“แน่ใจนะว่าอยากฝึกงานเป็นเลขาฯ ศัลยแพทย์ท่านนี้จริงๆ” เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลอินทารามเอ่ยถามนักศึกษาสาวปีสี่ ที่ตอนนี้สวมชุดนักศึกษากระโปรงทรงเอสั้นเหนือเข่าเล็กน้อย เจ้าตัวยิ้ม พยักหน้าด้วยความมั่นใจ
“แน่ใจค่ะ หนูอยากทำงานที่นี่” น้ำเสียงตอบกลับด้วยท่าทีกระตือรือร้น แววตาแสดงออกอย่างชัดเจนถึงความต้องการ
‘เค้ก’ เขมมิกา รุ่งเรืองวงศ์ นักศึกษาสาวจากคณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาภาษาไทย ชั้นปีที่สี่ มองไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของโรงพยาบาลอย่างมั่นใจ หญิงสาวใช้ความพยายามกว่าหลายเดือนเพื่อให้ตัวเองได้เข้ามาเป็นเด็กฝึกงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้ และความพยายามนั้นก็ไม่ได้ทรยศเธอเลยสักนิด แถมสิ่งที่ได้ก็เกินความคาดหวังไปมาก เมื่อวันหนึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อกลับมาว่า ตอนนี้ทางโรงพยาบาลต้องการรับนักศึกษาฝึกงานตำแหน่งเลขาฯ ของศัลยแพทย์ใหญ่ และแน่นอนว่าเขมมิกาไม่มีทางปฏิเสธมันได้ลง เพราะ ‘เขา’ คือเหตุผลที่ทำให้เธออยากเข้ามาฝึกงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้
“แต่คุณหมอท่านนี้ไม่ชอบให้ผู้หญิงอยู่ใกล้สักเท่าไร พี่เกรงว่าเขาจะไปขวางหูขวางตาคุณหมอเข้า” พนักงานฝ่ายบุคคลชื่อ ‘กมล’ พูดขึ้นอย่างลังเลใจใครก็รู้กิตติศัพท์ความบ้างานและโลกส่วนตัวสูงของคุณหมอท่านนี้
“คิดมากน่าพี่กมล หมอธามไม่ดุขนาดนั้นหรอก อีกอย่างมีเด็กๆ น่ารักๆ อยู่ใกล้ๆ ก็ดีเหมือนกัน หมอจะได้อารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง”
‘พิมอร’ พนักงานฝ่ายบุคคลอีกคนพูดขึ้น เธอเป็นคนติดต่อเขมมิกาไป เพราะเห็นว่าเด็กคนนี้ส่งใบสมัครขอเข้าฝึกงานที่โรงพยาบาลมาตั้งแต่อยู่ปีหนึ่ง จนถึงตอนนี้ก็ยังคงไม่ล้มเลิกความตั้งใจ แล้วแบบนี้จะไม่ให้สนับสนุนได้อย่างไร
“แน่ใจเหรอยัยพิม เธอก็รู้ว่าหมอธามน่ะเขี้ยวขนาดไหน” คราวนี้ กมลหันมามองที่เขมมิกาหัวจดเท้าอย่างเพ่งพินิจ จริงอยู่ว่าอีกฝ่ายมีใบหน้าที่น่ารัก และน่าจะถูกใจหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่หลายคน แต่คงไม่ใช่หมอธามไทอย่างแน่นอน เพราะใครๆ ก็รู้ว่าต่อให้นางแบบดังหรือแม้แต่หุ้นส่วนคนสำคัญของโรงพยาบาลพยายามเข้าหา คุณหมอหนุ่มก็ไม่สนใจ เพราะเขามอบความรักให้กับ ‘งาน’ ไปเสียหมดแล้ว
“รับเค้กเข้าฝึกงานที่นี่เถอะนะคะ เค้กสัญญาค่ะว่าจะทำเต็มที่ไม่ให้คุณหมอต้องรำคาญใจ” เมื่อเห็นว่าฝ่ายบุคคลเริ่มลังเล เขมมิกาจึงพูดขึ้นมาบ้าง เธอไม่อยากให้ความหวังครั้งสุดท้ายของตนเองก่อนเรียนจบต้องหมดไป เพราะรู้ดีว่าที่นี่สมัครงานเข้ายากเสียยิ่งกว่าอะไร
“ก็ได้ๆ ถ้าอย่างนั้น ฉันจะพาเธอไปเจอคุณหมอก่อน แต่ตอนนี้ คุณหมอติดเคส รอได้ไหมล่ะ” กมลเอ่ยขึ้นด้วยความใจอ่อน
“ขอบคุณนะคะพี่กมล รอได้ค่ะ จะกี่โมง เค้กก็รอได้” เขมมิกาพูดด้วยความดีอกดีใจ ต่อให้ต้องรอนานแค่ไหนก็จะรอ เพราะเธอรอที่จะพบเขามาห้าปีแล้ว รออีกสักนิดคงไม่เป็นไร
“ถ้าอย่างนั้น พิมรับเค้กเป็นเด็กในการดูแลละกันนะ มีอะไรก็คุยกับพิมล่ะ” กมลหันมาส่งยิ้มให้กับเขมมิกาเบาๆ ด้วยความเอ็นดู เพราะไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าเด็กตัวแค่นี้กลับมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าได้ขนาดนี้
“ได้ค่ะ เดี๋ยวพิมจะดูแลน้องเค้กเอง ว่าแต่จะให้พิมพาน้องเค้กไปแนะนำกับฝ่ายอื่นๆ ก่อนไหมคะ” พิมอรถามขึ้น เพราะรู้ดีว่ากว่าหมอธามไทจะผ่าตัดเสร็จก็คงกินเวลาไปช่วงเย็น
“รอหมอธามออกมาก่อนดีกว่า เธอก็รู้ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ หมอธามอาจจะไม่อยากรับเค้กก็ได้” แม้ว่ากมลเองจะเอ็นดูเขมมิกาแค่ไหน แต่คำพูดของหมอธามไทถือเป็นที่สิ้นสุด ถ้าหมอไม่ถูกชะตากับเด็กก็ไม่มีใครช่วยอะไรได้
