บทที่ 3 จิวซินหายตัวไป
ยามเหม่า (05.00) สาวใช้พากันตื่นตั้งแต่ยังไม่สว่างเพราะต้องจัดเตรียมแต่งกายให้แก่จิวซิน เป็นเวลาเดียวกันที่จิวหลินนั้นตื่นขึ้นมาเพราะนางเป็นคนที่หูเบามาก นางจึงเดินออกมาดูสาวใช้ที่กำลังจัดเตรียมของต่าง ๆ อย่างกระตือรือร้น
"คุณหนูมาทำอันใดอยู่ตรงนี้เจ้าคะ รีบมากับข้าเถิดเดี๋ยวจะไม่ทันการ" จิวหลินที่กำลังเดินอยู่ก็ถูกสาวใช้ที่ดูเหมือนจะเป็นแม่บ้านเก่าแก่ของที่นี่ แต่ที่จิวหลินไม่เข้าใจคือนางมาดึงแขนจิวหลินไปทำไมกัน
"เดี๋ยวสิ ท่านจะพาข้าไปที่ใดหรือ" จิวหลินคิ้วขมวดเอ่ยถามอย่างสงสัย
"ก็ต้องไปที่ห้องแต่งตัวสิเจ้าคะ อีกประเดี๋ยวฟ้าก็สว่างขบวนเกี้ยวขององค์ชายก็จะมาถึงเดี๋ยวไม่ทันการเจ้าค่ะ อย่าเอ่ยอันใดอีกเลยรีบตามข้ามาเถิดเจ้าค่ะ" จิวหลินยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ผู้ที่จะแต่งงานออกนอกเรือนวันนี้ต้องเป็นท่านพี่สิมิใช่นางเสียหน่อย นางจึงหยุดเดินทำให้สาวใช้ถึงกับเซเพราะแรงของจิวหลินนั้นมีมากเหลือเกิน
"แต่ข้ามิใช่ท่านพี่จิวซิน และข้าก็ไม่เชื่อว่าท่านมองไม่ออก ท่านดูแลท่านพี่มาตั้งแต่เด็ก ดูไม่ออกจริง ๆ นะหรือ" จิวหลินเห็นว่าบางอย่างผิดแปลกไปทำให้นางเอะใจเหตุใดจู่ ๆ ถึงมาจับตัวนางทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ผู้ที่ควรไปหาก็น่าจะอยู่ที่ห้องสิ แต่แล้วจู่ ๆ สตรีผู้นั้นก็ได้คุกเข่าลงต่อหน้าจิวหลินเมื่อมองไม่เห็นผู้ใด
"คุณหนูข้ารู้แต่ว่าตอนนี้ข้าจำเป็นต้องให้คุณหนูช่วยเจ้าค่ะ แม้มันจะไม่ถูกต้องแต่ทว่าตอนนี้คุณหนูใหญ่จิวซินได้หายตัวไปจากห้องแล้วเจ้าค่ะ หากคุณหนูไม่ไปแทนตระกูลจิวของคุณหนูก็อาจจะได้รับโทษนะเจ้าคะ คุณหนูก็รู้ว่าการแต่งงานครั้งนี้เป็นการแต่งงานที่ฝ่าบาทพระราชทานมาให้ " สาวใช้เมื่อเห็นว่าถูกจับได้จึงได้บอกความจริงแก่จิวหลิน ทำให้นางตกใจเบิกตาโพลงโต
"เกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร! เรื่องใหญ่ขนาดนี้เหตุใดเจ้าไม่แจ้งท่านพ่อกับท่านแม่ ข้าคงเป็นตัวแทนของท่านพี่มิได้หรอก เจ้ามากับข้าเถิดข้าจะบอกท่านพ่อเรื่องนี้เอง " จิวหลินรีบคิดหาทางออก หากนำเรื่องนี้ไปหารือกับท่านพ่อท่านแม่อาจจะพบทางออก นางจะไม่ยอมเป็นตัวแทนของผู้ใดแน่ ๆ อีกอย่างการแต่งงานครั้งนี้นางคิดว่าท่านพี่เต็มใจเสียอีก
"ไม่ได้นะเจ้าคะ มิเช่นนั้นคุณหนูใหญ่ต้องถูกท่านใต้เท้าทำโทษเอาได้ " นางจับมือของจิวหลินอย่างอ้อนวอน
"ไม่ได้อย่างไรก็ไม่ได้ เพราะหากข้าเป็นผู้หายไปทุกคนจะคิดว่าอย่างไร มาเถิดหากเจ้ากังวลอยู่เช่นนี้จะไม่ทันการอย่างที่เจ้ากล่าว " จิวหลินปล่อยมือของสาวใช้เดินตรงไปหาท่านพ่อที่ห้อง โชคดีที่ท่านพ่อกับท่านแม่ก็ได้ตื่นพร้อมกำลังยืนดูบ่าวไพร่จัดเตรียมของอยู่
"ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกมีจะเรื่องหารือกับท่านพ่อท่านแม่สักครู่ ไปที่ไม่มีสาวใช้ได้หรือไม่เจ้าคะ"
"จิวหลินเจ้ามีเรื่องอันใดหรือ? สำคัญมากกว่างานของพี่เจ้าหรือไม่? "
"สำคัญเจ้าค่ะ สำคัญทั้งกับท่านพี่และตัวข้าเอง" ใต้เท้าจิวมองดูสาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างหลังเมื่อเห็นสีหน้าของนางก็เริ่มเข้าใจ เพราะนางคือแม่นมสาวใช้ข้างกายของจิวซิน
"เช่นนั้นก็ไปคุยกันที่ห้องโถงเถอะ นี่เจ้าไปตามฮูหยินที่โรงครัวมาที" ใต้เท้าจิวได้สั่งสาวใช้ที่ยืนจัดผ้าอยู่ให้ไปตามฮูหยินมาที่ห้องโถงก่อนที่จะเดินนำจิวหลินไป
เมื่อมาถึงห้องโถงแม่นมของจิวซินก็ได้นั่งคุกเข่าลงพื้นพร้อมก้มหน้าลงเพราะความผิดมหันต์นี้นางไม่รู้จะทำเช่นไรได้แต่ยอมรับความผิดที่ต้องพบเจอ
"เรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร!!! " เมื่อใต้เท้าจิวได้รู้เรื่องที่จิวซินหายตัวไปก็เกิดอารมณ์โมโหเกรี้ยวโกรธมากดวงตาแข็งกร้าว
