เขมมิกาเริ่มรู้สึกดีขึ้น อาจเป็นเพราะธามไทคุยด้วยเมื่อช่วงเช้าทำให้รู้ว่า ตอนนี้ เขาไม่ได้โกรธเธอเหมือนเมื่อวาน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันทำให้เห็นจริงๆ ว่าหมอหนุ่มมีอิทธิพลต่อจิตใจของเธอเป็นอย่างมาก หากเขาโกรธ หญิงสาวก็เศร้าได้ทั้งวันทั้งคืน และหากหายโกรธ เธอก็สามารถกลับมาสดใสร่าเริงราวกับกดสวิตซ์ได้
“อารมณ์ดีต่างเมื่อวานเลยน้า วันนี้สงสัยไม่โดนหมอธามดุละสิ” พิมอรเอ่ยถามนักศึกษาฝึกงานสาว หลังจากที่ตอนนี้เจ้าตัวอยู่ในใบหน้ายิ้มแย้มต่างจากเมื่อวานสิ้นดี
“เอ่อ ค่ะ วันนี้ หมอธามไม่ดุเค้กเลย” เขมมิกาตอบยิ้มๆ เธอไม่ได้โกหก แต่บอกไม่หมดต่างหาก สาเหตุที่ดีใจเพราะหมอหนุ่มไม่โกรธเธอแล้ว
“ดีแล้ว เห็นไหม พี่เคยบอกว่าแล้วว่า หมอธาม ถ้าบทจะดีก็คือดีเลย อีกอย่าง ถ้าหมอเริ่มพูดดีกับเรา แปลว่าเราทำงานดี เริ่มผ่านบททดสอบจากหมอแล้วด้วยนะ” ฝ่ายบุคคลสาวพูดอย่างให้กำลังใจ
“ถ้าเป็นอย่านั้นจริงๆ ก็ดีสิคะ เผื่อว่าเค้กจะได้มีโอกาสทำงานที่นี่บ้าง” แม่สาวน้อยหน้าหวานได้แต่หวังใจเล็กๆ ว่าธามไทจะนึกเอ็นดูเธอขึ้นมา แม้จะไม่ได้มอบตำแหน่งเลขาฯ ให้ แต่อาจให้ตำแหน่งอื่นๆ ในโรงพยาบาลนี้
“อะแฮ่มๆ เมื่อกี้ได้ยินแว่วๆ ว่าใครอยากทำงานที่นี่นะครับ” จังหวะนั้น มาวินก็เดินเข้ามาร่วมวงสนทนากับสองสาว ก่อนจะส่งยิ้มให้ทั้งคู่อย่างเป็นมิตร
“อ้าว หมอวินสวัสดีค่ะ”
พิมอรเอ่ยทักผู้มาใหม่ ในขณะที่เขมมิกาเองก็ก้มหัวเพื่อทำความเคารพชายหนุ่มน้อยๆ เธอเริ่มวางตัวไม่ถูก เพราะกลัวว่าหากธามไทรู้จะใส่ร้ายว่าตนเองจงใจอ่อยหมอมาวินอีก
“สวัสดีครับคุณพิมพ์ สวัสดีครับเค้ก เมื่อกี้ หมอได้ยินว่าเค้กอยากทำงานที่นี่เหรอ” มาวินเอ่ยถามคนตัวเล็กอย่างเป็นมิตร แม้จะพอสัมผัสได้ว่าธามไทดูหวงเด็กฝึกงานคนนี้เป็นพิเศษ แต่ตราบใดที่เขมมิกายังไม่มีเจ้าของ เขาก็มีสิทธิ์ที่จะเดินหน้าจีบหญิงสาวต่อไป
“ใช่ค่ะ แต่คงต้องรอฝึกงานเสร็จเลย” สาวน้อยยิ้มรับอย่างมีมารยาท
“ก็อีกไม่นานแล้วนี่ครับ ถ้าสนใจอยากสมัครบอกได้นะยังไงเดี๋ยวหมอช่วยเอง” มาวินพูดอย่างใจคิด แม้ว่าธามไทจะพูดว่าเขาไม่จำเป็นต้องมีเลขาฯ แต่เพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับเขมมิกา เขาก็พอที่จะช่วยหาตำแหน่งงานในโรงพยาบาลให้ได้
“ขอบคุณนะคะหมอวิน” เขมมิกาไม่อยากทำลายน้ำใจของใครจึงตอบรับน้ำใจของมาวินอย่างว่าง่าย
“แหม หมอวินนี่ใจดีกับน้องเค้กจังเลยนะคะ ปกติไม่เห็นสนใจเด็กฝึกงานที่ไหน นี่คิดอะไรกับน้องสาวพิมพ์หรือเปล่าเนี่ย” พิมอรได้โอกาสเอ่ยถามขึ้น เพราะเธอเองก็อยากจะให้หมอหนุ่มพูดออกมาให้ชัดเจนไปเสียเลย
“หมอว่าหมอก็ชัดเจนนะครับ”
มาวินตอบอย่างไม่ลังเล ก่อนจะยิ้มให้เขมมิกาอย่างสื่อความหมาย ในขณะที่เจ้าตัวได้แต่อ้าปากค้างด้วยอาการเหวอรับประทาน
“เอ่อ…” แล้วก็ถึงกับไปไม่เป็น แม้ว่าหมอมาวินจะพูดตรงเสียยิ่งกว่าอะไร แต่คนอย่างเธอไม่กล้าพอที่เอ่ยปากปฏิเสธเขาในทันที
“เดี๋ยวหมอไปทำงานต่อก่อนนะครับ ไว้คุยกันนะ”
เมื่อเห็นว่าเขมมิกายังคงอ้ำๆ อึ้งๆ มาวินจึงขอตัวเลี่ยงออกไปก่อนเพื่อให้หญิงสาวได้ตั้งสติ และพอคล้อยหลังมาวินเดินจากไปได้ไม่นาน พิมอรก็พูดขึ้นด้วยความถูกอกถูกใจ
“นั่นไง พี่ว่าแล้วว่าหมอมาวินต้องชอบเค้กแน่ๆ”
“ไม่หรอกมั้งคะ อาจเพราะเค้กเป็นเด็กฝึกงาน หมอวินก็เลยอยากจะแซวเล่น” หญิงสาวพยายามพูดเพื่อปลอบใจตัวเอง เพราะเธอไม่อยากให้ใครมาชอบเลยสักนิด ด้วยกลัวว่าเรื่องนี้จะรู้ถึงหูของธามไทเข้า
“ไม่หรอก หมอวินไม่เคยยุ่มย่ามกับเด็กฝึกงานคนไหนมาก่อน และค่อนข้างไว้ตัว กับเค้กนี่คนแรกเลยที่มาตีสนิทด้วย สงสัยจะรอให้เค้กเรียนจบแล้วค่อยเดินหน้าจีบแน่ๆ” สาวรุ่นพี่ทำท่าทางคิด และมั่นใจว่าคราวนี้หมอหนุ่มเอาจริงแน่นอน