“งั้นก็ได้ค่ะ เค้กก็นั่งอยู่แถวๆ นี้รอหมอธามก่อนละกันนะ หรือจะทำการบ้าน อ่านประวัติหมอธามรอไว้เลยก็ได้ แต่พี่เตือนไว้ก่อนนะว่าหมอธามน่ะหล่อมาก หล่อแบบเทพบุตร ข้อห้ามของที่นี่คือห้ามหลงรักหมอธามเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะเสียใจจนทำงานไม่ได้เลยนะ” พิมอรกล่าวเตือนด้วยสีหน้าจริงจัง
“ทำไมคะ หมอธามจะไล่ออกเหรอคะ” เขมมิกาถามด้วยท่าทางใสซื่อ เพราะไม่อยากจะเชื่อว่าหมอธามไทที่เธอเคยรู้จักเมื่อห้าปีที่แล้วจะเป็นคนใจร้ายขนาดนั้น
“หมอธามไม่ไล่ใครออกหรอก ส่วนใหญ่จะเสียใจจนสู้หน้าหมอธามไม่ไหว แล้วก็ชิงลาออกไปเองเสียมากกว่า เพราะฉะนั้นถือว่าพี่เตือนละกัน ทำงานคือทำงาน อย่าได้คิดหลงรักหมอเด็ดขาด”
พิมอรพูดขึ้นอีกครั้ง เพราะที่ผ่านมาเลขาฯ ของคุณหมอหนุ่มทุกคนมักจะเผลอใจหลงรักหมออย่างห้ามไม่ได้ หมอธามไธคุณหมอหล่อขึ้นชื่อเรื่องความดุจนไม่น่าหลงใหล แต่ถ้าหมอยิ้มเมื่อไหร่ผู้หญิงคนไหนก็ต้องหลงรัก แต่ถ้าใครหลงรักสุดท้ายต้องขอลาออกเพราะไม่สามารถสู้หน้าหมอธามไทได้อีกเพราะสิ่งที่ได้รับคือความเย็นชา และนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ‘หมอธามไท’ พัฒนอินทาราม ศัลยแพทย์หัวใจและหุ้นส่วนใหญ่ของโรงพยาบาลอินทารามถึงไม่มีเลขาฯ ทั้งที่งานทุกวันนี้เรียกได้ว่าแน่นเสียยิ่งกว่าอะไร ไหนจะคิวผ่าตัด ไหนจะประชุมผู้ถือหุ้น ไหนจะวางแผนขยายโรงพยาบาล แต่หมอธามไทเลือกที่จะตัดปัญหาเรื่องชู้สาวโดยการไม่รับเลขานุการอีกเลยทั้งที่จริงแล้วระดับคุณหมอหุ้นส่วนใหญ่ของโรงพยาบาลที่เป็นทั้งนักบริหารและแพทย์ในร่างเดียวจะมีเลขาฯ ถึงสองคนก็ยังไม่แปลก
“รับทราบค่ะพี่พิม” เขมมิกาตอบรับอย่างว่าง่าย แต่ลึกๆ ในใจรู้ดีว่าไม่มีใครสามารถห้ามความรู้สึกตนเองได้ และที่สำคัญเธอไม่ได้เพิ่งรู้สึก แต่รู้สึกมานานแล้ว นานเสียจนอยากจะระเบิดออกมาให้เขาได้รับรู้…
เขมมิการอหมอธามไทจนถึงเวลาพักเที่ยง พิมอรก็พาเธอเข้าไปรับประทานอาหารที่แคนทีนส่วนกลางของโรงพยาบาล สวัสดิการของที่นี่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว เพราะพนักงานทุกคนจะรับประทานอาหารกลางวันฟรี รวมถึงเด็กฝึกงานอย่างเขมมิกาด้วย ทั้งหมดนี้คือนโยบายของหมอธามไทผู้บริหารระดับสูงของโรงพยาบาล ที่อยากแบ่งเบาภาระให้กับพนักงานด้วยการเลี้ยงข้าวหนึ่งมื้อต่อวัน หลายคนจึงฝากท้องไว้ที่แคนทีนส่วนกลางเสียมากกว่าจะออกไปรับประทานกันข้างนอก
“มาวันแรกก็โดนมองไม่วางตาเลยนะ” พิมอรเอ่ยแซวนักศึกษาฝึกงานน้องใหม่ เพราะตั้งแต่ที่เขมมิกาเดินก้าวเข้ามาในโรงอาหาร ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่เธอ โดยเฉพาะหนุ่มๆ ตั้งแต่เวรเปล เจ้าหน้าที่บัญชี ไปจนถึงหมอท่านอื่นๆ เรียกได้ว่าสาวน้อยคนนี้ ‘ฮอต’ พอตัวเลยทีเดียว
“ไม่หรอกมั้งคะ คนอื่นคงสงสัยว่าเค้กเป็นใคร” เขมมิกาตอบยิ้มๆ ไม่ใช่ว่าไม่เห็นสายตาที่จับจ้องมา แต่หญิงสาวเลือกที่จะไม่สนใจต่างหาก เธอไม่ได้หยิ่งหรือถือตัว แต่หัวใจไม่ว่างที่จะรับคนอื่นเข้ามาอีกแล้ว
“อย่าลืมที่พี่บอกละกัน จะกิ๊กกับใครหรือถ้ามีใครมาจีบพี่ไม่ว่านะ แต่กับหมอธามอย่าคิดเชียว” พิมอรพูดด้วยความเป็นห่วง เธอเองก็ไม่ใช่สาวแก่ที่จะไม่เข้าใจความรักของหนุ่มสาว และก็ไม่เคยคิดกีดขวางใคร เพียงแต่รู้ดีว่าหากนักศึกษาฝึกงานสาวหลงรักหมอธามไทเข้าย่อมไม่ใช่ผลดีอย่างแน่นอน
