“หมอเข้าใจว่าเค้กต้องการอะไรคะ” เมื่อทนไม่ไหวจึงเอ่ยถามออกไปตามตรง เธอคิดว่าเขาคงเข้าใจอะไรตนเองผิดไปแน่ถึงได้ออกปากไล่กันแบบนี้
“ฉันจะไม่อ้อมค้อมละกันนะ ฉันไม่ใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออกว่าเด็กอย่างเธอต้องการอะไร ตอนแรกก็คงตั้งใจจะมาอ่อยฉัน ใช้ทางลัดเพื่อให้ตัวเองได้สบายไวๆ แต่พอฉันไม่สนใจก็เลยทอดสะพานหาไอ้หมอวิน ตอนแรก ฉันก็คิดว่าเธอกับหมอวินชอบกันจริงๆ แต่พอวันนี้มาเห็นว่าเธอเองยังไปหว่านเสน่ห์ให้กับคุณปริญ ฉันก็เข้าใจแล้วว่าจริงๆ เธอคงจะหาใครสักคนก็ได้ที่รวยพอจะทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้น”
“ไม่ใช่นะคะ!” คนตัวเล็กรีบพูดแทรกขึ้นมาด้วยความรู้สึกโกรธจัด
“อันที่จริง ไอ้เรื่องครอบครัวแสนเศร้าที่เธอเล่ามา ฉันว่าก็ถือเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้ชายอย่างหมอวินหรือคุณปริญสงสารได้อยู่นะ พวกนั้นน่าจะหลงเธอทั้งรูปร่าง หน้าตา แล้วก็สงสารชีวิตของเธอจนต้องอยากยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แต่ฉันก็ไม่แน่ใจนะว่า พวกนั้นจะให้เธออยู่ในฐานะอะไร” ธามไทพูดราวกับเป็นผู้ใหญ่ที่สอนเด็ก แต่ลึกๆ แล้วเขาอยากพูดให้เขมมิกาเจ็บปวดมากที่สุดต่างหาก
“พอแล้วค่ะ เค้กไม่ออยากฟัง” เขมมิกาพูดแทรกขึ้นมา ใช่ว่าเธอทนฟังคำพูดแบบนั้นไม่ได้ แต่เธอแค่ไม่อยากรู้สึกไม่ดีกับผู้ชายที่ตนเองหลงรักมาตลอดห้าปีต่างหาก
“ทำไม คิดจะทำการใหญ่ก็ต้องใจนิ่งพอที่จำฟังความจริงจากฉันสิ ที่พูดนี่คือเป็นห่วงเธอในฐานะเด็กฝึกงานของฉัน และเธอเองก็จะได้เตรียมใจเอาไว้ด้วย” ชายหนุ่มยังคงพูดต่อโดยที่ไม่สนใจน้ำตาของหญิงสาวตรงหน้า
“เค้กไม่อยากรู้อะไรทั้งนั้นค่ะ ฮึก” หญิงสาวไม่อาจห้ามน้ำตาของตนเองได้อีกต่อไป เธอได้แต่บีบมือตัวเองเข้าหากันแน่นเพื่อระบายความเจ็บปวด
“แต่เธอต้องรู้! พวกนั้นคงไม่สามารถให้สถานะแฟนหรือคนรักให้กับเธอได้อย่างเต็มที่หรอกนะ อย่างมากก็อาจจะให้ได้แค่ไม่กี่เดือน ส่วนหลังจากนั้น เธอก็จะกลายเป็นเพียงคนที่ถูกพวกมันทอดทิ้ง หรือดีหน่อยก็อาจจะเป็นเมียเก็บอะไรทำนองนั้น ถ้าเธอไม่ได้อยากได้ความรัก แต่อยากได้แค่ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ฉันว่าทางเลือกนี้ก็อาจจะไม่ได้เป็นปัญหาอะไรเท่าไหร่หรอก”
หมอหนุ่มยังคงพูดต่อด้วยความสะใจ เขาเกลียดนักคนที่อยากรวยทางลัดและผู้หญิงอย่างเธอต้องเจอคนแบบเขานี่แหละ
“เค้กทำอะไรผิดเหรอคะ หมอถึงได้มาพูดจาแบบนี้กับเค้ก” เขมมิกาเอ่ยถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ เธอไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าหมอที่แสนดีอย่างเขาทำไมถึงได้มีคำพูดที่หยาบคายได้ขนาดนี้
“ก็เพราะว่าเธอไม่ได้อยากมาทำงานจริงๆ แต่เข้ามาที่นี่เพราะอยากหาผัวยังไงล่ะ!”
