เขมมิกาเก็บของอย่างว่าง่าย พร้อมกับลาฝ่ายบุคคลสาวกลับบ้านทันที และเธอเองก็ไม่อยากอยู่รอจนได้เจอกับธามไทอีก เพราะตอนนี้ หัวใจไม่เข้มแข็งพอที่จะเห็นหน้าของเขา
หญิงสาวกลับมาถึงห้องเช่าในเวลาเกือบสองทุ่ม ตอนแรกตั้งใจว่าจะซื้อกับข้าวกลับมากินต่อ แต่เมื่อมองดูอาหารแต่ละอย่างที่ตลาดแล้ว เขมมิกากลับรู้สึกพะอืดพะอม จนสุดท้ายไม่ได้ซื้ออะไรติดมือกลับห้องมา เธอรู้ดีว่ามันคงเป็นเพราะความเครียดที่สั่งสมมาตลอดทั้งวันทำให้กินอะไรไม่ลง
เขมมิกาเอื้อมไปหยิบรูปคู่กับพ่อบนเตียงนอน แล้วมองภาพนั้นด้วยความคิดถึงผู้เป็นพ่ออย่างสุดหัวใจ ก่อนที่น้ำตาจะไหลรินและร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น วันนี้ เธอรู้สึกอ่อนแอเหลือเกิน จนไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปหาใคร ไม่รู้ว่าใครจะรับฟังทุกเรื่องได้เหมือนกับที่พ่อรับฟัง และใครจะรักเธอเหมือนที่พ่อรักเธอได้บ้าง
“เค้กคิดถึงพ่อ ฮึก”
คนตัวเล็กปล่อยโฮออกมา ก่อนที่จะนึกถึงใบหน้าของชายหนุ่มต้นเหตุที่ทำให้เธอซึมเศร้ามาตลอดทั้งวัน ทำไมเขาถึงใจร้ายแตกต่างจากเมื่อห้าปีที่แล้วนัก…
ห้าปีที่แล้ว
เขมมิกาในวัยมัธยมศึกษาปีที่ห้ากลับมาที่บ้านเช่าของตนเองหลังจากเรียนหนังสือเสร็จ วันนี้ เธอกลับมาพร้อมข่าวดีจะบอก ‘ขจร’ ผู้เป็นพ่อว่าเกรดของเธอเทอมนี้ดีมาก และทำให้เธอได้ทุนเรียนฟรีต่อ ที่ผ่านมาเธอตั้งใจเรียนเพื่อให้ตัวเองได้รับทุนเรียนฟรีหวังแบ่งเบาภาระของผู้เป็นพ่อ เพราะรายได้ของขจรตอนนี้มาจากการเป็น รปภ. ที่ไม่ได้มากเหมือนเมื่อก่อน ส่วนหนึ่งเพราะอาการป่วยหลายโรค และโรคที่เสี่ยงมากที่สุดก็คือโรคหัวใจ…
ขจรเป็นโรคหัวใจ และหมอเคยย้ำกับเขาว่าให้ดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรอยู่ในสถานที่ร้อนจัดหรืออากาศเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเพราะอาจทำให้หัวใจวายได้ ที่สำคัญที่สุดคืออย่ามีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจ และลูกสาวอย่างเขมมิกาก็ทำหน้าที่ลูกที่ดีมาตลอด ไม่เคยมีเรื่องให้คนเป็นพ่อต้องเครียด
ด้วยความที่สองพ่อลูกอยู่ด้วยกันเพียงลำพังมาตลอด แม่ของเขมมิกาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุตั้งแต่เธออายุไม่ถึงหนึ่งขวบ แม้แต่หน้าตาของแม่ เธอก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำ ภาพถ่ายก็มีเพียงภาพหน้าศพของแม่เท่านั้น ทำให้ความทรงจำเกี่ยวกับผู้เป็นแม่แทบไม่มีเลย ตั้งแต่จำความได้ก็มีแต่พ่อเท่านั้นที่อยู่เคียงข้าง และคอยดูแลเธออย่างดีจนไม่เคยรู้สึกขาดความรักและความอบอุ่น พ่อจึงเปรียบเสมือนทุกสิ่งในชีวิตของเขมมิกา
“พ่อคะ เค้กกลับมาแล้ว วันนี้ เค้กมีข่าวดีมาบอกพ่อด้วยนะคะ” ด็กสาววางกระเป๋าที่โต๊ะ ก่อนจะตะโกนเรียกผู้เป็นพ่อ วันนี้ท่านบอกว่าจะไม่ไปทำงานเพราะรู้สึกเพลียๆ
“พ่อ…” เธอยังคงเรียกหาพ่อต่อไป พร้อมกับเดินหาทั่วบ้านด้วยความสงสัย
และเมื่อเรียกหาพ่อเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ เด็กสาวจึงตัดสินใจเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป และภาพที่เห็นก็ทำให้หัวใจเธอหล่นวูบทันที!
“พ่อ!”
เขมมิกาตะโกนเรียกพ่อสุดเสียง ก่อนจะเขย่าตัวชายสูงวัยที่นอนหมดสติที่พื้นห้องน้ำอย่างแรง แต่เขย่าเท่าไหร่ พ่อก็ไม่รู้สึกตัวยิ่งทำให้ใจเสียมากกว่าเดิม ทว่า เธอก็พยายามตั้งสติก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าขึ้นมากดโทรศัพท์หารถพยาบาลทันที
“ช่วยด้วยค่ะ พ่อของหนูหัวใจวาย!”