“พี่พิมพูดบ่อยจนเค้กเริ่มกลัวหมอธามแล้วนะคะ” เขมมิกาพูดยิ้มๆ จริงๆ แล้วเธอไม่ได้กลัวเขาเลยสักนิด อดคิดตื่นเต้นไม่ได้ว่าเขาจะจำเธอได้หรือไม่“กลัวไว้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่คิดเกินเลย เชื่อพี่ สนใจแค่งานพอจะได้ไม่มีปัญหาอะไร” พิมอรพูดด้วยท่าทีเมามันเสียจนเขมมิกาอดยิ้มไม่ได้“ถ้าอย่างนั้นพี่พิมมีอะไรจะเตือนเกี่ยวกับหมอธามให้เค้กรู้ก่อนไหมคะ เค้กจะได้ทำตัวดีๆ ไม่ให้หมอธามเพ่งเล็ง” หญิงสาวถามขึ้น เพราะเมื่อคิดไปคิดมาแล้ว หากหมอธามไทไม่ถูกชะตาเธอขึ้นมา ความพยายามทั้งหมดที่ได้ทำไปก็จะสูญเปล่าไปในทันที“ก็…อันดับแรก อย่าเล่นหูเล่นตากับหมอธามเด็ดขาด สงสัยหรือไม่รู้อะไรให้รีบถามทันที หมอธามไม่ใช่คนดุมากธรรมดาแต่ ถ้าพลาด หมอธามก็ให้โอกาสครั้งแรก แต่อย่าพลาดเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด แล้วก็อย่าเซ้าซี้เรื่องส่วนตัวด้วย หมอธามีโลกส่วนตัวสูงเหมือนเขาเอเวอร์เรส” พิมอรกล่าวเตือนสาวน้อยด้วยความหวังดี ที่ผ่านมาเลขาฯ หลายๆ คนพยายามที่จะเข้าถึงตัวหมอธามไท แต่สุดท้ายทุกคนก็ต้องลาออกไปด้วยความรู้สึกอดสู“เข้าใจแล้วค่ะ เค้กจะทำให้ดีที่สุด ไม่ให้เสียชื่อที่พี่พิมแนะนำเข้ามาเลย” เขมมิกาพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เธอไม่ใช่เด็
“ผมยังไม่รับเลขาฯ ตอนนี้” ธามไทพูดแทรกขึ้นมาทันที แม้จะรู้ว่าฝ่ายบุคคลหวังดี แต่เขาก็ไม่อยากมีเรื่องวุ่นวายตามมาทีหลัง“เอ่อ ไม่ใช่นะคะ” เขมมิกาพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอกลัวเหลือเกินว่าหมอหนุ่มจะไม่รับตนเองเข้าฝึกงาน และแน่นอนว่ามาถึงขนาดนี้แล้ว เธอจะไม่ยอมถอยแน่นอน“หืม?”ธามไทถึงกับเงยหน้าเพื่อมองต้นเสียงที่ไม่คุ้นเคย ก่อนจะสบตาเข้ากับนักศึกษาสาวที่มองมาด้วยแววตาสั่นระริก เขาจ้องมองเธอด้วยสายตานิ่งงันโดยที่ไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกไป เด็กสาวรีบก้มหลบตาเขาทันที แวบหนึ่งธามไทรู้สึกคุ้นเด็กสาวอย่างประหลาด แต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่าเคยเจอเธอที่ไหน“เอ่อ หมอธามคะ พิมไม่ได้จะหาเลขาฯ มาให้หมอค่ะ แต่น้องเค้กมาสมัครเป็นเด็กฝึกงาน แล้วก็จะมาช่วยเป็นเลขาฯ ให้หมอช่วงนี้ค่ะ” พิมอรค่อยๆ พูดทีละนิด ด้วยรู้ดีว่าความเย็นชาของหมอธามไทนั้นยากที่จะคาดเดาว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่“แล้วต่างจากเลขาฯ ตรงไหน กลับไปเถอะ” ธามไทพูดอย่างไม่ใส่ใจอะไร ต่อให้แม่สาวน้อยคนนี้จะเข้ามาในฐานะเด็กฝึกงาน แต่สุดท้ายก็ต้องทำงานใกล้กันอยู่ดี เขาเหนื่อยที่จะต้องมีปัญหาเกินพอ“แต่ว่าน้องเค้กเป็นเด็กดีนะคะ พิมมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหต
“พอดีว่าเมื่อตอนกลางวันเจอหมอมาวินเข้าน่ะค่ะ ท่าทางหมอจะถูกชะตากับน้องเค้ก พิมเลยคิดว่าอาจจะให้น้องเค้กไปเป็นเลขาฯ หมอวินน่าจะโอเค” ฝ่ายพิมอรพูดไปก็ก้มหน้าไป เพราะเดาใจหมอธามไทไม่ถูก“จะจับคู่ให้หมอกับเด็กฝึกงานหรือไง แน่ใจนะว่าจะเอาอย่างนั้น”คนเป็นเจ้าของห้องถามพร้อมกับลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปหาพิมอรและเขมมิกา ก่อนเอ่ยต่อ“ขอดูประวัติเด็กคนนี้หน่อย” พูดพร้อมกับยื่นมือไปขอเอกสารที่พิมอร แวบหนึ่งเขาเหลือบไปเห็นแววตาดีใจของเด็กสาว“นี่ค่ะหมอ” พิมอรรีบยื่นเอกสารให้คุณหมอหนุ่มทันที“เรียนดีนี่ มีแฟนหรือยัง”เจ้าของร่างสูงโปร่งอย่างคนสุขภาพดีเอ่ยถามเสียงนิ่ง หารู้ไม่ว่าคำถามของเขาเล่นเอาเด็กสาวเขินจนตอบแทบไม่ถูก“เอ่อ ไม่มีค่ะ” เขมมิกาตอบเสียงตะกุกตะกักด้วยไม่คิดว่าเขาจะถามเธอเรื่องนี้“งั้นก็รีบหาแฟนล่ะ จะได้ไม่ต้องมาชอบฉัน” ธามไทพูดนิ่งๆ อีกเช่นเคย ใครจะว่าหลงตัวเองก็ได้ แต่เขาพูดเรื่องจริง และไม่อยากวุ่นวายเรื่องชู้สาวอีก“เค้กไม่ได้อยากมีใครนี่คะ” เขมมิกาพูดสวนขึ้นทันที พิมอรต้องตีแขนเตือนเด็กดื้อเบาๆ“เดี๋ยวก็มี”คุณหมอหนุ่มเดินกลับไปนั่งที่เดิม พร้อมกับใช้ความคิดอีกครั้ง เด็กคนนี้ดูท่า
