บทที่ 8 ท่านป้ามาหา
ตลอดทางที่เดินมาจิวหลินก็ได้มองรอบ ๆ อย่างตื่นเต้น วังหลวงช่างกว้างใหญ่นัก ยิ่งเดินเข้ามาใกล้ตำหนักของฮ่องเต้ยิ่งงดงาม จนจิวหลินยิ้มเล็กยิ้มใหญ่เมื่อมีวาสนาได้เข้ามาในวังหลวงแห่งนี้ แต่แล้วจู่ ๆ องค์ชายเสี่ยวหลงก็ได้หยุดเดินทำให้จิวหลินที่เอาแต่มองไปทางอื่นไม่ทันสังเกตว่าเสี่ยวหลงหยุดเดินทำให้นางสะดุดหน้าชนเข้ากับแผ่นหลังของเขาอย่างจัง
"โอ๊ย ! " เสี่ยวหลงหันกลับมามองสตรีร่างเล็กที่ใช้มือจับหัวตนเอง
"นี่เจ้าเม่อลอยอันใด มีเรื่องอันใดให้เจ้าคิดนักหนา "
"แล้วผู้ใดบอกให้องค์ชายหยุดเดินเช่นนี้เพคะ " จิวหลินเงยหน้าตำหนิองค์ชายเสี่ยวหลงที่จู่ ๆ เขาเองที่เป็นผู้หยุดเดิน
"ต้องหยุดสิในเมื่อตอนนี้ถึงหน้าตำหนักของท่านพ่อแล้ว เจ้าต่างหากที่เอาแต่เม่อลอย"
"ชิ หม่อมฉันผิดก็ได้เพคะ " เขาแสยะยิ้มมุมปากก่อนจะพาจิวหลินเดินต่อเข้าไปด้านในตำหนักของฮ่องเต้
"องค์ชายห้าเสี่ยวหลงเสด็จพะย่ะค่ะ" ขันทีหน้าห้องของฝ่าบาทได้ตะโกนเข้าไปด้านในเพื่อแจ้งให้ได้รู้
"เข้ามาได้" น้ำเสียงเข็มขรึมน่าเกรงขามเปล่งออกมาจากด้านในทำให้จิวหลินเริ่มกังวลเกรงว่าตนเองจะทำตัวไม่ดีจนสั่นเทาไปทั้งตัว ทำให้เสี่ยวหลงสังเกตเห็น
"เป็นอันใดของเจ้าอีกไม่สบายตรงไหนหรือไง "
"เปล่าเพคะ "
"ท่านพ่อเป็นฮ่องเต้ที่อบอุ่นเจ้าไม่ต้องตื่นกลัวไปหรอกมาเถิด" เสี่ยวหลงได้ปลอบไม่ให้จิวหลินตื่นกลัวท่านพ่อของตนและพานางเดินเข้ามาด้านใน เมื่อเดินเข้ามาถึงด้านใน จิวหลินก็เอาแต่ก้มหน้าตลอดทาง เมื่อเห็นว่าเสียวหลงหยุดเดินนางก็หยุดเดินและโค้งคำนับลงต่อหน้าฝ่าบาท
"ถวายบังคมเสด็จพ่อ"
"ถวายบังคมฮ่องเต้ขอให้มีพระวรกายแข็งแรงหมื่นปีหมื่น ๆ ปีเพคะ"จิวหลินใช้มือประสานกันไว้เหนืออกโค้งคำนับกล่าวคำถวายบังคมต่อฝ่าบาทผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์สูง
"เอาล่ะเอาล่ะไม่ต้องมากพิธีเจ้าเป็นบุตรสาวใต้เท้าจิวสินะ ข้าขอโทษด้วยที่ไม่ได้ไปร่วมพิธีมงคลของเจ้าทั้งสองเพราะมีเรื่องที่ต้องไปทำต่างเมือง"
"มิเป็นไรเพคะฝ่าบาทอย่าได้ใส่ใจเลยเพคะ"จิวหลินนอบน้อมตอบฮ่องเต้อย่างเจียมตัว
"จริงสิเสี่ยวหลงตอนนี้เจ้าเองก็มีพระชายาแล้วข้าผู้เป็นพ่อก็สุขใจยิ่งนักอีกไม่นานเจ้าก็คงจะมีองค์ชายตัวเล็ก ๆ คอยวิ่งเล่นในวังหลวง วันนี้ข้ารู้ว่าเจ้าจะมาพบจึงได้จัดเตรียมของกำนัลเพื่อเป็นการต้อนรับไว้ให้แก่ชายาของเจ้า จิวซินเจ้ามารับไปสิ" ฮ่องเต้พยักหน้าให้ขันทีเพื่อนำของสิ่งนั้นไปมอบให้แก่จิวหลิน นางจึงเดินมารับของนั้นทันที
"เป็นพระมหากรุณาธิคุณเพคะฝ่าบาท "
จิวหลินรับของจากขันทีมาถือไว้องค์ชายห้าเสี่ยวหลงก็ได้ทูลขอบพระทัยท่านพ่อ
"ขอบพระทัยที่ท่านพ่อเมตตาจิวซินพระชายาของกระหม่อมพะย่ะค่ะ"
"เจ้าเองก็เป็นโอรสของข้าที่ข้ารักมาก เอาล่ะตอนนี้ถึงเวลาที่ข้าจะพักผ่อนเจ้าทั้งสองกลับตำหนักเถิด"
หลังจากนั้นทั้งสองโค้งคำนับกล่าวลาและพากันเดินกลับตำหนักแต่ทว่าระหว่างทางเสี่ยวหลงได้ไปอีกที่เขาสั่งให้ขันทีที่ดูแลจิวหลินพานางกลับตำหนักก่อน
จิวหลินเดินจนมาถึงตำหนักก็ได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอกที่สามารถทำให้ฝ่าบาทไม่เคลือบแคลงใจที่ตนเองนั้นมิใช่จิวซิน
"เฮ้อ ! คิดว่าข้าจะทำพลาดไปแล้วเสียอีก "
"ถอนหายใจเฮือกใหญ่เช่นนั้นมีเรื่องอันใดไม่ดีเกิดขึ้นกับเจ้าหรือ" น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยของท่านป้าก็ได้ดังในห้องของจิวหลิน เมื่อนางได้ยินก็รีบวิ่งเข้าไปพบว่าท่านป้ากับซือเล่อมานั่งรออยู่ในห้องเสียแล้ว
"ท่านป้า ท่านมาหาข้าหรือเจ้าคะ ข้าคิดถึงท่านป้ามาก ๆ เลย "
