แชร์

ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ
ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ
ผู้แต่ง: มู่โร่ว

บทที่ 1

ผู้เขียน: มู่โร่ว
หลังจากพ่อแม่ตายไป เย่มู่มู่ก็ใช้ชีวิตอย่างเลอะ ๆ เลือน ๆ มาตลอดจึงไม่ได้สังเกตเห็นแต่แรกว่าในบ้านมีสิ่งของเพิ่มขึ้นมาโดยไร้สาเหตุ

ยกตัวอย่างเช่น

บางครั้งก็เป็นกระดาษเหลืองโบราณที่เขียนรายงานเกี่ยวกับการรบ ภัยแล้งและทุพภิกขภัยด้วยอักษรตัวเต็ม

บางคราก็เป็นเศษชามกระเบื้องเก่า ๆ ที่แตกไปครึ่งหนึ่ง

มีหนหนึ่งที่จู่ ๆ ในบ้านก็มีเศษดาบเปื้อนเลือดปรากฏขึ้นมา

เธอถึงได้ค้นพบด้วยความตกอกตกใจ นึกว่าในบ้านมีผีแล้วเสียอีก!

วันนี้ตอนกลางวันแสก ๆ ในบ้านอยู่ดี ๆ ก็มีเสื้อชั้นในยุคโบราณเปื้อนเลือดโผล่มา เสื้อชั้นในตัวนั้นมีสีออกเหลืองเปื้อนคราบเหงื่อไคล

มือเธอไปสัมผัสโดนเข้าพอดี~

อ้าก~

เสื้อยังอุ่นอยู่เลย!

เลือดก็อุ่นเหมือนกัน!

เย่มู่มู่กรีดร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ

นานทีเดียว จนกระทั่งในบ้านไม่มีสิ่งของโผล่มาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยอีก เธอถึงสงบสติเย็นลงได้

เย่มู่มู่หยิบเสื้อชั้นในขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แน่ใจว่าเป็นเสื้อชั้นในแบบโบราณ เป็นของผู้ชาย เจ้าของเสื้อชั้นในตัวนี้สูงเกินหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร ช่วงไหล่กว้าง

จุดที่เสื้อชั้นในปรากฏขึ้นคือ พาดอยู่บนปากแจกันดอกไม้ใบเขื่องตรงมุมห้องรับแขก

แจกันดอกไม้สูงหนึ่งเมตร เป็นมรดกของตระกูลที่ตกทอดมาจากปู่ทวด หลังตกทอดมาถึงรุ่นปู่ก็ตกทอดมาถึงรุ่นพ่อของเธอ

เย่มู่มู่ย้ายแจกันมาตั้งกลางห้องรับแขก

แจกันไม่ได้มีลวดลายโบตั๋นหรูหรา หรือลวดลายนกยูงรำแพนหาง

แต่มีลักษณะแสนจะธรรมดา ข้างนอกมีสีหม่นทึบ ไม่ได้เคลือบ มีอายุเก่าแก่มากแล้ว ตรงปากแจกันมีรอยบิ่นเล็ก ๆ

ลักษณะของแจกันใบนี้ไม่เข้ากับคฤหาสน์ห้าชั้นที่ตกแต่งอย่างหรูหราหลังนี้เลยสักนิด

ปีนั้นคุณพ่อคิดจะนำไปประดับศาลเจ้าสำหรับบูชาสักการะ แต่ถูกคุณแม่ทัดทานไว้โดยอ้างว่าสไตล์ไม่เข้ากัน

คุณพ่อจึงนำมาตั้งไว้ตรงมุมห้องรับแขกชั้นล่าง เช็ดถูทุกวัน บอกว่านี่เป็นหลักฐานว่าคุณปู่ให้ความสำคัญและไว้เนื้อเชื่อใจคุณพ่อ

ข้างในแจกันยังสะอาดเอี่ยมไร้ฝุ่นจับ

หรือแจกันที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของครอบครัวเธอใบนี้จะมีอิทธิฤทธิ์ขึ้นมา?

ส่งขยะมาให้ถึงในบ้านโดยเฉพาะ?

เธอเตือนแจกันใบนั้นว่าถ้าส่งขยะเข้ามาในบ้านอีกจะนำไปปิดตายไว้ในห้องใต้ดินซะ!

แจกันเหมือนจงใจท้าทายเธอกระนั้น วินาทีถัดมา แถบผ้าป่านเปื้อนเลือดก็ปรากฏขึ้นบนปากแจกัน

ใช่แล้ว เป็นแถบผ้าป่านเหลืองคร่ำอีกด้วย!

เป็นผ้าป่านที่ทำขึ้นมาหยาบ ๆ แบบที่ฝีเข็มห่าง ๆ ซึ่งไม่พบเห็นในประเทศมาหลายปีดีดักแล้ว

เธอมุ่นคิ้ว หยิบผ้าพันแผลชิ้นนั้นโยนไปไว้กับเสื้อชั้นใน

ถ้าไม่เห็นแก่ที่เป็นแจกันของรักของหวงของคุณพ่อ โกดังเก็บของใต้ดินถึงจะเป็นสถานพำนักสุดท้ายของมัน

เย่มู่มู่เดินกลับไปกลับมาในห้องรับแขก ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่

ใครจะไปรู้ว่าคราวหน้าเจ้าแจกันใบนี้จะไม่ขนแขนหรือขาเปื้อนเลือดมาทิ้งในบ้านของเธอ

เธอคงตกใจจนวิญญาณหลุดจากร่างเลยทีเดียว

แจกันตกทอดจากบรรพบุรุษของรักของคุณพ่อ ไม่เคยนำมาใช้ใส่ดอกไม้

ประโยชน์ของแจกันคือนำมาใส่ดอกไม้ไม่ใช่เหรอ?

เธอไปตักน้ำจากในครัวมากะละมังหนึ่งแล้วเทลงไปในแจกัน

แจกันใบใหญ่เกินไป เทน้ำลงไปหนึ่งกะละมังแล้วก็กินพื้นที่แค่หนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น

เธอตักน้ำมากะละมังแล้วกะลังมังเล่า ตักมาสิบกะละมังเต็ม ๆ

แจกันเหมือนจะรั่วอย่างไรอย่างนั้น เติมน้ำอย่างไรก็ไม่เต็ม

เย่มู่มู่กวาดสายตาดูตามขอบตรงก้นแจกัน ไม่มีรูรั่ว พรมในห้องรับแขกก็แห้งสนิท

เธอไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติจึงตักน้ำมาอีกสิบกะละมัง จนมือที่ใช้ตักน้ำเริ่มจะเมื่อยแล้ว

แจกันก็ยังมีน้ำแค่ครึ่งเดียวอยู่ดี

เธอโมโหแล้วนะ!

