01
ณ หมู่บ้านเล็กท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามและเงียบสงบในยามเช้าตรู่ มีเสียงสัตว์ตัวน้อย ๆ ส่งเสียงร้องต่อกันไปทั่วบริเวณ เป็นสัญญาณให้กับเหล่าผู้อาศัยได้รู้ถึงเพลาในยามเหม่าและยามโหย่ว หญิงสาวผู้ที่หลับใหลมาเป็นเวลาหลายวัน เนื่องจากพิษไข้เริ่มขยับเปลือกตาลืมขึ้นช้า ๆ ก่อนจะกระพริบตาถี่หวังปรับแสงของดวงตาให้คุ้นชิน ลำคอแห้งผาก นางค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นนั่งพลางกวาดสายตากลมโตไปทั่วเรือนไม้เก่า โดยไม่ลืมที่จะมองสำรวจร่างกายของเธอด้วย ไม่นานนักคิ้วโค้งสวยได้รูปก็เริ่มขมวดขึ้นด้วยความขุ่นงง ริมฝีปากอวบซีดขยับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง " ที่นี่ที่ไหนกันแล้วทำไมฉันถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้ โอ๊ยปวดหัวจัง! " หญิงสาวจำได้ว่าเธอวิ่งขึ้นรถเมล์มาทำงานแล้วรถเมล์ที่เธอนั่งมันก็เกิดพลิกคว่ำขึ้น ขณะนั้นเธอรู้สึกเบลอและชาไปหมดทั้งตัว ไม่นานสติของเธอก็ดับวูบลงไม่รับรู้อะไรอีกเลย แต่ทว่าเมื่อสักครู่เธอกลับรู้สึกปวดหัวขึ้นมาฉับพลันพร้อมกับความทรงจำใหม่ไหลเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว ถ้าเดาไม่ผิดมันน่าจะเป็นความทรงจำของเจ้าของร่างที่เธอเข้ามาอยู่อย่างแน่นอน หญิงสาวยังคงใช้มือเรียวสวยกุมขมับของเธอเอาไว้แน่น ในขณะที่ประตูไม้เก่าถูกเปิดออกกว้างด้วยฝีมือของบุรุษหนุ่มรูปงาม ร่างสูงกำยำ ดวงตาเฉี่ยวคมของจิ้งจอกหนุ่มเหลียวมองฟูเหรินของตน ยามเห็นนางนั่งกุมขมับมีสีหน้าที่เจ็บปวดอย่างมาก จึงไม่รอช้ารีบเร่งฝีเท้าก้าวเข้ามาหานางโดยเร็ว พร้อมเอ่ยถามอาการของนางอย่างเป็นห่วง " เสี่ยวลู่เจ้าฟื้นแล้ว เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง เจ้าเจ็บที่ใดเจ้าเอ่ยบอกข้าได้หรือไม่ " หูหลี่เอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน เขาเป็นห่วงนางมากยิ่งได้เห็นนางแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมาเช่นนี้ก็ยิ่งเป็นห่วงมากขึ้นไปอีก ท่อนแขนแกร่งโอบกอดนางเอาไว้หวังให้มันช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ให้นางได้ แต่ทว่ามันกลับไม่สามารถช่วยนางได้เลยแม้แต่น้อย นางยังคงใช้มือกุมศีรษะของนางไม่ปล่อย หญิงสาวยังคงใช้มือเรียวสวยกุมขมับของเธออยู่แบบนั้นอยู่สักพัก ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนมือเรียวสวยของเธอลงมาแล้วช้อนใบหน้าเรียวสวยขึ้นมาจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มที่กำลังโอบกอดร่างของเธออยู่ด้วยความเป็นห่วง แววตาเฉี่ยวคมของเขาทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นอยู่ไม่น้อย จนเธอเผลอไผลจ้องมองเขาอยู่นาน " เสี่ยวลู่เจ้าบอกข้ามาสิว่าเจ้าปวดหัวมากใช่หรือไหม เหตุใดเจ้าจึงมิยอมเอ่ยตอบข้าเลย ข้าเป็นห่วงเจ้ามากเลยรู้หรือไหม " หูหลี่เมื่อสบโอกาสจึงเอ่ยถามเสี่ยวลู่ในทันท่วงที ดวงตาคมเฉี่ยวจ้องมองนางไม่วาง ภายในใจร้อนรุ่มกระวนกระวายไปหมด ยามเห็นนางเจ็บปวดตนเองก็รู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างกัน " ข้ามิเป็นไร ขอบใจท่านมากที่เป็นห่วงข้ามากเช่นนี้ " ลู่ปิงปิงที่ได้ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมกลับคืนมาทั้งหมดก็ได้แต่คลี่ยิ้มให้กับสวามีของเจ้าของร่างที่เธอได้เข้ามาอาศัยอยู่อย่างอ่อนโยน ลู่ปิงปิงไม่รู้ว่าเธอจะต้องอยู่ในร่างของผู้หญิงคนนี้ไปอีกนานแค่ไหน แต่ลู่ปิงปิงคนนี้สัญญาว่าตอนที่เธออาศัยอยู่ในร่างของผู้หญิงคนนี้เธอจะพยายามทำหน้าที่ภรรยาที่แสนดีเท่าที่เธอจะทำได้เพื่อตอบแทนเจ้าของร่างนี้ก็แล้วกัน หลังจากที่ลู่ปิงปิงได้ความทรงจำของผู้หญิงคนนี้มามันทำให้เธอรู้กระจายชัดว่าวิญญาณของเธอได้หลุดเข้ามาอยู่อีกมิติภพหนึ่ง