บรรยากาศบนรถเงียบตลอดทางเสียจนเขมิกาอดเกร็งไม่ได้ ตั้งแต่ที่เดินทางออกจากโรงแรม ธามไทไม่มองหน้าและไม่พูดคุยอะไรกับเธอเลย จริงอยู่ว่า ปกติ คุณหมอหนุ่มจะพูดกับเธอน้อยมาก แต่ครั้งนี้ทั้งสีหน้า และแววตาของเขาทำให้คนตัวเล็กอดรู้สึกกลัวไม่ได้
“คุณหมอโกรธอะไรเค้กหรือเปล่าคะ” หญิงสาวใช้ความกล้าทั้งหมดที่มีเอ่ยถามหมอหนุ่มทันที เธอไม่อยากมีเรื่องค้างคาใจอะไรทั้งนั้น
“ไว้คุยที่โรงพยาบาล” ธามไทตอบเสียงนิ่งเรียบโดยที่ไม่ได้หันไปมองคนถามสักนิด เขาพยายามทำใจให้สงบลง แม้ว่ามันจะมีดีขึ้นเลยก็ตาม
“เค้กทำอะไรผิดเหรอคะ หรือว่าหมอโกรธที่เค้กไปเสียมารยาทเดินชนคุณปริญ แต่เค้กไม่ได้ตั้งใจนะคะ” คนตัวเล็กรีบพูดขึ้นมาเมื่อคิดได้ว่านี่อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจ
“ฉันบอกว่าเดี๋ยวค่อยคุยไง ไม่เข้าใจเหรอ!” คนถูกจี้ทนไม่ไหวหันไปตะคอกใส่เสียงดังจนเธอสะดุ้ง น้ำตาเอ่อคลอทันที
“ขะ ขอโทษค่ะ”
เขมมิกาพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ด้วยที่ไม่เคยถูกธามไทเสียงดังใส่ขนาดนี้มาก่อน แม้ในใจจะเกิดคำถามมากมายว่าตนเองผิดอะไร แต่เธอก็เลือกที่จะเงียบเพราะไม่อยากทำให้เขาโมโหมากกว่านี้
ธามไทใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่โรงพยาบาล ปกติ เขาไม่ใช่คนขบรถเร็ว แต่ด้วยอารมณ์ที่ครุกรุ่นทำให้ไประบายกับการขับรถ และแน่นอนว่าเรื่องนี้เกิดจากหญิงสาวที่นั่งข้างกายแน่นอน
“เดี๋ยวเข้าไปคุยกับฉันในห้อง” เขาเหลือบมองเขมมิกาด้วยสายตาเย็นชา โดยที่เด็กสาวได้แต่พยักหน้าเบาๆ พร้อมกับเดินตามเข้าไปในห้อง
“นั่งลง”
ธามไทพูดพร้อมกับไปนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเขมมิกา และคิดว่าคงถึงเวลาแล้วที่จะต้องอบรมสั่งสอนเด็กฝึกงานในการดูแลของเขาเสียหน่อย
“คุณหมอมีอะไรเหรอคะ” คนตัวเล็กถามขณะที่ยังไม่ยอมเงยหน้ามองหมอหนุ่ม กลัวที่จะถูกเขาต่อว่าหรือเสียงดังแบบเมื่อกี้อีก
“เงยหน้ามองฉัน ไม่เคยมีใครสั่งสอนหรือไงว่า คุยกับผู้ใหญ่ต้องสบตา” ธามไทรู้สึกหงุดหงิดที่เจ้าหล่อนเอาแต่ก้มหน้าราวกับไม่อยากฟังในสิ่งที่เขาพูด
“ค่ะ” หญิงสาวยอมเงยหน้ามองหมอหนุ่มตามที่เขาสั่ง แม้ในใจจะทั้งรู้สึกกลัวและน้อยใจที่เขาเอาแต่เอ็ดดุเธอก็ตามที
“รู้ไหมว่าตัวเองทำอะไรผิด” เจ้าของร่างสูงเอ่ยถามราวกับผู้ใหญ่กำลังดุเด็ก
“รู้ค่ะ เค้กขอโทษค่ะที่ไม่ทันระวัง ทำให้คุณหมอต้องขายขี้หน้า ครั้งหน้า เด้กจะระวังมากกว่านี้ค่ะ” เขมมิกายอมรับผิดแต่โดยดี ใช่ว่าเธอจะอยากซุ่มซ่ามเสียเมื่อไหร่
“นั่นก็เรื่องหนึ่ง เธอควรจะระมัดระวังมากกว่านี้ การเป็นคนซุ่มซ่าม มันไม่ได้น่ารักหรอกนะ” คุณหมอหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา แม้คนอื่นจะมองว่าการที่หญิงสาวทำตัวซุ่มซ่ามเป็นเรื่องน่าเอ็นดู แต่สำหรับเขา มันเป็นเรื่องน่ารำคาญใจที่สุด!
“ค่ะ คุณหมอ” เขมมิกาได้แต่ก้มหน้ารับผิดเพราะรู้ดีว่า ตนเองไม่เคยมีความน่ารักในสายตาธามไท เพราะเขาแสดงออกชัดเจนตลอดว่ารำคาญเธอ
“แล้วก็อีกเรื่อง ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า เรื่องครอบครัวแสนเศร้าที่เธอเล่าให้ฉันฟัง เป็นเพียงการเรียกคะแนนสงสารหรือเปล่า” พูดพร้อมกับจ้องหน้าของหญิงสาว
“คุณหมอหมายความว่าไงคะ” เขมมิกามองหน้าชายหนุ่มอย่างหาคำตอบ ‘เรื่องครอบครัวแสนเศร้า’ อย่างนั้นหรือ…?
