บทที่ 7 ข้ารับใช้ประจำตัว
รุ่งสางมาเยือน แสงสว่างสาดส่องลอดเล็ดเข้ามาผ่านทางหน้าต่างที่ถูกเปิดโดยซือเล่อที่จัดเตรียมทุกอย่างให้จิวหลินเจ้านายคนใหม่ของนางด้วยความเต็มใจ ก่อนที่จะไปปลุกจิวหลินที่นอนยังไม่ตื่นเพราะเอาแต่คิดโมโหชายแปลกหน้าผู้นั้นจนผล็อยหลับไปจวบจนใกล้แจ้ง
"พระชายาเพคะ ตื่นได้แล้วเพคะหม่อมฉันจะออกไปที่เรือนของใต้เท้าจิวตามที่พระชายาสั่งแล้วนะเพคะ" จิวหลินที่นอนอย่างสบายก็ต้องลืมตาขึ้นมาเพราะเสียงเล็กแหลมที่ดังอยู่ข้างหู
"อือ... เจ้าจะไปแล้วรึ " จิวหลินลุกขึ้นขยี้ตาของตนเองก่อนจะยืดแขนชูขึ้นเพื่อบิดขี้เกียจ
"เพคะ หม่อมฉันจะรีบไปรีบกลับนะเพคะ ไม่รู้เลยว่าในวังหลังแห่งนี้จะมีผู้ใดที่ใจดีกับพระชายาบ้าง หม่อมฉันพอได้ยินมาว่าในวังหลังนั้นล้วนแต่แก่งแย่งริษยากันเพคะ " ซือเล่อเล่าด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
"เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้า รีบไปทำตามที่ข้าสั่งเถิด ขนาดงานมงคลยังไม่มีผู้ใดมาแสดงความยินดี เจ้าไม่ต้องกลัวว่าผู้ใดจะมาทำอันใดข้า ข้าว่าการเป็นพระชายาขององค์ชายห้าก็ดีเช่นกันไม่มีผู้ใดสนใจดี "
"เพคะ งั้นหม่อมฉันจะไปแล้วนะเพคะ"
ซือเล่อโค้งคำนับตามขนบธรรมเนียมเมื่อสตรีที่อยู่ตรงหน้านางมิใช่คุณหนูในเรือนใต้เท้าจิวอีกต่อไปแต่ทว่าตอนนี้นางเป็นถึงพระชายาขององค์ชายเสี่ยวหลง เมื่อซือเล่อออกไปจากตำหนัก จิวหลินก็ได้ล้างใบหน้าของตนพร้อมเดินไปที่หน้ากระจกเพื่อจัดแจงใบหน้าของตนแต่ทว่านางเป็นสตรีที่ไม่ค่อยรักสวยรักงามการประทินโฉมนั้นเป็นเรื่องยากสำหรับนางเสียจริง
"รู้เช่นนี้ข้าน่าจะให้ซือเล่อช่วยแต่งกายให้ข้าก่อนแล้วค่อยให้นางไป เช่นนี้ข้าจะทำเช่นใดอันใดใช้ทำอะไรข้ายังไม่รู้เลยสักอย่าง เฮ้อ!." จิวหลินคิดในใจพร้อมถอนหายใจออกมาเมื่อมองดูสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง ไม่นานนักเสียงของขันทีก็ได้ตะโกนเข้ามาจากด้านนอก
"พระชายากระหม่อมเป็นขันทีของพระองค์ ขอกระหม่อมเข้าไปด้านในนะพ่ะย่ะค่ะ"น้ำเสียงบ่งบอกว่าบุรุษที่เป็นขันทีผู้นี้มีอายุทำให้จิวหลินเริ่มกังวลเพราะนางไม่ค่อยรู้เรื่องกฎของวังหลวงเลยแม้แต่น้อย
"เข้ามาสิ " นางจึงได้ตอบกลับไปเช่นนั้นสักพักประตูห้องของนางก็ถูกเปิดออก ขันทีวัยกลางคนก็ได้เข้ามาพร้อมนางกำนัลหกคนที่เดินตามมาด้านหลัง เมื่อเห็นจิวหลินทั้งหมดก็ได้ทำความเคารพนาง
"กระหม่อมขันทีจางต่อจากนี้จะมาดูแลพระชายาส่วนนางกำนัลที่ตามมานี่ต่อจากนี้พวกนางจะเข้ามาปรนนิบัติพระชายาเช่นกันไม่ว่าพระชายาต้องการอะไรแจ้งพวกนางได้พ่ะย่ะค่ะ" ขันทีจางแม้จะดูเป็นผู้มีอายุแต่ใบหน้าของเขาช่างดูมีเมตตาพอทำให้จิวหลินรู้สึกโล่งใจขึ้นมา
"เช่นนั้นหมายความว่าต่อจากนี้ข้าจะไปที่ใดต้องมีพวกเจ้าตามไปด้วยใช่หรือไม่? "
"พ่ะย่ะค่ะ /เพคะ พระชายา" จิวหลินยืนหันหลังแอบยิ้มเมื่อคิดว่านี่คือสิ่งที่สวรรค์ส่งมาเพราะเมื่อครู่นางยังคิดในใจเรื่องการแต่งกายหากมีสาวใช้มาคอยดูแลต่อจากนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนางอีกต่อไป
"ฮืม! เช่นนั้นขันทีจางช่วยออกไปรอข้าด้านนอกเสียก่อน ส่วนพวกเจ้าช่วยข้าแต่งกายที" จิวหลินหันกลับมาพร้อมออกคำสั่งให้ทุกคนทำตามตน เมื่อทุกคนได้ยินคำสั่งก็ได้ทำตามที่นางบอก
"พระชายาเพคะ ใบหน้าของพระชายาก็งดงามอยู่แล้วพอแต่งประทินโฉมเพียงเล็กน้อยช่างสง่ามากจริง ๆ เพคะ" นางกำลังนางหนึ่งได้เอ่ยขึ้น เมื่อแต่งกายเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ใหม่ก็มาประทินโฉมต่อ
