Share

บทที่ 8

Author: มู่โร่ว
เมื่อพ่อได้ยินคำพูดนั้นก็โกรธเป็นอย่างมาก ไล่ญาติ ๆ ทุกคนออกจากบริษัท

แล้วก็จัดทำพินัยกรรมล่วงหน้า

ทรัพย์สินของเขา พี่น้องกับหลาน ๆ ไม่มีใครได้ไปสักสตางค์เดียว

พอพวกนั้นรู้ว่าไม่ได้อะไรจากพินัยกรรม พยายามโทรหาเย่มู่มู่ก็ไม่ติด ก็เลยเริ่มวนเวียนอยู่ที่หน้าหมู่บ้าน หวังจะเจอเธอ

เย่ซินไม่รู้ว่ารออยู่หน้าหมู่บ้านนานแค่ไหน จนสุดท้ายก็ดันเจอเธอที่กำลังจะออกไปข้างนอก

เขารีบพาผู้ชายวัยกลางคนมาพบเธอทันที

เย่มู่มู่ขมวดคิ้วถามเสียงเย็นชา “มีเรื่องอะไร?”

เย่ซินยิ้มอย่างกระตือรือร้น

“มู่มู่ เรามานั่งคุยกันหน่อย พี่จะแนะนำคนให้เธอรู้จัก คุณหวัง เขาเพิ่งหย่าเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้เป็นหนุ่มโสดสุดฮอตเลยนะ!”

“ดูสิ คุณหวังทั้งสุขุมและมั่นคง ภายนอกก็ดูภูมิฐาน เขาเป็นเจ้าของใหญ่ของหัวหวังกรุ๊ป...”

“เหมาะกับเธอที่สุดแล้ว!”

คุณหวังที่พูดถึงนั้นหัวล้านกลางศีรษะ พุงก็ใหญ่จนดูอ้วนกว่าปกติ ดูแล้วอายุมากกว่าพ่อของเธอเสียอีก

อายุอย่างน้อยก็คงห้าสิบห้าปีขึ้นไป

เขาสวมแหวนทองวงใหญ่ มืออ้วน ๆ ของเขาลูบคางแล้วมองเย่มู่มู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาหื่นกาม

เมื่อเห็นว่าเธอมีผิวขาวเนียน รูปร่างผอมเพรียว โดยเฉพาะใบหน้าเรียวเล็กที่มีริมฝีปากสีแดงระเรื่อและฟันขาวสะอาด ดวงตาดุจสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วง

ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือรูปร่าง เขาพอใจในตัวเย่มู่มู่เป็นอย่างมาก!

“เธอคือลูกสาวของเหล่าเย่ใช่ไหม ไม่คิดเลยว่าเขาจากไปแล้ว แต่ทิ้งลูกสาวแสนสวยขนาดนี้ไว้!”

“เอาล่ะ ฉันถูกใจเธอแล้ว คืนนี้ไปอยู่บ้านฉันเลยก็แล้วกัน”

“แม่ฉันไม่ชอบให้มีคนนอกอยู่ในบ้าน งานบ้านอย่างทำความสะอาด ซักผ้า ทำอาหาร...เธอต้องจัดการให้เรียบร้อย”

“ลูกชายฉันพาแฟนกลับมาบ้านทุกคืน เธอต้องคอยดูแลให้ดี ถ้าทำให้ลูกชายฉันโกรธ ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่!”

ชายแก่ที่อายุเกือบห้าสิบปลาย แก่จนใกล้จะลงโลงอยู่แล้ว กลับกล้าคิดจะแต่งคุณหนูผู้สูงศักดิ์อย่างเธอไปเป็นคนรับใช้

แถมยังต้องคอยดูแลทั้งครอบครัว รวมถึงแฟนของลูกชายเขาด้วย

เย่มู่มู่สบถออกมา “ประสาท!”

เธอหันหลังแล้วเดินจากไปทันที

เย่ซินกว่าจะได้เจอเย่มู่มู่นั้นไม่ง่ายเลย มีหรือจะยอมปล่อยให้เธอจากไปง่าย ๆ แบบนี้

เขาคว้าแขนเธอไว้ทันที ออกแรงบีบจนแทบจะทำให้กระดูกเธอแหลก

“มู่มู่ ปีนี้เธออายุยี่สิบแล้ว ถึงเวลาที่จะแต่งงานได้แล้ว พ่อกับย่าของฉันอุตส่าห์หาคนดี ๆ มาให้เธอ คืนนี้เธอก็ไปอยู่ที่บ้านเขาได้เลย”

“ตอนนี้พ่อแม่เธอตายแล้ว เรื่องการแต่งงานต้องให้ผู้ใหญ่จัดการ เงินค่าสินสอดก็ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เรื่องนี้เธอไม่มีสิทธิ์ขัดขืน!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย่มู่มู่ตวัดฝ่ามือตบหน้าเขาทันที

“พวกคุณทั้งบ้านคิดจะบังคับฉันเหรอ? บอกไว้เลยนะ ถ้าฉันโกรธขึ้นมา จะทำให้พวกคุณอยู่ในเมืองนี้ไม่ได้อีกต่อไป!”

เย่ซินเมื่อเห็นว่าเย่มู่มู่กล้าตบหน้าเขา แถมยังคิดจะหนี

เขามองเธอด้วยสายตาอำมหิต “ได้ พูดดีกับเธอดี ๆ แล้วไม่ฟังใช่ไหม แบบนี้ต้องใช้กำลังสินะ?”

เขาหันไปพูดกับคุณหวัง

“คุณหวัง จับตัวเธอไว้แล้วพากลับไปเลย เธอถือหุ้นของฟู่ลี่กรุ๊ปสามสิบหกเปอร์เซ็นต์ ถือว่าคุณได้ของดีแล้ว”

ประธานหวังที่ตอนแรกหมดความสนใจเพราะนิสัยของเธอ!

แต่พอได้ยินว่าเธอถือหุ้นฟู่ลี่กรุ๊ป ทั้งยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด

ทันใดนั้น ประธานหวังก็คว้าแขนอีกข้างของเย่มู่มู่ ตอนที่ทั้งสองคนเตรียมจะช่วยกันจับเธอมัดแล้วลากขึ้นรถนั้น...

บริเวณย่านการค้ามีตำรวจลาดตระเวนอยู่พอดี

ไม่นานก็มีรถตำรวจเข้ามาขวางพวกเขาไว้!

“พวกคุณทำอะไรกัน? กลางวันแสก ๆ ยังจะลักพาตัวผู้หญิงอีกเหรอ?”