"โธ่ ๆ หลานรักของข้าไม่เจอกันเพียงวันเดียวเหตุใดเจ้าถึงซูบผอมไปมากขนาดนี้ " จิวหลินโผล่เข้ากอดท่านป้าของตนแน่นด้วยความคิดถึง ท่านป้าโอบกอดนางกลับพร้อมเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
"ท่านป้าแค่วันเดียวข้าคงไม่ซูบลงได้เร็วขนาดนั้นหรอกเจ้าค่ะ นี่พวกเจ้าออกไปรอด้านนอกก่อนข้ามีเรื่องจะหารือกับท่านป้าของข้า"จิวหลินออกคำสั่ง สั่งให้นางกำนัลกับขันทีออกไปรอด้านนอกห้องก่อน มิเช่นนั้นคนพวกนี้จะรู้ว่านางมิใช่จิวซิน"เพคะ พระชายา" เมื่อทุกคนออกไปจนหมดเหลือเพียงจิวหลินท่านป้าและซือเล่อ ทานป้าก็ได้ใช้มือลูบใบหน้าของจิวหลินอย่างเอ็นดู
"เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง เมื่อคืนที่ผ่านมาเจ้าคงมิได้เข้าร่วมหอนอนเคียงคู่องค์ชายห้าหรอกใช่มั้ย ? "
"ข้าโชคดีมากเจ้าค่ะ ที่องค์ชายห้าเองก็ไม่ได้เต็มใจในการแต่งงานในครั้งนี้จึงทำให้ไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น ว่าแต่ที่ท่านป้ามาหาข้าอย่าบอกนะเจ้าคะว่ายังหาตัวท่านพี่จิวซินไม่พบ"
"ใช่แล้ว ! พ่อของเจ้าออกตามหาจนทั่วก็ไม่พบ ส่วนท่านแม่ของเจ้าก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร จึงได้มาบอกลาเจ้าเพื่อกลับไปที่เรือน เจ้าก็รู้ใช่มั้ยว่าที่นั่นต้องการข้าหากข้าอยู่ที่นี่ได้ก็ช่วยอันใดเจ้ามิได้ ต่อจากนี้เจ้าต้องดูแลตนเองให้ดีเข้าใจหรือไม่อย่าไว้ใจผู้ใดง่าย ๆ และห้ามมิให้ผู้ใดรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเจ้า "
"ท่านป้าข้าอยากกลับไปที่เรือนของเราพร้อมท่านป้าเหลือเกิน จะให้ข้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ ไม่เอาข้าจะกลับไปกับท่านป้า" จิวหลินกอดท่านป้าแน่นไม่ยอมปล่อย
"จิวหลินเอ๋ย ตอนนี้เจ้ามีหน้าที่ใหญ่หลวงที่ต้องรับผิดชอบ เจ้ากลับไปพร้อมข้ามิได้หรอกนะ หากเจ้าหายตัวไปจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น เจ้าไม่สงสารท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าหรือ"
"แล้วอย่างไรเจ้าคะ ข้าเองก็อยากกลับไปพร้อมท่านป้านี่น่า หากข้ารู้ว่าการมาที่เรือนตระกูลจิวแล้วจะต้องมาพบเจอเรื่องเช่นนี้ข้าขอไม่มาเสียดีกว่า "
"ตอนนี้เรื่องทุกอย่างมันได้เกิดขึ้นแล้ว ทุกอย่างล้วนถูกลิขิตมาแล้ว ข้าจะมาหาเจ้าบ่อย ๆ และจะกำชับท่านพ่อของเจ้าให้ออกตามหาจิวซินให้พบโดยเร็ว เมื่อนั้นเจ้าจะได้กลับไปที่เรือนของเรากันนะ "
"ก็ได้เจ้าค่ะท่านป้าแต่ข้าขอกอดท่านป้าอยู่เช่นนี้สักครู่นะเจ้าคะ"
จิวหลินซึมซับกอดที่อบอุ่นของท่านป้าเอาไว้เพราะไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ที่นางจะได้กอดท่านป้าอีก
เมื่อทั้งสองร่ำลากันเสร็จสิ้นท่านป้าก็ได้กลับไป จิวหลินจึงถามเรื่องที่ให้ซือเล่อไปทำมา
"เป็นเช่นไรบ้าง "
"หม่อมฉันไปที่เรือนมาก็ไม่เห็นว่านายท่านจะกระตือรือร้นตามหาคุณหนูจิวซินเลยนะเพคะ มีเพียงท่านป้าที่เอาแต่โวยวายต่อว่านายท่าน ส่วนฮูหยินก็เอาแต่ร้องไห้ ทำไมกันนะเจ้าคะทั้ง ๆ ที่บุตรสาวหายตัวไปแท้ ๆ แต่กลับนิ่งนอนใจได้" ซือเล่อเอ่ยไปใบหน้าของนางก็ครุ่นคิดอดสงสัยไม่ได้ ไม่ต่างจากจิวหลินที่ได้ยินคำพูดของซือเล่อนางเองก็ครุ่นคิดเช่นกัน แล้วเมื่อไหร่นางจะได้ออกไปจากวังหลวงเสียที
"จริงสิ ข้ามีเรื่องที่ต้องทำก่อนที่ฟ้าจะมืด "
"เรื่องอันใดหรือเพคะ"
"ก็เรื่องที่อยู่ของเจ้าอย่างไรล่ะ " พูดจบจิวหลินก็ได้เดินออกจากห้องของตนเองตรงไปที่ตำหนักของเสี่ยวหลง