“แต่เค้กไม่ได้คิดอะไรกับหมอวินเลยนะคะ” เขมมิกาพูดด้วยสีหน้ากังวล พลางคิดว่าหากหมอมาวินมาพูดแบบนั้นอีก เธอจะหาทางปฏิเสธออกไป
“ใจเย็นๆ เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลา หมอมาวินก็ไม่ได้แย่อะไรเลยนะ หรือว่า...อย่าบอกนะว่าเค้กมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”
คราวนี้ พิมอรเริ่มสงสัย และมองหน้าเขมมิกาอย่างจับผิด เธอกลัวเหลือเกินว่าสิ่งที่พร่ำบอกมาตลอดจะเกิดขึ้น
“ค่ะ เค้กมีคนที่เค้กชอบอยู่แล้ว” เขมมิการู้ดีว่าไม่อาจปิดบังพิมอรได้ และคิดว่าความรู้สึกที่ตนเองมีให้คุณหมอหนุ่มไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร เธอมีสิทธิ์ที่จะรัก เพราะความรักของเธอไมได้ทำร้ายใคร แต่ก็ไม่จำเป็นให้ธามไทต้องรู้ตัว
“อย่าบอกนะว่า….เฮ้อ! พี่เตือนแล้วนะเค้ก”
พิมอรถึงกับเหนื่อยใจขึ้นมาทันที เพราะไม่อยากให้เด็กฝึกงานแสนน่ารักต้องมาเจ็บปวดกับเรื่องหมอธามไท เพราะถึงอย่างไร หมอหนุ่มผู้เย็นชาก็ไม่คิดจะปักหลักกับใครจริงจัง
“พี่พิมพ์ไม่ต้องห่วงนะคะ เค้กดูแลใจตัวเองได้รับรองว่าไม่ให้เสียเรื่องงานแน่นอน” เจ้าของร่างบางยิ้มออกไปด้วยความมั่นใจ และรู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงเธอมาก
“เรื่องงานก็ส่วนหนึ่ง แต่หลักๆ คือพี่เป็นห่วงความรู้สึกเค้กนะ หมอธามไม่คิดจริงจังกับใคร อย่างมากก็แค่คบผ่านๆ แป๊บเดียวก็เลิก ถ้าเค้กคิดจริงจัง พี่ว่าอย่าเลยนะ เค้กน่ารัก นิสัยดี มีผู้ชายอีกมากที่พร้อมจะเป็นคนรักดีๆ และทำให้เค้กมีความสุข”
ฝ่ายบุคคลสาวพูดด้วยความเป็นห่วง หากเป็นหมอมาวินก็คงไม่ห้าม แต่พอเป็นหมอธามไทใจหินเข้าแล้ว เธอรู้ปลายทางดีว่าเขมมิกาจะต้องเศร้าเสียใจอย่างแน่นอน
“เค้กรู้ดีค่ะ และเค้กก็ไม่หวังอะไรจากหมอธามเลย แค่ทุกวันนี้ หมอธามให้โอกาสเค้ก มันก็มากพอแล้ว” พยายามบอกใจตัวเองอยู่ทุกวันว่าหมอหนุ่มไม่มีวันสนใจตนเอง แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อความรักที่เกิดขึ้น มันไม่สามารถลบล้างได้ด้วยเวลาเพียงไม่กี่วัน
“แล้วหมอธามรู้ไหมว่าเค้กคิดยังไงกับเขา” สาวรุ่นพี่เอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“คิดว่าไม่รู้นะคะ หมอธามรำคาญเค้กยิ่งกว่าอะไร ถ้ารู้คงไล่ตะเพิดไปไกลๆ แล้ว” เขมมิกาขำทั้งน้ำตาตกใน แม้ว่าวันนี้ ธามไทจะพูดดีด้วย แต่ลึกๆ ก็รู้ดีว่าเขาไม่ได้ชอบหน้าเธอเท่าไหร่นัก
“เฮ้อ...ยัยเค้กเอ๊ย หาเรื่องให้ตัวเองเสียใจแท้ๆ” พิมอรส่ายหน้าด้วยความสงสาร แต่เมื่อสาวน้อยคนสวยยืนยันว่าดูแลตัวเองได้ เธอก็ไม่อยากออกความเห็นอะไรอีกในเรื่องนี้
“ขอบคุณพี่พิมพ์นะคะที่เป็นห่วง และก็หวังดีกับเค้กมาตลอด”
คนตัวเล็กเอื้อมมือไปกุมมือสาวรุ่นพี่เพื่อขอบคุณ เธอดีใจที่อย่างน้อยการมาฝึกงานครั้งนี้ก็ได้เจอผู้ใหญ่ที่เมตตาเธอจากใจจริง“อื้ม มีอะไรก็คุยกับพี่ได้นะ ยังไง พี่ก็เป็นคนดูแลเราอยู่แล้ว”พิมอรตอบกลับด้วยความหวังดี สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างก็อยู่ที่เขมมิกาจะเลือก หากแม่สาวน้อยเลือกที่จะเดินบนเส้นทางแห่งความเสี่ยง ตัวเธอก็ไม่สามารถห้ามอะไรได้…เขมมิกากลับเข้าไปนั่งที่โต๊ะในช่วงบ่าย เธอสังเกตว่าธามไทกลับมาที่ห้องได้สักพักแล้ว และก็สั่งเอาไว้ว่าห้ามใครเข้าไปรบกวนเด็ดขาด แม้จะห่วงเขาที่ยังไม่ได้ทานอะไร แต่ก็ไม่อยากขัดคำสั่งชายหนุ่มจึงได้แต่นั่งทำงานเงียบๆ อยู่หน้าห้องติ๊ดๆ ๆ ๆ เขมมิกาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมามองเบอร์แปลกที่โทร.เข้ามา ก่อนจะกดรับสายทันที“สวัสดีค่ะ เค้กพูดค่ะ” เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหวานไพเราะ“สวัสดีครับคุณเค้ก ผมปริญนะ”ปลายสายตอบกลับมา และชื่อนั้นทำเอาเขมมิกาถึงกับนิ่งไปเช่นกัน เพราะคนในสายก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ธามไทโมโหใส่เธอ“เอ่อ ค่ะ คุณปริญ มีเบอร์เค้กได้ยังไงคะเนี่ย” เธอเอ่ยถามด้วยความงุนงง เพราะมั่นใจว่าไม่ได้ให้เบอร์ตนเองกับปริญไป“ก็ไม่เห็นจะหายากนี่ครับ ในเมื่อคุ