ตำรวจลงจากรถอย่างรวดเร็วและจับทั้งสองคนไว้

ตำรวจคนหนึ่งถามเย่มู่มู่ด้วยความห่วงใย “คุณผู้หญิง คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”

เธอมองมือที่ถูกบีบจนเป็นรอยม่วงช้ำ น้ำตาคลออยู่ในดวงตา “ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ!”

ทั้งสองคนที่ถูกจับพยายามดิ้นรน ทั้งยังตะโกนแหกปาก

เย่ซินตะโกนว่า “เป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งหมด เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของผม ผมจะทำร้ายเธอหรือยังไง?”

คุณหวัง “ผมแค่จะนัดดูตัวกับเธอ ไม่มีเจตนาอื่นเลยครับ”

แต่ตำรวจไม่ฟังคำแก้ตัวของพวกเขา ทั้งสองถูกใส่กุญแจมือและจับกุมตัวไปแล้ว

เย่มู่มู่ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล ก่อนที่จะเข้ารับการตรวจ เธอขอตัวไปห้องน้ำ และเดินวนไปมาหลายสิบรอบในนั้น

หลังจากออกมาจากห้องน้ำ ร่างกายเริ่มโซเซ ยืนไม่มั่นคง รู้สึกเวียนหัวและตามัว อาเจียนออกมาหลายครั้ง

ผลตรวจร่างกายระบุว่าเธอมีอาการกระทบกระเทือนสมองอย่างรุนแรง ร่วมกับอาการเวียนหัวและอาเจียน ซึ่งจัดว่าเป็นการบาดเจ็บในระดับเบา!

เย่มู่มู่ถ่ายรูปผลตรวจร่างกายของตัวเอง จากนั้นก็ลบชื่อออกก่อนจะส่งให้กับนักข่าวท้องถิ่นที่กล้าหาญไม่ยอมจำนนต่ออำนาจเถื่อน

เธอให้ข่าวใหญ่กับเขาเรื่องหนึ่ง

บอสหวัง เจ้าของบริษัทหวังชางอินเตอร์เนชั่นแนล ลักพาตัวหญิงสาวกลางถนน บังคับพากลับไปกักขังในบ้าน!

มีทั้งสถานที่ที่เกิดเหตุและวิดีโอจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐาน

ในย่านใจกลางเมืองเต็มไปด้วยกล้องวงจรปิด นักข่าวสามารถตรวจสอบได้ง่าย ๆ ด้วยการค้นข้อมูลเพียงเล็กน้อย

หลังจากให้การเสร็จ เย่มู่มู่ก็รีบขับรถมุ่งหน้าไปยังถนนที่เป็นแหล่งรวมตัวร้านค้าเกี่ยวกับวัตถุโบราณในท้องถิ่น

เธอไม่เชี่ยวชาญเรื่องของโบราณนัก จึงต้องเข้าไปดูทีละร้าน

สังเกตขนาดของร้าน ดูความมั่งคั่ง และสายตาความเฉียบคมของเจ้าของร้าน…

ในร้านหนึ่งที่อยู่ในมุมเล็ก ๆ ไม่ค่อยโดดเด่น ในร้านมีชายชราคนหนึ่ง ใส่แว่นสายตายาวกำลังอ่านหนังสือพิมพ์

เมื่อเธอเดินเข้ามาในร้าน ชายชราเงยหน้าขึ้นมองเธอเพียงแวบหนึ่งก่อนจะกลับไปอ่านหนังสือพิมพ์ต่ออย่างสงบนิ่ง

เย่มู่มู่มองไปยังเครื่องประดับเพียงชิ้นเดียวบนชั้นวางของ

ชายชราถามเธอว่า “ชอบหรือ?”

เย่มู่มู่ส่ายหน้า “รูปแบบมันเป็นแบบโบราณ แต่เนื้อวัสดุไม่ใช่ทอง ดู ๆ ไปก็เหมือนของจริงอีก!”

มันเป็นสิ่งของที่ดูขัดแย้งกันอย่างมาก!

ชายชราวางหนังสือพิมพ์ลง พลันเกิดความสนใจถามขึ้นว่า “ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ?”

เย่มู่มู่ไม่ได้บอกว่าเธอมีเครื่องประดับที่คล้ายกันอยู่!

เธอนั่งลงตรงข้ามโต๊ะ “ที่นี่รับซื้อของโบราณไหมคะ?”

ชายชราขยับแว่นสายตาเล็กน้อย “ของอยู่ไหนล่ะ เอามาให้ฉันดูหน่อย!”

เย่มู่มู่หยิบกล่องเล็ก ๆ ออกมาแล้วเลื่อนไปตรงหน้าชายชรา

เมื่อเห็นว่ากล่องนั้นเป็นกล่องธรรมดาในแบบสมัยใหม่ ชายชราก็รู้สึกผิดหวังไปกว่าครึ่ง

แต่เมื่อเปิดกล่องออก เขาเห็นจอกสุราสามขาฝังอัญมณี ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างทันที

มือของเขาสั่นเล็กน้อยขณะหยิบจอกขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เขาตรวจสอบก้นจอก ละเอียดมองลวดลายมังกรพันรอบ ดูเนื้อทองคำและคุณภาพของอัญมณี

ขณะที่ตรวจสอบไปเรื่อย ๆ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้น

“นี่คือของที่มีอายุเกินสองพันปี ของดีนี่น่า! แม้แต่ในพิพิธภัณฑ์ใหญ่ ๆ ยังไม่มีเลย!”

“จอกสุราที่พบในยุคเดียวกันมักจะทำจากทองสัมฤทธิ์ ไม่ก็เครื่องเคลือบดินเผา หรือเหล็ก... แต่นี่เป็นจอกทองคำที่ทำด้วยเทคนิคการฝังอัญมณีและทำลายฉลุ นับว่ามีอายุมากที่สุดที่ฉันเคยเห็น”

“เดี๋ยวก่อน ที่ก้นจอกยังมีอักษรเขียนว่า ‘ของใช้ราชวงศ์ต้าฉี่!’”

ชายชราลุกขึ้นทันทีด้วยความตื่นเต้นจนแทบจะเสียสติ

น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “แคว้นต้าฉี่! ที่แท้แคว้นต้าฉี่มีอยู่จริง!”

“ในพงศาวดารไม่มีบันทึกไว้ แต่มีในตำนาน แคว้นต้าฉี่ดำรงอยู่เพียงห้าสิบปีเท่านั้น”

หัวใจของเย่มู่มู่กระตุกวูบเมื่อได้ยินคำว่า ห้าสิบปี!

นั่นหมายความว่า ในท้ายที่สุดหนิงกวนโหวตายหรือ?

และคนหนึ่งแสนในที่สุดก็ล้มตายในสงครามทั้งหมดหรือ?