“พ่อๆ ๆ ฟื้นสิ พ่ออย่าเป็นอะไรนะ”
เขมมิการ้องเรียกผู้เป็นพ่อด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น ขณะที่เวรเปลกำลังเข็นรถพาชายสูงวัยเข้าห้องฉุกเฉิน จากนั้น เด็กสาวก็ร้องไห้ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่สนใจใคร ตอนนี้ พ่อของเธอถูกนำเข้าห้องฉุกเฉินไปเป็นที่เรียบร้อยจึงได้แต่ภาวนาให้ท่านไม่เป็นอันตรายอย่างที่ตนเองนึกกลัวเท่านั้น
“คุณหมอคะ คนไข้อยู่ในห้องฉุกเฉินแล้วค่ะ”
ทันใดนั้น เสียงของพยาบาลก็ดังขึ้น พร้อมกับหมอหนุ่มที่กำลังจะเดินเข้าห้องฉุกเฉินด้วยสีหน้าเครียดจัด เขมมิกาไม่ลังเลที่จะเดินไปหาหมอหนุ่มทันที
“หมอคะ ช่วยพ่อของหนูด้วยนะคะ” เด็กสาวจับมือหมอด้วยสายตาอ้อนวอน ตอนนี้ เธอไม่รู้จะหวังพึ่งใครได้อีกแล้ว คุณหมอตรงหน้าเป็นความหวังเดียวเท่านั้น
“หมอธามคะ เร็วค่ะ”
พยาบาลตะโกนเรียกหมออีกครั้งทำให้หมอหนุ่มหันมามองเด็กสาวตรงหน้าด้วยสีหน้าเครียดจัดอีกรอบ
“หมอจะทำอย่างเต็มที่ครับ”
หมอธามไทเดินเข้าห้องผ่าตัดด้วยความเร่งรีบ เขมมิกามองภาพนั้นด้วยความหวัง และเธอกลับรู้สึกอุ่นใจอย่างแปลกประหลาด เมื่อรู้ว่าพ่อกำลังอยู่ในการดูแลของคุณหมอผคนนี้
“พ่ออย่าเป็นอะไรนะคะ”
เขมมิกาเดินไปมาอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินนานกว่าสามชั่วโมง หมอก็ไม่มีทีท่าว่าจะออกมาสัดที เด็กสาวไม่รู้จะทำอย่างไร และไม่รู้จะหันไปพึ่งใครจึงได้แต่กอดตัวเองที่ตอนนี้ยังสวมชุดนักเรียนอยู่อย่างแนบแน่น ก่อนจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
“ญาติคุณขจรครับ”
หมอธามไทออกจากห้องผ่าตัดมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจัด เขมมิการีบเดินไปหาเขาทันที
“พ่อเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ พ่อปลอดภัยดีใช่ไหมคะ?” เธอเขย่ามือคุณหมอตรงหน้าอย่างมีความหวัง แต่สายตาและสีหน้าของหมอทำให้หัวใจหล่นวูบอีกครั้ง
“ตอนนี้ อาการของคุณขจรไม่สู้ดี หนูมาคนเดียวหรอ” หมอหนุ่มเอ่ยถาม
“ค่ะ พ่อมีแค่หนู และหนูก็มีแค่พ่อ ฮึก หมอช่วยพ่อหนูด้วยนะคะ” เขมมิการ้องไห้ออกมาอย่างลืมอาย นาทีนี้ เธอขอแค่ให้พ่อปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว
“ทำใจดีๆ นะครับ หมอไม่อยากให้ญาติคาดหวังเกินความเป็นจริง แต่หมอจะรักษาสุดความสามารถ”
เขมมิกามองหมอหนุ่มด้วยสายตาอ้อนวอน ก่อนจะปล่อยให้เขาเข้าไปรักษาผู้เป็นพ่อของเธอต่อ
“แม่ขา ช่วยให้พ่อปลอดภัยด้วยนะคะ” และได้แต่ภาวนาถึงผู้เป็นแม่ให้ช่วยดลบันดาลให้พ่อปลอดภัย...
เวลาล่วงเลยไปอีกสามชั่วโมง เขมมิกายังไม่ละสายตาไปจากห้องผ่าตัด เธอได้แต่รอหมอหนุ่มเดินออกมาด้วยความหวัง และในที่สุด เขาก็เปิดประตูห้องผ่าตัดออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“หมอคะ…”
“ผมเสียใจด้วยครับ คนไข้เสียชีวิตแล้ว” หมอหนุ่มพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับเป็นเรื่องปกติที่เขาต้องคอยรายงานคนไข้
“ทำไมคะ พ่ออยู่ในมือหมอแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมพ่อถึงไม่ฟื้น ฮึก”
เด็กสาวร้องไห้ออกมา เธอไม่สามารถรับความจริงได้ เมื่อเช้า พ่อยังคุยดีๆ กับเธออยู่เลย ทำไมตกเย็นถึงได้จากกันไปเช่นนี้“ลองติดต่อญาติผู้ใหญ่ดูนะครับ หมอขอตัวก่อนนะครับ” แวบเดียวเท่านั้นที่เด็กสาวเห็นสายตาสั่นระริกของคนเป็นหมอ ก่อนที่สายตาของเขาจะนิ่งเรียบอีกครั้ง“ฮึก พ่อ”เขมมิกาไม่รอช้ารีบวิ่งไปหาร่างไร้วิญญาณของผู้เป็นพ่อที่ตอนนี้ถูกเข็นออกจากห้องผ่าตัด นาทีนี้ หัวใจดวงน้อยทั้งดวงแตกสลายเสียจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ เด็กสาวปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาอย่างไม่คิดจะห้ามมัน พ่อเป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างและเป็นแรงบันดาลใจให้เธอทำสิ่งต่างๆ มาวันนี้ไม่มีพ่อ เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่อย่างไรต่อไป...