"ท่านใต้เท้าข้าผิดไปแล้ว แต่ก่อนที่ข้าจะกลับไปพักก็ได้ส่งตัวคุณหนูเข้านอนแล้วเจ้าค่ะ ข้าไม่คิดเลยว่าคุณหนูจะทำเช่นนี้ " สีหน้าเป็นกังวลของท่านพ่อทำให้จิวหลินเห็นได้ชัด ส่วนแม่นมก็เอาแต่นั่งก้มหน้าตัวสั่นเทา
"ท่านพ่อเจ้าคะ แม้ลูกไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นเช่นไร แต่ว่าตอนนี้ฟ้าใกล้สว่างแล้วเราต้องมาคิดก่อนว่าจะทำอย่างไรเจ้าค่ะ ส่วนเรื่องนี้ค่อยคิด " เสมือนจิวหลินได้เตือนสติของผู้เป็นบิดา เขาจึงครุ่นคิดและหันมามองหน้าของจิวหลินอย่างมีหวัง
"จริงอย่างที่เจ้ากล่าวออกมา เราต้องหาทางคิดเรื่องนี้ก่อน ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากัน จิวหลินแม้ว่าข้าไม่ได้เลี้ยงดูเจ้ามาแต่ข้าเองก็เป็นผู้มีพระคุณ เจ้าเข้าร่วมพิธีแทนท่านพี่ของเจ้าได้หรือไม่? ส่วนข้าจะสั่งให้บ่าวในเรือนออกตามหาจิวซินให้เร็วที่สุด เมื่อพบนางแล้วข้าจะให้นางกับเจ้าเปลี่ยนตัวเป็นเช่นเดิม" ใต้เท้าจิวเดินเข้ามาจับมือของจิวหลินพร้อมขอความช่วยเหลือ ทำให้นางลำบากใจเป็นอย่างมาก
"เอ่อ... ท่านพ่อเจ้าคะข้าเป็นเพียงสตรีที่ถูกเลี้ยงมาในชนบทไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับวังหลังเลย ข้ามิอาจทำตามคำขอของท่านพ่อได้หรอกเจ้าค่ะ"
"เจ้าจะให้ตระกูลของเราต้องโทษหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าโทษที่จะได้รับหนักหนาเพียงใด แม้แต่ชีวิตเจ้าเองก็จะโดนลงโทษเช่นกัน ..." สีหน้าของใต้เท้าจิวสลดลงเล็กน้อยก่อนจะบอกไม่ให้จิวหลินทำ
"แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เช่นนั้นเจ้าจงรีบพาท่านพี่กลับเรือนเถิด โทษครั้งนี้ข้าจะรับมันไว้เอง" คำพูดสิ้นหวังของใต้เท้าจิวทำให้จิวหลินรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก นางจึงจับมือของท่านพ่อแน่น
"ท่านพ่อหากเป็นเช่นนี้ข้าจะยอมเข้าพิธีแทนท่านพี่เองเจ้าค่ะ " ใต้เท้าจิวใบหน้าผลันเปลี่ยนสีรอยยิ้มเริ่มปรากฎบนใบหน้า
"ไม่ได้!! ไม่ได้นะข้าไม่ยอม "ท่านป้าได้เดินเข้ามาก็ได้ห้ามไม่ให้จิวหลินหลานรักของตนเองต้องแต่งงานแทนผู้ใด
"ข้าเองก็ไม่ยอมเช่นกันเจ้าค่ะ" ท่านแม่ที่เดินตามหลังมาก็ได้เอ่ยออกมาราวกับท่านป้าทำให้จิวหลินกับใต้เท้าจิวต้องหันไปมองพร้อม ๆ กัน
"แล้วท่านพี่จะให้ข้าทำเช่นไรขอรับนี่ก็ใกล้ยามเฉิน (07.00) แล้วปานนี้ขบวนเกี้ยวจากวังหลวงคงกำลังเดินทางมาที่เรือนของเราแล้ว นี่เป็นทางเดียวที่ตระกูลของเราจะรอด" จิวหลินมองใบหน้าท่านป้าที่ไม่พึงพอใจแต่เมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของท่านพ่อท่านแม่นางจึงเดินไปหาท่านป้า
"ท่านป้าเจ้าคะ ข้ารู้ดีว่าท่านรักและเอ็นดูข้า ไม่เคยห่างกายกันสักคราแต่ครั้งนี้ข้าขอตอบแทนพระคุณท่านพ่อท่านแม่ได้หรือไม่เจ้าคะ อีกอย่างท่านพ่อบอกข้าว่าจะออกตามหาท่านพี่ ไม่นานก็คงหาท่านพี่เจอถึงตอนนั้นค่อยเปลี่ยนตัวข้าออกมา ข้าก็จะได้กลับเรือนกับท่านป้า ส่วนเรื่องวันนี้ก็จะผ่านพ้นไปได้โดยไม่มีผู้ใดต้องโทษนะเจ้าคะ" นางจับมือของท่านป้าที่ถือพัดอยู่
"เด็กน้อยเอ๋ยเจ้ารู้หรือไม่ว่าวังหลังน่ากลัวเช่นไร เจ้าเป็นเพียงสตรีที่ไม่เจนโลกแล้วจะใช้ชีวิตอยู่ในนั้นได้อย่างไร ไม่เอาข้าไม่ให้เจ้าไป" สายตาจ้องมองอย่างห่วงใยพร้อมเอ่ยออกมาเสียงแข็ง
"ท่านพี่ ข้าสัญญาว่าจะรีบตามหาตัวของจิวซินให้พบแล้วพาตัวจิวหลินออกมา ให้ท่านพี่เชื่อใจข้าสักครั้งนะขอรับอย่างไรจิวหลินเองก็เป็นบุตรสาวของข้า" ใต้เท้าจิวได้เดินเข้ามาใกล้ท่านพี่ของตนพร้อมอ้อนวอนให้ท่านพี่เห็นใจตนเอง
"ก็ได้หากเจ้ารับปากข้าจะพาตัวจิวหลินมาคืนข้าเมื่อเสร็จพิธี" ท่านป้าได้เห็นใจจึงยอมให้จิวหลินเข้าร่วมพิธีแทน