ความอยากรู้อยากเห็นของเธอทวียิ่งขึ้น รีบถามชายชราทันทีว่า “จอกสุรานี้มีมูลค่าเท่าไหร่?”

ชายชรากางสองนิ้วออกมา

เย่มู่มู่ถามต่อ “สิบล้าน?”

ชายชราส่ายหัว

“หนึ่งพันล้าน?”

ชายชราก็ยังส่ายหัวอีกครั้ง

เย่มู่มู่เบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ “หมื่นล้าน!!!”

ชายชรายิ้มพลางพยักหน้า “หมื่นล้านถือว่าเป็นราคาประเมินขั้นต่ำ ของโบราณจากแคว้นต้าฉี่ไม่เคยปรากฏในประเทศมาก่อนเลย แคว้นนี้มีบันทึกอยู่ในตำนานว่าล่มสลายเพราะภัยพิบัติ ภัยมนุษย์ ภัยสงคราม และความวุ่นวายภายใน”

“แคว้นต้าฉี่เคยมีแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถเทียบเท่ากับก้วนจวินโหว ฮั่วชวี่ปิ้ง[1] ในตำนานนั้นมีแต่การพรรณนาถึงแคว้นต้าฉี่ในแง่ลบ ว่าขุนนางกังฉินครองอำนาจ ฮ่องเต้เป็นเพียงหุ่นเชิด ฝนแล้งลงโทษ ประชาชนทุกข์ยากแสนสาหัส!”

“แต่แม่ทัพผู้นี้ถูกยกย่องอย่างสูง ราวกับมังกรฟ้าลงมาจุติ!”

เย่มู่มู่รีบถาม “แม่ทัพคนนั้นชื่ออะไร?”

“จ้านเฉิงอิ้น เขาได้เป็นขุนนางชั้นหนึ่งและถูกแต่งตั้งเป็นหนิงกวนโหวตอนอายุเพียงยี่สิบปี แต่เขากลับเสียชีวิตเมื่ออายุแค่ยี่สิบเอ็ด หลังจากเขาตายไม่นาน แคว้นต้าฉี่ก็ล่มสลาย”

เคร้ง เสียงโทรศัพท์ของเย่มู่มู่หล่นกระแทกกับโต๊ะชาไม้ เธอตกตะลึงจนพูดไม่ออก

หนิงกวนโหว!

คนที่เรียกเธอว่าเทพเจ้า คนที่ส่งจดหมายสื่อสารกับเธอ คนที่มอบทองกองโตให้เธอ...คือหนิงกวนโหว!

จ้านเฉิงอิ้น!

[1] ก้วนจวินโหว หรือฮั่วชวี่ปิ้ง คือ แม่ทัพผู้มีชื่อเสียงในราชวงศ์ฮั่นตะวันตก หนึ่งในแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จีน เนื่องจากมีบทบาทสำคัญในการรบกับชนเผ่าซยงหนู
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Ttnun Puatrakul
fantacy and fun
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 9

    “ยัยหนู เธอคิดจะขายหรือไม่? จอกสุราปกติต้องมีเป็นคู่ ถ้าเธอมีครบคู่ ฉันจะเสนอราคาให้ถึงสองหมื่นห้าพันล้าน!”เย่มู่มู่รู้สึกเจ็บปวดในใจ เธอไม่อยากให้จ้านเฉิงอิ้นต้องมาตายตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้สองหมื่นห้าพันล้านเพียงพอที่จะเลี้ยงดูคนหนึ่งแสนคนได้แต่สำหรับให้ทหารสองหมื่นนายของเขาเอาชนะกองทัพคนเถื่อนสามแสนนาย คงไม่เพียงพอแน่!เย่มู่มู่กัดฟัน ก่อนจะหยิบจอกสุราอีกใบออกมา“ฉันมีสองใบ สองหมื่นห้าพันล้านน้อยเกินไป!”เมื่อผู้อาวุโสมู่มองเห็นว่าเย่มู่มู่มีจอกสุราครบทั้งสองใบจริง ๆ เขาก็ดีใจมากจนทำแว่นตาหลุดมือที่สั่นเทาของเขารีบหยิบจอกขึ้นมา ตรวจสอบด้วยแว่นขยายเขาตื่นเต้นจนริมฝีปากสั่นระริก “ใช่แล้ว ใช่เลย! นี่คือจอกสุราคู่ที่สภาพสมบูรณ์ และยังคงงดงามเป็นอย่างยิ่ง!”“เธอต้องการเท่าไหร่?”เย่มู่มู่ตอบว่า “ฉันต้องการเงินสด และราคาต้องถึงขีดสูงสุด”ผู้อาวุโสมู่เบิกตากว้าง “เธอต้องการสามหมื่นล้านเหรอ?”เย่มู่มู่พยักหน้าเขาเริ่มลังเลแล้ว!เมื่อเย่มู่มู่เห็นเช่นนั้น ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง “ถ้าคุณไม่มีปัญญาจ่าย ฉันไปถามร้านข้าง ๆ ก็ได้!”เธอลุกขึ้นเตรียมเก็บจอกสุราคืนแต่ผู้อาวุโสมู่

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 10

    เย่มู่มู่ขับรถไปถึงตลาดสด และมองหารถบรรทุกขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกได้ถึงสามสิบตันเธอบอกว่าจะซื้อของบริจาคเพื่อส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย!ไม่ว่าจะเป็น ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ผักกวางตุ้ง ผักกาดเล็ก หัวไชเท้า แครอท มันเทศ มันฝรั่ง และข้าวโพด…เธอเหมาผักหมดทั้งตลาดแล้วพ่อค้าแม่ค้าผักเห็นเธอซื้อของมากขนาดนี้ ต่างรีบกรูเข้ามาล้อมเธอ พร้อมเสนอลดราคาขายให้เธอในราคาถูกกว่าปกติ!เย่มู่มู่ซื้อของทั้งหมดในตลาดสดจนเกลี้ยง พร้อมจ้างรถบรรทุกสองคันจากนั้นเธอก็จัดหาคนมาช่วยขนของขึ้นรถ พร้อมให้ที่อยู่ของโกดังกับคนขับรถบรรทุก ให้พวกเขาขนของไปที่โกดังคุณลุงที่ดูแลโกดังอยู่ทั้งวันก็ยังคงเฝ้าประตูตามปกติหลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ เย่มู่มู่จึงเดินทางไปร้านขายยาไม่ว่าจะเป็นผ้าก๊อซ แอลกอฮอล์ล้างแผล แหนบ คีม มีดผ่าตัด กรรไกร และไหมเย็บแผลเธอซื้อมาอย่างครบครันรวมถึงเข็มฉีดยา กระบอกฉีดยา ยาปฏิชีวนะ ยาห้ามเลือด และยาแผนตะวันตกอื่น ๆ ก็ซื้อไปหมดนอกจากนี้ยังมียาแผนจีนแบบสำเร็จรูป เช่น อวิ๋นหนานไป๋เย่า[1] ยารักษาอาการฟกช้ำ ยาห้ามเลือดต่าง ๆ ยาลดการอักเสบ และยาช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อ…เธอแวะร้านขายสมุ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 11