“ที่พูดออกมาเพราะคิดแบบนั้นจริงๆ หรืออยากพูดให้เค้กเสียใจกันแน่คะ” เธอรีบพูดแทรกอย่างไม่สามารถทนรับความเจ็บปวดได้อีก
คำถามของเขมมิกาทำให้ธามไทถึงกับนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าคิดแบบนั้นกับเธอจริงๆ หรือแค่ต้องการพูดออกไปเพื่อความสะใจกันแน่
“ถ้าเป็นอย่างหลัง หมอก็ทำสำเร็จแล้วค่ะ เพราะเค้กกำลังเสียใจ”
เขมมิกาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และในจังหวะนั้น ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญเดินเข้ามา
“ทำไรอยู่ครับ ไอ้คุณเพื่อน” เวทัสเปิดประตูห้องเพื่อนรักโดยที่ไม่ได้เคาะประตู เพราะตั้งใจจะมาเซอร์ไพรส์เพื่อน แต่กลับเซอร์ไพรส์กว่าที่เห็นว่าตอนนี้มีนักศึกษาฝึกงานสาวกำลังนั่งอยู่ด้วยอีกคน
“เอ่อ ขอโทษว่ะ ไม่รู้ว่ามึงมีแขก” เห็นอย่างนั้นก็ทำท่าจะเดินออกจากห้องแต่ถูกเพื่อนรักเรียกเอาไว้เสียก่อน
“มึงไม่ต้องไปหรอก ไม่ใช่แขกที่ต้องเกรงใจอะไร นี่เด็กฝึกงานกูเอง” ธามไทพูดโดยที่สายตายังคงจับจ้องไปที่เขมมิกาที่เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด
“แต่กูว่ามึงน่าจะมีเรื่องคุยกับน้องเขาอยู่นะ” คนมาเยี่ยมพูดด้วยความลำบากใจพร้อมกับมองหน้านักศึกษาสาวตรงหน้าที่ตอนนี้ร้องไห้จนตาแดง จึงรู้ได้ทันทีว่าเธอคนนี้คงถูกเพื่อนเขาดุแน่นอน
“ไม่สำคัญอะไรขนาดนั้นหรอก เธอออกไปได้แล้ว”
ธามไทไล่เขมมิกาออกจากห้องอย่างไม่ไยดี เมื่อได้ยินอย่างนั้น หญิงสาวก็ปาดน้ำตาลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินออกไป
“เดี๋ยว” ทันทีที่ร่างบางยืนขึ้น ธามไทก็เรียกหญิงสาวไว้ก่อนที่เธอจะเดินออกไป
“เพื่อนของฉัน มันมีเมียแล้ว หวังว่าเธอคงไม่คิดจะเอามันด้วยอีกคนนะ”
เจ้าของห้องพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ในขณะที่คนฟังรู้สึกราวกับมีหอกมาทิ่มแทงหัวใจและแน่นอนว่า ธามไทกำลังทำให้เธออับอายต่อหน้าเพื่อนของเขา
“ค่ะ!”
เขมมิกากระแทกเสียงใส่คนปากร้าย ก่อนจะเดินก้มหัวให้เพื่อนของเขาอย่างนอบน้อมและเดินออกจากห้องไปทันที
“เหี้ยอะไรวะเนี่ย นี่ปากมึงเหรอวะไอ้ธาม”
ทันทีที่หญิงสาวเดินจากห้องไป เวทัสก็มองหน้าเพื่อนชายอย่างไม่เข้าใจ ปกติ ธามไทไม่ใช่ผู้ชายที่ปากร้ายขนาดนี้
“เออ มึงทำไม” เจ้าของห้องถอนหายใจออกมาอย่างเคร่งเครียด เขาเห็นว่าเขมมิการ้องไห้ และที่ตนเองกำลังหงุดหงิดอยู่ก็คงเป็นเพราไอ้ความรู้สึกผิดที่เห็นน้ำตาของหญิงสาว
“เกิดไรขึ้นวะ แล้วน้องคนสวยนั่นใคร” เวทัสพูดขึ้น แต่โดนธามไทมองกลับมาด้วยสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“มึงมีเมียแล้วนะ ไอ้ว่าน” ธามไทพูดเสียงนิ่ง แต่ความจริงแล้วรู้สึกไม่พอใจที่เพื่อนเรียกเขมมิกาว่า ‘น้องคนสวย’ ต่างหาก
“อะไรของมึง ชมนิดชมหน่อยไม่ได้เลย หวง?” แทนที่จะโกรธที่เพื่อนทำน้ำเสียงดุใส่ แต่เวทัสกลับชอบใจที่เพื่อนของเขาแสดงท่าทีหึงหวงผู้หญิงคนนั้นออกมา
“หวงเหี้ยอะไร กูแค่ไม่อยากเห็นคุณข้าวฟ่างเสียใจ มึงนี่มันเจ้าชู้ไม่เลิก”
ธามไทรีบปฏิเสธทันทีเพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะหึงหวงผู้หญิงน่ารำคาญอย่างเขมมิกา
“กูเลิกเจ้าชู้แล้ว แต่ที่ชมน้องคนเมื่อกี้ว่าสวยก็เพราะเธอสวยจริงๆ ถ้าไม่สวย เพื่อนกูคงไม่คลั่ง แล้วก็ไปด่าน้องจนร้องไห้ออกไปแบบนั้นหรอก” เวทัสมั่นใจว่า สาเหตุที่ทำให้หญิงสาวเมื่อครู่นี้ร้องไห้ก็คงเป็นเพราะเรื่องหึงหวงของธามไทอย่างแน่นอน
“มึงอย่าทำเป็นแสนรู้ กูไม่ได้หึงหวงอะไร กูแค่กำลังจะสอนเด็กมัน” เจ้าถิ่นพูดพร้อมกับจ้องหน้าเพื่อนอย่างเอาเรื่อง
“สอนอะไรของมึงวะ” เวทัสนั่งลงเก้าอี้ตรงข้ามธามไท ก่อนจะเอ่ยถามอย่างตั้งอกตั้งใจฟัง