ซึ่งความทรงจำนี้มันก็ทำให้เธอรู้สึกสงสารผู้หญิงคนนี้ที่มีนามว่าหลิน เสี่ยวลู่ ซึ่งนางเป็นบุตรีคนโตของรองเสนาบดีกรมกลาโหมหลิน ซีจางกับหลิน เสี่ยวหมี่ บุตรีคนกลางของเสนาบดีกรมพระคลัง เสี่ยวลู่มีน้องในสายเลือดด้วยกันสองคน น้องคนกลางจะเป็นน้องชายมีนามว่า หลิน เสี่ยวหมิง ส่วนอีกคนจะเป็นน้องสาวคนเล็กมีนามว่า หลิน เสี่ยวเหมย ซึ่งทั้งคู่ต่างเป็นบุตรที่หลิน ซีจางกับหลิน เสี่ยวหมี่ รักมากยิ่งกว่าสิ่งใดต่างจากเสี่ยวลู่ที่เป็นลูกชัง จะมีเพียงท่านปู่ของนางเท่านั้นที่รักและเอ็นดูนาง นั้นจึงทำให้นางรักท่านปู่ของนางไม่ต่างกัน ในวันที่เสี่ยวลู่ได้เข้ามาอยู่ภายในเรือนเก่าที่ทรุดโทรมของสวามี นางก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจสวามีแต่อย่างใด ทว่านางกลับมีความสุขเสียมากกว่า นางอยู่ที่ใดก็ได้ขอเพียงให้นางได้หลุดพ้นออกมาจากจวนแห่งนั้นก็เพียงพอแล้ว นางรู้ดีว่าบิดามารดาของนางไม่ได้รักนางเลยแม้แต่น้อย นางจึงไม่เอ่ยคัดค้านต่องานแต่งในครั้งนี้ของนางกับบุรุษหนุ่มผู้ที่ช่วยเหลือชีวิตของท่านปู่ที่นางรักเอาไว้ เพื่อตอบแทนเขาตามเจตนารมณ์ของท่านปู่ กระทั่งเสี่ยวลู่ได้รู้ว่าที่แท้จริงสวามีของนางไม่ใช่คน แต่เป็นจิ้งจอกที่สามารถแปลงร่างเป็นคนได้ คราวแรกนางก็มีอาการหวาดกลัวอยู่บ้าง จนกระทั่งนางได้รู้เบื้องหลังของสวามี นางจึงเกิดความสงสารและเห็นใจเขาอยู่ไม่น้อย จากนั้นเป็นต้นมานางและสวามีก็ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเหมือนเคยมาโดยตลอด จนก่อเกิดเป็นความรักระหว่างทั้งคู่ขึ้นมา หมู่บ้านแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงจิ้งจอกเท่านั้นที่สามารถแปลงร่างเป็นคนได้ แต่ยังมีสัตว์อีกมากมายที่สามารถแปลงร่างเป็นคนได้อาศัยอยู่ ณ ที่หมู่บ้านแห่งนี้ ผู้คนในหมู่บ้านจะไม่ดูถูกดูแคลนเหยียดหยามซึ่งกันและกันเด็ดขาด จะคอยให้เกียรติและช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ดีหรือลำบากก็ตาม ซึ่งผู้นำของหมู่บ้านแห่งนี้ไม่ใช่ใครที่ใดแต่เป็นสวามีของเสี่ยวลู่เอง คราวแรกเสี่ยวลู่เองก็รู้สึกเอะใจว่าเหตุใดสวามีของนางผู้เป็นถึงผู้นำหมู่บ้านจึงไม่มีเรือนที่มีสภาพดีกว่านี้ ทว่านางก็ไม่กล้าเอ่ยถามเขาออกไป เนื่องจากคิดว่าเขาอาจจะมีความเฉลียวฉลาดมากกว่าผู้อื่นจึงมีผู้คนแต่งตั้งเขาให้เป็นผู้นำก็ได้ ซือ หูหลี่กับหลิน เสี่ยวลู่ใช้ชีวิตครองคู่กันอย่างมีความสุขมาโดยตลอด เสี่ยวลู่มักจะออกไปหาสมุนไพรกับซูซู่สาวรับใช้ของนาง เพื่อนำมาทำเป็นโอสถต่าง ๆ เอาไว้รักษาผู้คนในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่เสมอ กระทั่งเสี่ยวลู่เป็นไข้ป่ากระทันหันนอนซมอยู่หลายวัน หูหลี่กับซูซู่นำโอสถที่เสี่ยวลู่ได้ปรุงเอาไว้ นำมาต้มให้นางดื่มทั้งสามเพลา แต่นั้นก็ยังไม่สามารถทำให้อาการของนางดีขึ้นมาได้เลย หนำซ้ำยังทำให้อาการของนางย่ำแย่ลงหนักขึ้นไปอีก แต่ทั้งสองก็ไม่ลดละความพยายามแต่อย่างใด กระทั่งนางฟื้นขึ้นมาอีกครา ทว่าครั้งนี้คนที่ฟื้นขึ้นมามันกลับเป็นซิน ลู่ปิงปิงไม่ใช่หลิน เสี่ยวลู่ " คุณหนูท่านฟื้นแล้ว " ซูซู่สาวรับใช้วิ่งกรูเข้ามาหาคุณหนูของนางด้วยความดีใจอย่างมากที่สุด ตั้งแต่คุณหนูของนางเป็นไข้ป่าไม่มีวันใดที่นางจะไม่รู้สึกเป็นกังวลและเป็นห่วงคุณหนูของนางเลยสักครั้ง " อื้ม...