    จ้านเฉิงอิ้นยืนเฝ้าข้างแจกันไม่ห่างฉับพลันนั้นน้ำก็หยุดไหล เขาลุกขึ้นเดินไปหยุดยืนข้างแจกัน เห็นกระดาษสีขาวโปรยลงมาอักษรคมกริบ จดจำได้ง่ายเพียงแต่อักษรเหล่านี้ขาดแขนและขา จ้านเฉิงอิ้นอ่านปะติดปะต่อกันก็เข้าใจท่านเทพยาดากล่าวว่า ส่งยามาหนึ่งชุด!ยาหรือ!!!หากมียา ทหารน้อยซ่อมเกือกม้าเป็นก็จะรอดชีวิตแล้วประชาชนในเมืองอาจไม่ต้องหิวตาย เพราะขาดน้ำและอาหารร่างกายจึงย่ำแย่ แค่อาการหวัดเล็กน้อยก็สามารถคร่าชีวิตคนได้หากมียา ทหารห้าพันนายที่ตายไปในสมรภูมิครั้งก่อน อย่างน้อยก็คงช่วยชีวิตได้ครึ่งหนึ่ง!จ้านเฉิงอิ้นกำกระดาษไว้แน่น น้ำใส ๆ รื้นขอบตา เพียงส่งอาหารและน้ำมาก็เป็นความปรารถนาสูงสุดของเขาแล้วนึกไม่ถึงว่าท่านเทพยดาถึงขั้นส่งยามาให้ด้วยสิ่งที่กองทัพตระกูลจ้านขาดแคลนก็คือยา!จ้านเฉิงอิ้นน้ำเสียงแหบพร่า เอ่ยเสียงสะอื้นว่า “เถียนไท่ เรียกหมอทหารทุกคนมาที่นี่”เถียนไท่กับทหารนายอื่นได้ยิน ก็พลันลุกขึ้น รายล้อมเขาด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน“ท่านแม่ทัพ ท่านเทพยดาส่งยามาแล้วหรือขอรับ?”“จริงหรือขอรับ? หากมียา ทหารที่ได้รับบาดเจ็บอีกหลายร้อยคนในค่ายก็ไม่ต้องรอความตายอีกแล้ว!”“บา

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 12

    เขาหยิบผ้าพันแผลที่อยู่บนพื้นขึ้นมา ยังมีสำลีฆ่าเชื้อ เข็มฉีดยา น้ำยาฆ่าเชื้อเตี่ยนฝู[1]…และมีอุปกรณ์ผ่าตัดนานาชนิด ทั้งมีดผ่าตัด คีมผ่าตัด…เขาตื่นเต้นจนพูดไม่เป็นประโยค “ท่านแม่ทัพ นะ นี่มันยาฆ่าเชื้อ ใช่…?”จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้าให้เขาซ่งอวิ๋นฮุยกำคีมผ่าตัดในมืออย่างตื้นตันจนไม่อาจบรรยาย!ท่านเทพยดามอบให้แก่พวกเขาท่านเทพยดาไม่เพียงส่งยามาให้ ยังส่งวิทยาการด้านการแพทย์ที่ล้ำยุคมาให้ด้วยคีมผ่าตัด กรรไกรผ่าตัด…เครื่องมือเหล่านี้ประณีตกว่าของในสำนักหมอหลวงหลายเท่า!จ้านเฉิงอิ้นมอบหนังสือ ‘คู่มือหมอเท้าเปล่า’ ให้ซ่งอวิ๋นฮุยหนึ่งเล่มเขาเปิดอ่านอย่างไม่รีรอ เห็นในตำรามีเทียบยาที่เอาไว้ใช้รับมือกับโรคระบาด ก็พลันดีใจอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง“ท่านแม่ทัพ มีเทียบยาที่เอาไว้ใช้รักษาโรคระบาดต่าง ๆ อยู่ด้วย! มีตำราเล่มนี้อยู่ หมอในแคว้นต้าฉี่ก็ไม่ต้องปวดหัวกับโรคระบาดอีกแล้ว!”จ้านเฉิงอิ้นยิ้มตอบ “หมอทหารซ่ง ท่านนำกลับไปศึกษาเสีย ยังมียาเหล่านี้อีก มีวิธีใช้เขียนติดอยู่บนถุง”ด้วยกลัวว่าเขาจะไม่รู้อักษร จึงได้มอบตารางโครงสร้างส่วนประกอบอักษรแบบใหม่ให้เขาด้วยส่วนหมอทหารที่เหลือ ก็ได้ร

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 13

    เฉินขุยเห็นจ้านเฉิงอิ้นสีหน้าไม่ค่อยดีนัก จึงถามอย่างเป็นห่วงว่า “ท่านแม่ทัพ ทางเมืองหลวงส่งข่าวอันใดมาหรือขอรับ?”จ้านเฉิงอิ้นยื่นจดหมายให้เขาเขาคลี่จดหมายออก ขณะที่นายทหารที่เหลือเองก็รุมล้อมเข้ามาดูด้วยเห็นเพียงข้อความหนึ่งเขียนไว้ว่า ‘ปกป้องสุดชีวิต’!เฉินขุยสบถออกมาด้วยความเดือดดาล “เดิมทีพวกข้ามีทหารหนึ่งหมื่นนาย ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่ร้อย ไม่ส่งอาหารส่งน้ำมา ไม่ส่งกำลังเสริมมาไม่พอ มิหนำซ้ำยังสั่งให้ปกป้องเมืองไว้สุดชีวิตอีกงั้นเรอะ!”“นี่เท่ากับสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปตายไม่ใช่หรือ?”อู๋ซานหลางขมวดคิ้วมุ่น “ท่านแม่ทัพ ไม่มีกำลังเสริมแล้วจริงหรือขอรับ?”ถึงแม้พวกเขามีเสบียงแล้ว แต่ทหารสองหมื่นนายจะทัดทานทหารสามแสนนายจากเผ่าหมานได้อย่างไร!หากเรื่องที่พวกเขามีเสบียงอาหารและน้ำแพร่งพรายออกไป เผ่าหมานจะต้องบุกรุกเข้ามายึดเมือง แย่งเสบียงอาหารทั้งหมดไปเป็นแน่บรรยากาศอึดอัดและตึงเครียดจนถึงขีดสุด!เฉินขุยเอ่ยต่อว่า “กองทัพหนึ่งแสนนายของแม่ทัพสวีหวยก็อยู่ห่างจากด่านเจิ้นกวานเพียงไม่กี่ร้อยลี้ เหตุใดฮ่องเต้น้อยจึงไม่มีราชโองการให้เขามาช่วยเหลือ หรือจะมองดูด่านเจิ้นกวนถูก