“แน่ใจนะว่าอยากฝึกงานเป็นเลขาฯ ศัลยแพทย์ท่านนี้จริงๆ” เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลอินทารามเอ่ยถามนักศึกษาสาวปีสี่ ที่ตอนนี้สวมชุดนักศึกษากระโปรงทรงเอสั้นเหนือเข่าเล็กน้อย เจ้าตัวยิ้ม พยักหน้าด้วยความมั่นใจ“แน่ใจค่ะ หนูอยากทำงานที่นี่” น้ำเสียงตอบกลับด้วยท่าทีกระตือรือร้น แววตาแสดงออกอย่างชัดเจนถึงความต้องการ‘เค้ก’ เขมมิกา รุ่งเรืองวงศ์ นักศึกษาสาวจากคณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาภาษาไทย ชั้นปีที่สี่ มองไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของโรงพยาบาลอย่างมั่นใจ หญิงสาวใช้ความพยายามกว่าหลายเดือนเพื่อให้ตัวเองได้เข้ามาเป็นเด็กฝึกงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้ และความพยายามนั้นก็ไม่ได้ทรยศเธอเลยสักนิด แถมสิ่งที่ได้ก็เกินความคาดหวังไปมาก เมื่อวันหนึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อกลับมาว่า ตอนนี้ทางโรงพยาบาลต้องการรับนักศึกษาฝึกงานตำแหน่งเลขาฯ ของศัลยแพทย์ใหญ่ และแน่นอนว่าเขมมิกาไม่มีทางปฏิเสธมันได้ลง เพราะ ‘เขา’ คือเหตุผลที่ทำให้เธออยากเข้ามาฝึกงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้“แต่คุณหมอท่านนี้ไม่ชอบให้ผู้หญิงอยู่ใกล้สักเท่าไร พี่เกรงว่าเขาจะไปขวางหูขวางตาคุณหมอเข้า” พนักงานฝ่ายบุคคลชื่อ ‘กมล’ พูดขึ้นอย่างลังเลใจใครก็รู้กิตติศัพท์คว
“พี่พิมพูดบ่อยจนเค้กเริ่มกลัวหมอธามแล้วนะคะ” เขมมิกาพูดยิ้มๆ จริงๆ แล้วเธอไม่ได้กลัวเขาเลยสักนิด อดคิดตื่นเต้นไม่ได้ว่าเขาจะจำเธอได้หรือไม่“กลัวไว้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่คิดเกินเลย เชื่อพี่ สนใจแค่งานพอจะได้ไม่มีปัญหาอะไร” พิมอรพูดด้วยท่าทีเมามันเสียจนเขมมิกาอดยิ้มไม่ได้“ถ้าอย่างนั้นพี่พิมมีอะไรจะเตือนเกี่ยวกับหมอธามให้เค้กรู้ก่อนไหมคะ เค้กจะได้ทำตัวดีๆ ไม่ให้หมอธามเพ่งเล็ง” หญิงสาวถามขึ้น เพราะเมื่อคิดไปคิดมาแล้ว หากหมอธามไทไม่ถูกชะตาเธอขึ้นมา ความพยายามทั้งหมดที่ได้ทำไปก็จะสูญเปล่าไปในทันที“ก็…อันดับแรก อย่าเล่นหูเล่นตากับหมอธามเด็ดขาด สงสัยหรือไม่รู้อะไรให้รีบถามทันที หมอธามไม่ใช่คนดุมากธรรมดาแต่ ถ้าพลาด หมอธามก็ให้โอกาสครั้งแรก แต่อย่าพลาดเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด แล้วก็อย่าเซ้าซี้เรื่องส่วนตัวด้วย หมอธามีโลกส่วนตัวสูงเหมือนเขาเอเวอร์เรส” พิมอรกล่าวเตือนสาวน้อยด้วยความหวังดี ที่ผ่านมาเลขาฯ หลายๆ คนพยายามที่จะเข้าถึงตัวหมอธามไท แต่สุดท้ายทุกคนก็ต้องลาออกไปด้วยความรู้สึกอดสู“เข้าใจแล้วค่ะ เค้กจะทำให้ดีที่สุด ไม่ให้เสียชื่อที่พี่พิมแนะนำเข้ามาเลย” เขมมิกาพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เธอไม่ใช่เด็