ข้าฟื้นแล้วซูซู่ ข้าต้องขอบใจท่านหูหลี่กับเจ้ามากนะที่คอยอยู่ดูแลข้าเช่นนี้ แต่ยามนี้ข้ากระหายน้ำมากเลย " ลู่ปิงปิงในร่างของเสี่ยวลู่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง เธอรู้สึกกระหายน้ำมากในขณะนี้ " ได้เจ้าค่ะคุณหนูคุณหนูรอซูซู่สักครู่นะเจ้าคะ " ซูซู่เทน้ำภายในกระบอกไม้ไผ่ใส่กระบอกแก้วไม้ไผ่ยื่นมาให้แก่หูหลี่ เพื่อให้บุรุษหนุ่มนำมาให้แก่คุณหนูของนาง หูหลี่ป้อนน้ำให้เสี่ยวลู่ดื่มจนหมด ก่อนจะส่งแก้วกระบอกไม้ไผ่กลับคืนให้แก่สาวรับใช้ของฟูเหรินของตน ซูซู่เองก็รู้ว่าสวามีของคุณหนูเป็นจิ้งจอกที่สามารถแปลงร่างเป็นคนได้ ซึ่งผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้ก็เช่นเดียวกัน แต่นางก็ไม่ได้ให้ความสนใจต่อสิ่งเหล่านี้แต่อยากใด ในเมื่อคุณหนูของนางอยู่ที่นี่ได้นางเอกก็อยู่ได้เช่นกัน คุณหนูของนางเคยกล่าวเอาไว้ว่าในเมื่อผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้ไม่เคยคิดที่จะปองร้ายหรือทำร้ายผู้ใดก่อน เหตุไฉนพวกนางจึงจะต้องเกรงกลัวอันใดต่อพวกเขาเหล่านี้ด้วย ซึ่งผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้ล้วนแต่ดีกับนางและคุณหนูของนางมาก ช่างแตกต่างจากที่นางและคุณหนูอยู่ที่จวนมากนัก ซูซู่รักที่แห่งนี้และซูซู่เองก็รู้ดีว่าคุณหนูของนางก็รักที่นี่ไม่ต่างกัน... เชิงอรรถ^ 1^ยามเหม่า (卯) = 05.00 - 06.59 น. 2^ยามโหย่ว (酉) = 17.00 - 18.59 น. 3^เสนาบดีกรมพระคลังหรือหู่ปู้ (户部; 戶部) ทำหน้าที่เป็นกระทรวงการคลัง ดูแลการจัดเก็บภาษี รายได้แผ่นดิน เบิกจ่ายงบประมาณไปยังสำนัก กรม กอง ต่าง ๆ นอกจากนั้นยังทำหน้าที่คล้ายกรมทะเบียนราษฎร์ด้วย 4^เสนาบดีกรมกลาโหมหรือปิงปู้ (兵部) เสนาบดีกรมนี้ทำหน้าที่ด้านธุรการทางทหารมากกว่าถือกำลัง 5^ฮูหยิน (ภาษาจีนแต้จิ๋ว) ฟูเหริน (ภาษาจีนกลาง) = ภรรยา02" เสี่ยวลู่เจ้าหิวหรือไหม " หลังจากป้อนน้ำให้กับเสี่ยวลู่เสร็จหูหลี่ก็เอ่ยถามนางในทันท่วงที ลู่ปิงปิงในร่างเสี่ยวลู่ไม่ได้เอ่ยตอบหูหลี่ เธอทำเพียงพยักหน้าให้กับเขาเท่านั้น ก่อนที่เขาจะหันไปสั่งการต่อสาวรับใช้ของฟูเหรินอย่างซูซู่ให้นำสำรับอาหารเข้ามาให้นางทาน" ซูซู่เจ้าจงออกไปนำสำรับมาให้กับคุณหนูของเจ้าได้ทานเถอะ "" เจ้าค่ะท่านหูหลี่ "ซูซู่โค้งรับคำสั่งของหูหลี่แล้วถอยหลังลุกออกไปจากเรือนไม้เก่า วันนี้นางทำของโปรดคุณหนูเอาไว้หลายอย่าง นางดีใจมากที่คุณหนูฟื้นขึ้นมาแล้วได้ทานอาหารฝีมือของนางเสียที นางลงมือทำอาหารเองทุกครั้งตั้งแต่คุณหนูของนางเป็นไข้ป่า แต่ทว่านางก็ต้องนำอาหารเหล่านี้ไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านได้ทานแทน เนื่องจากคุณหนูของนางไม่ฟื้นเอาแต่นอนซมด้วยพิษไข้ป่า จนเวลาล่วงเลยมาเป็นเวลาสามวัน คุณหนูของนางจึงได้ฟื้นขึ้นมาอย่างที่นางได้เห็นเมื่อสักครู่นี้ซูซู่จัดสำรับอาหารให้กับคุณหนูของนางอย่างพิถีพิถัน แล้วนำมาให้กับคุณหนูของนางที่เรือนไม้เก่า จากนั้นจึงค่อย ๆ เดินออกไปจากเรือนไม้เก่าเฉียดเช่นเดิมหูหลี่คอยป้อนอาหารให้เสี่ยว
03หูหลี่กลับมายังห้องทำงานของตน พลางใช้มือข้างขวาขึ้นมาจับไว้ที่คางแล้วใช้มือข้างซ้ายแนบกับหน้าท้องของตนขบคิดถึงรอยเท้าปีศาจที่เจอเมื่อสักครู่ บริเวณชายป่าใกล้หมู่บ้านที่ตนเป็นผู้นำ การที่มีเหล่าปีศาจเริ่มเข้ามาใกล้หมู่บ้านฉิงอี้อย่างนี้ นั่นแปลว่าปีศาจเหล่านั้นเริ่มรู้ถึงต้นรักใหญ่แล้ว ต้นรักใหญ่เป็นต้นไม้ที่เป็นยารักษาโรคทั้งต้น มีสรรพคุณแตกต่างกันออกไปหลายอย่าง จึงเป็นที่ต้องการของใครหลาย ๆ คน หมู่บ้านฉิงอี้ถูกตั้งขึ้นเพื่อรักษาต้นรักใหญ่ต้นนี้ให้ห่างจากเหล่าปีศาจและมนุษย์มายาวนานกว่า 30 ปี ซึ่งบิดามารดาของหูหลี่เองก็ถูกเหล่ามนุษย์ฆ่าตายเพราะเหตุนี้เช่นกัน สมัยเมื่อ 10 ปีก่อนหูหลี่ยังเป็นเด็ก หมู่บ้านฉินอี้ที่หูหลี่และครอบครัวได้อาศัยอยู่ซึ่งห่างออกไปจากหมู่บ้านแห่งนี้ 2 ลี้ ซึ่งบิดาของหูหลี่เป็นถึงประมุขของหมู่บ้านฉินอี้แห่งนั้น เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ชาวบ้านต่างล้มตายกันมากมายและทำให้หมู่บ้านแห่งนั้นต้องล่มสลายไปในช่วงค่ำคืน ส่วนชาวบ้านที่เหลือรอดก็ต่างแตกแยกจากกันไปคนละทิศละทาง หูหลี่ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในที่ลับตามคำสั่งของบิดามารดา หลั