“ก็จากที่ฉันเห็นพฤติกรรมเธอตั้งแต่วันแรกที่มาทำงานจนถึงวันนี้ ดูเหมือนว่าเป้าประสงค์ที่มาทำงานที่นี่คงไม่ใช่การหาเงินมาเลี้ยงตัวเองแล้วมั้ง”
พุดจบก็แค่นเสียงหัวเราะออกมาอย่างนึกดูถูก ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อว่าเขมมิกาลำบาก แต่แค่กำลังคิดว่าเธอคงไม่ได้อยากทำงานที่นี่เพื่อหวังมีอนาคตที่ดี แต่เธออยากทำงานที่นี่เพื่อเป็นสะพานทอดไปหาผู้ชายรวยๆ เพื่อชุบตัวต่างหาก!
“ไม่ว่าคุณหมอจะคิดยังไงก็แล้วแต่ แต่เค้กยืนยันค่ะว่า เค้กมาทำงานที่นี่ก็เพื่ออนาคตของตัวเองแล้วก็เพื่อ…” หญิงสาวรีบกลืนคำพูดของตัวเองลงคอทันที จะให้พูดออกไปได้อย่างไรว่าการที่เธอพยายามยื่นฝึกงานที่นี่หลายต่อหลายครั้งก็เพื่ออยากใกล้ชิดกับเขา
“เพื่อ…อะไร” ธามไทยังคงคาดคั้นหญิงสาวต่อ ดีเหมือนกัน เขาก็อยากฟังเขมมิกาพูดออกมาตรงๆ จะได้ชัดเจนไปเลยว่าไม่ควรเก็บผู้หญิงแบบนี้เอาไว้ให้รกหูรกตา
“เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองสามารถเป็นพนักงานที่ดีได้ค่ะ” คนตัวเล็กตอบอย่างขอไปที และรู้ดีว่าคำตอบของเธอฟังดูไร้สาระสิ้นดี
“หึ ถ้าเธอตอบมาตามตรง ฉันอาจจะช่วยสงเคราะห์ก็ได้นะ”
ธามไทพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกหญิงสาวอีกครั้ง ปกติ เขาไม่ใช่คนที่จะพูดจาแบบนี้กับผู้หญิง แต่แม่เด็กตัวแสบทำให้หมั่นไส้เสียจนอดไม่ได้
“หมอธามไม่ต้องทำอะไรหรอกค่ะ แค่ทุกวันนี้ก็ถือว่าหมอเมตตาเค้กมากแล้ว” เขมมิกาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า เธอไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้มีกิริยาเช่นนี้กับเธอ
“ยังกรุณาไม่พอ ฉันให้เธอเลือกละกันว่าอยากจะทำงานกับฉันต่อหรือว่าอยากไปเป็นเลขาฯ ไอ้หมอวิน เอ๊ะ! หรือว่าอยากลองไปสมัครฝึกงานที่โรงแรมริเวอร์ไหม ดูท่าทางคุณปริญน่าจะสนใจเธออยู่” คุณหมอหนุ่มพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบเสียจนคนฟังเดาอารมณ์ไม่ถูก
“หมอธามหมายความว่าไงคะ จะไล่เค้กให้ไปทำงานกับคนอื่นหรอ” เขมมิกาเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ เธอไม่ได้อยากทำงานกับใคร เพราะคนเดียวที่อยากใกล้ชิดมากที่สุดก็คือเขา
“ไม่ดีหรือไง จะได้สมกับที่เธอต้องการไงล่ะ” ธามไทเลิกคิ้วถามหญิงสาว เพราะเขาอุตส่าห์เปิดช่องทางให้เธอได้แสดงความเป็นตัวเองออกมาแล้ว
“หมอเข้าใจว่าเค้กต้องการอะไรคะ” เมื่อทนไม่ไหวจึงเอ่ยถามออกไปตามตรง เธอคิดว่าเขาคงเข้าใจอะไรตนเองผิดไปแน่ถึงได้ออกปากไล่กันแบบนี้“ฉันจะไม่อ้อมค้อมละกันนะ ฉันไม่ใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออกว่าเด็กอย่างเธอต้องการอะไร ตอนแรกก็คงตั้งใจจะมาอ่อยฉัน ใช้ทางลัดเพื่อให้ตัวเองได้สบายไวๆ แต่พอฉันไม่สนใจก็เลยทอดสะพานหาไอ้หมอวิน ตอนแรก ฉันก็คิดว่าเธอกับหมอวินชอบกันจริงๆ แต่พอวันนี้มาเห็นว่าเธอเองยังไปหว่านเสน่ห์ให้กับคุณปริญ ฉันก็เข้าใจแล้วว่าจริงๆ เธอคงจะหาใครสักคนก็ได้ที่รวยพอจะทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้น”“ไม่ใช่นะคะ!” คนตัวเล็กรีบพูดแทรกขึ้นมาด้วยความรู้สึกโกรธจัด“อันที่จริง ไอ้เรื่องครอบครัวแสนเศร้าที่เธอเล่ามา ฉันว่าก็ถือเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้ชายอย่างหมอวินหรือคุณปริญสงสารได้อยู่นะ พวกนั้นน่าจะหลงเธอทั้งรูปร่าง หน้าตา แล้วก็สงสารชีวิตของเธอจนต้องอยากยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แต่ฉันก็ไม่แน่ใจนะว่า พวกนั้นจะให้เธออยู่ในฐานะอะไร” ธามไทพูดราวกับเป็นผู้ใหญ่ที่สอนเด็ก แต่ลึกๆ แล้วเขาอยากพูดให้เขมมิกาเจ็บปวดมากที่สุดต่างหาก“พอแล้วค่ะ เค้กไม่ออยากฟัง” เขมมิกาพูดแทรกขึ้นมา ใช่ว่าเธอทนฟังคำพูดแบบนั้นไม่ได้ แต่เธอแค่