“เออดิ”“มีไรวะ อย่าบอกนะว่า…” เวทัสพูดอย่างรู้ทัน เพราะก่อนหน้านี้ธามไทเคยเอาเรื่องนี้มาปรึกษาบ้างแล้ว ตอนแรกเขาก็คิดว่าจะจบไปตั้งนาน กลายเป็นว่ายังไม่จบอีก“เมื่อตอนค่ำ คุณสุนทรนัดพบกูเรื่องงานเนี่ยแหละ แล้วก็เข้าเรื่องศศิอีก พูดจาเหมือนอยากให้กูเอาลูกเขาเป็นเมีย ละกูแม่งก็ไม่ใช่คนฝืนอะไรได้ด้วย กูเลยปฏิเสธไปตรงๆ เลย ว่าไม่อยากได้ลูกเขาเป็นเมีย” ธามไทพูดอย่างหัวเสีย สุนทรพยายามจะยัดเยียดลูกสาวให้อย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าเขาจะไม่ได้นึกรังเกียจศศิ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ชอบศศิแบบนั้นเช่นกัน“แล้วมึงเป็นอะไร คุณศศิไม่ดีตรงไหน สวยก็สวย มึงจะโสดตลอดไปไม่ได้นะไอ้ธาม สักวัน มึงก็ต้องมีเมีย กูว่าคุณศศิก็เหมาะกับมึงดี” เวทัสนึกภาพศศิที่ยืนคู่กับธามไทเมื่อมีงานสำคัญของโรงพยาบาล และเคยแอบคิดเสมอว่าเพื่อนรักเหมาะสมกับผู้หญิงคนนี้ยิ่งกว่าอะไร แต่จนแล้วจนรอด ธามไทก็ยังหวงความโสดของตนเอง“กูเคยบอกมึงแล้วไงว่ากูไม่อยากแต่งงาน ชีวิตกูตอนนี้ แค่เรื่องงานก็แทบไม่มีเวลาทำอะไรแล้ว จะเอาเวลาที่ไหนมาดูแลเมีย” ธามไทพูดอย่างใจคิดจริงๆ เพราะไม่เคยนึกถึงตัวเองยามที่มีคนรักมาก่อน เขากลัวว่าจะทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอ ที
เขมมิกาถามอย่างไม่เข้าใจสายตาดุของเขา ทั้งที่เธอถามด้วยความเป็นห่วงแท้ๆ แต่กลับถูกมองราวกับทำอะไรผิดมา“ไม่ผิด แต่ไม่ใช่เรื่องของเธอ หน้าที่คืออะไรก็ทำไป” ธามไทพูดนิ่งๆ แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกทิ่มแทงกลางใจสาว เขาช่างมีพรสวรรค์ทำให้คนอื่นรู้สึกแย่เสียจริง“ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้น เค้กขอตัวไปทำหน้าที่ของเค้กก่อนนะคะ”เขมมิกาเอ่ยพลางมองไปยังหมอธามไทที่ตอนนี้เอาแต่จ้องเอกสารทำราวกับว่าเธอไม่มีตัวตนอยู่ในห้องนี้อีกแล้ว เมื่อเห็นอย่างนั้น หญิงสาวจึงไม่รอช้ารีบเดินออกจากห้องทำงานของเขาไปทันทีก๊อกๆเจ้าของร่างสูงโปร่งเงยหน้ามองไปยังประตู เขาพอจะเดาออกว่าเป็นใคร ชายหนุ่มมองนาฬิกาข้อมือก็พบว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาประชุมด้วยซ้ำ แต่ทำไมเขมมิกาถึงได้มาตามเขาแล้ว“เข้ามา”คุณหมอหนุ่มเอ่ยอนุญาตเสียงเข้ม ไม่นานร่างเล็กก็เดินเข้ามาพร้อมกับน้ำส้มคั้นในมือ เธอเอามาวางที่โต๊ะให้เขาพร้อมกับส่งยิ้มหวาน“อะไร” ธามไทมองหน้าสาวสวยหน้าใสสลับกับแก้วน้ำส้ม เพราะเขาจำได้ว่าไม่ได้สั่งให้เธอเอามาให้“น้ำส้มไงคะ” เขมมิกาพูดอย่างหน้าตาเฉย ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้หมอหนุ่มอีกครั้ง“ฉันรู้ แต่ฉันไม่ได้สั่ง เอามาทำไม” น้ำเสียงเจ
เขมมิกาจ้องมองหญิงสาวร่างสูงโปร่ง อยู่ในสุดเดรสรัดรูปสีครีมเข้ากับผิวขาวอมชมพู ก็อดชื่นชมในความสวยและเด่นของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ แม้เธอจะคะแนนติดลบเรื่องมารยาทก็ตามที“ศศิ”จบคำนั้น ธามไทก็นิ่งไปทันที และหากเขมมิกาไม่ได้ตาฝาดไป เธอแอบเห็นว่าชายหนุ่มลอบถอนหายใจหลังเห็นว่าผู้หญิงที่มาใหม่เป็นคนชื่อศศิ“ไงคะ ทำอะไรอยู่เหรอ”ศศิไม่พูดเปล่า แต่กลับเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงกันข้ามของหมอหนุ่มอย่างสนิทสนม เขมมิกามองภาพนั้นอย่างอึ้งๆ เพราะไม่คิดว่าจะมีใครกล้าเสียมารยาทกับหมอธามไทแบบนี้“ทำงานสิ คุณคิดว่าผมจะทำอะไรล่ะ”คุณหมอหนุ่มเองก็ไม่ชอบพฤติกรรมของศศิเท่าไรนัก แต่ถ้าคิดอีกมุมหนึ่ง อีกฝ่ายคงคิดว่าเขากับเธอสนิทกันเสียจนไม่ต้องเกรงใจอะไร“แล้วไม่ไปทานข้าวเหรอคะ” ศศิเอ่ยถามขึ้นก่อนที่จะคิดขึ้นได้ว่า ในห้องนี้ไม่ได้มีแค่ตนเองกับธามไทอยู่กันสองคนเท่านั้น จึงรีบหันไปมองนักศึกษาสาวที่ยืนนิ่งอยู่ทันที“ศิลืมไปว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียว ว่าแต่เด็กนี่ใครเหรอคะ?” ศศิมองเขมมิกาหัวจดเท้า สัญชาตญาณบางอย่างบอกเธอว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ธรรมดา และด้วยรูปร่าง และหน้าตาที่จัดว่าดีมากทำให้อดกังวลไม่ได้“อ้อ นั่นเค้ก เด็กฝึ
