“ก็ควรอิ่มอยู่หรอก เธอกินหมดแล้วนี่ ขาหมูขาเบ้อเร่อ ” ธามไทอดขำไม่ได้ เมื่อเห็นว่าอาหารบนโต๊ะเกลี้ยงด้วยฝีมือของหญิงสาวตัวเล็กตรงหน้า
“เอ่อ ขอโทษค่ะ แหม...ก็มันอร่อยนี่คะ” พลางเกาศีรษะแก้เขิน
“ไม่ได้ว่าอะไร กินเยอะขนาดนี้ไม่กลัวอ้วนหรือไง”
ธามไทเอ่ยถามไปอย่างนั้น เพราะเห็นว่าผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะทานน้อยเพราะกลัวหุ่นพัง แต่เขมมิกาเองก็ห่างไกลกับคำว่าอ้วนลิบลับ
“ให้เค้กได้อ้วนเถอะค่ะ มีแต่คนบอกว่าเค้กผอมเกินไป เค้กชอบผู้หญิงอวบๆ มีน้ำมีนวลมากกว่า แต่กินเท่าไหร่ก็หุ่นเท่านี้ตลอด” เขมมิกาพูดอย่างใจคิด เพราะรู้ดีว่าตนเองเป็นผู้หญิงผอมสูง แต่ก็อยากที่จะมีน้ำมีนวล หรือเป็นผู้หญิงอวบมากกว่า เพราะมองยังไงก็มีเสน่ห์และสวยในสายตาเธอ
“หึ แปลกดี”
ธามไทมองว่าเขมมิกาเป็นผู้หญิงแปลกคนหนึ่ง เพราะคนส่วนใหญ่อยากจะผอมและมีหุ่นบอบาง แต่เธอกลับอยากมีน้ำมีนวลเสียอย่างนั้น แต่ถึงอย่างไร เรื่องหุ่นของผู้หญิงสำหรับชายหนุ่มก็ไม่ได้สำคัญนักขอ แค่ถูกใจ จะหุ่นไซซ์ไหน เขาก็โอเคทั้งนั้น
“ว่าแต่หมอธามก็ทานเยอะเหมือนกันนะคะ ไม่กลัวหุ่นพังเหรอ” อดถามไม่ได้ เพราะจากที่ดูธามไทเป็นคนที่หุ่นดีคนหนึ่ง แม้เธอจะไม่เคยเห็นหุ่นภายในของเขา แต่แค่คิด ใบหน้าของหญิงสาวก็เริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา
“ฉันมีวิธีเบิร์นออก” หมอหนุ่มเหยียดยิ้มออกมา เมื่อนึกถึงวิธี ‘เบิร์น’ ของตนเอง
“ออกกำลังกายเหรอคะ” เขมมิกาถามต่อด้วยความสงสัย แต่กลับเห็นเขามองกลับมาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แบบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
“ใช่ ออกกำลังกายแบบที่ผู้ใหญ่เขาทำกัน เด็กอย่างเธอคงไม่เข้าใจ”
หมอหนุ่มพูดจบก็เหยียดยิ้มมีเลศนัยออกมา และคำพูดนั้นก็ทำให้เขมมิกาหน้าแดงขึ้นมา ธามไทยอมรับว่าเด็กสาวดูน่ารักขึ้นอีกมากเมื่อเธอกำลังเขินอายแบบนี้
“เอ่อ เค้กว่าเค้กอยากกลับแล้วค่ะ”
เขมมิการีบพูดออกไป แม้เธอจะหลงรักธามไทมาตลอดแต่เธอไม่เคยรู้จักเขาในอีกด้าน และจากคำพูดเมื่อครู่ทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าหมอหนุ่มไม่ธรรมดาเช่นกัน
“ดี ฉันก็อยากกลับแล้ว” ธามไทปรับสีหน้ากลับมาสู่โหมดปกติของเขา ชายหนุ่มรู้ตัวว่าตนเองเริ่มให้ความสนิทสนมกับนักศึกษาสาวเกินควร
“มื้อนี้เท่าไหร่คะ เดี๋ยวเราหารกันก็ได้ค่ะ” หญิงสาวล้วงกระเป๋าเงินของตัวเอง แม้เธอจะเหลือเงินไม่มากแต่หากหารครึ่งกับชายหนุ่มก็น่าจะพอจ่ายอยู่
“จะบ้าหรือไง คิดว่าฉันขี้งกถึงขั้นต้องให้เด็กฝึกงานหารครึ่งค่าอาหารเลยเหรอ” พูดพร้อมกับเรียกพนักงานให้มาคิดเงิน
“ก็เค้กเป็นคนขอร้องให้หมอพามานี่คะ เค้กก็ต้องช่วยจ่าย” คนตัวเล็กพูดอย่างใจคิด แม้จะรู้ว่าคงเป็นเงินน้อยนิดสำหรับเขา แต่เธอไม่อยากให้ชายหนุ่มเข้าใจว่าตนเองหลอกให้เขาพามาทานอาหารหรู
“ไม่ต้อง” คนร่างสูงไม่สนใจ ก่อนจะยื่นบัตรให้กับพนักงานทันที
“แต่ว่า…”
“ฉันไปรอที่รถ” ธามไทตัดบท ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินไปรับบัตรกับพนักงานทันที
“อะไรของเขา” เขมมิกาบ่นอุบอิบ ก่อนจะเดินตามเจ้าของร่างสูงโปร่งไปแต่โดยดี
“ขอบคุณหมอมากนะคะที่เลี้ยงเค้ก” เขมมิกาเอ่ยทันทีที่ขึ้นรถยนต์คันหรูของชายหนุ่ม นึกเกรงใจที่เขาต้องมาเสียเงินเพราะเลี้ยงข้าวเธอ
“ตอนนี้จะบอกได้หรือยังว่าบ้านเธออยู่ไหน หรือว่าไม่อยากให้ฉันไปส่ง ฉันจะได้แยกกับเธอตรงนี้เลย” ธามไทเอ่ยถามขึ้น
“อ๋อ จริงสิ จริงๆ หมอธามให้เค้กลงแถวนี้ก็ได้นะคะ เพราะบ้านเค้กอยู่ไกลจากตรงนี้มากเลย เดี๋ยวเค้กนั่งรถเมล์กลับเองดีกว่าค่ะ”