“มึงอย่าเสือกเลย” ธามไทเลือกที่จะปฏิเสธด้วยที่ไม่อยากให้เรื่องของเขมมิกามารบกวนจิตใจอีก เพราะตอนนี้ เขาก็ห่วงที่เห็นเธอร้องไห้ออกไปจนแทบคลั่งแล้ว“กูอยากเสือก ทีตอนนั้น มึงยังเสือกเรื่องของกูเลย” เวทัสเอ่ยถามปนขำที่เห็นว่าท่าทีของเพื่อนรักคงไม่ต่างจากตนเองเมื่อก่อนนัก“ตอนนั้น มึงปรึกษาเรื่องผู้หญิงที่มึงชอบ แต่นี่มันเรื่องของเด็กฝึกงาน กูไม่อยากเอามาใส่ใจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ” ธามไทพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับต้องการจะย้ำเตือนตัวเองเหมือนกันว่า เขมมิกาเป็นเพียงแค่เด็กฝึกงานก็เท่านั้น!“โอเค เด็กฝึกงานก็เด็กฝึกงาน ว่าแต่น้องเขาชื่ออะไรวะ นี่ถ้าไม่มีข้าวฟ่าง กูจีบแล้ว ขนาดร้องไห้ยังน่ารักเป็นบ้า” เวทัสทำท่าทางนึกถึงใบหน้าของหญิงสาวเมื่อครู่นี้ จนธามไทจ้องมองตาเขม็ง“กูพูดเล่นคร้าบบบ แหม่นี่ขนาดแค่เด็กฝึกงานนะ” พูดด้วยความหมั่นไส้เพื่อนที่ไม่รู้จักความรู้สึกตัวเอง เขามั่นใจว่าผู้หญิงเมื่อกี้ต้องไม่ใช่เด็กฝึกงานธรรมดาอย่างแน่นอนก๊อกๆ ๆ ๆ ประตูห้องถูกเปิดมาพร้อมกับเขมมิกาที่เดินถือแก้วน้ำเข้ามาสองแก้วเพื่อต้อนรับแขกของหมอธามไท หญิงสาวเดินเข้ามาโดยที่ไม่ได้มองหน้าเขาแต่อย่างใด ด้วยก
“โห ปากมึงนี่นะ กูแค่ผ่านมาก็เลยแวะมาหา เห็นมึงหายเงียบไปหลายวัน เคลียร์เรื่องคุณศศิแล้วเหรอวะ” เวทัสเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“ยัง เดี๋ยวกูจะจัดการเร็วๆ นี้แหละ เบื่อเหมือนกัน” เมื่อพูดถึงศศิ ธามไทก็รู้สึกหนักใจขึ้นมา เขาต้องรีบบอกความรู้สึกของตัวเองให้หญิงสาวรู้โดยเร็ว แม้ที่ผ่านมา ตนเองจะชัดเจนมาตลอดว่าไม่ได้ชอบอีกฝ่ายก็ตาม“ก็ดี จะได้จีบน้องเค้กได้เต็มที่” เวทัสไม่วายแซวเพื่อนอีกครั้ง และก็ถูกมองกลับมาตาจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่องทันที“มึงไม่ต้องพูดละ งานปาร์ตีประจำปีของโรงพยาบาลกู มึงจะมาปะ เชิญคุณข้าวฟ่างมาด้วยนะ” ธามไทพูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าต้องเชิญเพื่อนรักเพื่อนร้ายของตนเองไปงานด้วย“จัดที่โรงแรมไหนวะ?” คนมาเยือนเอ่ยถามขึ้นก่อนจะจิบน้ำที่เขมมิกาเอามาเสิร์ฟให้“เดอะริเวอร์”“อะไรนะ! โรงแรมไอ้ปริญอะนะ?” สิ้นคำตอบ เวทัสก็เอ่ยถามกลับด้วยความตกใจทันที“เออ มึงรู้จักเขาด้วยเหรอวะ” ธามไทมองหน้าเพื่อนด้วยความอยากรู้อยากเห็น“ทีงี้อยากรู้ขึ้นมาเลยนะ ไอ้ปริญมันเคยจีบเมียกู แต่เอาจริงๆ มันก็นิสัยใช้ได้ มันกำลังจีบคุณเค้กอยู่งั้นดิ ถ้ามึงไม่ชอบเด็กมันก็ไม่ต้องไปขัดขวางไอ้ปริญหรอก เพราะไอ้นี
เขมมิกาเก็บของอย่างว่าง่าย พร้อมกับลาฝ่ายบุคคลสาวกลับบ้านทันที และเธอเองก็ไม่อยากอยู่รอจนได้เจอกับธามไทอีก เพราะตอนนี้ หัวใจไม่เข้มแข็งพอที่จะเห็นหน้าของเขาหญิงสาวกลับมาถึงห้องเช่าในเวลาเกือบสองทุ่ม ตอนแรกตั้งใจว่าจะซื้อกับข้าวกลับมากินต่อ แต่เมื่อมองดูอาหารแต่ละอย่างที่ตลาดแล้ว เขมมิกากลับรู้สึกพะอืดพะอม จนสุดท้ายไม่ได้ซื้ออะไรติดมือกลับห้องมา เธอรู้ดีว่ามันคงเป็นเพราะความเครียดที่สั่งสมมาตลอดทั้งวันทำให้กินอะไรไม่ลงเขมมิกาเอื้อมไปหยิบรูปคู่กับพ่อบนเตียงนอน แล้วมองภาพนั้นด้วยความคิดถึงผู้เป็นพ่ออย่างสุดหัวใจ ก่อนที่น้ำตาจะไหลรินและร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น วันนี้ เธอรู้สึกอ่อนแอเหลือเกิน จนไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปหาใคร ไม่รู้ว่าใครจะรับฟังทุกเรื่องได้เหมือนกับที่พ่อรับฟัง และใครจะรักเธอเหมือนที่พ่อรักเธอได้บ้าง“เค้กคิดถึงพ่อ ฮึก”คนตัวเล็กปล่อยโฮออกมา ก่อนที่จะนึกถึงใบหน้าของชายหนุ่มต้นเหตุที่ทำให้เธอซึมเศร้ามาตลอดทั้งวัน ทำไมเขาถึงใจร้ายแตกต่างจากเมื่อห้าปีที่แล้วนัก…ห้าปีที่แล้วเขมมิกาในวัยมัธยมศึกษาปีที่ห้ากลับมาที่บ้านเช่าของตนเองหลังจากเรียนหนังสือเสร็จ วันนี้ เธอกลับมาพร้อมข่า