ธามไทจับแขนเขมมิกาเดินมาได้สักพัก ก่อนที่จะเริ่มรู้ตัวว่าตอนนี้ตนเองแตะต้องนักศึกษาสาวนานเกินควร จึงรีบปล่อยแขนเธอราวกับว่าเป็นเหล็กร้อนต้องห้าม หญิงสาวมองการกระทำนั้นด้วยความงุนงงก่อนที่จะอมยิ้มออกมา“หมอธามจะพาเค้กไปไหนเหรอคะ” เขมมิกาเอ่ยถามอย่างมาอารมณ์ดีเมื่อชายหนุ่มเดินนำทางเธอมาถึงลานจอดรถของรถยนต์คันหรูที่ถูกกันพื้นที่ไว้พิเศษในฐานะผู้บริหารของโรงพยาบาล“เลิกพูดมาก แล้วก็ขึ้นรถได้แล้ว”ธามไทถอดเสื้อกาวน์ของจากตัวก่อนจะเข้าไปนั่งที่คนขับทันที ใจจริงไม่ได้อยากให้เขมมิกานั่งรถออกไปด้วย แต่เกรงว่าหากทิ้งให้สาวน้อยกลับเองหรือทิ้งให้อยู่โรงพยาบาลแล้วบังเอิญเจอศศิเข้า เขาจะกลายเป็นคนขี้โกหก แม้ความจริงจะเป็นอย่างนั้นก็ตาม“โห รถหมอธามหอมมากเลย ไม่อยากจะเชื่อเลยนะคะว่า รถผู้ชายจะดูมีระเบียบแล้วก็สะอาดแบบนี้” เธอเอ่ยชมจากใจจริง ก่อนจะมองไปรอบรถของธามไทอย่างถือวิสาสะ“ไม่เคยมีคนสอนเรื่องมารยาทหรือไง” หมอหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ก่อนสตาร์ตรถออกไปโดยที่ไม่ได้หันไปมองคนตัวเล็ก ที่ตอนนี้นั่งหน้าเจื่อนหลังจากถูกเขาต่อว่าออกไปตรงๆ“แหม ดุจังเลยนะคะ นี่เค้กชมหมอแท้ๆ” ถึงอย่างนั้น เขมมิกาก็
ธามไทพาเขมมิกามาทานอาหารที่ร้านประจำของเขา ซึ่งร้านนี้อยู่ใกล้กับโรงพยาบาลศัลยกรรมของเวทัส เขาตั้งใจว่า หากไปส่งเขมมิกาแล้วคงจะกลับมาหาเพื่อนเพื่อพูดคุยระบายเรื่องศศิต่อ“โห ร้านสวยมากเลยค่ะ”เขมมิกามองบรรยากาศภายในร้านอย่างตกตะลึง จริงๆ ก็เคยเห็นร้านอาหารที่ตบแต่งได้สวยงามแบบนี้ผ่านละครทีวีอยู่หลายครั้ง แต่ลำพังเด็กอย่างเธอคงไม่มีปัญญาเข้ามาทานแน่นอน เพราะเงินที่มีทุกวันนี้ก็ใกล้ที่จะหมดเต็มที โชคดีที่โรงพยาบาลจ่ายค่าจ้างให้ แม้จะอยู่ในฐานะเด็กฝึกงานก็ตาม“มีอะไรที่เธอจะไม่ทำท่าตะลึงแบบนั้นบ้าง ตื่นเต้นทุกอย่างในชีวิตมั้ง” ธามไทนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามเด็กสาว ตอนนี้ เขาแอบอดคิดไม่ได้ว่าตนเองเหมือนโคแก่ที่พาหญ้าอ่อนมาหลอก ‘กิน’“ก็มันสวยจริงๆ นี่คะ เค้กไม่ได้รวยเหมือนหมอนี่ที่จะได้เข้าร้านอาหารหรูๆแบบนี้จนชิน” หญิงสาววัยใสพูดยิ้มๆ ออกไปอย่างที่ตัวเองรู้สึก“นี่คงเป็นเหตุผลที่เธอตื๊อฉันให้พามากินข้าวสินะ” ธามไทเอ่ยถามพร้อมกับยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน สำหรับหมอหนุ่ม ผู้หญิงก็เหมือนกันหมด เข้ามาเพราะอยากสบาย อยากมีของหรูๆ ใช้ และอยากได้เงินจากเขาทั้งนั้น“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ เค้กแค่อยากอยู่กั
คนตัวเล็กเอื้อมมือไปกุมมือสาวรุ่นพี่เพื่อขอบคุณ เธอดีใจที่อย่างน้อยการมาฝึกงานครั้งนี้ก็ได้เจอผู้ใหญ่ที่เมตตาเธอจากใจจริง“อื้ม มีอะไรก็คุยกับพี่ได้นะ ยังไง พี่ก็เป็นคนดูแลเราอยู่แล้ว”พิมอรตอบกลับด้วยความหวังดี สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างก็อยู่ที่เขมมิกาจะเลือก หากแม่สาวน้อยเลือกที่จะเดินบนเส้นทางแห่งความเสี่ยง ตัวเธอก็ไม่สามารถห้ามอะไรได้…เขมมิกากลับเข้าไปนั่งที่โต๊ะในช่วงบ่าย เธอสังเกตว่าธามไทกลับมาที่ห้องได้สักพักแล้ว และก็สั่งเอาไว้ว่าห้ามใครเข้าไปรบกวนเด็ดขาด แม้จะห่วงเขาที่ยังไม่ได้ทานอะไร แต่ก็ไม่อยากขัดคำสั่งชายหนุ่มจึงได้แต่นั่งทำงานเงียบๆ อยู่หน้าห้องติ๊ดๆ ๆ ๆ เขมมิกาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมามองเบอร์แปลกที่โทร.เข้ามา ก่อนจะกดรับสายทันที“สวัสดีค่ะ เค้กพูดค่ะ” เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหวานไพเราะ“สวัสดีครับคุณเค้ก ผมปริญนะ”ปลายสายตอบกลับมา และชื่อนั้นทำเอาเขมมิกาถึงกับนิ่งไปเช่นกัน เพราะคนในสายก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ธามไทโมโหใส่เธอ“เอ่อ ค่ะ คุณปริญ มีเบอร์เค้กได้ยังไงคะเนี่ย” เธอเอ่ยถามด้วยความงุนงง เพราะมั่นใจว่าไม่ได้ให้เบอร์ตนเองกับปริญไป“ก็ไม่เห็นจะหายากนี่ครับ ในเมื่อคุ