"ท่านพี่ข้าไม่อยากให้ลูกต้องมารับผิดชอบเรื่องนี้ เราออกไปยอมรับผิดและให้ฝ่าบาทกล่าวโทษเถิดเจ้าค่ะ ข้าสงสารจิวหลินนางไม่รู้เรื่องด้วยแท้ ๆ "ท่านแม่ที่เคร่งเครียดอยู่ก็ได้เอ่ยขึ้น แต่แล้วก็ต้องถูกใต้เท้าจิวหันไปมองด้วยสายตาโหดเหี้ยมจนนางหลบสายตาและปิดปากเงียบ
"ท่านแม่ ไม่ต้องคิดมากเจ้าค่ะ ข้าเต็มใจทำขอให้ทุกคนแยกย้ายส่วนข้าจะไปแต่งกายเป็นท่านพี่เองเจ้าค่ะ" จิวหลินยิ้มให้ทุกคนก่อนจะหันมองแม่นมของท่านพี่ให้เดินนำตนเองไป
ใต้เท้าจิวโล่งอกพรางแสยะยิ้มมุมปากแต่กลับกันกับฮูหยินที่ตอนนี้นางดวงตาแดงก่ำใบหน้าเศร้าหมอง
บทที่ 4 เข้าพิธีแทนจิวหลินถูกแต่งกายประทินโฉมงดงามหากไม่มีผู้ใดรู้ก็คิดว่านี่คือจิวซินทั้งสองช่างเหมือนกันเสียจริงจนแม่นมต้องตกใจเมื่อเห็นจิวหลินแต่งกายเสร็จ นางจึงเดินเข้ามาใช้ผ้าคุมสีแดงคุมใบหน้าของจิวหลินพร้อมพานางเดินออกไปด้านนอกเพื่อรอรับองค์ชายไม่นานนักขบวนเกี้ยวใหญ่โตก็ได้เคลื่อนขบวนมาหยุดอยู่หน้าบ้านของใต้เท้าจิวหัวใจของจิวหลินเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยความตื่นเต้นทั้งตื่นกลัว นางอยู่ในผ้าที่ปกคุมจึงไม่ได้เห็นว่าองค์ชายที่จะแต่งกับท่านพี่จิวซินมีใบหน้าเช่นใด ท่านพ่อได้เข้ามาจับมือของจิวหลินเพื่อส่งนางขึ้นเกี้ยวไปทำพิธีที่วังหลวง จิวหลินก้าวเท้าขึ้นเกี้ยวชาวบ้านสาวใช้ต่างพากันมุงดูงานรื่นเริงช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่แตกต่างกับจิวหลินที่เอาแต่กังวลว่าท่านพี่จิวซินจะพบก่อนเสร็จพิธีหรือไม่ เพราะพิธีสุดท้ายของการแต่งงานคือการเข้าห้องหอ นางลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิท แต่ก็ไม่ทันการแล้วเมื่อเกี้ยวเริ่มเคลื่อนขบวนออกจากเรือนของใต้เท้าจิวมุ่งสู่วังหลวงสักพักเกี้ยวก็ได้หยุดลงทหารที่แบกเกี้ยวได้เปิดผ้าขึ้นให้องค์ชายได้เข้าไปรับตัวเจ้าสาวเพื่อทำพิธีต่อ"ลงมาเถิดถึงตำหนักของข้าแล้ว" น้ำเสี
บทที่ 5 น่าเห็นใจราตรีมาเยือนเมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าจิวหลินทำได้เพียงกังวลใจเป็นห่วงท่านป้าเพราะไม่รู้จะเป็นเช่นไรบ้าง จนซือเล่อต้องมาปลอบประโลม"พระชายาเพคะตอนนี้ถึงเวลามื้อค่ำแล้วอีกสักประเดี๋ยวก็คงมีนางกำนัลนำสำรับมาให้เพคะ""ข้าจะมีอารมณ์กินได้อย่างไรในเมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไปเช่นนี้ เจ้าก็หยุดพูดจากับข้าเช่นนี้เถิดนะ""ไม่ได้หรอกเพคะ หากผู้อื่นมาได้ยินหม่อมฉันเกรงว่าหัวไม่อยู่บนบ่าอีกต่อไปเพคะ" ซือเล่อยืนอยู่ข้าง ๆ ได้บอกแก่จิวหลิน"แล้วเมื่อไหร่ท่านพ่อจะหาตัวท่านพี่พบนะ โชคดีหน่อยที่องค์ชายห้าไม่สนใจที่จะร่วมหอไม่เช่นนั้นคืนนี้ข้าคงต้องทำหน้าที่แทนท่านพี่ จริงสิข้าจะมั่วแต่มานั่งวิตกกังวลไม่ได้ข้าจะต้องเอาตัวรอดให้ได้จนกว่าจะหาท่านพี่พบ เจ้ารู้ประวัติองค์ชายห้าหรือไม่ช่วยเล่าให้ข้าฟังที" ซือเล่อทำหน้าหวาดกลัวเล็กน้อยก่อนจะเล่าเรื่องราวขององค์ชายห้าให้แก่จิวหลินฟังองค์ชายห้านามว่าเสี่ยวหลงเป็นโอรสของฝ่าบาทที่มีกับนางสนมคนโปรดไม่ว่าจะเป็นท่องตำราหรือการเรียนฟันดาบฝีมือขององค์ชายเสี่ยวหลงนั้นก็โดดเด่นเป็นที่น่าชื่นชมของฝ่าบาท แต่เป็นเรื่องที่ไม่น่าพอใจกับฮองเฮาเพราะเกรงกลัวว่าวันห