บทที่ 9 เจ้ามันเสแสร้ง"นี่เจ้าองค์ชายเสี่ยวหลงอยู่ในห้องหรือไม่ ? เข้าไปบอกองค์ชายให้ข้าทีว่าข้าขอพบ" "พะย่ะค่ะพระชายา" ขันทีขององค์ชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าห้องได้ตอบรับคำสั่งของพระชายาพร้อมเดินเข้าไปในห้องเพื่อกราบทูลเรื่องที่พระชายาขอเข้าพบ ไม่นานนักขันทีก็ได้เดินออกมา"องค์ชายให้พระชายาเข้าไปพบได้พะย่ะค่ะ แต่ทว่าองค์ชายให้พระชายาเข้าไปในตำหนักเพียงลำพังโดยไม่มีสาวใช้หรือนางกำนัลตามเข้าไปพะย่ะค่ะ" จิวหลินคิ้วขมวดชนกันอย่างไม่เข้าใจ ทำไมองค์ชายเสี่ยวหลงต้องทำตัวเช่นนี้หรือเขาไม่ชอบอยู่กับผู้คนมาก ๆ กันนะ จิวหลินจึงหันกลับไปสั่งนางกำนัลพร้อมกับซือเล่อให้รออยู่ด้านนอก"เช่นนั้นพวกเจ้ารอข้าอยู่ด้านนอกแล้วกัน""เพคะ /พะย่ะค่ะ" จิวหลินย่ำเท้าเดินเข้าไปเหยียบในตำหนักของเสี่ยวหลง ด้านในห้องของเขาเต็มไปด้วยตำรามากมายแทบจะเป็นห้องอ่านตำรามากกว่าเป็นตำหนักขององค์ชายเสียมากกว่า นางเดินเข้ามาเรื่อย ๆ ก็ต้องชะงักเมื่อจู่ ๆ เขาก็เอ่ยดังขึ้น "มีเรื่องอันใดเจ้าถึงมาหาข้าถึงที่นี่ คงไม่มาโวยวายเรื่องที่ข้าไม่ยอมร่วมหอกับเจ้าหรอกนะ เพราะสักครู่ข้าเห็นคนของตระกูลจิวมาคงจะมาถามเรื่องความมั่นคงของตระกู
บทที่ 10 องครักษ์ ภายในห้องที่เต็มไปด้วยตำราบุรุษที่เอาแต่โมโหตนเองที่ทำให้สตรีร่างบางอย่างนางบาดเจ็บได้ เขาไม่ไว้ใจผู้ใดเพราะเคยถูกหักหลังและโดนทำร้าย ทำให้ความคิดหวาดระแวงทุกคนที่เข้ามาหาเป็นมาตั้งแต่ที่ได้รับบาดเจ็บเขาก็ไม่อยากเชื่อใจผู้ใดอีกเลยนอกจากองครักษ์ประจำกาย "นี่ข้าเป็นอะไรไป เหตุใดถึงไม่มีเหตุผลเช่นนี้ได้นะ " เขาบ่นพึมพำนั่งตัวทรุดลงกับพื้นพลางคิดถึงใบหน้าเจ็บปวดของจิวซินพระชายาที่ท่านพ่อประทานให้ เขารู้ดีว่าครั้งนี้เขาทำเกินกว่าเหตุนางอาจจะไม่ได้เป็นคนของฮองเฮาก็ได้ ยามค่ำมาเยือนหลังจากที่กินอาหารเสร็จแล้วจิวหลินก็ได้เข้าพักผ่อนโดยได้ให้ซือเล่อกลับไปพักที่ห้องของนางที่ขันทีจางหาไว้ให้ จิวหลินนอนไม่หลับนางรู้สึกเจ็บร้าวที่แขนที่กำลังบวมแดง นางจึงได้เดินออกไปรับลมด้านนอก คืนนี้พระจันทร์ช่างงดงามยิ่งนัก ลมพัดเย็นสบายทำให้ผมที่ถูกปล่อยของนางพริ้วสยาย "คิดถึงท่านป้าจัง ท่านป้าปานนี้จะกินได้นอนหลับหรือไม่นะ" จิวหลินเงยหน้ามองดวงจันทร์พร้อมเอ่ยถาม "คิดถึงผู้ใดหรือ" เสียงทุ่มดังขึ้นจากด้านหลังทำให้จิวหลินรีบหันไปมองก็ต้องพบกับชายแปลกหน้าที่ขโมยจูบนางไปครั้งนั้น "นี่เจ้า
บทที่ 11 แอบหนีเที่ยวนางกำนัลสองนางได้นำพัดมาพัดให้จิวหลินคนละฝั่งส่วนซือเล่อก็คอยรินน้ำชาให้จิวหลิน จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นมาจิวหลินได้ยินทำให้นางสนใจบทสนทนาของนางกำนัลที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน"นี่เจ้ารู้หรือไม่ว่าคืนนี้ที่นอกวังจะมีงานเทศกาล ""จริงหรือ ข้าอยากไปจังเจ้าไปหรือไม่" "แน่นอนอยู่แล้วเพราะองค์หญิงสามชอบเที่ยวเล่นเป็นผลพลอยได้ที่ข้าจะได้ตามเสด็จออกไปด้วย""ข้าล่ะอิจฉาเจ้าเสียจริง ""เจ้าไม่ต้องอิจฉาเดี๋ยวข้าจะซื้อขนมอร่อย ๆ มาให้เจ้าเอง" จิวหลินคิดภาพงานเทศกาล ตั้งแต่เด็กจนโตนางไม่เคยเที่ยวงานเช่นนี้สักครั้ง ช่างน่าตื่นเต้นอะไรเช่นนี้แววตาเป็นประกายรอยยิ้มเริ่มผุดขึ้นบนใบหน้า "ขันทีจาง เจ้าได้รู้หรือไม่ว่างานเทศกาลที่นางกำนัลพวกนั้นพูดถึงคือที่ใด ""อยู่ด้านหน้าวังหลวงไม่ไกลนักพะย่ะค่ะ""ข้าอยากไป ไปได้หรือไม่ ""หากพระชายาอยากออกไปนอกวังต้องมีป้ายชื่อของพระองค์ก่อนพะย่ะค่ะถึงจะออกไปได้""แล้วป้ายชื่อของข้าอยู่ที่ใด " จิวหลินยิ้มกว้างตาเป็นประกาย "ป้ายชื่อตำแหน่งของพระชายาอยู่กับองค์ชายเสี่ยวหลงพะย่ะค่ะ " เมื่อได้ยินว่าอยู่กับผู้ใดสีหน้าของจิวหลิน