หญิงสาวมองดูเส้นทางก็พบว่าคนละทางกับที่อยู่ของตนเอง อีกอย่างวันนี้ ชายหนุ่มก็เลี้ยงข้าวเธอไปแล้วจึงไม่อยากรบกวนเขาไปมากกว่านี้
“นั่งรถเมล์ด้วยสภาพนี้?” เขาหันไปมองหญิงสาวข้างกาย พร้อมกับมองต้นขาเรียวที่โผล่พ้นกระโปรงนักศึกษาสั้นเหนือเข่า ก่อนจะสบตาหญิงสาวด้วยสายตาตำหนิ
“ค่ะ” เขมมิกาตอบออกไปอย่างงุนงง ปกติ เธอก็โหนรถเมล์ไปเรียนอยู่แล้ว บางวันรีบๆ ก็ต้องนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้าง เพราะฉะนั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกและไม่ใช่เรื่องลำบากสำหรับตนเอง
“แต่งตัวขึ้นรถเมล์แบบนี้ ฉันว่ามีหวังไปไม่ถึงบ้านแน่” ธามไทพูดอย่างใจคิด ขนาดเขาไม่ได้คิดอะไรกับเขมมิกาก็ยังอดมองเรียวขาของหญิงสาวไม่ได้ และหากเป็นผู้ชายคนอื่นก็คงคิดไม่ต่างกัน เผลอๆ คิดมากกว่าเสียด้วยซ้ำ
“อะไรกันคะ แค่กระโปรงสั้นแค่นี้เอง เพื่อนเค้กใส่สั้นยิ่งกว่านี้อีก หมอธามก็หัวโบราณเหมือนกันนะคะนี่” เขมมิกาอดขำไม่ได้ที่เห็นว่าชายหนุ่มเอาแต่ต่อว่าเรื่องการแต่งกายของเธอ ทั้งที่ความจริงถือเป็นเรื่องปกติของนักศึกษาเสียด้วยซ้ำ
“นี่เธอว่าฉันเหรอ! ที่พูดเพราะอยากเตือน เธอไม่รู้หรอกว่าชีวิตจริง มันน่ากลัวขนาดไหน”
ธามไทเอ็ดดุเพื่อเตือนภัย จริงอยู่ว่า หากผู้ชายเลว ต่อให้ผู้หญิงแต่งตัวมิดชิดแค่ไหนก็อันตราย แต่เขาก็อยากจะเตือนเด็กสาว เพราะเท่าที่ดู เธอแทบไม่ระวังตนเองเลย หรือแม้แต่การยอมอยู่กับเขาสองต่อสองด้วยก็เช่นกัน
“ค่า เค้กทราบแล้วค่ะ” เขมมิกาพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียนคนโตกว่า
“บ้านอยู่ไหน เดี๋ยวไปส่งเอง”
หมอหนุ่มพูดพร้อมกับขับรถออกไป เขาไม่ได้เป็นห่วงเขมมิกาแต่แค่ไม่อยากรู้สึกผิดที่พาเธอออกนอกเส้นทาง และยังต้องทำให้เด็กสาวกลับบ้านลำบากอีก
“ก็ได้ค่ะ อยู่แถวจรัญฯ ค่ะ”
หญิงสาวบอกทางให้พลขับกิตติมศักดิ์แต่โดยดี ถึงแม้จะเกรงใจเขา แต่เธอก็ดีใจที่ธามไทไปส่งอยู่ดี
“นี่เธออยู่ห้องเช่าเหรอ”
ธามไทมองไปยังตึกแถวที่เป็นห้องเช่าของหญิงสาว พร้อมกับมองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เขาไม่คิดว่าเด็กสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะอยู่ในสถานที่แบบนี้
“ใช่ค่ะ ตั้งแต่พ่อเสีย เค้กก็ตัวคนเดียว บ้านก็โดนยึด เงินมีติดตัวนิดหน่อยเลยต้องอยู่ห้องเช่าเอา” เขมมิกาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นปกติ เธอไม่เคยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอะไร สิ่งเดียวที่รู้สึกคือความอ้างว้างหลังสูญเสียพ่ออันเป็นที่รัก และที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
“พ่อเธอเสียนานแค่ไหนแล้ว” หมอหนุ่มค่อยๆ ถามออกไป เพราะกลัวว่าเรื่องพ่อจะยังเป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจของหญิงสาว“ห้าปีได้แล้วค่ะ พ่อเป็นโรคหัวใจ” หันไปมองหน้าธามไทด้วยหวังว่าเขาจะจำเธอได้บ้าง แต่สายตาที่มองกลับมาทำให้รู้ทันทีว่า หมอหนุ่มไม่ได้มีเธออยู่ในสายตาเลย เขาไม่มีทางจำเธอได้“ฉันเสียใจด้วย” ธามไทพูดจากใจจริง แม้ว่าเขาจะคุ้นชินกับการพูดประโยคนี้ซ้ำๆ กับญาติคนไข้ แต่ทุกครั้งที่พูด ชายหนุ่มเองก็รู้สึกหัวใจสลายไม่แพ้ญาติคนไข้เลย“เค้กดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ” เขมมิการีบดึงตัวเองกลับมายิ้มสดใสในทันที เพราะเธอไม่อยากให้บรรยากาศเศร้าหมอง“แล้วเธอเอาเงินจากไหนใช้” หมอหนุ่มยังคงถามต่อด้วยความสงสัย ปกติเขาไม่ค่อยอยากรู้เรื่องของใคร เพราะทุกคนที่ใกล้ชิด มักจะเล่าเรื่องราวน่าสงสารของตัวเองเพื่อให้เขาเห็นใจและยื่นมือเข้าไปช่วย แต่กับเขมมิกาเธอกลับไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังเลย และธามไทคิดว่าตนเองควรจะรู้ในฐานะหัวหน้างานของเธอ“ก็เงินประกันชีวิตของพ่อ แล้วก็ ตอนเรียน เค้กทำงานร้านนมหน้ามอน่ะค่ะ นี่โชคดีมากเลยนะคะที่หมอจ่ายค่าฝึกงานให้เค้กด้วย ไม่อย่างนั้นลำบากแน่ๆ เลยค่ะ” สาวน้อยยิ้มอย่างขำ