ไปนำสายยางสำหรับรดน้ำดอกไม้มาจากในห้องเก็บอุปกรณ์ ต่อกับก๊อกน้ำในครัว แล้วเปิดน้ำใส่แจกัน

ซ่า~

สายน้ำพุ่งกระฉูดลงไปในแจกัน

เธออยากจะรู้นักว่า เจ้าแจกันที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษใบนี้สามารถบรรจุน้ำทั้งแม่น้ำหรือท้องทะเลได้เลยหรือไร

ทำไมมันถึงจุน้ำได้เยอะนัก!

*

ภายในห้องคับแคบเขรอะฝุ่น แม่ทัพหนุ่มนั่งอยู่บนตำแหน่งประธาน เขามีรูปโฉมประณีตราวแกะสลักด้วยมีดดาบ ปอยผมกระจายปรกหน้าผาก เครื่องหน้าหล่อเหลาคมสัน ใบหน้าสง่างามนั้นแฝงความซีดเซียวอมโรค!

หมอประจำกองทัพกำลังพันแผลให้เขา

กองทัพขาดแคลนยามานานแล้ว ทั้งไม่มีสุรา ไม่สามารถฆ่าเชื้อได้ บาดแผลของแม่ทัพเริ่มอักเสบเปื่อยเน่าแล้ว

หมอประจำกองทัพถอนหายใจ ใช้ผ้าป่านกลางเก่ากลางใหม่พันแผลบนแขนให้เขา

ทหารสวมชุดเกราะสามนายกึ่งคุกเข่าอยู่เบื้องล่าง ร่างกายพวกเขาเปรอะเปื้อนฝุ่นดิน ริมฝีปากแตกเป็นขุย ไม่ได้ดื่มน้ำมานานหลายวัน ทหารนายหนึ่งโซเซทำท่าจะล้มลง

เดิมนั้นเฉินขุยเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ ตอนนี้กลับผอมจนใบหน้าซูบตอบ เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก

คอเขาแห้งผากราวกับไฟ กล่าวอย่างปวดใจว่า “ท่านแม่ทัพ ถ้าปล่อยไว้เช่นนี้ต่อไป ด่านเจิ้นกวนคงรักษาไว้ได้อีกไม่นานแน่”

“ถ้าทหารสองหมื่นนายฝ่าวงล้อมไปทางด้านหลัง พวกเราอาจฝ่าวงล้อมออกไปได้”

ดวงตาสองข้างของจ้านเฉิงอิ้นเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย เขาไม่ได้นอนมาหลายคืนแล้ว เพราะเพิ่งเผชิญกับการโจมตีเมืองครั้งใหญ่

เดิมมีทหารสองหมื่นห้าพันนาย สูญเสียไปห้าพัน

ตอนนี้เหลือทหารไม่ถึงสองหมื่นนายด้วยซ้ำ

เดิมนั้นตระกูลจ้านพิทักษ์ด่านเจิ้นกวนมานานปี ท่านพ่อมีกองทัพสองแสนนายอยู่ในมือ

หลังฮ่องเต้น้อยขึ้นครองราชย์ กังฉินครองอำนาจ อัครมหาเสนาบดีซูยุแยงให้ฮ่องเต้น้อยริบอำนาจทหารคืนจากตระกูลจ้าน

นับตั้งแต่สถาปนาแคว้นฉี่เป็นต้นมา ตระกูลจ้านจงรักภักดีต่อเจ้าเหนือหัวมาหลายชั่วอายุคน

ท่านพ่อไม่ต้องการส่งมอบอำนาจทหาร

มิฉะนั้น จะไม่มีใครสามารถคานอำนาจอัครมหาเสนาบดีซูได้อีกต่อไป

เขาจะควบคุมโอรสสวรรค์บงการใต้หล้า!

ท่านพ่อปฏิเสธไม่ส่งมอบตราพยัคฆ์ อัครมหาเสนาบดีซูจึงโกรธเกรี้ยวจนตัดเสบียงสนับสนุนกองทัพตระกูลจ้าน ในขณะที่เผ่าหมานรุกรานมั่วเป่ย สงครามใหญ่ระหว่างสองฝ่ายเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญ

ไร้เสบียงสนับสนุนมาแปดเดือน ช่วงแรกที่เกิดสงคราม พี่ใหญ่ขายสมบัติครอบครัวที่เมืองหลวง กว้านซื้อเสบียงลำเลียงมาให้ มิฉะนั้นคงต้านทานไว้ไม่ถึงตอนนี้

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี ไพร่พลสองแสนก็ยังเหลือเพียงสองหมื่นคน

สวรรค์อยุติธรรม เห็นสรรพชีวิตเป็นดั่งสุนัขฟาง ด่านเจิ้นกวนตกอยู่ในวงล้อม ไร้ฝนตกมาสิบเดือน

แผ่นดินแห้งแล้งแตกระแหง อุณหภูมิพุ่งขึ้นต่อเนื่อง ราษฎรไม่สามารถเพาะปลูกได้...

ทัพใหญ่ของเผ่าหมานตัดเส้นทางสัญจรสำคัญ รัศมีร้อยลี้ของด่านเจิ้นกวนถูกโอบล้อมไว้ชั้นแล้วชั้นเล่ากลายเป็นเมืองที่ถูกปิดตาย

ในเมืองประสบภัยข้าวยากหมากแพงมาครึ่งปีกว่า เมืองใหญ่ที่เคยมีประชากรสองแสนคน ราษฎรได้รับบาดเจ็บล้มตายไปเกินครึ่ง เหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งแสนคน

ราษฎรขุดต้นหญ้าเปลือกไม้จนเกลี้ยงแล้ว ในเมืองมีคนล้มตายทุกวัน

ในหมู่ชาวบ้านเริ่มมีการแลกเปลี่ยนลูกกันเพื่อนำไปบริโภคเป็นอาหาร

เฉินอู่เห็นแม่ทัพคิดจะเฝ้าเมืองจนตัวตาย เขารู้สึกเศร้าสลดใจ “ท่านแม่ทัพ ไปเถอะขอรับ ทัพใหญ่สามแสนของพวกหมานคิดจะขังพวกเราไว้จนตาย ต่อให้ต้องสู้ตายถวายชีวิตข้าก็จะพาท่านฝ่าออกไปให้ได้ ท่านเป็นทายาทคนสุดท้ายของตระกูลจ้าน ฮ่องเต้สุนัขไม่คู่ควรให้ท่านมาทิ้งชีวิตไว้ที่นี่”

คนทั้งหลายคุกเข่าเอ่ยพร้อมเพรียง “ใช่แล้ว ท่านแม่ทัพ ฝ่าวงล้อมออกไปจากเมืองเถอะขอรับ!”

จ้านเฉิงอิ้นกำหมัดเป็นกำปั้น บนหลังมือมีเส้นเลือดปูดโปน

เขาอยากให้กองทัพตระกูลจ้านที่เหลืออยู่นี้มีชีวิตรอดต่อไป อยากมีชีวิตรอดกว่าใครทั้งนั้น!