04หูหลี่หันมาจ้องมองใบหน้าของเสี่ยวลู่ที่ยามนี้กำลังตั้งอกตั้งใจอ่านตำราอยู่ของกายตน นี้ถือเป็นครั้งแรกที่ตนกับนางได้นั่งอยู่ในห้องทำงานของตนเช่นนี้ นับว่าเป็นโชคดีสำหรับตนจริง ๆ " ฟูเหรินเจ้าอยากกลับไปพักผ่อนก่อนหรือไม่ "" สวามีนี้ท่านมิอยากให้ข้าอยู่กับท่านต่อรึ เหตุใดท่านจึงถามข้าเช่นนี้ " ลู่ปิงปิงแสร้งทำใบหน้าเศร้าสร้อยพลางใช้มือเรียวปิดตำราสมุนไพร" มิใช่เช่นนั้นข้าเพียงเป็นห่วงเจ้าเห็นว่าเจ้าพึ่งจะอาการดีขึ้นจึงมิอยากให้เจ้าต้องมานั่งหลังคดหลังแข็งเช่นนี้ "" สวามีข้าบอกท่านแล้วว่าท่านมิต้องเป็นห่วงข้า เหตุใดท่านจึงมิฟังข้าเลย ข้ารู้กำลังของตัวข้าดีนะเจ้าค่ะ "" มิเช่นไรเจ้าก็เริ่มดื้อรั้นเอาแต่ใจต่อข้าแล้ว "" สวามีท่านจะมากล่าวหาข้าเช่นนี้มิได้นะเจ้าค่ะ ข้าเพียงแค่เอ่ยออกมาตามความเป็นจริงเท่านั้น มิเชื่อท่านก็ลองหันไปถามท่านโมลู่หานดูสิเจ้าคะ ว่าสิ่งที่ข้าพูดมามันจริงหรือไม่ "" เอ่อ พอดีข้าพึ่งนึกได้ว่าข้าจะต้องออกไปหารือกับท่านจื่อหนาน ข้าขอตัวก่อนนะ เจ้าทั้งสองพูดคุยกันต่อเลย ข้ามิกวนเจ้าทั้งสองแล้ว " เอ่ยจบโมลู่หานก็รีบเดินออกม
05หลังจากที่หูหลี่และลู่ปิงปิงถกเถียงกันอยู่พอสมควร ทั้งสองจึงได้พากันกลับเรือนไม้เก่า ยามมาถึงลู่ปิงปิงก็เห็นเหล่าทหารและเหล่าชาวบ้านช่วยกันขนย้ายสิ่งของออกมาจากเรือนไม้เก่าเดินไปยังฝั่งทางขวาของเรือนที่เธอกับหูหลี่อาศัยอยู่ด้วยกัน ก่อนที่เธอจะรีบเดินเข้ามาถามซูซู่สาวรับใช้ของเสี่ยวลู่ที่กำลังจัดแจงของใช้ของคุณหนูของนางอยู่" ซูซู่นี่มันเรื่องอันใดกัน เหตุใดเหล่าทหารและเหล่าชาวบ้านถึงได้เข้ามาขนย้ายข้าวของภายในเรือนออกไปเช่นนี้ "" ซูซู่เองก็มิรู้เช่นกันเจ้าค่ะคุณหนู อยู่ ๆ เหล่าทหารพร้อมกับเหล่าชาวบ้านก็เข้ามาขนย้ายข้าวของออกไปจากเรือนอย่างที่คุณหนูเห็นเมื่อสักครู่นี้แหละเจ้าค่ะ " ซูซู่กล่าวออกมาตามความเป็นจริง นางเองก็มิรู้เช่นเดียวกันอยู่ ๆ เหล่าทหารและเหล่าชาวบ้านก็เดินเข้ามาบอกว่าจะเข้ามาขนย้ายข้าวของทั้งหมดภายในเรือนไม้เก่าเข้าไปยังเรือนใหม่ตามคำสั่งที่ได้รับมาจากผู้นำ ซึ่งเรื่องนี้คนที่รู้ดีที่สุดคงจะมิพ้นคุณชายหูหลี่แล้ว" เหล่ากงท่านต้องอธิบายเรื่องนี้ให้ข้าฟังแล้ว มิเช่นนั้นข้าจะมิคุยกับท่านอีกเป็นแน่แท้ " ลู่ปิงปิงเผยใบหน้าบึงตึง เ
06หูหลี่ตามเสี่ยวลู่หรือลู่ปิงปิงและสาวรับใช้ของนางเข้าป่าลึกตามคำของตนที่ได้ลั่นเอาไว้ พร้อมทหารคุมกันสามนาย ซึ่งทหารเหล่านี้เปรียบเสมือนองครักษ์ประจำตัวของผู้นำ ทั้งหกคนเดินฝ่าป่ารกร้างมาได้ประมาณ 1 ชั่วยาม ก่อนที่ทุกคนจะหยุดพักหวังเอาแรง ลู่ปิงปิงรับน้ำจากหูหลี่มาดื่มแก้กระหาย หญิงสาวไม่คิดว่ามันจะเหนื่อยขนาดนี้ ถ้าเป็นในภพชาติที่เธอจากมาเธอมักจะใช้บริการรถโดยสารเสมอ เพื่อความสะดวกสบายของเธอเอง ในภพชาตินี้คงจะมีอะไรให้เธอเรียนรู้และพบเจออีกมากแน่ ฉะนั้นเธอจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการรับมือจากสิ่งที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้านี้ " เจ้าไหวหรือไหม " หูหลี่เอ่ยถามภรรยาด้วยความเป็นห่วง ภายในใจของตนมิอยากให้ภรรยามาที่แบบนี้มากนัก เนื่องจากบริเวณป่าแห่งนี้ นอกจากเผ่าของตนแล้วยังมีเผ่าปีศาจวนเวียนอยู่มิน้อย" ข้ามิเป็นไรข้ายังไหวอยู่ อีกมินานเราก็จะถึงที่หมายแล้ว ข้าว่าเราอย่าได้พักกันนานเลยนะเจ้าค่ะ ยามค่ำคืนป่าแถบนี้มันอันตรายยิ่งนัก ข้ามิอยากให้ผู้ใดต้องได้รับอันตรายเพราะข้าเป็นเหตุเจ้าค่ะ "" อืมถูกของเจ้าเช่นนั้นทุกคนออกเดินทางกันต่