เขมมิกาเริ่มรู้สึกดีขึ้น อาจเป็นเพราะธามไทคุยด้วยเมื่อช่วงเช้าทำให้รู้ว่า ตอนนี้ เขาไม่ได้โกรธเธอเหมือนเมื่อวาน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันทำให้เห็นจริงๆ ว่าหมอหนุ่มมีอิทธิพลต่อจิตใจของเธอเป็นอย่างมาก หากเขาโกรธ หญิงสาวก็เศร้าได้ทั้งวันทั้งคืน และหากหายโกรธ เธอก็สามารถกลับมาสดใสร่าเริงราวกับกดสวิตซ์ได้“อารมณ์ดีต่างเมื่อวานเลยน้า วันนี้สงสัยไม่โดนหมอธามดุละสิ” พิมอรเอ่ยถามนักศึกษาฝึกงานสาว หลังจากที่ตอนนี้เจ้าตัวอยู่ในใบหน้ายิ้มแย้มต่างจากเมื่อวานสิ้นดี“เอ่อ ค่ะ วันนี้ หมอธามไม่ดุเค้กเลย” เขมมิกาตอบยิ้มๆ เธอไม่ได้โกหก แต่บอกไม่หมดต่างหาก สาเหตุที่ดีใจเพราะหมอหนุ่มไม่โกรธเธอแล้ว“ดีแล้ว เห็นไหม พี่เคยบอกว่าแล้วว่า หมอธาม ถ้าบทจะดีก็คือดีเลย อีกอย่าง ถ้าหมอเริ่มพูดดีกับเรา แปลว่าเราทำงานดี เริ่มผ่านบททดสอบจากหมอแล้วด้วยนะ” ฝ่ายบุคคลสาวพูดอย่างให้กำลังใจ“ถ้าเป็นอย่านั้นจริงๆ ก็ดีสิคะ เผื่อว่าเค้กจะได้มีโอกาสทำงานที่นี่บ้าง” แม่สาวน้อยหน้าหวานได้แต่หวังใจเล็กๆ ว่าธามไทจะนึกเอ็นดูเธอขึ้นมา แม้จะไม่ได้มอบตำแหน่งเลขาฯ ให้ แต่อาจให้ตำแหน่งอื่นๆ ในโรงพยาบาลนี้“อะแฮ่มๆ เมื่อกี้ได้ยินแว่ว
เธอไม่ได้อยากทำตัวเป็นเด็กสาวโรคจิตที่เฝ้ามองผู้ชาย แต่เป็นเด็กสาวคนหนึ่งที่มีความรักอย่างบริสุทธิ์ เพียงแค่อยากอยู่ใกล้คนที่รักโดยที่ไม่หวังอะไร และหากเขายังจำเธอได้ เขมมิกาก็ยินดีที่จะทำงานเพื่อชดใช้เงินทั้งหมดที่คุณหมอหนุ่มจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลให้พ่อ“ทำไมคุณถึงเป็นไปได้ขนาดนี้นะ”เขมมิกาดึงตัวเองกลับมาที่ปัจจุบัน คิดแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คุณหมอที่แสนอบอุ่นในวันนั้นจะกลายเป็นหมอที่ใจร้าย แถมสาดถ้อยคำแสนเจ็บปวดใส่ตนเองได้ขนาดนี้ แต่ที่แปลกคือ ทำไมเธอถึงยังทำใจเกลียดเขาไม่ลง…วันต่อมา เขมมิกาไปทำงานสาย เพราะเมื่อคืนเอาแต่ร้องไห้เสียจนนอนหลับไปไม่รู้เรื่อง ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าสายแล้ว หญิงสาวรีบวิ่งมาที่โต๊ะทำงานด้วยสภาพที่ผมยังเปียกอยู่“เฮ้อ หมอธามมาหรือยังเนี่ย” พูดกับตัวเอง ก่อนจะแอบมองไปที่ประตูห้องของหมอหนุ่ม ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ เธอคงจะเดินไปเคาะประตูแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เมื่อวาน หญิงสาวจึงเลือกที่จะนั่งอยู่เฉยๆ แทน“ทำไมวันนี้มาสายล่ะเค้ก” พิมอรเดินเข้ามาหาเขมมิกาด้วยสีหน้าเครียดจัด“ขอโทษค่ะพี่พิม พอดีเมื่อคืน เค้กนอนไม่ค่อยหลับก็เลย…” แล้วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ด้ว
