"พี่หลินอี๋! ทะ ทำไมพี่จูบฉัน!!" "จำไว้แค่ฉันไม่ใช่คนเดิมก็พอ" "พี่เปลี่ยนไปมาก พี่ไม่เคยเป็นแบบนี้" "มันจะมากจนเธอพูดไม่ออกเลยละ! เตรียมใจของเธอให้พร้อมเถอะ" .............. เรื่องนี้เป็นแนวรักโรแมนติกปากแข็ง ของคุณหนูตระกูลไป๋และคุณชายตระกูลจางที่ต้องเป็นคู่หมั้นกันตั้งแต่เด็ก ถึงอย่างนั้นคุณหนูตระกูลไป๋อย่าง 'ไป๋ลู่จิน' ก็ดันฉีกหน้า 'จางหลินอี๋' ต่อหน้าบรรดาญาติพี่น้องในงานหมั้น ก่อนจะหนีไปเรียนไกลถึงบ้านเกิดคนเป็นแม่อย่างประเทศไทย สุดท้ายลู่จินก็ต้องกลับมาอยู่ไต้หวันอีกครั้ง แถมกลับมาครั้งนี้ยังมีเงื่อนไขที่มีหัวใจเป็นข้อต่อลอง! ความสนุกและความรักที่เริ่มก่อตัวขึ้นทุกวันของคนสองคนที่ค่อยอยู่เคียงข้างจริงๆ มันก็ฟินไม่น้อยเลยนะ😍 ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคะ รอบนี้ขอมาแบบฟินๆ บางน๊า แต่อยากกระซิบว่าพี่หลินอี้เขาขี้หวงน้องไม่เบาเลยน๊าาาา
Lihat lebih banyakหลายวันต่อมาชีวิตประจำวันระหว่างลู่จินและหลินอี้ก็ยังคงดำเนินไปตามปกติ ทั้งคู่ยังคงไปกลับบ้านพร้อมกันทุกวัน และลู่จินยังคงมาทานข้าวเที่ยงที่หลินอี้เตรียมไว้ให้แลกกับการที่เธอต้องมาส่งกาแฟเขาทุกวันเช่นกันจนตอนนี้คนในบริษัทเริ่มจะคุ้นชินกับการมาของเธอโดยที่ทุกคนเข้าใจว่าเธอเป็นคนรู้จักของหลินอี้แต่บางคนก็บอกว่าเธอคือคนที่กำลังพยายามเข้าหาหลินอี้ซึ่งตัวเธอก็ไม่เคยคิดจะอธิบายแต่วันนี้เหตุการณ์ในบริษัทดูเคร่งเครียดกว่าปกติทุกคนเอาแต่ก้มหน้าทำงานอย่างแข็งขันและเดินสวนกันไปมาให้วุ่น ลู่จินที่เก็บความสงสัยไว้ในใจไม่ไหวเลยตั้งใจเดินไปหาเพื่อนรักที่แผนเพื่อสอบถามเรื่องนี้"เหมยลี่ๆ""เอ้า มาส่งกาแฟเหรอ ทำไมมาแผนกฉันละ"เหมยลี่ถามเพื่อนรักในขณะที่สายตายังคงจดจ่อกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เต็มไปด้วยรูปดาราสาวหลายคน ดูเหมือนเธอเองก็กำลังยุ่งไม่น้อย"เอิ่ม วันนี้ที่บริษัทดูยุ่งจังเลยเนอะ""ยุ่งสิ อยู่ๆ ซูฉวี่นางเอกที่ถูกวางตัวในมินิซีรีส์เรื่องใหม่ก็ขอถอนตัวกะทันหันอีกสองวันจะประชุมผู้บริหารแล้วด้วย ถ้าสปอนเซอร์รู้ว่าเรายังไม่มีนางเอกให้เขาอาจจะแย่ได้""เอ้า! แล้วทำไมถึงถอนตัวแบบนี้""เพราะประธานของเร