07ทั้งสองฝั่งต่างแสดงวรยุทธใส่กันดังสะท้านไปทั่วผืนป่า การต่อสู้ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง หูหลี่ใช้พลังปราณที่ตนฝึกฝนและบำเพ็ญตบะถึงขั้นราชันยุทธ์ขั้นเจ็ด สาดใส่สตรีรูปลักษณ์งดงาม ดวงตาแดงก่ำ ริมฝีปากแดงฉาน ผิวพรรณขาวซีด แต่งชุดระบำจีนสีแดงสด สตรีงดงามเหล่านี้เป็นปีศาจเผ่าแมงมุมที่ออกล่าเหยื่อในยามซวี ซึ่งปีศาจแมงมุมจะใช้หน้าตาของตนล่อลวงเหล่าบุรุษทั้งหลายให้ลุ่มหลง ก่อนจะลงมือดูดวิญญาณบุรุษเหล่านั้น เพื่อล่อเลี้ยงพลังชีวิตและตบะของตน" ย๊ะ "ลู่ปิงปิงกับซูซู่หลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ดูการต่อสู้ของเหล่าปีศาจกับเหล่าหูหลี่ ฝั่งเหล่าปีศาจเริ่มสลายเป็นผุยผง จนเหลือเพียง 4 ตน ต่อสู้กันตัวต่อตัว ต่างฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บกันอยู่ไม่น้อย สุดท้ายฝั่งปีศาจก็พ่ายแพ้ไป ลู่ปิงปิงเดินออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่เดินตรงดิ่งมาหาสามีกับเหล่าทหาร ซึ่งทุกคนต่างได้รับบาดเจ็บอยู่พอสมควร เธอจึงหยิบขวดยาที่นำติดตัวออกมาเปิดฝาเทยาลูกกลอนให้ทุกคนคนละเม็ด เพื่อบรรเทาอาการบาดเจ็บและเสริมพลังปราณภายในร่างกายให้แต่ละคน " ข้าว่าพวกเรารีบเดินทางกันต่อดีกว่า มิรู้ว่าจะมีเหตุอันใด
08เมืองปีศาจเมืองปีศาจถูกสร้างขึ้นอยู่ในหุบเขาลึก มีจอมราชานามว่า ซีจ้าวเหว่ย ซึ่งได้ถูกเทพเซียนผนึกไว้ใต้พิภพ ทำให้จ้าวจื่อเหนียงที่เป็นองครักษ์ส่วนพระองค์และเหล่าปีศาจที่จงรักภักดีแก่จอมราชาปีศาจต้องออกตามหาต้นรักใหญ่ เพื่อนำมาเป็นส่วนปลดผนึกให้แก่จอมปีศาจ แต่ทว่าเหล่าปีศาจไม่อาจเข้าไปในอาณาเขตนั้นได้ จึงต้องยืมมือของพวกมนุษย์ให้ทำแทน แต่พวกมนุษย์ช่างโง่เขลาดันทำลายต้นรักใหญ่ จนไม่เหลือสิ่งที่เหล่าปีศาจต้องการ แต่ก็ไม่อาจทำอะไรกับพวกมนุษย์เหล่านั้นได้ จึงต้องซื้อเศษซากต้นรักใหญ่มาในราคาที่ค่อนข้างสูง ซึ่งสิ่งที่เหล่าปีศาจต้องการอย่างแท้จริงคือแก่นกลางของต้นรักใหญ่ในห้องทำงานของจอมราชาที่บัดนี้มีองครักษ์รูปงามร่างกำยำ นัยตาแดงฉาน ผมสั้นแดงเพลิงนามว่า จ้าวจื่อเหนียง กำลังนั่งหารืออยู่กับสตรีงาม นัยตาดำขลับแดง ผมยาวสลวยแดงเลือดนกนามว่า หลิวถาเอ๋อร์ " ข้าได้ยินว่าต้นรักใหญ่ได้ถือกำเนิดขึ้นมาอีกครั้งแล้ว จากนี้ท่านจะทำเช่นไรต่อ "" หึ ยืมมือของพวกมนุษย์ยังไงเล่า " บุรุษหนุ่มยกยิ้มมุมปากขึ้น เหตุใดตนจะต้องลงมือเองด้วย ในเมื่อยังมีพวกมนุษย์ห
09ยามซวีมาเยือนพร้อมสายลมพัดโบกส่งผลให้เหล่าใบไม้พัดพริ้ว เผยเสียงเสียดสีชวนเคลิบเคลิ่มน่าฟัง แต่แอบแฝงไปด้วยอันตราย ไอปีศาจแผ่กระจายเป็นหย่อม กองไฟขนาดเล็กที่เกิดขึ้นจากฝีมือของมนุษย์ ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกัน เดาไม่ยากว่าปีศาจและมนุษย์กลุ่มนั้นเป็นพวกเดียวกัน " นายท่านจะให้พวกข้าทำเช่นไรต่อ " บุรุษมีอายุรูปหนึ่งกล่าวขึ้นต่อปีศาจที่เป็นหัวหน้า ซึ่งกำลังแผดรังศีความแข็งแกร่งออกมาทุกขณะ มีผู้ติดตามอยู่ไม่ห่างกายสองตน" หึ หน้าที่ของพวกเจ้าคือตามหาร่องรอยของสัตว์อสูรให้พบเท่านั้น ส่วนที่เหลือพวกข้าจะจัดการเอง แล้วอย่าคิดทำนอกเหนือจากคำสั่งของข้าเด็ดขาด มิเช่นนั้นข้ามิรับประกันชีวิตของพวกเจ้าแน่ "" ขอรับนายท่าน " ผู้อาวุโสโค้งคำนับแล้วเดินเข้ามาร่วมกลุ่มกับลูกสมุนของตน" ท่านอาวุโสเว่ย ท่านว่าพวกเราจะหาต้นรักใหญ่พบในเร็ววันหรือไม่ " บุรุษในกลุ่มเอ่ยถามขึ้น " แน่นอนว่าพวกเราจะต้องหาพบในเร็ววัน ทว่าครั้งนี้พวกเราจะต้องระวังกันให้มากกว่าในครั้งอตีดเสียหน่อย มิเช่นนั้นจะเป็นพวกเราที่จะเดือดร้อน " ผู้อาวุโสเว่ยแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมายามที่เอ่ยกล