แต่ถ้าสูญเสียการป้องกันของด่านเจิ้นกวน เผ่าหมานจากมั่วเป่ยก็จะบุกเข้ามาเสมือนล่วงล้ำแดนร้าง กรีฑาทัพลงใต้ตีชิงเมืองหลายสิบเมืองติดต่อกัน

ตามด้วยกวาดล้างเมืองหลวง กำจัดเชื้อพระวงศ์!

สุดท้ายราษฎรสามสิบล้านของแคว้นต้าฉี่ก็จะถูกประหัตประหารจนหมดสิ้น

เขาทอดทิ้งราษฎรไม่เหลียวแล สละเมืองหนีเอาตัวรอด กลายเป็นคนบาปในหน้าประวัติศาสตร์

เขาเอ่ยอย่างโศกเศร้า “มีรายงานว่ายามนี้เกิดภัยแล้ง ไม่เพียงแต่ที่ด่านเจิ้นกวน แผ่นดินหัวเซี่ย[1]เกินครึ่งก็ประสบภัยแล้งอยู่เช่นกัน”

“ระยะพันลี้ร้างผู้คน ศพเกลื่อนกล่นปฐพี ราษฎรสี่สิบล้านของต้าฉี่เหลืออยู่เพียงสามสิบล้านเท่านั้น”

ราชวงศ์เก็บภาษีหนักกว่าเดิมเพื่อเสพสุข เงินที่รีดนาทาเร้นมาส่วนใหญ่ล้วนเข้ากระเป๋าอัครมหาเสนาบดีซู

ข้างนอกนั่นไม่แน่ว่าจะดีกว่าในเมืองนักหรอก!

ถ้าพวกเขาสละเมือง ราษฎรแปดหมื่นก็จะต้องตาย กลายเป็นเสบียงในการเดินทัพลงใต้ของเผ่าหมาน

“ข้าไม่อาจทิ้งเมืองหนีเอาชีวิตรอด!”

ทหารหลายนายเห็นดังนั้นก็มีสีหน้าสิ้นหวัง

เฝ้าเมืองก็ตาย สละเมืองก็ตายเหมือนกัน!

สวรรค์ต้องการให้กองทัพตระกูลจ้านพินาศหรือนี่!

ควรทำอย่างไรกันแน่?

จ้านเฉิงอิ้นถามพวกเขา “ยังเหลือม้าศึกอีกเท่าใด?”

“ท่านแม่ทัพ ไม่อาจฆ่าม้าศึกบรรเทาหิวได้อีกแล้ว ม้าศึกหนึ่งหมื่นตัว ตอนนี้เหลืออยู่แค่สองร้อยตัวเท่านั้นนะขอรับ!”

“ฆ่า ฆ่าให้หมด! ทหารสองหมื่นนายไม่อาจหิวตาย!”

ทหารทั้งหลายโศกเศร้าหมดกำลังใจ บุรุษอกสามศอกล้วนคุกเข่า เพราะขาดน้ำจนไม่มีแม้แต่น้ำตา

หลังจากสังหารม้าศึกไปเล่า?

ม้าศึกสองร้อยตัวจะสามารถยื้อไปได้นานสักเท่าใด?

“ท่านแม่ทัพ ไม่อาจฆ่าม้าศึก เรื่องขาดแคลนเสบียง” เฉินอู่กัดฟันกรอด ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “ข้า ข้าน้อยจะหาวิธีแก้เอง!”

ยามนี้ทุกหนแห่งไร้เสบียงอาหาร ยังจะมีวิธีการอันใดอีกเล่า?

จ้านเฉิงอิ้นโบกมือ “ข้าตัดสินใจแล้ว แม่ทัพเฉินไปจัดการเถอะ!”

ทหารทั้งหลายมีสีหน้าโศกสลด คุกเข่าก้มหน้าอยู่กับที่ ไม่มีใครเคลื่อนไหว

ถ้าสังหารม้าศึกสองร้อยตัวนี้ทั้งหมด พวกเขาก็จะไม่มีโอกาสฝ่าวงล้อมออกไปได้อีก ได้แต่เฝ้ารอความตายเท่านั้น!

ขณะที่ทุกคนกำลังสิ้นหวังอย่างถึงที่สุดนั่นเอง

ทันใดนั้น เสียงน้ำสาดกระทบผนังก็ดังขึ้นมา!

คนทั้งหลายเงยหน้ามองไป ทุกคนมีสีหน้าตกตะลึง!

น้ำ!

นั่นคือน้ำ!

----------------------------------------------

[1] คำเรียกแผ่นดินจีนในสมัยโบราณ

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 2

    จ้านเฉิงอิ้นหันขวับไปทางนั้น แจกันเขรอะฝุ่นตรงมุมผนังมีน้ำพุ่งออกมาไม่หยุดน้ำพุ่งรุนแรงมาก สาดถูกอาภรณ์ของเขากับหมอซ่งจนเปียกชุ่มเขาผุดลุกขึ้นยืน มือสองข้างกำแน่นจนสั่นน้อย ๆ“นี่ คือน้ำงั้นรึ?”ทุกคนไม่ได้เห็นน้ำมาครึ่งค่อนปีแล้ว หมอซ่งใช้สองมือกอบน้ำมาดื่มหวานเย็นชุ่มชื้น เป็นน้ำจริง ๆ ด้วย!เขาร้องเสียงดังด้วยความพลุ่งพล่านใจ “ท่านแม่ทัพ เป็นน้ำจริง ๆ ด้วย!”เหล่าทหารในด่านเจิ้นกวนเฝ้ารอน้ำทุกวัน รอมาครึ่งค่อนปีแล้วขุดหาแหล่งน้ำใต้ดิน ขุดไปสิบกว่าบ่อ ขุดลงไปลึกเกินสามสิบจั้ง[1]แล้วก็เจอแต่ทรายเหลืองแห้ง ๆ ไม่เจอน้ำแต่อย่างใดหมอซ่งนำชามแตกเป็นรูมารองน้ำให้แม่ทัพ ประคองด้วยสองมือที่สั่นระริก“ท่านแม่ทัพ ท่านลองชิมดูสิ”จ้านเฉิงอิ้นใช้มือข้างเดียวรับมาจิบคำหนึ่ง หวานเย็นชื่นใจ เป็นน้ำสะอาดเขาดื่มรวดเดียวจนหมด!“สวรรค์ประทานน้ำอมฤต สวรรค์ไม่ได้ต้องการให้กองทัพตระกูลจ้านของข้าพินาศ!”สิ้นคำ นายทหารหลายนายก็ถลาเข้ามาด้วยความยินดี ใช้สองมือรองน้ำดื่มอึก ๆ ๆหมอซ่งรองน้ำให้แม่ทัพอีกชาม ส่งมาให้เขาดื่มนายทหารหลายนายนั้นดื่มน้ำไปพลางเอ่ยด้วยความยินดี “ท่านแม่ทัพ เทพยดาบ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 3