:ลู่จินอึดอัดชะมัด...ตั้งแต่กลับมาถึงบ้านพี่หลินอี้ก็ไม่พูดอะไรกับฉันเลยสักคำเอาแต่ตีหน้านิ่งจนฉันรู้สึกกังวล ฉันถามก็ไม่ค่อยจะตอบอย่างกับว่าเขากำลังคิดมากเรื่องอะไรอยู่อย่างนั้นแหละ การที่เขาเงียบไปไม่มีเหตุผลแบบนี้มันทำให้ฉันคิดมากชะมัดเลยหรือจะเป็นเพราะงานเขาเยอะเกินไป? ฉันควรช่วยงานเขาเสียหน่อยไหมนะ...นี้ก็ดึกมากแล้วยังเห็นไฟห้องนอนของเขาเปิดอยู่เลย ถ้าอยากช่วยฉันควรทำยังไงนะ ไปเคาะประตูแล้วถามเขาว่ามีอะไรให้ช่วยไหมคะ? แบบนี้เลยดีไหมนะ?ตืด ตืด 'เหมยลี่'"ฮัลโหลเหมยลี่! พอดีเลยฉันมีเรื่องจะปรึกษาแกพอดี"(ก่อนปรึกษา ฉันขอบ่นเรื่องเจ้านายให้ฟังก่อนได้ไหม วันนี้นะหลังแกกลับไปเขาให้ฉันแก้เอกสารเป็นร้อยหน้าเลยเว้ย ฉันเกือบตายแล้วเนี่ย คงเพราะแกเข้าไปนอนในห้องเขาแน่ๆ เลย)เหมยลี่บ่นอุบอย่างไม่พอใจและคิดว่ามันเป็นเพราะฉันไปแอบนอนหลับ ควรจะบอกความจริงกับเหมยลี่ไหมนะว่าเขาเป็นคนสั่งให้ฉันนอนพักเอง ไม่ได้สิ...ถ้าพูดเรื่องนั้นเหมยลี่ก็ต้องสงสัยอีกว่าทำไมเขาถึงยอมให้ฉันนอนได้แล้วฉันก็ต้องถูกต้อนให้ตอบคำถามจนเรื่องที่เราทั้งคู่เป็นคู่หมั้นกันหลุดแน่นอน"เอิ่ม...เอาเป็นว่าฉันจะชดเชยให้นะ"
หลังจากกินข้าวเที่ยงกันเสร็จหลินอี้หันมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองพบเวลาก็ยังเหลืออยู่นิดหน่อย แถมหญิงสาวตรงหน้าพอกินอิ่มตาก็ผล็อยจะหลับแต่ยังคงทำเป็นนั่งมองนู่นนี่เพื่อทำให้ตัวเองตื่นตัว "ไปนอนโซฟาดีๆ""ฉันไม่ใช่เด็กสะหน่อยที่กินอิ่มแล้วต้องนอนหลับ"หลินอี้ทนเห็นลู่จินปากแข็งต่อไปไม่ไหวทั้งๆ ที่ดูง่วงขนาดนั้นเลยจัดการเดินเข้าไปซ้อนตัวเธอขึ้นแล้วอุ้มตรงไปที่โซฟากว้าง ลู่จินที่ตกใจกับการกระทำอันรวดเร็วของเขาก็ได้แต่กอดคอคนตัวสูงไว้แน่นเพราะกลัวว่าเขาจะแกล้งโยนเธอลงโซฟาแต่เปล่าเลยเขาค่อยๆ วางร่างเธอลงบนโซฟาเบาอย่างอ่อนโยนก่อนจะเอาหมอนอิงมารองหัวให้ราวกับพ่อเอาลูกเข้านอนทำเอาลู่จินถึงกับสับสนในการกระทำที่แปลกไปของเขา"มองอะไร...หลงรักฉันหรือไง?""ประสาท หลงตัวเอง!"ลู่จินแบะริมฝีปากก่อนจะล้มตัวนอนลงบนโซฟา"หึ นอนไปเถอะ""กลัวไม่ทันเวลาเข้างาน""ฉันมีประชุมตอนเธอเข้างานพอดี ตั้งเวลาไว้แล้ว""แล้วพี่จะนั่งลงทำไม"ลู่จินถามสายตาก็มองหลินอี้ที่กำลังนั่งลงบนโซฟาปลายเท้าเธอทั้งๆ ที่ยังมีโซฟาตัวเล็กอยู่ไม่ไกลกัน ก่อนที่เขาจะเอนหัวพิงขอบโซฟาแล้วหลับตาลงราวกับเหนื่อยล้าเต็มที"ฉันก็อยากพักบ้าง วันนี้
