Share

บทที่ 8

Author: มู่โร่ว
เมื่อพ่อได้ยินคำพูดนั้นก็โกรธเป็นอย่างมาก ไล่ญาติ ๆ ทุกคนออกจากบริษัท

แล้วก็จัดทำพินัยกรรมล่วงหน้า

ทรัพย์สินของเขา พี่น้องกับหลาน ๆ ไม่มีใครได้ไปสักสตางค์เดียว

พอพวกนั้นรู้ว่าไม่ได้อะไรจากพินัยกรรม พยายามโทรหาเย่มู่มู่ก็ไม่ติด ก็เลยเริ่มวนเวียนอยู่ที่หน้าหมู่บ้าน หวังจะเจอเธอ

เย่ซินไม่รู้ว่ารออยู่หน้าหมู่บ้านนานแค่ไหน จนสุดท้ายก็ดันเจอเธอที่กำลังจะออกไปข้างนอก

เขารีบพาผู้ชายวัยกลางคนมาพบเธอทันที

เย่มู่มู่ขมวดคิ้วถามเสียงเย็นชา “มีเรื่องอะไร?”

เย่ซินยิ้มอย่างกระตือรือร้น

“มู่มู่ เรามานั่งคุยกันหน่อย พี่จะแนะนำคนให้เธอรู้จัก คุณหวัง เขาเพิ่งหย่าเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้เป็นหนุ่มโสดสุดฮอตเลยนะ!”

“ดูสิ คุณหวังทั้งสุขุมและมั่นคง ภายนอกก็ดูภูมิฐาน เขาเป็นเจ้าของใหญ่ของหัวหวังกรุ๊ป...”

“เหมาะกับเธอที่สุดแล้ว!”

คุณหวังที่พูดถึงนั้นหัวล้านกลางศีรษะ พุงก็ใหญ่จนดูอ้วนกว่าปกติ ดูแล้วอายุมากกว่าพ่อของเธอเสียอีก

อายุอย่างน้อยก็คงห้าสิบห้าปีขึ้นไป

เขาสวมแหวนทองวงใหญ่ มืออ้วน ๆ ของเขาลูบคางแล้วมองเย่มู่มู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาหื่นกาม

เมื่อเห็นว่าเธอมีผิวขาวเนียน รูปร่างผอมเพรียว โดยเฉพาะใบหน้าเรียวเล็กที่มีริมฝีปากสีแดงระเรื่อและฟันขาวสะอาด ดวงตาดุจสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วง

ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือรูปร่าง เขาพอใจในตัวเย่มู่มู่เป็นอย่างมาก!

“เธอคือลูกสาวของเหล่าเย่ใช่ไหม ไม่คิดเลยว่าเขาจากไปแล้ว แต่ทิ้งลูกสาวแสนสวยขนาดนี้ไว้!”

“เอาล่ะ ฉันถูกใจเธอแล้ว คืนนี้ไปอยู่บ้านฉันเลยก็แล้วกัน”

“แม่ฉันไม่ชอบให้มีคนนอกอยู่ในบ้าน งานบ้านอย่างทำความสะอาด ซักผ้า ทำอาหาร...เธอต้องจัดการให้เรียบร้อย”

“ลูกชายฉันพาแฟนกลับมาบ้านทุกคืน เธอต้องคอยดูแลให้ดี ถ้าทำให้ลูกชายฉันโกรธ ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่!”

ชายแก่ที่อายุเกือบห้าสิบปลาย แก่จนใกล้จะลงโลงอยู่แล้ว กลับกล้าคิดจะแต่งคุณหนูผู้สูงศักดิ์อย่างเธอไปเป็นคนรับใช้

แถมยังต้องคอยดูแลทั้งครอบครัว รวมถึงแฟนของลูกชายเขาด้วย

เย่มู่มู่สบถออกมา “ประสาท!”