“ผมยังไม่รับเลขาฯ ตอนนี้” ธามไทพูดแทรกขึ้นมาทันที แม้จะรู้ว่าฝ่ายบุคคลหวังดี แต่เขาก็ไม่อยากมีเรื่องวุ่นวายตามมาทีหลัง“เอ่อ ไม่ใช่นะคะ” เขมมิกาพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอกลัวเหลือเกินว่าหมอหนุ่มจะไม่รับตนเองเข้าฝึกงาน และแน่นอนว่ามาถึงขนาดนี้แล้ว เธอจะไม่ยอมถอยแน่นอน“หืม?”ธามไทถึงกับเงยหน้าเพื่อมองต้นเสียงที่ไม่คุ้นเคย ก่อนจะสบตาเข้ากับนักศึกษาสาวที่มองมาด้วยแววตาสั่นระริก เขาจ้องมองเธอด้วยสายตานิ่งงันโดยที่ไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกไป เด็กสาวรีบก้มหลบตาเขาทันที แวบหนึ่งธามไทรู้สึกคุ้นเด็กสาวอย่างประหลาด แต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่าเคยเจอเธอที่ไหน“เอ่อ หมอธามคะ พิมไม่ได้จะหาเลขาฯ มาให้หมอค่ะ แต่น้องเค้กมาสมัครเป็นเด็กฝึกงาน แล้วก็จะมาช่วยเป็นเลขาฯ ให้หมอช่วงนี้ค่ะ” พิมอรค่อยๆ พูดทีละนิด ด้วยรู้ดีว่าความเย็นชาของหมอธามไทนั้นยากที่จะคาดเดาว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่“แล้วต่างจากเลขาฯ ตรงไหน กลับไปเถอะ” ธามไทพูดอย่างไม่ใส่ใจอะไร ต่อให้แม่สาวน้อยคนนี้จะเข้ามาในฐานะเด็กฝึกงาน แต่สุดท้ายก็ต้องทำงานใกล้กันอยู่ดี เขาเหนื่อยที่จะต้องมีปัญหาเกินพอ“แต่ว่าน้องเค้กเป็นเด็กดีนะคะ พิมมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหต
“พอดีว่าเมื่อตอนกลางวันเจอหมอมาวินเข้าน่ะค่ะ ท่าทางหมอจะถูกชะตากับน้องเค้ก พิมเลยคิดว่าอาจจะให้น้องเค้กไปเป็นเลขาฯ หมอวินน่าจะโอเค” ฝ่ายพิมอรพูดไปก็ก้มหน้าไป เพราะเดาใจหมอธามไทไม่ถูก“จะจับคู่ให้หมอกับเด็กฝึกงานหรือไง แน่ใจนะว่าจะเอาอย่างนั้น”คนเป็นเจ้าของห้องถามพร้อมกับลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปหาพิมอรและเขมมิกา ก่อนเอ่ยต่อ“ขอดูประวัติเด็กคนนี้หน่อย” พูดพร้อมกับยื่นมือไปขอเอกสารที่พิมอร แวบหนึ่งเขาเหลือบไปเห็นแววตาดีใจของเด็กสาว“นี่ค่ะหมอ” พิมอรรีบยื่นเอกสารให้คุณหมอหนุ่มทันที“เรียนดีนี่ มีแฟนหรือยัง”เจ้าของร่างสูงโปร่งอย่างคนสุขภาพดีเอ่ยถามเสียงนิ่ง หารู้ไม่ว่าคำถามของเขาเล่นเอาเด็กสาวเขินจนตอบแทบไม่ถูก“เอ่อ ไม่มีค่ะ” เขมมิกาตอบเสียงตะกุกตะกักด้วยไม่คิดว่าเขาจะถามเธอเรื่องนี้“งั้นก็รีบหาแฟนล่ะ จะได้ไม่ต้องมาชอบฉัน” ธามไทพูดนิ่งๆ อีกเช่นเคย ใครจะว่าหลงตัวเองก็ได้ แต่เขาพูดเรื่องจริง และไม่อยากวุ่นวายเรื่องชู้สาวอีก“เค้กไม่ได้อยากมีใครนี่คะ” เขมมิกาพูดสวนขึ้นทันที พิมอรต้องตีแขนเตือนเด็กดื้อเบาๆ“เดี๋ยวก็มี”คุณหมอหนุ่มเดินกลับไปนั่งที่เดิม พร้อมกับใช้ความคิดอีกครั้ง เด็กคนนี้ดูท่า
“เออดิ”“มีไรวะ อย่าบอกนะว่า…” เวทัสพูดอย่างรู้ทัน เพราะก่อนหน้านี้ธามไทเคยเอาเรื่องนี้มาปรึกษาบ้างแล้ว ตอนแรกเขาก็คิดว่าจะจบไปตั้งนาน กลายเป็นว่ายังไม่จบอีก“เมื่อตอนค่ำ คุณสุนทรนัดพบกูเรื่องงานเนี่ยแหละ แล้วก็เข้าเรื่องศศิอีก พูดจาเหมือนอยากให้กูเอาลูกเขาเป็นเมีย ละกูแม่งก็ไม่ใช่คนฝืนอะไรได้ด้วย กูเลยปฏิเสธไปตรงๆ เลย ว่าไม่อยากได้ลูกเขาเป็นเมีย” ธามไทพูดอย่างหัวเสีย สุนทรพยายามจะยัดเยียดลูกสาวให้อย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าเขาจะไม่ได้นึกรังเกียจศศิ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ชอบศศิแบบนั้นเช่นกัน“แล้วมึงเป็นอะไร คุณศศิไม่ดีตรงไหน สวยก็สวย มึงจะโสดตลอดไปไม่ได้นะไอ้ธาม สักวัน มึงก็ต้องมีเมีย กูว่าคุณศศิก็เหมาะกับมึงดี” เวทัสนึกภาพศศิที่ยืนคู่กับธามไทเมื่อมีงานสำคัญของโรงพยาบาล และเคยแอบคิดเสมอว่าเพื่อนรักเหมาะสมกับผู้หญิงคนนี้ยิ่งกว่าอะไร แต่จนแล้วจนรอด ธามไทก็ยังหวงความโสดของตนเอง“กูเคยบอกมึงแล้วไงว่ากูไม่อยากแต่งงาน ชีวิตกูตอนนี้ แค่เรื่องงานก็แทบไม่มีเวลาทำอะไรแล้ว จะเอาเวลาที่ไหนมาดูแลเมีย” ธามไทพูดอย่างใจคิดจริงๆ เพราะไม่เคยนึกถึงตัวเองยามที่มีคนรักมาก่อน เขากลัวว่าจะทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอ ที
