จิวหลินน้องสาวฝาแฝดที่ต้องมาเข้าพิธีแต่งงานแทนพี่สาวของตนเอง แต่ทว่าเมื่อเข้ามาอยู่ที่วังหลังนางก็ได้พบเจอเรื่องที่นางไม่คาดคิดเพราะการที่นางเข้ามาแทนท่านพี่ในครั้งนี้ช่างมีเลศนัยและนางก็ได้มารู้ตอนที่เข้าห้องหอว่าองค์ชายที่ตนเองแต่งงานแทนนั้นเป็นองค์ชายอัปลักษณ์ ชีวิตของจิวหลินจะเป็นอย่างไรต่อไป “จิวหลิน” น้องสาวฝาแฝดของ “จิวซิน” ที่คลานตามกันออกมาตั้งแต่เด็ก แต่ทว่าโชคชะตาได้ให้นางแยกอยู่กับท่านพี่โดยมีท่านป้าพี่สาวของท่านพ่อรับตัวนางไปอยู่ด้วยเนื่องจากท่านป้าของนางไม่มีลูก จนนางเติบโตมาอย่างแข็งแรงและสมบูรณ์ นางเป็นสตรีที่เก่งในทุก ๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นงานของบุรุษนางเองก็ทำได้ไม่ต่างจากคนเหล่านั้น ทำให้ท่านป้าของนางรักนางยิ่งนัก แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีจดหมายมาที่จากครอบครัวของจิวซินพี่สาวฝาแฝดของนาง เป็นเรื่องดีทีเดียว นางและท่านป้าก็ได้เดินทางไปที่เรือนของตระกูลจิว จิวหลินไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจที่ถูกท่านป้าขอมาเลี้ยงนางได้รับความรักความดูแลเป็นอย่างดีเลยไม่นึกโกรธท่านพ่อและท่านแม่แม้แต่น้อย ผู้ใดจะไปคิดว่าโชคชะตาของนางจะเปลี่ยนไปจากการกลับมาเหยียบที่ตระกูลจิวในครั้งนี้
View Moreบทที่ 14 เดินทางตลอดระยะทางที่เดินทางจิวหลินรู้สึกว่าถูกสายตาของเสี่ยวหลงจ้องมองมาตลอดจนทำให้นางรู้สึกอึดอัดจนต้องเอ่ยปากถาม"องค์ชายจะจ้องหม่อมฉันอีกนานมั้ยเพคะ? หรือว่าใบหน้าของหม่อมฉันมีสิ่งใดติดอยู่" จิวหลินใช้มือตนเองเช็ดใบหน้าเพราะคิดว่าสิ่งใดติดอยู่ จนเสี่ยวหลงต้องยื้อมือของตนเองไปจับมือของนางเอาไว้แต่แล้วก็ทำให้เขาพบเรื่องที่น่าแปลกมือของนางไม่ได้นุ่มนิ่มดังสตรีชั้นสูงหากแต่ว่ามือของนางกลับสากกระด้างทำให้เขาเกิดความสงสัย จิวหลินเองก็เหมือนจะรู้ตัวก็รีบดึงมือตนกลับ"มีอันใดหรือเพคะ เหตุใดต้องจับมือของหม่อมฉันด้วย""ข้าแค่จะบอกว่าใบหน้าของเจ้าไม่ได้มีอันใดติดอยู่หรอกนะ ""เช่นนั้นหรือเพคะ แล้วองค์ชายจ้องมองหม่อมฉันทำไมกัน""ก็เพราะข้าอยากมองก็มองเท่านั้น ว่าแต่เจ้ามาอยู่ในวังหลวงหลายวันเจ้ารู้สึกเบื่อบ้างหรือไม่""ไม่เลยเพคะ จริงสิองค์ชายเสี่ยวหลงแล้วองครักษ์ของท่านเฉินฟูไม่ตามมาด้วยหรือเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นองครักษ์ของพระองค์เลย" จิวหลินนึกออกได้วันนี้ตอนเดินทางมานางไม่เห็นองครักษ์เลยจึงเอ่ยถาม "เจ้ารู้จักองครักษ์ของข้าด้วยหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าองครักษ์ของข้าไม่ค่อยปรากฎตัวออก