เธอหันหลังแล้วเดินจากไปทันที

เย่ซินกว่าจะได้เจอเย่มู่มู่นั้นไม่ง่ายเลย มีหรือจะยอมปล่อยให้เธอจากไปง่าย ๆ แบบนี้

เขาคว้าแขนเธอไว้ทันที ออกแรงบีบจนแทบจะทำให้กระดูกเธอแหลก

“มู่มู่ ปีนี้เธออายุยี่สิบแล้ว ถึงเวลาที่จะแต่งงานได้แล้ว พ่อกับย่าของฉันอุตส่าห์หาคนดี ๆ มาให้เธอ คืนนี้เธอก็ไปอยู่ที่บ้านเขาได้เลย”

“ตอนนี้พ่อแม่เธอตายแล้ว เรื่องการแต่งงานต้องให้ผู้ใหญ่จัดการ เงินค่าสินสอดก็ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เรื่องนี้เธอไม่มีสิทธิ์ขัดขืน!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย่มู่มู่ตวัดฝ่ามือตบหน้าเขาทันที

“พวกคุณทั้งบ้านคิดจะบังคับฉันเหรอ? บอกไว้เลยนะ ถ้าฉันโกรธขึ้นมา จะทำให้พวกคุณอยู่ในเมืองนี้ไม่ได้อีกต่อไป!”

เย่ซินเมื่อเห็นว่าเย่มู่มู่กล้าตบหน้าเขา แถมยังคิดจะหนี

เขามองเธอด้วยสายตาอำมหิต “ได้ พูดดีกับเธอดี ๆ แล้วไม่ฟังใช่ไหม แบบนี้ต้องใช้กำลังสินะ?”

เขาหันไปพูดกับคุณหวัง

“คุณหวัง จับตัวเธอไว้แล้วพากลับไปเลย เธอถือหุ้นของฟู่ลี่กรุ๊ปสามสิบหกเปอร์เซ็นต์ ถือว่าคุณได้ของดีแล้ว”

ประธานหวังที่ตอนแรกหมดความสนใจเพราะนิสัยของเธอ!

แต่พอได้ยินว่าเธอถือหุ้นฟู่ลี่กรุ๊ป ทั้งยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด

ทันใดนั้น ประธานหวังก็คว้าแขนอีกข้างของเย่มู่มู่ ตอนที่ทั้งสองคนเตรียมจะช่วยกันจับเธอมัดแล้วลากขึ้นรถนั้น...

บริเวณย่านการค้ามีตำรวจลาดตระเวนอยู่พอดี

ไม่นานก็มีรถตำรวจเข้ามาขวางพวกเขาไว้!

“พวกคุณทำอะไรกัน? กลางวันแสก ๆ ยังจะลักพาตัวผู้หญิงอีกเหรอ?”

ตำรวจลงจากรถอย่างรวดเร็วและจับทั้งสองคนไว้

ตำรวจคนหนึ่งถามเย่มู่มู่ด้วยความห่วงใย “คุณผู้หญิง คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”

เธอมองมือที่ถูกบีบจนเป็นรอยม่วงช้ำ น้ำตาคลออยู่ในดวงตา “ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ!”

ทั้งสองคนที่ถูกจับพยายามดิ้นรน ทั้งยังตะโกนแหกปาก

เย่ซินตะโกนว่า “เป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งหมด เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของผม ผมจะทำร้ายเธอหรือยังไง?”

คุณหวัง “ผมแค่จะนัดดูตัวกับเธอ ไม่มีเจตนาอื่นเลยครับ”

แต่ตำรวจไม่ฟังคำแก้ตัวของพวกเขา ทั้งสองถูกใส่กุญแจมือและจับกุมตัวไปแล้ว

เย่มู่มู่ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล ก่อนที่จะเข้ารับการตรวจ เธอขอตัวไปห้องน้ำ และเดินวนไปมาหลายสิบรอบในนั้น

หลังจากออกมาจากห้องน้ำ ร่างกายเริ่มโซเซ ยืนไม่มั่นคง รู้สึกเวียนหัวและตามัว อาเจียนออกมาหลายครั้ง

ผลตรวจร่างกายระบุว่าเธอมีอาการกระทบกระเทือนสมองอย่างรุนแรง ร่วมกับอาการเวียนหัวและอาเจียน ซึ่งจัดว่าเป็นการบาดเจ็บในระดับเบา!

เย่มู่มู่ถ่ายรูปผลตรวจร่างกายของตัวเอง จากนั้นก็ลบชื่อออกก่อนจะส่งให้กับนักข่าวท้องถิ่นที่กล้าหาญไม่ยอมจำนนต่ออำนาจเถื่อน

เธอให้ข่าวใหญ่กับเขาเรื่องหนึ่ง

บอสหวัง เจ้าของบริษัทหวังชางอินเตอร์เนชั่นแนล ลักพาตัวหญิงสาวกลางถนน บังคับพากลับไปกักขังในบ้าน!