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 14

    พวกเขาเลียนแบบนายกองจ้าวจง พากันยกหัวไชเท้าแดงขึ้นมาลองกัดอย่างระมัดระวังหนึ่งคำจากนั้นก็เบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ มีรสชาติหวานจริง ๆ!พวกเขากลืนกินหัวไชเท้าแดงหมดภายในไม่กี่คำ ถึงขั้นไม่ทันได้เคี้ยวให้ละเอียดด้วยซ้ำหลินต้าจวินเห็นพวกเขากินหมดแล้ว จึงกำชับพวกเขาว่า “เบาเสียงหน่อย ย้ายเสบียงไปที่ค่ายทหารก่อน!”พวกเขานำข้าวสารหนึ่งถุงใส่ตะกร้าก่อน จากนั้นก็ทับด้วยน้ำมันหนึ่งถัง แป้งสาลีหนึ่งถุง ตามด้วยเกลือทำอาหารอีกจำนวนหนึ่ง ปิดท้ายด้วยการวางผักกาดขาว และกะหล่ำปลีครั้นเห็นช่องว่างในตะกร้าก็เสียบมะเขือยาว มะเขือเทศและหัวไชเท้าแดงแซมเข้าไป…ตะกร้าไผ่กว้างมาก ทว่าพวกเขาก็ยังคงใส่ของมากเกินจนทำให้ปากตะกร้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยแต่พวกเขาไม่มีเวลาสนใจแล้ว ค่ายทหารอยู่ห่างจากค่ายทหารถึงสองลี้ ประตูด้านหลังมีเกวียนจอดอยู่ด้านนอกเกวียนหนึ่งเล่มสามารถใส่ตะกร้าได้สี่ตะกร้าพวกเขาใส่ของเต็มเกวียนสี่เล่ม อาศัยกำลังคนในการลากทั้งสิ้นในค่ายทหารมีม้า ทว่าม้าล้วนหิวจนผอมเหลือแต่กระดูก บางตัวก็ลุกไม่ไหว จึงทำได้เพียงอาศัยแรงคนเท่านั้นเพื่อปกป้องทรัพยกรชุดนี้ เฉินขุยกับหลินต้าจวินควบคุมการข

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 15

    หลังผ่านไปครึ่งชั่วยาม จ้านเฉิงอิ้นได้รับถังทรงกลมขนาดใหญ่ที่มีตราสแตนเลสเกรดอาหารสามศูนย์สี่ประทับอยู่ถึงหนึ่งร้อยใบความใหญ่ของถังนั่นเทียบได้กับอ่างอาบน้ำทีเดียวหนำซ้ำยังใช้แต่เหล็กเนื้อดี ไม่ ทำมาจากเหล็กกล้าชั้นดีต่างหากผิวเหล็กเรียบลื่นจนเห็นเงาสะท้อนของคน ไม่มีรอยบุบแม้แต่น้อยวิทยาการในการผลิตล้ำยุค ทั่วทั้งแคว้นต้าฉี่ หรือแม้แต่ทั่วทั้งแผ่นดินหัวเซี่ย ล้วนหาฝีมือแบบนี้ไม่ได้ยังมีถาดทรงสี่เหลี่ยมอีกสามร้อยใบ ล้วนมีวัสดุเหมือนกันเหล่านายกองเห็นก็อดอุทานด้วยความแปลกใจไม่ได้เฉินขุยยกถังใหญ่ใบหนึ่งในนั้นขึ้นมา “ท่านแม่ทัพ หนักมาก หากนำเหล็กกล้าชั้นดีเยี่ยงนี้มาตีเป็นอาวุธ จะต้องตัดเหล็กได้ดุจดินเหนียว และมีกำลังต่อสู้เพิ่มขึ้นหลายเท่าเป็นแน่!”“ท่านเทพยดาถึงขั้นใช้ถังเหล็กกล้าเช่นนี้มาทำอาหาร ช่างเสียของจริง ๆ!”เหล่าทหารต่างก็รู้สึกเสียดายอย่างมากหากนำมาผลิตเป็นอาวุธจะดีสักแค่ไหนกันตอนนี้หัวหอกส่วนใหญ่ของเหล่าทหารล้วนทำมาจากทองสำริด ทองสำริดแข็งและคมสู้เหล็กกล้าไม่ได้อยู่แล้วซ่งตั๋วดูแลคลังอาวุธ ขอเพียงท่านแม่ทัพมีคำสั่ง เขาก็สามารถหาคนมานำอุปกรณ์เหล่านี้หลอมแล

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 16

    แต่เมื่อเห็นอาหารปรุงสำเร็จเหล่านี้ เขาก็รู้สึกว่าชีวิตของเขาก็แค่นี้เอง ไม่ว่าจะเป็นอาหารจานไหน ไม่ต้องพูดถึงพ่อครัวของจวนแม่ทัพ ต่อให้เป็นพ่อครัวทั้งใต้หล้านี้ก็ไม่แน่ว่าจะจำส่วนผสมได้ทั้งหมด จ้านเฉิงอิ้นเอ่ย: “เก็บไว้ให้แม่ทัพหลินและแม่ทัพเฉินขุยหนึ่งชุด ส่วนที่เหลือก็ให้ทุกคนได้กินด้วยกัน” เมื่ออาหลี่ได้ยินเช่นนั้น เขาก็หยิบอาหารสองจานออกมา และเก็บข้าวไว้สองชาม! ขณะทุกคนกำลังถือชามและตะเกียบอยู่ในมือ เตรียมจะเริ่มกินนั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากนอกประตู “ท่านแม่ทัพ เสบียงถูกผู้ลี้ภัยปล้นไปแล้ว” ทันใดนั้น จ้านเฉิงอิ้นก็วางตะเกียบในมือลงและลุกขึ้นยืน นายทหารทั้งแปดวางชามและตะเกียบลง แล้วรีบเดินไปที่ประตูพร้อมกับแม่ทัพ นายทหารน้อยที่มาดูเหมือนจะอายุประมาณสิบกว่าปี ใบหน้ายังเหมือนเด็กอยู่ แขนของเขาได้รับบาดเจ็บ และมีเลือดไหลออกมา เขาพูดด้วยเสียงสั่นเทา: “ผู้ลี้ภัยกว่าร้อยคนสกัดกั้นเสบียงไว้ที่ท้ายตรอก แม่ทัพหลินยากที่จะก้าวเดินต่อไป แม่ทัพเฉินขุยสกัดกั้นอยู่ด้านหลัง มีทหารที่ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย” เมื่อจ้านเฉิงอิ้นได้ยินเช่นนี้ เขาก็สวมชุดเกราะและหยิบอาวุธ