เด็กสาวร้องไห้ออกมา เธอไม่สามารถรับความจริงได้ เมื่อเช้า พ่อยังคุยดีๆ กับเธออยู่เลย ทำไมตกเย็นถึงได้จากกันไปเช่นนี้“ลองติดต่อญาติผู้ใหญ่ดูนะครับ หมอขอตัวก่อนนะครับ” แวบเดียวเท่านั้นที่เด็กสาวเห็นสายตาสั่นระริกของคนเป็นหมอ ก่อนที่สายตาของเขาจะนิ่งเรียบอีกครั้ง“ฮึก พ่อ”เขมมิกาไม่รอช้ารีบวิ่งไปหาร่างไร้วิญญาณของผู้เป็นพ่อที่ตอนนี้ถูกเข็นออกจากห้องผ่าตัด นาทีนี้ หัวใจดวงน้อยทั้งดวงแตกสลายเสียจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ เด็กสาวปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาอย่างไม่คิดจะห้ามมัน พ่อเป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างและเป็นแรงบันดาลใจให้เธอทำสิ่งต่างๆ มาวันนี้ไม่มีพ่อ เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่อย่างไรต่อไป...ผ่านไปเกือบสัปดาห์ เขมมิกาจัดแจงเรื่องงานศพของผู้เป็นพ่ออย่างโดดเดี่ยว โชคดีที่ท่านทำประกันชีวิตเอาไว้ก่อนที่จะตรวจพบว่าเป็นโรคหัวใจ ทำให้ตอนนี้ เธอพอมีเงินติดตัวอยู่บ้างและสามารถนำมาจัดงานศพเล็กๆ ให้ผู้เป็นพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งในงานจะมีแขกไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนที่ทำงานของพ่อและเพื่อนๆ รวมถึงครูที่โรงเรียนของเธอไม่กี่คนเท่านั้นวันนี้ เขมมิกาเริ่มตั้งสติกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้แล้ว แม้ว่าจะยังคงเศร้าเสีย
เขมมิกาเก็บของอย่างว่าง่าย พร้อมกับลาฝ่ายบุคคลสาวกลับบ้านทันที และเธอเองก็ไม่อยากอยู่รอจนได้เจอกับธามไทอีก เพราะตอนนี้ หัวใจไม่เข้มแข็งพอที่จะเห็นหน้าของเขาหญิงสาวกลับมาถึงห้องเช่าในเวลาเกือบสองทุ่ม ตอนแรกตั้งใจว่าจะซื้อกับข้าวกลับมากินต่อ แต่เมื่อมองดูอาหารแต่ละอย่างที่ตลาดแล้ว เขมมิกากลับรู้สึกพะอืดพะอม จนสุดท้ายไม่ได้ซื้ออะไรติดมือกลับห้องมา เธอรู้ดีว่ามันคงเป็นเพราะความเครียดที่สั่งสมมาตลอดทั้งวันทำให้กินอะไรไม่ลงเขมมิกาเอื้อมไปหยิบรูปคู่กับพ่อบนเตียงนอน แล้วมองภาพนั้นด้วยความคิดถึงผู้เป็นพ่ออย่างสุดหัวใจ ก่อนที่น้ำตาจะไหลรินและร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น วันนี้ เธอรู้สึกอ่อนแอเหลือเกิน จนไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปหาใคร ไม่รู้ว่าใครจะรับฟังทุกเรื่องได้เหมือนกับที่พ่อรับฟัง และใครจะรักเธอเหมือนที่พ่อรักเธอได้บ้าง“เค้กคิดถึงพ่อ ฮึก”คนตัวเล็กปล่อยโฮออกมา ก่อนที่จะนึกถึงใบหน้าของชายหนุ่มต้นเหตุที่ทำให้เธอซึมเศร้ามาตลอดทั้งวัน ทำไมเขาถึงใจร้ายแตกต่างจากเมื่อห้าปีที่แล้วนัก…ห้าปีที่แล้วเขมมิกาในวัยมัธยมศึกษาปีที่ห้ากลับมาที่บ้านเช่าของตนเองหลังจากเรียนหนังสือเสร็จ วันนี้ เธอกลับมาพร้อมข่า
“โห ปากมึงนี่นะ กูแค่ผ่านมาก็เลยแวะมาหา เห็นมึงหายเงียบไปหลายวัน เคลียร์เรื่องคุณศศิแล้วเหรอวะ” เวทัสเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“ยัง เดี๋ยวกูจะจัดการเร็วๆ นี้แหละ เบื่อเหมือนกัน” เมื่อพูดถึงศศิ ธามไทก็รู้สึกหนักใจขึ้นมา เขาต้องรีบบอกความรู้สึกของตัวเองให้หญิงสาวรู้โดยเร็ว แม้ที่ผ่านมา ตนเองจะชัดเจนมาตลอดว่าไม่ได้ชอบอีกฝ่ายก็ตาม“ก็ดี จะได้จีบน้องเค้กได้เต็มที่” เวทัสไม่วายแซวเพื่อนอีกครั้ง และก็ถูกมองกลับมาตาจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่องทันที“มึงไม่ต้องพูดละ งานปาร์ตีประจำปีของโรงพยาบาลกู มึงจะมาปะ เชิญคุณข้าวฟ่างมาด้วยนะ” ธามไทพูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าต้องเชิญเพื่อนรักเพื่อนร้ายของตนเองไปงานด้วย“จัดที่โรงแรมไหนวะ?” คนมาเยือนเอ่ยถามขึ้นก่อนจะจิบน้ำที่เขมมิกาเอามาเสิร์ฟให้“เดอะริเวอร์”“อะไรนะ! โรงแรมไอ้ปริญอะนะ?” สิ้นคำตอบ เวทัสก็เอ่ยถามกลับด้วยความตกใจทันที“เออ มึงรู้จักเขาด้วยเหรอวะ” ธามไทมองหน้าเพื่อนด้วยความอยากรู้อยากเห็น“ทีงี้อยากรู้ขึ้นมาเลยนะ ไอ้ปริญมันเคยจีบเมียกู แต่เอาจริงๆ มันก็นิสัยใช้ได้ มันกำลังจีบคุณเค้กอยู่งั้นดิ ถ้ามึงไม่ชอบเด็กมันก็ไม่ต้องไปขัดขวางไอ้ปริญหรอก เพราะไอ้นี