19จ้าวจื่อเหนียงนั่งอยู่บนโขดหินจ้องมองการต่อสู้ของลูกสมุนอยู่เงียบ ๆ เมื่อเห็นว่าภรรยากำลังจะทำลายค่ายกลที่ปกป้องต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์จึงกระโดดลงจากโขดหินมุ่งตรงไปหาภรรยาทันที หยี่หมิงใช้พลังของนางที่มีทั้งหมดไปยังค่ายกลหวังทำลาย นางใช้เวลาอยู่สักพักแผงค่ายกลก็เริ่มร้าวและแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนที่ร่างของนางจะลงไปนั่งฟุบกับพื้นดินด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากที่ใช้พลังไปมาก จ้าวจื่อเหนียงและหลิวถาเอ๋อร์มิรอช้ารีบเข้ามายืนอยู่ข้างต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่ผนึกค่ายกลถูกทำลาย ทั้งสองหวังนำเอาแก่นกลางต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อนำไปปลดผนึกหวังคืนชีพให้กับจอมราชาปีศาจอย่างซีจ้าวเหว่ยและนำส่วนที่เหลือของต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ไปทำเป็นโอสถขายให้กับปีศาจในเผ่าชิงหรางที่ปราบร่างโคลนมายาที่หูหลี่สร้างขึ้นได้ทั้งหมดแล้วก็ลอยตัวมายืนอยู่ข้างกายของหลิวถาเอ๋อร์ โดยมีปีศาจลูกสมุนที่บำเพ็ญตบะถึงขั้นกลางสิบกว่าตนยืนอยู่ข้างหลังจ้าวจื่อเหนียงและหลิวถาเอ๋อร์รวมพลังกันเพื่อดึงเอาแก่นกลางต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ โดยมิสนใจหยี่หมิงที่เป็นภรรยาแถมยังสูญเส
18หมู่บ้านใหม่ฉิงอี้ลู่ปิงปิงยืนอยู่บนเรือนไม้ไผ่สองมือจับราวกั้นของเรือนเอาไว้ ใบหน้ากลมสวยแหงนขึ้นมองพระจันทร์เต็มดวงสีเลือด หวนคิดถึงสามีที่อยู่ต่อสู้กลับเผ่าปีศาจ ณ หมู่บ้านฉิงอี้แต่เดิม หวังว่าการย้อนมาในอดีตของเธอจะทำให้เผ่าสัตว์อสูรแคล้วคลาดจากภัยพิบัติในครั้งนี้ไปได้ เพราะเธอไม่อยากสูญเสียใครไปอย่างในภพชาติของเธออีกแล้ว หูหลี่กลับมาอย่างปลอดภัยตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับเธอด้วย ขอร้องล่ะ" คุณหนูดึกมากแล้วเข้าไปพักผ่อนเถอะนะเจ้าค่ะ หากคุณหนูมิสบายขึ้นมาแล้วท่านหูหลี่กลับมาพบเข้า ซูซู่อาจจะโดนท่านหูหลี่ทำโทษเอาได้นะเจ้าคะ " ซูซู่พยายามหาคำกล่าวให้สมเหตุสมผล เพื่อให้คุณหนูของนางได้พักผ่อนบ้าง ตั้งแต่มาที่นี่คุณหนูของนางก็เอาแต่เป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ณ หมู่บ้านฉิงอี้แต่เดิม นางมั่นใจว่าท่านเขยจะต้องชนะศึกในครั้งนี้เป็นแน่ มิใช่เพียงแค่นางเท่านั้น แต่ทว่าสัตว์อสูรที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน" ข้าอยากอยู่ตรงนี้อีกสักประเดี๋ยว ซูซู่เจ้าคิดว่าท่านพี่จะชนะศึกในครั้งนี้ได้หรือไม่ " ลู่ปิงปิงเอ่ยถามสาวรับใช้ในขณะที่ใบหน
17หน้าประตูหมู่บ้านฉิงอี้พระจันทร์สีเลือดปรากฏขึ้นพร้อมกับกองกำลังปีศาจที่มาเยือนอยู่หน้าประตูของหมู่บ้านฉิงอี้ โดยมีจ้าวจื่อเหนียง (ปีศาจงูแดงผู้พี่) จ้าวซินเหว่ย (ปีศาจงูดำผู้น้อง) หลิวถาเอ๋อร์ (ปีศาจหงส์เพลิง-น้องสาวของจอมราชาปีศาจ) และหยี่หมิง (องค์หญิงเผ่ามนุษย์) นำทัพในครั้งนี้ ค่ายกลที่ถูกร่ายปกคลุมหมู่บ้านฉิงอี้ทำให้กองกำลังของเผ่าปีศาจไม่สามารถเข้าโจมตีหมู่บ้านได้ในทันที " หมู่บ้านแห่งนี้ถูกร่ายค่ายกลป้องกันเอาไว้ขอรับท่านจ้าว " ซิงซือหังปีศาจสามตากล่าวรายงานต่อนายท่านของตน หากต้องการทำลายค่ายกลป้องกันนี้จะต้องใช้พลังอยู่มิน้อย" เรื่องค่ายกลปล่อยให้ข้ากับซินเหว่ยเป็นผู้ทำลายเอง หากค่ายกลถูกทำลายแล้ว ท่านจ้าวและปีศาจทุกตนเข้าโจมตีหมู่บ้านแห่งนี้ได้เลย " หลิวถาเอ๋อร์กล่าวจบก็ลอยตัวขึ้นไปอยู่กลางอากาศคู่กับคู่หมั้นของนาง ก่อนที่ทั้งสองจะร่ายพลังใส่ค่ายกลของหมู่บ้านฉิงอี้ มินานค่ายกลป้องกันก็ถูกทำลายลง" ปีศาจทุกตนบุกเข้าโจมตีได้ ทำลายเผ่าสัตว์อสูรทิ้งให้หมดอย่าให้เหลือแม้แต่ตนเดียว! " จ้าวจื่อเหนียงสั่งการเสียงดัง" เย้! ฆ่า! ฆ่า!