เด็กสาวร้องไห้ออกมา เธอไม่สามารถรับความจริงได้ เมื่อเช้า พ่อยังคุยดีๆ กับเธออยู่เลย ทำไมตกเย็นถึงได้จากกันไปเช่นนี้“ลองติดต่อญาติผู้ใหญ่ดูนะครับ หมอขอตัวก่อนนะครับ” แวบเดียวเท่านั้นที่เด็กสาวเห็นสายตาสั่นระริกของคนเป็นหมอ ก่อนที่สายตาของเขาจะนิ่งเรียบอีกครั้ง“ฮึก พ่อ”เขมมิกาไม่รอช้ารีบวิ่งไปหาร่างไร้วิญญาณของผู้เป็นพ่อที่ตอนนี้ถูกเข็นออกจากห้องผ่าตัด นาทีนี้ หัวใจดวงน้อยทั้งดวงแตกสลายเสียจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ เด็กสาวปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาอย่างไม่คิดจะห้ามมัน พ่อเป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างและเป็นแรงบันดาลใจให้เธอทำสิ่งต่างๆ มาวันนี้ไม่มีพ่อ เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่อย่างไรต่อไป...ผ่านไปเกือบสัปดาห์ เขมมิกาจัดแจงเรื่องงานศพของผู้เป็นพ่ออย่างโดดเดี่ยว โชคดีที่ท่านทำประกันชีวิตเอาไว้ก่อนที่จะตรวจพบว่าเป็นโรคหัวใจ ทำให้ตอนนี้ เธอพอมีเงินติดตัวอยู่บ้างและสามารถนำมาจัดงานศพเล็กๆ ให้ผู้เป็นพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งในงานจะมีแขกไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนที่ทำงานของพ่อและเพื่อนๆ รวมถึงครูที่โรงเรียนของเธอไม่กี่คนเท่านั้นวันนี้ เขมมิกาเริ่มตั้งสติกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้แล้ว แม้ว่าจะยังคงเศร้าเสีย
เธอไม่ได้อยากทำตัวเป็นเด็กสาวโรคจิตที่เฝ้ามองผู้ชาย แต่เป็นเด็กสาวคนหนึ่งที่มีความรักอย่างบริสุทธิ์ เพียงแค่อยากอยู่ใกล้คนที่รักโดยที่ไม่หวังอะไร และหากเขายังจำเธอได้ เขมมิกาก็ยินดีที่จะทำงานเพื่อชดใช้เงินทั้งหมดที่คุณหมอหนุ่มจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลให้พ่อ“ทำไมคุณถึงเป็นไปได้ขนาดนี้นะ”เขมมิกาดึงตัวเองกลับมาที่ปัจจุบัน คิดแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คุณหมอที่แสนอบอุ่นในวันนั้นจะกลายเป็นหมอที่ใจร้าย แถมสาดถ้อยคำแสนเจ็บปวดใส่ตนเองได้ขนาดนี้ แต่ที่แปลกคือ ทำไมเธอถึงยังทำใจเกลียดเขาไม่ลง…วันต่อมา เขมมิกาไปทำงานสาย เพราะเมื่อคืนเอาแต่ร้องไห้เสียจนนอนหลับไปไม่รู้เรื่อง ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าสายแล้ว หญิงสาวรีบวิ่งมาที่โต๊ะทำงานด้วยสภาพที่ผมยังเปียกอยู่“เฮ้อ หมอธามมาหรือยังเนี่ย” พูดกับตัวเอง ก่อนจะแอบมองไปที่ประตูห้องของหมอหนุ่ม ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ เธอคงจะเดินไปเคาะประตูแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เมื่อวาน หญิงสาวจึงเลือกที่จะนั่งอยู่เฉยๆ แทน“ทำไมวันนี้มาสายล่ะเค้ก” พิมอรเดินเข้ามาหาเขมมิกาด้วยสีหน้าเครียดจัด“ขอโทษค่ะพี่พิม พอดีเมื่อคืน เค้กนอนไม่ค่อยหลับก็เลย…” แล้วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ด้ว
