าวเท้าออกจากศาลาเลยแม้แต่ก้าวเดียว ชิงหรางกับสาวรับใช้ก็เดินเข้ามาภายในเรือนเสียก่อน ชิงหรางเข้ามาภายในเรือนของแม่ทัพได้ก็สั่งให้สาวรับใช้นำของที่ซื้อมาไปเก็บภายในห้องนาง ก่อนจะก้าวเดินเข้ามาหาท่านแ
13อีกฝั่งของป่ากลุ่มบุรุษมนุษย์ที่เดินทางมากับปีศาจสามตน เพื่อค้นหาหมู่บ้านลึกลับ ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้มีสิ่งล้ำค่าซุกซ่อนเอาไว้และเป็นสิ่งที่เผ่าปีศาจต้องการมาก สิ่งนี้สามารถทำให้จอมราชาปีศาจที่ถูกผนึกฟื้นขึ้นมาได้อีกครั้ง หากแต่ว่าบุรุษมนุษย์กลุ่มนี้กลับมิได้จงรักภักดีต่อเผ่าปีศาจเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เนื่องจากพวกเขามิอยากตกเป็นทาสของเผ่าปีศาจไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่และอยากลบล้างความผิดของตนที่ก่อขึ้นในอดีต" นี่พวกเราก็เดินมากันหลายวันแล้วนะทำไมถึงยังมิเจอหมู่บ้านลึกลับแห่งนี้สักที " บุรุษมนุษย์ผู้หนึ่งภายในกลุ่มกล่าวขึ้นเมื่อเริ่มเหนื่อยล้า" นั่นสิหรือว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะมีค่ายกลปกปิดเอาไว้เพื่อกันผู้บุกรุก หากต้องการที่จะเข้าไปภายในหมู่บ้านก็จะต้องเป็นคนในหมู่บ้านพาเข้าไป " บุรุษมนุษย์อีกคนกล่าวขึ้นเสริม หากเป็นดั่งที่ตนคิดจริงคงเป็นเรื่องยากเสียแล้วล่ะ" หากเป็นเช่นที่เจ้ากล่าวมางานนี้เราคงยากที่จะเข้าไปแล้ว " ผู้อาวุโสเว่ยเริ่มมีสีหน้าวิตกกังวล ก่อนจะหันหน้าไปมองปีศาจที่มาเพื่อควบคุมกลุ่มของตน " นายท่านจะทำเช่นไรต่อดี ถ้าเป็นอย่างที่ลู
12สตรีงามที่หลับไหลมาเป็นเวลาสามวัน เริ่มขยับตัวช้า ๆ เปลือกตาค่อย ๆ เปิดออกกวาดมองไปทั่วทุกมุมห้อง จากนั้นจึงชันร่างกายขึ้นนั่งพิงไปกับหัวเตียง ความสงสัยก่อนหน้านี้ของนางกลับมลายหายไปจนหมดสิ้น เมื่อบุรุษหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเรือนเดินเข้ามาภายในห้อง เขาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนางทั้งหมดให้นางฟัง บุรุษหนุ่มมิได้เอ่ยปากไล่สตรีออกจากเรือนของตนแต่อย่างใด เขายังให้นางพักจนกว่านางจะหายเป็นปกติ หากแต่เขาเองก็คอยจับสังเกตนางอยู่ตลอดเช่นกัน นี่ก็เพื่อความปลอดภัยของเผ่า บุรุษหนุ่มมิลืมที่จะนำเรื่องที่สตรีนางนี้ฟื้นขึ้น มารายงานผู้นำและฟูเหรินอย่างที่เคยรับปากก่อนหน้านี้ ซึ่งท่านทั้งสองเองก็มีความคิดเช่นเดียวกับเขา การที่ให้สตรีนางนี้ได้พักฟื้น จนกว่าร่างกายของนางจะหายดี แต่หากสืบสาวราวเรื่องว่านางเป็นสายลับของเผ่าปีศาจ พวกตนเองก็มีวิธีที่จะตั้งรับกับนางเช่นกัน หากนางเป็นคนธรรมดามิใช่คนของเผ่าปีศาจ พวกตนก็จะปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดีใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มิว่าเช่นไรเผ่ามนุษย์ เผ่าสัตว์อสูรหรือแม้แต่เผ่าปีศาจเองก็มีทั้งดีและชั่วเช่นเดียวกัน
11" ท่านผู้นำ ท่านผู้นำขอรับ ข้าน้อยขอคารวะท่านผู้นำ ข้าน้อยขอคารวะท่านเสี่ยวลู่ ท่านผู้นำขอรับท่านเหยาชูให้ข้าน้อยมารายงานต่อท่านผู้นำว่าพวกข้าน้อยได้พบสตรีมนุษย์นางหนึ่งนอนสลบอยู่ในป่าห่างออกไปจากหมู่บ้านของเรามิมากนักตอนออกไปลาดตะเวนในยามเช้าตรู่ นางได้รับบาดเจ็บสาหัสคาดว่านางน่าจากออกมาหาสมุนไพรหรือไม่ก็ของป่าไปกินแล้วโดนสัตว์ป่าทำร้ายขอรับ " บุรุษหนุ่มนามหลินเยว่ เป็นทหารมากฝีมือเป็นมือขวาของแม่ทัพเหยาชู " ฮึ่ม...มนุษย์เช่นนั้นรึ " ใบหน้าเรียบนิ่ง แต่ทว่าภายในใจกลับคิดคาดคะเนต่อสตรีผู้นี้ " ไปกันเถอะ "" เหล่ากงท่านคิดเช่นไรกับสตรีผู้นี้รึ " ลู่ปิงปิงก้าวเดินไปตามทางใบหน้าเชิดตรงมองไปด้านหน้ายามเอ่ยถาม" คิดว่านางมิน่าไว้วางใจ เจ้าล่ะคิดเห็นเช่นไร " " ไม่รู้สิเจ้าค่ะ " เธอกระตุกยิ้มมุมปาก ไม่น่าไว้ใจอย่างนั้นเหรอ หึ สามีของเสี่ยวลู่ช่างน่าสนใจนัก แต่เอะตอนนี้เธอเองก็อยู่ในร่างของเสี่ยวลู่นี้น่า ฉะนั้นตอนนี้เขาเองก็เป็นสามีของเธอด้วยเหมือนนกัน" เช่นนั้นรึ " มุมปากหยักหนากระตุกยิ้มขึ้น ฟูเหรินของตนช่างน่าสนใจยิ่งขึ้นทุกวันเสียจริง" คา