ผ่านไปเกือบสัปดาห์ เขมมิกาจัดแจงเรื่องงานศพของผู้เป็นพ่ออย่างโดดเดี่ยว โชคดีที่ท่านทำประกันชีวิตเอาไว้ก่อนที่จะตรวจพบว่าเป็นโรคหัวใจ ทำให้ตอนนี้ เธอพอมีเงินติดตัวอยู่บ้างและสามารถนำมาจัดงานศพเล็กๆ ให้ผู้เป็นพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งในงานจะมีแขกไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนที่ทำงานของพ่อและเพื่อนๆ รวมถึงครูที่โรงเรียนของเธอไม่กี่คนเท่านั้นวันนี้ เขมมิกาเริ่มตั้งสติกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้แล้ว แม้ว่าจะยังคงเศร้าเสีย
เธอไม่ได้อยากทำตัวเป็นเด็กสาวโรคจิตที่เฝ้ามองผู้ชาย แต่เป็นเด็กสาวคนหนึ่งที่มีความรักอย่างบริสุทธิ์ เพียงแค่อยากอยู่ใกล้คนที่รักโดยที่ไม่หวังอะไร และหากเขายังจำเธอได้ เขมมิกาก็ยินดีที่จะทำงานเพื่อชดใช้เงินทั้งหมดที่คุณหมอหนุ่มจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลให้พ่อ“ทำไมคุณถึงเป็นไปได้ขนาดนี้นะ”เขมมิกาดึงตัวเองกลับมาที่ปัจจุบัน คิดแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คุณหมอที่แสนอบอุ่นในวันนั้นจะกลายเป็นหมอที่ใจร้าย แถมสาดถ้อยคำแสนเจ็บปวดใส่ตนเองได้ขนาดนี้ แต่ที่แปลกคือ ทำไมเธอถึงยังทำใจเกลียดเขาไม่ลง…วันต่อมา เขมมิกาไปทำงานสาย เพราะเมื่อคืนเอาแต่ร้องไห้เสียจนนอนหลับไปไม่รู้เรื่อง ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าสายแล้ว หญิงสาวรีบวิ่งมาที่โต๊ะทำงานด้วยสภาพที่ผมยังเปียกอยู่“เฮ้อ หมอธามมาหรือยังเนี่ย” พูดกับตัวเอง ก่อนจะแอบมองไปที่ประตูห้องของหมอหนุ่ม ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ เธอคงจะเดินไปเคาะประตูแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เมื่อวาน หญิงสาวจึงเลือกที่จะนั่งอยู่เฉยๆ แทน“ทำไมวันนี้มาสายล่ะเค้ก” พิมอรเดินเข้ามาหาเขมมิกาด้วยสีหน้าเครียดจัด“ขอโทษค่ะพี่พิม พอดีเมื่อคืน เค้กนอนไม่ค่อยหลับก็เลย…” แล้วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ด้ว
เขมมิกาเริ่มรู้สึกดีขึ้น อาจเป็นเพราะธามไทคุยด้วยเมื่อช่วงเช้าทำให้รู้ว่า ตอนนี้ เขาไม่ได้โกรธเธอเหมือนเมื่อวาน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันทำให้เห็นจริงๆ ว่าหมอหนุ่มมีอิทธิพลต่อจิตใจของเธอเป็นอย่างมาก หากเขาโกรธ หญิงสาวก็เศร้าได้ทั้งวันทั้งคืน และหากหายโกรธ เธอก็สามารถกลับมาสดใสร่าเริงราวกับกดสวิตซ์ได้“อารมณ์ดีต่างเมื่อวานเลยน้า วันนี้สงสัยไม่โดนหมอธามดุละสิ” พิมอรเอ่ยถามนักศึกษาฝึกงานสาว หลังจากที่ตอนนี้เจ้าตัวอยู่ในใบหน้ายิ้มแย้มต่างจากเมื่อวานสิ้นดี“เอ่อ ค่ะ วันนี้ หมอธามไม่ดุเค้กเลย” เขมมิกาตอบยิ้มๆ เธอไม่ได้โกหก แต่บอกไม่หมดต่างหาก สาเหตุที่ดีใจเพราะหมอหนุ่มไม่โกรธเธอแล้ว“ดีแล้ว เห็นไหม พี่เคยบอกว่าแล้วว่า หมอธาม ถ้าบทจะดีก็คือดีเลย อีกอย่าง ถ้าหมอเริ่มพูดดีกับเรา แปลว่าเราทำงานดี เริ่มผ่านบททดสอบจากหมอแล้วด้วยนะ” ฝ่ายบุคคลสาวพูดอย่างให้กำลังใจ“ถ้าเป็นอย่านั้นจริงๆ ก็ดีสิคะ เผื่อว่าเค้กจะได้มีโอกาสทำงานที่นี่บ้าง” แม่สาวน้อยหน้าหวานได้แต่หวังใจเล็กๆ ว่าธามไทจะนึกเอ็นดูเธอขึ้นมา แม้จะไม่ได้มอบตำแหน่งเลขาฯ ให้ แต่อาจให้ตำแหน่งอื่นๆ ในโรงพยาบาลนี้“อะแฮ่มๆ เมื่อกี้ได้ยินแว่ว