มีทั้งสถานที่ที่เกิดเหตุและวิดีโอจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐาน

ในย่านใจกลางเมืองเต็มไปด้วยกล้องวงจรปิด นักข่าวสามารถตรวจสอบได้ง่าย ๆ ด้วยการค้นข้อมูลเพียงเล็กน้อย

หลังจากให้การเสร็จ เย่มู่มู่ก็รีบขับรถมุ่งหน้าไปยังถนนที่เป็นแหล่งรวมตัวร้านค้าเกี่ยวกับวัตถุโบราณในท้องถิ่น

เธอไม่เชี่ยวชาญเรื่องของโบราณนัก จึงต้องเข้าไปดูทีละร้าน

สังเกตขนาดของร้าน ดูความมั่งคั่ง และสายตาความเฉียบคมของเจ้าของร้าน…

ในร้านหนึ่งที่อยู่ในมุมเล็ก ๆ ไม่ค่อยโดดเด่น ในร้านมีชายชราคนหนึ่ง ใส่แว่นสายตายาวกำลังอ่านหนังสือพิมพ์

เมื่อเธอเดินเข้ามาในร้าน ชายชราเงยหน้าขึ้นมองเธอเพียงแวบหนึ่งก่อนจะกลับไปอ่านหนังสือพิมพ์ต่ออย่างสงบนิ่ง

เย่มู่มู่มองไปยังเครื่องประดับเพียงชิ้นเดียวบนชั้นวางของ

ชายชราถามเธอว่า “ชอบหรือ?”

เย่มู่มู่ส่ายหน้า “รูปแบบมันเป็นแบบโบราณ แต่เนื้อวัสดุไม่ใช่ทอง ดู ๆ ไปก็เหมือนของจริงอีก!”

มันเป็นสิ่งของที่ดูขัดแย้งกันอย่างมาก!

ชายชราวางหนังสือพิมพ์ลง พลันเกิดความสนใจถามขึ้นว่า “ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ?”

เย่มู่มู่ไม่ได้บอกว่าเธอมีเครื่องประดับที่คล้ายกันอยู่!

เธอนั่งลงตรงข้ามโต๊ะ “ที่นี่รับซื้อของโบราณไหมคะ?”

ชายชราขยับแว่นสายตาเล็กน้อย “ของอยู่ไหนล่ะ เอามาให้ฉันดูหน่อย!”

เย่มู่มู่หยิบกล่องเล็ก ๆ ออกมาแล้วเลื่อนไปตรงหน้าชายชรา

เมื่อเห็นว่ากล่องนั้นเป็นกล่องธรรมดาในแบบสมัยใหม่ ชายชราก็รู้สึกผิดหวังไปกว่าครึ่ง

แต่เมื่อเปิดกล่องออก เขาเห็นจอกสุราสามขาฝังอัญมณี ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างทันที

มือของเขาสั่นเล็กน้อยขณะหยิบจอกขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เขาตรวจสอบก้นจอก ละเอียดมองลวดลายมังกรพันรอบ ดูเนื้อทองคำและคุณภาพของอัญมณี

ขณะที่ตรวจสอบไปเรื่อย ๆ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้น

“นี่คือของที่มีอายุเกินสองพันปี ของดีนี่น่า! แม้แต่ในพิพิธภัณฑ์ใหญ่ ๆ ยังไม่มีเลย!”

“จอกสุราที่พบในยุคเดียวกันมักจะทำจากทองสัมฤทธิ์ ไม่ก็เครื่องเคลือบดินเผา หรือเหล็ก... แต่นี่เป็นจอกทองคำที่ทำด้วยเทคนิคการฝังอัญมณีและทำลายฉลุ นับว่ามีอายุมากที่สุดที่ฉันเคยเห็น”

“เดี๋ยวก่อน ที่ก้นจอกยังมีอักษรเขียนว่า ‘ของใช้ราชวงศ์ต้าฉี่!’”

ชายชราลุกขึ้นทันทีด้วยความตื่นเต้นจนแทบจะเสียสติ

น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “แคว้นต้าฉี่! ที่แท้แคว้นต้าฉี่มีอยู่จริง!”

“ในพงศาวดารไม่มีบันทึกไว้ แต่มีในตำนาน แคว้นต้าฉี่ดำรงอยู่เพียงห้าสิบปีเท่านั้น”

หัวใจของเย่มู่มู่กระตุกวูบเมื่อได้ยินคำว่า ห้าสิบปี!

นั่นหมายความว่า ในท้ายที่สุดหนิงกวนโหวตายหรือ?

และคนหนึ่งแสนในที่สุดก็ล้มตายในสงครามทั้งหมดหรือ?