Latest chapter

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 428

    ครั้นมั่วฝานได้ยินว่าหลูซีได้รับรางวัล ในใจก็ไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่งทว่าก็ไม่ได้เป็นเพราะอิจฉา ในบัตรของเขายังมีสี่ร้อยล้าน ไม่จำเป็นต้องอิจฉาเขาเพียงแต่...เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมการดำเนินชีวิตใหม่ ดูสิ หลูซีเพิ่งจะสิบหก ก็จับผู้ต้องการหนีคดีได้ตั้งแต่อายุยังน้อยแล้วหาเลี้ยงตัวเองได้แล้วส่วนเขาได้แต่พึ่งการขายของมีมูลค่าที่ตัวประทังชีวิตเห็นได้ชัดว่าตนไร้ประโยชน์ขนาดนั้น!เฮ้ออารมณ์เสียชะมัด!กลุ้มใจจริง ๆ!เขาหยิบขวดเบียร์ขึ้นมา แล้วกระดกหมดในรวดเดียวในขณะนี้เอง ผู้รับเหมาก็พาเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคมาด้วยกันเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคร่างเล็ก ค่อนข้างผอม สีหน้าซีดเผือดราวกับไม่ได้เจอแสงแดดมานานเขาไม่ได้สวมแว่น สวมเสื้อลายสก็อตธรรมาดา ๆ พร้อมนั่งลงอย่างเหนียมอาย เมื่อเห็นว่าผู้ที่นั่งอยู่โต๊ะนี้ไม่ใช่หนุ่มหล่อทว่าเป็นสาวสวย ก็วางมือลงบนเข่าด้วยความรู้สึกอึดอัดส่วนผู้รับเหมาย้ายเก้าอี้มานั่งข้างเย่มู่มู่อย่างสนิทสนมทั้งที่รู้จักกันได้ไม่นานเขาหยิบเบียร์ขึ้นมาเองขวดหนึ่ง จากนั้นก็รินใส่จนเต็มแก้ว“คุณบอกว่านักฆ่าคนนั้นถูกจับแล้ว?”“ใช่ค่ะ เพิ่งโทรเข้ามา มีคดีฆาตกรรมติด

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 427

    มั่วฝานและหลูซีต่างตาเบิกโพลง พวกเขาได้ยินอะไรกันตระกูลใหญ่โตตระกูลหนึ่งแย่งสมบัติกัน โดยใช้วิธีให้ยายเฒ่าผู้หนึ่งฆ่าตัวเอง บีบให้ท่านเทพยกเลิกการทวงหนี้ของพวกเขาพวกเขาเคยเห็นผู้ที่ไร้ยางอาย ทว่าไม่เคยเห็นผู้ที่ไร้จิตใจเช่นนี้มาก่อนพายายเฒ่าอายุเจ็ดสิบขึ้นไปยังดาดฟ้าชั้นสามสิบ ไปกระโดดฆ่าตัวตาย?แม้เบื้องล่างจะมีเบาะรองรับการกระโดดปูเอาไว้ ทว่าคนแก่คนชราแค่ล้มก็กระดูกหักได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องกระโดดลงมาจากตึกสูงเช่นนี้เลยวันนี้หลูซียังนับความสูงของชั้นอย่างตั้งใจอีกด้วยเขารู้ว่าสามสิบชั้นสูงเท่าไรกันแน่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่า ในโลกของท่านเทพบ้ากันไปหมดแล้วจริง ๆ!เพื่อเงิน...บ้ากันไปหมดแล้วจริง ๆ!ในต้าฉี่ของพวกเขา แม้เงินจะสำคัญมาก ๆ ทว่าเสบียงอาหารและน้ำสำคัญยิ่งกว่ามีเงินก็ใช่ว่าจะซื้อน้ำและเสบียงอาหารได้...ฉะนั้น พวกเขาจึงไม่ยกให้เงินเป็นอันดับแรก ทว่าเสบียงอาหารและน้ำต่างหากที่เป็นอันดับแรก!มั่วฝานเองก็รู้สึกว่าคนในครอบครัวของท่านเทพ เสียสติไปแล้วเพียงเพราะเงินตอนนี้เขาเพิ่งจะรู้ว่า ที่แท้ท่านเทพเป็นเด็กกำพร้าข้างกายยังมีญาติพี่น้องชั้นหนึ่งอีกกลุ่มหนึ่ง

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 426

    “เปล่านะครับ เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคคนหนึ่งของทางเรา ได้ติดตั้งโปรแกรมไว้ในโทรศัพท์ของพวกเขา เนื้อหาที่พวกเขาคุยกันคือ จะเอาเงินจากทางฝั่งคุณยังไง วิธีที่คิดขึ้นมาเรียกได้ว่าสกปรกสุด ๆ นอกเหนือจากนี้เหมือนจะไม่มีอย่างอื่นแล้วครับ”“พวกเขาไม่ได้จ้างวานฆ่าฉันจริง ๆ เหรอคะ?”ครั้นผู้รับเหมาได้ยินดังนั้น นี่ถึงขั้นจ้างวานฆ่าแล้วเหรอ?นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แล้วนะเย่มู่มู่บอกเรื่องที่เมื่อครู่เธอเกือบถูกจัดฉากให้ตายด้วยอุบัติเหตุและเรื่องที่นักฆ่ามืออาชีพถูกจับให้กับผู้รับเหมาฟังผู้รับเหมารีบก่นด่าขึ้นมา “ผมให้คนฟังเนื้อหาที่พวกเขาคุยกันทุกวัน ต้องไม่กล้าฆ่าคนแน่ ๆ วางใจได้ครับ คุณคือคนให้ที่อยู่ที่กินของเรา ใครกล้าลอบทำร้ายคุณ ก็เท่ากับจงใจหาเรื่องเรา!”“ผมจะให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคส่งเนื้อหาที่ตระกูลเย่พูดคุยกันให้คุณนะครับ!”“โอเคค่ะ”เย่มู่มู่ถามขึ้นอีกว่า “ฝีมือของเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคคนนั้นเป็นยังไงบ้างคะ?”“เขาเก่งมากครับ ไม่ได้เรียนอะไรมา แต่เรียนด้วยตัวเองทั้งนั้น เป็นแฮกเกอร์ที่เชื่อถือได้!”“งั้นคุณพาเขามาหน่อยนะคะ ทางฉันมีโทรศัพท์ที่ต้องการให้เขาแฮกเครื่องหนึ่ง ถ้าแฮก