คนตัวเล็กเอื้อมมือไปกุมมือสาวรุ่นพี่เพื่อขอบคุณ เธอดีใจที่อย่างน้อยการมาฝึกงานครั้งนี้ก็ได้เจอผู้ใหญ่ที่เมตตาเธอจากใจจริง“อื้ม มีอะไรก็คุยกับพี่ได้นะ ยังไง พี่ก็เป็นคนดูแลเราอยู่แล้ว”พิมอรตอบกลับด้วยความหวังดี สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างก็อยู่ที่เขมมิกาจะเลือก หากแม่สาวน้อยเลือกที่จะเดินบนเส้นทางแห่งความเสี่ยง ตัวเธอก็ไม่สามารถห้ามอะไรได้…เขมมิกากลับเข้าไปนั่งที่โต๊ะในช่วงบ่าย เธอสังเกตว่าธามไทกลับมาที่ห้องได้สักพักแล้ว และก็สั่งเอาไว้ว่าห้ามใครเข้าไปรบกวนเด็ดขาด แม้จะห่วงเขาที่ยังไม่ได้ทานอะไร แต่ก็ไม่อยากขัดคำสั่งชายหนุ่มจึงได้แต่นั่งทำงานเงียบๆ อยู่หน้าห้องติ๊ดๆ ๆ ๆ เขมมิกาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมามองเบอร์แปลกที่โทร.เข้ามา ก่อนจะกดรับสายทันที“สวัสดีค่ะ เค้กพูดค่ะ” เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหวานไพเราะ“สวัสดีครับคุณเค้ก ผมปริญนะ”ปลายสายตอบกลับมา และชื่อนั้นทำเอาเขมมิกาถึงกับนิ่งไปเช่นกัน เพราะคนในสายก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ธามไทโมโหใส่เธอ“เอ่อ ค่ะ คุณปริญ มีเบอร์เค้กได้ยังไงคะเนี่ย” เธอเอ่ยถามด้วยความงุนงง เพราะมั่นใจว่าไม่ได้ให้เบอร์ตนเองกับปริญไป“ก็ไม่เห็นจะหายากนี่ครับ ในเมื่อคุ
“แน่ใจนะว่าอยากฝึกงานเป็นเลขาฯ ศัลยแพทย์ท่านนี้จริงๆ” เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลอินทารามเอ่ยถามนักศึกษาสาวปีสี่ ที่ตอนนี้สวมชุดนักศึกษากระโปรงทรงเอสั้นเหนือเข่าเล็กน้อย เจ้าตัวยิ้ม พยักหน้าด้วยความมั่นใจ“แน่ใจค่ะ หนูอยากทำงานที่นี่” น้ำเสียงตอบกลับด้วยท่าทีกระตือรือร้น แววตาแสดงออกอย่างชัดเจนถึงความต้องการ‘เค้ก’ เขมมิกา รุ่งเรืองวงศ์ นักศึกษาสาวจากคณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาภาษาไทย ชั้นปีที่สี่ มองไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของโรงพยาบาลอย่างมั่นใจ หญิงสาวใช้ความพยายามกว่าหลายเดือนเพื่อให้ตัวเองได้เข้ามาเป็นเด็กฝึกงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้ และความพยายามนั้นก็ไม่ได้ทรยศเธอเลยสักนิด แถมสิ่งที่ได้ก็เกินความคาดหวังไปมาก เมื่อวันหนึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อกลับมาว่า ตอนนี้ทางโรงพยาบาลต้องการรับนักศึกษาฝึกงานตำแหน่งเลขาฯ ของศัลยแพทย์ใหญ่ และแน่นอนว่าเขมมิกาไม่มีทางปฏิเสธมันได้ลง เพราะ ‘เขา’ คือเหตุผลที่ทำให้เธออยากเข้ามาฝึกงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้“แต่คุณหมอท่านนี้ไม่ชอบให้ผู้หญิงอยู่ใกล้สักเท่าไร พี่เกรงว่าเขาจะไปขวางหูขวางตาคุณหมอเข้า” พนักงานฝ่ายบุคคลชื่อ ‘กมล’ พูดขึ้นอย่างลังเลใจใครก็รู้กิตติศัพท์คว
“พี่พิมพูดบ่อยจนเค้กเริ่มกลัวหมอธามแล้วนะคะ” เขมมิกาพูดยิ้มๆ จริงๆ แล้วเธอไม่ได้กลัวเขาเลยสักนิด อดคิดตื่นเต้นไม่ได้ว่าเขาจะจำเธอได้หรือไม่“กลัวไว้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่คิดเกินเลย เชื่อพี่ สนใจแค่งานพอจะได้ไม่มีปัญหาอะไร” พิมอรพูดด้วยท่าทีเมามันเสียจนเขมมิกาอดยิ้มไม่ได้“ถ้าอย่างนั้นพี่พิมมีอะไรจะเตือนเกี่ยวกับหมอธามให้เค้กรู้ก่อนไหมคะ เค้กจะได้ทำตัวดีๆ ไม่ให้หมอธามเพ่งเล็ง” หญิงสาวถามขึ้น เพราะเมื่อคิดไปคิดมาแล้ว หากหมอธามไทไม่ถูกชะตาเธอขึ้นมา ความพยายามทั้งหมดที่ได้ทำไปก็จะสูญเปล่าไปในทันที“ก็…อันดับแรก อย่าเล่นหูเล่นตากับหมอธามเด็ดขาด สงสัยหรือไม่รู้อะไรให้รีบถามทันที หมอธามไม่ใช่คนดุมากธรรมดาแต่ ถ้าพลาด หมอธามก็ให้โอกาสครั้งแรก แต่อย่าพลาดเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด แล้วก็อย่าเซ้าซี้เรื่องส่วนตัวด้วย หมอธามีโลกส่วนตัวสูงเหมือนเขาเอเวอร์เรส” พิมอรกล่าวเตือนสาวน้อยด้วยความหวังดี ที่ผ่านมาเลขาฯ หลายๆ คนพยายามที่จะเข้าถึงตัวหมอธามไท แต่สุดท้ายทุกคนก็ต้องลาออกไปด้วยความรู้สึกอดสู“เข้าใจแล้วค่ะ เค้กจะทำให้ดีที่สุด ไม่ให้เสียชื่อที่พี่พิมแนะนำเข้ามาเลย” เขมมิกาพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เธอไม่ใช่เด็