ความอยากรู้อยากเห็นของเธอทวียิ่งขึ้น รีบถามชายชราทันทีว่า “จอกสุรานี้มีมูลค่าเท่าไหร่?”

ชายชรากางสองนิ้วออกมา

เย่มู่มู่ถามต่อ “สิบล้าน?”

ชายชราส่ายหัว

“หนึ่งพันล้าน?”

ชายชราก็ยังส่ายหัวอีกครั้ง

เย่มู่มู่เบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ “หมื่นล้าน!!!”

ชายชรายิ้มพลางพยักหน้า “หมื่นล้านถือว่าเป็นราคาประเมินขั้นต่ำ ของโบราณจากแคว้นต้าฉี่ไม่เคยปรากฏในประเทศมาก่อนเลย แคว้นนี้มีบันทึกอยู่ในตำนานว่าล่มสลายเพราะภัยพิบัติ ภัยมนุษย์ ภัยสงคราม และความวุ่นวายภายใน”

“แคว้นต้าฉี่เคยมีแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถเทียบเท่ากับก้วนจวินโหว ฮั่วชวี่ปิ้ง[1] ในตำนานนั้นมีแต่การพรรณนาถึงแคว้นต้าฉี่ในแง่ลบ ว่าขุนนางกังฉินครองอำนาจ ฮ่องเต้เป็นเพียงหุ่นเชิด ฝนแล้งลงโทษ ประชาชนทุกข์ยากแสนสาหัส!”

“แต่แม่ทัพผู้นี้ถูกยกย่องอย่างสูง ราวกับมังกรฟ้าลงมาจุติ!”

เย่มู่มู่รีบถาม “แม่ทัพคนนั้นชื่ออะไร?”

“จ้านเฉิงอิ้น เขาได้เป็นขุนนางชั้นหนึ่งและถูกแต่งตั้งเป็นหนิงกวนโหวตอนอายุเพียงยี่สิบปี แต่เขากลับเสียชีวิตเมื่ออายุแค่ยี่สิบเอ็ด หลังจากเขาตายไม่นาน แคว้นต้าฉี่ก็ล่มสลาย”

เคร้ง เสียงโทรศัพท์ของเย่มู่มู่หล่นกระแทกกับโต๊ะชาไม้ เธอตกตะลึงจนพูดไม่ออก

หนิงกวนโหว!

คนที่เรียกเธอว่าเทพเจ้า คนที่ส่งจดหมายสื่อสารกับเธอ คนที่มอบทองกองโตให้เธอ...คือหนิงกวนโหว!

จ้านเฉิงอิ้น!

[1] ก้วนจวินโหว หรือฮั่วชวี่ปิ้ง คือ แม่ทัพผู้มีชื่อเสียงในราชวงศ์ฮั่นตะวันตก หนึ่งในแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จีน เนื่องจากมีบทบาทสำคัญในการรบกับชนเผ่าซยงหนู
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Ttnun Puatrakul
fantacy and fun
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 9

    “ยัยหนู เธอคิดจะขายหรือไม่? จอกสุราปกติต้องมีเป็นคู่ ถ้าเธอมีครบคู่ ฉันจะเสนอราคาให้ถึงสองหมื่นห้าพันล้าน!”เย่มู่มู่รู้สึกเจ็บปวดในใจ เธอไม่อยากให้จ้านเฉิงอิ้นต้องมาตายตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้สองหมื่นห้าพันล้านเพียงพอที่จะเลี้ยงดูคนหนึ่งแสนคนได้แต่สำหรับให้ทหารสองหมื่นนายของเขาเอาชนะกองทัพคนเถื่อนสามแสนนาย คงไม่เพียงพอแน่!เย่มู่มู่กัดฟัน ก่อนจะหยิบจอกสุราอีกใบออกมา“ฉันมีสองใบ สองหมื่นห้าพันล้านน้อยเกินไป!”เมื่อผู้อาวุโสมู่มองเห็นว่าเย่มู่มู่มีจอกสุราครบทั้งสองใบจริง ๆ เขาก็ดีใจมากจนทำแว่นตาหลุดมือที่สั่นเทาของเขารีบหยิบจอกขึ้นมา ตรวจสอบด้วยแว่นขยายเขาตื่นเต้นจนริมฝีปากสั่นระริก “ใช่แล้ว ใช่เลย! นี่คือจอกสุราคู่ที่สภาพสมบูรณ์ และยังคงงดงามเป็นอย่างยิ่ง!”“เธอต้องการเท่าไหร่?”เย่มู่มู่ตอบว่า “ฉันต้องการเงินสด และราคาต้องถึงขีดสูงสุด”ผู้อาวุโสมู่เบิกตากว้าง “เธอต้องการสามหมื่นล้านเหรอ?”เย่มู่มู่พยักหน้าเขาเริ่มลังเลแล้ว!เมื่อเย่มู่มู่เห็นเช่นนั้น ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง “ถ้าคุณไม่มีปัญญาจ่าย ฉันไปถามร้านข้าง ๆ ก็ได้!”เธอลุกขึ้นเตรียมเก็บจอกสุราคืนแต่ผู้อาวุโสมู่