"นั้นสิเพคะ พระชายาคงจะไม่เกรงกลัวหรอกใช่มั้ยเพคะ มิเช่นนั้นคงไม่มาเป็นพระชายาขององค์ชายเสี่ยวหลง หม่อมฉันนับถือน้ำใจพระชายายิ่งนัก" นางกำนัลอีกนางที่กำลังปักปิ่นผมให้จิวหลินก็ได้เอ่ยขึ้น
"ทำไมพวกเจ้าถึงเอ่ยเช่นนั้น องค์ชายเสี่ยวหลงไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหนเลย ข้าว่าองค์ชายเสี่ยว์หลงน่าสงสารเสียมากกว่า "
"เพคะ พระชายาคงมีน้ำใจงามจริง ๆ ตอนนี้แต่งกายเสร็จสิ้นแล้วพระชายาโปรดเสด็จไปที่ห้องโถงเถิดตอนนี้องค์ชายเสี่ยวหลงทรงรอพระชายาอยู่ที่นั้นแล้วเพคะ"
"เอ๊ะ! เดี๋ยวสิทำไมข้าต้องไปหาองค์ชายเสี่ยวหลงด้วยข้ายังไม่ได้กินอาหารเช้าเลยนะ"
"นี่เป็นคำสั่งขององค์ชายเพคะ "
"พวกเจ้าที่มาดูแลข้าก็เป็นคำสั่งของเขาสินะ"
"เพคะ"
จิวหลินถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมลุกเดินนำนางกำนัลออกไปด้านนอกก็พบกับขันทีที่รออยู่แล้ว เขาก็ได้พานางเดินไปที่ห้องโถงตามคำสั่ง
"พระชายาเสด็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ" เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องโถงขันทีที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็ได้ตะโกนบอกผู้ที่อยู่ด้านในให้ได้รับรู้และทุกคนก็แยกย้ายยืนคอยอยู่หน้าห้องไม่ได้ตามเสด็จไปด้านในเมื่อมาถึงหน้าประตูจิวหลินก็ก้าวเท้าเข้าไปแต่เท้านางกำนัลที่เดินตามมากลับยืนนิ่งและรออยู่ด้านนอก ทำให้จิวหลินหยุดเดินและหันกลับไปถามพวกนาง
"พวกเจ้าไม่เข้ามากับข้าหรือไง? "
"หน้าที่ของพวกหม่อมฉันทำได้เพียงเท่านี้เพคะ " จิวหลินพอเข้าใจนี่คงเป็นคำสั่งขององค์ชายห้าเช่นกันเขานี่ช่างเป็นองค์ชายที่เอาแต่ใจตนเองที่สุด แต่ก็ไม่แปลกเพราะนางเองก็เข้าใจว่าเขาไม่อยากให้สาวใช้คอยมองใบหน้าของเขาที่ปกปิดด้วยหน้ากากเงินนั่น จิวหลินจึงหันหลังและเดินเข้าไปในห้องโถงเพียงลำพัง
"ชักช้าอยู่ได้ ไม่รู้หรือไงว่าข้านั่งรอเจ้านานมากแล้ว "
"ใครบอกให้รอกันเล่า " จิวหลินคิดในใจก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามกับเสี่ยวหลง
""ขออภัยเพคะ "
"เฮ้อ! มาแล้วก็รีบกินเถิดเช้านี้ต้องไปเข้าเฝ้าท่านพ่อ " เขาหยิบตะเกียบคีบอาหารใส่ชามตนเองก่อนจะกินโดยไม่สนใจจิวหลิน
"ทำไมไม่แจ้งหม่อมฉันตั้งแต่เมื่อวานล่ะเพคะ หม่อมฉันยังไม่ได้เตรียมใจเลย " หัวใจจิวหลินเต้นโครมครามเมื่อรู้ว่าจะได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้
"เจ้าจะต้องเตรียมใจอะไรในเมื่อเจ้าเองก็เคยพบฝ่าบาทไปแล้วนี่น่า " จิวหลินชะงักเล็กน้อยในคำพูดของเสี่ยวหลง หากเป็นจิวซินอาจจะไม่ได้ตื่นเต้นแต่นางไม่เคยพบฮ่องเต้สักครั้ง นี่นับว่าเป็นครั้งแรกจะไม่ให้นางตื่นเต้นได้อย่างไร ใบหน้าของฮ่องเต้เป็นเช่นไรนิสัยเป็นเช่นไรนางมิอาจรู้ได้
"นั้นสิเพคะ หม่อมฉันเคยเข้าเฝ้าฮ่องเต้แล้วนี่น่า " จิวหลินกลัวว่าตนเองจะหลุดคำพูดและทำตัวไม่เหมือนจิวซินนางจึงรีบกินอาหารโดยไม่ได้พูดอะไรอีกเลย ส่วนเสี่ยวหลงก็คอยเหลือบหางตามองจิวหลินอยู่บ่อยครั้ง จนทั้งสองกินอาหารเสร็จ เขาก็ได้พานางไปที่ตำหนักของฝ่าบาทโดยมีขันทีและนางกำนัลเดินตามด้านหลังมาเพื่อรับใช้