16ป่าลึกฐานลับของเผ่าปีศาจมุมปากหนาแสยะยิ้มออกมายามเห็นข้อความลับด้านในของแผ่นกระดาษ ในที่สุด...ในที่สุดก็หาเจอเสียที ฮ่า ฮ่า ฮ่า " หลงซูเจ้าจงไปบอกปีศาจทุกตนและมนุษย์ที่ติดตามให้เตรียมตัวให้พร้อมถึงเวลาที่เรารอคอยกันแล้ว "" ขอรับนายท่าน ปีศาจทุกตนและพวกมนุษย์ทั้งหลายจงฟัง พวกเจ้าจงเตรียมตัวกันให้พร้อมในอีกมิช้ากองกำลังเผ่าปีศาจจะมาถึงฐานลับของพวกเรา ต่อจากนี้ถึงเวลาที่เผ่าปีศาจจะบุกเข้าโจมตีพวกเผ่าสัตว์อสูรเสียทีและแย่งชิงต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์มาเป็นของเผ่าปีศาจของพวกเราซะ เพื่อช่วยให้ท่านจอมราชาปีศาจของพวกเราฟื้นคืนชีพได้สำเร็จ " " เฮ้! ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! " ปีศาจติดตามพากันส่งเสียงดังสนั่นป่าทึบ นานเท่าใดแล้วที่พวกมันมิได้ออกไล่ล่าเช่นนี้ จึงทำให้พวกมันฮึกเหิมกันใหญ่" ท่านพ่อ " เซียวหลี่หันมาเอ่ยเรียกบิดาของตน หากเป็นเช่นนี้เผ่าสัตว์อสูรคงได้จบสิ้นจริง ๆ แน่" ทำตามแผนของพวกมันไปก่อนแล้วจากนั้นค่อยคิดหาวิธีกันใหม่ " ผู้อาวุโสเว่ยหันมาตอบบุตรชายเสียงแผ่ว จากสถานการณ์ตรงหน้าพวกตนจะต้องคิดหาวิธีการตั้งรับกับสถานการณ์นี้กันใหม่เสียแล
15 ชิงหรางที่ตามหาต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกดูแลจากเผ่าสัตว์อสูรตามบัญชาเทพสวรรค์ นางใช้เวลาสามวันสามคืนในที่สุดนางก็พบที่ซ่อนของต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ ห่างออกไปจากหมู่บ้านฉิงอี้ 1 ลี้ ต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ถูกซ่อนเอาไว้ในถ้ำลึก บริเวณปากถ้ำถูกร่ายค่ายกลบังตาเอาไว้หากเป็นมนุษย์ธรรมดาหรือเป็นปีศาจที่บำเพ็ญตบะน้อยนิดก็มิอาจเห็นทางเข้าของถ้ำนี้ได้ รอบต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์มีแสงสีทองอร่ามเปล่งออกมาอยู่ตลอด ผลิผลสีแดงออกมามากมาย บริเวณโคนก้านของผลจะมีปีก 5 ปีก เป็นรูปขอบขนาน เชื่อมอยู่ระหว่างโคนปีกและผลยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร ภายในถ้ำแห่งนี้จะมีคริสตัลสีแดงงอกออกมากระจัดกระจายตลอดทางเดิน ซึ่งคริสตัลเหล่านี้มีแสงเปล่งออกมาทำให้ถ้ำมิมืดและน่ากลัวแถมยังมีสมุนไพรหายากบางชนิดเกิดภายในถ้ำแห่งนี้ด้วย บริเวณปากถ้ำจะมิมีผู้คุ้มกันจะมีก็แต่เพียงบริเวณต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น สัตว์อสูรที่คุ้มกันมีทั้งหมดหกตน ยืนล้อมต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ทำให้ตัวนางมิสามารถเข้าไปใกล้ต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ได้ในตอนนี้ ทำได้เพียงถอยหลังออกมาจากที่แห่งนี้ก่อน ยังไงซะต้นรักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องตกเป็นของเผ่าป
14เรือนแม่ทัพเหยาชูร่างสูงกำยำของผู้เป็นเจ้าเรือนกำลังนั่งจิบชาอยู่ที่ศาลาไม่ไกลจากห้องของตัวเองและห้องของสตรีที่พามารักษามากนัก สายตาคมเฉี่ยวทำการกวาดมองไปทั่วบริเวณของเรือน หวังหาผู้ร้ายที่แอบรุกรานเข้ามาในยามวิกาล แต่แท้จริงแล้วกลับกำลังมองหาสตรีที่เจ้าตัวได้นำออกมาจากป่า เพื่อพามารักษาอาการบาดเจ็บเมื่อไม่นานมานี้ต่างหาก ซึ่งนางมีนามว่าชิงหราง นางอ้างว่าตัวของนางเป็นชาวบ้านมนุษย์ธรรมดาที่ออกมาเก็บสมุนไพรไปขายเพื่อประทังชีวิตก่อนยามโหย่วสตรีนางนี้ได้มาขอตนออกไปซื้อของกับสาวรับใช้ที่อยู่ในเรือนมานาน กระทั่งบัดนี้เข้ายามซวีแล้วทั้งสองยังมิกลับมากันเลย หรือไม่ทั้งสองก็อาจจะเกิดเหตุมิคาดฝันขึ้นกลางทาง มิได้ตนจะต้องออกไปตามหาทั้งสอง คืนปล่อยไว้แบบนี้มิดีแน่ เหยาชูวางแก้วชาลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นจากเกาอี้กำลังจะเดินออกจากศาลา แต่ทว่าเจ้าตัวยังไม่ได้ก้าวเท้าออกจากศาลาเลยแม้แต่ก้าวเดียว ชิงหรางกับสาวรับใช้ก็เดินเข้ามาภายในเรือนเสียก่อน ชิงหรางเข้ามาภายในเรือนของแม่ทัพได้ก็สั่งให้สาวรับใช้นำของที่ซื้อมาไปเก็บภายในห้องนาง ก่อนจะก้าวเดินเข้ามาหาท่านแ