“แหม แต่ก็ใช่ว่าผมไม่ต้องการผู้ช่วยนี่ครับ” มาวินพูดพร้อมกับขำแก้บรรยากาศที่ตอนนี้เหมือนอึมครึมเสียจนเจ้าตัวรู้สึกเกร็ง“ไว้ถ้าผมไม่มีงานอะไรจะใช้เค้ก ผมอาจจะส่งเธอให้หมอวินนะครับ” แล้วหันไปมองเขมมิกาที่ตอนนี้นิ่งเงียบไม่พูดอะไร“ยินดีครับ ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวก่อนนะ หมอขอตัวก่อนนะครับเค้ก”มาวินหันไปล่ำลาเขมมิกา โดยที่หญิงสาวเองก็ยิ้มให้เขาบางๆเมื่อมาวินเดินจากไป ธามไทก็พูดด้วยน้ำเสียงดุใส่เขมมิกาทันที“นี่มาทำงาน หรือมาหาแฟน”“มาทำงานค่ะ ส่วนเรื่องแฟนเป็นผลพลอยได้” ไม่รู้อะไรดลใจให้เธอตอบออกไปแบบนั้น ทั้งที่จริงๆ ตนเองไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับหมอมาวินแม้แต่น้อย“ชอบหมอวินงั้นเหรอ” เอ่ยถามเด็กสาว พร้อมกับจ้องลึกไปในดวงตาของเธอ“เปล่าค่ะ” คนตัวเล็กตอบอย่างไม่ต้องคิดนาน เพราะคนที่เธอหลงรักมีเพียงคนเดียวนั่นก็คือ ‘เขา’“ถ้าชอบก็บอก ฉันจะได้ให้เธอไปฝึกงานกับหมอวินแทน หมอวินเป็นคนดี ไม่ใช่คนที่จะมาหลอกกินนักศึกษาฝึกงานไปเรื่อย นี่ฉันเพิ่งเคยเห็นมันสนใจผู้หญิง”ธามไทพูดอย่างไม่สนใจอะไร คิดเหมือนกันว่าหากเขมมิกาชอบมาวินจริงๆ ก็จะไม่ขัดขวางทั้งคู่ และเขาเองจะได้ไม่ต้องทนรำคาญเด็กสาวช่างจ้อแบบน
“แต่ฉันทำเสื้อคุณเปื้อน...” เขมมิกาพูดอย่างรู้สึกผิด ก่อนจะจ้องมองมือตนเองที่ตอนนี้ถูกชายแปลกหน้าเกาะกุมอยู่จนเขารู้ตัว“เอ่อ ขอโทษครับ” ปริญรีบปล่อยมือเล็กๆ นั้นทันที พร้อมกับเกาศีรษะแก้ความเขินอาย“พอดีดิฉันรีบๆ เลยไม่ทันระวัง ขอโทษอีกครั้งนะคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิดอีกครั้ง“ไม่เป็นไรครับ เอาเป็นว่า เดี๋ยวผมขอเลี้ยงกาแฟคุณแทนแก้วที่หกไปได้ไหมครับ” ปริญพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับมองแก้วกาแฟสองแก้วที่ตอนนี้หล่นอยู่ที่พื้น“เอ่อ ตายจริง!” เขมมิการ้องออกมาเมื่อมองนาฬิกาข้อมือของตนเอง ตอนนี้ถึงเวลานัดแล้ว ป่านนี้ ธามไทคงรอและด่าเธอในใจอยู่แน่“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ปริญเอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นท่าทีลนลานของเธอ“พอดีฉันต้องรีบไปค่ะ ขอโทษอีกครั้งนะคะ”พูดจบ เจ้าของร่างบอบบางก็รีบวิ่งออกจากร้านกาแฟไปโดยที่ไม่ได้หันไปมองชายหนุ่มอีกเลย“เฮ้อ ยังไม่ทันได้ถามชื่อเลย”ปริญจับจ้องเบื้องหลังของหญิงสาวที่วิ่งจากไปด้วยความเสียดายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมองเสื้อของตนเองที่เปื้อนไปด้วยคราบกาแฟ หากไปพบลูกค้าด้วยสภาพนี้คงไม่สมควร เมื่อคิดได้อย่างนั้น เขาก็รีบออกจากร้านกาแฟเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องทั