เขมมิกาถามอย่างไม่เข้าใจสายตาดุของเขา ทั้งที่เธอถามด้วยความเป็นห่วงแท้ๆ แต่กลับถูกมองราวกับทำอะไรผิดมา“ไม่ผิด แต่ไม่ใช่เรื่องของเธอ หน้าที่คืออะไรก็ทำไป” ธามไทพูดนิ่งๆ แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกทิ่มแทงกลางใจสาว เขาช่างมีพรสวรรค์ทำให้คนอื่นรู้สึกแย่เสียจริง“ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้น เค้กขอตัวไปทำหน้าที่ของเค้กก่อนนะคะ”เขมมิกาเอ่ยพลางมองไปยังหมอธามไทที่ตอนนี้เอาแต่จ้องเอกสารทำราวกับว่าเธอไม่มีตัวตนอยู่ในห้องนี้อีกแล้ว เมื่อเห็นอย่างนั้น หญิงสาวจึงไม่รอช้ารีบเดินออกจากห้องทำงานของเขาไปทันทีก๊อกๆเจ้าของร่างสูงโปร่งเงยหน้ามองไปยังประตู เขาพอจะเดาออกว่าเป็นใคร ชายหนุ่มมองนาฬิกาข้อมือก็พบว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาประชุมด้วยซ้ำ แต่ทำไมเขมมิกาถึงได้มาตามเขาแล้ว“เข้ามา”คุณหมอหนุ่มเอ่ยอนุญาตเสียงเข้ม ไม่นานร่างเล็กก็เดินเข้ามาพร้อมกับน้ำส้มคั้นในมือ เธอเอามาวางที่โต๊ะให้เขาพร้อมกับส่งยิ้มหวาน“อะไร” ธามไทมองหน้าสาวสวยหน้าใสสลับกับแก้วน้ำส้ม เพราะเขาจำได้ว่าไม่ได้สั่งให้เธอเอามาให้“น้ำส้มไงคะ” เขมมิกาพูดอย่างหน้าตาเฉย ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้หมอหนุ่มอีกครั้ง“ฉันรู้ แต่ฉันไม่ได้สั่ง เอามาทำไม” น้ำเสียงเจ
เขมมิกาจ้องมองหญิงสาวร่างสูงโปร่ง อยู่ในสุดเดรสรัดรูปสีครีมเข้ากับผิวขาวอมชมพู ก็อดชื่นชมในความสวยและเด่นของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ แม้เธอจะคะแนนติดลบเรื่องมารยาทก็ตามที“ศศิ”จบคำนั้น ธามไทก็นิ่งไปทันที และหากเขมมิกาไม่ได้ตาฝาดไป เธอแอบเห็นว่าชายหนุ่มลอบถอนหายใจหลังเห็นว่าผู้หญิงที่มาใหม่เป็นคนชื่อศศิ“ไงคะ ทำอะไรอยู่เหรอ”ศศิไม่พูดเปล่า แต่กลับเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงกันข้ามของหมอหนุ่มอย่างสนิทสนม เขมมิกามองภาพนั้นอย่างอึ้งๆ เพราะไม่คิดว่าจะมีใครกล้าเสียมารยาทกับหมอธามไทแบบนี้“ทำงานสิ คุณคิดว่าผมจะทำอะไรล่ะ”คุณหมอหนุ่มเองก็ไม่ชอบพฤติกรรมของศศิเท่าไรนัก แต่ถ้าคิดอีกมุมหนึ่ง อีกฝ่ายคงคิดว่าเขากับเธอสนิทกันเสียจนไม่ต้องเกรงใจอะไร“แล้วไม่ไปทานข้าวเหรอคะ” ศศิเอ่ยถามขึ้นก่อนที่จะคิดขึ้นได้ว่า ในห้องนี้ไม่ได้มีแค่ตนเองกับธามไทอยู่กันสองคนเท่านั้น จึงรีบหันไปมองนักศึกษาสาวที่ยืนนิ่งอยู่ทันที“ศิลืมไปว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียว ว่าแต่เด็กนี่ใครเหรอคะ?” ศศิมองเขมมิกาหัวจดเท้า สัญชาตญาณบางอย่างบอกเธอว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ธรรมดา และด้วยรูปร่าง และหน้าตาที่จัดว่าดีมากทำให้อดกังวลไม่ได้“อ้อ นั่นเค้ก เด็กฝึ
คนตัวเล็กเอื้อมมือไปกุมมือสาวรุ่นพี่เพื่อขอบคุณ เธอดีใจที่อย่างน้อยการมาฝึกงานครั้งนี้ก็ได้เจอผู้ใหญ่ที่เมตตาเธอจากใจจริง“อื้ม มีอะไรก็คุยกับพี่ได้นะ ยังไง พี่ก็เป็นคนดูแลเราอยู่แล้ว”พิมอรตอบกลับด้วยความหวังดี สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างก็อยู่ที่เขมมิกาจะเลือก หากแม่สาวน้อยเลือกที่จะเดินบนเส้นทางแห่งความเสี่ยง ตัวเธอก็ไม่สามารถห้ามอะไรได้…เขมมิกากลับเข้าไปนั่งที่โต๊ะในช่วงบ่าย เธอสังเกตว่าธามไทกลับมาที่ห้องได้สักพักแล้ว และก็สั่งเอาไว้ว่าห้ามใครเข้าไปรบกวนเด็ดขาด แม้จะห่วงเขาที่ยังไม่ได้ทานอะไร แต่ก็ไม่อยากขัดคำสั่งชายหนุ่มจึงได้แต่นั่งทำงานเงียบๆ อยู่หน้าห้องติ๊ดๆ ๆ ๆ เขมมิกาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมามองเบอร์แปลกที่โทร.เข้ามา ก่อนจะกดรับสายทันที“สวัสดีค่ะ เค้กพูดค่ะ” เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหวานไพเราะ“สวัสดีครับคุณเค้ก ผมปริญนะ”ปลายสายตอบกลับมา และชื่อนั้นทำเอาเขมมิกาถึงกับนิ่งไปเช่นกัน เพราะคนในสายก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ธามไทโมโหใส่เธอ“เอ่อ ค่ะ คุณปริญ มีเบอร์เค้กได้ยังไงคะเนี่ย” เธอเอ่ยถามด้วยความงุนงง เพราะมั่นใจว่าไม่ได้ให้เบอร์ตนเองกับปริญไป“ก็ไม่เห็นจะหายากนี่ครับ ในเมื่อคุ