“ผมยังไม่รับเลขาฯ ตอนนี้” ธามไทพูดแทรกขึ้นมาทันที แม้จะรู้ว่าฝ่ายบุคคลหวังดี แต่เขาก็ไม่อยากมีเรื่องวุ่นวายตามมาทีหลัง“เอ่อ ไม่ใช่นะคะ” เขมมิกาพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอกลัวเหลือเกินว่าหมอหนุ่มจะไม่รับตนเองเข้าฝึกงาน และแน่นอนว่ามาถึงขนาดนี้แล้ว เธอจะไม่ยอมถอยแน่นอน“หืม?”ธามไทถึงกับเงยหน้าเพื่อมองต้นเสียงที่ไม่คุ้นเคย ก่อนจะสบตาเข้ากับนักศึกษาสาวที่มองมาด้วยแววตาสั่นระริก เขาจ้องมองเธอด้วยสายตานิ่งงันโดยที่ไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกไป เด็กสาวรีบก้มหลบตาเขาทันที แวบหนึ่งธามไทรู้สึกคุ้นเด็กสาวอย่างประหลาด แต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่าเคยเจอเธอที่ไหน“เอ่อ หมอธามคะ พิมไม่ได้จะหาเลขาฯ มาให้หมอค่ะ แต่น้องเค้กมาสมัครเป็นเด็กฝึกงาน แล้วก็จะมาช่วยเป็นเลขาฯ ให้หมอช่วงนี้ค่ะ” พิมอรค่อยๆ พูดทีละนิด ด้วยรู้ดีว่าความเย็นชาของหมอธามไทนั้นยากที่จะคาดเดาว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่“แล้วต่างจากเลขาฯ ตรงไหน กลับไปเถอะ” ธามไทพูดอย่างไม่ใส่ใจอะไร ต่อให้แม่สาวน้อยคนนี้จะเข้ามาในฐานะเด็กฝึกงาน แต่สุดท้ายก็ต้องทำงานใกล้กันอยู่ดี เขาเหนื่อยที่จะต้องมีปัญหาเกินพอ“แต่ว่าน้องเค้กเป็นเด็กดีนะคะ พิมมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหต
“พอดีว่าเมื่อตอนกลางวันเจอหมอมาวินเข้าน่ะค่ะ ท่าทางหมอจะถูกชะตากับน้องเค้ก พิมเลยคิดว่าอาจจะให้น้องเค้กไปเป็นเลขาฯ หมอวินน่าจะโอเค” ฝ่ายพิมอรพูดไปก็ก้มหน้าไป เพราะเดาใจหมอธามไทไม่ถูก“จะจับคู่ให้หมอกับเด็กฝึกงานหรือไง แน่ใจนะว่าจะเอาอย่างนั้น”คนเป็นเจ้าของห้องถามพร้อมกับลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปหาพิมอรและเขมมิกา ก่อนเอ่ยต่อ“ขอดูประวัติเด็กคนนี้หน่อย” พูดพร้อมกับยื่นมือไปขอเอกสารที่พิมอร แวบหนึ่งเขาเหลือบไปเห็นแววตาดีใจของเด็กสาว“นี่ค่ะหมอ” พิมอรรีบยื่นเอกสารให้คุณหมอหนุ่มทันที“เรียนดีนี่ มีแฟนหรือยัง”เจ้าของร่างสูงโปร่งอย่างคนสุขภาพดีเอ่ยถามเสียงนิ่ง หารู้ไม่ว่าคำถามของเขาเล่นเอาเด็กสาวเขินจนตอบแทบไม่ถูก“เอ่อ ไม่มีค่ะ” เขมมิกาตอบเสียงตะกุกตะกักด้วยไม่คิดว่าเขาจะถามเธอเรื่องนี้“งั้นก็รีบหาแฟนล่ะ จะได้ไม่ต้องมาชอบฉัน” ธามไทพูดนิ่งๆ อีกเช่นเคย ใครจะว่าหลงตัวเองก็ได้ แต่เขาพูดเรื่องจริง และไม่อยากวุ่นวายเรื่องชู้สาวอีก“เค้กไม่ได้อยากมีใครนี่คะ” เขมมิกาพูดสวนขึ้นทันที พิมอรต้องตีแขนเตือนเด็กดื้อเบาๆ“เดี๋ยวก็มี”คุณหมอหนุ่มเดินกลับไปนั่งที่เดิม พร้อมกับใช้ความคิดอีกครั้ง เด็กคนนี้ดูท่า
คนตัวเล็กเอื้อมมือไปกุมมือสาวรุ่นพี่เพื่อขอบคุณ เธอดีใจที่อย่างน้อยการมาฝึกงานครั้งนี้ก็ได้เจอผู้ใหญ่ที่เมตตาเธอจากใจจริง“อื้ม มีอะไรก็คุยกับพี่ได้นะ ยังไง พี่ก็เป็นคนดูแลเราอยู่แล้ว”พิมอรตอบกลับด้วยความหวังดี สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างก็อยู่ที่เขมมิกาจะเลือก หากแม่สาวน้อยเลือกที่จะเดินบนเส้นทางแห่งความเสี่ยง ตัวเธอก็ไม่สามารถห้ามอะไรได้…เขมมิกากลับเข้าไปนั่งที่โต๊ะในช่วงบ่าย เธอสังเกตว่าธามไทกลับมาที่ห้องได้สักพักแล้ว และก็สั่งเอาไว้ว่าห้ามใครเข้าไปรบกวนเด็ดขาด แม้จะห่วงเขาที่ยังไม่ได้ทานอะไร แต่ก็ไม่อยากขัดคำสั่งชายหนุ่มจึงได้แต่นั่งทำงานเงียบๆ อยู่หน้าห้องติ๊ดๆ ๆ ๆ เขมมิกาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมามองเบอร์แปลกที่โทร.เข้ามา ก่อนจะกดรับสายทันที“สวัสดีค่ะ เค้กพูดค่ะ” เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหวานไพเราะ“สวัสดีครับคุณเค้ก ผมปริญนะ”ปลายสายตอบกลับมา และชื่อนั้นทำเอาเขมมิกาถึงกับนิ่งไปเช่นกัน เพราะคนในสายก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ธามไทโมโหใส่เธอ“เอ่อ ค่ะ คุณปริญ มีเบอร์เค้กได้ยังไงคะเนี่ย” เธอเอ่ยถามด้วยความงุนงง เพราะมั่นใจว่าไม่ได้ให้เบอร์ตนเองกับปริญไป“ก็ไม่เห็นจะหายากนี่ครับ ในเมื่อคุ