บทที่ 13 ใจเต้นแรงเมื่อเที่ยวเล่นอย่างพอใจเสี่ยวหลินก็พาจิวหลินกลับตำหนัก นางมีความสุขมาก ๆ แถมยังสนุกสนานอีกด้วย มาถึงหน้าห้องนางก็ได้เอ่ยขอบคุณที่เขาพานางออกไป หากไม่ได้เขานางก็ไม่ได้ไปเห็นเทศกาลที่งดงามเช่นนั้น "องค์ชายขอบพระทัยนะเพคะที่พาหม่อมฉันออกไปเที่ยวคืนนี้ หม่อมฉันมีความสุขมากเพคะ""หากเจ้ามีความสุขก็ดีจงเข้าไปพักผ่อนเถิดตอนนี้น้ำค้างก็เริ่มลงแล้วเดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้" เสี่ยวหลงตอบนางพร้อมเดินหนี ทำให้จิวหลินไม่เข้าใจเขาสักนิด "อะไรกันทำไมถึงเย็นชาขนาดนี้นะ แต่ก็ช่างเถิดซือเล่อเจ้าเองก็ไปพักเถิดเดี๋ยวข้าจะดับเทียนเองเจ้าไม่ต้องห่วง" "เพคะ พระชายา" ซือเล่อก้มโค้งลงและเดินกลับห้องของตนเอง ส่วนจิวหลินนางกินขนมมามากทำให้ท้องแน่นมิอาจจะเข้านอนได้ นางจึงเดินรับลมเพื่อให้ท้องย่อยก่อนจะเข้านอน นางเดินไปเดินมามองดูดวงจันทร์จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังเดินเข้ามาใกล้ ๆ นางรู้ทันทีว่าคงเป็นองครักษ์ขององค์ชายเสี่ยงหลงแน่ ๆ "เจ้าหายตัวไปที่ใดมาช่วงนี้ข้าไม่เห็นเจ้าเลย จริงสิวันนี้องค์ชายของเจ้าออกไปนอกวังเหตุใดเจ้าไม่ตามไปคอยอารักขาล่ะ ""ท่านนี่รู้ดีเสียจริง แค่ฝีเท้าของข้าก็รู้
บทที่ 12 ไม่คาดคิด"พระชายาเพคะหากป้ายชื่อขององค์ชายตกไปอยู่ในมือของคนไม่ดีอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้นี่คือส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถให้ป้ายชื่อแก่พระชายาได้เพคะ" ซือเล่อกระซิบข้างหูของจิวหลินเกรงว่านางจะเผลอตัวพูดออกไปว่าตนเองไม่รู้กฎของวังหลวง "เช่นนั้นหม่อมฉันก็คงต้องขอบพระทัยที่องค์ชายห้าเสี่ยวหลงได้พานางกำนัลอย่างหม่อมฉันออกมาเที่ยวนะเพคะ"จิวหลินกัดริมฝีปากขอบน้ำใจแม้ไม่เต็มใจสักเท่าไหร่นัก "นี่พระชายาเจ้าจะยอกย้อนข้าอีกถึงเพียงใดกันช่างไม่เหมาะกับเป็นสตรีที่ท่านพ่ออยากให้แต่งเลยแม้แต่น้อย""หากหม่อมฉันรบกวนจิตใจของพระองค์ก็ทรงเฝ้ารอหม่อมฉันที่หน้าวังหลวงนี้เถิดเพคะ หม่อมฉันจะไปเที่ยวเล่นกับซือเล่อเพียงลำพัง " จิวหลินไม่อยากต่อคารมจึงได้คว้ามือของซือเล่อให้เดินหนีเสี่ยวหลงแต่ทว่ากลับถูกเขาจับมืออีกข้างของนางไว้ "ผู้ใดจะให้เจ้าไปเที่ยวเล่นตามลำพังหากเกิดอะไรขึ้นผู้ใดจะช่วยเจ้าได้ อย่าลืมฐานะตนเองสิตอนนี้เจ้ามิใช่แค่บุตรสาวของใต้เท้าชั้นผู้น้อยแต่เจ้าเป็นถึงพระชายาของข้า เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะพาเจ้าเดินเล่นเอง " เขาใช้แรงดึงมือของจนนางเซใส่อกแกร่งของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้ซือเล่อรี
บทที่ 11 แอบหนีเที่ยวนางกำนัลสองนางได้นำพัดมาพัดให้จิวหลินคนละฝั่งส่วนซือเล่อก็คอยรินน้ำชาให้จิวหลิน จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นมาจิวหลินได้ยินทำให้นางสนใจบทสนทนาของนางกำนัลที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน"นี่เจ้ารู้หรือไม่ว่าคืนนี้ที่นอกวังจะมีงานเทศกาล ""จริงหรือ ข้าอยากไปจังเจ้าไปหรือไม่" "แน่นอนอยู่แล้วเพราะองค์หญิงสามชอบเที่ยวเล่นเป็นผลพลอยได้ที่ข้าจะได้ตามเสด็จออกไปด้วย""ข้าล่ะอิจฉาเจ้าเสียจริง ""เจ้าไม่ต้องอิจฉาเดี๋ยวข้าจะซื้อขนมอร่อย ๆ มาให้เจ้าเอง" จิวหลินคิดภาพงานเทศกาล ตั้งแต่เด็กจนโตนางไม่เคยเที่ยวงานเช่นนี้สักครั้ง ช่างน่าตื่นเต้นอะไรเช่นนี้แววตาเป็นประกายรอยยิ้มเริ่มผุดขึ้นบนใบหน้า "ขันทีจาง เจ้าได้รู้หรือไม่ว่างานเทศกาลที่นางกำนัลพวกนั้นพูดถึงคือที่ใด ""อยู่ด้านหน้าวังหลวงไม่ไกลนักพะย่ะค่ะ""ข้าอยากไป ไปได้หรือไม่ ""หากพระชายาอยากออกไปนอกวังต้องมีป้ายชื่อของพระองค์ก่อนพะย่ะค่ะถึงจะออกไปได้""แล้วป้ายชื่อของข้าอยู่ที่ใด " จิวหลินยิ้มกว้างตาเป็นประกาย "ป้ายชื่อตำแหน่งของพระชายาอยู่กับองค์ชายเสี่ยวหลงพะย่ะค่ะ " เมื่อได้ยินว่าอยู่กับผู้ใดสีหน้าของจิวหลิน
บทที่ 10 องครักษ์ ภายในห้องที่เต็มไปด้วยตำราบุรุษที่เอาแต่โมโหตนเองที่ทำให้สตรีร่างบางอย่างนางบาดเจ็บได้ เขาไม่ไว้ใจผู้ใดเพราะเคยถูกหักหลังและโดนทำร้าย ทำให้ความคิดหวาดระแวงทุกคนที่เข้ามาหาเป็นมาตั้งแต่ที่ได้รับบาดเจ็บเขาก็ไม่อยากเชื่อใจผู้ใดอีกเลยนอกจากองครักษ์ประจำกาย "นี่ข้าเป็นอะไรไป เหตุใดถึงไม่มีเหตุผลเช่นนี้ได้นะ " เขาบ่นพึมพำนั่งตัวทรุดลงกับพื้นพลางคิดถึงใบหน้าเจ็บปวดของจิวซินพระชายาที่ท่านพ่อประทานให้ เขารู้ดีว่าครั้งนี้เขาทำเกินกว่าเหตุนางอาจจะไม่ได้เป็นคนของฮองเฮาก็ได้ ยามค่ำมาเยือนหลังจากที่กินอาหารเสร็จแล้วจิวหลินก็ได้เข้าพักผ่อนโดยได้ให้ซือเล่อกลับไปพักที่ห้องของนางที่ขันทีจางหาไว้ให้ จิวหลินนอนไม่หลับนางรู้สึกเจ็บร้าวที่แขนที่กำลังบวมแดง นางจึงได้เดินออกไปรับลมด้านนอก คืนนี้พระจันทร์ช่างงดงามยิ่งนัก ลมพัดเย็นสบายทำให้ผมที่ถูกปล่อยของนางพริ้วสยาย "คิดถึงท่านป้าจัง ท่านป้าปานนี้จะกินได้นอนหลับหรือไม่นะ" จิวหลินเงยหน้ามองดวงจันทร์พร้อมเอ่ยถาม "คิดถึงผู้ใดหรือ" เสียงทุ่มดังขึ้นจากด้านหลังทำให้จิวหลินรีบหันไปมองก็ต้องพบกับชายแปลกหน้าที่ขโมยจูบนางไปครั้งนั้น "นี่เจ้า
บทที่ 9 เจ้ามันเสแสร้ง"นี่เจ้าองค์ชายเสี่ยวหลงอยู่ในห้องหรือไม่ ? เข้าไปบอกองค์ชายให้ข้าทีว่าข้าขอพบ" "พะย่ะค่ะพระชายา" ขันทีขององค์ชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าห้องได้ตอบรับคำสั่งของพระชายาพร้อมเดินเข้าไปในห้องเพื่อกราบทูลเรื่องที่พระชายาขอเข้าพบ ไม่นานนักขันทีก็ได้เดินออกมา"องค์ชายให้พระชายาเข้าไปพบได้พะย่ะค่ะ แต่ทว่าองค์ชายให้พระชายาเข้าไปในตำหนักเพียงลำพังโดยไม่มีสาวใช้หรือนางกำนัลตามเข้าไปพะย่ะค่ะ" จิวหลินคิ้วขมวดชนกันอย่างไม่เข้าใจ ทำไมองค์ชายเสี่ยวหลงต้องทำตัวเช่นนี้หรือเขาไม่ชอบอยู่กับผู้คนมาก ๆ กันนะ จิวหลินจึงหันกลับไปสั่งนางกำนัลพร้อมกับซือเล่อให้รออยู่ด้านนอก"เช่นนั้นพวกเจ้ารอข้าอยู่ด้านนอกแล้วกัน""เพคะ /พะย่ะค่ะ" จิวหลินย่ำเท้าเดินเข้าไปเหยียบในตำหนักของเสี่ยวหลง ด้านในห้องของเขาเต็มไปด้วยตำรามากมายแทบจะเป็นห้องอ่านตำรามากกว่าเป็นตำหนักขององค์ชายเสียมากกว่า นางเดินเข้ามาเรื่อย ๆ ก็ต้องชะงักเมื่อจู่ ๆ เขาก็เอ่ยดังขึ้น "มีเรื่องอันใดเจ้าถึงมาหาข้าถึงที่นี่ คงไม่มาโวยวายเรื่องที่ข้าไม่ยอมร่วมหอกับเจ้าหรอกนะ เพราะสักครู่ข้าเห็นคนของตระกูลจิวมาคงจะมาถามเรื่องความมั่นคงของตระกู
บทที่ 8 ท่านป้ามาหาตลอดทางที่เดินมาจิวหลินก็ได้มองรอบ ๆ อย่างตื่นเต้น วังหลวงช่างกว้างใหญ่นัก ยิ่งเดินเข้ามาใกล้ตำหนักของฮ่องเต้ยิ่งงดงาม จนจิวหลินยิ้มเล็กยิ้มใหญ่เมื่อมีวาสนาได้เข้ามาในวังหลวงแห่งนี้ แต่แล้วจู่ ๆ องค์ชายเสี่ยวหลงก็ได้หยุดเดินทำให้จิวหลินที่เอาแต่มองไปทางอื่นไม่ทันสังเกตว่าเสี่ยวหลงหยุดเดินทำให้นางสะดุดหน้าชนเข้ากับแผ่นหลังของเขาอย่างจัง "โอ๊ย ! " เสี่ยวหลงหันกลับมามองสตรีร่างเล็กที่ใช้มือจับหัวตนเอง"นี่เจ้าเม่อลอยอันใด มีเรื่องอันใดให้เจ้าคิดนักหนา ""แล้วผู้ใดบอกให้องค์ชายหยุดเดินเช่นนี้เพคะ " จิวหลินเงยหน้าตำหนิองค์ชายเสี่ยวหลงที่จู่ ๆ เขาเองที่เป็นผู้หยุดเดิน"ต้องหยุดสิในเมื่อตอนนี้ถึงหน้าตำหนักของท่านพ่อแล้ว เจ้าต่างหากที่เอาแต่เม่อลอย""ชิ หม่อมฉันผิดก็ได้เพคะ " เขาแสยะยิ้มมุมปากก่อนจะพาจิวหลินเดินต่อเข้าไปด้านในตำหนักของฮ่องเต้ "องค์ชายห้าเสี่ยวหลงเสด็จพะย่ะค่ะ" ขันทีหน้าห้องของฝ่าบาทได้ตะโกนเข้าไปด้านในเพื่อแจ้งให้ได้รู้ "เข้ามาได้" น้ำเสียงเข็มขรึมน่าเกรงขามเปล่งออกมาจากด้านในทำให้จิวหลินเริ่มกังวลเกรงว่าตนเองจะทำตัวไม่ดีจนสั่นเทาไปทั้งตัว ทำให้เสี่ยวหล
บทที่ 7 ข้ารับใช้ประจำตัวรุ่งสางมาเยือน แสงสว่างสาดส่องลอดเล็ดเข้ามาผ่านทางหน้าต่างที่ถูกเปิดโดยซือเล่อที่จัดเตรียมทุกอย่างให้จิวหลินเจ้านายคนใหม่ของนางด้วยความเต็มใจ ก่อนที่จะไปปลุกจิวหลินที่นอนยังไม่ตื่นเพราะเอาแต่คิดโมโหชายแปลกหน้าผู้นั้นจนผล็อยหลับไปจวบจนใกล้แจ้ง"พระชายาเพคะ ตื่นได้แล้วเพคะหม่อมฉันจะออกไปที่เรือนของใต้เท้าจิวตามที่พระชายาสั่งแล้วนะเพคะ" จิวหลินที่นอนอย่างสบายก็ต้องลืมตาขึ้นมาเพราะเสียงเล็กแหลมที่ดังอยู่ข้างหู"อือ... เจ้าจะไปแล้วรึ " จิวหลินลุกขึ้นขยี้ตาของตนเองก่อนจะยืดแขนชูขึ้นเพื่อบิดขี้เกียจ"เพคะ หม่อมฉันจะรีบไปรีบกลับนะเพคะ ไม่รู้เลยว่าในวังหลังแห่งนี้จะมีผู้ใดที่ใจดีกับพระชายาบ้าง หม่อมฉันพอได้ยินมาว่าในวังหลังนั้นล้วนแต่แก่งแย่งริษยากันเพคะ " ซือเล่อเล่าด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล"เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้า รีบไปทำตามที่ข้าสั่งเถิด ขนาดงานมงคลยังไม่มีผู้ใดมาแสดงความยินดี เจ้าไม่ต้องกลัวว่าผู้ใดจะมาทำอันใดข้า ข้าว่าการเป็นพระชายาขององค์ชายห้าก็ดีเช่นกันไม่มีผู้ใดสนใจดี ""เพคะ งั้นหม่อมฉันจะไปแล้วนะเพคะ"ซือเล่อโค้งคำนับตามขนบธรรมเนียมเมื่อสตรีที่อยู่ตรงหน