“มึงอย่าเสือกเลย” ธามไทเลือกที่จะปฏิเสธด้วยที่ไม่อยากให้เรื่องของเขมมิกามารบกวนจิตใจอีก เพราะตอนนี้ เขาก็ห่วงที่เห็นเธอร้องไห้ออกไปจนแทบคลั่งแล้ว“กูอยากเสือก ทีตอนนั้น มึงยังเสือกเรื่องของกูเลย” เวทัสเอ่ยถามปนขำที่เห็นว่าท่าทีของเพื่อนรักคงไม่ต่างจากตนเองเมื่อก่อนนัก“ตอนนั้น มึงปรึกษาเรื่องผู้หญิงที่มึงชอบ แต่นี่มันเรื่องของเด็กฝึกงาน กูไม่อยากเอามาใส่ใจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ” ธามไทพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับต้องการจะย้ำเตือนตัวเองเหมือนกันว่า เขมมิกาเป็นเพียงแค่เด็กฝึกงานก็เท่านั้น!“โอเค เด็กฝึกงานก็เด็กฝึกงาน ว่าแต่น้องเขาชื่ออะไรวะ นี่ถ้าไม่มีข้าวฟ่าง กูจีบแล้ว ขนาดร้องไห้ยังน่ารักเป็นบ้า” เวทัสทำท่าทางนึกถึงใบหน้าของหญิงสาวเมื่อครู่นี้ จนธามไทจ้องมองตาเขม็ง“กูพูดเล่นคร้าบบบ แหม่นี่ขนาดแค่เด็กฝึกงานนะ” พูดด้วยความหมั่นไส้เพื่อนที่ไม่รู้จักความรู้สึกตัวเอง เขามั่นใจว่าผู้หญิงเมื่อกี้ต้องไม่ใช่เด็กฝึกงานธรรมดาอย่างแน่นอนก๊อกๆ ๆ ๆ ประตูห้องถูกเปิดมาพร้อมกับเขมมิกาที่เดินถือแก้วน้ำเข้ามาสองแก้วเพื่อต้อนรับแขกของหมอธามไท หญิงสาวเดินเข้ามาโดยที่ไม่ได้มองหน้าเขาแต่อย่างใด ด้วยก
“โห ปากมึงนี่นะ กูแค่ผ่านมาก็เลยแวะมาหา เห็นมึงหายเงียบไปหลายวัน เคลียร์เรื่องคุณศศิแล้วเหรอวะ” เวทัสเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“ยัง เดี๋ยวกูจะจัดการเร็วๆ นี้แหละ เบื่อเหมือนกัน” เมื่อพูดถึงศศิ ธามไทก็รู้สึกหนักใจขึ้นมา เขาต้องรีบบอกความรู้สึกของตัวเองให้หญิงสาวรู้โดยเร็ว แม้ที่ผ่านมา ตนเองจะชัดเจนมาตลอดว่าไม่ได้ชอบอีกฝ่ายก็ตาม“ก็ดี จะได้จีบน้องเค้กได้เต็มที่” เวทัสไม่วายแซวเพื่อนอีกครั้ง และก็ถูกมองกลับมาตาจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่องทันที“มึงไม่ต้องพูดละ งานปาร์ตีประจำปีของโรงพยาบาลกู มึงจะมาปะ เชิญคุณข้าวฟ่างมาด้วยนะ” ธามไทพูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าต้องเชิญเพื่อนรักเพื่อนร้ายของตนเองไปงานด้วย“จัดที่โรงแรมไหนวะ?” คนมาเยือนเอ่ยถามขึ้นก่อนจะจิบน้ำที่เขมมิกาเอามาเสิร์ฟให้“เดอะริเวอร์”“อะไรนะ! โรงแรมไอ้ปริญอะนะ?” สิ้นคำตอบ เวทัสก็เอ่ยถามกลับด้วยความตกใจทันที“เออ มึงรู้จักเขาด้วยเหรอวะ” ธามไทมองหน้าเพื่อนด้วยความอยากรู้อยากเห็น“ทีงี้อยากรู้ขึ้นมาเลยนะ ไอ้ปริญมันเคยจีบเมียกู แต่เอาจริงๆ มันก็นิสัยใช้ได้ มันกำลังจีบคุณเค้กอยู่งั้นดิ ถ้ามึงไม่ชอบเด็กมันก็ไม่ต้องไปขัดขวางไอ้ปริญหรอก เพราะไอ้นี
เขมมิกาเก็บของอย่างว่าง่าย พร้อมกับลาฝ่ายบุคคลสาวกลับบ้านทันที และเธอเองก็ไม่อยากอยู่รอจนได้เจอกับธามไทอีก เพราะตอนนี้ หัวใจไม่เข้มแข็งพอที่จะเห็นหน้าของเขาหญิงสาวกลับมาถึงห้องเช่าในเวลาเกือบสองทุ่ม ตอนแรกตั้งใจว่าจะซื้อกับข้าวกลับมากินต่อ แต่เมื่อมองดูอาหารแต่ละอย่างที่ตลาดแล้ว เขมมิกากลับรู้สึกพะอืดพะอม จนสุดท้ายไม่ได้ซื้ออะไรติดมือกลับห้องมา เธอรู้ดีว่ามันคงเป็นเพราะความเครียดที่สั่งสมมาตลอดทั้งวันทำให้กินอะไรไม่ลงเขมมิกาเอื้อมไปหยิบรูปคู่กับพ่อบนเตียงนอน แล้วมองภาพนั้นด้วยความคิดถึงผู้เป็นพ่ออย่างสุดหัวใจ ก่อนที่น้ำตาจะไหลรินและร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น วันนี้ เธอรู้สึกอ่อนแอเหลือเกิน จนไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปหาใคร ไม่รู้ว่าใครจะรับฟังทุกเรื่องได้เหมือนกับที่พ่อรับฟัง และใครจะรักเธอเหมือนที่พ่อรักเธอได้บ้าง“เค้กคิดถึงพ่อ ฮึก”คนตัวเล็กปล่อยโฮออกมา ก่อนที่จะนึกถึงใบหน้าของชายหนุ่มต้นเหตุที่ทำให้เธอซึมเศร้ามาตลอดทั้งวัน ทำไมเขาถึงใจร้ายแตกต่างจากเมื่อห้าปีที่แล้วนัก…ห้าปีที่แล้วเขมมิกาในวัยมัธยมศึกษาปีที่ห้ากลับมาที่บ้านเช่าของตนเองหลังจากเรียนหนังสือเสร็จ วันนี้ เธอกลับมาพร้อมข่า