เวลาพักกลางของไป๋ลู่จินได้หมดความสงบสุขไปแล้วเรียบร้อย เมื่อจางหลินอี้เอาแต่โทรจิกให้เธอมาส่งกาแฟอยู่ได้ทุกห้านาที! พอเธอบล็อกการติดต่อของเขา เขาก็ให้เลขาโทรเข้าเบอร์ร้านจนโชนถึงขั้นให้เธอรีบออกมาส่งได้ก่อนเวลาพัก ซึ่งตอนนี้เธอก็อยู่ในลิฟต์พร้อมเอสเปรสโซเย็นในมือด้วยความหงุดหงิด ทั้งๆ ที่เธอตั้งใจจะไม่มาแล้วแท้ๆ เชียวกลับต้องมาเพราะความปั่นประสาทของหลินอี้ตึง ประตูลิฟต์เปิดออกลู่จินก็ได้แต่ยืนมองซ้ายมองขวาหาห้องทำงานของหลินอี้ เพราะนี้เป็นยังไม่หมดเวลาพักเที่ยงทำให้ยังไม่มีพนักงานกลับมาอีกทั้งบริษัทนี่ก็กว้างใหญ่จนต้องใช้วิธีเดินหาลู่จินเลยเดินอ่านตามป้ายหน้าห้องไปเรื่อยๆ ไม่ทันสังเกตว่ามีใครคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาหาเธอจากด้านหลัง"แฮ!""ผีหลอก!!"ลู่จินต้องใจจนสะดุ้ง แต่เมื่อเธอหันไปมองต้นเสียงก็ยิ่งทำให้เธอหน้าซีดไปใหญ่เมื่อคนที่มาสะกิดเธอนั้นไม่ใช่ใครแต่กลับเป็นเหมยลี่เพื่อนรักเธอเองเหมยลี่ที่ได้เห็นเพื่อนรักในชุดยูนิฟอร์มของร้านก็ตื่นเต้นใหญ่มองสำรวจเธอไปทั่วทั้งตัวอย่างสนใจ"โห แกทำงานที่คาเฟ่พี่โชนเหรอ สุดยอดร้านนั้นเจ้าของหล่อมาก""ชะ ใช่ๆ พะ พักเสร็จเร็วเนอะ"ลู่จินยังคงพูดต
รถแล่นจอดเทียบริมฟุตบาทหน้าคาเฟ่… ไป๋ลู่จินกำลังจะเปิดประตูลงรถเพื่อเข้างานแต่ต้องชะงักไปเมื่อประตูยังถูกล็อกหญิงสาวจึงหันมามองเจ้าของรถตาขวางเพราะเธอรู้ว่าเขาตั้งใจแกล้งแน่นอน"ไม่เปิดเหรอ? ให้ฉันทะลุประตูไปเหรอ?"ไป๋ลู่จินที่ยังหงุดหงิดกับคำบ่นของชายหนุ่มจึงประชดเขาไปอีกรอบ จางหลินอี้จึงได้แต่หัวเราะในลำคอก่อนจะหันมามองใบหน้างอของหญิงสาวข้างกายด้วยสายตาดุ"ประชดฉันทั้งที่ตัวเองผิดมันไม่เกินไปหน่อยหรือไงไป๋ลู่จิน""พี่เองก็เป็นผู้ใหญ่การที่เด็กทำผิดแล้วสำนึกผิด ขอโทษแล้วมันก็เป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ควรอภัย""ที่เธอทำมันหลายกระทง ทั้งหนีเที่ยว ไปนัดบอร์ด มีผู้ชายตามติด...""