บทที่ 6 เสียจูบจิวหลินตกใจที่จู่ ๆ ชายร่างใหญ่ก็ได้จับปิ่นปักผมออกจากมือของนางไปโดยง่ายแถมตอนนี้นางยังตกอยู่ในอ้อมแขนเขาอีกต่างหาก"ปล่อยข้านะ นี่เจ้าเป็นใครกันแน่ไม่รู้หรือไงว่าข้าเป็นผู้ใดการถูกเนื้อต้องตัวข้าเจ้ามีโทษถึงแก่ชีวิตได้" จิวหลินได้ขู่ชายตรงหน้าเพื่อให้เขาปล่อยนางออกจากการถูกเขาโอบนางไว้"หึ ข้าไม่กลัวสักนิดเจ้าก็แค่ชายาขององค์ชายอัปลักษณ์ ในวังหลวงแห่งนี้ไม่มีผู้ใดหวาดกลัวหรอกนะ เพราะองค์ชายอัปลักษณ์ไม่มีอำนาจในมือ ขนาดนางกำนัลขันทียังไม่มีผู้ใดเกรงกลัวเลย ""เจ้ารู้แล้วก็ปล่อยข้าสิ ถึงอย่างไรข้าก็มีฐานะเป็นถึงพระชายาขององค์ชายห้า เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะมาแตะต้องข้าเช่นนี้มิเช่นนั้นข้าจะตะโกนเรียกให้ทหารมาช่วยและครั้งนี้ข้าไม่ได้ขู่จริง ๆ ด้วย" จิวหลินกำลังจะอ้าปากตะโกนเรียกทหารแต่ทว่าต้องถูกชายแปลกหน้าผู้นี้ประกบจูบเพื่อปิดปากนางไว้ จิวหลินตกใจเบิกตาโพลงโตเมื่อจู่ ๆ ริมฝีปากหนามาประกบปิดปากของนางจนไม่มีทางให้นางได้กรี๊ดออกมา เขาค่อย ๆ ใช้ลิ้นชุ่มกวาดเข้าไปในปากบางของนาง นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกบุรุษแตะเนื้อต้องตัวมีหรือที่นางจะมีเรี่ยวแรงตอบโต้แต่กลับอ่อนระทวยกับรสจูบที่
"ชีวิตพลิกผันได้เข้ามาเป็นชายาขององค์ชายอัปลักษณ์ แต่เมื่อเข้ามาอยู่วังหลังทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นดั่งที่นางคิดไว้"บทที่ 1 เรือนสกุลจิว“กรุบกรับ กรุบกรับ” เสียงฝีเท้าของรถม้ากำลังวิ่งอยู่หนทางอย่างรวดเร็วสตรีที่งดงามพร้อมกับท่านป้านั่งอยู่บนรถม้านั้นถูกบังคับโดยบ่าวรับใช้ของเขา กำลังมุ่งหน้าไปที่บ้านเกิดของจิวหลิน นางตื่นเต้นมากเพราะนางจำอะไรไม่ได้สักอย่างรวมถึงใบหน้าท่านพ่อและท่านแม่ หัวใจอยู่ไม่เป็นสุข นางพยายามข่มใจหายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ จนท่านป้าของนางมองออก“จิวหลินเจ้าตื่นเต้นสินะ "“ท่านป้า ข้าตื่นเต้นจนขาของข้าอยู่ไม่นิ่งแล้ว อยากรู้เหลือเกินว่าใบหน้าของท่านพ่อท่านแม่จะเป็นเช่นไร พี่สาวของข้าจะงดงามมากกว่าข้าไม่นะ” นางจินตนาการคิดถึงใบหน้าของครอบครัวก็ยิ้มออกมาอย่างตื่นเต้น“เด็กน้อยเอ๋ย ท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าก็มีใบหน้าเฉกเช่นเจ้า เจ้าถอดแบบทั้งสองออกมาทั้งหมด หากเจ้าอยากคลายความตื่นเต้นเจ้าก็เปิดหน้าต่างออกไปรับลมให้สบายใจเถิด อีกไม่นานก็ถึงเรือนสกุลจิวแล้วล่ะ” หญิงวัยชราเอ่ยกับนางอย่างเอ็นดู หากเด็กสาวที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก แต่งงานออกเรือนไปเขาคงจะเศร้าไม่น้อย เพราะจิวหล...
Comments