บทที่ 8 ท่านป้ามาหาตลอดทางที่เดินมาจิวหลินก็ได้มองรอบ ๆ อย่างตื่นเต้น วังหลวงช่างกว้างใหญ่นัก ยิ่งเดินเข้ามาใกล้ตำหนักของฮ่องเต้ยิ่งงดงาม จนจิวหลินยิ้มเล็กยิ้มใหญ่เมื่อมีวาสนาได้เข้ามาในวังหลวงแห่งนี้ แต่แล้วจู่ ๆ องค์ชายเสี่ยวหลงก็ได้หยุดเดินทำให้จิวหลินที่เอาแต่มองไปทางอื่นไม่ทันสังเกตว่าเสี่ยวหลงหยุดเดินทำให้นางสะดุดหน้าชนเข้ากับแผ่นหลังของเขาอย่างจัง "โอ๊ย ! " เสี่ยวหลงหันกลับมามองสตรีร่างเล็กที่ใช้มือจับหัวตนเอง"นี่เจ้าเม่อลอยอันใด มีเรื่องอันใดให้เจ้าคิดนักหนา ""แล้วผู้ใดบอกให้องค์ชายหยุดเดินเช่นนี้เพคะ " จิวหลินเงยหน้าตำหนิองค์ชายเสี่ยวหลงที่จู่ ๆ เขาเองที่เป็นผู้หยุดเดิน"ต้องหยุดสิในเมื่อตอนนี้ถึงหน้าตำหนักของท่านพ่อแล้ว เจ้าต่างหากที่เอาแต่เม่อลอย""ชิ หม่อมฉันผิดก็ได้เพคะ " เขาแสยะยิ้มมุมปากก่อนจะพาจิวหลินเดินต่อเข้าไปด้านในตำหนักของฮ่องเต้ "องค์ชายห้าเสี่ยวหลงเสด็จพะย่ะค่ะ" ขันทีหน้าห้องของฝ่าบาทได้ตะโกนเข้าไปด้านในเพื่อแจ้งให้ได้รู้ "เข้ามาได้" น้ำเสียงเข็มขรึมน่าเกรงขามเปล่งออกมาจากด้านในทำให้จิวหลินเริ่มกังวลเกรงว่าตนเองจะทำตัวไม่ดีจนสั่นเทาไปทั้งตัว ทำให้เสี่ยวหล
บทที่ 9 เจ้ามันเสแสร้ง"นี่เจ้าองค์ชายเสี่ยวหลงอยู่ในห้องหรือไม่ ? เข้าไปบอกองค์ชายให้ข้าทีว่าข้าขอพบ" "พะย่ะค่ะพระชายา" ขันทีขององค์ชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าห้องได้ตอบรับคำสั่งของพระชายาพร้อมเดินเข้าไปในห้องเพื่อกราบทูลเรื่องที่พระชายาขอเข้าพบ ไม่นานนักขันทีก็ได้เดินออกมา"องค์ชายให้พระชายาเข้าไปพบได้พะย่ะค่ะ แต่ทว่าองค์ชายให้พระชายาเข้าไปในตำหนักเพียงลำพังโดยไม่มีสาวใช้หรือนางกำนัลตามเข้าไปพะย่ะค่ะ" จิวหลินคิ้วขมวดชนกันอย่างไม่เข้าใจ ทำไมองค์ชายเสี่ยวหลงต้องทำตัวเช่นนี้หรือเขาไม่ชอบอยู่กับผู้คนมาก ๆ กันนะ จิวหลินจึงหันกลับไปสั่งนางกำนัลพร้อมกับซือเล่อให้รออยู่ด้านนอก"เช่นนั้นพวกเจ้ารอข้าอยู่ด้านนอกแล้วกัน""เพคะ /พะย่ะค่ะ" จิวหลินย่ำเท้าเดินเข้าไปเหยียบในตำหนักของเสี่ยวหลง ด้านในห้องของเขาเต็มไปด้วยตำรามากมายแทบจะเป็นห้องอ่านตำรามากกว่าเป็นตำหนักขององค์ชายเสียมากกว่า นางเดินเข้ามาเรื่อย ๆ ก็ต้องชะงักเมื่อจู่ ๆ เขาก็เอ่ยดังขึ้น "มีเรื่องอันใดเจ้าถึงมาหาข้าถึงที่นี่ คงไม่มาโวยวายเรื่องที่ข้าไม่ยอมร่วมหอกับเจ้าหรอกนะ เพราะสักครู่ข้าเห็นคนของตระกูลจิวมาคงจะมาถามเรื่องความมั่นคงของตระกู
บทที่ 10 องครักษ์ ภายในห้องที่เต็มไปด้วยตำราบุรุษที่เอาแต่โมโหตนเองที่ทำให้สตรีร่างบางอย่างนางบาดเจ็บได้ เขาไม่ไว้ใจผู้ใดเพราะเคยถูกหักหลังและโดนทำร้าย ทำให้ความคิดหวาดระแวงทุกคนที่เข้ามาหาเป็นมาตั้งแต่ที่ได้รับบาดเจ็บเขาก็ไม่อยากเชื่อใจผู้ใดอีกเลยนอกจากองครักษ์ประจำกาย "นี่ข้าเป็นอะไรไป เหตุใดถึงไม่มีเหตุผลเช่นนี้ได้นะ " เขาบ่นพึมพำนั่งตัวทรุดลงกับพื้นพลางคิดถึงใบหน้าเจ็บปวดของจิวซินพระชายาที่ท่านพ่อประทานให้ เขารู้ดีว่าครั้งนี้เขาทำเกินกว่าเหตุนางอาจจะไม่ได้เป็นคนของฮองเฮาก็ได้ ยามค่ำมาเยือนหลังจากที่กินอาหารเสร็จแล้วจิวหลินก็ได้เข้าพักผ่อนโดยได้ให้ซือเล่อกลับไปพักที่ห้องของนางที่ขันทีจางหาไว้ให้ จิวหลินนอนไม่หลับนางรู้สึกเจ็บร้าวที่แขนที่กำลังบวมแดง นางจึงได้เดินออกไปรับลมด้านนอก คืนนี้พระจันทร์ช่างงดงามยิ่งนัก ลมพัดเย็นสบายทำให้ผมที่ถูกปล่อยของนางพริ้วสยาย "คิดถึงท่านป้าจัง ท่านป้าปานนี้จะกินได้นอนหลับหรือไม่นะ" จิวหลินเงยหน้ามองดวงจันทร์พร้อมเอ่ยถาม "คิดถึงผู้ใดหรือ" เสียงทุ่มดังขึ้นจากด้านหลังทำให้จิวหลินรีบหันไปมองก็ต้องพบกับชายแปลกหน้าที่ขโมยจูบนางไปครั้งนั้น "นี่เจ้า