บทที่ 6 เสียจูบจิวหลินตกใจที่จู่ ๆ ชายร่างใหญ่ก็ได้จับปิ่นปักผมออกจากมือของนางไปโดยง่ายแถมตอนนี้นางยังตกอยู่ในอ้อมแขนเขาอีกต่างหาก"ปล่อยข้านะ นี่เจ้าเป็นใครกันแน่ไม่รู้หรือไงว่าข้าเป็นผู้ใดการถูกเนื้อต้องตัวข้าเจ้ามีโทษถึงแก่ชีวิตได้" จิวหลินได้ขู่ชายตรงหน้าเพื่อให้เขาปล่อยนางออกจากการถูกเขาโอบนางไว้"หึ ข้าไม่กลัวสักนิดเจ้าก็แค่ชายาขององค์ชายอัปลักษณ์ ในวังหลวงแห่งนี้ไม่มีผู้ใดหวาดกลัวหรอกนะ เพราะองค์ชายอัปลักษณ์ไม่มีอำนาจในมือ ขนาดนางกำนัลขันทียังไม่มีผู้ใดเกรงกลัวเลย ""เจ้ารู้แล้วก็ปล่อยข้าสิ ถึงอย่างไรข้าก็มีฐานะเป็นถึงพระชายาขององค์ชายห้า เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะมาแตะต้องข้าเช่นนี้มิเช่นนั้นข้าจะตะโกนเรียกให้ทหารมาช่วยและครั้งนี้ข้าไม่ได้ขู่จริง ๆ ด้วย" จิวหลินกำลังจะอ้าปากตะโกนเรียกทหารแต่ทว่าต้องถูกชายแปลกหน้าผู้นี้ประกบจูบเพื่อปิดปากนางไว้ จิวหลินตกใจเบิกตาโพลงโตเมื่อจู่ ๆ ริมฝีปากหนามาประกบปิดปากของนางจนไม่มีทางให้นางได้กรี๊ดออกมา เขาค่อย ๆ ใช้ลิ้นชุ่มกวาดเข้าไปในปากบางของนาง นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกบุรุษแตะเนื้อต้องตัวมีหรือที่นางจะมีเรี่ยวแรงตอบโต้แต่กลับอ่อนระทวยกับรสจูบที่
บทที่ 7 ข้ารับใช้ประจำตัวรุ่งสางมาเยือน แสงสว่างสาดส่องลอดเล็ดเข้ามาผ่านทางหน้าต่างที่ถูกเปิดโดยซือเล่อที่จัดเตรียมทุกอย่างให้จิวหลินเจ้านายคนใหม่ของนางด้วยความเต็มใจ ก่อนที่จะไปปลุกจิวหลินที่นอนยังไม่ตื่นเพราะเอาแต่คิดโมโหชายแปลกหน้าผู้นั้นจนผล็อยหลับไปจวบจนใกล้แจ้ง"พระชายาเพคะ ตื่นได้แล้วเพคะหม่อมฉันจะออกไปที่เรือนของใต้เท้าจิวตามที่พระชายาสั่งแล้วนะเพคะ" จิวหลินที่นอนอย่างสบายก็ต้องลืมตาขึ้นมาเพราะเสียงเล็กแหลมที่ดังอยู่ข้างหู"อือ... เจ้าจะไปแล้วรึ " จิวหลินลุกขึ้นขยี้ตาของตนเองก่อนจะยืดแขนชูขึ้นเพื่อบิดขี้เกียจ"เพคะ หม่อมฉันจะรีบไปรีบกลับนะเพคะ ไม่รู้เลยว่าในวังหลังแห่งนี้จะมีผู้ใดที่ใจดีกับพระชายาบ้าง หม่อมฉันพอได้ยินมาว่าในวังหลังนั้นล้วนแต่แก่งแย่งริษยากันเพคะ " ซือเล่อเล่าด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล"เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้า รีบไปทำตามที่ข้าสั่งเถิด ขนาดงานมงคลยังไม่มีผู้ใดมาแสดงความยินดี เจ้าไม่ต้องกลัวว่าผู้ใดจะมาทำอันใดข้า ข้าว่าการเป็นพระชายาขององค์ชายห้าก็ดีเช่นกันไม่มีผู้ใดสนใจดี ""เพคะ งั้นหม่อมฉันจะไปแล้วนะเพคะ"ซือเล่อโค้งคำนับตามขนบธรรมเนียมเมื่อสตรีที่อยู่ตรงหน
บทที่ 8 ท่านป้ามาหาตลอดทางที่เดินมาจิวหลินก็ได้มองรอบ ๆ อย่างตื่นเต้น วังหลวงช่างกว้างใหญ่นัก ยิ่งเดินเข้ามาใกล้ตำหนักของฮ่องเต้ยิ่งงดงาม จนจิวหลินยิ้มเล็กยิ้มใหญ่เมื่อมีวาสนาได้เข้ามาในวังหลวงแห่งนี้ แต่แล้วจู่ ๆ องค์ชายเสี่ยวหลงก็ได้หยุดเดินทำให้จิวหลินที่เอาแต่มองไปทางอื่นไม่ทันสังเกตว่าเสี่ยวหลงหยุดเดินทำให้นางสะดุดหน้าชนเข้ากับแผ่นหลังของเขาอย่างจัง "โอ๊ย ! " เสี่ยวหลงหันกลับมามองสตรีร่างเล็กที่ใช้มือจับหัวตนเอง"นี่เจ้าเม่อลอยอันใด มีเรื่องอันใดให้เจ้าคิดนักหนา ""แล้วผู้ใดบอกให้องค์ชายหยุดเดินเช่นนี้เพคะ " จิวหลินเงยหน้าตำหนิองค์ชายเสี่ยวหลงที่จู่ ๆ เขาเองที่เป็นผู้หยุดเดิน"ต้องหยุดสิในเมื่อตอนนี้ถึงหน้าตำหนักของท่านพ่อแล้ว เจ้าต่างหากที่เอาแต่เม่อลอย""ชิ หม่อมฉันผิดก็ได้เพคะ " เขาแสยะยิ้มมุมปากก่อนจะพาจิวหลินเดินต่อเข้าไปด้านในตำหนักของฮ่องเต้ "องค์ชายห้าเสี่ยวหลงเสด็จพะย่ะค่ะ" ขันทีหน้าห้องของฝ่าบาทได้ตะโกนเข้าไปด้านในเพื่อแจ้งให้ได้รู้ "เข้ามาได้" น้ำเสียงเข็มขรึมน่าเกรงขามเปล่งออกมาจากด้านในทำให้จิวหลินเริ่มกังวลเกรงว่าตนเองจะทำตัวไม่ดีจนสั่นเทาไปทั้งตัว ทำให้เสี่ยวหล