เด็กสาวร้องไห้ออกมา เธอไม่สามารถรับความจริงได้ เมื่อเช้า พ่อยังคุยดีๆ กับเธออยู่เลย ทำไมตกเย็นถึงได้จากกันไปเช่นนี้“ลองติดต่อญาติผู้ใหญ่ดูนะครับ หมอขอตัวก่อนนะครับ” แวบเดียวเท่านั้นที่เด็กสาวเห็นสายตาสั่นระริกของคนเป็นหมอ ก่อนที่สายตาของเขาจะนิ่งเรียบอีกครั้ง“ฮึก พ่อ”เขมมิกาไม่รอช้ารีบวิ่งไปหาร่างไร้วิญญาณของผู้เป็นพ่อที่ตอนนี้ถูกเข็นออกจากห้องผ่าตัด นาทีนี้ หัวใจดวงน้อยทั้งดวงแตกสลายเสียจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ เด็กสาวปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาอย่างไม่คิดจะห้ามมัน พ่อเป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างและเป็นแรงบันดาลใจให้เธอทำสิ่งต่างๆ มาวันนี้ไม่มีพ่อ เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่อย่างไรต่อไป...ผ่านไปเกือบสัปดาห์ เขมมิกาจัดแจงเรื่องงานศพของผู้เป็นพ่ออย่างโดดเดี่ยว โชคดีที่ท่านทำประกันชีวิตเอาไว้ก่อนที่จะตรวจพบว่าเป็นโรคหัวใจ ทำให้ตอนนี้ เธอพอมีเงินติดตัวอยู่บ้างและสามารถนำมาจัดงานศพเล็กๆ ให้ผู้เป็นพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งในงานจะมีแขกไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนที่ทำงานของพ่อและเพื่อนๆ รวมถึงครูที่โรงเรียนของเธอไม่กี่คนเท่านั้นวันนี้ เขมมิกาเริ่มตั้งสติกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้แล้ว แม้ว่าจะยังคงเศร้าเสีย
เธอไม่ได้อยากทำตัวเป็นเด็กสาวโรคจิตที่เฝ้ามองผู้ชาย แต่เป็นเด็กสาวคนหนึ่งที่มีความรักอย่างบริสุทธิ์ เพียงแค่อยากอยู่ใกล้คนที่รักโดยที่ไม่หวังอะไร และหากเขายังจำเธอได้ เขมมิกาก็ยินดีที่จะทำงานเพื่อชดใช้เงินทั้งหมดที่คุณหมอหนุ่มจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลให้พ่อ“ทำไมคุณถึงเป็นไปได้ขนาดนี้นะ”เขมมิกาดึงตัวเองกลับมาที่ปัจจุบัน คิดแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คุณหมอที่แสนอบอุ่นในวันนั้นจะกลายเป็นหมอที่ใจร้าย แถมสาดถ้อยคำแสนเจ็บปวดใส่ตนเองได้ขนาดนี้ แต่ที่แปลกคือ ทำไมเธอถึงยังทำใจเกลียดเขาไม่ลง…วันต่อมา เขมมิกาไปทำงานสาย เพราะเมื่อคืนเอาแต่ร้องไห้เสียจนนอนหลับไปไม่รู้เรื่อง ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าสายแล้ว หญิงสาวรีบวิ่งมาที่โต๊ะทำงานด้วยสภาพที่ผมยังเปียกอยู่“เฮ้อ หมอธามมาหรือยังเนี่ย” พูดกับตัวเอง ก่อนจะแอบมองไปที่ประตูห้องของหมอหนุ่ม ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ เธอคงจะเดินไปเคาะประตูแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เมื่อวาน หญิงสาวจึงเลือกที่จะนั่งอยู่เฉยๆ แทน“ทำไมวันนี้มาสายล่ะเค้ก” พิมอรเดินเข้ามาหาเขมมิกาด้วยสีหน้าเครียดจัด“ขอโทษค่ะพี่พิม พอดีเมื่อคืน เค้กนอนไม่ค่อยหลับก็เลย…” แล้วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ด้ว
เขมมิกาเริ่มรู้สึกดีขึ้น อาจเป็นเพราะธามไทคุยด้วยเมื่อช่วงเช้าทำให้รู้ว่า ตอนนี้ เขาไม่ได้โกรธเธอเหมือนเมื่อวาน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันทำให้เห็นจริงๆ ว่าหมอหนุ่มมีอิทธิพลต่อจิตใจของเธอเป็นอย่างมาก หากเขาโกรธ หญิงสาวก็เศร้าได้ทั้งวันทั้งคืน และหากหายโกรธ เธอก็สามารถกลับมาสดใสร่าเริงราวกับกดสวิตซ์ได้“อารมณ์ดีต่างเมื่อวานเลยน้า วันนี้สงสัยไม่โดนหมอธามดุละสิ” พิมอรเอ่ยถามนักศึกษาฝึกงานสาว หลังจากที่ตอนนี้เจ้าตัวอยู่ในใบหน้ายิ้มแย้มต่างจากเมื่อวานสิ้นดี“เอ่อ ค่ะ วันนี้ หมอธามไม่ดุเค้กเลย” เขมมิกาตอบยิ้มๆ เธอไม่ได้โกหก แต่บอกไม่หมดต่างหาก สาเหตุที่ดีใจเพราะหมอหนุ่มไม่โกรธเธอแล้ว“ดีแล้ว เห็นไหม พี่เคยบอกว่าแล้วว่า หมอธาม ถ้าบทจะดีก็คือดีเลย อีกอย่าง ถ้าหมอเริ่มพูดดีกับเรา แปลว่าเราทำงานดี เริ่มผ่านบททดสอบจากหมอแล้วด้วยนะ” ฝ่ายบุคคลสาวพูดอย่างให้กำลังใจ“ถ้าเป็นอย่านั้นจริงๆ ก็ดีสิคะ เผื่อว่าเค้กจะได้มีโอกาสทำงานที่นี่บ้าง” แม่สาวน้อยหน้าหวานได้แต่หวังใจเล็กๆ ว่าธามไทจะนึกเอ็นดูเธอขึ้นมา แม้จะไม่ได้มอบตำแหน่งเลขาฯ ให้ แต่อาจให้ตำแหน่งอื่นๆ ในโรงพยาบาลนี้“อะแฮ่มๆ เมื่อกี้ได้ยินแว่ว