อ่าาาา ก็บอกว่าไม่ได้สนใจผู้ชายคนนั้นเลย"ลู่จินกลอกตามองบนเพราะขี้เกียจอธิบาย ทำไมเขาเอาแต่บ่นเป็นตาแก่นักหนาก็ไม่รู้"แล้วเขาจะโทรมาได้ยังไงถ้าเธอไม่ไปเชื่อมความสัมพันธ์""ไม่รู้ จะรู้ได้ยังไงพี่ก็เห็นว่าฉันเมาจำไม่ได้หรอก""งั้นจะกินทำไม หรือตั้งใจเมาเพื่อให้ผู้ชายคนนั้นสนใจ""หาเรื่องฉันตลอด เดี๋ยวโมโหก็จูบฉันอีกนิสัยไม่ดี"ไป๋ลู่จินพูดก่อนจะสะบัดตัวหันหนีไปทางกระจกอย่างไม่พอใจ เมื่อเธอพูดแบบนั้นหลินอี้ก็ถึงกับนิ่งไปใ
:จางหลินอี๋ตลอดทางกลับบ้านผมยังคงชำเลืองหางตามองหญิงสาวข้างกายเป็นระยะ เพราะเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองเผลอให้อารมณ์นำเหตุผลเสียแล้ว ผมโมโหจนเผลอจูบเธอเข้าโดยที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองเผลอทำแบบนั้น…อาจจะเป็นเพราะไม่อยากให้เธอพูดอะไรไปมากกว่านั้นแล้วละมั้ง เพราะยิ่งพูดคนฟังอย่างผมก็ยิ่งโมโห! เพราะทุกอย่างที่พูดมามันเป็นสิ่งที่ผมไม่คิดว่าเธอจะกล้าทำมาก่อนผมคงไว้ใจเธอมากเกินไปพอรถจอดเทียบตัวบ้าน เมื่อหันไปมองอีกทีลู่จินก็ผล็อยหลับไปเสียแล้วอาจจะเป็นเพราะเธอเมามากนั่นแหละ ผมจึงต้องเดินอ้อมไปซ้อนตัวเธอขึ้นมาอุ้มอย่างระมัดระวังเพื่อจะพาเธอขึ้นห้องนอนช่วงเวลาที่ผมอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนคนตัวเล็กก็เอาแล้วบ่นพึมพำไม่เป็นภาษาจนผมต้องแอบมองใบหน้านั้นเป็นระยะ ไม่แน่ว่าที่เธอกำลังพึมพำอาจจะกำลังด่าผมในฝันอยู่ก็ได้ที่ผมเผลอเอาเปรียบเธอไปแบบนั้นเมื่อถึงห้องนอนผมก็จัดการวางร่างเล็กลงบนเตียงนุ่มของตัวเองเพื่อให้เธอได้นอนพัก ตอนแรกก็กะว่าจะพาเธอไปนอนที่ห้องแต่ก็กลัวว่าพรุ่งนี้เช้าเธอจะไม่ยอมตื่น แบบนั้นคงไปทำงานไม่ทันแน่น ยิ่งเพิ่งจะได้งานแบบนี้ขืนวันที่สองไปสายละก็คงไม่พ้นถูกไล่ออก"แล้วชุดสา
: บาร์หลังจากที่ลู่จินออกไปคุยโทรศัพท์เสร็จก็พยายามประคองตัวเองเข้ามาบอกเหมยลี่ให้รู้ว่าเธอต้องกลับเสียแล้ว วันนี้คงไม่ได้พักกับเหมยลี่ตามที่รับปาก แต่พอมาถึงที่โต๊ะกลับพบว่าเพื่อนสาวมีชายหนุ่มรูปหล่อนั่งติดกันอยู่"เหมยลี่...