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 425

    มั่วฝานเห็นสีหน้าเย่มู่มู่ไม่สู้ดี นางเลื่อนดูทุกอย่างในโทรศัพท์ ข้อมูลที่มีประโยชน์อะไรไม่มีเลยหลูซีซ้อมคนไปยกหนึ่ง ได้ระบายความโกรธไปไม่น้อยอาหารอร่อย ๆ เต็มโตะ เขาก็กินอย่างมีความสุขน้ำเสียงที่กล่าวก็เปลี่ยนไปเยอะเช่นกัน!“คนผู้นั้นยังปากแข็ง ข้าอัดเขายกหนึ่ง เขายังหัวเราะร่า บอกว่าถ้าแน่จริงข้าก็อัดเขาให้ตายสิ...”“เขายังบอกอีกว่าข้าไม่กล้าฆ่า เพราะหากฆ่าเขา ต้องคิดถึงผลที่ตามมาด้วย!”“ฮึ เขาหลอกคนโบราณเยี่ยงข้า เมื่อวานที่สถานีตำรวจ พวกพี่สาวบอกเกร็ดความรู้แก่ข้าแล้ว ข้ายังอายุไม่ถึงสิบแปดปีเต็ม หากพลั้งมือฆ่าคนจริง ๆ ปัญหาไม่ใหญ่...”“ข้าบอกกับเขาว่า บนหลังเขาแบกชีวิตคนเอาไว้ ข้ารู้จักคนที่สถานีตำรวจไม่น้อย พี่ชายที่ใส่กุญแจมือให้ข้าเมื่อวาน เอาเบอร์โทรให้ข้าแล้ว ข้าจะโทรให้เขามาจับคน”“ข้าส่งตัวนักฆ่าให้พี่ชายผู้นั้นไปโดยตรง...”เย่มู่มู่ฟังแล้วต้องถอนหายใจ“กระถางนั่นเล่าเจ้าคิดว่าอย่างไร จะตกใส่หัวข้าหรือ?”“องศา นักฆ่าอย่างเราจะฝึกใช้อาวุธลับ มุมและองศาในการออกแรงเรามองออกในพริบตาเดียว เขามุ่งเป้ามาหาท่าน!”“กลิ่นคาวเลือดบนตัวเขาฉุนยิ่งนัก หาคนเช่นนี้บนถนนไม่พบ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 424

    “ก่อนหน้านี้เจ้าหมอนี่ชอบไปเที่ยวที่หอโคมเขียวบ่อย ๆ ไม่ใช่หรือ? ทำไมยังหน้าแดงอีกเล่า?”หลูซีมองหญิงสาวที่สวมกระโปรงสั้น เผยให้เห็นต้นขาขาวผ่องออกมา เขากล่าวอย่างกระวนกระวายว่า “ท่านเทพ ที่ต้าฉี่ไม่มีผู้ใดใส่เสื้อผ้าเช่นนี้ แม้จะเป็นขอทานก็ปิดมิดชิดทุกส่วน!”เย่มู่มู่ตอบกลับ “นั่นถือว่ายังมีจรรยาบรรณทางวิชาชีพทีเดียว”“แม้ท่านรัฐทายาทจะเป็นลูกผู้ดีมีเงิน ไปค้างคืนที่หอโคมเขียวบ่อย ๆ แต่เขาก็ไม่เคยค้างคืนกับหญิงสาวที่หอโคมเขียว...”“ฉะนั้น นี่เขายังซิงอยู่หรือ?”หลูซีไม่เข้าใจอะไรที่เรียกว่าซิง เขาเอียงศีรษะน้อย ๆ พลางครุ่นคิดแล่วเอ่ยขึ้นว่า “อืม เขาบอกว่าผู้หญิงที่หอโคมเขียวเองก็ไม่ง่าย หากเขาค้างคืนด้วย แล้วรู้ว่านี่คือคนของเขา ก็จะไม่มีขุนนางชั้นสูงและคนตระกูลชั้นสูงผู้อื่นมาซื้อ และอาจมารังแกพวกนางได้!”เย่มู่มู่อดไม่ได้ที่จะมองรัฐทายาทน้อยตรง ๆ “นับว่าเขาเป็นคนดีทีเดียว!”“แน่นอนอยู่แล้วขอรับ...เขาเองก็ปฏิบัติกับหน่วยกล้าตายไม่เลวเช่นกัน!”ทันใดนั้น หลูซีก็ยืนตัวตรงพร้อมกำดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังในมือแน่นสีหน้าเคร่งเครียด เขาแหงนหน้าขึ้นไป สายตาของนัยน์ตาดำขลับมองไปยังที่ที่

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 423

    “ทุกท่าน เพื่อให้อนาคตมีอาวุธที่หลอมจากเหล็กใช้ไม่ขาดมือ ต้องชิงที่แห่งนี้มาให้ได้!”“ข้าคิดจะชิงตัดแหล่งที่มาของอาวุธพวกเขา ก่อนจะโจมตีกองทัพธงเหลือง”“ต้องส่งคนกลุ่มหนึ่งไปเฝ้าติดตามทางนั้นก่อน หานายทหารที่ไหวพริบดี ชำนาญการซ่อนตัวไปไปบางส่วน”“ให้ซุนเฮ่อหาชาวบ้านที่เคยขุดเหมืองมาสักสองสามคน ขับรถไปพร้อมกัน เตรียมเสบียงอาหารให้เยอะขึ้นอีกหน่อย!”เหล่านายทหารได้ยินดังนั้น นี่คือภูเขาเหมืองแร่เหล็กที่กลั่นเหล็กกล้าเลยนะหัวเซี่ยผืนแผ่นดินใหญ่ มีกองทหารของแว่นแคว้นมากมาย ทว่ายังใช้อาวุธทองสัมฤทธิ์อยู่หากเอาภูเขาเหมืองแร่หินมาได้ ก็เท่ากับแหล่งที่มาของอาวุธที่มีให้ใช้ไม่ขาดมือต้องชิงที่นี่มาให้ได้จ้าวเฉียน สวีจื่อหลิง เฉินเซียนซง จางเฉา หลัวอวี๋...ต่างคุกเข่าลงในทันใดอยากจะขอคำสั่งบุกแม้อยู่ด้วยกันมาก็ช่วงหนึ่งแล้ว ทว่าอันที่จริงจ้านเฉิงอิ้นก็ไม่ได้เข้าใจนิสัยของบรรดาผู้นำทัพเยี่ยนมากมายนักเขามองไปที่เซี่ยเวย “แม่ทัพเซี่ยคิดว่าจะส่งผู้ใดล่วงหน้าไป?”เซี่ยเวยตอบ “ท่านแม่ทัพ ระเบิดโรงงานดินปืน ให้จางเฉานำคนไปเถิด เขาคุ้นเคยกับการสู้รบตอนกลางคืน หากเป็นตอนกลางคืนอัตราความส