“มึงอย่าเสือกเลย” ธามไทเลือกที่จะปฏิเสธด้วยที่ไม่อยากให้เรื่องของเขมมิกามารบกวนจิตใจอีก เพราะตอนนี้ เขาก็ห่วงที่เห็นเธอร้องไห้ออกไปจนแทบคลั่งแล้ว“กูอยากเสือก ทีตอนนั้น มึงยังเสือกเรื่องของกูเลย” เวทัสเอ่ยถามปนขำที่เห็นว่าท่าทีของเพื่อนรักคงไม่ต่างจากตนเองเมื่อก่อนนัก“ตอนนั้น มึงปรึกษาเรื่องผู้หญิงที่มึงชอบ แต่นี่มันเรื่องของเด็กฝึกงาน กูไม่อยากเอามาใส่ใจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ” ธามไทพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับต้องการจะย้ำเตือนตัวเองเหมือนกันว่า เขมมิกาเป็นเพียงแค่เด็กฝึกงานก็เท่านั้น!“โอเค เด็กฝึกงานก็เด็กฝึกงาน ว่าแต่น้องเขาชื่ออะไรวะ นี่ถ้าไม่มีข้าวฟ่าง กูจีบแล้ว ขนาดร้องไห้ยังน่ารักเป็นบ้า” เวทัสทำท่าทางนึกถึงใบหน้าของหญิงสาวเมื่อครู่นี้ จนธามไทจ้องมองตาเขม็ง“กูพูดเล่นคร้าบบบ แหม่นี่ขนาดแค่เด็กฝึกงานนะ” พูดด้วยความหมั่นไส้เพื่อนที่ไม่รู้จักความรู้สึกตัวเอง เขามั่นใจว่าผู้หญิงเมื่อกี้ต้องไม่ใช่เด็กฝึกงานธรรมดาอย่างแน่นอนก๊อกๆ ๆ ๆ ประตูห้องถูกเปิดมาพร้อมกับเขมมิกาที่เดินถือแก้วน้ำเข้ามาสองแก้วเพื่อต้อนรับแขกของหมอธามไท หญิงสาวเดินเข้ามาโดยที่ไม่ได้มองหน้าเขาแต่อย่างใด ด้วยก
“หมอเข้าใจว่าเค้กต้องการอะไรคะ” เมื่อทนไม่ไหวจึงเอ่ยถามออกไปตามตรง เธอคิดว่าเขาคงเข้าใจอะไรตนเองผิดไปแน่ถึงได้ออกปากไล่กันแบบนี้“ฉันจะไม่อ้อมค้อมละกันนะ ฉันไม่ใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออกว่าเด็กอย่างเธอต้องการอะไร ตอนแรกก็คงตั้งใจจะมาอ่อยฉัน ใช้ทางลัดเพื่อให้ตัวเองได้สบายไวๆ แต่พอฉันไม่สนใจก็เลยทอดสะพานหาไอ้หมอวิน ตอนแรก ฉันก็คิดว่าเธอกับหมอวินชอบกันจริงๆ แต่พอวันนี้มาเห็นว่าเธอเองยังไปหว่านเสน่ห์ให้กับคุณปริญ ฉันก็เข้าใจแล้วว่าจริงๆ เธอคงจะหาใครสักคนก็ได้ที่รวยพอจะทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้น”“ไม่ใช่นะคะ!” คนตัวเล็กรีบพูดแทรกขึ้นมาด้วยความรู้สึกโกรธจัด“อันที่จริง ไอ้เรื่องครอบครัวแสนเศร้าที่เธอเล่ามา ฉันว่าก็ถือเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้ชายอย่างหมอวินหรือคุณปริญสงสารได้อยู่นะ พวกนั้นน่าจะหลงเธอทั้งรูปร่าง หน้าตา แล้วก็สงสารชีวิตของเธอจนต้องอยากยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แต่ฉันก็ไม่แน่ใจนะว่า พวกนั้นจะให้เธออยู่ในฐานะอะไร” ธามไทพูดราวกับเป็นผู้ใหญ่ที่สอนเด็ก แต่ลึกๆ แล้วเขาอยากพูดให้เขมมิกาเจ็บปวดมากที่สุดต่างหาก“พอแล้วค่ะ เค้กไม่ออยากฟัง” เขมมิกาพูดแทรกขึ้นมา ใช่ว่าเธอทนฟังคำพูดแบบนั้นไม่ได้ แต่เธอแค่
บรรยากาศบนรถเงียบตลอดทางเสียจนเขมิกาอดเกร็งไม่ได้ ตั้งแต่ที่เดินทางออกจากโรงแรม ธามไทไม่มองหน้าและไม่พูดคุยอะไรกับเธอเลย จริงอยู่ว่า ปกติ คุณหมอหนุ่มจะพูดกับเธอน้อยมาก แต่ครั้งนี้ทั้งสีหน้า และแววตาของเขาทำให้คนตัวเล็กอดรู้สึกกลัวไม่ได้“คุณหมอโกรธอะไรเค้กหรือเปล่าคะ” หญิงสาวใช้ความกล้าทั้งหมดที่มีเอ่ยถามหมอหนุ่มทันที เธอไม่อยากมีเรื่องค้างคาใจอะไรทั้งนั้น“ไว้คุยที่โรงพยาบาล” ธามไทตอบเสียงนิ่งเรียบโดยที่ไม่ได้หันไปมองคนถามสักนิด เขาพยายามทำใจให้สงบลง แม้ว่ามันจะมีดีขึ้นเลยก็ตาม“เค้กทำอะไรผิดเหรอคะ หรือว่าหมอโกรธที่เค้กไปเสียมารยาทเดินชนคุณปริญ แต่เค้กไม่ได้ตั้งใจนะคะ” คนตัวเล็กรีบพูดขึ้นมาเมื่อคิดได้ว่านี่อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจ“ฉันบอกว่าเดี๋ยวค่อยคุยไง ไม่เข้าใจเหรอ!” คนถูกจี้ทนไม่ไหวหันไปตะคอกใส่เสียงดังจนเธอสะดุ้ง น้ำตาเอ่อคลอทันที“ขะ ขอโทษค่ะ”เขมมิกาพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ด้วยที่ไม่เคยถูกธามไทเสียงดังใส่ขนาดนี้มาก่อน แม้ในใจจะเกิดคำถามมากมายว่าตนเองผิดอะไร แต่เธอก็เลือกที่จะเงียบเพราะไม่อยากทำให้เขาโมโหมากกว่านี้ธามไทใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่โรงพยาบา