เขมมิกาเริ่มรู้สึกดีขึ้น อาจเป็นเพราะธามไทคุยด้วยเมื่อช่วงเช้าทำให้รู้ว่า ตอนนี้ เขาไม่ได้โกรธเธอเหมือนเมื่อวาน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันทำให้เห็นจริงๆ ว่าหมอหนุ่มมีอิทธิพลต่อจิตใจของเธอเป็นอย่างมาก หากเขาโกรธ หญิงสาวก็เศร้าได้ทั้งวันทั้งคืน และหากหายโกรธ เธอก็สามารถกลับมาสดใสร่าเริงราวกับกดสวิตซ์ได้“อารมณ์ดีต่างเมื่อวานเลยน้า วันนี้สงสัยไม่โดนหมอธามดุละสิ” พิมอรเอ่ยถามนักศึกษาฝึกงานสาว หลังจากที่ตอนนี้เจ้าตัวอยู่ในใบหน้ายิ้มแย้มต่างจากเมื่อวานสิ้นดี“เอ่อ ค่ะ วันนี้ หมอธามไม่ดุเค้กเลย” เขมมิกาตอบยิ้มๆ เธอไม่ได้โกหก แต่บอกไม่หมดต่างหาก สาเหตุที่ดีใจเพราะหมอหนุ่มไม่โกรธเธอแล้ว“ดีแล้ว เห็นไหม พี่เคยบอกว่าแล้วว่า หมอธาม ถ้าบทจะดีก็คือดีเลย อีกอย่าง ถ้าหมอเริ่มพูดดีกับเรา แปลว่าเราทำงานดี เริ่มผ่านบททดสอบจากหมอแล้วด้วยนะ” ฝ่ายบุคคลสาวพูดอย่างให้กำลังใจ“ถ้าเป็นอย่านั้นจริงๆ ก็ดีสิคะ เผื่อว่าเค้กจะได้มีโอกาสทำงานที่นี่บ้าง” แม่สาวน้อยหน้าหวานได้แต่หวังใจเล็กๆ ว่าธามไทจะนึกเอ็นดูเธอขึ้นมา แม้จะไม่ได้มอบตำแหน่งเลขาฯ ให้ แต่อาจให้ตำแหน่งอื่นๆ ในโรงพยาบาลนี้“อะแฮ่มๆ เมื่อกี้ได้ยินแว่ว
คนตัวเล็กเอื้อมมือไปกุมมือสาวรุ่นพี่เพื่อขอบคุณ เธอดีใจที่อย่างน้อยการมาฝึกงานครั้งนี้ก็ได้เจอผู้ใหญ่ที่เมตตาเธอจากใจจริง“อื้ม มีอะไรก็คุยกับพี่ได้นะ ยังไง พี่ก็เป็นคนดูแลเราอยู่แล้ว”พิมอรตอบกลับด้วยความหวังดี สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างก็อยู่ที่เขมมิกาจะเลือก หากแม่สาวน้อยเลือกที่จะเดินบนเส้นทางแห่งความเสี่ยง ตัวเธอก็ไม่สามารถห้ามอะไรได้…เขมมิกากลับเข้าไปนั่งที่โต๊ะในช่วงบ่าย เธอสังเกตว่าธามไทกลับมาที่ห้องได้สักพักแล้ว และก็สั่งเอาไว้ว่าห้ามใครเข้าไปรบกวนเด็ดขาด แม้จะห่วงเขาที่ยังไม่ได้ทานอะไร แต่ก็ไม่อยากขัดคำสั่งชายหนุ่มจึงได้แต่นั่งทำงานเงียบๆ อยู่หน้าห้องติ๊ดๆ ๆ ๆ เขมมิกาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมามองเบอร์แปลกที่โทร.เข้ามา ก่อนจะกดรับสายทันที“สวัสดีค่ะ เค้กพูดค่ะ” เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหวานไพเราะ“สวัสดีครับคุณเค้ก ผมปริญนะ”ปลายสายตอบกลับมา และชื่อนั้นทำเอาเขมมิกาถึงกับนิ่งไปเช่นกัน เพราะคนในสายก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ธามไทโมโหใส่เธอ“เอ่อ ค่ะ คุณปริญ มีเบอร์เค้กได้ยังไงคะเนี่ย” เธอเอ่ยถามด้วยความงุนงง เพราะมั่นใจว่าไม่ได้ให้เบอร์ตนเองกับปริญไป“ก็ไม่เห็นจะหายากนี่ครับ ในเมื่อคุ
คนตัวเล็กเอื้อมมือไปกุมมือสาวรุ่นพี่เพื่อขอบคุณ เธอดีใจที่อย่างน้อยการมาฝึกงานครั้งนี้ก็ได้เจอผู้ใหญ่ที่เมตตาเธอจากใจจริง“อื้ม มีอะไรก็คุยกับพี่ได้นะ ยังไง พี่ก็เป็นคนดูแลเราอยู่แล้ว”พิมอรตอบกลับด้วยความหวังดี สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างก็อยู่ที่เขมมิกาจะเลือก หากแม่สาวน้อยเลือกที่จะเดินบนเส้นทางแห่งความเสี่ยง ตัวเธอก็ไม่สามารถห้ามอะไรได้…เขมมิกากลับเข้าไปนั่งที่โต๊ะในช่วงบ่าย เธอสังเกตว่าธามไทกลับมาที่ห้องได้สักพักแล้ว และก็สั่งเอาไว้ว่าห้ามใครเข้าไปรบกวนเด็ดขาด แม้จะห่วงเขาที่ยังไม่ได้ทานอะไร แต่ก็ไม่อยากขัดคำสั่งชายหนุ่มจึงได้แต่นั่งทำงานเงียบๆ อยู่หน้าห้องติ๊ดๆ ๆ ๆ เขมมิกาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมามองเบอร์แปลกที่โทร.เข้ามา ก่อนจะกดรับสายทันที“สวัสดีค่ะ เค้กพูดค่ะ” เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหวานไพเราะ“สวัสดีครับคุณเค้ก ผมปริญนะ”ปลายสายตอบกลับมา และชื่อนั้นทำเอาเขมมิกาถึงกับนิ่งไปเช่นกัน เพราะคนในสายก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ธามไทโมโหใส่เธอ“เอ่อ ค่ะ คุณปริญ มีเบอร์เค้กได้ยังไงคะเนี่ย” เธอเอ่ยถามด้วยความงุนงง เพราะมั่นใจว่าไม่ได้ให้เบอร์ตนเองกับปริญไป“ก็ไม่เห็นจะหายากนี่ครับ ในเมื่อคุ