เขมมิกาเริ่มรู้สึกดีขึ้น อาจเป็นเพราะธามไทคุยด้วยเมื่อช่วงเช้าทำให้รู้ว่า ตอนนี้ เขาไม่ได้โกรธเธอเหมือนเมื่อวาน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันทำให้เห็นจริงๆ ว่าหมอหนุ่มมีอิทธิพลต่อจิตใจของเธอเป็นอย่างมาก หากเขาโกรธ หญิงสาวก็เศร้าได้ทั้งวันทั้งคืน และหากหายโกรธ เธอก็สามารถกลับมาสดใสร่าเริงราวกับกดสวิตซ์ได้“อารมณ์ดีต่างเมื่อวานเลยน้า วันนี้สงสัยไม่โดนหมอธามดุละสิ” พิมอรเอ่ยถามนักศึกษาฝึกงานสาว หลังจากที่ตอนนี้เจ้าตัวอยู่ในใบหน้ายิ้มแย้มต่างจากเมื่อวานสิ้นดี“เอ่อ ค่ะ วันนี้ หมอธามไม่ดุเค้กเลย” เขมมิกาตอบยิ้มๆ เธอไม่ได้โกหก แต่บอกไม่หมดต่างหาก สาเหตุที่ดีใจเพราะหมอหนุ่มไม่โกรธเธอแล้ว“ดีแล้ว เห็นไหม พี่เคยบอกว่าแล้วว่า หมอธาม ถ้าบทจะดีก็คือดีเลย อีกอย่าง ถ้าหมอเริ่มพูดดีกับเรา แปลว่าเราทำงานดี เริ่มผ่านบททดสอบจากหมอแล้วด้วยนะ” ฝ่ายบุคคลสาวพูดอย่างให้กำลังใจ“ถ้าเป็นอย่านั้นจริงๆ ก็ดีสิคะ เผื่อว่าเค้กจะได้มีโอกาสทำงานที่นี่บ้าง” แม่สาวน้อยหน้าหวานได้แต่หวังใจเล็กๆ ว่าธามไทจะนึกเอ็นดูเธอขึ้นมา แม้จะไม่ได้มอบตำแหน่งเลขาฯ ให้ แต่อาจให้ตำแหน่งอื่นๆ ในโรงพยาบาลนี้“อะแฮ่มๆ เมื่อกี้ได้ยินแว่ว
เธอไม่ได้อยากทำตัวเป็นเด็กสาวโรคจิตที่เฝ้ามองผู้ชาย แต่เป็นเด็กสาวคนหนึ่งที่มีความรักอย่างบริสุทธิ์ เพียงแค่อยากอยู่ใกล้คนที่รักโดยที่ไม่หวังอะไร และหากเขายังจำเธอได้ เขมมิกาก็ยินดีที่จะทำงานเพื่อชดใช้เงินทั้งหมดที่คุณหมอหนุ่มจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลให้พ่อ“ทำไมคุณถึงเป็นไปได้ขนาดนี้นะ”เขมมิกาดึงตัวเองกลับมาที่ปัจจุบัน คิดแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คุณหมอที่แสนอบอุ่นในวันนั้นจะกลายเป็นหมอที่ใจร้าย แถมสาดถ้อยคำแสนเจ็บปวดใส่ตนเองได้ขนาดนี้ แต่ที่แปลกคือ ทำไมเธอถึงยังทำใจเกลียดเขาไม่ลง…วันต่อมา เขมมิกาไปทำงานสาย เพราะเมื่อคืนเอาแต่ร้องไห้เสียจนนอนหลับไปไม่รู้เรื่อง ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าสายแล้ว หญิงสาวรีบวิ่งมาที่โต๊ะทำงานด้วยสภาพที่ผมยังเปียกอยู่“เฮ้อ หมอธามมาหรือยังเนี่ย” พูดกับตัวเอง ก่อนจะแอบมองไปที่ประตูห้องของหมอหนุ่ม ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ เธอคงจะเดินไปเคาะประตูแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เมื่อวาน หญิงสาวจึงเลือกที่จะนั่งอยู่เฉยๆ แทน“ทำไมวันนี้มาสายล่ะเค้ก” พิมอรเดินเข้ามาหาเขมมิกาด้วยสีหน้าเครียดจัด“ขอโทษค่ะพี่พิม พอดีเมื่อคืน เค้กนอนไม่ค่อยหลับก็เลย…” แล้วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ด้ว
เด็กสาวร้องไห้ออกมา เธอไม่สามารถรับความจริงได้ เมื่อเช้า พ่อยังคุยดีๆ กับเธออยู่เลย ทำไมตกเย็นถึงได้จากกันไปเช่นนี้“ลองติดต่อญาติผู้ใหญ่ดูนะครับ หมอขอตัวก่อนนะครับ” แวบเดียวเท่านั้นที่เด็กสาวเห็นสายตาสั่นระริกของคนเป็นหมอ ก่อนที่สายตาของเขาจะนิ่งเรียบอีกครั้ง“ฮึก พ่อ”เขมมิกาไม่รอช้ารีบวิ่งไปหาร่างไร้วิญญาณของผู้เป็นพ่อที่ตอนนี้ถูกเข็นออกจากห้องผ่าตัด นาทีนี้ หัวใจดวงน้อยทั้งดวงแตกสลายเสียจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ เด็กสาวปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาอย่างไม่คิดจะห้ามมัน พ่อเป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างและเป็นแรงบันดาลใจให้เธอทำสิ่งต่างๆ มาวันนี้ไม่มีพ่อ เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่อย่างไรต่อไป...