เขมมิกาเริ่มรู้สึกดีขึ้น อาจเป็นเพราะธามไทคุยด้วยเมื่อช่วงเช้าทำให้รู้ว่า ตอนนี้ เขาไม่ได้โกรธเธอเหมือนเมื่อวาน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันทำให้เห็นจริงๆ ว่าหมอหนุ่มมีอิทธิพลต่อจิตใจของเธอเป็นอย่างมาก หากเขาโกรธ หญิงสาวก็เศร้าได้ทั้งวันทั้งคืน และหากหายโกรธ เธอก็สามารถกลับมาสดใสร่าเริงราวกับกดสวิตซ์ได้“อารมณ์ดีต่างเมื่อวานเลยน้า วันนี้สงสัยไม่โดนหมอธามดุละสิ” พิมอรเอ่ยถามนักศึกษาฝึกงานสาว หลังจากที่ตอนนี้เจ้าตัวอยู่ในใบหน้ายิ้มแย้มต่างจากเมื่อวานสิ้นดี“เอ่อ ค่ะ วันนี้ หมอธามไม่ดุเค้กเลย” เขมมิกาตอบยิ้มๆ เธอไม่ได้โกหก แต่บอกไม่หมดต่างหาก สาเหตุที่ดีใจเพราะหมอหนุ่มไม่โกรธเธอแล้ว“ดีแล้ว เห็นไหม พี่เคยบอกว่าแล้วว่า หมอธาม ถ้าบทจะดีก็คือดีเลย อีกอย่าง ถ้าหมอเริ่มพูดดีกับเรา แปลว่าเราทำงานดี เริ่มผ่านบททดสอบจากหมอแล้วด้วยนะ” ฝ่ายบุคคลสาวพูดอย่างให้กำลังใจ“ถ้าเป็นอย่านั้นจริงๆ ก็ดีสิคะ เผื่อว่าเค้กจะได้มีโอกาสทำงานที่นี่บ้าง” แม่สาวน้อยหน้าหวานได้แต่หวังใจเล็กๆ ว่าธามไทจะนึกเอ็นดูเธอขึ้นมา แม้จะไม่ได้มอบตำแหน่งเลขาฯ ให้ แต่อาจให้ตำแหน่งอื่นๆ ในโรงพยาบาลนี้“อะแฮ่มๆ เมื่อกี้ได้ยินแว่ว
เธอไม่ได้อยากทำตัวเป็นเด็กสาวโรคจิตที่เฝ้ามองผู้ชาย แต่เป็นเด็กสาวคนหนึ่งที่มีความรักอย่างบริสุทธิ์ เพียงแค่อยากอยู่ใกล้คนที่รักโดยที่ไม่หวังอะไร และหากเขายังจำเธอได้ เขมมิกาก็ยินดีที่จะทำงานเพื่อชดใช้เงินทั้งหมดที่คุณหมอหนุ่มจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลให้พ่อ“ทำไมคุณถึงเป็นไปได้ขนาดนี้นะ”เขมมิกาดึงตัวเองกลับมาที่ปัจจุบัน คิดแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คุณหมอที่แสนอบอุ่นในวันนั้นจะกลายเป็นหมอที่ใจร้าย แถมสาดถ้อยคำแสนเจ็บปวดใส่ตนเองได้ขนาดนี้ แต่ที่แปลกคือ ทำไมเธอถึงยังทำใจเกลียดเขาไม่ลง…วันต่อมา เขมมิกาไปทำงานสาย เพราะเมื่อคืนเอาแต่ร้องไห้เสียจนนอนหลับไปไม่รู้เรื่อง ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าสายแล้ว หญิงสาวรีบวิ่งมาที่โต๊ะทำงานด้วยสภาพที่ผมยังเปียกอยู่“เฮ้อ หมอธามมาหรือยังเนี่ย” พูดกับตัวเอง ก่อนจะแอบมองไปที่ประตูห้องของหมอหนุ่ม ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ เธอคงจะเดินไปเคาะประตูแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เมื่อวาน หญิงสาวจึงเลือกที่จะนั่งอยู่เฉยๆ แทน“ทำไมวันนี้มาสายล่ะเค้ก” พิมอรเดินเข้ามาหาเขมมิกาด้วยสีหน้าเครียดจัด“ขอโทษค่ะพี่พิม พอดีเมื่อคืน เค้กนอนไม่ค่อยหลับก็เลย…” แล้วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ด้ว
เด็กสาวร้องไห้ออกมา เธอไม่สามารถรับความจริงได้ เมื่อเช้า พ่อยังคุยดีๆ กับเธออยู่เลย ทำไมตกเย็นถึงได้จากกันไปเช่นนี้“ลองติดต่อญาติผู้ใหญ่ดูนะครับ หมอขอตัวก่อนนะครับ” แวบเดียวเท่านั้นที่เด็กสาวเห็นสายตาสั่นระริกของคนเป็นหมอ ก่อนที่สายตาของเขาจะนิ่งเรียบอีกครั้ง“ฮึก พ่อ”เขมมิกาไม่รอช้ารีบวิ่งไปหาร่างไร้วิญญาณของผู้เป็นพ่อที่ตอนนี้ถูกเข็นออกจากห้องผ่าตัด นาทีนี้ หัวใจดวงน้อยทั้งดวงแตกสลายเสียจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ เด็กสาวปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาอย่างไม่คิดจะห้ามมัน พ่อเป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างและเป็นแรงบันดาลใจให้เธอทำสิ่งต่างๆ มาวันนี้ไม่มีพ่อ เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่อย่างไรต่อไป...