    จ้านเฉิงอิ้นยัดกล่องข้าวใส่อกพวกเขา “เดี๋ยวท่านเทพก็ประทานอาหารให้ข้าอีกนั่นแหละ พวกเจ้ารับไว้เถอะ”นายทหารทั้งสิบคนมองหน้ากัน อยากบ่ายเบี่ยง แต่แล้วก็นึกถึงคนในครอบครัวที่หิวโหยจนเหลือเพียงลมหายใจรวยรินรู้สึกว่าในอกหนักอึ้งนับพันชั่ง!อู๋ซานหลางที่ในครอบครัวมีลูกชายอายุยังน้อยใกล้จะหิวตายรับมาคนแรกเขาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง เอ่ยทั้งน้ำตาคลอหน่วย “ขอบคุณท่านแม่ทัพ ข้าสามารถเอากลับไปส่งที่บ้านก่อนได้หรือไม่ ภรรยากับลูกข้าหิวจนใกล้จะไม่ไหวแล้ว”จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้า “รีบเอาไปส่งเถอะ!”อู๋ซานหลางกอดกล่องข้าววิ่งกลับบ้านไปก่อนนายทหารอีกเก้านายซ่อนกล่องข้าวไว้ในอก นำอาหารกลับไปส่งที่บ้านจ้านเฉิงอิ้นกำชับให้พวกเขากลับมาเร็วหน่อย จะได้มากินโจ๊กด้วยกันอย่าดูแคลนข้าวกับอาหารหนึ่งกล่องเชียว ถ้านำไปต้มเป็นโจ๊ก คนทั้งครอบครัวรับประทานอย่างประหยัดก็สามารถเก็บไว้กินได้สองวัน ช่วยให้ไม่อดตายในช่วงหลายวันนี้หากผสมใบไม้เปลือกไม้ลงไปยังสามารถเก็บไว้ได้นานกว่านั้นช่วงเวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไป นายทหารทั้งสิบก็กลับมา แต่ละคนมีสีหน้าเคร่งเครียด ขอบตาแดงเรื่อหลังนั่งลง อาหลี่ก็ยกหม้อโจ๊กเข้ามาข้

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 4

    หลังเย่มู่มู่โยนอาหารหมดอายุลงไปจนหมดก็ขึ้นไปชั้นบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเธอสว่างขึ้นไม่หยุด เป็นคุณอาคุณลุงในครอบครัวเธอโทรมาพ่อแม่ล่วงลับ เธอกลายเป็นเด็กกำพร้า คุณอาคุณลุงร่วมมือกับคุณย่ามาหาถึงบ้าน หมายจะฮุบทรัพย์สินของเธอโชคดีที่คุณพ่อคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าจึงทิ้งพินัยกรรมเอาไว้ในโถงตั้งโลงศพของคุณพ่อคุณแม่ คุณอาคุณลุงรวมถึงคุณย่ากดดันให้เธอมอบทรัพย์สินของคุณพ่อออกไปยังอ้างเสียสวยหรูว่าจะช่วยดูแลให้เธอบอกว่าเธอเป็นผู้หญิง ต้องแต่งงานไม่ช้าก็เร็ว จะบริหารบริษัทใหญ่มูลค่าหลายหมื่นล้านได้อย่างไรห้องชุดสิบกว่าห้อง ร้านค้าหลายร้านกับตึกปล่อยเช่าอีกสองตึกบอกให้เธอส่งมอบทั้งหมดนั้นออกไปให้พี่น้องของคุณพ่อแบ่งสรรปันส่วนกันคุณพ่อไม่ใช่ผู้ถือหุ้นเพียงหนึ่งเดียวของบริษัท แต่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด ถือหุ้นสามสิบกว่าเปอร์เซ็นต์เย่มู่มู่ขอให้ผู้ถือหุ้นรายอื่นช่วยออกหน้า ช่วยเธอปกป้องทรัพย์สมบัติเอาไว้เธอไม่เข้าร่วมการบริหาร รับแค่เงินปันผลเท่านั้นเธอสละสิทธิ์ในการบริหาร ผู้ถือหุ้นรายอื่นย่อมยินดีอยู่แล้วบอดี้การ์ดปรากฏตัวขึ้นในโถงตั้งโลงศพจึงควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 5

    เย่มู่มู่ตื่นขึ้นมาก็เป็นตอนกลางคืนแล้ว เธอนอนอยู่บนโซฟาในห้องนอนของพ่อแม่ บนหมอนยังคงเปียกชื้นเธอคิดถึงพวกเขามากเกินไปจนร้องไห้ระหว่างหลับฝันอีกแล้วตีสองครึ่ง ตอนลงมาชั้นล่างไฟในห้องรับแขกยังคงสว่างอยู่แต่มีกระดาษเหลืองโบราณเพิ่มมาหลายแผ่นอ้าก!เจ้าแจกันนี่เอาขยะมาทิ้งในบ้านอีกแล้ว!เธอเดินเข้าไปในห้องรับแขกชั้นล่างด้วยความเดือดดาล คว้ากระดาษเหลืองเขรอะฝุ่นแผ่นนั้นลงมาตัวอักษรเป็นแบบตัวเต็ม เขียนตามแนวตั้งลักษณะรอยหมึกขาด ๆ หาย ๆ เหมือนใช้ขี้เถ้าเขียนรอบก่อนมีแค่ไม่กี่ตัวอักษร รอบนี้กลับเขียนมายาวพรืด รอยพู่กันคมกริบ ตัวอักษรหวัดฉวัดเฉวียนมีทั้งหมดสี่หน้ากระดาษ เธอไม่รู้ว่าเขียนอะไรบ้างใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปเอาเข้าโปรแกรมแปลภาษาค่อยทราบว่าคือคำอธิษฐานขอพรแคว้นต้าฉี่ รัชศกชูหยวนปีที่สาม กองทัพตระกูลจ้านพิทักษ์ด่านสำคัญบริเวณชายแดน ถูกกองทัพสามแสนของเผ่าหมานปิดล้อมกลายเป็นเมืองที่ปิดตายทหารหาญสองแสนคนพลีชีพในสมรภูมิเหลือเพียงสองหมื่นคนด่านเจิ้นกวนเกิดภัยแล้งรุนแรง แม่น้ำเหือดแห้งพืชพรรณเฉาตายราษฎรเพาะปลูกไร้ผลเก็บเกี่ยว กินเปลือกไม้ใบหญ้าจนหมดเกลี้ยงในเมื