บทที่ 12 ไม่คาดคิด"พระชายาเพคะหากป้ายชื่อขององค์ชายตกไปอยู่ในมือของคนไม่ดีอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้นี่คือส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถให้ป้ายชื่อแก่พระชายาได้เพคะ" ซือเล่อกระซิบข้างหูของจิวหลินเกรงว่านางจะเผลอตัวพูดออกไปว่าตนเองไม่รู้กฎของวังหลวง "เช่นนั้นหม่อมฉันก็คงต้องขอบพระทัยที่องค์ชายห้าเสี่ยวหลงได้พานางกำนัลอย่างหม่อมฉันออกมาเที่ยวนะเพคะ"จิวหลินกัดริมฝีปากขอบน้ำใจแม้ไม่เต็มใจสักเท่าไหร่นัก "นี่พระชายาเจ้าจะยอกย้อนข้าอีกถึงเพียงใดกันช่างไม่เหมาะกับเป็นสตรีที่ท่านพ่ออยากให้แต่งเลยแม้แต่น้อย""หากหม่อมฉันรบกวนจิตใจของพระองค์ก็ทรงเฝ้ารอหม่อมฉันที่หน้าวังหลวงนี้เถิดเพคะ หม่อมฉันจะไปเที่ยวเล่นกับซือเล่อเพียงลำพัง " จิวหลินไม่อยากต่อคารมจึงได้คว้ามือของซือเล่อให้เดินหนีเสี่ยวหลงแต่ทว่ากลับถูกเขาจับมืออีกข้างของนางไว้ "ผู้ใดจะให้เจ้าไปเที่ยวเล่นตามลำพังหากเกิดอะไรขึ้นผู้ใดจะช่วยเจ้าได้ อย่าลืมฐานะตนเองสิตอนนี้เจ้ามิใช่แค่บุตรสาวของใต้เท้าชั้นผู้น้อยแต่เจ้าเป็นถึงพระชายาของข้า เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะพาเจ้าเดินเล่นเอง " เขาใช้แรงดึงมือของจนนางเซใส่อกแกร่งของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้ซือเล่อรี
บทที่ 13 ใจเต้นแรงเมื่อเที่ยวเล่นอย่างพอใจเสี่ยวหลินก็พาจิวหลินกลับตำหนัก นางมีความสุขมาก ๆ แถมยังสนุกสนานอีกด้วย มาถึงหน้าห้องนางก็ได้เอ่ยขอบคุณที่เขาพานางออกไป หากไม่ได้เขานางก็ไม่ได้ไปเห็นเทศกาลที่งดงามเช่นนั้น "องค์ชายขอบพระทัยนะเพคะที่พาหม่อมฉันออกไปเที่ยวคืนนี้ หม่อมฉันมีความสุขมากเพคะ""หากเจ้ามีความสุขก็ดีจงเข้าไปพักผ่อนเถิดตอนนี้น้ำค้างก็เริ่มลงแล้วเดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้" เสี่ยวหลงตอบนางพร้อมเดินหนี ทำให้จิวหลินไม่เข้าใจเขาสักนิด "อะไรกันทำไมถึงเย็นชาขนาดนี้นะ แต่ก็ช่างเถิดซือเล่อเจ้าเองก็ไปพักเถิดเดี๋ยวข้าจะดับเทียนเองเจ้าไม่ต้องห่วง" "เพคะ พระชายา" ซือเล่อก้มโค้งลงและเดินกลับห้องของตนเอง ส่วนจิวหลินนางกินขนมมามากทำให้ท้องแน่นมิอาจจะเข้านอนได้ นางจึงเดินรับลมเพื่อให้ท้องย่อยก่อนจะเข้านอน นางเดินไปเดินมามองดูดวงจันทร์จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังเดินเข้ามาใกล้ ๆ นางรู้ทันทีว่าคงเป็นองครักษ์ขององค์ชายเสี่ยงหลงแน่ ๆ "เจ้าหายตัวไปที่ใดมาช่วงนี้ข้าไม่เห็นเจ้าเลย จริงสิวันนี้องค์ชายของเจ้าออกไปนอกวังเหตุใดเจ้าไม่ตามไปคอยอารักขาล่ะ ""ท่านนี่รู้ดีเสียจริง แค่ฝีเท้าของข้าก็รู้
บทที่ 14 เดินทางตลอดระยะทางที่เดินทางจิวหลินรู้สึกว่าถูกสายตาของเสี่ยวหลงจ้องมองมาตลอดจนทำให้นางรู้สึกอึดอัดจนต้องเอ่ยปากถาม"องค์ชายจะจ้องหม่อมฉันอีกนานมั้ยเพคะ? หรือว่าใบหน้าของหม่อมฉันมีสิ่งใดติดอยู่" จิวหลินใช้มือตนเองเช็ดใบหน้าเพราะคิดว่าสิ่งใดติดอยู่ จนเสี่ยวหลงต้องยื้อมือของตนเองไปจับมือของนางเอาไว้แต่แล้วก็ทำให้เขาพบเรื่องที่น่าแปลกมือของนางไม่ได้นุ่มนิ่มดังสตรีชั้นสูงหากแต่ว่ามือของนางกลับสากกระด้างทำให้เขาเกิดความสงสัย จิวหลินเองก็เหมือนจะรู้ตัวก็รีบดึงมือตนกลับ"มีอันใดหรือเพคะ เหตุใดต้องจับมือของหม่อมฉันด้วย""ข้าแค่จะบอกว่าใบหน้าของเจ้าไม่ได้มีอันใดติดอยู่หรอกนะ ""เช่นนั้นหรือเพคะ แล้วองค์ชายจ้องมองหม่อมฉันทำไมกัน""ก็เพราะข้าอยากมองก็มองเท่านั้น ว่าแต่เจ้ามาอยู่ในวังหลวงหลายวันเจ้ารู้สึกเบื่อบ้างหรือไม่""ไม่เลยเพคะ จริงสิองค์ชายเสี่ยวหลงแล้วองครักษ์ของท่านเฉินฟูไม่ตามมาด้วยหรือเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นองครักษ์ของพระองค์เลย" จิวหลินนึกออกได้วันนี้ตอนเดินทางมานางไม่เห็นองครักษ์เลยจึงเอ่ยถาม "เจ้ารู้จักองครักษ์ของข้าด้วยหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าองครักษ์ของข้าไม่ค่อยปรากฎตัวออก