13อีกฝั่งของป่ากลุ่มบุรุษมนุษย์ที่เดินทางมากับปีศาจสามตน เพื่อค้นหาหมู่บ้านลึกลับ ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้มีสิ่งล้ำค่าซุกซ่อนเอาไว้และเป็นสิ่งที่เผ่าปีศาจต้องการมาก สิ่งนี้สามารถทำให้จอมราชาปีศาจที่ถูกผนึกฟื้นขึ้นมาได้อีกครั้ง หากแต่ว่าบุรุษมนุษย์กลุ่มนี้กลับมิได้จงรักภักดีต่อเผ่าปีศาจเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เนื่องจากพวกเขามิอยากตกเป็นทาสของเผ่าปีศาจไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่และอยากลบล้างความผิดของตนที่ก่อขึ้นในอดีต" นี่พวกเราก็เดินมากันหลายวันแล้วนะทำไมถึงยังมิเจอหมู่บ้านลึกลับแห่งนี้สักที " บุรุษมนุษย์ผู้หนึ่งภายในกลุ่มกล่าวขึ้นเมื่อเริ่มเหนื่อยล้า" นั่นสิหรือว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะมีค่ายกลปกปิดเอาไว้เพื่อกันผู้บุกรุก หากต้องการที่จะเข้าไปภายในหมู่บ้านก็จะต้องเป็นคนในหมู่บ้านพาเข้าไป " บุรุษมนุษย์อีกคนกล่าวขึ้นเสริม หากเป็นดั่งที่ตนคิดจริงคงเป็นเรื่องยากเสียแล้วล่ะ" หากเป็นเช่นที่เจ้ากล่าวมางานนี้เราคงยากที่จะเข้าไปแล้ว " ผู้อาวุโสเว่ยเริ่มมีสีหน้าวิตกกังวล ก่อนจะหันหน้าไปมองปีศาจที่มาเพื่อควบคุมกลุ่มของตน " นายท่านจะทำเช่นไรต่อดี ถ้าเป็นอย่างที่ลู
12สตรีงามที่หลับไหลมาเป็นเวลาสามวัน เริ่มขยับตัวช้า ๆ เปลือกตาค่อย ๆ เปิดออกกวาดมองไปทั่วทุกมุมห้อง จากนั้นจึงชันร่างกายขึ้นนั่งพิงไปกับหัวเตียง ความสงสัยก่อนหน้านี้ของนางกลับมลายหายไปจนหมดสิ้น เมื่อบุรุษหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเรือนเดินเข้ามาภายในห้อง เขาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนางทั้งหมดให้นางฟัง บุรุษหนุ่มมิได้เอ่ยปากไล่สตรีออกจากเรือนของตนแต่อย่างใด เขายังให้นางพักจนกว่านางจะหายเป็นปกติ หากแต่เขาเองก็คอยจับสังเกตนางอยู่ตลอดเช่นกัน นี่ก็เพื่อความปลอดภัยของเผ่า บุรุษหนุ่มมิลืมที่จะนำเรื่องที่สตรีนางนี้ฟื้นขึ้น มารายงานผู้นำและฟูเหรินอย่างที่เคยรับปากก่อนหน้านี้ ซึ่งท่านทั้งสองเองก็มีความคิดเช่นเดียวกับเขา การที่ให้สตรีนางนี้ได้พักฟื้น จนกว่าร่างกายของนางจะหายดี แต่หากสืบสาวราวเรื่องว่านางเป็นสายลับของเผ่าปีศาจ พวกตนเองก็มีวิธีที่จะตั้งรับกับนางเช่นกัน หากนางเป็นคนธรรมดามิใช่คนของเผ่าปีศาจ พวกตนก็จะปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดีใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มิว่าเช่นไรเผ่ามนุษย์ เผ่าสัตว์อสูรหรือแม้แต่เผ่าปีศาจเองก็มีทั้งดีและชั่วเช่นเดียวกัน
11" ท่านผู้นำ ท่านผู้นำขอรับ ข้าน้อยขอคารวะท่านผู้นำ ข้าน้อยขอคารวะท่านเสี่ยวลู่ ท่านผู้นำขอรับท่านเหยาชูให้ข้าน้อยมารายงานต่อท่านผู้นำว่าพวกข้าน้อยได้พบสตรีมนุษย์นางหนึ่งนอนสลบอยู่ในป่าห่างออกไปจากหมู่บ้านของเรามิมากนักตอนออกไปลาดตะเวนในยามเช้าตรู่ นางได้รับบาดเจ็บสาหัสคาดว่านางน่าจากออกมาหาสมุนไพรหรือไม่ก็ของป่าไปกินแล้วโดนสัตว์ป่าทำร้ายขอรับ " บุรุษหนุ่มนามหลินเยว่ เป็นทหารมากฝีมือเป็นมือขวาของแม่ทัพเหยาชู " ฮึ่ม...มนุษย์เช่นนั้นรึ " ใบหน้าเรียบนิ่ง แต่ทว่าภายในใจกลับคิดคาดคะเนต่อสตรีผู้นี้ " ไปกันเถอะ "" เหล่ากงท่านคิดเช่นไรกับสตรีผู้นี้รึ " ลู่ปิงปิงก้าวเดินไปตามทางใบหน้าเชิดตรงมองไปด้านหน้ายามเอ่ยถาม" คิดว่านางมิน่าไว้วางใจ เจ้าล่ะคิดเห็นเช่นไร " " ไม่รู้สิเจ้าค่ะ " เธอกระตุกยิ้มมุมปาก ไม่น่าไว้ใจอย่างนั้นเหรอ หึ สามีของเสี่ยวลู่ช่างน่าสนใจนัก แต่เอะตอนนี้เธอเองก็อยู่ในร่างของเสี่ยวลู่นี้น่า ฉะนั้นตอนนี้เขาเองก็เป็นสามีของเธอด้วยเหมือนนกัน" เช่นนั้นรึ " มุมปากหยักหนากระตุกยิ้มขึ้น ฟูเหรินของตนช่างน่าสนใจยิ่งขึ้นทุกวันเสียจริง" คา