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 6

    เมื่อเห็นกองทองคำที่เหลืองอร่ามกองนี้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้หลงใหลในเงินตรา แต่ก็ยากที่จะปล่อยออกจากมือใครจะสามารถปฏิเสธเครื่องประดับอัญมณีได้ล่ะ?เธอวิ่งไปสัมผัสกับก้อนทองคำอย่างมีความสุข แล้วลองสวมสร้อยข้อมือทองคำมีสร้อยคอหลายเส้นห้อยอยู่รอบคอของเธอ เส้นผมของเธอก็ประดับประดาเต็มไปด้วยปิ่นปักผมทองและปิ่นระย้ารวยแล้ว!ตามราคาทองคำในปัจจุบัน ทองคำกองนี้มีมูลค่าหลายสิบล้านยิ่งเป็นของโบราณ เมื่อเอาไปขาย ก็ยิ่งประเมินค่าไม่ได้อ๊า หนิงกวนโหวช่างเป็นคนดีจริง ๆ!ตอนนี้เธอชอบการช่วยเหลือคนเสียแล้วสิ!ชอบทำบุญสุด ๆ!ชอบเลี้ยงคนโบราณหนึ่งแสนคน!ไม่หวังอะไรอย่างอื่น การได้มองดูทองคำเหลืองอร่ามระยิบระยับแสนน่ารัก ก็ทำให้เธอมีความสุขเป็นอย่างยิ่งแล้ว!*เย่มู่มู่ยกลังไม้ใบใหญ่สามใบลงมาจากชั้นบน แล้วนำทองคำออกมาจัดระเบียบแค่ทองก้อน เหรียญทอง ทองหยวนเป่า ก็ใส่เต็มสองลังใหญ่แล้วจากนั้นก็นำลังใบใหญ่อีกใบมาใส่เครื่องประดับมุกและทอง แยกใส่ถุงซิปล็อค แล้ววางไว้เป็นระเบียบแต่ใส่ไม่หมดมันไม่สามารถใส่ให้หมดได้อยู่แล้ว!ของที่เหลือล้วนเป็นของที่ทำด้วยทองคำ รวมถึงชุดจอกสุรากาสุรา กาสุราแ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 7

    ทหารสิบนายเดินกลับมาจากบ้าน พวกเขาขอบตาแดงก่ำ ต่างผ่านการร้องไห้มาเมื่อวานนี้สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนเต็มไปด้วยความโศกเศร้าปนความสิ้นหวังทว่าตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ต่อให้ขอบตาจะแดงก่ำ แต่ปากกลับฉีกยิ้มพวกเขากำลังรอให้เย่มู่มู่ส่งน้ำมาให้!ในเวลานี้ ที่หน้าประตูจวนแม่ทัพเกิดเสียงดังวุ่นวาย มีผู้ลี้ภัยกำลังสร้างปัญหาจ้านเฉิงอิ้นให้เถียนฉินออกไปดูพวกเขาออกไปได้ไม่นาน คนที่มารวมตัวกันสร้างปัญหาก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียงดังเข้ามาในจวนด้านในได้ยินกันชัดเจนจ้านเฉิงอิ้นลุกขึ้น เพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงทุกคนร้องตะโกนว่า “ขอท่านแม่ทัพได้โปรดเปิดยุ้งฉางแจกจ่ายธัญพืชออกมาด้วยเถอะ”“ท่านแม่ทัพ ทั้งที่จวนของท่านมีข้าวสาร เหตุใดต้องซ่อนไว้กินเพียงคนเดียว? หรือว่าท่านอยากจะมองดูชาวบ้านด่านเจิ้นกวนหิวตายทั้งเป็นไปต่อหน้าต่อตาหรือ?”“ท่านแม่ทัพ ได้โปรดช่วยพวกชาวบ้านด้วยเถอะ พวกเราไม่อยากหิวตาย!”หน้าประตูจวนแม่ทัพ ชาวบ้านที่สร้างปัญหาก็มีถึงสองร้อยคนแล้ว!ผู้นำก็คือชายที่มีนามว่าหลิวซื่อ ภายใต้ใบหน้ายาวนั้นคือดวงตาสามขาวและโหนกแก้มโดดเด่นเขารู้จักกับพ่อที่แลก

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 8

    เมื่อพ่อได้ยินคำพูดนั้นก็โกรธเป็นอย่างมาก ไล่ญาติ ๆ ทุกคนออกจากบริษัทแล้วก็จัดทำพินัยกรรมล่วงหน้าทรัพย์สินของเขา พี่น้องกับหลาน ๆ ไม่มีใครได้ไปสักสตางค์เดียวพอพวกนั้นรู้ว่าไม่ได้อะไรจากพินัยกรรม พยายามโทรหาเย่มู่มู่ก็ไม่ติด ก็เลยเริ่มวนเวียนอยู่ที่หน้าหมู่บ้าน หวังจะเจอเธอเย่ซินไม่รู้ว่ารออยู่หน้าหมู่บ้านนานแค่ไหน จนสุดท้ายก็ดันเจอเธอที่กำลังจะออกไปข้างนอกเขารีบพาผู้ชายวัยกลางคนมาพบเธอทันทีเย่มู่มู่ขมวดคิ้วถามเสียงเย็นชา “มีเรื่องอะไร?”เย่ซินยิ้มอย่างกระตือรือร้น“มู่มู่ เรามานั่งคุยกันหน่อย พี่จะแนะนำคนให้เธอรู้จัก คุณหวัง เขาเพิ่งหย่าเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้เป็นหนุ่มโสดสุดฮอตเลยนะ!”“ดูสิ คุณหวังทั้งสุขุมและมั่นคง ภายนอกก็ดูภูมิฐาน เขาเป็นเจ้าของใหญ่ของหัวหวังกรุ๊ป...”“เหมาะกับเธอที่สุดแล้ว!”คุณหวังที่พูดถึงนั้นหัวล้านกลางศีรษะ พุงก็ใหญ่จนดูอ้วนกว่าปกติ ดูแล้วอายุมากกว่าพ่อของเธอเสียอีกอายุอย่างน้อยก็คงห้าสิบห้าปีขึ้นไปเขาสวมแหวนทองวงใหญ่ มืออ้วน ๆ ของเขาลูบคางแล้วมองเย่มู่มู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาหื่นกามเมื่อเห็นว่าเธอมีผิวขาวเนียน รูปร่างผอมเพรียว โดยเ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 9

    “ยัยหนู เธอคิดจะขายหรือไม่? จอกสุราปกติต้องมีเป็นคู่ ถ้าเธอมีครบคู่ ฉันจะเสนอราคาให้ถึงสองหมื่นห้าพันล้าน!”เย่มู่มู่รู้สึกเจ็บปวดในใจ เธอไม่อยากให้จ้านเฉิงอิ้นต้องมาตายตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้สองหมื่นห้าพันล้านเพียงพอที่จะเลี้ยงดูคนหนึ่งแสนคนได้แต่สำหรับให้ทหารสองหมื่นนายของเขาเอาชนะกองทัพคนเถื่อนสามแสนนาย คงไม่เพียงพอแน่!เย่มู่มู่กัดฟัน ก่อนจะหยิบจอกสุราอีกใบออกมา“ฉันมีสองใบ สองหมื่นห้าพันล้านน้อยเกินไป!”เมื่อผู้อาวุโสมู่มองเห็นว่าเย่มู่มู่มีจอกสุราครบทั้งสองใบจริง ๆ เขาก็ดีใจมากจนทำแว่นตาหลุดมือที่สั่นเทาของเขารีบหยิบจอกขึ้นมา ตรวจสอบด้วยแว่นขยายเขาตื่นเต้นจนริมฝีปากสั่นระริก “ใช่แล้ว ใช่เลย! นี่คือจอกสุราคู่ที่สภาพสมบูรณ์ และยังคงงดงามเป็นอย่างยิ่ง!”“เธอต้องการเท่าไหร่?”เย่มู่มู่ตอบว่า “ฉันต้องการเงินสด และราคาต้องถึงขีดสูงสุด”ผู้อาวุโสมู่เบิกตากว้าง “เธอต้องการสามหมื่นล้านเหรอ?”เย่มู่มู่พยักหน้าเขาเริ่มลังเลแล้ว!เมื่อเย่มู่มู่เห็นเช่นนั้น ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง “ถ้าคุณไม่มีปัญญาจ่าย ฉันไปถามร้านข้าง ๆ ก็ได้!”เธอลุกขึ้นเตรียมเก็บจอกสุราคืนแต่ผู้อาวุโสมู่