บทที่ 15 สุราทำพิษ ฝั่งด้านเสี่ยวหลงเมื่อปรึกษาหารือกันเสร็จเรียบร้อย เจ้าแคว้นจึงอาสาพาองค์ชายเสี่ยวหลงเดินสำรวจดูแคว้นของเขา ภายในหมู่บ้านที่เป็นแคว้นเล็ก ๆ แต่ก็มีผู้คนมากมายอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข รอยยิ้มของชาวบ้านทำให้เสี่ยวหลงรู้สึกสบายใจ เจ้าแคว้นพาเดินดูจนกระทั่งถึงแปลงผักพืชไร่ของชาวบ้าน เขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยที่ดังอยู่ไม่ไกลจากที่ยืนอยู่ เสี่ยวหลงจึงเหลียวหาต้นเสียงสายตาของเขาก็มองเห็นพระชายาที่กำลังช่วยชาวบ้านเพาะปลูกข้าวอยู่กลางแปลง แสงแดดที่กำลังร้อนขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทว่านางกลับมีรอยยิ้มเต็มใบหน้าอย่างมีความสุข ทำให้เสี่ยวหลงทึ้งในการกระทำของนางอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเตะต้อยหรือแม้กระทั่งงานเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่ได้เข้าไปหานางเพราะเจ้าแคว้นได้ชวนเขาไปที่อื่นต่อ ตะวันบ่ายคล้อยจิวหลินได้ช่วยชาวบ้านจนเสร็จนางกลับมาที่พักโดยมีสาวใช้พร้อมกับซือเล่อช่วยกันล้างเนื้อล้างตัวแต่งกายชุดใหม่ให้"ซือเล่อขาปวดบ่าเจ้านวดเป็นหรือไม่ ? ข้าไม่ได้ทำเช่นนี้นานแล้วทำให้ข้ารู้สึกปวดเหมื่อยไปหมด""เห็นมั้ยเพคะหม่อมฉันห้ามแล้วแต่พระชายาไม่ฟังหม่อมฉันเลย "แม้ปากจะตำหนิแต่นางก็ทำตามที่จิวหล
บทที่ 16 เผยใบหน้าใต้หน้ากากสัมผัสของจิวหลินที่ประกบจูบอย่างนุ่มนวลแต่ทว่าเสี่ยวหลงต้องตั้งสติ ควบคุมตนเองเขาผลักนางออกจากตัวของเขาทันทีพร้อมตวาดเสียงดัง "นี่เจ้าทำบ้าอะไรของเจ้ากันตั้งสติหน่อยสิ!! หากเจ้าเมาก็จงไปนอนเสีย" จิวหลินยิ้มกริ่ม จ้องมองริมฝีปากที่ต่อว่านางอยู่ "เจ้าจะเล่นตัวไปทำไมกัน ดูสิว่าริมฝีปากของเจ้าต้องการข้าขนาดไหน มานี่มา มาให้ข้าจูบส่ะดี ๆ" จิวหลินมิอาจควบคุมตนเองนางอยากสัมผัสชายตรงหน้าอีกครั้งจนนางต้องเข้าหาเขาเอง "หยุดนะ! หากเจ้าทำเช่นนี้ข้ามิอาจจะรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ " เสี่ยวหลงพยายามจับมือของจิวหลินที่คว้าตัวของเขาให้หยุดนิ่ง แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อจิวหลินคว้าไปโดนหน้ากากเงินของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงขององค์ชายเสี่ยวหลง แม้นางจะยังคงเมามายแต่เมื่อนางเห็นใบหน้าของเสี่ยวหลงทำให้นางแทบจะหายเมาในทันที "นะ..นี่มันเรื่องอันใดกัน !! ทำไมเจ้าไม่สิทำไมองค์ชายเสี่ยวหลงถึงเป็นองครักษ์ได้ โอ๊ย!"""ทำไมปวดหัวเช่นนี้หรือว่า... ที่ผ่านมาองค์ชายเสแสร้งแกล้งทำเป็นองครักษ์มาหลอกลวงข้า แล้วทำไมต้องทำเช่นนั้นด้วยนี่มันเรื่องอันใด
บทที่ 34 พ่ายรักพระชายาตัวแทนหลายวันต่อมาจิวหลินกลับมาอยู่วังหลวงอยางมีความสุข เสี่ยวหลงก็ไม่ยอมอยู่ห่างนางเลยแม้แต่น้อยแม้กระทั่งห้องนอนยังต้องย้ายมานอนในห้องเดียวกัน"จิวหลินตอนนี้เจ้าเก็บของเสร็จหรือยัง? ""เสร็จแล้วเพคะ หม่อมฉันตื่นเต้นเหลือเกินเพคะไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ""ให้ข้าบอกเจ้ามั้ยล่ะ ชีวิตของเจ้าต่อจากนี้คือเจ้าต้องตั้งครรภ์บุตรของข้าโดยมีซือเล่อคอยช่วยเหลือ ข้าวางแผนจะมีบุตรสักสามคนกำลังดี พอเจ้าคลอดข้าก็จะให้เจ้าท้องอีกคนดีหรือไม่ความคิดของข้า""ฮึ! ไม่เพคะ หม่อมฉันจะปลูกผักปลูกข้าวทำทุกอย่าง