คนตัวเล็กเอื้อมมือไปกุมมือสาวรุ่นพี่เพื่อขอบคุณ เธอดีใจที่อย่างน้อยการมาฝึกงานครั้งนี้ก็ได้เจอผู้ใหญ่ที่เมตตาเธอจากใจจริง“อื้ม มีอะไรก็คุยกับพี่ได้นะ ยังไง พี่ก็เป็นคนดูแลเราอยู่แล้ว”พิมอรตอบกลับด้วยความหวังดี สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างก็อยู่ที่เขมมิกาจะเลือก หากแม่สาวน้อยเลือกที่จะเดินบนเส้นทางแห่งความเสี่ยง ตัวเธอก็ไม่สามารถห้ามอะไรได้…เขมมิกากลับเข้าไปนั่งที่โต๊ะในช่วงบ่าย เธอสังเกตว่าธามไทกลับมาที่ห้องได้สักพักแล้ว และก็สั่งเอาไว้ว่าห้ามใครเข้าไปรบกวนเด็ดขาด แม้จะห่วงเขาที่ยังไม่ได้ทานอะไร แต่ก็ไม่อยากขัดคำสั่งชายหนุ่มจึงได้แต่นั่งทำงานเงียบๆ อยู่หน้าห้องติ๊ดๆ ๆ ๆ เขมมิกาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมามองเบอร์แปลกที่โทร.เข้ามา ก่อนจะกดรับสายทันที“สวัสดีค่ะ เค้กพูดค่ะ” เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหวานไพเราะ“สวัสดีครับคุณเค้ก ผมปริญนะ”ปลายสายตอบกลับมา และชื่อนั้นทำเอาเขมมิกาถึงกับนิ่งไปเช่นกัน เพราะคนในสายก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ธามไทโมโหใส่เธอ“เอ่อ ค่ะ คุณปริญ มีเบอร์เค้กได้ยังไงคะเนี่ย” เธอเอ่ยถามด้วยความงุนงง เพราะมั่นใจว่าไม่ได้ให้เบอร์ตนเองกับปริญไป“ก็ไม่เห็นจะหายากนี่ครับ ในเมื่อคุ
“แน่ใจนะว่าอยากฝึกงานเป็นเลขาฯ ศัลยแพทย์ท่านนี้จริงๆ” เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลอินทารามเอ่ยถามนักศึกษาสาวปีสี่ ที่ตอนนี้สวมชุดนักศึกษากระโปรงทรงเอสั้นเหนือเข่าเล็กน้อย เจ้าตัวยิ้ม พยักหน้าด้วยความมั่นใจ“แน่ใจค่ะ หนูอยากทำงานที่นี่” น้ำเสียงตอบกลับด้วยท่าทีกระตือรือร้น แววตาแสดงออกอย่างชัดเจนถึงความต้องการ‘เค้ก’ เขมมิกา รุ่งเรืองวงศ์ นักศึกษาสาวจากคณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาภาษาไทย ชั้นปีที่สี่ มองไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของโรงพยาบาลอย่างมั่นใจ หญิงสาวใช้ความพยายามกว่าหลายเดือนเพื่อให้ตัวเองได้เข้ามาเป็นเด็กฝึกงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้ และความพยายามนั้นก็ไม่ได้ทรยศเธอเลยสักนิด แถมสิ่งที่ได้ก็เกินความคาดหวังไปมาก เมื่อวันหนึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อกลับมาว่า ตอนนี้ทางโรงพยาบาลต้องการรับนักศึกษาฝึกงานตำแหน่งเลขาฯ ของศัลยแพทย์ใหญ่ และแน่นอนว่าเขมมิกาไม่มีทางปฏิเสธมันได้ลง เพราะ ‘เขา’ คือเหตุผลที่ทำให้เธออยากเข้ามาฝึกงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้“แต่คุณหมอท่านนี้ไม่ชอบให้ผู้หญิงอยู่ใกล้สักเท่าไร พี่เกรงว่าเขาจะไปขวางหูขวางตาคุณหมอเข้า” พนักงานฝ่ายบุคคลชื่อ ‘กมล’ พูดขึ้นอย่างลังเลใจใครก็รู้กิตติศัพท์คว
คนตัวเล็กเอื้อมมือไปกุมมือสาวรุ่นพี่เพื่อขอบคุณ เธอดีใจที่อย่างน้อยการมาฝึกงานครั้งนี้ก็ได้เจอผู้ใหญ่ที่เมตตาเธอจากใจจริง“อื้ม มีอะไรก็คุยกับพี่ได้นะ ยังไง พี่ก็เป็นคนดูแลเราอยู่แล้ว”พิมอรตอบกลับด้วยความหวังดี สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างก็อยู่ที่เขมมิกาจะเลือก หากแม่สาวน้อยเลือกที่จะเดินบนเส้นทางแห่งความเสี่ยง ตัวเธอก็ไม่สามารถห้ามอะไรได้…เขมมิกากลับเข้าไปนั่งที่โต๊ะในช่วงบ่าย เธอสังเกตว่าธามไทกลับมาที่ห้องได้สักพักแล้ว และก็สั่งเอาไว้ว่าห้ามใครเข้าไปรบกวนเด็ดขาด แม้จะห่วงเขาที่ยังไม่ได้ทานอะไร แต่ก็ไม่อยากขัดคำสั่งชายหนุ่มจึงได้แต่นั่งทำงานเงียบๆ อยู่หน้าห้องติ๊ดๆ ๆ ๆ เขมมิกาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมามองเบอร์แปลกที่โทร.