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 10

    เย่มู่มู่ขับรถไปถึงตลาดสด และมองหารถบรรทุกขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกได้ถึงสามสิบตันเธอบอกว่าจะซื้อของบริจาคเพื่อส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย!ไม่ว่าจะเป็น ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ผักกวางตุ้ง ผักกาดเล็ก หัวไชเท้า แครอท มันเทศ มันฝรั่ง และข้าวโพด…เธอเหมาผักหมดทั้งตลาดแล้วพ่อค้าแม่ค้าผักเห็นเธอซื้อของมากขนาดนี้ ต่างรีบกรูเข้ามาล้อมเธอ พร้อมเสนอลดราคาขายให้เธอในราคาถูกกว่าปกติ!เย่มู่มู่ซื้อของทั้งหมดในตลาดสดจนเกลี้ยง พร้อมจ้างรถบรรทุกสองคันจากนั้นเธอก็จัดหาคนมาช่วยขนของขึ้นรถ พร้อมให้ที่อยู่ของโกดังกับคนขับรถบรรทุก ให้พวกเขาขนของไปที่โกดังคุณลุงที่ดูแลโกดังอยู่ทั้งวันก็ยังคงเฝ้าประตูตามปกติหลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ เย่มู่มู่จึงเดินทางไปร้านขายยาไม่ว่าจะเป็นผ้าก๊อซ แอลกอฮอล์ล้างแผล แหนบ คีม มีดผ่าตัด กรรไกร และไหมเย็บแผลเธอซื้อมาอย่างครบครันรวมถึงเข็มฉีดยา กระบอกฉีดยา ยาปฏิชีวนะ ยาห้ามเลือด และยาแผนตะวันตกอื่น ๆ ก็ซื้อไปหมดนอกจากนี้ยังมียาแผนจีนแบบสำเร็จรูป เช่น อวิ๋นหนานไป๋เย่า[1] ยารักษาอาการฟกช้ำ ยาห้ามเลือดต่าง ๆ ยาลดการอักเสบ และยาช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อ…เธอแวะร้านขายสมุ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 11

    จ้านเฉิงอิ้นยืนเฝ้าข้างแจกันไม่ห่างฉับพลันนั้นน้ำก็หยุดไหล เขาลุกขึ้นเดินไปหยุดยืนข้างแจกัน เห็นกระดาษสีขาวโปรยลงมาอักษรคมกริบ จดจำได้ง่ายเพียงแต่อักษรเหล่านี้ขาดแขนและขา จ้านเฉิงอิ้นอ่านปะติดปะต่อกันก็เข้าใจท่านเทพยาดากล่าวว่า ส่งยามาหนึ่งชุด!ยาหรือ!!!หากมียา ทหารน้อยซ่อมเกือกม้าเป็นก็จะรอดชีวิตแล้วประชาชนในเมืองอาจไม่ต้องหิวตาย เพราะขาดน้ำและอาหารร่างกายจึงย่ำแย่ แค่อาการหวัดเล็กน้อยก็สามารถคร่าชีวิตคนได้หากมียา ทหารห้าพันนายที่ตายไปในสมรภูมิครั้งก่อน อย่างน้อยก็คงช่วยชีวิตได้ครึ่งหนึ่ง!จ้านเฉิงอิ้นกำกระดาษไว้แน่น น้ำใส ๆ รื้นขอบตา เพียงส่งอาหารและน้ำมาก็เป็นความปรารถนาสูงสุดของเขาแล้วนึกไม่ถึงว่าท่านเทพยดาถึงขั้นส่งยามาให้ด้วยสิ่งที่กองทัพตระกูลจ้านขาดแคลนก็คือยา!จ้านเฉิงอิ้นน้ำเสียงแหบพร่า เอ่ยเสียงสะอื้นว่า “เถียนไท่ เรียกหมอทหารทุกคนมาที่นี่”เถียนไท่กับทหารนายอื่นได้ยิน ก็พลันลุกขึ้น รายล้อมเขาด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน“ท่านแม่ทัพ ท่านเทพยดาส่งยามาแล้วหรือขอรับ?”“จริงหรือขอรับ? หากมียา ทหารที่ได้รับบาดเจ็บอีกหลายร้อยคนในค่ายก็ไม่ต้องรอความตายอีกแล้ว!”“บา