เขมมิกาเริ่มรู้สึกดีขึ้น อาจเป็นเพราะธามไทคุยด้วยเมื่อช่วงเช้าทำให้รู้ว่า ตอนนี้ เขาไม่ได้โกรธเธอเหมือนเมื่อวาน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันทำให้เห็นจริงๆ ว่าหมอหนุ่มมีอิทธิพลต่อจิตใจของเธอเป็นอย่างมาก หากเขาโกรธ หญิงสาวก็เศร้าได้ทั้งวันทั้งคืน และหากหายโกรธ เธอก็สามารถกลับมาสดใสร่าเริงราวกับกดสวิตซ์ได้“อารมณ์ดีต่างเมื่อวานเลยน้า วันนี้สงสัยไม่โดนหมอธามดุละสิ” พิมอรเอ่ยถามนักศึกษาฝึกงานสาว หลังจากที่ตอนนี้เจ้าตัวอยู่ในใบหน้ายิ้มแย้มต่างจากเมื่อวานสิ้นดี“เอ่อ ค่ะ วันนี้ หมอธามไม่ดุเค้กเลย” เขมมิกาตอบยิ้มๆ เธอไม่ได้โกหก แต่บอกไม่หมดต่างหาก สาเหตุที่ดีใจเพราะหมอหนุ่มไม่โกรธเธอแล้ว“ดีแล้ว เห็นไหม พี่เคยบอกว่าแล้วว่า หมอธาม ถ้าบทจะดีก็คือดีเลย อีกอย่าง ถ้าหมอเริ่มพูดดีกับเรา แปลว่าเราทำงานดี เริ่มผ่านบททดสอบจากหมอแล้วด้วยนะ” ฝ่ายบุคคลสาวพูดอย่างให้กำลังใจ“ถ้าเป็นอย่านั้นจริงๆ ก็ดีสิคะ เผื่อว่าเค้กจะได้มีโอกาสทำงานที่นี่บ้าง” แม่สาวน้อยหน้าหวานได้แต่หวังใจเล็กๆ ว่าธามไทจะนึกเอ็นดูเธอขึ้นมา แม้จะไม่ได้มอบตำแหน่งเลขาฯ ให้ แต่อาจให้ตำแหน่งอื่นๆ ในโรงพยาบาลนี้“อะแฮ่มๆ เมื่อกี้ได้ยินแว่ว
เธอไม่ได้อยากทำตัวเป็นเด็กสาวโรคจิตที่เฝ้ามองผู้ชาย แต่เป็นเด็กสาวคนหนึ่งที่มีความรักอย่างบริสุทธิ์ เพียงแค่อยากอยู่ใกล้คนที่รักโดยที่ไม่หวังอะไร และหากเขายังจำเธอได้ เขมมิกาก็ยินดีที่จะทำงานเพื่อชดใช้เงินทั้งหมดที่คุณหมอหนุ่มจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลให้พ่อ“ทำไมคุณถึงเป็นไปได้ขนาดนี้นะ”เขมมิกาดึงตัวเองกลับมาที่ปัจจุบัน คิดแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คุณหมอที่แสนอบอุ่นในวันนั้นจะกลายเป็นหมอที่ใจร้าย แถมสาดถ้อยคำแสนเจ็บปวดใส่ตนเองได้ขนาดนี้ แต่ที่แปลกคือ ทำไมเธอถึงยังทำใจเกลียดเขาไม่ลง…วันต่อมา เขมมิกาไปทำงานสาย เพราะเมื่อคืนเอาแต่ร้องไห้เสียจนนอนหลับไปไม่รู้เรื่อง ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าสายแล้ว หญิงสาวรีบวิ่งมาที่โต๊ะทำงานด้วยสภาพที่ผมยังเปียกอยู่“เฮ้อ หมอธามมาหรือยังเนี่ย” พูดกับตัวเอง ก่อนจะแอบมองไปที่ประตูห้องของหมอหนุ่ม ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ เธอคงจะเดินไปเคาะประตูแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เมื่อวาน หญิงสาวจึงเลือกที่จะนั่งอยู่เฉยๆ แทน“ทำไมวันนี้มาสายล่ะเค้ก” พิมอรเดินเข้ามาหาเขมมิกาด้วยสีหน้าเครียดจัด“ขอโทษค่ะพี่พิม พอดีเมื่อคืน เค้กนอนไม่ค่อยหลับก็เลย…” แล้วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ด้ว
เด็กสาวร้องไห้ออกมา เธอไม่สามารถรับความจริงได้ เมื่อเช้า พ่อยังคุยดีๆ กับเธออยู่เลย ทำไมตกเย็นถึงได้จากกันไปเช่นนี้“ลองติดต่อญาติผู้ใหญ่ดูนะครับ หมอขอตัวก่อนนะครับ” แวบเดียวเท่านั้นที่เด็กสาวเห็นสายตาสั่นระริกของคนเป็นหมอ ก่อนที่สายตาของเขาจะนิ่งเรียบอีกครั้ง“ฮึก พ่อ”เขมมิกาไม่รอช้ารีบวิ่งไปหาร่างไร้วิญญาณของผู้เป็นพ่อที่ตอนนี้ถูกเข็นออกจากห้องผ่าตัด นาทีนี้ หัวใจดวงน้อยทั้งดวงแตกสลายเสียจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ เด็กสาวปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาอย่างไม่คิดจะห้ามมัน พ่อเป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างและเป็นแรงบันดาลใจให้เธอทำสิ่งต่างๆ มาวันนี้ไม่มีพ่อ เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่อย่างไรต่อไป...