บทที่ 11 แอบหนีเที่ยวนางกำนัลสองนางได้นำพัดมาพัดให้จิวหลินคนละฝั่งส่วนซือเล่อก็คอยรินน้ำชาให้จิวหลิน จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นมาจิวหลินได้ยินทำให้นางสนใจบทสนทนาของนางกำนัลที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน"นี่เจ้ารู้หรือไม่ว่าคืนนี้ที่นอกวังจะมีงานเทศกาล ""จริงหรือ ข้าอยากไปจังเจ้าไปหรือไม่" "แน่นอนอยู่แล้วเพราะองค์หญิงสามชอบเที่ยวเล่นเป็นผลพลอยได้ที่ข้าจะได้ตามเสด็จออกไปด้วย""ข้าล่ะอิจฉาเจ้าเสียจริง ""เจ้าไม่ต้องอิจฉาเดี๋ยวข้าจะซื้อขนมอร่อย ๆ มาให้เจ้าเอง" จิวหลินคิดภาพงานเทศกาล ตั้งแต่เด็กจนโตนางไม่เคยเที่ยวงานเช่นนี้สักครั้ง ช่างน่าตื่นเต้นอะไรเช่นนี้แววตาเป็นประกายรอยยิ้มเริ่มผุดขึ้นบนใบหน้า "ขันทีจาง เจ้าได้รู้หรือไม่ว่างานเทศกาลที่นางกำนัลพวกนั้นพูดถึงคือที่ใด ""อยู่ด้านหน้าวังหลวงไม่ไกลนักพะย่ะค่ะ""ข้าอยากไป ไปได้หรือไม่ ""หากพระชายาอยากออกไปนอกวังต้องมีป้ายชื่อของพระองค์ก่อนพะย่ะค่ะถึงจะออกไปได้""แล้วป้ายชื่อของข้าอยู่ที่ใด " จิวหลินยิ้มกว้างตาเป็นประกาย "ป้ายชื่อตำแหน่งของพระชายาอยู่กับองค์ชายเสี่ยวหลงพะย่ะค่ะ " เมื่อได้ยินว่าอยู่กับผู้ใดสีหน้าของจิวหลิน
บทที่ 12 ไม่คาดคิด"พระชายาเพคะหากป้ายชื่อขององค์ชายตกไปอยู่ในมือของคนไม่ดีอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้นี่คือส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถให้ป้ายชื่อแก่พระชายาได้เพคะ" ซือเล่อกระซิบข้างหูของจิวหลินเกรงว่านางจะเผลอตัวพูดออกไปว่าตนเองไม่รู้กฎของวังหลวง "เช่นนั้นหม่อมฉันก็คงต้องขอบพระทัยที่องค์ชายห้าเสี่ยวหลงได้พานางกำนัลอย่างหม่อมฉันออกมาเที่ยวนะเพคะ"จิวหลินกัดริมฝีปากขอบน้ำใจแม้ไม่เต็มใจสักเท่าไหร่นัก "นี่พระชายาเจ้าจะยอกย้อนข้าอีกถึงเพียงใดกันช่างไม่เหมาะกับเป็นสตรีที่ท่านพ่ออยากให้แต่งเลยแม้แต่น้อย""หากหม่อมฉันรบกวนจิตใจของพระองค์ก็ทรงเฝ้ารอหม่อมฉันที่หน้าวังหลวงนี้เถิดเพคะ หม่อมฉันจะไปเที่ยวเล่นกับซือเล่อเพียงลำพัง " จิวหลินไม่อยากต่อคารมจึงได้คว้ามือของซือเล่อให้เดินหนีเสี่ยวหลงแต่ทว่ากลับถูกเขาจับมืออีกข้างของนางไว้ "ผู้ใดจะให้เจ้าไปเที่ยวเล่นตามลำพังหากเกิดอะไรขึ้นผู้ใดจะช่วยเจ้าได้ อย่าลืมฐานะตนเองสิตอนนี้เจ้ามิใช่แค่บุตรสาวของใต้เท้าชั้นผู้น้อยแต่เจ้าเป็นถึงพระชายาของข้า เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะพาเจ้าเดินเล่นเอง " เขาใช้แรงดึงมือของจนนางเซใส่อกแกร่งของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้ซือเล่อรี
บทที่ 13 ใจเต้นแรงเมื่อเที่ยวเล่นอย่างพอใจเสี่ยวหลินก็พาจิวหลินกลับตำหนัก นางมีความสุขมาก ๆ แถมยังสนุกสนานอีกด้วย มาถึงหน้าห้องนางก็ได้เอ่ยขอบคุณที่เขาพานางออกไป หากไม่ได้เขานางก็ไม่ได้ไปเห็นเทศกาลที่งดงามเช่นนั้น "องค์ชายขอบพระทัยนะเพคะที่พาหม่อมฉันออกไปเที่ยวคืนนี้ หม่อมฉันมีความสุขมากเพคะ""หากเจ้ามีความสุขก็ดีจงเข้าไปพักผ่อนเถิดตอนนี้น้ำค้างก็เริ่มลงแล้วเดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้" เสี่ยวหลงตอบนางพร้อมเดินหนี ทำให้จิวหลินไม่เข้าใจเขาสักนิด "อะไรกันทำไมถึงเย็นชาขนาดนี้นะ แต่ก็ช่างเถิดซือเล่อเจ้าเองก็ไปพักเถิดเดี๋ยวข้าจะดับเทียนเองเจ้าไม่ต้องห่วง" "เพคะ พระชายา" ซือเล่อก้มโค้งลงและเดินกลับห้องของตนเอง ส่วนจิวหลินนางกินขนมมามากทำให้ท้องแน่นมิอาจจะเข้านอนได้ นางจึงเดินรับลมเพื่อให้ท้องย่อยก่อนจะเข้านอน นางเดินไปเดินมามองดูดวงจันทร์จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังเดินเข้ามาใกล้ ๆ นางรู้ทันทีว่าคงเป็นองครักษ์ขององค์ชายเสี่ยงหลงแน่ ๆ "เจ้าหายตัวไปที่ใดมาช่วงนี้ข้าไม่เห็นเจ้าเลย จริงสิวันนี้องค์ชายของเจ้าออกไปนอกวังเหตุใดเจ้าไม่ตามไปคอยอารักขาล่ะ ""ท่านนี่รู้ดีเสียจริง แค่ฝีเท้าของข้าก็รู้