บทที่ 9 เจ้ามันเสแสร้ง"นี่เจ้าองค์ชายเสี่ยวหลงอยู่ในห้องหรือไม่ ? เข้าไปบอกองค์ชายให้ข้าทีว่าข้าขอพบ" "พะย่ะค่ะพระชายา" ขันทีขององค์ชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าห้องได้ตอบรับคำสั่งของพระชายาพร้อมเดินเข้าไปในห้องเพื่อกราบทูลเรื่องที่พระชายาขอเข้าพบ ไม่นานนักขันทีก็ได้เดินออกมา"องค์ชายให้พระชายาเข้าไปพบได้พะย่ะค่ะ แต่ทว่าองค์ชายให้พระชายาเข้าไปในตำหนักเพียงลำพังโดยไม่มีสาวใช้หรือนางกำนัลตามเข้าไปพะย่ะค่ะ" จิวหลินคิ้วขมวดชนกันอย่างไม่เข้าใจ ทำไมองค์ชายเสี่ยวหลงต้องทำตัวเช่นนี้หรือเขาไม่ชอบอยู่กับผู้คนมาก ๆ กันนะ จิวหลินจึงหันกลับไปสั่งนางกำนัลพร้อมกับซือเล่อให้รออยู่ด้านนอก"เช่นนั้นพวกเจ้ารอข้าอยู่ด้านนอกแล้วกัน""เพคะ /พะย่ะค่ะ" จิวหลินย่ำเท้าเดินเข้าไปเหยียบในตำหนักของเสี่ยวหลง ด้านในห้องของเขาเต็มไปด้วยตำรามากมายแทบจะเป็นห้องอ่านตำรามากกว่าเป็นตำหนักขององค์ชายเสียมากกว่า นางเดินเข้ามาเรื่อย ๆ ก็ต้องชะงักเมื่อจู่ ๆ เขาก็เอ่ยดังขึ้น "มีเรื่องอันใดเจ้าถึงมาหาข้าถึงที่นี่ คงไม่มาโวยวายเรื่องที่ข้าไม่ยอมร่วมหอกับเจ้าหรอกนะ เพราะสักครู่ข้าเห็นคนของตระกูลจิวมาคงจะมาถามเรื่องความมั่นคงของตระกู
บทที่ 10 องครักษ์ ภายในห้องที่เต็มไปด้วยตำราบุรุษที่เอาแต่โมโหตนเองที่ทำให้สตรีร่างบางอย่างนางบาดเจ็บได้ เขาไม่ไว้ใจผู้ใดเพราะเคยถูกหักหลังและโดนทำร้าย ทำให้ความคิดหวาดระแวงทุกคนที่เข้ามาหาเป็นมาตั้งแต่ที่ได้รับบาดเจ็บเขาก็ไม่อยากเชื่อใจผู้ใดอีกเลยนอกจากองครักษ์ประจำกาย "นี่ข้าเป็นอะไรไป เหตุใดถึงไม่มีเหตุผลเช่นนี้ได้นะ " เขาบ่นพึมพำนั่งตัวทรุดลงกับพื้นพลางคิดถึงใบหน้าเจ็บปวดของจิวซินพระชายาที่ท่านพ่อประทานให้ เขารู้ดีว่าครั้งนี้เขาทำเกินกว่าเหตุนางอาจจะไม่ได้เป็นคนของฮองเฮาก็ได้ ยามค่ำมาเยือนหลังจากที่กินอาหารเสร็จแล้วจิวหลินก็ได้เข้าพักผ่อนโดยได้ให้ซือเล่อกลับไปพักที่ห้องของนางที่ขันทีจางหาไว้ให้ จิวหลินนอนไม่หลับนางรู้สึกเจ็บร้าวที่แขนที่กำลังบวมแดง นางจึงได้เดินออกไปรับลมด้านนอก คืนนี้พระจันทร์ช่างงดงามยิ่งนัก ลมพัดเย็นสบายทำให้ผมที่ถูกปล่อยของนางพริ้วสยาย "คิดถึงท่านป้าจัง ท่านป้าปานนี้จะกินได้นอนหลับหรือไม่นะ" จิวหลินเงยหน้ามองดวงจันทร์พร้อมเอ่ยถาม "คิดถึงผู้ใดหรือ" เสียงทุ่มดังขึ้นจากด้านหลังทำให้จิวหลินรีบหันไปมองก็ต้องพบกับชายแปลกหน้าที่ขโมยจูบนางไปครั้งนั้น "นี่เจ้า
บทที่ 11 แอบหนีเที่ยวนางกำนัลสองนางได้นำพัดมาพัดให้จิวหลินคนละฝั่งส่วนซือเล่อก็คอยรินน้ำชาให้จิวหลิน จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นมาจิวหลินได้ยินทำให้นางสนใจบทสนทนาของนางกำนัลที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน"นี่เจ้ารู้หรือไม่ว่าคืนนี้ที่นอกวังจะมีงานเทศกาล ""จริงหรือ ข้าอยากไปจังเจ้าไปหรือไม่" "แน่นอนอยู่แล้วเพราะองค์หญิงสามชอบเที่ยวเล่นเป็นผลพลอยได้ที่ข้าจะได้ตามเสด็จออกไปด้วย""ข้าล่ะอิจฉาเจ้าเสียจริง ""เจ้าไม่ต้องอิจฉาเดี๋ยวข้าจะซื้อขนมอร่อย ๆ มาให้เจ้าเอง" จิวหลินคิดภาพงานเทศกาล ตั้งแต่เด็กจนโตนางไม่เคยเที่ยวงานเช่นนี้สักครั้ง ช่างน่าตื่นเต้นอะไรเช่นนี้แววตาเป็นประกายรอยยิ้มเริ่มผุดขึ้นบนใบหน้า "ขันทีจาง เจ้าได้รู้หรือไม่ว่างานเทศกาลที่นางกำนัลพวกนั้นพูดถึงคือที่ใด ""อยู่ด้านหน้าวังหลวงไม่ไกลนักพะย่ะค่ะ""ข้าอยากไป ไปได้หรือไม่ ""หากพระชายาอยากออกไปนอกวังต้องมีป้ายชื่อของพระองค์ก่อนพะย่ะค่ะถึงจะออกไปได้""แล้วป้ายชื่อของข้าอยู่ที่ใด " จิวหลินยิ้มกว้างตาเป็นประกาย "ป้ายชื่อตำแหน่งของพระชายาอยู่กับองค์ชายเสี่ยวหลงพะย่ะค่ะ " เมื่อได้ยินว่าอยู่กับผู้ใดสีหน้าของจิวหลิน