ผ่านไปเกือบสัปดาห์ เขมมิกาจัดแจงเรื่องงานศพของผู้เป็นพ่ออย่างโดดเดี่ยว โชคดีที่ท่านทำประกันชีวิตเอาไว้ก่อนที่จะตรวจพบว่าเป็นโรคหัวใจ ทำให้ตอนนี้ เธอพอมีเงินติดตัวอยู่บ้างและสามารถนำมาจัดงานศพเล็กๆ ให้ผู้เป็นพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งในงานจะมีแขกไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนที่ทำงานของพ่อและเพื่อนๆ รวมถึงครูที่โรงเรียนของเธอไม่กี่คนเท่านั้นวันนี้ เขมมิกาเริ่มตั้งสติกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้แล้ว แม้ว่าจะยังคงเศร้าเสีย
เขมมิกาเก็บของอย่างว่าง่าย พร้อมกับลาฝ่ายบุคคลสาวกลับบ้านทันที และเธอเองก็ไม่อยากอยู่รอจนได้เจอกับธามไทอีก เพราะตอนนี้ หัวใจไม่เข้มแข็งพอที่จะเห็นหน้าของเขาหญิงสาวกลับมาถึงห้องเช่าในเวลาเกือบสองทุ่ม ตอนแรกตั้งใจว่าจะซื้อกับข้าวกลับมากินต่อ แต่เมื่อมองดูอาหารแต่ละอย่างที่ตลาดแล้ว เขมมิกากลับรู้สึกพะอืดพะอม จนสุดท้ายไม่ได้ซื้ออะไรติดมือกลับห้องมา เธอรู้ดีว่ามันคงเป็นเพราะความเครียดที่สั่งสมมาตลอดทั้งวันทำให้กินอะไรไม่ลงเขมมิกาเอื้อมไปหยิบรูปคู่กับพ่อบนเตียงนอน แล้วมองภาพนั้นด้วยความคิดถึงผู้เป็นพ่ออย่างสุดหัวใจ ก่อนที่น้ำตาจะไหลรินและร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น วันนี้ เธอรู้สึกอ่อนแอเหลือเกิน จนไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปหาใคร ไม่รู้ว่าใครจะรับฟังทุกเรื่องได้เหมือนกับที่พ่อรับฟัง และใครจะรักเธอเหมือนที่พ่อรักเธอได้บ้าง“เค้กคิดถึงพ่อ ฮึก”คนตัวเล็กปล่อยโฮออกมา ก่อนที่จะนึกถึงใบหน้าของชายหนุ่มต้นเหตุที่ทำให้เธอซึมเศร้ามาตลอดทั้งวัน ทำไมเขาถึงใจร้ายแตกต่างจากเมื่อห้าปีที่แล้วนัก…ห้าปีที่แล้วเขมมิกาในวัยมัธยมศึกษาปีที่ห้ากลับมาที่บ้านเช่าของตนเองหลังจากเรียนหนังสือเสร็จ วันนี้ เธอกลับมาพร้อมข่า
“โห ปากมึงนี่นะ กูแค่ผ่านมาก็เลยแวะมาหา เห็นมึงหายเงียบไปหลายวัน เคลียร์เรื่องคุณศศิแล้วเหรอวะ” เวทัสเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“ยัง เดี๋ยวกูจะจัดการเร็วๆ นี้แหละ เบื่อเหมือนกัน” เมื่อพูดถึงศศิ ธามไทก็รู้สึกหนักใจขึ้นมา เขาต้องรีบบอกความรู้สึกของตัวเองให้หญิงสาวรู้โดยเร็ว แม้ที่ผ่านมา ตนเองจะชัดเจนมาตลอดว่าไม่ได้ชอบอีกฝ่ายก็ตาม“ก็ดี จะได้จีบน้องเค้กได้เต็มที่” เวทัสไม่วายแซวเพื่อนอีกครั้ง และก็ถูกมองกลับมาตาจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่องทันที“มึงไม่ต้องพูดละ งานปาร์ตีประจำปีของโรงพยาบาลกู มึงจะมาปะ เชิญคุณข้าวฟ่างมาด้วยนะ” ธามไทพูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าต้องเชิญเพื่อนรักเพื่อนร้ายของตนเองไปงานด้วย“จัดที่โรงแรมไหนวะ?” คนมาเยือนเอ่ยถามขึ้นก่อนจะจิบน้ำที่เขมมิกาเอามาเสิร์ฟให้“เดอะริเวอร์”“อะไรนะ! โรงแรมไอ้ปริญอะนะ?” สิ้นคำตอบ เวทัสก็เอ่ยถามกลับด้วยความตกใจทันที“เออ มึงรู้จักเขาด้วยเหรอวะ” ธามไทมองหน้าเพื่อนด้วยความอยากรู้อยากเห็น“ทีงี้อยากรู้ขึ้นมาเลยนะ ไอ้ปริญมันเคยจีบเมียกู แต่เอาจริงๆ มันก็นิสัยใช้ได้ มันกำลังจีบคุณเค้กอยู่งั้นดิ ถ้ามึงไม่ชอบเด็กมันก็ไม่ต้องไปขัดขวางไอ้ปริญหรอก เพราะไอ้นี