บทที่ 14 เดินทางตลอดระยะทางที่เดินทางจิวหลินรู้สึกว่าถูกสายตาของเสี่ยวหลงจ้องมองมาตลอดจนทำให้นางรู้สึกอึดอัดจนต้องเอ่ยปากถาม"องค์ชายจะจ้องหม่อมฉันอีกนานมั้ยเพคะ? หรือว่าใบหน้าของหม่อมฉันมีสิ่งใดติดอยู่" จิวหลินใช้มือตนเองเช็ดใบหน้าเพราะคิดว่าสิ่งใดติดอยู่ จนเสี่ยวหลงต้องยื้อมือของตนเองไปจับมือของนางเอาไว้แต่แล้วก็ทำให้เขาพบเรื่องที่น่าแปลกมือของนางไม่ได้นุ่มนิ่มดังสตรีชั้นสูงหากแต่ว่ามือของนางกลับสากกระด้างทำให้เขาเกิดความสงสัย จิวหลินเองก็เหมือนจะรู้ตัวก็รีบดึงมือตนกลับ"มีอันใดหรือเพคะ เหตุใดต้องจับมือของหม่อมฉันด้วย""ข้าแค่จะบอกว่าใบหน้าของเจ้าไม่ได้มีอันใดติดอยู่หรอกนะ ""เช่นนั้นหรือเพคะ แล้วองค์ชายจ้องมองหม่อมฉันทำไมกัน""ก็เพราะข้าอยากมองก็มองเท่านั้น ว่าแต่เจ้ามาอยู่ในวังหลวงหลายวันเจ้ารู้สึกเบื่อบ้างหรือไม่""ไม่เลยเพคะ จริงสิองค์ชายเสี่ยวหลงแล้วองครักษ์ของท่านเฉินฟูไม่ตามมาด้วยหรือเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นองครักษ์ของพระองค์เลย" จิวหลินนึกออกได้วันนี้ตอนเดินทางมานางไม่เห็นองครักษ์เลยจึงเอ่ยถาม "เจ้ารู้จักองครักษ์ของข้าด้วยหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าองครักษ์ของข้าไม่ค่อยปรากฎตัวออก
บทที่ 15 สุราทำพิษ ฝั่งด้านเสี่ยวหลงเมื่อปรึกษาหารือกันเสร็จเรียบร้อย เจ้าแคว้นจึงอาสาพาองค์ชายเสี่ยวหลงเดินสำรวจดูแคว้นของเขา ภายในหมู่บ้านที่เป็นแคว้นเล็ก ๆ แต่ก็มีผู้คนมากมายอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข รอยยิ้มของชาวบ้านทำให้เสี่ยวหลงรู้สึกสบายใจ เจ้าแคว้นพาเดินดูจนกระทั่งถึงแปลงผักพืชไร่ของชาวบ้าน เขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยที่ดังอยู่ไม่ไกลจากที่ยืนอยู่ เสี่ยวหลงจึงเหลียวหาต้นเสียงสายตาของเขาก็มองเห็นพระชายาที่กำลังช่วยชาวบ้านเพาะปลูกข้าวอยู่กลางแปลง แสงแดดที่กำลังร้อนขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทว่านางกลับมีรอยยิ้มเต็มใบหน้าอย่างมีความสุข ทำให้เสี่ยวหลงทึ้งในการกระทำของนางอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเตะต้อยหรือแม้กระทั่งงานเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่ได้เข้าไปหานางเพราะเจ้าแคว้นได้ชวนเขาไปที่อื่นต่อ ตะวันบ่ายคล้อยจิวหลินได้ช่วยชาวบ้านจนเสร็จนางกลับมาที่พักโดยมีสาวใช้พร้อมกับซือเล่อช่วยกันล้างเนื้อล้างตัวแต่งกายชุดใหม่ให้"ซือเล่อขาปวดบ่าเจ้านวดเป็นหรือไม่ ? ข้าไม่ได้ทำเช่นนี้นานแล้วทำให้ข้ารู้สึกปวดเหมื่อยไปหมด""เห็นมั้ยเพคะหม่อมฉันห้ามแล้วแต่พระชายาไม่ฟังหม่อมฉันเลย "แม้ปากจะตำหนิแต่นางก็ทำตามที่จิวหล
บทที่ 34 พ่ายรักพระชายาตัวแทนหลายวันต่อมาจิวหลินกลับมาอยู่วังหลวงอยางมีความสุข เสี่ยวหลงก็ไม่ยอมอยู่ห่างนางเลยแม้แต่น้อยแม้กระทั่งห้องนอนยังต้องย้ายมานอนในห้องเดียวกัน"จิวหลินตอนนี้เจ้าเก็บของเสร็จหรือยัง? ""เสร็จแล้วเพคะ หม่อมฉันตื่นเต้นเหลือเกินเพคะไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ""ให้ข้าบอกเจ้ามั้ยล่ะ ชีวิตของเจ้าต่อจากนี้คือเจ้าต้องตั้งครรภ์บุตรของข้าโดยมีซือเล่อคอยช่วยเหลือ ข้าวางแผนจะมีบุตรสักสามคนกำลังดี พอเจ้าคลอดข้าก็จะให้เจ้าท้องอีกคนดีหรือไม่ความคิดของข้า""ฮึ! ไม่เพคะ หม่อมฉันจะปลูกผักปลูกข้าวทำทุกอย่าง และนำข้าวของที่ได้มาส่งขายที่ตลาดเพคะ หม่อมฉันจะยังไม่มีบุตรจนกว่าเราจะมีทุกอย่างมั่นคงเพคะ ""แต่ว่าทุกวันนี้ข้ากับเจ้าก็มีจนไม่ต้องชาตินี้ทั้งชาติก็ใช้ไม่หมดแล้วนะ อย่าลืมสิว่าข้าคือองค์ชายของฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่""หม่อมฉันรู้ไม่เคยลืมเพคะ แต่หม่อมฉันอยากวางแผนชีวิตให้เป็นอย่างดี หากมีบุตรชายก็ดีแต่หากมีบุตรสาวหม่อมฉันไม่อยากบังคับให้นางแต่งเข้าเรือนของบุตรชายของใต้เท้าหรือแต่งงานกับท่านอ๋อง ชีวิตของนางถึงได้อยู่อย่างสุขสบาย แต่ข้าอยากให้นางได้เลือกเส้นทางของนางเอ