ฉันว่าฉันต้องกลับแล้ว"ลู่จินพยายามกระซิบข้างหูเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด แต่ดูเหมือนวันนี้เหมยลี่จะไม่ปล่อยเธอไปง่ายอย่างใจคิดเมื่อลู่จินถูกดึงให้นั่งลงข้างๆ เพื่อนรัก ก่อนเหมยลี่จะยื่นแก้วเหล้าให้เธอจนถึงปาก"ดื่มชดใช้เดี๋ยวนี้ ชดใช้ที่หายไปไม่บอกเพื่อน""อ่าา ฉันเมาแล้วเหมยลี่"ลู่จินพยายามอธิบายพร้อมใช้มือดันแก้วเหล้าให้ออกห่างตัว แค่ตอนนี้ที่เธอเป็นอยู่ก็มึนหัวจนแทบยืนไม่ไหวแล้ว"น๊าาาาาา""พอดีกว่าครับ...ลู่จินดูจะไม่ไหวแล้วเอาเป็นว่าผมดื่มแทนเธอนะ"ระหว่างที่เหมยลี่คะยั้นคะยอจะให้ลู่จินดื่มให้ได้ ชายหนุ่มที่เข้ารวมนัดเดทคนหนึ่งก็แย่งแก้วเหล้าไปจากมือเล็กก่อนจะดื่มแทนลู่จินจนหมดแก้ว ทำเอาทั้งสองสาวหันมองหน้ากันทันทีก่อนที่เหมยลี่จะระบายยิ้มล้อเลียนออกมาเป็นเชิงแซวความสัมพันธ์ของทั้งคู่"เห้ ลู่จินดูเหมือนอี๋เฉินจะสนใจเธอเลย"เหมยลี่กระซิบเบาๆ ที่ข้างหูเพ
ตกเย็นฉันรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่ฉันรู้สึกสนุกมากจริงๆ มันเป็นประสบการณ์ใหม่ของชีวิตเลยที่ฉันทำงานขนาดนี้ เพราะช่วงที่เรียนก็มีทำงานอยู่บ้างแต่ยังไม่ถึงขั้นตั้งใจทำงานแลกเงินแบบนี้พอก้มมองนาฬิกาในโทรศัพท์ก็พบว่าตอนนี้ก็ห้าโมงกว่าแล้ว ฉันกำลังเดินข้ามถนนมาหาพี่จางหลินอี้ตามที่เขาบอก ตอนมาส่งของรู้สึกว่าพี่เจ้าหน้าที่ให้ฉันขึ้นไปง่ายมากผิดกับตอนนี้ที่เขาแจ้งฉันว่าฉันจะต้องแจ้งเหตุผลในการมาอย่างชัดเจน!แล้วจะให้ฉันบอกว่าอะไร? มาหาประธานของคุณงี้เหรอ? คงไม่มีใครเชื่อเด็กแบบฉันแน่น"งั้นฉันนั่งรอเขาด้านล่างก็ได้ค่ะ""ถ้าเพื่อนเป็นพนักงานบริษัทนี้ป่านนี้เขาคงกลับไปกันหมดแล้วละ ลองโทรหาเขาสิถ้ามีหลักฐานพี่จะให้ขึ้น"ถึงพี่เจ้าหน้าที่จะบอกแบบนั้นแต่จะให้ฉันโทรหาพี่หลินอี้เพียงเพราะต้องการขึ้นไปมันก็ไม่ใช่เรื่อง ฉันเลยปฏิเสธแล้วอ้างว่าเพื่อนทำโอทีขอนั่งรอที่โซฟาด้านล่างดีกว่า"เอะ...ลู่จิน ไป๋ลู่จิน"ฉันหันไปตามเสียงเรียกจากด้านหลัง พอหันไปฉันก็ถึงขั้นต้องกระโดดโลดเต้นเมื่อคนตรงหน้าคือเพื่อนเก่าของฉันที่เคยเรียนด้วยกัน'เหมยลี่' ซึ่งเธอก็ห้อยบัตรพนักงานของบริษัทจางหลินอยู่ที่คอ"เหมยลี่ไม่ได