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 12

    เขาหยิบผ้าพันแผลที่อยู่บนพื้นขึ้นมา ยังมีสำลีฆ่าเชื้อ เข็มฉีดยา น้ำยาฆ่าเชื้อเตี่ยนฝู[1]…และมีอุปกรณ์ผ่าตัดนานาชนิด ทั้งมีดผ่าตัด คีมผ่าตัด…เขาตื่นเต้นจนพูดไม่เป็นประโยค “ท่านแม่ทัพ นะ นี่มันยาฆ่าเชื้อ ใช่…?”จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้าให้เขาซ่งอวิ๋นฮุยกำคีมผ่าตัดในมืออย่างตื้นตันจนไม่อาจบรรยาย!ท่านเทพยดามอบให้แก่พวกเขาท่านเทพยดาไม่เพียงส่งยามาให้ ยังส่งวิทยาการด้านการแพทย์ที่ล้ำยุคมาให้ด้วยคีมผ่าตัด กรรไกรผ่าตัด…เครื่องมือเหล่านี้ประณีตกว่าของในสำนักหมอหลวงหลายเท่า!จ้านเฉิงอิ้นมอบหนังสือ ‘คู่มือหมอเท้าเปล่า’ ให้ซ่งอวิ๋นฮุยหนึ่งเล่มเขาเปิดอ่านอย่างไม่รีรอ เห็นในตำรามีเทียบยาที่เอาไว้ใช้รับมือกับโรคระบาด ก็พลันดีใจอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง“ท่านแม่ทัพ มีเทียบยาที่เอาไว้ใช้รักษาโรคระบาดต่าง ๆ อยู่ด้วย! มีตำราเล่มนี้อยู่ หมอในแคว้นต้าฉี่ก็ไม่ต้องปวดหัวกับโรคระบาดอีกแล้ว!”จ้านเฉิงอิ้นยิ้มตอบ “หมอทหารซ่ง ท่านนำกลับไปศึกษาเสีย ยังมียาเหล่านี้อีก มีวิธีใช้เขียนติดอยู่บนถุง”ด้วยกลัวว่าเขาจะไม่รู้อักษร จึงได้มอบตารางโครงสร้างส่วนประกอบอักษรแบบใหม่ให้เขาด้วยส่วนหมอทหารที่เหลือ ก็ได้ร

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 13

    เฉินขุยเห็นจ้านเฉิงอิ้นสีหน้าไม่ค่อยดีนัก จึงถามอย่างเป็นห่วงว่า “ท่านแม่ทัพ ทางเมืองหลวงส่งข่าวอันใดมาหรือขอรับ?”จ้านเฉิงอิ้นยื่นจดหมายให้เขาเขาคลี่จดหมายออก ขณะที่นายทหารที่เหลือเองก็รุมล้อมเข้ามาดูด้วยเห็นเพียงข้อความหนึ่งเขียนไว้ว่า ‘ปกป้องสุดชีวิต’!เฉินขุยสบถออกมาด้วยความเดือดดาล “เดิมทีพวกข้ามีทหารหนึ่งหมื่นนาย ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่ร้อย ไม่ส่งอาหารส่งน้ำมา ไม่ส่งกำลังเสริมมาไม่พอ มิหนำซ้ำยังสั่งให้ปกป้องเมืองไว้สุดชีวิตอีกงั้นเรอะ!”“นี่เท่ากับสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปตายไม่ใช่หรือ?”อู๋ซานหลางขมวดคิ้วมุ่น “ท่านแม่ทัพ ไม่มีกำลังเสริมแล้วจริงหรือขอรับ?”ถึงแม้พวกเขามีเสบียงแล้ว แต่ทหารสองหมื่นนายจะทัดทานทหารสามแสนนายจากเผ่าหมานได้อย่างไร!หากเรื่องที่พวกเขามีเสบียงอาหารและน้ำแพร่งพรายออกไป เผ่าหมานจะต้องบุกรุกเข้ามายึดเมือง แย่งเสบียงอาหารทั้งหมดไปเป็นแน่บรรยากาศอึดอัดและตึงเครียดจนถึงขีดสุด!เฉินขุยเอ่ยต่อว่า “กองทัพหนึ่งแสนนายของแม่ทัพสวีหวยก็อยู่ห่างจากด่านเจิ้นกวานเพียงไม่กี่ร้อยลี้ เหตุใดฮ่องเต้น้อยจึงไม่มีราชโองการให้เขามาช่วยเหลือ หรือจะมองดูด่านเจิ้นกวนถูก