บทที่ 33 ตามพระชายากลับวังสายลมพัดผ่านร่างบางที่ยืนรับลมยามนี้เริ่มเข้าฤดูหนาวชาวบ้านเริ่มพากันเก็บเกี่ยวเมล็ดข้าว จิวหลินข่มตานอนในแต่ละคืนช่างยากนัก จิตใจของนางเฝ้าแต่คิดถึงเสี่ยงหลงไม่จางหาย นี่นานเท่าไหร่แล้ว นางยังคงไม่ลืมจิวหลินเงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า "ปานนี้ท่านพี่คงจะมีความสุขกับพระชายาตัวจริงมากสินะ แค่คิดว่าท่านมีความสุขข้าเองก็สุขใจแม้ในใจของข้าจะเจ็บปวดมากก็ตาม" "ข้าจะมีความสุขได้อย่างไรในเมื่อพระชายาตัวจริงของข้าไม่ได้อยู่ข้างกายของข้า " จิวหลินแสยะยิ้มสมเพชตนเองที่จู่ ๆได้ยินเสียงของเสี่ยวหลง"ข้าคงคิดถึงท่านจนหูฝาดไปแล้ว เอาล่ะต่อจากนี้ข้าจะเลิกคิดถึงท่านเสียที ข้าจะใช้ชีวิตของตนเองอย่างมีความสุข เป็นสาวบ้านนอกอีกไม่นานอายุของข้าก็ใกล้ออกเรือนท่านป้าก็หาบุตรชายบ้านขุนนางมาดูตัว ตอนนั้นข้าคงจะลืมท่านได้สักทีองค์ชายเสี่ยวหลง""ไม่ข้าไม่ยอม เจ้าเป็นพระชายาของข้า หากชายใดกล้ามาแตะต้องตัวเจ้าข้าจะจับไปประหารให้หมด" จิวหลินคิดว่าตนเองหูฝาดนางจึงมองหาเสียงก็พบว่านางไม่ได้หูฝาดแต่น้ำเสียงที่พูดคุยกับนางอยู่นั้นคือเสี่ยวหลงตัวจริง หัวใจของจิวหลินเ
บทที่ 32 จิวซินยอมแพ้แต่โดยดีเมื่อแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ลับท้องฟ้าปกคุมด้วยความมืดมน จิวซินที่แช่น้ำดอกกุหลาบจนร่างกายของกรุ่น นางแต่งกายด้วยเนื้อผ้าที่บางแนบเนื้อเผยให้เห็นผิวเนียนขาวด้านในจนเห็นได้ชัดก่อนจะสวมเสื้อคุมด้านนอกอีกชั้นเพื่อไม่ให้ขันทีกับนางกำนัลได้เห็น เมื่อนางเข้าไปที่ห้องของเสี่ยวหลงเมื่อนั้นนางจะปลดเสื้อตัวนอกออกเพื่อยั่วยวนเสี่ยวหลง "ซือเล่อตอนนี้ข้าพร้อมแล้ว เมื่อเจ้าไปส่งข้าที่ห้องขององค์ชายจากนั้นเจ้าก็กลับไปพักผ่อนเถิดข้าจะอยู่ปรนนิบัติองค์ชายตลอดทั้งคืน คงไม่กลับมานอนที่ห้องนี้รุ่งสางเจ้าค่อยไปรับตัวข้า หรือไม่แน่ข้าอาจจะลุกก็ไม่ขึ้นก็ได้ แต่เอาเถอะให้คืนนี้ผ่านพ้นไปเสียก่อน" ซือเล่อไม่เอ่ยอันใดพานางเดินไปส่งที่ห้องของเสี่ยวหลงอย่างเป็นห่วงกลัวว่าองค์ชายเสี่ยวหลงจะนอนกับจิวซินจริง ๆ เมื่อจิวซินย่างเท้าก้าวเข้ามาในห้องของเสี่ยวหลงประตูก็ถูกปิดหัวใจของนางสั่นระรัวเดินเข้าไปเรื่อย ๆ ภายในห้องช่างเงียบสงัดแสงสว่างในห้องมีเพียงแสงเทียนที่จุดอยู่ในห้องนอนเท่านั้น นางจึงเดินไปในห้องนอนก็พบว่าเสี่ยวหลงนั่งอยู่บนเตียงรอนางด้วยรอยยิ้ม "มาแล้วหรือ มานั่งลงข้าง ๆ ข้านี่
บทที่ 31 ข้าจะทำให้องค์ชายลุ่มหลงส่วนจิวหลินหลังจากที่นางออกมาจากวังหลวงก็เอาแต่เก็บตัวเงียบครุ่นคิดหาทางกับเข้าวังหลวงแต่ทว่าทำอย่างไรนางก็คิดไม่ออกเสียที ท่านป้าเห็นหลานสาวของนางเอาแต่เหม่อลอยจึงเดินเข้าไปหาอย่างเป็นห่วง "จิวหลินเจ้าคงคิดถึงองค์ชายเสี่ยวหลงสินะ แต่จะทำอย่างไรได้หากเจ้าเข้าไปปรากฎตัวเจ้าเองก็อาจจะต้องโทษได้ ข้าล่ะเห็นใจเจ้าเสียจริง""ท่านป้าข้าคิดจนหัวของข้าแทบระเบิด ข้าคงหมดหนทางแล้วเจ้าค่ะ ข้าคงไม่มีวาสนาเคียงคู่กับองค์ชายเสี่ยวหลง สวรรค์เหตุใดต้องเล่นตลกกับชีวิตของข้าด้วยล่ะเจ้าคะ หากไม่ให้ข้าได้เคียงคู่กับองค์ชายเสี่ยวหลงแล้วทำไมต้องลิขิตให้ข้าเข้าไปพัวพันจนข้าเกิดความรู้สึกดี ๆ กับองค์ชายด้วย ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ"จิวหลินมิอาจกักเก็บความเงียบเหงาภายในหัวใจนางเอ่ยออกมาพร้อมน้ำตาอย่างเจ็บปวด ท่านป้าโอบกอดนางแน่นใช้มือลูบหลังเบา ๆ ปลอบประโลม"หากเจ้ากับองค์ชายเป็นคู่เคียงวาสนาต่อกัน ไม่ช้าไม่นานทั้งสองก็ต้องกลับมาครองรักกันเช่นเดิม " จิวหลินมิได้เอ่ยอันใดมีเพียงเสียงสะอึกไห้ดังระงม หลายวันต่อมาเสี่ยวหลงได้ไปหาจิวซินตอนนี้นางกำลังนั่งจิบน้ำชาที่ห้องโถง ทันทีที่จิวซ
บทที่ 30 ซือเล่อมิอาจทนท่านป้าจับตัวจิวหลินหมุนไปมาเพื่อดูให้แน่ใจว่านางไม่ได้รับบาดเจ็บ "ท่านป้าข้าไม่ได้รับบาดเจ็บเท่าไหร่นัก เรารีบเข้าเรือนกันเถอะเจ้าค่ะ""ได้สิ ว่าแต่เจ้าได้กินอะไรมาหรือยัง ""ตอนนี้ข้าไม่มีอารมณ์มากินอะไรหรอกนะเจ้าคะ ""เช่นนั้นเรารีบไปที่ห้องของเจ้าเถิดข้าอยากรู้เต็มอกแล้วว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับเจ้า " ทั้งสองพากันเดินไปยังห้องนอนห้องจิวหลินเมื่อมาถึงห้องนางก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ท่านป้าฟัง นางรู้สึกสงสารจิวหลินยิ่งนัก "โธ่! จิวหลินของข้า เหตุใดต้องเกิดเรื่องเช่นนี้กับเจ้าด้วยนะ ท่านพ่อของเจ้าก็ช่างเลวร้าย ทำไมทำกับเจ้าได้ลงคอไหนจะจิวซินนั้นอีกไม่เห็นว่าเจ้าเป็นสายเลือดเลยแม้แต่น้อย แล้วอย่างนี้เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป " สายตาที่อ่อนโยนพร้อมคำพูดที่อ่อนหวานทำให้จิวหลินรู้สึกสบายใจนางโผล่เข้ากอดท่านป้าแน่น "ตอนนี้ข้าคิดอะไรไม่ออกเลยเจ้าค่ะ ขอกอดท่านป้าเยี่ยงนี้นาน ๆ ก่อนได้มั้ยเจ้าคะ" ท่านป้ากอดนางกลับเพื่อปลอบโยน"ไม่ว่าเจ้าจะทำเช่นไร ป้าผู้นี้ก็อยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ หากเจ้าไม่สบายใจวันนี้ข้าจะนอนกับเจ้าที่นี่ดีหรือไม่ สมัยก่อนตอนที่เจ้าไม่สบายใ
บทที่ 29 พระชายาเปลี่ยนไปเมื่อเกี้ยวเคลื่อนขบวนจิวซินก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจในที่สุดนางก็จะได้ครอบครองทุกอย่างที่เคยเป็นของนางมาก่อน ฝั่งด้านเสี่ยวหลงที่กลับมาจากเขาซกมู เขาก็รีบร้อนมาหาจิวหลินที่ห้องของนางแต่กลับไม่พบแม้แต่เงา ขันทีจางที่เดินเข้ามาเห็นองค์ชายเสี่ยวหลงก็ได้เข้ามาบอก "องค์ชายตามหาพระชายาหรือพ่ะย่ะค่ะ""ใช่แล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าพระชายาอยู่ที่ใด""ช่วงสาย ๆ มีสาวใช้จากสกุลจิวมาเข้าเฝ้าพระชายาไม่นานนักพระชายาก็ให้กระหม่อมเตรียมเกี้ยวออกไปที่เรือนสกุลจิวอย่างรีบร้อนพ่ะย่ะค่ะใบหน้าของพระชายาเป็นกังวลยิ่งนักคงมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นเป็นแน่""อย่างนั้นหรือ นี่ก็ใกล้ตะวันลับฟ้าแล้วปานนี้คงจะเดินทางกลับแล้ว ข้าจะรออยู่ที่นี่เจ้าให้นางกำนัลไปจัดเตรียมอาหารมาเถิดนางกลับมาจะได้กินพอดี " "พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย" ขันทีจางโค้งคำนับรับคำสั่งพร้อมเดินหันหลังจากไป เสี่ยวหลงจ้องมองไปด้านนอกสายตาของเขาก็เหลียวไปเห็นเกี้ยวของจิวหลินได้เคลื่อนเข้ามาหยุดอยู่หน้าตำหนักเขารีบออกไปหานางทันทีด้วยความคิดถึง จิวซินลงจากเกี้ยวกวาดตามองดูตำหนักที่นางจะต้องมาอยู่ต่อจากนี้นางตื่นเต้นเป็นอย่างมาก "พระชายาเ