เข้ามา ก่อนจะกดรับสายทันที“สวัสดีค่ะ เค้กพูดค่ะ” เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหวานไพเราะ“สวัสดีครับคุณเค้ก ผมปริญนะ”ปลายสายตอบกลับมา และชื่อนั้นทำเอาเขมมิกาถึงกับนิ่งไปเช่นกัน เพราะคนในสายก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ธามไทโมโหใส่เธอ“เอ่อ ค่ะ คุณปริญ มีเบอร์เค้กได้ยังไงคะเนี่ย” เธอเอ่ยถามด้วยความงุนงง เพราะมั่นใจว่าไม่ได้ให้เบอร์ตนเองกับปริญไป“ก็ไม่เห็นจะหายากนี่ครับ ในเมื่อคุ
เขมมิกาเริ่มรู้สึกดีขึ้น อาจเป็นเพราะธามไทคุยด้วยเมื่อช่วงเช้าทำให้รู้ว่า ตอนนี้ เขาไม่ได้โกรธเธอเหมือนเมื่อวาน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันทำให้เห็นจริงๆ ว่าหมอหนุ่มมีอิทธิพลต่อจิตใจของเธอเป็นอย่างมาก หากเขาโกรธ หญิงสาวก็เศร้าได้ทั้งวันทั้งคืน และหากหายโกรธ เธอก็สามารถกลับมาสดใสร่าเริงราวกับกดสวิตซ์ได้“อารมณ์ดีต่างเมื่อวานเลยน้า วันนี้สงสัยไม่โดนหมอธามดุละสิ” พิมอรเอ่ยถามนักศึกษาฝึกงานสาว หลังจากที่ตอนนี้เจ้าตัวอยู่ในใบหน้ายิ้มแย้มต่างจากเมื่อวานสิ้นดี“เอ่อ ค่ะ วันนี้ หมอธามไม่ดุเค้กเลย” เขมมิกาตอบยิ้มๆ เธอไม่ได้โกหก แต่บอกไม่หมดต่างหาก สาเหตุที่ดีใจเพราะหมอหนุ่มไม่โกรธเธอแล้ว“ดีแล้ว เห็นไหม พี่เคยบอกว่าแล้วว่า หมอธาม ถ้าบทจะดีก็คือดีเลย อีกอย่าง ถ้าหมอเริ่มพูดดีกับเรา แปลว่าเราทำงานดี เริ่มผ่านบททดสอบจากหมอแล้วด้วยนะ” ฝ่ายบุคคลสาวพูดอย่างให้กำลังใจ“ถ้าเป็นอย่านั้นจริงๆ ก็ดีสิคะ เผื่อว่าเค้กจะได้มีโอกาสทำงานที่นี่บ้าง” แม่สาวน้อยหน้าหวานได้แต่หวังใจเล็กๆ ว่าธามไทจะนึกเอ็นดูเธอขึ้นมา แม้จะไม่ได้มอบตำแหน่งเลขาฯ ให้ แต่อาจให้ตำแหน่งอื่นๆ ในโรงพยาบาลนี้“อะแฮ่มๆ เมื่อกี้ได้ยินแว่ว
เธอไม่ได้อยากทำตัวเป็นเด็กสาวโรคจิตที่เฝ้ามองผู้ชาย แต่เป็นเด็กสาวคนหนึ่งที่มีความรักอย่างบริสุทธิ์ เพียงแค่อยากอยู่ใกล้คนที่รักโดยที่ไม่หวังอะไร และหากเขายังจำเธอได้ เขมมิกาก็ยินดีที่จะทำงานเพื่อชดใช้เงินทั้งหมดที่คุณหมอหนุ่มจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลให้พ่อ“ทำไมคุณถึงเป็นไปได้ขนาดนี้นะ”เขมมิกาดึงตัวเองกลับมาที่ปัจจุบัน คิดแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คุณหมอที่แสนอบอุ่นในวันนั้นจะกลายเป็นหมอที่ใจร้าย แถมสาดถ้อยคำแสนเจ็บปวดใส่ตนเองได้ขนาดนี้ แต่ที่แปลกคือ ทำไมเธอถึงยังทำใจเกลียดเขาไม่ลง…วันต่อมา เขมมิกาไปทำงานสาย เพราะเมื่อคืนเอาแต่ร้องไห้เสียจนนอนหลับไปไม่รู้เรื่อง ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าสายแล้ว หญิงสาวรีบวิ่งมาที่โต๊ะทำงานด้วยสภาพที่ผมยังเปียกอยู่“เฮ้อ หมอธามมาหรือยังเนี่ย” พูดกับตัวเอง ก่อนจะแอบมองไปที่ประตูห้องของหมอหนุ่ม ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ เธอคงจะเดินไปเคาะประตูแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เมื่อวาน หญิงสาวจึงเลือกที่จะนั่งอยู่เฉยๆ แทน“ทำไมวันนี้มาสายล่ะเค้ก” พิมอรเดินเข้ามาหาเขมมิกาด้วยสีหน้าเครียดจัด“ขอโทษค่ะพี่พิม พอดีเมื่อคืน เค้กนอนไม่ค่อยหลับก็เลย…” แล้วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ด้ว