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 422

    จ้านเฉิงอิ้นไม่ได้พูดตอบใด ๆเปลี่ยนไปจิตใจดีอะไรกัน เพียงแต่นึกไปถึงว่าหากต้าฉี่ต้องล่มสลาย เลยจะดึงเขามาเป็นพวกล่วงหน้าเท่านั้นหากมีไทเฮาคอยดูแลท่านแม่และบ้านน้องรองอยู่ในวัง เขาก็จะได้เบาใจไปสองสามส่วนจ้านเฉิงอิ้นกล่าวกับจวงเหลียงว่า “เจ้าเผยข่าวเรื่องที่ข้าถูกลอบโจมตี และได้รับบาดเจ็บหนักให้ไทเฮาทรงทราบเสีย”“แจ้งลงไป พักอยู่ที่ช่องเขาเป้าเสียสามวัน จนกว่าท่านเทพจะนำวัตุระเบิดมาไว้ในที่ว่างเปล่า แล้วค่อยออกเดินทาง”“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”*ตอนบ่ายเย่มู่มู่ไปยังพื้นที่ก่อสร้างท่ามกลางแสงแดดที่แผดเผาเธอเห็นรัฐทายาทน้อยที่เนื้อตัวเปื้อนไปด้วยโคลน กำลังเข็นรถเข็นสามล้อคันน้อยพร้อมออกแรงสุดชีวิตภายในรถเข็นคันน้อยใส่หินเอาไว้เต็มคันรถเขากำลังเข็นไปยังใต้กำแพงทั้งเหงื่อท่วมหัว จากนั้นก็ย้ายขึ้นไปกองยังชั้นสามทีละก้อน ๆก่อนจะเดินลงมาทั้งขากะเผลกตลอดทั้งทางอีกครั้งส้นเท้าถูกบดจนเลือดออก นิ้วเต็มไปด้วยตุ่มพอง“มั่วฝาน หลูซี...ไป ข้าจะพาพวกเจ้าไปทำซิมการ์ดกับบัตรธนาคาร!”ทั้งสองคนวางงานในมือลง แล้วรีบวิ่งมาทันทีบนใบหน้ามอมแมมไปหมด บนร่างกายเองก็ไม่มีจุดไหนที่สะอาดเช่นกัน

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 421

    ซ่งอวิ๋นฮุยรีบป้อนยาให้จ้านเฉิงอิ้น รอเขาสงบสติอารมณ์ลงเล็กน้อย ค่อยจับชีพจรต่อเขากล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ ต้องห้ามมีอารมณ์พลุ่งพล่านเกินไปเป็นอันขาด มันไม่ดีต่อการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของท่าน!”จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้า!ต่อต้านต้องต่อต้าน!ทว่าตอนนี้ต้องจัดการกองทัพธงเหลืองก่อนและต้องพาครอบครัวที่อยู่เมืองหลวงออกมาบัดนี้บิดามารดาของเฉินขุยเฉินอู่...และมารดา พี่ใหญ่ ทั้งครอบครัวพี่รองของเขา...ถูกขังอยู่ในวัง!จวนตระกูลจ้านยังมีท่านย่า น้องชายสี่ น้องหญิงห้า...ต้องพาทุกคนออกมาครอบครัวของนายทหารส่วนใหญ่ล้วนอยู่ที่เมืองหลวง ต้องลอบย้ายคนออกมาอย่างลับ ๆจ้านเฉิงอิ้นมองไปที่เฉินขุย เฉินอู่ เฉินจวิ้นหลินและซ่งตั๋ว...“เฉินขุย เฉินอู่ พวกเจ้าไปถามพวกทหารผ่านศึกว่า ผู้ใดยังมีครอบครัวอยู่ที่เมืองหลวงอีกบ้าง และทำบันทึกเอาไว้”“นายทหารที่ตายไปเหล่านั้นหากมีครอบครัวอยู่ที่เมืองหลวง ก็อย่าให้ตกหล่นเป็นอันขาด”“เฉินจวิ้นหลิน เจ้านำกองกำลังกองหนึ่งล่วงหน้าเข้าเมือง โยกย้ายครอบครัวออกมาจากเมืองหลวงอย่างลับ ๆ ก่อน ไม่จำเป็นต้องโยกย้ายจำนวนมาก นำคนออกจากเมืองชุดหนึ่งทุก ๆ สองสามวัน กระทั่งจะ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 420

    หลังจากกลุ่มคนจากไป จวงเหลียงก็หยิบพระราชโองการลับของไทเฮาออกมาไทเฮาทรงเขียนถึงมั่วฝาน เพียงแต่เขาไม่อยู่ จวงเหลียงจึงเปิดพระราชโองการออกด้านบนเขียนไว้ว่า แคว้นฉู่ แคว้นฉี แคว้นเยี่ยน เผ่าหมาน... ล้วนส่งสาส์นตราแผ่นดินมายังฮ่องเต้แคว้นต้าฉี่พวกเขามีเจตนาที่จะผูกมิตรไมตรีกับแคว้นต้าฉี่ยินดีลงนามในข้อตกลงหยุดสงครามเป็นเวลาห้าสิบปีพวกเขายินดีที่จะยกเมืองบางเมืองให้ เผ่าหมานส่งวัวและแกะมาถวาย...ข้อเรียกร้องเพียงข้อเดียวของข้อตกลงหยุดสงคราม เนื่องมาจากจ้านเฉิงอิ้นสังหารทหารของพวกเขาไปมากมายในเมื่อลงนามในข้อตกลงหยุดสงครามแล้ว จ้านเฉิงอิ้นก็ไร้ประโยชน์พวกเขาเรียกร้องให้ฮ่องเต้น้อยสังหารจ้านเฉิงอิ้นแล้วค่อยลงนามในข้อตกลงจ้านเฉิงอิ้นเห็นจดหมายลับฉบับนี้ โทสะก็ลุกโชน เส้นเลือดที่หลังมือปูดโปนเขาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อแคว้นต้าฉี่กองทัพตระกูลจ้านสองแสนนายของเขา บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน เหลือไม่ถึงสองหมื่นนายฮ่องเต้น้อยไม่เพียงแต่ไม่เลื่อนบรรดาศักดิ์ให้เขาผู้มีคุณูปการใหญ่หลวงแต่ยังแสดงเจตนาสังหารอย่างชัดเจน!ในจดหมายลับ ไทเฮากล่าวถึงฮ่องเต้น้อยทรงสนพระทัยการเจรจาสันติภ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status