บทที่ 26 ข้าจะทวงคืนฝั่งด้านจิวซินเมื่อท่านป้ากลับนางโมโหอย่างมากที่ถูกท่านป้าตบที่ใบหน้า นางเข้าห้องมาโวยวายโยนข้าวของพร้อมกรี๊ดร้อง"กรี๊ด!!! ทำไม ...ทำไมทุกคนต้องรักนาง ทำไมนางต้องได้ดีทำไมไม่เป็นข้า ที่ข้าถูกท่านป้าตบก็เพราะนาง ข้าเกลียดเจ้าจิวหลิน" "หยุดเถอะนะเจ้าคะ คุณหนูข้าวของเสียหายแล้วเจ้าคะ" แม่นมพยายามร้องขอให้คุณหนูของตนหยุดโยนของและโวยวาย"ไม่! ข้าไม่หยุด ! " ใต้เท้าจิวที่พาฮูหยินไปพักที่ห้องเพราะจู่ ๆ นางเกิดเป็นลมเมื่อท่านป้าเดินออกจากเรือน ช่วงนี้ร่างกายของฮูหยินไม่ค่อยมีแรงเสมือนนางตรอมใจเสียใจรับไม่ได้ที่เขาได้ทำร้ายบุตรสาวคนรอง เขาเองก็ครุ่นคิดเช่นกันเพราะเรื่องทั้งหมดนี่เด็กคนนั้นไม่ควรมารับรู้ เขานอนไม่หลับจึงได้ออกมาเดินรับลมก็ได้ยินเสียงโวยวายของจิวซินจึงได้เดินไปหานางที่ห้องของนาง"เกิดอะไรขึ้น ""ท่านพ่อ ท่านพ่อต้องช่วยข้านะเจ้าคะ ทำไมทุกคนต้องรักแต่จิวหลินท่านป้าก็รักนางจนลงไม้ลงมือกับข้า ไหนจะเรื่ององค์ชายที่ไม่ได้มีอัปลักษณ์นั้นอีกด้วย ข้าเห็นแววตาที่องค์ชายมองไปทางจิวหลินแววตานั้นสื่อให้ข้าเห็นว่าเขานั้นรักและเอ็นดูจิวหลินมากเพียงใด หากผู้ที่ยืนอยู่ตร
บทที่ 25 กราบทูลขอรางวัลเสี่ยวหลงเดินมาถึงตำหนักของท่านพ่อมองเห็นแสงสว่างจึงได้รู้ว่าท่านพ่ออยู่ที่ตำหนักเขาเดินเข้าไปเมื่อขันทีเห็นองค์ชายเขาเอ่ยถาม"องค์ชายมาเข้าเฝ้าฝ่าบาทหรือพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นว่าเวลานี้ยังไม่สมควรเข้าเฝ้า องค์ชายเสด็จกลับไปก่อนแล้วรุ่งสางค่อยมาใหม่นะพ่ะย่ะค่ะ" เสี่ยวหลงคิ้วขมวดชนกันอย่างฉงนใจ หรือว่าท่านพ่อจะโกรธเคืองเขามากขนาดไม่อยากพบหน้าเขาเลยหรือ หากเข้าไม่เอ่ยคำขอโทษวันนี้เขาเองก็คงนอนหลับตาไม่ลงเช่นกัน เสี่ยวหลงไม่รอให้ขันทีได้เอ่ยอันใดต่อ เขาผลักประตูเขาไปก็พบฮองเฮาที่นั่งคุกเข่าร้องไห้อยู่ต่อหน้าท่านพ่ออย่างสะอึกสะอื้น ฝ่าบาทแม้จะไม่เอ่ยอันใดในคราที่เสี่ยวหลงแข่งขันแต่เขาก็ใช้สายตาเหลือบมองฮองเฮาบ่อยครั้งแถมยังได้ยินคำที่ฮองเฮาพึมพำออกมา เมื่อกลับมาถึงวังหลวงเขาก็ได้ให้ฮองเฮาเข้าเฝ้าและไตร่ความถามเรื่องที่เขาได้ยินนางเอ่ย เสี่ยวหลงผลักประตูเข้ามาทุกคนในห้องต่างพากันหันมองฮองเฮารีบเช็ดน้ำตาอย่างรวดเร็วนางจะให้เสี่ยวหลงเห็นว่านางในสถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้ "เสี่ยวหลงเจ้าเข้ามาโดยไม่แจ้งได้อย่างไร" น้ำเสียงเรียบเฉยที่ฟังแล้วน่าเกรงขามเสี่ยวหลงรีบตอบกลับท
บทที่ 24 รางวัลของข้าฝั่งด้านจิวหลินนางตื้นตันหัวใจอย่างบอกไม่ถูกเสี่ยวหลงชนะการแข่งขันทั้งสองรายการ เขารับรางวัลเสร็จสิ้นฝ่าบาทกล่าวปิดงานเสี่ยวหลงเดินกึ่งวิ่งมาหาจิวหลินด้วยใบหน้าที่ชื้นบาน "เจ้ามองข้าอยู่ตลอดเวลาอย่างที่ข้าบอกเจ้าหรือไม่พระชายา" มาถึงเขาก็เอ่ยถามนางด้วยรอยยิ้ม "มองสิเพคะ เพราะสายตาของหม่อมฉันมีเพียงท่านพี่เท่านั้น ตลอดเวลาที่ท่านพี่ลงแข่งข้าแทบไม่กระพริบตาเลยเพคะแม้กระทั่งลมหายใจของข้าก็แทบลืมด้วยซ้ำ" จิวหลินส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนเสี่ยวหลงมิอาจจะเก็บความรู้สึกของเขาอีกต่อไปได้ เขาเข้ามาโอบกอดนางแน่นโดยไม่สนใจสายตาผู้ใด แต่ก่อนที่จะเจอนางโลกของเขามืดมนไปหมดแต่ทว่าตอนนี้ทุกอย่างกลับแจ่มสว่างอีกครั้ง เขาพานางกลับมาที่วังหลังจากแสดงความดีใจกันเสร็จสิ้น เมื่อมาถึงตำหนักจิวหลินก็อดที่จะเอ่ยถามเรื่องที่เขาเปิดเผยใบหน้าไม่ได้ "ท่านพี่เพคะ หม่อมฉันมีเรื่องที่อยากรู้เหตุใดท่านพี่ถึงได้เผยใบหน้าที่แท้จริงให้ทุกคนได้รับรู้ด้วยเพคะ ไม่เกรงกลัวอันตรายที่จะต้องพบเจอต่อจากนี้หรือ ชีวิตที่สุขสงบจากนี้ต่อไปคงจะไม่ได้พบเจออีกแล้วนะเพคะ" "เจ้ามิต้องกังวลใจเป็นห่วงข้า ตราบใดที่ข้างก
บทที่ 23 ตัดขาด ฝั่งด้านท่านป้าที่เดินทางมาจากเรือนของตนก็ได้มาถึงเรือนของใต้เท้าจิว นางมาถึงก็พบเพียงฮูหยินที่อยู่เรือนไม่พบใต้เท้าจิวกับจิวซิน นางตำหนิต่อว่าฮูหยินนางเองน้อมรับผิดและสำนึกตนร้องห่มร้องไห้จนท่านป้ามิอาจจะโกรธนางได้ นางจึงทำได้เพียงรอน้องชายกับหลานตัวดีกลับมา จิวซินกลับมาถึงเรือนเมื่อเห็นหน้าของท่านป้านางชะงักเล็กน้อยพร้อมหยุดเดินทันที ส่วนท่านป้าเมื่อเห็นใบหน้าของจิวซินนางเองก็เก็บความโมโหเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป "ฮึ! หยุดเดินทำไม? เห็นหน้าข้าเหตุใดเจ้าต้องมีสีหน้ากังวลเช่นนั้นด้วยเล่าจิวซิน" นางลุกเดินเข้ามาใกล้จิวซินอย่างเชื่องช้าทำให้จิวซินรู้สึกเสี่ยววาบเล็กน้อย "เอ่อ ...ท่านป้ามาที่เรือนเหตุใดไม่แจ้งก่อนล่ะเจ้าคะ ข้าจะได้ให้สาวใช้จัดเตรียมห้องไว้ให้""เจ้ายังมีใจมาจัดห้องให้ข้าอยู่อีกหรือ แล้วดูสิข้าวของในมือของแม่นมของเจ้ามากมาย เจ้าคงออกไปเดินเที่ยวเตร่อย่างสบายใจสินะ ช่างไร้ยางอายไม่ละอายใจที่หลอกลวงน้องสาวของตนเองหน่อยหรือ " ท่านป้ากวาดตามองพบเห็นแม่นมที่ถือของเดินตามหลังของจิวซินก็ยิ่งโกรธมากกว่าเดิม "ท่านป้า คือว่าเรื่องทั้งหมดข้าอธิบายได้นะเจ้าคะ"จิวซิน
บทที่ 22 ทุกคนได้รับรู้ จิวหลินเดินตามหลังเสี่ยวหลงมาที่ลานแข่งขัน สถานที่จัดเตรียมให้ฮ่องเต้นั่งอยู่ด้านหน้าสูงกว่าผู้ใดโดยมีฮองเฮานั่งอยู่ข้าง ๆ ส่วนองค์รัชทายาทนั่งอยู่ฝั่งขวามือ จิวหลินกับเสี่ยวหลงนั่งด้านซ้าย นางกำนัลต่างพากันยกน้ำพร้อมของกินเล่นมากมายมาตั้งโต๊ะเพื่อให้ฝ่าบาทได้กินเพื่อดูการแข่งขัน จิวหลินหัวใจเต็นแรงไม่หยุดตั้งแต่ก้าวเท้าลงจากเกี้ยวพยายามหลบสายตาเสี่ยวหลงที่จ้องมองนางอยู่ไม่หยุด อากาศเวลานี้ลมพัดเย็นสบายแต่ทว่าร่างกายของจิวหลินกลับเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ตึง ตึง ตึง !! เสียงทหารตีฆ้องบ่งบอกว่าตอนนี้ถึงเวลาเปิดงาน ฝ่าบาทได้ยืนขึ้นกล่าวเปิดงานแข่งขันในวันนี้ "วันนี้เป็นวันที่ดีข้าจึงได้จัดการแข่งขันขึ้นมาอย่างเช่นทุกปี และปีนี้ข้ามีของขวัญที่แตกต่างจากทุกปี หากบุรุษผู้ใดชนะการแข่งขันข้าจะมอบข้าวสารให้ 10 กระสอบ พร้อมเมล็ดพันธ์พืช และสิ่งที่ข้าว่าแตกต่างจากทุกปีนั้นก็คือไม่ว่าผู้ใดที่ชนะการแข่งขันสามารถกล่าวขอสิ่งที่ตนเองต้องการได้ หากข้าสามารถให้ได้ข้าจะจัดหาให้ในทันที" สิ้นคำพูดของฮ่องเต้ผู้คนต่างพากันโห่ร้องอย่างดีใจ "พระชายาเจ้าอยากได้ข้าวสารหรือไม่ ? ""ทำ
บทที่ 21 หอมหวาน ฝั่งด้านจิวหลินหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้นางได้รู้ความจริงวันนั้น มันทำให้นางเข้มแข็งและไม่โศกเศร้าอีกต่อไปเพราะข้างกายของนางมีเสี่ยวหลงที่คอยเอาใจใส่แถมช่วงนี้ดูแลนางเป็นอย่างดี และนางยังมีซือเล่อที่คอยอยู่เคียงข้าง ๆ จิวหลินยิ้มกว้างออกมาอย่างสุขใจจนคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พลอยมีความสุขไปด้วย "พระชายาเจ้ามีเรื่องอันใดน่ายินดีหรือ ?""หม่อมฉันมีความสุขเพคะ หากเป็นความฝันหม่อมฉันเองก็ไม่ขอตื่นเลยเพคะ " "นี่มิใช่ความฝันเสียหน่อยต่อจากนี้ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขในทุก ๆ วันเอง เจ้านั่งอยู่นิ่ง ๆ สักครู่ อากาศร้อนเช่นนี้แต่เจ้ากลับมีความสุข เจ้าคงชอบออกมานอกเมืองสินะ" เสี่ยวหลงหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนมาเช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาบนหน้าของจิวหลิน ตอนนี้ทั้งสองนั่งอยู่บนเกี้ยวโดยเป็นขบวนเสด็จของราชวงศ์ วันนี้มีงานรื่นเริงที่ถูกจัดเตรียมขึ้น มีการแข่งขันควบม้าเร็วตามมาด้วยการฟันดาบ ผู้ที่ชนะสามารถขอสิ่งที่ปรารถนาจากฝ่าบาทได้ "ไม่ว่าที่ใดมีท่านพี่ที่ตรงนั้นข้าก็มีความสุขได้ทั้งนั้นเพคะไม่ว่าจะร้อนหรือหนาว" จิวหลินมองเสี่ยวหลงตาหยาดเยิ้ม "เจ้านี่เอ่ยอันใดก็ไม่รู้ ทำตัวให้สมกับเป็นสตรี