เด็กสาวร้องไห้ออกมา เธอไม่สามารถรับความจริงได้ เมื่อเช้า พ่อยังคุยดีๆ กับเธออยู่เลย ทำไมตกเย็นถึงได้จากกันไปเช่นนี้“ลองติดต่อญาติผู้ใหญ่ดูนะครับ หมอขอตัวก่อนนะครับ” แวบเดียวเท่านั้นที่เด็กสาวเห็นสายตาสั่นระริกของคนเป็นหมอ ก่อนที่สายตาของเขาจะนิ่งเรียบอีกครั้ง“ฮึก พ่อ”เขมมิกาไม่รอช้ารีบวิ่งไปหาร่างไร้วิญญาณของผู้เป็นพ่อที่ตอนนี้ถูกเข็นออกจากห้องผ่าตัด นาทีนี้ หัวใจดวงน้อยทั้งดวงแตกสลายเสียจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ เด็กสาวปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาอย่างไม่คิดจะห้ามมัน พ่อเป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างและเป็นแรงบันดาลใจให้เธอทำสิ่งต่างๆ มาวันนี้ไม่มีพ่อ เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่อย่างไรต่อไป...ผ่านไปเกือบสัปดาห์ เขมมิกาจัดแจงเรื่องงานศพของผู้เป็นพ่ออย่างโดดเดี่ยว โชคดีที่ท่านทำประกันชีวิตเอาไว้ก่อนที่จะตรวจพบว่าเป็นโรคหัวใจ ทำให้ตอนนี้ เธอพอมีเงินติดตัวอยู่บ้างและสามารถนำมาจัดงานศพเล็กๆ ให้ผู้เป็นพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งในงานจะมีแขกไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนที่ทำงานของพ่อและเพื่อนๆ รวมถึงครูที่โรงเรียนของเธอไม่กี่คนเท่านั้นวันนี้ เขมมิกาเริ่มตั้งสติกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้แล้ว แม้ว่าจะยังคงเศร้าเสีย
เขมมิกาเก็บของอย่างว่าง่าย พร้อมกับลาฝ่ายบุคคลสาวกลับบ้านทันที และเธอเองก็ไม่อยากอยู่รอจนได้เจอกับธามไทอีก เพราะตอนนี้ หัวใจไม่เข้มแข็งพอที่จะเห็นหน้าของเขาหญิงสาวกลับมาถึงห้องเช่าในเวลาเกือบสองทุ่ม ตอนแรกตั้งใจว่าจะซื้อกับข้าวกลับมากินต่อ แต่เมื่อมองดูอาหารแต่ละอย่างที่ตลาดแล้ว เขมมิกากลับรู้สึกพะอืดพะอม จนสุดท้ายไม่ได้ซื้ออะไรติดมือกลับห้องมา เธอรู้ดีว่ามันคงเป็นเพราะความเครียดที่สั่งสมมาตลอดทั้งวันทำให้กินอะไรไม่ลงเขมมิกาเอื้อมไปหยิบรูปคู่กับพ่อบนเตียงนอน แล้วมองภาพนั้นด้วยความคิดถึงผู้เป็นพ่ออย่างสุดหัวใจ ก่อนที่น้ำตาจะไหลรินและร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น วันนี้ เธอรู้สึกอ่อนแอเหลือเกิน จนไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปหาใคร ไม่รู้ว่าใครจะรับฟังทุกเรื่องได้เหมือนกับที่พ่อรับฟัง และใครจะรักเธอเหมือนที่พ่อรักเธอได้บ้าง“เค้กคิดถึงพ่อ ฮึก”คนตัวเล็กปล่อยโฮออกมา ก่อนที่จะนึกถึงใบหน้าของชายหนุ่มต้นเหตุที่ทำให้เธอซึมเศร้ามาตลอดทั้งวัน ทำไมเขาถึงใจร้ายแตกต่างจากเมื่อห้าปีที่แล้วนัก…ห้าปีที่แล้วเขมมิกาในวัยมัธยมศึกษาปีที่ห้ากลับมาที่บ้านเช่าของตนเองหลังจากเรียนหนังสือเสร็จ วันนี้ เธอกลับมาพร้อมข่า
“โห ปากมึงนี่นะ กูแค่ผ่านมาก็เลยแวะมาหา เห็นมึงหายเงียบไปหลายวัน เคลียร์เรื่องคุณศศิแล้วเหรอวะ” เวทัสเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“ยัง เดี๋ยวกูจะจัดการเร็วๆ นี้แหละ เบื่อเหมือนกัน” เมื่อพูดถึงศศิ ธามไทก็รู้สึกหนักใจขึ้นมา เขาต้องรีบบอกความรู้สึกของตัวเองให้หญิงสาวรู้โดยเร็ว แม้ที่ผ่านมา ตนเองจะชัดเจนมาตลอดว่าไม่ได้ชอบอีกฝ่ายก็ตาม“ก็ดี จะได้จีบน้องเค้กได้เต็มที่” เวทัสไม่วายแซวเพื่อนอีกครั้ง และก็ถูกมองกลับมาตาจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่องทันที“มึงไม่ต้องพูดละ งานปาร์ตีประจำปีของโรงพยาบาลกู มึงจะมาปะ เชิญคุณข้าวฟ่างมาด้วยนะ” ธามไทพูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าต้องเชิญเพื่อนรักเพื่อนร้ายของตนเองไปงานด้วย“จัดที่โรงแรมไหนวะ?” คนมาเยือนเอ่ยถามขึ้นก่อนจะจิบน้ำที่เขมมิกาเอามาเสิร์ฟให้“เดอะริเวอร์”“อะไรนะ! โรงแรมไอ้ปริญอะนะ?” สิ้นคำตอบ เวทัสก็เอ่ยถามกลับด้วยความตกใจทันที“เออ มึงรู้จักเขาด้วยเหรอวะ” ธามไทมองหน้าเพื่อนด้วยความอยากรู้อยากเห็น“ทีงี้อยากรู้ขึ้นมาเลยนะ ไอ้ปริญมันเคยจีบเมียกู แต่เอาจริงๆ มันก็นิสัยใช้ได้ มันกำลังจีบคุณเค้กอยู่งั้นดิ ถ้ามึงไม่ชอบเด็กมันก็ไม่ต้องไปขัดขวางไอ้ปริญหรอก เพราะไอ้นี