บทล่าสุด

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 388

    ลูกน้องของผู้นำให้คำสั่งเด็ดขาดกับพวกเขาก่อนจากมา ยังได้กำชับเป็นพิเศษว่า“จงคิดถึงครอบครัวของพวกเจ้า พ่อแม่ที่แก่ชรา ภรรยาที่อ่อนแอ และลูก ๆ ที่ยังเล็กจนต้องการการดูแล...”“แม่ทัพต้องการได้ยินข่าวดี หากสำเร็จ ภรรยา พ่อแม่ และลูก ๆ ของพวกเจ้า ผู้นำจะดูแลพวกเขาให้ จะไม่ปล่อยให้พวกเขาขาดอาหารแม้แต่มื้อเดียว และยังจะแบ่งบ้านกับที่ดินสิบหมู่ให้ด้วย!"“ไปเถอะ อย่าทำให้ท่านผู้ผิดหวัง!”แต่ตอนนี้ พวกเขามองดูน้ำในกระบอกน้ำเก็บความร้อน มองดูแป้งห่อ โจ๊กหวาน และเสบียงแห้ง...ท่านแม่ทัพถูกกองกำลังพันธมิตรจากสี่แคว้นปิดล้อมไว้ที่นี้ และถูกต้อนจนมุม แต่กลับยังเลือกที่จะมอบเสบียงอาหารและน้ำที่ล้ำค่าที่สุดให้พวกเขาพวกเขาไม่อาจทรยศหักหลังด้วยการกระทำชั่วช้าเช่นการระเบิดสังหารท่านแม่ทัพและกองทัพตระกูลจ้านได้พวกเขาลงมือไม่ลงในขณะที่ทุกคนจมอยู่ในความเงียบงัน ผู้นำกลุ่มของพวกเขาอย่างซุนเฮ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า“ท่านแม่ทัพ พวกเรายังมีครอบครัวอยู่ในเมืองหยงโจว สามารถพาออกมาได้ จะได้รับอาหารกับน้ำหรือไม่?”จ้านเฉิงอิ้นกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า“แน่นอน ตราบใดที่เป็นประชาชนแคว้นต้าฉี่ ทุกคนย่อมมีอาหารก

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 387

    เมื่อครู่พวกเขาต่างตั้งใจฟังอย่างจดจ่อซุนหลินได้รับรางวัลเป็นเสบียงอาหารกว่าพันชั่ง!นี่แสดงให้เห็นว่ากองทัพตระกูลจ้านไม่ได้ขาดแคลนเสบียงสำหรับชาวแคว้นต้าฉี่ที่เผชิญกับภัยแล้งมาเกือบปี ข้าวปลาอาหารและแหล่งน้ำมีเสน่ห์ดึงดูดที่ไม่อาจต้านทานได้พวกเขาหิวและกระหายเกินกว่าจะอดทนไหว แม้ในเมืองหยงโจวจะมีโจ๊กแจก แต่ในแต่ละวันกลับได้เพียงถ้วยเล็ก ๆ ของโจ๊กข้าวโพด ซึ่งไม่พอให้ประทังความหิวได้เลยผู้คนมากมายต่างพยายามทุกวิถีทางที่จะลอกเปลือกไม้ หรือขุดหาผักป่า...ในเมืองหยงโจว เมื่อจำนวนผู้คนเพิ่มมากขึ้น ผู้คนถึงกับทะเลาะวิวาทแย่งชิงรากหญ้าและเปลือกไม้ จนถึงขั้นมีการฆ่ากันตายก็ไม่น้อยขณะนั้น ชาวบ้านสี่ร้อยคนต่างจ้องมองด้วยสายตาเปี่ยมความหวัง หลายคนถึงกับลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปใกล้ปากถ้ำโดยไม่รู้ตัวเฉินจวิ้นหลินและเหล่าทหารผ่านศึกอีกสิบกว่าคน ได้นำเสบียงอาหารที่เหลือจากคนสองร้อยกว่าชีวิตที่เสียชีวิตไปแล้วออกมาแจกจ่ายนอกจากสิ่งที่ถูกระเบิดจนเสียหายและไม่สามารถกินได้ พวกเขายังนำแป้งห่อจำนวนมาก โจ๊กธัญพืชแปดชนิดสองร้อยกระป๋อง และขนมปังแข็งกว่าสองร้อยกล่องออกมาแจกจ่ายเฉินจวิ้นหลินพูด

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 386

    “ครอบครัวและชาวบ้านในหมู่บ้านจะอยู่รอดไปได้อีกสักระยะ!”ซุนหลินยังคงจินตนาการถึงความสุขในการที่ตนนำเสบียงกลับไปให้ครอบครัวแต่เมื่อชาวบ้านสี่ร้อยคนได้ยินเรื่องเสบียงกว่าหนึ่งพันชั่งดวงตาเบิกกว้าง จ้องมองไปที่ซุนหลินอย่างแน่วแน่เสบียงอาหาร หนึ่งพันกว่าชั่งเชียวนะหากนำไปต้มเป็นโจ๊ก จะเลี้ยงคนได้มากแค่ไหนกันเมื่อซุนเฮ่อได้ยินคำพูดของซุนหลิน ริมฝีปากก็ขยับ เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว“ท่านลุงสาม เหตุใดถึงไม่พูดอะไรเลยเล่า ครอบครัวสบายดีหรือไม่?”ซุนหลินยังคงจมอยู่ในจินตนาการของตัวเอง พอเห็นซุนเฮ่อไม่พูดอะไร จึงเงยหน้ามองเขาแต่สิ่งที่เห็นคือ ดวงตาของซุนเฮ่อเต็มไปด้วยเส้นเลือดแดง เขาดูเหมือนอยากจะร้องไห้ แต่หยาดน้ำตาในดวงตานั้นกลับแห้งเหือดไปหมดแล้วเขาเบิกตาแดงก่ำ ก่อนจะก้มศีรษะหนักอึ้งลงต่ำก้มหน้าอยู่นานก่อนจะพูดว่า “พวกเจ้า... ครอบครัวของพวกเจ้า... ตายหมดแล้ว!”“คนทั้งหมู่บ้าน... มีเพียงสามชีวิตที่รอด หนึ่งคือข้า และอีกสองคน...”ซุนหลินกระชากคอเสื้อของซุนเฮ่ออย่างแรง ยกตัวเขาที่ผอมแห้งลอยขึ้นจากพื้นดวงตาของซุนหลินแดงฉานเต็มไปด้วยความ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 385