“ผมคิดว่าเงื่อนไขที่ให้ทางโรงพยาบาลเราเข้าใช้บริการ Hall ห้าครั้งต่อปีเทียบกับการลดค่ารักษาบริการของพนักงานที่โรงแรมกว่าสองร้อยคน มันอาจจะไม่คุ้มค่าเท่าไหร่ เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าปีปีหนึ่งจะมีพนักงานของคุณเข้าใช้บริการมากน้อยแค่ไหน” ธามไทพูดออกไปตรงๆ ใช่ว่าเขาไม่สนใจโรงแรมของปริญ แต่ก็ไม่อยากให้ฝ่ายของตนเองเสียเปรียบมากขนาดนั้น“ครับ ถ้าอย่างนั้น คุณหมออยากให้ทางเราบริการอะไรเพิ่มเติมลองแจ้งมาได้นะครับ” ปริญพูดพร้อมกับเหลือบมองไปยังเขมมิกาที่เอาแต่จดข้อความการสนทนาของพวกเขาลงสมุดบันทึก“ผมกำลังคิดว่าอาจจะเพิ่มสิทธิพิเศษเป็นการเข้าพักในห้องสูทของทางโรงแรมในวันที่มีจัดสัมมนาหรืองานเลี้ยง อาจจะเป็นไว้สำหรับผู้บริหารน่าจะเป็นทางเลือกที่ดี คุณปริญมีความเห็นว่าไงครับ” ธามไทยังคงให้เกียรติและถามออกไป หากอีกฝ่ายไม่ยอมทำตามข้อตกลง เขาก็ยินดีที่จะรับฟังข้อเสนออื่นๆ ต่อ“ได้เลยครับไม่มีปัญหา ผมสามารถให้ห้องสูทของคุณหมอได้สิบห้องต่อครั้งที่คุณหมอมาจัดงานที่โรงแรมของผม” CEO หนุ่มตอบอย่างไม่คิดมาก เพราะไม่อยากให้โรงพยาบาลนี้หลุดมือไปสักเท่าไร“งั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ ผมยินดีเข้าร่วมทำข้อเสน
บรรยากาศบนรถเงียบตลอดทางเสียจนเขมิกาอดเกร็งไม่ได้ ตั้งแต่ที่เดินทางออกจากโรงแรม ธามไทไม่มองหน้าและไม่พูดคุยอะไรกับเธอเลย จริงอยู่ว่า ปกติ คุณหมอหนุ่มจะพูดกับเธอน้อยมาก แต่ครั้งนี้ทั้งสีหน้า และแววตาของเขาทำให้คนตัวเล็กอดรู้สึกกลัวไม่ได้“คุณหมอโกรธอะไรเค้กหรือเปล่าคะ” หญิงสาวใช้ความกล้าทั้งหมดที่มีเอ่ยถามหมอหนุ่มทันที เธอไม่อยากมีเรื่องค้างคาใจอะไรทั้งนั้น“ไว้คุยที่โรงพยาบาล” ธามไทตอบเสียงนิ่งเรียบโดยที่ไม่ได้หันไปมองคนถามสักนิด เขาพยายามทำใจให้สงบลง แม้ว่ามันจะมีดีขึ้นเลยก็ตาม“เค้กทำอะไรผิดเหรอคะ หรือว่าหมอโกรธที่เค้กไปเสียมารยาทเดินชนคุณปริญ แต่เค้กไม่ได้ตั้งใจนะคะ” คนตัวเล็กรีบพูดขึ้นมาเมื่อคิดได้ว่านี่อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจ“ฉันบอกว่าเดี๋ยวค่อยคุยไง ไม่เข้าใจเหรอ!” คนถูกจี้ทนไม่ไหวหันไปตะคอกใส่เสียงดังจนเธอสะดุ้ง น้ำตาเอ่อคลอทันที“ขะ ขอโทษค่ะ”เขมมิกาพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ด้วยที่ไม่เคยถูกธามไทเสียงดังใส่ขนาดนี้มาก่อน แม้ในใจจะเกิดคำถามมากมายว่าตนเองผิดอะไร แต่เธอก็เลือกที่จะเงียบเพราะไม่อยากทำให้เขาโมโหมากกว่านี้ธามไทใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่โรงพยาบา
“หมอเข้าใจว่าเค้กต้องการอะไรคะ” เมื่อทนไม่ไหวจึงเอ่ยถามออกไปตามตรง เธอคิดว่าเขาคงเข้าใจอะไรตนเองผิดไปแน่ถึงได้ออกปากไล่กันแบบนี้“ฉันจะไม่อ้อมค้อมละกันนะ ฉันไม่ใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออกว่าเด็กอย่างเธอต้องการอะไร ตอนแรกก็คงตั้งใจจะมาอ่อยฉัน ใช้ทางลัดเพื่อให้ตัวเองได้สบายไวๆ แต่พอฉันไม่สนใจก็เลยทอดสะพานหาไอ้หมอวิน ตอนแรก ฉันก็คิดว่าเธอกับหมอวินชอบกันจริงๆ แต่พอวันนี้มาเห็นว่าเธอเองยังไปหว่านเสน่ห์ให้กับคุณปริญ ฉันก็เข้าใจแล้วว่าจริงๆ เธอคงจะหาใครสักคนก็ได้ที่รวยพอจะทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้น”“ไม่ใช่นะคะ!” คนตัวเล็กรีบพูดแทรกขึ้นมาด้วยความรู้สึกโกรธจัด“อันที่จริง ไอ้เรื่องครอบครัวแสนเศร้าที่เธอเล่ามา ฉันว่าก็ถือเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้ชายอย่างหมอวินหรือคุณปริญสงสารได้อยู่นะ พวกนั้นน่าจะหลงเธอทั้งรูปร่าง หน้าตา แล้วก็สงสารชีวิตของเธอจนต้องอยากยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แต่ฉันก็ไม่แน่ใจนะว่า พวกนั้นจะให้เธออยู่ในฐานะอะไร” ธามไทพูดราวกับเป็นผู้ใหญ่ที่สอนเด็ก แต่ลึกๆ แล้วเขาอยากพูดให้เขมมิกาเจ็บปวดมากที่สุดต่างหาก“พอแล้วค่ะ เค้กไม่ออยากฟัง” เขมมิกาพูดแทรกขึ้นมา ใช่ว่าเธอทนฟังคำพูดแบบนั้นไม่ได้ แต่เธอแค่