ผ่านไปเกือบสัปดาห์ เขมมิกาจัดแจงเรื่องงานศพของผู้เป็นพ่ออย่างโดดเดี่ยว โชคดีที่ท่านทำประกันชีวิตเอาไว้ก่อนที่จะตรวจพบว่าเป็นโรคหัวใจ ทำให้ตอนนี้ เธอพอมีเงินติดตัวอยู่บ้างและสามารถนำมาจัดงานศพเล็กๆ ให้ผู้เป็นพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งในงานจะมีแขกไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนที่ทำงานของพ่อและเพื่อนๆ รวมถึงครูที่โรงเรียนของเธอไม่กี่คนเท่านั้นวันนี้ เขมมิกาเริ่มตั้งสติกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้แล้ว แม้ว่าจะยังคงเศร้าเสีย
เขมมิกาเก็บของอย่างว่าง่าย พร้อมกับลาฝ่ายบุคคลสาวกลับบ้านทันที และเธอเองก็ไม่อยากอยู่รอจนได้เจอกับธามไทอีก เพราะตอนนี้ หัวใจไม่เข้มแข็งพอที่จะเห็นหน้าของเขาหญิงสาวกลับมาถึงห้องเช่าในเวลาเกือบสองทุ่ม ตอนแรกตั้งใจว่าจะซื้อกับข้าวกลับมากินต่อ แต่เมื่อมองดูอาหารแต่ละอย่างที่ตลาดแล้ว เขมมิกากลับรู้สึกพะอืดพะอม จนสุดท้ายไม่ได้ซื้ออะไรติดมือกลับห้องมา เธอรู้ดีว่ามันคงเป็นเพราะความเครียดที่สั่งสมมาตลอดทั้งวันทำให้กินอะไรไม่ลงเขมมิกาเอื้อมไปหยิบรูปคู่กับพ่อบนเตียงนอน แล้วมองภาพนั้นด้วยความคิดถึงผู้เป็นพ่ออย่างสุดหัวใจ ก่อนที่น้ำตาจะไหลรินและร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น วันนี้ เธอรู้สึกอ่อนแอเหลือเกิน จนไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปหาใคร ไม่รู้ว่าใครจะรับฟังทุกเรื่องได้เหมือนกับที่พ่อรับฟัง และใครจะรักเธอเหมือนที่พ่อรักเธอได้บ้าง“เค้กคิดถึงพ่อ ฮึก”คนตัวเล็กปล่อยโฮออกมา ก่อนที่จะนึกถึงใบหน้าของชายหนุ่มต้นเหตุที่ทำให้เธอซึมเศร้ามาตลอดทั้งวัน ทำไมเขาถึงใจร้ายแตกต่างจากเมื่อห้าปีที่แล้วนัก…ห้าปีที่แล้วเขมมิกาในวัยมัธยมศึกษาปีที่ห้ากลับมาที่บ้านเช่าของตนเองหลังจากเรียนหนังสือเสร็จ วันนี้ เธอกลับมาพร้อมข่า
“โห ปากมึงนี่นะ กูแค่ผ่านมาก็เลยแวะมาหา เห็นมึงหายเงียบไปหลายวัน เคลียร์เรื่องคุณศศิแล้วเหรอวะ” เวทัสเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“ยัง เดี๋ยวกูจะจัดการเร็วๆ นี้แหละ เบื่อเหมือนกัน” เมื่อพูดถึงศศิ ธามไทก็รู้สึกหนักใจขึ้นมา เขาต้องรีบบอกความรู้สึกของตัวเองให้หญิงสาวรู้โดยเร็ว แม้ที่ผ่านมา ตนเองจะชัดเจนมาตลอดว่าไม่ได้ชอบอีกฝ่ายก็ตาม“ก็ดี จะได้จีบน้องเค้กได้เต็มที่” เวทัสไม่วายแซวเพื่อนอีกครั้ง และก็ถูกมองกลับมาตาจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่องทันที“มึงไม่ต้องพูดละ งานปาร์ตีประจำปีของโรงพยาบาลกู มึงจะมาปะ เชิญคุณข้าวฟ่างมาด้วยนะ” ธามไทพูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าต้องเชิญเพื่อนรักเพื่อนร้ายของตนเองไปงานด้วย“จัดที่โรงแรมไหนวะ?” คนมาเยือนเอ่ยถามขึ้นก่อนจะจิบน้ำที่เขมมิกาเอามาเสิร์ฟให้“เดอะริเวอร์”“อะไรนะ! โรงแรมไอ้ปริญอะนะ?” สิ้นคำตอบ เวทัสก็เอ่ยถามกลับด้วยความตกใจทันที“เออ มึงรู้จักเขาด้วยเหรอวะ” ธามไทมองหน้าเพื่อนด้วยความอยากรู้อยากเห็น“ทีงี้อยากรู้ขึ้นมาเลยนะ ไอ้ปริญมันเคยจีบเมียกู แต่เอาจริงๆ มันก็นิสัยใช้ได้ มันกำลังจีบคุณเค้กอยู่งั้นดิ ถ้ามึงไม่ชอบเด็กมันก็ไม่ต้องไปขัดขวางไอ้ปริญหรอก เพราะไอ้นี