    จ้านเฉิงอิ้นและคนอื่น ๆ อีกหลายคนเดินออกมาส่วนใหญ่เป็นทหารผ่านศึก ซึ่งมีคนหนึ่งจำซุนเฮ่อได้เขาตะโกนด้วยความตื่นเต้น “ลุง ลุงสาม... ทำไมถึงเป็นท่าน?”“ท่านมาที่ช่องเขาเป้าเสียได้อย่างไร?”คนที่จำซุนเฮ่อได้ ชื่อซุนหลิน อายุยี่สิบกว่าปี เข้าร่วมกองทัพมาห้าปีแล้ว!เขาเป็นนายกองพันภายใต้การบังคับบัญชาของจ้านเฉิงอิ้นก่อนหน้านี้เขาเคยอยู่ในหน่วยหน้าไม้ราชวงศ์ฉิน แต่พบว่าตนเองไม่ได้สังหารศัตรูมากเท่าคนอื่น จึงรู้สึกเสียศักดิ์ศรีอย่างมากหลังจากนั้น ก็อาสาเป็นทหารทัพหน้าบุกทะลวงแม้จะต้องเสี่ยงอันตรายแม้ว่าทหารทัพหน้าจะต้องเสี่ยงชีวิต แต่ก็พร้อมจะตายได้ทุกเมื่อเขาเป็นคนกล้าหาญ พยายามเป็นทหารทัพหน้าและสังหารศัตรูมากมายสะสมเสบียงอาหารได้มากกว่าหนึ่งพันชั่ง แป้งสาลีแปดร้อยชั่งได้รับเลื่อนตำแหน่งเป็นนายกองพันครั้งนี้ที่เข้าไปในหุบเขา ซุนหลินก็ลุงสามาเองเขาอยากได้พัดลมพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มอีกสองสามชุด เพื่อมอบให้กับคนในหมู่บ้านแต่ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับซุนเฮ่อที่เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันที่นี่ซุนเฮ่อเป็นลุงสามของเขา เป็นคนในตระกูลเดียวกัน!เขาวิ่งออกมาด้วยความดีใจ วิ่งไปหาซุ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 384

    “ใครก็ได้ ไปเฝ้าบริเวณใกล้ถ้ำที่จ้านเฉิงอิ้นซ่อนตัวอยู่ หากเกิดระเบิดแล้วยังไม่ตาย ให้คอยสกัดไม่ให้คนด้านในหลบหนีออกมาได้...”มู่ซาถาม “จะให้ส่งไปกี่คน?”“ยี่สิบคน ล้อมเอาไว้อย่าให้เหลือไปแม้แต่คนเดียว”“ไม่จำเป็นต้องใช้คนมากขนาดนี้ก็ได้กระมัง?”แม่ทัพแคว้นฉู่เจียงเหว่ยพูดว่า “เจ้าไม่รู้อะไร เกราะป้องกันของจ้านเฉิงอิ้นอยู่ในระดับสูงมาก สามารถต้านทานการโจมตีจากคนสิบคนได้เพียงลำพัง และอาวุธก็แหลมคม สามารถฟันดาบเสี้ยวของพวกเผ่าหมานได้ง่ายดายราวกับหั่นผักหั่นปลา”“เพื่อไม่ให้เสียเวลา เมื่อระบุตำแหน่งของจ้านเฉิงอิ้นแล้ว ทุกคนจงล้อมที่นี่ไว้ให้แน่นหนา ห้ามปล่อยให้คนข้างในหนีออกมาได้แม้แต่คนเดียว”แม่ทัพทั้งสี่แคว้นต่างก็ให้ความสำคัญพวกเขารู้ดีว่า หากฆ่าจ้านเฉิงอิ้นได้ ประชาชนต้าฉี่ก็จะกลายเป็นเสบียงของแคว้นต่าง ๆ ของพวกเขาไม่มีเสบียงแล้วจะทำไม?ชาวต้าฉี่มีจำนวนมาก เพียงพอให้พวกเขากินได้อีกนานผ่านพ้นช่วงความอดอยากไปได้อย่างไม่มีปัญหาเลยยิ่งไปกว่านั้น ราชวงศ์ต้าฉี่ก็ร่ำรวยได้ยินมาว่า ทรัพย์สมบัติในวังหลวงนั้นกองสูงเป็นภูเขาเสนาบดีซูยังรวบรวมสมบัติล้ำค่าหายากให้กับฮ่องเต้น้อย

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 383

    ในที่สุดซุนเฮ่อและคนสี่ร้อยคนก็ถูกเยี่ยนเย่ปล่อยตัวไปทำไมหรือ?พวกเขาก็กลัวตายเหมือนกันในถ้ำมีคนมากกว่าสามหมื่นคน ซุนเฮ่อและพรรคพวกมีเพียงสี่ร้อยกว่าคนหากมีคนใดคนหนึ่งจุดชนวนดินระเบิด ทุกคนจะต้องถูกฝังอยู่ที่นี่ดินระเบิดสี่ร้อยห่อ ใครก็หนีไม่รอดจะทำให้ภูเขาถล่ม ทุกคนจะถูกฝังอยู่ใต้ภูเขาไม่คุ้มค่าพวกเขามาเพื่อสกัดกั้นจ้านเฉิงอิ้น ไม่ใช่มาตายตามดังนั้น พวกเขาจึงปล่อยให้ซุนเฮ่อและคนอื่น ๆ แบกพลั่วเดินออกจากถ้ำเมื่อเดินออกมา มีคนรายงานเยี่ยนเย่“ท่านอ๋อง พบตำแหน่งของคนสองพันคนของจ้านเฉิงอิ้นแล้ว”“เจ้าหนูพวกนั้นตอนนี้ซ่อนตัวอยู่ที่ไหน?” เยี่ยนเย่ดีใจมาก“ที่ทางเข้าด้านหน้าห่างไปห้าลี้ เดิมทีเรามีคนซุ่มอยู่ตรงนั้น แต่ถูกจ้านเฉิงอิ้นเก็บกวาดจนหมด ตอนระเบิดที่หน้าประตู คนของเขาก็ซ่อนตัวเข้าไปหมดแล้ว!”เดิมทีซุนเฮ่อที่เดินออกจากปากถ้ำได้ยินดังนั้น ก็ก้าวเท้าออกไปแล้วก็หดกลับมาเขาหันกลับไปมองทหารที่ส่งข่าว“จริงหรือ?”“ขอรับ พวกเราเพิ่งรีบมาจากที่นั่น!”“เขาซ่อนตัวอยู่ในปากถ้ำนั้นหรือ?”“ปากถ้ำที่ใหญ่ที่สุดห่างจากทางเข้าห้าลี้ ทางเข้ามีศิลาจารึกสิบแผ่น เมื่อก่อนเคยเ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 382