“มึงอย่าเสือกเลย” ธามไทเลือกที่จะปฏิเสธด้วยที่ไม่อยากให้เรื่องของเขมมิกามารบกวนจิตใจอีก เพราะตอนนี้ เขาก็ห่วงที่เห็นเธอร้องไห้ออกไปจนแทบคลั่งแล้ว“กูอยากเสือก ทีตอนนั้น มึงยังเสือกเรื่องของกูเลย” เวทัสเอ่ยถามปนขำที่เห็นว่าท่าทีของเพื่อนรักคงไม่ต่างจากตนเองเมื่อก่อนนัก“ตอนนั้น มึงปรึกษาเรื่องผู้หญิงที่มึงชอบ แต่นี่มันเรื่องของเด็กฝึกงาน กูไม่อยากเอามาใส่ใจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ” ธามไทพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับต้องการจะย้ำเตือนตัวเองเหมือนกันว่า เขมมิกาเป็นเพียงแค่เด็กฝึกงานก็เท่านั้น!“โอเค เด็กฝึกงานก็เด็กฝึกงาน ว่าแต่น้องเขาชื่ออะไรวะ นี่ถ้าไม่มีข้าวฟ่าง กูจีบแล้ว ขนาดร้องไห้ยังน่ารักเป็นบ้า” เวทัสทำท่าทางนึกถึงใบหน้าของหญิงสาวเมื่อครู่นี้ จนธามไทจ้องมองตาเขม็ง“กูพูดเล่นคร้าบบบ แหม่นี่ขนาดแค่เด็กฝึกงานนะ” พูดด้วยความหมั่นไส้เพื่อนที่ไม่รู้จักความรู้สึกตัวเอง เขามั่นใจว่าผู้หญิงเมื่อกี้ต้องไม่ใช่เด็กฝึกงานธรรมดาอย่างแน่นอนก๊อกๆ ๆ ๆ ประตูห้องถูกเปิดมาพร้อมกับเขมมิกาที่เดินถือแก้วน้ำเข้ามาสองแก้วเพื่อต้อนรับแขกของหมอธามไท หญิงสาวเดินเข้ามาโดยที่ไม่ได้มองหน้าเขาแต่อย่างใด ด้วยก
“หมอเข้าใจว่าเค้กต้องการอะไรคะ” เมื่อทนไม่ไหวจึงเอ่ยถามออกไปตามตรง เธอคิดว่าเขาคงเข้าใจอะไรตนเองผิดไปแน่ถึงได้ออกปากไล่กันแบบนี้“ฉันจะไม่อ้อมค้อมละกันนะ ฉันไม่ใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออกว่าเด็กอย่างเธอต้องการอะไร ตอนแรกก็คงตั้งใจจะมาอ่อยฉัน ใช้ทางลัดเพื่อให้ตัวเองได้สบายไวๆ แต่พอฉันไม่สนใจก็เลยทอดสะพานหาไอ้หมอวิน ตอนแรก ฉันก็คิดว่าเธอกับหมอวินชอบกันจริงๆ แต่พอวันนี้มาเห็นว่าเธอเองยังไปหว่านเสน่ห์ให้กับคุณปริญ ฉันก็เข้าใจแล้วว่าจริงๆ เธอคงจะหาใครสักคนก็ได้ที่รวยพอจะทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้น”“ไม่ใช่นะคะ!” คนตัวเล็กรีบพูดแทรกขึ้นมาด้วยความรู้สึกโกรธจัด“อันที่จริง ไอ้เรื่องครอบครัวแสนเศร้าที่เธอเล่ามา ฉันว่าก็ถือเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้ชายอย่างหมอวินหรือคุณปริญสงสารได้อยู่นะ พวกนั้นน่าจะหลงเธอทั้งรูปร่าง หน้าตา แล้วก็สงสารชีวิตของเธอจนต้องอยากยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แต่ฉันก็ไม่แน่ใจนะว่า พวกนั้นจะให้เธออยู่ในฐานะอะไร” ธามไทพูดราวกับเป็นผู้ใหญ่ที่สอนเด็ก แต่ลึกๆ แล้วเขาอยากพูดให้เขมมิกาเจ็บปวดมากที่สุดต่างหาก“พอแล้วค่ะ เค้กไม่ออยากฟัง” เขมมิกาพูดแทรกขึ้นมา ใช่ว่าเธอทนฟังคำพูดแบบนั้นไม่ได้ แต่เธอแค่
บรรยากาศบนรถเงียบตลอดทางเสียจนเขมิกาอดเกร็งไม่ได้ ตั้งแต่ที่เดินทางออกจากโรงแรม ธามไทไม่มองหน้าและไม่พูดคุยอะไรกับเธอเลย จริงอยู่ว่า ปกติ คุณหมอหนุ่มจะพูดกับเธอน้อยมาก แต่ครั้งนี้ทั้งสีหน้า และแววตาของเขาทำให้คนตัวเล็กอดรู้สึกกลัวไม่ได้“คุณหมอโกรธอะไรเค้กหรือเปล่าคะ” หญิงสาวใช้ความกล้าทั้งหมดที่มีเอ่ยถามหมอหนุ่มทันที เธอไม่อยากมีเรื่องค้างคาใจอะไรทั้งนั้น“ไว้คุยที่โรงพยาบาล” ธามไทตอบเสียงนิ่งเรียบโดยที่ไม่ได้หันไปมองคนถามสักนิด เขาพยายามทำใจให้สงบลง แม้ว่ามันจะมีดีขึ้นเลยก็ตาม“เค้กทำอะไรผิดเหรอคะ หรือว่าหมอโกรธที่เค้กไปเสียมารยาทเดินชนคุณปริญ แต่เค้กไม่ได้ตั้งใจนะคะ” คนตัวเล็กรีบพูดขึ้นมาเมื่อคิดได้ว่านี่อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจ“ฉันบอกว่าเดี๋ยวค่อยคุยไง ไม่เข้าใจเหรอ!” คนถูกจี้ทนไม่ไหวหันไปตะคอกใส่เสียงดังจนเธอสะดุ้ง น้ำตาเอ่อคลอทันที“ขะ ขอโทษค่ะ”เขมมิกาพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ด้วยที่ไม่เคยถูกธามไทเสียงดังใส่ขนาดนี้มาก่อน แม้ในใจจะเกิดคำถามมากมายว่าตนเองผิดอะไร แต่เธอก็เลือกที่จะเงียบเพราะไม่อยากทำให้เขาโมโหมากกว่านี้ธามไทใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่โรงพยาบา