“มึงอย่าเสือกเลย” ธามไทเลือกที่จะปฏิเสธด้วยที่ไม่อยากให้เรื่องของเขมมิกามารบกวนจิตใจอีก เพราะตอนนี้ เขาก็ห่วงที่เห็นเธอร้องไห้ออกไปจนแทบคลั่งแล้ว“กูอยากเสือก ทีตอนนั้น มึงยังเสือกเรื่องของกูเลย” เวทัสเอ่ยถามปนขำที่เห็นว่าท่าทีของเพื่อนรักคงไม่ต่างจากตนเองเมื่อก่อนนัก“ตอนนั้น มึงปรึกษาเรื่องผู้หญิงที่มึงชอบ แต่นี่มันเรื่องของเด็กฝึกงาน กูไม่อยากเอามาใส่ใจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ” ธามไทพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับต้องการจะย้ำเตือนตัวเองเหมือนกันว่า เขมมิกาเป็นเพียงแค่เด็กฝึกงานก็เท่านั้น!“โอเค เด็กฝึกงานก็เด็กฝึกงาน ว่าแต่น้องเขาชื่ออะไรวะ นี่ถ้าไม่มีข้าวฟ่าง กูจีบแล้ว ขนาดร้องไห้ยังน่ารักเป็นบ้า” เวทัสทำท่าทางนึกถึงใบหน้าของหญิงสาวเมื่อครู่นี้ จนธามไทจ้องมองตาเขม็ง“กูพูดเล่นคร้าบบบ แหม่นี่ขนาดแค่เด็กฝึกงานนะ” พูดด้วยความหมั่นไส้เพื่อนที่ไม่รู้จักความรู้สึกตัวเอง เขามั่นใจว่าผู้หญิงเมื่อกี้ต้องไม่ใช่เด็กฝึกงานธรรมดาอย่างแน่นอนก๊อกๆ ๆ ๆ ประตูห้องถูกเปิดมาพร้อมกับเขมมิกาที่เดินถือแก้วน้ำเข้ามาสองแก้วเพื่อต้อนรับแขกของหมอธามไท หญิงสาวเดินเข้ามาโดยที่ไม่ได้มองหน้าเขาแต่อย่างใด ด้วยก
“หมอเข้าใจว่าเค้กต้องการอะไรคะ” เมื่อทนไม่ไหวจึงเอ่ยถามออกไปตามตรง เธอคิดว่าเขาคงเข้าใจอะไรตนเองผิดไปแน่ถึงได้ออกปากไล่กันแบบนี้“ฉันจะไม่อ้อมค้อมละกันนะ ฉันไม่ใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออกว่าเด็กอย่างเธอต้องการอะไร ตอนแรกก็คงตั้งใจจะมาอ่อยฉัน ใช้ทางลัดเพื่อให้ตัวเองได้สบายไวๆ แต่พอฉันไม่สนใจก็เลยทอดสะพานหาไอ้หมอวิน ตอนแรก ฉันก็คิดว่าเธอกับหมอวินชอบกันจริงๆ แต่พอวันนี้มาเห็นว่าเธอเองยังไปหว่านเสน่ห์ให้กับคุณปริญ ฉันก็เข้าใจแล้วว่าจริงๆ เธอคงจะหาใครสักคนก็ได้ที่รวยพอจะทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้น”“ไม่ใช่นะคะ!” คนตัวเล็กรีบพูดแทรกขึ้นมาด้วยความรู้สึกโกรธจัด“อันที่จริง ไอ้เรื่องครอบครัวแสนเศร้าที่เธอเล่ามา ฉันว่าก็ถือเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้ชายอย่างหมอวินหรือคุณปริญสงสารได้อยู่นะ พวกนั้นน่าจะหลงเธอทั้งรูปร่าง หน้าตา แล้วก็สงสารชีวิตของเธอจนต้องอยากยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แต่ฉันก็ไม่แน่ใจนะว่า พวกนั้นจะให้เธออยู่ในฐานะอะไร” ธามไทพูดราวกับเป็นผู้ใหญ่ที่สอนเด็ก แต่ลึกๆ แล้วเขาอยากพูดให้เขมมิกาเจ็บปวดมากที่สุดต่างหาก“พอแล้วค่ะ เค้กไม่ออยากฟัง” เขมมิกาพูดแทรกขึ้นมา ใช่ว่าเธอทนฟังคำพูดแบบนั้นไม่ได้ แต่เธอแค่
บรรยากาศบนรถเงียบตลอดทางเสียจนเขมิกาอดเกร็งไม่ได้ ตั้งแต่ที่เดินทางออกจากโรงแรม ธามไทไม่มองหน้าและไม่พูดคุยอะไรกับเธอเลย จริงอยู่ว่า ปกติ คุณหมอหนุ่มจะพูดกับเธอน้อยมาก แต่ครั้งนี้ทั้งสีหน้า และแววตาของเขาทำให้คนตัวเล็กอดรู้สึกกลัวไม่ได้“คุณหมอโกรธอะไรเค้กหรือเปล่าคะ” หญิงสาวใช้ความกล้าทั้งหมดที่มีเอ่ยถามหมอหนุ่มทันที เธอไม่อยากมีเรื่องค้างคาใจอะไรทั้งนั้น“ไว้คุยที่โรงพยาบาล” ธามไทตอบเสียงนิ่งเรียบโดยที่ไม่ได้หันไปมองคนถามสักนิด เขาพยายามทำใจให้สงบลง แม้ว่ามันจะมีดีขึ้นเลยก็ตาม“เค้กทำอะไรผิดเหรอคะ หรือว่าหมอโกรธที่เค้กไปเสียมารยาทเดินชนคุณปริญ แต่เค้กไม่ได้ตั้งใจนะคะ” คนตัวเล็กรีบพูดขึ้นมาเมื่อคิดได้ว่านี่อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจ“ฉันบอกว่าเดี๋ยวค่อยคุยไง ไม่เข้าใจเหรอ!” คนถูกจี้ทนไม่ไหวหันไปตะคอกใส่เสียงดังจนเธอสะดุ้ง น้ำตาเอ่อคลอทันที“ขะ ขอโทษค่ะ”เขมมิกาพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ด้วยที่ไม่เคยถูกธามไทเสียงดังใส่ขนาดนี้มาก่อน แม้ในใจจะเกิดคำถามมากมายว่าตนเองผิดอะไร แต่เธอก็เลือกที่จะเงียบเพราะไม่อยากทำให้เขาโมโหมากกว่านี้ธามไทใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่โรงพยาบา