“มึงอย่าเสือกเลย” ธามไทเลือกที่จะปฏิเสธด้วยที่ไม่อยากให้เรื่องของเขมมิกามารบกวนจิตใจอีก เพราะตอนนี้ เขาก็ห่วงที่เห็นเธอร้องไห้ออกไปจนแทบคลั่งแล้ว“กูอยากเสือก ทีตอนนั้น มึงยังเสือกเรื่องของกูเลย” เวทัสเอ่ยถามปนขำที่เห็นว่าท่าทีของเพื่อนรักคงไม่ต่างจากตนเองเมื่อก่อนนัก“ตอนนั้น มึงปรึกษาเรื่องผู้หญิงที่มึงชอบ แต่นี่มันเรื่องของเด็กฝึกงาน กูไม่อยากเอามาใส่ใจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ” ธามไทพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับต้องการจะย้ำเตือนตัวเองเหมือนกันว่า เขมมิกาเป็นเพียงแค่เด็กฝึกงานก็เท่านั้น!“โอเค เด็กฝึกงานก็เด็กฝึกงาน ว่าแต่น้องเขาชื่ออะไรวะ นี่ถ้าไม่มีข้าวฟ่าง กูจีบแล้ว ขนาดร้องไห้ยังน่ารักเป็นบ้า” เวทัสทำท่าทางนึกถึงใบหน้าของหญิงสาวเมื่อครู่นี้ จนธามไทจ้องมองตาเขม็ง“กูพูดเล่นคร้าบบบ แหม่นี่ขนาดแค่เด็กฝึกงานนะ” พูดด้วยความหมั่นไส้เพื่อนที่ไม่รู้จักความรู้สึกตัวเอง เขามั่นใจว่าผู้หญิงเมื่อกี้ต้องไม่ใช่เด็กฝึกงานธรรมดาอย่างแน่นอนก๊อกๆ ๆ ๆ ประตูห้องถูกเปิดมาพร้อมกับเขมมิกาที่เดินถือแก้วน้ำเข้ามาสองแก้วเพื่อต้อนรับแขกของหมอธามไท หญิงสาวเดินเข้ามาโดยที่ไม่ได้มองหน้าเขาแต่อย่างใด ด้วยก
“โห ปากมึงนี่นะ กูแค่ผ่านมาก็เลยแวะมาหา เห็นมึงหายเงียบไปหลายวัน เคลียร์เรื่องคุณศศิแล้วเหรอวะ” เวทัสเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“ยัง เดี๋ยวกูจะจัดการเร็วๆ นี้แหละ เบื่อเหมือนกัน” เมื่อพูดถึงศศิ ธามไทก็รู้สึกหนักใจขึ้นมา เขาต้องรีบบอกความรู้สึกของตัวเองให้หญิงสาวรู้โดยเร็ว แม้ที่ผ่านมา ตนเองจะชัดเจนมาตลอดว่าไม่ได้ชอบอีกฝ่ายก็ตาม“ก็ดี จะได้จีบน้องเค้กได้เต็มที่” เวทัสไม่วายแซวเพื่อนอีกครั้ง และก็ถูกมองกลับมาตาจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่องทันที“มึงไม่ต้องพูดละ งานปาร์ตีประจำปีของโรงพยาบาลกู มึงจะมาปะ เชิญคุณข้าวฟ่างมาด้วยนะ” ธามไทพูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าต้องเชิญเพื่อนรักเพื่อนร้ายของตนเองไปงานด้วย“จัดที่โรงแรมไหนวะ?” คนมาเยือนเอ่ยถามขึ้นก่อนจะจิบน้ำที่เขมมิกาเอามาเสิร์ฟให้“เดอะริเวอร์”“อะไรนะ! โรงแรมไอ้ปริญอะนะ?” สิ้นคำตอบ เวทัสก็เอ่ยถามกลับด้วยความตกใจทันที“เออ มึงรู้จักเขาด้วยเหรอวะ” ธามไทมองหน้าเพื่อนด้วยความอยากรู้อยากเห็น“ทีงี้อยากรู้ขึ้นมาเลยนะ ไอ้ปริญมันเคยจีบเมียกู แต่เอาจริงๆ มันก็นิสัยใช้ได้ มันกำลังจีบคุณเค้กอยู่งั้นดิ ถ้ามึงไม่ชอบเด็กมันก็ไม่ต้องไปขัดขวางไอ้ปริญหรอก เพราะไอ้นี
คนตัวเล็กเอื้อมมือไปกุมมือสาวรุ่นพี่เพื่อขอบคุณ เธอดีใจที่อย่างน้อยการมาฝึกงานครั้งนี้ก็ได้เจอผู้ใหญ่ที่เมตตาเธอจากใจจริง“อื้ม มีอะไรก็คุยกับพี่ได้นะ ยังไง พี่ก็เป็นคนดูแลเราอยู่แล้ว”พิมอรตอบกลับด้วยความหวังดี สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างก็อยู่ที่เขมมิกาจะเลือก หากแม่สาวน้อยเลือกที่จะเดินบนเส้นทางแห่งความเสี่ยง ตัวเธอก็ไม่สามารถห้ามอะไรได้…เขมมิกากลับเข้าไปนั่งที่โต๊ะในช่วงบ่าย เธอสังเกตว่าธามไทกลับมาที่ห้องได้สักพักแล้ว และก็สั่งเอาไว้ว่าห้ามใครเข้าไปรบกวนเด็ดขาด แม้จะห่วงเขาที่ยังไม่ได้ทานอะไร แต่ก็ไม่อยากขัดคำสั่งชายหนุ่มจึงได้แต่นั่งทำงานเงียบๆ อยู่หน้าห้องติ๊ดๆ ๆ ๆ เขมมิกาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมามองเบอร์แปลกที่โทร.เข้ามา ก่อนจะกดรับสายทันที“สวัสดีค่ะ เค้กพูดค่ะ” เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหวานไพเราะ“สวัสดีครับคุณเค้ก ผมปริญนะ”ปลายสายตอบกลับมา และชื่อนั้นทำเอาเขมมิกาถึงกับนิ่งไปเช่นกัน เพราะคนในสายก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ธามไทโมโหใส่เธอ“เอ่อ ค่ะ คุณปริญ มีเบอร์เค้กได้ยังไงคะเนี่ย” เธอเอ่ยถามด้วยความงุนงง เพราะมั่นใจว่าไม่ได้ให้เบอร์ตนเองกับปริญไป“ก็ไม่เห็นจะหายากนี่ครับ ในเมื่อคุ