บทที่ 28 สลับตัวจิวหลินนั่งมองท่านแม่อย่างน่าสงสาร สักพักเสียงประตูก็ได้เปิดเข้ามานางคิดว่าเป็นซือเล่อที่กลับมาจากไปต้มข้าวจึงรีบเดินออกไปนอกห้องนอนเพราะไม่อยากให้ท่านแม่ตื่น "เหตุใดเจ้าถึงกลับมาเร็วเช่นนี้เล่า เสร็จแล้วหรือข้าวต้มที่ข้าสั่งให้เจ้าไปทำมา" จิวหลินหันไปมองแต่ทว่ามิใช่ซือเล่อที่เดินเข้ามาประตูถูกปิดลงใบหน้าของนางเริ่มวิตกกังวลเล็กน้อย "ท่านพี่จิวซิน... ""ใช่ข้าเอง ทำไมต้องทำสีหน้าราวกับเห็นผีด้วยเล่า ""เปล่าเจ้าค่ะ หากท่านพี่มาหาท่านแม่ข้าเองก็จะออกไปด้านนอกนะเพคะ " จิวหลินไม่อยากอยู่กับจิวซินที่ไม่เคยมองว่านางเห็นน้องสาวเลย ทำให้นางรู้สึกอึดอัดหากอยู่ด้วยกันตามลำพัง จิวหลินกำลังเดินย่างเท้าจะเดินออกจากห้องก็ต้องถูกจิวซินดึงกระชากแขนของนางไว้ก่อน "เจ้าจะไปที่ใดไม่ได้ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า""แต่ข้าไม่มีเจ้าค่ะ ปล่อยนะหากท่านไม่ปล่อยข้าเองก็จะไม่ไว้หน้านะเจ้าคะ" จิวหลินดวงตาแข็งกร้าวตอบกลับจิวซิน "เฮอะดูสายตาเจ้าสิ คิดว่าข้ากลัวหรือไงก็ได้ข้าปล่อยเจ้าก็ได้ แต่เจ้าต้องคุยกับข้าเสียก่อน" จิวซินปล่อยมือตนออกจากแขนของจิวหลิน "เรื่องอันใดเจ้าคะ" "ก็เรื่องตำแหน่งพระช
บทที่ 27 ท่านแม่ล้มป่วย หลายวันต่อมา ระหว่างที่รอเรือนที่ฝ่าบาทสั่งการให้ทหารไปสร้างให้ จิวหลินมีความสุขมากจริง ๆ นางได้รับการดูแลเอาใจใส่ของเสี่ยวหลงเป็นอย่างดี จนนางกำนัลในตำหนักพากันเบิกบานหัวใจ สาย ๆ ของวันอากาศเย็นสบายจิวหลินได้ออกมาเดินรับลมด้านนอกเรือนมองดูเหล่าผีเสื้อที่บินดอมดมเกสรดอกไม้ส่วนเสี่ยวหลงนั้นวันนี้ได้เดินทางไปดูเรือนว่าเสร็จไปถึงขั้นไหนแล้ว"วันนี้ช่างอากาศดีเสียจริงว่ามั้ยซือเล่อ" จิวหลินยืนมองทอดสายตาไปด้านหน้าพร้อมเอ่ยถามซือเล่อที่เดินตามหลังมาติด ๆ"เพคะ คงเป็นเพราะะทุกอย่างกำลังลงตัว หม่อมฉันเห็นพระชายามีความสุข หม่อมฉันเองก็พลอยมีความสุขเช่นกัน อย่าให้มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นอีกเลยนะเพคะ ""เหตุใดเจ้าถึงเอ่ยเช่นนั้นเล่า ""ก็หม่อมฉันอดคิดไม่ได้นี่เพคะ ในเมื่อตอนนี้องค์ชายเสี่ยวหลงเปิดใบหน้าที่แท้จริงให้ทุกคนได้เห็นหม่อมฉันคิดว่าถ้าหากคุณหนูจิวซินรับรู้คงคิดหาทางทวงคืนแน่ ๆ ""เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าไม่มีทางให้เกิดเรื่องนั้นขึ้นแน่ ในเมื่อท่านพี่ไม่ได้ต้องการมันตั้งแต่แรกแถมยังผลักไสไล่ส่งข้าเข้ามาแทน มีหรือที่ข้าจะยอมให้ข้ามิใช่จิวหลินคนเดิม" ดวงตาจริงจังน้ำเสี
บทที่ 26 ข้าจะทวงคืนฝั่งด้านจิวซินเมื่อท่านป้ากลับนางโมโหอย่างมากที่ถูกท่านป้าตบที่ใบหน้า นางเข้าห้องมาโวยวายโยนข้าวของพร้อมกรี๊ดร้อง"กรี๊ด!!! ทำไม ...ทำไมทุกคนต้องรักนาง ทำไมนางต้องได้ดีทำไมไม่เป็นข้า ที่ข้าถูกท่านป้าตบก็เพราะนาง ข้าเกลียดเจ้าจิวหลิน" "หยุดเถอะนะเจ้าคะ คุณหนูข้าวของเสียหายแล้วเจ้าคะ" แม่นมพยายามร้องขอให้คุณหนูของตนหยุดโยนของและโวยวาย"ไม่! ข้าไม่หยุด ! " ใต้เท้าจิวที่พาฮูหยินไปพักที่ห้องเพราะจู่ ๆ นางเกิดเป็นลมเมื่อท่านป้าเดินออกจากเรือน ช่วงนี้ร่างกายของฮูหยินไม่ค่อยมีแรงเสมือนนางตรอมใจเสียใจรับไม่ได้ที่เขาได้ทำร้ายบุตรสาวคนรอง เขาเองก็ครุ่นคิดเช่นกันเพราะเรื่องทั้งหมดนี่เด็กคนนั้นไม่ควรมารับรู้ เขานอนไม่หลับจึงได้ออกมาเดินรับลมก็ได้ยินเสียงโวยวายของจิวซินจึงได้เดินไปหานางที่ห้องของนาง"เกิดอะไรขึ้น ""ท่านพ่อ ท่านพ่อต้องช่วยข้านะเจ้าคะ ทำไมทุกคนต้องรักแต่จิวหลินท่านป้าก็รักนางจนลงไม้ลงมือกับข้า ไหนจะเรื่ององค์ชายที่ไม่ได้มีอัปลักษณ์นั้นอีกด้วย ข้าเห็นแววตาที่องค์ชายมองไปทางจิวหลินแววตานั้นสื่อให้ข้าเห็นว่าเขานั้นรักและเอ็นดูจิวหลินมากเพียงใด หากผู้ที่ยืนอยู่ตร