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 14

    พวกเขาเลียนแบบนายกองจ้าวจง พากันยกหัวไชเท้าแดงขึ้นมาลองกัดอย่างระมัดระวังหนึ่งคำจากนั้นก็เบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ มีรสชาติหวานจริง ๆ!พวกเขากลืนกินหัวไชเท้าแดงหมดภายในไม่กี่คำ ถึงขั้นไม่ทันได้เคี้ยวให้ละเอียดด้วยซ้ำหลินต้าจวินเห็นพวกเขากินหมดแล้ว จึงกำชับพวกเขาว่า “เบาเสียงหน่อย ย้ายเสบียงไปที่ค่ายทหารก่อน!”พวกเขานำข้าวสารหนึ่งถุงใส่ตะกร้าก่อน จากนั้นก็ทับด้วยน้ำมันหนึ่งถัง แป้งสาลีหนึ่งถุง ตามด้วยเกลือทำอาหารอีกจำนวนหนึ่ง ปิดท้ายด้วยการวางผักกาดขาว และกะหล่ำปลีครั้นเห็นช่องว่างในตะกร้าก็เสียบมะเขือยาว มะเขือเทศและหัวไชเท้าแดงแซมเข้าไป…ตะกร้าไผ่กว้างมาก ทว่าพวกเขาก็ยังคงใส่ของมากเกินจนทำให้ปากตะกร้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยแต่พวกเขาไม่มีเวลาสนใจแล้ว ค่ายทหารอยู่ห่างจากค่ายทหารถึงสองลี้ ประตูด้านหลังมีเกวียนจอดอยู่ด้านนอกเกวียนหนึ่งเล่มสามารถใส่ตะกร้าได้สี่ตะกร้าพวกเขาใส่ของเต็มเกวียนสี่เล่ม อาศัยกำลังคนในการลากทั้งสิ้นในค่ายทหารมีม้า ทว่าม้าล้วนหิวจนผอมเหลือแต่กระดูก บางตัวก็ลุกไม่ไหว จึงทำได้เพียงอาศัยแรงคนเท่านั้นเพื่อปกป้องทรัพยกรชุดนี้ เฉินขุยกับหลินต้าจวินควบคุมการข

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 15

    หลังผ่านไปครึ่งชั่วยาม จ้านเฉิงอิ้นได้รับถังทรงกลมขนาดใหญ่ที่มีตราสแตนเลสเกรดอาหารสามศูนย์สี่ประทับอยู่ถึงหนึ่งร้อยใบความใหญ่ของถังนั่นเทียบได้กับอ่างอาบน้ำทีเดียวหนำซ้ำยังใช้แต่เหล็กเนื้อดี ไม่ ทำมาจากเหล็กกล้าชั้นดีต่างหากผิวเหล็กเรียบลื่นจนเห็นเงาสะท้อนของคน ไม่มีรอยบุบแม้แต่น้อยวิทยาการในการผลิตล้ำยุค ทั่วทั้งแคว้นต้าฉี่ หรือแม้แต่ทั่วทั้งแผ่นดินหัวเซี่ย ล้วนหาฝีมือแบบนี้ไม่ได้ยังมีถาดทรงสี่เหลี่ยมอีกสามร้อยใบ ล้วนมีวัสดุเหมือนกันเหล่านายกองเห็นก็อดอุทานด้วยความแปลกใจไม่ได้เฉินขุยยกถังใหญ่ใบหนึ่งในนั้นขึ้นมา “ท่านแม่ทัพ หนักมาก หากนำเหล็กกล้าชั้นดีเยี่ยงนี้มาตีเป็นอาวุธ จะต้องตัดเหล็กได้ดุจดินเหนียว และมีกำลังต่อสู้เพิ่มขึ้นหลายเท่าเป็นแน่!”“ท่านเทพยดาถึงขั้นใช้ถังเหล็กกล้าเช่นนี้มาทำอาหาร ช่างเสียของจริง ๆ!”เหล่าทหารต่างก็รู้สึกเสียดายอย่างมากหากนำมาผลิตเป็นอาวุธจะดีสักแค่ไหนกันตอนนี้หัวหอกส่วนใหญ่ของเหล่าทหารล้วนทำมาจากทองสำริด ทองสำริดแข็งและคมสู้เหล็กกล้าไม่ได้อยู่แล้วซ่งตั๋วดูแลคลังอาวุธ ขอเพียงท่านแม่ทัพมีคำสั่ง เขาก็สามารถหาคนมานำอุปกรณ์เหล่านี้หลอมแล