    ทันใดนั้น เสื้อตัวในของซุนหย่าปาก็ถูกถอดออก เผยให้เห็นคราบเลือดขนาดใหญ่ที่เปื้อนอยู่ เสื้อชั้นในสีขาวถูกย้อมจนกลายเป็นสีเข้มจวงเหลียงใช้เสื้อตัวในสัมผัสกับกระดาษ แล้วใส่ลงในแจกันกระดาษพลันหายไปส่งผ่านไปได้จริง ๆการค้นพบนี้ทำให้พวกเขาทั้งหลายมีกำลังใจฮึกเหิมขึ้นมาได้จริงด้วย แม้ว่าท่านแม่ทัพจะไม่อยู่แล้ว แต่การใช้สิ่งของที่เปื้อนเลือดของเขาก็สามารถส่งกระดาษไปได้ ส่วนสิ่งของอื่น ๆ พวกเขายังไม่ได้ลอง ไม่รู้ว่าได้หรือไม่จวงเหลียงใช้ปากกาลูกลื่นเขียน“ท่านเทพ ข้าคือจวงเหลียง กุนซือของรัฐทายาท ท่านแม่ทัพได้เข้าไปในช่องเขาเป็นเวลาครึ่งก้านธูปแล้ว ภายในช่องเขามีเสียงดินระเบิด พวกเราไม่สามารถติดต่อเขาได้”“กองทัพธงเหลืองร่วมมือกับแคว้นฉู่ แคว้นฉี แคว้นเยี่ยน และเผ่าหมาน ไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออะไร กองทัพธงเหลืองสามารถผลิตดินระเบิดได้ ตอนนี้ช่องเขามีเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง”*เย่มู่มู่เห็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่ตนเองส่งไป ถูกส่งกลับมาด้านหลังว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลยจากนั้น ไม่กี่นาทีต่อมา กระดาษอีกแผ่นก็ร่วงลงมาบนนั้นเขียนว่า จ้านเฉิงอิ้นเข้าไปในช่องเขาแล้วและ...ฝ่ายตร

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 381

    เย่มู่มู่เขียนจดหมายถึงจ้านเฉิงอิ้นหลายฉบับ แต่ไม่มีจดหมายตอบกลับแม้แต่ฉบับเดียวเธอเดาว่า จ้านเฉิงอิ้นเข้าไปในช่องเขาแล้วหรือไม่?หากในช่องเขามีการซุ่มโจมตี จ้านเฉิงอิ้นกำลังเสี่ยงอันตรายด้วยตัวเองนี่มันอันตรายเกินไปเย่มู่มู่ยังหวังว่าจ้านเฉิงอิ้นจะสามารถก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ทีละขั้น สามารถรวมหัวเซี่ยให้เป็นปึกแผ่น และสร้างเรือออกทะเลอีกครั้ง...ให้ทุกที่ที่แสงอาทิตย์ส่องถึง กลายเป็นแผ่นดินหัวเซี่ยนี่คือเรื่องสำคัญต่อคนรุ่นหลัง จะเป็นไปได้ไหมที่จะรวมสมาชิกวิดีโอคอลทั้งหมดไว้ด้วยกัน รวมถึงการใช้หัวชาร์จแบบเดียวกัน ไม่ต้องเรียนภาษาอังกฤษอีกต่อไปจ้านเฉิงอิ้นห้ามเกิดเรื่องเด็ดขาด!แต่เขาไม่มีจดหมายตอบกลับมาเลย!ส่งกระดาษเปล่าไปสิบกว่าแผ่น เขาก็ยังไม่มีข่าวเย่มู่มู่เดินเท้าเปล่าไปมาในห้องนั่งเล่น อาหารเช้าเย็นลงแล้ว แต่เธอก็กินไม่ลงเธอมองอาหารเช้าที่เย็นชืดอีกครั้งหยิบซาลาเปา ซุปกระดูกหมู ก๋วยเตี๋ยวหลอด เกี๊ยว... ทั้งหมดใส่ลงในแจกันไม่มีความรู้สึกฝืดเคืองเหมือนครั้งก่อนที่จ้านเฉิงอิ้นไม่อยู่การส่งไปราบรื่นมากหมายความว่า สถานการณ์ของจ้านเฉิงอิ้นอาจจะไม่เลวร้ายขนาดนั้น

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 380

    “พวกเจ้าฆ่าจ้านเฉิงอิ้นได้หรือไม่ ไม่เกี่ยวกับพวกเรา!”จากนั้นเขากล่าวกับสมุน “เก็บข้าวของแล้วเตรียมตัวกลับ!”กองทัพธงเหลืองหลายร้อยคนเตรียมเก็บพลั่วกับเครื่องมืออื่น ๆ และออกเดินทางทันใดนั้น คนอื่น ๆ พากันหยิบอาวุธและขวางทางเดินพวกเขาซุนเฮ่อยิ้มหยัน “ทำไม? พวกเจ้าคิดขวางพวกเรา?”ต่อจากนั้น ซุนเฮ่อเปิดเสื้อผ้าออก บนหน้าท้องมีระเบิดติดไว้หนึ่งห่อ“พวกเจ้าเห็นหมดแล้วว่าระเบิดมีอนุภาพยิ่งใหญ่เพียงใด ชนเผ่าหมาน แคว้นฉู่และแคว้นฉีห้าแสนห้าหมื่นคนทำไมถึงสู้กำลังพลห้าหมื่นของจ้านเฉิงอิ้นไม่ได้ ก็เพราะว่าเขามีระเบิดในมือไงหล่ะ!”“วันนี้ถ้าพวกเจ้ากล้าขัดขวางข้า พวกเจ้าจงมองให้ชัดเจน…”ช่างสี่ร้อยคนพากันเปิดเสื้อผ้าออก บนตัวมีระเบิดติดไว้ทุกคนพวกเขาแต่ละคนจ้องคนถืออาวุธและปิดกั้นทางเดินด้วยแววตาเหี้ยมเกรียม“คิดจะขัดขวาง ได้ อย่างมากก็แค่ตายไปพร้อมกัน พวกเจ้ามีคนอยู่ในถ้ำเท่าไหร่ ไม่มีสองหมื่นคนก็น่าจะมีสามหมื่นคน พวกเรามีแค่ไม่กี่ร้อยคน”“ถึงจะตายกันหมดและถูกฝังไว้ที่นี่ พวกเราก็รู้สึกคุ้มค่าแล้ว!”“ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ฮ่องเต้พูดกับพวกเราก่อนมาที่นี่ ถ้าเกิดสิ่งใดขึ้น ท่านจะวางแ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status