เขมมิกาเริ่มรู้สึกดีขึ้น อาจเป็นเพราะธามไทคุยด้วยเมื่อช่วงเช้าทำให้รู้ว่า ตอนนี้ เขาไม่ได้โกรธเธอเหมือนเมื่อวาน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันทำให้เห็นจริงๆ ว่าหมอหนุ่มมีอิทธิพลต่อจิตใจของเธอเป็นอย่างมาก หากเขาโกรธ หญิงสาวก็เศร้าได้ทั้งวันทั้งคืน และหากหายโกรธ เธอก็สามารถกลับมาสดใสร่าเริงราวกับกดสวิตซ์ได้“อารมณ์ดีต่างเมื่อวานเลยน้า วันนี้สงสัยไม่โดนหมอธามดุละสิ” พิมอรเอ่ยถามนักศึกษาฝึกงานสาว หลังจากที่ตอนนี้เจ้าตัวอยู่ในใบหน้ายิ้มแย้มต่างจากเมื่อวานสิ้นดี“เอ่อ ค่ะ วันนี้ หมอธามไม่ดุเค้กเลย” เขมมิกาตอบยิ้มๆ เธอไม่ได้โกหก แต่บอกไม่หมดต่างหาก สาเหตุที่ดีใจเพราะหมอหนุ่มไม่โกรธเธอแล้ว“ดีแล้ว เห็นไหม พี่เคยบอกว่าแล้วว่า หมอธาม ถ้าบทจะดีก็คือดีเลย อีกอย่าง ถ้าหมอเริ่มพูดดีกับเรา แปลว่าเราทำงานดี เริ่มผ่านบททดสอบจากหมอแล้วด้วยนะ” ฝ่ายบุคคลสาวพูดอย่างให้กำลังใจ“ถ้าเป็นอย่านั้นจริงๆ ก็ดีสิคะ เผื่อว่าเค้กจะได้มีโอกาสทำงานที่นี่บ้าง” แม่สาวน้อยหน้าหวานได้แต่หวังใจเล็กๆ ว่าธามไทจะนึกเอ็นดูเธอขึ้นมา แม้จะไม่ได้มอบตำแหน่งเลขาฯ ให้ แต่อาจให้ตำแหน่งอื่นๆ ในโรงพยาบาลนี้“อะแฮ่มๆ เมื่อกี้ได้ยินแว่ว
เธอไม่ได้อยากทำตัวเป็นเด็กสาวโรคจิตที่เฝ้ามองผู้ชาย แต่เป็นเด็กสาวคนหนึ่งที่มีความรักอย่างบริสุทธิ์ เพียงแค่อยากอยู่ใกล้คนที่รักโดยที่ไม่หวังอะไร และหากเขายังจำเธอได้ เขมมิกาก็ยินดีที่จะทำงานเพื่อชดใช้เงินทั้งหมดที่คุณหมอหนุ่มจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลให้พ่อ“ทำไมคุณถึงเป็นไปได้ขนาดนี้นะ”เขมมิกาดึงตัวเองกลับมาที่ปัจจุบัน คิดแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คุณหมอที่แสนอบอุ่นในวันนั้นจะกลายเป็นหมอที่ใจร้าย แถมสาดถ้อยคำแสนเจ็บปวดใส่ตนเองได้ขนาดนี้ แต่ที่แปลกคือ ทำไมเธอถึงยังทำใจเกลียดเขาไม่ลง…วันต่อมา เขมมิกาไปทำงานสาย เพราะเมื่อคืนเอาแต่ร้องไห้เสียจนนอนหลับไปไม่รู้เรื่อง ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าสายแล้ว หญิงสาวรีบวิ่งมาที่โต๊ะทำงานด้วยสภาพที่ผมยังเปียกอยู่“เฮ้อ หมอธามมาหรือยังเนี่ย” พูดกับตัวเอง ก่อนจะแอบมองไปที่ประตูห้องของหมอหนุ่ม ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ เธอคงจะเดินไปเคาะประตูแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เมื่อวาน หญิงสาวจึงเลือกที่จะนั่งอยู่เฉยๆ แทน“ทำไมวันนี้มาสายล่ะเค้ก” พิมอรเดินเข้ามาหาเขมมิกาด้วยสีหน้าเครียดจัด“ขอโทษค่ะพี่พิม พอดีเมื่อคืน เค้กนอนไม่ค่อยหลับก็เลย…” แล้วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ด้ว
เด็กสาวร้องไห้ออกมา เธอไม่สามารถรับความจริงได้ เมื่อเช้า พ่อยังคุยดีๆ กับเธออยู่เลย ทำไมตกเย็นถึงได้จากกันไปเช่นนี้“ลองติดต่อญาติผู้ใหญ่ดูนะครับ หมอขอตัวก่อนนะครับ” แวบเดียวเท่านั้นที่เด็กสาวเห็นสายตาสั่นระริกของคนเป็นหมอ ก่อนที่สายตาของเขาจะนิ่งเรียบอีกครั้ง“ฮึก พ่อ”เขมมิกาไม่รอช้ารีบวิ่งไปหาร่างไร้วิญญาณของผู้เป็นพ่อที่ตอนนี้ถูกเข็นออกจากห้องผ่าตัด นาทีนี้ หัวใจดวงน้อยทั้งดวงแตกสลายเสียจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ เด็กสาวปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาอย่างไม่คิดจะห้ามมัน พ่อเป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างและเป็นแรงบันดาลใจให้เธอทำสิ่งต่างๆ มาวันนี้ไม่มีพ่อ เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่อย่างไรต่อไป...