และนำข้าวของที่ได้มาส่งขายที่ตลาดเพคะ หม่อมฉันจะยังไม่มีบุตรจนกว่าเราจะมีทุกอย่างมั่นคงเพคะ ""แต่ว่าทุกวันนี้ข้ากับเจ้าก็มีจนไม่ต้องชาตินี้ทั้งชาติก็ใช้ไม่หมดแล้วนะ อย่าลืมสิว่าข้าคือองค์ชายของฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่""หม่อมฉันรู้ไม่เคยลืมเพคะ แต่หม่อมฉันอยากวางแผนชีวิตให้เป็นอย่างดี หากมีบุตรชายก็ดีแต่หากมีบุตรสาวหม่อมฉันไม่อยากบังคับให้นางแต่งเข้าเรือนของบุตรชายของใต้เท้าหรือแต่งงานกับท่านอ๋อง ชีวิตของนางถึงได้อยู่อย่างสุขสบาย แต่ข้าอยากให้นางได้เลือกเส้นทางของนางเอ
บทที่ 33 ตามพระชายากลับวังสายลมพัดผ่านร่างบางที่ยืนรับลมยามนี้เริ่มเข้าฤดูหนาวชาวบ้านเริ่มพากันเก็บเกี่ยวเมล็ดข้าว จิวหลินข่มตานอนในแต่ละคืนช่างยากนัก จิตใจของนางเฝ้าแต่คิดถึงเสี่ยงหลงไม่จางหาย นี่นานเท่าไหร่แล้ว นางยังคงไม่ลืมจิวหลินเงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า "ปานนี้ท่านพี่คงจะมีความสุขกับพระชายาตัวจริงมากสินะ แค่คิดว่าท่านมีความสุขข้าเองก็สุขใจแม้ในใจของข้าจะเจ็บปวดมากก็ตาม" "ข้าจะมีความสุขได้อย่างไรในเมื่อพระชายาตัวจริงของข้าไม่ได้อยู่ข้างกายของข้า " จิวหลินแสยะยิ้มสมเพชตนเองที่จู่ ๆได้ยินเสียงของเสี่ยวหลง"ข้าคงคิดถึงท่านจนหูฝาดไปแล้ว เอาล่ะต่อจากนี้ข้าจะเลิกคิดถึงท่านเสียที ข้าจะใช้ชีวิตของตนเองอย่างมีความสุข เป็นสาวบ้านนอกอีกไม่นานอายุของข้าก็ใกล้ออกเรือนท่านป้าก็หาบุตรชายบ้านขุนนางมาดูตัว ตอนนั้นข้าคงจะลืมท่านได้สักทีองค์ชายเสี่ยวหลง""ไม่ข้าไม่ยอม เจ้าเป็นพระชายาของข้า หากชายใดกล้ามาแตะต้องตัวเจ้าข้าจะจับไปประหารให้หมด" จิวหลินคิดว่าตนเองหูฝาดนางจึงมองหาเสียงก็พบว่านางไม่ได้หูฝาดแต่น้ำเสียงที่พูดคุยกับนางอยู่นั้นคือเสี่ยวหลงตัวจริง หัวใจของจิวหลินเ
บทที่ 32 จิวซินยอมแพ้แต่โดยดีเมื่อแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ลับท้องฟ้าปกคุมด้วยความมืดมน จิวซินที่แช่น้ำดอกกุหลาบจนร่างกายของกรุ่น นางแต่งกายด้วยเนื้อผ้าที่บางแนบเนื้อเผยให้เห็นผิวเนียนขาวด้านในจนเห็นได้ชัดก่อนจะสวมเสื้อคุมด้านนอกอีกชั้นเพื่อไม่ให้ขันทีกับนางกำนัลได้เห็น เมื่อนางเข้าไปที่ห้องของเสี่ยวหลงเมื่อนั้นนางจะปลดเสื้อตัวนอกออกเพื่อยั่วยวนเสี่ยวหลง "ซือเล่อตอนนี้ข้าพร้อมแล้ว เมื่อเจ้าไปส่งข้าที่ห้องขององค์ชายจากนั้นเจ้าก็กลับไปพักผ่อนเถิดข้าจะอยู่ปรนนิบัติองค์ชายตลอดทั้งคืน คงไม่กลับมานอนที่ห้องนี้รุ่งสางเจ้าค่อยไปรับตัวข้า หรือไม่แน่ข้าอาจจะลุกก็ไม่ขึ้นก็ได้ แต่เอาเถอะให้คืนนี้ผ่านพ้นไปเสียก่อน" ซือเล่อไม่เอ่ยอันใดพานางเดินไปส่งที่ห้องของเสี่ยวหลงอย่างเป็นห่วงกลัวว่าองค์ชายเสี่ยวหลงจะนอนกับจิวซินจริง ๆ เมื่อจิวซินย่างเท้าก้าวเข้ามาในห้องของเสี่ยวหลงประตูก็ถูกปิดหัวใจของนางสั่นระรัวเดินเข้าไปเรื่อย ๆ ภายในห้องช่างเงียบสงัดแสงสว่างในห้องมีเพียงแสงเทียนที่จุดอยู่ในห้องนอนเท่านั้น นางจึงเดินไปในห้องนอนก็พบว่าเสี่ยวหลงนั่งอยู่บนเตียงรอนางด้วยรอยยิ้ม "มาแล้วหรือ มานั่งลงข้าง ๆ ข้านี่