บทที่ 20 ข้าไม่มีทางยอมเสี่ยวหลงได้ให้องครักษ์ไปที่เรือนของใต้เท้าจิวเพื่อบอกให้ทหารที่นำเกี้ยวพาพระชายากลับวังหลวงและไม่แจ้งว่าตอนนี้จิวหลินได้กลับแล้วเพราะอย่างไรคนพวกนั้นคงไม่ได้เป็นห่วงนางหลังจากมาถึงตำหนักเสี่ยวหลงพาจิวหลินไปพักที่ห้อง ในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นธูปหอมทำให้นางได้รับกลิ่นมีอาการผ่อนคลายไปได้บ้าง "เจ้าบอกว่าอยากพักตอนนี้ก็พักเถิดนะ เมื่อถึงเวลาอาหารข้าจะให้ขันทีจางมาเรียกเจ้า" เสี่ยวหลงลูบหัวของจิวหลินอย่างอ่อนโยน "เพคะ ขอบคุณนะเพคะที่มาพบเจอหม่อมฉันในวันนี้ ทำให้หม่อมฉันรู้สึกสงบใจมาก ""เจ้ามีเรื่องอันใดอยากจะระบายให้ข้าฟัง ข้าก็พร้อมรับฟังเจ้าเสมอแต่ถ้าหากเจ้ายังไม่อยากจะเอ่ยเรื่องใดข้าก็จะไม่บังคับ นอนพักเถอะนะ" เสี่ยวหลงห่มผ้าให้จิวหลินก่อนจะเดินออกจากห้อง แต่ทว่าเมื่อมองไม่เห็นหลังของเสี่ยวหลง จิวหลินก็ได้ลุกขึ้นนั่ง นางจะหลับตาลงได้อย่างไร ในเมื่อตอนนี้นางรู้สึกผิดกับซือเล่อมาก เพราะความโมโหทำให้นางใช้อารมณ์ต่อว่าซือเล่อแถมยังไล่นางอีกต่างหาก "นี่ข้าทำอันใดลงไป ตอนนี้นางจะอยู่ที่ใดกันนะ " จิวหลินลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูเพื่อเรียกหาขันทีจาง ก็พบกับซือเล่อที่ยื
บทที่ 19 กลับตำหนักเรากันเถอะ "เกิดอันใดขึ้นแล้วพระชายาเล่า" องครักษ์ใช้มือแตะลงที่บ่าของซือเล่อเพื่อถามหาพระชายา ซือเล่อยืนตัวสั่นดวงตาแดงก่ำเมื่อเห็นองครักษ์ก็ต้องตกใจ"ท่านเป็นผู้ใดกัน ""ข้าคือองครักษ์ขององค์ชายเสี่ยวหลง ข้าถูกสั่งให้มาตามดูแลพระชายาและเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว แต่ว่าตอนนี้พระชายาไปทางใด ""อึก ๆ ข้าไม่รู้เจ้าค่ะ พระชายาเสียใจมากคงคิดว่าข้าเป็นคนที่ทรยศวิ่งหนีจนคลาดสายตาไป""เจ้าตั้งสติหยุดร้องไห้เถิดนะ ข้าจะตามหาพระชายาเอง เจ้าจงกลับไปที่วังหลวงไปแจ้งต่อองค์ชายเสี่ยวหลงให้ตามมาที่นี่โดยด่วน" ซือเล่อเช็ดน้ำตาพยักหน้ารับรู้ หากนางไปตามองค์ชายมาเกลี้ยกล่อมจิวหลินได้ทุกอย่างอาจจะดีขึ้น "เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าฝากตามหาพระชายาให้เจอนะเจ้าคะ""เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง อย่างไรนั้นก็คือหน้าที่ของข้า" พูดจบซือเล่อก็ได้เดินทางไปยังวังหลวงเพื่อไปตามองค์ชายเสี่ยวหลงฝั่งจิวหลินนางวิ่งหนีความเจ็บปวดจนลืมไปว่าตนเองไม่รู้เส้นทางนี้แถมตอนนี้นางยังไล่ไม่ให้ซือเล่อตามตนเองอีกด้วย นางหันหลังกลับมาก็ไม่พบเงาของซือเล่อแล้ว จิวหลินเดินต่อไปเรื่อย ๆ จนเห็นศาลาริมน้ำที่ไม่มีผู้ใดนั่งอ
บทที่ 18 จิวหลินรู้ความจริงตลอดระยะทางจิวหลินนิ่งเงียบใจหายซือเล่อที่นั่งมาด้วยก็เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง "พระชายาไม่สบายตรงไหนหรือไม่เพคะ ? ตั้งแต่ออกจากวังหลวงมาใบหน้าของพระชายาดูไม่ดีเลยนะเพคะ""ข้าไม่ได้เป็นอันใดหรอกนะ แค่คิดว่าถ้าหากวันนี้เรากลับไปพบเจอท่านพี่จิวซินจะเป็นเช่นไรต่อไป ข้าคงไม่ได้เข้าไปในวังหลวงไม่ได้พบเจอองค์ชายเสี่ยวหลงและทุกคนสินะ แต่ก็ดีข้าจะได้กลับไปใช้ชีวิตของตนเองเป็นจิวหลินสาวบ้านนอกเช่นเดิม เจ้าจะตามข้าไปด้วยหรือไม่? " จิวหลินเอ่ยน้ำเสียงเศร้าสร้อย"โธ่ ! หม่อมฉันก็คิดว่าเรื่องอันใด ไม่ว่าพระชายาจะอยู่ที่ใดหม่อมฉันจะตามไปดูแลจนกว่าชีวิตจะหมดลมหายใจเลยเพคะ " ซือเล่อพอเข้าใจและเห็นใจจิวหลินอย่างมาก นางรู้ดีว่าตอนนี้หัวใจของจิวหลินนั้นมีองค์ชายเสี่ยวหลงเต็มหัวใจ แต่ถ้าหากทุกอย่างกลับไปเป็นเช่นเดิมก็คงเป็นลิขิตของสวรรค์ ไม่นานนักก็มาถึงหน้าเรือนของสกุลจิว จิวหลินกวาดตามองดูรอบ ๆ ทุกคนต่างพากันนิ่งเฉยราวกับว่าไม่เคยเกิดเรื่องอันใดขึ้น ไม่เห็นวุ่นวายตามหาท่านพี่ตามที่บอกไว้อีกด้วย เป็นอย่างที่ซือเล่อได้เอ่ยบอกนางเมื่อคราวก่อน จิวหลินลงจากรถม้าพร้อมบอกทหารที่คว