ผ่านไปเกือบสัปดาห์ เขมมิกาจัดแจงเรื่องงานศพของผู้เป็นพ่ออย่างโดดเดี่ยว โชคดีที่ท่านทำประกันชีวิตเอาไว้ก่อนที่จะตรวจพบว่าเป็นโรคหัวใจ ทำให้ตอนนี้ เธอพอมีเงินติดตัวอยู่บ้างและสามารถนำมาจัดงานศพเล็กๆ ให้ผู้เป็นพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งในงานจะมีแขกไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนที่ทำงานของพ่อและเพื่อนๆ รวมถึงครูที่โรงเรียนของเธอไม่กี่คนเท่านั้นวันนี้ เขมมิกาเริ่มตั้งสติกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้แล้ว แม้ว่าจะยังคงเศร้าเสีย
เขมมิกาเก็บของอย่างว่าง่าย พร้อมกับลาฝ่ายบุคคลสาวกลับบ้านทันที และเธอเองก็ไม่อยากอยู่รอจนได้เจอกับธามไทอีก เพราะตอนนี้ หัวใจไม่เข้มแข็งพอที่จะเห็นหน้าของเขาหญิงสาวกลับมาถึงห้องเช่าในเวลาเกือบสองทุ่ม ตอนแรกตั้งใจว่าจะซื้อกับข้าวกลับมากินต่อ แต่เมื่อมองดูอาหารแต่ละอย่างที่ตลาดแล้ว เขมมิกากลับรู้สึกพะอืดพะอม จนสุดท้ายไม่ได้ซื้ออะไรติดมือกลับห้องมา เธอรู้ดีว่ามันคงเป็นเพราะความเครียดที่สั่งสมมาตลอดทั้งวันทำให้กินอะไรไม่ลงเขมมิกาเอื้อมไปหยิบรูปคู่กับพ่อบนเตียงนอน แล้วมองภาพนั้นด้วยความคิดถึงผู้เป็นพ่ออย่างสุดหัวใจ ก่อนที่น้ำตาจะไหลรินและร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น วันนี้ เธอรู้สึกอ่อนแอเหลือเกิน จนไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปหาใคร ไม่รู้ว่าใครจะรับฟังทุกเรื่องได้เหมือนกับที่พ่อรับฟัง และใครจะรักเธอเหมือนที่พ่อรักเธอได้บ้าง“เค้กคิดถึงพ่อ ฮึก”คนตัวเล็กปล่อยโฮออกมา ก่อนที่จะนึกถึงใบหน้าของชายหนุ่มต้นเหตุที่ทำให้เธอซึมเศร้ามาตลอดทั้งวัน ทำไมเขาถึงใจร้ายแตกต่างจากเมื่อห้าปีที่แล้วนัก…ห้าปีที่แล้วเขมมิกาในวัยมัธยมศึกษาปีที่ห้ากลับมาที่บ้านเช่าของตนเองหลังจากเรียนหนังสือเสร็จ วันนี้ เธอกลับมาพร้อมข่า
“โห ปากมึงนี่นะ กูแค่ผ่านมาก็เลยแวะมาหา เห็นมึงหายเงียบไปหลายวัน เคลียร์เรื่องคุณศศิแล้วเหรอวะ” เวทัสเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“ยัง เดี๋ยวกูจะจัดการเร็วๆ นี้แหละ เบื่อเหมือนกัน” เมื่อพูดถึงศศิ ธามไทก็รู้สึกหนักใจขึ้นมา เขาต้องรีบบอกความรู้สึกของตัวเองให้หญิงสาวรู้โดยเร็ว แม้ที่ผ่านมา ตนเองจะชัดเจนมาตลอดว่าไม่ได้ชอบอีกฝ่ายก็ตาม“ก็ดี จะได้จีบน้องเค้กได้เต็มที่” เวทัสไม่วายแซวเพื่อนอีกครั้ง และก็ถูกมองกลับมาตาจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่องทันที“มึงไม่ต้องพูดละ งานปาร์ตีประจำปีของโรงพยาบาลกู มึงจะมาปะ เชิญคุณข้าวฟ่างมาด้วยนะ” ธามไทพูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าต้องเชิญเพื่อนรักเพื่อนร้ายของตนเองไปงานด้วย“จัดที่โรงแรมไหนวะ?” คนมาเยือนเอ่ยถามขึ้นก่อนจะจิบน้ำที่เขมมิกาเอามาเสิร์ฟให้“เดอะริเวอร์”“อะไรนะ! โรงแรมไอ้ปริญอะนะ?” สิ้นคำตอบ เวทัสก็เอ่ยถามกลับด้วยความตกใจทันที“เออ มึงรู้จักเขาด้วยเหรอวะ” ธามไทมองหน้าเพื่อนด้วยความอยากรู้อยากเห็น“ทีงี้อยากรู้ขึ้นมาเลยนะ ไอ้ปริญมันเคยจีบเมียกู แต่เอาจริงๆ มันก็นิสัยใช้ได้ มันกำลังจีบคุณเค้กอยู่งั้นดิ ถ้ามึงไม่ชอบเด็กมันก็ไม่ต้องไปขัดขวางไอ้ปริญหรอก เพราะไอ้นี