ผ่านไปเกือบสัปดาห์ เขมมิกาจัดแจงเรื่องงานศพของผู้เป็นพ่ออย่างโดดเดี่ยว โชคดีที่ท่านทำประกันชีวิตเอาไว้ก่อนที่จะตรวจพบว่าเป็นโรคหัวใจ ทำให้ตอนนี้ เธอพอมีเงินติดตัวอยู่บ้างและสามารถนำมาจัดงานศพเล็กๆ ให้ผู้เป็นพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งในงานจะมีแขกไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนที่ทำงานของพ่อและเพื่อนๆ รวมถึงครูที่โรงเรียนของเธอไม่กี่คนเท่านั้นวันนี้ เขมมิกาเริ่มตั้งสติกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้แล้ว แม้ว่าจะยังคงเศร้าเสีย
เขมมิกาเก็บของอย่างว่าง่าย พร้อมกับลาฝ่ายบุคคลสาวกลับบ้านทันที และเธอเองก็ไม่อยากอยู่รอจนได้เจอกับธามไทอีก เพราะตอนนี้ หัวใจไม่เข้มแข็งพอที่จะเห็นหน้าของเขาหญิงสาวกลับมาถึงห้องเช่าในเวลาเกือบสองทุ่ม ตอนแรกตั้งใจว่าจะซื้อกับข้าวกลับมากินต่อ แต่เมื่อมองดูอาหารแต่ละอย่างที่ตลาดแล้ว เขมมิกากลับรู้สึกพะอืดพะอม จนสุดท้ายไม่ได้ซื้ออะไรติดมือกลับห้องมา เธอรู้ดีว่ามันคงเป็นเพราะความเครียดที่สั่งสมมาตลอดทั้งวันทำให้กินอะไรไม่ลงเขมมิกาเอื้อมไปหยิบรูปคู่กับพ่อบนเตียงนอน แล้วมองภาพนั้นด้วยความคิดถึงผู้เป็นพ่ออย่างสุดหัวใจ ก่อนที่น้ำตาจะไหลรินและร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น วันนี้ เธอรู้สึกอ่อนแอเหลือเกิน จนไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปหาใคร ไม่รู้ว่าใครจะรับฟังทุกเรื่องได้เหมือนกับที่พ่อรับฟัง และใครจะรักเธอเหมือนที่พ่อรักเธอได้บ้าง“เค้กคิดถึงพ่อ ฮึก”คนตัวเล็กปล่อยโฮออกมา ก่อนที่จะนึกถึงใบหน้าของชายหนุ่มต้นเหตุที่ทำให้เธอซึมเศร้ามาตลอดทั้งวัน ทำไมเขาถึงใจร้ายแตกต่างจากเมื่อห้าปีที่แล้วนัก…ห้าปีที่แล้วเขมมิกาในวัยมัธยมศึกษาปีที่ห้ากลับมาที่บ้านเช่าของตนเองหลังจากเรียนหนังสือเสร็จ วันนี้ เธอกลับมาพร้อมข่า
“โห ปากมึงนี่นะ กูแค่ผ่านมาก็เลยแวะมาหา เห็นมึงหายเงียบไปหลายวัน เคลียร์เรื่องคุณศศิแล้วเหรอวะ” เวทัสเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“ยัง เดี๋ยวกูจะจัดการเร็วๆ นี้แหละ เบื่อเหมือนกัน” เมื่อพูดถึงศศิ ธามไทก็รู้สึกหนักใจขึ้นมา เขาต้องรีบบอกความรู้สึกของตัวเองให้หญิงสาวรู้โดยเร็ว แม้ที่ผ่านมา ตนเองจะชัดเจนมาตลอดว่าไม่ได้ชอบอีกฝ่ายก็ตาม“ก็ดี จะได้จีบน้องเค้กได้เต็มที่” เวทัสไม่วายแซวเพื่อนอีกครั้ง และก็ถูกมองกลับมาตาจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่องทันที“มึงไม่ต้องพูดละ งานปาร์ตีประจำปีของโรงพยาบาลกู มึงจะมาปะ เชิญคุณข้าวฟ่างมาด้วยนะ” ธามไทพูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าต้องเชิญเพื่อนรักเพื่อนร้ายของตนเองไปงานด้วย“จัดที่โรงแรมไหนวะ?” คนมาเยือนเอ่ยถามขึ้นก่อนจะจิบน้ำที่เขมมิกาเอามาเสิร์ฟให้“เดอะริเวอร์”“อะไรนะ! โรงแรมไอ้ปริญอะนะ?” สิ้นคำตอบ เวทัสก็เอ่ยถามกลับด้วยความตกใจทันที“เออ มึงรู้จักเขาด้วยเหรอวะ” ธามไทมองหน้าเพื่อนด้วยความอยากรู้อยากเห็น“ทีงี้อยากรู้ขึ้นมาเลยนะ ไอ้ปริญมันเคยจีบเมียกู แต่เอาจริงๆ มันก็นิสัยใช้ได้ มันกำลังจีบคุณเค้กอยู่งั้นดิ ถ้ามึงไม่ชอบเด็กมันก็ไม่ต้องไปขัดขวางไอ้ปริญหรอก เพราะไอ้นี