บทที่ 31 ข้าจะทำให้องค์ชายลุ่มหลงส่วนจิวหลินหลังจากที่นางออกมาจากวังหลวงก็เอาแต่เก็บตัวเงียบครุ่นคิดหาทางกับเข้าวังหลวงแต่ทว่าทำอย่างไรนางก็คิดไม่ออกเสียที ท่านป้าเห็นหลานสาวของนางเอาแต่เหม่อลอยจึงเดินเข้าไปหาอย่างเป็นห่วง "จิวหลินเจ้าคงคิดถึงองค์ชายเสี่ยวหลงสินะ แต่จะทำอย่างไรได้หากเจ้าเข้าไปปรากฎตัวเจ้าเองก็อาจจะต้องโทษได้ ข้าล่ะเห็นใจเจ้าเสียจริง""ท่านป้าข้าคิดจนหัวของข้าแทบระเบิด ข้าคงหมดหนทางแล้วเจ้าค่ะ ข้าคงไม่มีวาสนาเคียงคู่กับองค์ชายเสี่ยวหลง สวรรค์เหตุใดต้องเล่นตลกกับชีวิตของข้าด้วยล่ะเจ้าคะ หากไม่ให้ข้าได้เคียงคู่กับองค์ชายเสี่ยวหลงแล้วทำไมต้องลิขิตให้ข้าเข้าไปพัวพันจนข้าเกิดความรู้สึกดี ๆ กับองค์ชายด้วย ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ"จิวหลินมิอาจกักเก็บความเงียบเหงาภายในหัวใจนางเอ่ยออกมาพร้อมน้ำตาอย่างเจ็บปวด ท่านป้าโอบกอดนางแน่นใช้มือลูบหลังเบา ๆ ปลอบประโลม"หากเจ้ากับองค์ชายเป็นคู่เคียงวาสนาต่อกัน ไม่ช้าไม่นานทั้งสองก็ต้องกลับมาครองรักกันเช่นเดิม " จิวหลินมิได้เอ่ยอันใดมีเพียงเสียงสะอึกไห้ดังระงม หลายวันต่อมาเสี่ยวหลงได้ไปหาจิวซินตอนนี้นางกำลังนั่งจิบน้ำชาที่ห้องโถง ทันทีที่จิวซ
บทที่ 30 ซือเล่อมิอาจทนท่านป้าจับตัวจิวหลินหมุนไปมาเพื่อดูให้แน่ใจว่านางไม่ได้รับบาดเจ็บ "ท่านป้าข้าไม่ได้รับบาดเจ็บเท่าไหร่นัก เรารีบเข้าเรือนกันเถอะเจ้าค่ะ""ได้สิ ว่าแต่เจ้าได้กินอะไรมาหรือยัง ""ตอนนี้ข้าไม่มีอารมณ์มากินอะไรหรอกนะเจ้าคะ ""เช่นนั้นเรารีบไปที่ห้องของเจ้าเถิดข้าอยากรู้เต็มอกแล้วว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับเจ้า " ทั้งสองพากันเดินไปยังห้องนอนห้องจิวหลินเมื่อมาถึงห้องนางก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ท่านป้าฟัง นางรู้สึกสงสารจิวหลินยิ่งนัก "โธ่! จิวหลินของข้า เหตุใดต้องเกิดเรื่องเช่นนี้กับเจ้าด้วยนะ ท่านพ่อของเจ้าก็ช่างเลวร้าย ทำไมทำกับเจ้าได้ลงคอไหนจะจิวซินนั้นอีกไม่เห็นว่าเจ้าเป็นสายเลือดเลยแม้แต่น้อย แล้วอย่างนี้เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป " สายตาที่อ่อนโยนพร้อมคำพูดที่อ่อนหวานทำให้จิวหลินรู้สึกสบายใจนางโผล่เข้ากอดท่านป้าแน่น "ตอนนี้ข้าคิดอะไรไม่ออกเลยเจ้าค่ะ ขอกอดท่านป้าเยี่ยงนี้นาน ๆ ก่อนได้มั้ยเจ้าคะ" ท่านป้ากอดนางกลับเพื่อปลอบโยน"ไม่ว่าเจ้าจะทำเช่นไร ป้าผู้นี้ก็อยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ หากเจ้าไม่สบายใจวันนี้ข้าจะนอนกับเจ้าที่นี่ดีหรือไม่ สมัยก่อนตอนที่เจ้าไม่สบายใ
บทที่ 29 พระชายาเปลี่ยนไปเมื่อเกี้ยวเคลื่อนขบวนจิวซินก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจในที่สุดนางก็จะได้ครอบครองทุกอย่างที่เคยเป็นของนางมาก่อน ฝั่งด้านเสี่ยวหลงที่กลับมาจากเขาซกมู เขาก็รีบร้อนมาหาจิวหลินที่ห้องของนางแต่กลับไม่พบแม้แต่เงา ขันทีจางที่เดินเข้ามาเห็นองค์ชายเสี่ยวหลงก็ได้เข้ามาบอก "องค์ชายตามหาพระชายาหรือพ่ะย่ะค่ะ""ใช่แล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าพระชายาอยู่ที่ใด""ช่วงสาย ๆ มีสาวใช้จากสกุลจิวมาเข้าเฝ้าพระชายาไม่นานนักพระชายาก็ให้กระหม่อมเตรียมเกี้ยวออกไปที่เรือนสกุลจิวอย่างรีบร้อนพ่ะย่ะค่ะใบหน้าของพระชายาเป็นกังวลยิ่งนักคงมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นเป็นแน่""อย่างนั้นหรือ นี่ก็ใกล้ตะวันลับฟ้าแล้วปานนี้คงจะเดินทางกลับแล้ว ข้าจะรออยู่ที่นี่เจ้าให้นางกำนัลไปจัดเตรียมอาหารมาเถิดนางกลับมาจะได้กินพอดี " "พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย" ขันทีจางโค้งคำนับรับคำสั่งพร้อมเดินหันหลังจากไป เสี่ยวหลงจ้องมองไปด้านนอกสายตาของเขาก็เหลียวไปเห็นเกี้ยวของจิวหลินได้เคลื่อนเข้ามาหยุดอยู่หน้าตำหนักเขารีบออกไปหานางทันทีด้วยความคิดถึง จิวซินลงจากเกี้ยวกวาดตามองดูตำหนักที่นางจะต้องมาอยู่ต่อจากนี้นางตื่นเต้นเป็นอย่างมาก "พระชายาเ