: ลู่จินภายในลิฟต์พี่หลินอี้ยังคงมองหน้าฉันนิ่งไม่คาดสายตาแถมยังทำหน้าดุจนฉันงงไปหมดว่าไปทำให้เขาไม่พอใจตอนไหนกัน ทั้งๆ ที่วันนี้ยังไม่ได้ทำเรื่องอะไรเลยสักอย่าง"พี่จะมองฉันด้วยสายตาดุๆ นั้นอีกนานไหม?""ไม่ตอบแชท ไม่ขอบคุณ ไม่แจ้งว่าตกลงได้งานไหม...มันคืออะไรลู่จิน"เขาพูดรัวๆ แสดงถึงความไม่พอใจที่ฉันเมินเฉยต่อข้อความเขา แต่ฉันมีเหตุผลนะ...ก็คนเราทำงานวันแรกจะให้หยิบโทรศัพท์มาตอบแชทก็คงดูไม่ดี แต่ถ้าตอบเขาแบบนี้เขาจะคิดว่าข้ออ้างไหมนะ"เอิ่ม...""พูด""ขอบคุณสำหรับเงินที่โอนมาให้ค่ะ ฉันจะใช้อย่างระวัง...แล้วงานก็ได้ทำแล้วค่ะ วันนี้เริ่มงานแล้ว"ฉันพูดลากเสียงยาวพร้อมกับก้มหัวต่ำให้เขาอย่างจงใจประชด แต่ดูเหมือนหลินอี้จะไม่ได้อารมณ์ดีขึ้นเลยแถมยังดูโมโหกว่าเดิมเสียอีก"ไป๋ลู่จิน...แล้วทำไมเธอไม่ตอบแชท""ฉันทำงานวันแรกนี่ จะให้มาจับโทรศัพท์มันก็น่าเกลียดพี่เป็นเจ้าคนนายคนอยากให้ลูกน้องตั้งใจทำงาน แต่ลูกน้องเอาแต่เล่นโทรศัพท์พี่จะชอบหรือเปล่าละ""อย่ามาย้อนนะ เธอแค่บอกได้งานแล้ว เลิกช่วงเย็นหรือช่วงดึกแค่นั้นมันยากเหรอ?"เขาถามฉันพร้อมคิ้วที่กำลังขมวดเข้าหากันช้าๆ ท่าทางเขาตอนนี้ดูอยากจะตี
: ไต้หวัน: สนามบินใบหน้าหวานยืนรอที่คนมารับด้วยความหงุดหงิด เธอต้องกลับมาอยู่ที่ไต้หวันเพราะได้รับข้อเสนออันน่าสนใจบวกกับเรียนจบพอดี เธอเป็นลูกครึ่งไทยจีนที่หน้าตาสวยสง่ารูปร่างสูงพอประมาณ และด้วยหน้าตาที่โดดเด่นนี่แค่ยืนเฉยๆ ยังถูกผู้ชายเข้ามารุมจีบจนเป็นเรื่องธรรมดา"ขอวีแชทหน่อยสิ""ขอโทษด้วยค่ะไม่เล่น"ไป๋ลู่จินตอบกลับชายหนุ่มที่เดินเข้ามาชวนคุยอย่างอารมณ์เสีย สายตาก็ทอดมองหาคนตระกูลไป๋ที่พ่อส่งมารับแต่ไม่ว่าจะมองเท่าไหร่ก็ไม่เจอเสียที แถมยังถูกผู้ชายหลายคนมองจนรำคาญไปหมดแล้วพรืบ"ว๊าย..."ลู่จินตกใจจนต้องรีบยกมือขึ้นกอดตัวเองเมื่ออยู่ๆ ก็มีเสื้อสูทตัวใหญ่คลุมเข้าที่ตัวเธอกระทันหัน ก่อนที่สายตาจะหันไปสบเข้ากับดวงตาคมของบุคคลที่เธอไม่คิดว่าจะได้เจออีกครั้ง'จางหลินอี้' ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อเหลาผิวขาวเนียนบ่งบอกถึงความเป็นชายหนุ่มเจ้าสำอางที่ใครๆ มองก็รู้ว่าเขามาจากตระกูลผู้ดี ตอนี้เขากำลังยืนมองหน้าหญิงสาวด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์นักดวงตาเล็กถึงขั้นเบิกกว้างมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเจ้าของเสื้อสูทนั้นโอบเข้าที่ไหล่เธออย่างถือวิสาสะต่อหน้าชายที่เข้ามาขอวีแชทเมื่อครู่ "คุณเป็...
Komen