“มึงอย่าเสือกเลย” ธามไทเลือกที่จะปฏิเสธด้วยที่ไม่อยากให้เรื่องของเขมมิกามารบกวนจิตใจอีก เพราะตอนนี้ เขาก็ห่วงที่เห็นเธอร้องไห้ออกไปจนแทบคลั่งแล้ว“กูอยากเสือก ทีตอนนั้น มึงยังเสือกเรื่องของกูเลย” เวทัสเอ่ยถามปนขำที่เห็นว่าท่าทีของเพื่อนรักคงไม่ต่างจากตนเองเมื่อก่อนนัก“ตอนนั้น มึงปรึกษาเรื่องผู้หญิงที่มึงชอบ แต่นี่มันเรื่องของเด็กฝึกงาน กูไม่อยากเอามาใส่ใจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ” ธามไทพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับต้องการจะย้ำเตือนตัวเองเหมือนกันว่า เขมมิกาเป็นเพียงแค่เด็กฝึกงานก็เท่านั้น!“โอเค เด็กฝึกงานก็เด็กฝึกงาน ว่าแต่น้องเขาชื่ออะไรวะ นี่ถ้าไม่มีข้าวฟ่าง กูจีบแล้ว ขนาดร้องไห้ยังน่ารักเป็นบ้า” เวทัสทำท่าทางนึกถึงใบหน้าของหญิงสาวเมื่อครู่นี้ จนธามไทจ้องมองตาเขม็ง“กูพูดเล่นคร้าบบบ แหม่นี่ขนาดแค่เด็กฝึกงานนะ” พูดด้วยความหมั่นไส้เพื่อนที่ไม่รู้จักความรู้สึกตัวเอง เขามั่นใจว่าผู้หญิงเมื่อกี้ต้องไม่ใช่เด็กฝึกงานธรรมดาอย่างแน่นอนก๊อกๆ ๆ ๆ ประตูห้องถูกเปิดมาพร้อมกับเขมมิกาที่เดินถือแก้วน้ำเข้ามาสองแก้วเพื่อต้อนรับแขกของหมอธามไท หญิงสาวเดินเข้ามาโดยที่ไม่ได้มองหน้าเขาแต่อย่างใด ด้วยก
“หมอเข้าใจว่าเค้กต้องการอะไรคะ” เมื่อทนไม่ไหวจึงเอ่ยถามออกไปตามตรง เธอคิดว่าเขาคงเข้าใจอะไรตนเองผิดไปแน่ถึงได้ออกปากไล่กันแบบนี้“ฉันจะไม่อ้อมค้อมละกันนะ ฉันไม่ใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออกว่าเด็กอย่างเธอต้องการอะไร ตอนแรกก็คงตั้งใจจะมาอ่อยฉัน ใช้ทางลัดเพื่อให้ตัวเองได้สบายไวๆ แต่พอฉันไม่สนใจก็เลยทอดสะพานหาไอ้หมอวิน ตอนแรก ฉันก็คิดว่าเธอกับหมอวินชอบกันจริงๆ แต่พอวันนี้มาเห็นว่าเธอเองยังไปหว่านเสน่ห์ให้กับคุณปริญ ฉันก็เข้าใจแล้วว่าจริงๆ เธอคงจะหาใครสักคนก็ได้ที่รวยพอจะทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้น”“ไม่ใช่นะคะ!” คนตัวเล็กรีบพูดแทรกขึ้นมาด้วยความรู้สึกโกรธจัด“อันที่จริง ไอ้เรื่องครอบครัวแสนเศร้าที่เธอเล่ามา ฉันว่าก็ถือเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้ชายอย่างหมอวินหรือคุณปริญสงสารได้อยู่นะ พวกนั้นน่าจะหลงเธอทั้งรูปร่าง หน้าตา แล้วก็สงสารชีวิตของเธอจนต้องอยากยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แต่ฉันก็ไม่แน่ใจนะว่า พวกนั้นจะให้เธออยู่ในฐานะอะไร” ธามไทพูดราวกับเป็นผู้ใหญ่ที่สอนเด็ก แต่ลึกๆ แล้วเขาอยากพูดให้เขมมิกาเจ็บปวดมากที่สุดต่างหาก“พอแล้วค่ะ เค้กไม่ออยากฟัง” เขมมิกาพูดแทรกขึ้นมา ใช่ว่าเธอทนฟังคำพูดแบบนั้นไม่ได้ แต่เธอแค่
บรรยากาศบนรถเงียบตลอดทางเสียจนเขมิกาอดเกร็งไม่ได้ ตั้งแต่ที่เดินทางออกจากโรงแรม ธามไทไม่มองหน้าและไม่พูดคุยอะไรกับเธอเลย จริงอยู่ว่า ปกติ คุณหมอหนุ่มจะพูดกับเธอน้อยมาก แต่ครั้งนี้ทั้งสีหน้า และแววตาของเขาทำให้คนตัวเล็กอดรู้สึกกลัวไม่ได้“คุณหมอโกรธอะไรเค้กหรือเปล่าคะ” หญิงสาวใช้ความกล้าทั้งหมดที่มีเอ่ยถามหมอหนุ่มทันที เธอไม่อยากมีเรื่องค้างคาใจอะไรทั้งนั้น“ไว้คุยที่โรงพยาบาล” ธามไทตอบเสียงนิ่งเรียบโดยที่ไม่ได้หันไปมองคนถามสักนิด เขาพยายามทำใจให้สงบลง แม้ว่ามันจะมีดีขึ้นเลยก็ตาม“เค้กทำอะไรผิดเหรอคะ หรือว่าหมอโกรธที่เค้กไปเสียมารยาทเดินชนคุณปริญ แต่เค้กไม่ได้ตั้งใจนะคะ” คนตัวเล็กรีบพูดขึ้นมาเมื่อคิดได้ว่านี่อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจ“ฉันบอกว่าเดี๋ยวค่อยคุยไง ไม่เข้าใจเหรอ!” คนถูกจี้ทนไม่ไหวหันไปตะคอกใส่เสียงดังจนเธอสะดุ้ง น้ำตาเอ่อคลอทันที“ขะ ขอโทษค่ะ”เขมมิกาพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ด้วยที่ไม่เคยถูกธามไทเสียงดังใส่ขนาดนี้มาก่อน แม้ในใจจะเกิดคำถามมากมายว่าตนเองผิดอะไร แต่เธอก็เลือกที่จะเงียบเพราะไม่อยากทำให้เขาโมโหมากกว่านี้ธามไทใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่โรงพยาบา