“มึงอย่าเสือกเลย” ธามไทเลือกที่จะปฏิเสธด้วยที่ไม่อยากให้เรื่องของเขมมิกามารบกวนจิตใจอีก เพราะตอนนี้ เขาก็ห่วงที่เห็นเธอร้องไห้ออกไปจนแทบคลั่งแล้ว“กูอยากเสือก ทีตอนนั้น มึงยังเสือกเรื่องของกูเลย” เวทัสเอ่ยถามปนขำที่เห็นว่าท่าทีของเพื่อนรักคงไม่ต่างจากตนเองเมื่อก่อนนัก“ตอนนั้น มึงปรึกษาเรื่องผู้หญิงที่มึงชอบ แต่นี่มันเรื่องของเด็กฝึกงาน กูไม่อยากเอามาใส่ใจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ” ธามไทพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับต้องการจะย้ำเตือนตัวเองเหมือนกันว่า เขมมิกาเป็นเพียงแค่เด็กฝึกงานก็เท่านั้น!“โอเค เด็กฝึกงานก็เด็กฝึกงาน ว่าแต่น้องเขาชื่ออะไรวะ นี่ถ้าไม่มีข้าวฟ่าง กูจีบแล้ว ขนาดร้องไห้ยังน่ารักเป็นบ้า” เวทัสทำท่าทางนึกถึงใบหน้าของหญิงสาวเมื่อครู่นี้ จนธามไทจ้องมองตาเขม็ง“กูพูดเล่นคร้าบบบ แหม่นี่ขนาดแค่เด็กฝึกงานนะ” พูดด้วยความหมั่นไส้เพื่อนที่ไม่รู้จักความรู้สึกตัวเอง เขามั่นใจว่าผู้หญิงเมื่อกี้ต้องไม่ใช่เด็กฝึกงานธรรมดาอย่างแน่นอนก๊อกๆ ๆ ๆ ประตูห้องถูกเปิดมาพร้อมกับเขมมิกาที่เดินถือแก้วน้ำเข้ามาสองแก้วเพื่อต้อนรับแขกของหมอธามไท หญิงสาวเดินเข้ามาโดยที่ไม่ได้มองหน้าเขาแต่อย่างใด ด้วยก
“หมอเข้าใจว่าเค้กต้องการอะไรคะ” เมื่อทนไม่ไหวจึงเอ่ยถามออกไปตามตรง เธอคิดว่าเขาคงเข้าใจอะไรตนเองผิดไปแน่ถึงได้ออกปากไล่กันแบบนี้“ฉันจะไม่อ้อมค้อมละกันนะ ฉันไม่ใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออกว่าเด็กอย่างเธอต้องการอะไร ตอนแรกก็คงตั้งใจจะมาอ่อยฉัน ใช้ทางลัดเพื่อให้ตัวเองได้สบายไวๆ แต่พอฉันไม่สนใจก็เลยทอดสะพานหาไอ้หมอวิน ตอนแรก ฉันก็คิดว่าเธอกับหมอวินชอบกันจริงๆ แต่พอวันนี้มาเห็นว่าเธอเองยังไปหว่านเสน่ห์ให้กับคุณปริญ ฉันก็เข้าใจแล้วว่าจริงๆ เธอคงจะหาใครสักคนก็ได้ที่รวยพอจะทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้น”“ไม่ใช่นะคะ!” คนตัวเล็กรีบพูดแทรกขึ้นมาด้วยความรู้สึกโกรธจัด“อันที่จริง ไอ้เรื่องครอบครัวแสนเศร้าที่เธอเล่ามา ฉันว่าก็ถือเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้ชายอย่างหมอวินหรือคุณปริญสงสารได้อยู่นะ พวกนั้นน่าจะหลงเธอทั้งรูปร่าง หน้าตา แล้วก็สงสารชีวิตของเธอจนต้องอยากยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แต่ฉันก็ไม่แน่ใจนะว่า พวกนั้นจะให้เธออยู่ในฐานะอะไร” ธามไทพูดราวกับเป็นผู้ใหญ่ที่สอนเด็ก แต่ลึกๆ แล้วเขาอยากพูดให้เขมมิกาเจ็บปวดมากที่สุดต่างหาก“พอแล้วค่ะ เค้กไม่ออยากฟัง” เขมมิกาพูดแทรกขึ้นมา ใช่ว่าเธอทนฟังคำพูดแบบนั้นไม่ได้ แต่เธอแค่
บรรยากาศบนรถเงียบตลอดทางเสียจนเขมิกาอดเกร็งไม่ได้ ตั้งแต่ที่เดินทางออกจากโรงแรม ธามไทไม่มองหน้าและไม่พูดคุยอะไรกับเธอเลย จริงอยู่ว่า ปกติ คุณหมอหนุ่มจะพูดกับเธอน้อยมาก แต่ครั้งนี้ทั้งสีหน้า และแววตาของเขาทำให้คนตัวเล็กอดรู้สึกกลัวไม่ได้“คุณหมอโกรธอะไรเค้กหรือเปล่าคะ” หญิงสาวใช้ความกล้าทั้งหมดที่มีเอ่ยถามหมอหนุ่มทันที เธอไม่อยากมีเรื่องค้างคาใจอะไรทั้งนั้น“ไว้คุยที่โรงพยาบาล” ธามไทตอบเสียงนิ่งเรียบโดยที่ไม่ได้หันไปมองคนถามสักนิด เขาพยายามทำใจให้สงบลง แม้ว่ามันจะมีดีขึ้นเลยก็ตาม“เค้กทำอะไรผิดเหรอคะ หรือว่าหมอโกรธที่เค้กไปเสียมารยาทเดินชนคุณปริญ แต่เค้กไม่ได้ตั้งใจนะคะ” คนตัวเล็กรีบพูดขึ้นมาเมื่อคิดได้ว่านี่อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจ“ฉันบอกว่าเดี๋ยวค่อยคุยไง ไม่เข้าใจเหรอ!” คนถูกจี้ทนไม่ไหวหันไปตะคอกใส่เสียงดังจนเธอสะดุ้ง น้ำตาเอ่อคลอทันที“ขะ ขอโทษค่ะ”เขมมิกาพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ด้วยที่ไม่เคยถูกธามไทเสียงดังใส่ขนาดนี้มาก่อน แม้ในใจจะเกิดคำถามมากมายว่าตนเองผิดอะไร แต่เธอก็เลือกที่จะเงียบเพราะไม่อยากทำให้เขาโมโหมากกว่านี้ธามไทใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่โรงพยาบา