บทที่ 28 สลับตัวจิวหลินนั่งมองท่านแม่อย่างน่าสงสาร สักพักเสียงประตูก็ได้เปิดเข้ามานางคิดว่าเป็นซือเล่อที่กลับมาจากไปต้มข้าวจึงรีบเดินออกไปนอกห้องนอนเพราะไม่อยากให้ท่านแม่ตื่น "เหตุใดเจ้าถึงกลับมาเร็วเช่นนี้เล่า เสร็จแล้วหรือข้าวต้มที่ข้าสั่งให้เจ้าไปทำมา" จิวหลินหันไปมองแต่ทว่ามิใช่ซือเล่อที่เดินเข้ามาประตูถูกปิดลงใบหน้าของนางเริ่มวิตกกังวลเล็กน้อย "ท่านพี่จิวซิน... ""ใช่ข้าเอง ทำไมต้องทำสีหน้าราวกับเห็นผีด้วยเล่า ""เปล่าเจ้าค่ะ หากท่านพี่มาหาท่านแม่ข้าเองก็จะออกไปด้านนอกนะเพคะ " จิวหลินไม่อยากอยู่กับจิวซินที่ไม่เคยมองว่านางเห็นน้องสาวเลย ทำให้นางรู้สึกอึดอัดหากอยู่ด้วยกันตามลำพัง จิวหลินกำลังเดินย่างเท้าจะเดินออกจากห้องก็ต้องถูกจิวซินดึงกระชากแขนของนางไว้ก่อน "เจ้าจะไปที่ใดไม่ได้ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า""แต่ข้าไม่มีเจ้าค่ะ ปล่อยนะหากท่านไม่ปล่อยข้าเองก็จะไม่ไว้หน้านะเจ้าคะ" จิวหลินดวงตาแข็งกร้าวตอบกลับจิวซิน "เฮอะดูสายตาเจ้าสิ คิดว่าข้ากลัวหรือไงก็ได้ข้าปล่อยเจ้าก็ได้ แต่เจ้าต้องคุยกับข้าเสียก่อน" จิวซินปล่อยมือตนออกจากแขนของจิวหลิน "เรื่องอันใดเจ้าคะ" "ก็เรื่องตำแหน่งพระช
บทที่ 27 ท่านแม่ล้มป่วย หลายวันต่อมา ระหว่างที่รอเรือนที่ฝ่าบาทสั่งการให้ทหารไปสร้างให้ จิวหลินมีความสุขมากจริง ๆ นางได้รับการดูแลเอาใจใส่ของเสี่ยวหลงเป็นอย่างดี จนนางกำนัลในตำหนักพากันเบิกบานหัวใจ สาย ๆ ของวันอากาศเย็นสบายจิวหลินได้ออกมาเดินรับลมด้านนอกเรือนมองดูเหล่าผีเสื้อที่บินดอมดมเกสรดอกไม้ส่วนเสี่ยวหลงนั้นวันนี้ได้เดินทางไปดูเรือนว่าเสร็จไปถึงขั้นไหนแล้ว"วันนี้ช่างอากาศดีเสียจริงว่ามั้ยซือเล่อ" จิวหลินยืนมองทอดสายตาไปด้านหน้าพร้อมเอ่ยถามซือเล่อที่เดินตามหลังมาติด ๆ"เพคะ คงเป็นเพราะะทุกอย่างกำลังลงตัว หม่อมฉันเห็นพระชายามีความสุข หม่อมฉันเองก็พลอยมีความสุขเช่นกัน อย่าให้มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นอีกเลยนะเพคะ ""เหตุใดเจ้าถึงเอ่ยเช่นนั้นเล่า ""ก็หม่อมฉันอดคิดไม่ได้นี่เพคะ ในเมื่อตอนนี้องค์ชายเสี่ยวหลงเปิดใบหน้าที่แท้จริงให้ทุกคนได้เห็นหม่อมฉันคิดว่าถ้าหากคุณหนูจิวซินรับรู้คงคิดหาทางทวงคืนแน่ ๆ ""เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าไม่มีทางให้เกิดเรื่องนั้นขึ้นแน่ ในเมื่อท่านพี่ไม่ได้ต้องการมันตั้งแต่แรกแถมยังผลักไสไล่ส่งข้าเข้ามาแทน มีหรือที่ข้าจะยอมให้ข้ามิใช่จิวหลินคนเดิม" ดวงตาจริงจังน้ำเสี
บทที่ 26 ข้าจะทวงคืนฝั่งด้านจิวซินเมื่อท่านป้ากลับนางโมโหอย่างมากที่ถูกท่านป้าตบที่ใบหน้า นางเข้าห้องมาโวยวายโยนข้าวของพร้อมกรี๊ดร้อง"กรี๊ด!!! ทำไม ...ทำไมทุกคนต้องรักนาง ทำไมนางต้องได้ดีทำไมไม่เป็นข้า ที่ข้าถูกท่านป้าตบก็เพราะนาง ข้าเกลียดเจ้าจิวหลิน" "หยุดเถอะนะเจ้าคะ คุณหนูข้าวของเสียหายแล้วเจ้าคะ" แม่นมพยายามร้องขอให้คุณหนูของตนหยุดโยนของและโวยวาย"ไม่! ข้าไม่หยุด ! " ใต้เท้าจิวที่พาฮูหยินไปพักที่ห้องเพราะจู่ ๆ นางเกิดเป็นลมเมื่อท่านป้าเดินออกจากเรือน ช่วงนี้ร่างกายของฮูหยินไม่ค่อยมีแรงเสมือนนางตรอมใจเสียใจรับไม่ได้ที่เขาได้ทำร้ายบุตรสาวคนรอง เขาเองก็ครุ่นคิดเช่นกันเพราะเรื่องทั้งหมดนี่เด็กคนนั้นไม่ควรมารับรู้ เขานอนไม่หลับจึงได้ออกมาเดินรับลมก็ได้ยินเสียงโวยวายของจิวซินจึงได้เดินไปหานางที่ห้องของนาง"เกิดอะไรขึ้น ""ท่านพ่อ ท่านพ่อต้องช่วยข้านะเจ้าคะ ทำไมทุกคนต้องรักแต่จิวหลินท่านป้าก็รักนางจนลงไม้ลงมือกับข้า ไหนจะเรื่ององค์ชายที่ไม่ได้มีอัปลักษณ์นั้นอีกด้วย ข้าเห็นแววตาที่องค์ชายมองไปทางจิวหลินแววตานั้นสื่อให้ข้าเห็นว่าเขานั้นรักและเอ็นดูจิวหลินมากเพียงใด หากผู้ที่ยืนอยู่ตร