“มึงอย่าเสือกเลย” ธามไทเลือกที่จะปฏิเสธด้วยที่ไม่อยากให้เรื่องของเขมมิกามารบกวนจิตใจอีก เพราะตอนนี้ เขาก็ห่วงที่เห็นเธอร้องไห้ออกไปจนแทบคลั่งแล้ว“กูอยากเสือก ทีตอนนั้น มึงยังเสือกเรื่องของกูเลย” เวทัสเอ่ยถามปนขำที่เห็นว่าท่าทีของเพื่อนรักคงไม่ต่างจากตนเองเมื่อก่อนนัก“ตอนนั้น มึงปรึกษาเรื่องผู้หญิงที่มึงชอบ แต่นี่มันเรื่องของเด็กฝึกงาน กูไม่อยากเอามาใส่ใจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ” ธามไทพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับต้องการจะย้ำเตือนตัวเองเหมือนกันว่า เขมมิกาเป็นเพียงแค่เด็กฝึกงานก็เท่านั้น!“โอเค เด็กฝึกงานก็เด็กฝึกงาน ว่าแต่น้องเขาชื่ออะไรวะ นี่ถ้าไม่มีข้าวฟ่าง กูจีบแล้ว ขนาดร้องไห้ยังน่ารักเป็นบ้า” เวทัสทำท่าทางนึกถึงใบหน้าของหญิงสาวเมื่อครู่นี้ จนธามไทจ้องมองตาเขม็ง“กูพูดเล่นคร้าบบบ แหม่นี่ขนาดแค่เด็กฝึกงานนะ” พูดด้วยความหมั่นไส้เพื่อนที่ไม่รู้จักความรู้สึกตัวเอง เขามั่นใจว่าผู้หญิงเมื่อกี้ต้องไม่ใช่เด็กฝึกงานธรรมดาอย่างแน่นอนก๊อกๆ ๆ ๆ ประตูห้องถูกเปิดมาพร้อมกับเขมมิกาที่เดินถือแก้วน้ำเข้ามาสองแก้วเพื่อต้อนรับแขกของหมอธามไท หญิงสาวเดินเข้ามาโดยที่ไม่ได้มองหน้าเขาแต่อย่างใด ด้วยก
“หมอเข้าใจว่าเค้กต้องการอะไรคะ” เมื่อทนไม่ไหวจึงเอ่ยถามออกไปตามตรง เธอคิดว่าเขาคงเข้าใจอะไรตนเองผิดไปแน่ถึงได้ออกปากไล่กันแบบนี้“ฉันจะไม่อ้อมค้อมละกันนะ ฉันไม่ใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออกว่าเด็กอย่างเธอต้องการอะไร ตอนแรกก็คงตั้งใจจะมาอ่อยฉัน ใช้ทางลัดเพื่อให้ตัวเองได้สบายไวๆ แต่พอฉันไม่สนใจก็เลยทอดสะพานหาไอ้หมอวิน ตอนแรก ฉันก็คิดว่าเธอกับหมอวินชอบกันจริงๆ แต่พอวันนี้มาเห็นว่าเธอเองยังไปหว่านเสน่ห์ให้กับคุณปริญ ฉันก็เข้าใจแล้วว่าจริงๆ เธอคงจะหาใครสักคนก็ได้ที่รวยพอจะทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้น”“ไม่ใช่นะคะ!” คนตัวเล็กรีบพูดแทรกขึ้นมาด้วยความรู้สึกโกรธจัด“อันที่จริง ไอ้เรื่องครอบครัวแสนเศร้าที่เธอเล่ามา ฉันว่าก็ถือเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้ชายอย่างหมอวินหรือคุณปริญสงสารได้อยู่นะ พวกนั้นน่าจะหลงเธอทั้งรูปร่าง หน้าตา แล้วก็สงสารชีวิตของเธอจนต้องอยากยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แต่ฉันก็ไม่แน่ใจนะว่า พวกนั้นจะให้เธออยู่ในฐานะอะไร” ธามไทพูดราวกับเป็นผู้ใหญ่ที่สอนเด็ก แต่ลึกๆ แล้วเขาอยากพูดให้เขมมิกาเจ็บปวดมากที่สุดต่างหาก“พอแล้วค่ะ เค้กไม่ออยากฟัง” เขมมิกาพูดแทรกขึ้นมา ใช่ว่าเธอทนฟังคำพูดแบบนั้นไม่ได้ แต่เธอแค่
บรรยากาศบนรถเงียบตลอดทางเสียจนเขมิกาอดเกร็งไม่ได้ ตั้งแต่ที่เดินทางออกจากโรงแรม ธามไทไม่มองหน้าและไม่พูดคุยอะไรกับเธอเลย จริงอยู่ว่า ปกติ คุณหมอหนุ่มจะพูดกับเธอน้อยมาก แต่ครั้งนี้ทั้งสีหน้า และแววตาของเขาทำให้คนตัวเล็กอดรู้สึกกลัวไม่ได้“คุณหมอโกรธอะไรเค้กหรือเปล่าคะ” หญิงสาวใช้ความกล้าทั้งหมดที่มีเอ่ยถามหมอหนุ่มทันที เธอไม่อยากมีเรื่องค้างคาใจอะไรทั้งนั้น“ไว้คุยที่โรงพยาบาล” ธามไทตอบเสียงนิ่งเรียบโดยที่ไม่ได้หันไปมองคนถามสักนิด เขาพยายามทำใจให้สงบลง แม้ว่ามันจะมีดีขึ้นเลยก็ตาม“เค้กทำอะไรผิดเหรอคะ หรือว่าหมอโกรธที่เค้กไปเสียมารยาทเดินชนคุณปริญ แต่เค้กไม่ได้ตั้งใจนะคะ” คนตัวเล็กรีบพูดขึ้นมาเมื่อคิดได้ว่านี่อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจ“ฉันบอกว่าเดี๋ยวค่อยคุยไง ไม่เข้าใจเหรอ!” คนถูกจี้ทนไม่ไหวหันไปตะคอกใส่เสียงดังจนเธอสะดุ้ง น้ำตาเอ่อคลอทันที“ขะ ขอโทษค่ะ”เขมมิกาพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ด้วยที่ไม่เคยถูกธามไทเสียงดังใส่ขนาดนี้มาก่อน แม้ในใจจะเกิดคำถามมากมายว่าตนเองผิดอะไร แต่เธอก็เลือกที่จะเงียบเพราะไม่อยากทำให้เขาโมโหมากกว่านี้ธามไทใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่โรงพยาบา