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 16

    แต่เมื่อเห็นอาหารปรุงสำเร็จเหล่านี้ เขาก็รู้สึกว่าชีวิตของเขาก็แค่นี้เอง ไม่ว่าจะเป็นอาหารจานไหน ไม่ต้องพูดถึงพ่อครัวของจวนแม่ทัพ ต่อให้เป็นพ่อครัวทั้งใต้หล้านี้ก็ไม่แน่ว่าจะจำส่วนผสมได้ทั้งหมด จ้านเฉิงอิ้นเอ่ย: “เก็บไว้ให้แม่ทัพหลินและแม่ทัพเฉินขุยหนึ่งชุด ส่วนที่เหลือก็ให้ทุกคนได้กินด้วยกัน” เมื่ออาหลี่ได้ยินเช่นนั้น เขาก็หยิบอาหารสองจานออกมา และเก็บข้าวไว้สองชาม! ขณะทุกคนกำลังถือชามและตะเกียบอยู่ในมือ เตรียมจะเริ่มกินนั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากนอกประตู “ท่านแม่ทัพ เสบียงถูกผู้ลี้ภัยปล้นไปแล้ว” ทันใดนั้น จ้านเฉิงอิ้นก็วางตะเกียบในมือลงและลุกขึ้นยืน นายทหารทั้งแปดวางชามและตะเกียบลง แล้วรีบเดินไปที่ประตูพร้อมกับแม่ทัพ นายทหารน้อยที่มาดูเหมือนจะอายุประมาณสิบกว่าปี ใบหน้ายังเหมือนเด็กอยู่ แขนของเขาได้รับบาดเจ็บ และมีเลือดไหลออกมา เขาพูดด้วยเสียงสั่นเทา: “ผู้ลี้ภัยกว่าร้อยคนสกัดกั้นเสบียงไว้ที่ท้ายตรอก แม่ทัพหลินยากที่จะก้าวเดินต่อไป แม่ทัพเฉินขุยสกัดกั้นอยู่ด้านหลัง มีทหารที่ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย” เมื่อจ้านเฉิงอิ้นได้ยินเช่นนี้ เขาก็สวมชุดเกราะและหยิบอาวุธ

Latest chapter

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 580

    ทหารเพิ่งเข้ามาในทัพ ยังไม่เคยผ่านการฝึกฝนระบบทางการ จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไร?สิ่งที่เขาต้องจัดการก็คือ ทหารผ่านศึกที่ผ่านมาร้อยสนามรบ มีประสบการณ์ที่จ้านเฉิงอิ้นพาออกมาจากด่านเจิ้นกวน อีกอย่างคือ ห้าหมื่นคนที่เซี่ยเวยนำไปยังแคว้นเยี่ยนที่สายของเขากล่าวในสาส์นลับ...ขอเพียงเขาไปขอให้ฮ่องเต้ต้าฉี่โยกย้ายกองทัพตระกูลจ้านแม้ฆ่าจ้านเฉิงอิ้นไม่ได้ ก็ยังทำให้เมืองหลวงต้าฉี่ว่างลงได้เขาแบ่งส่วนหนึ่งขึ้นเหนือ แล้วเอาเมืองหลวงที่ว่างลงมาโค่นล่มการปกครองของราชวงศ์ต้าฉี่!เขาแบ่งเป็นสองทางการจู่โจมจ้านเฉิงอิ้นไม่ใช่เป้าหมายหลัก เป้าหมายหลักก็คือการโจมตีเมืองหลวง ตั้งตนเป็นฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์สูงสุดทว่าตอนนี้...บางทีผู้นำใต้บัญชาของเขาอาจเข้าเมืองหลวงได้สำเร็จแต่เขาอาจจะไม่มีชีวิตรอดเขาประเมินจ้านเฉิงอิ้นต่ำเกินไปไม่คิดเลยว่าเขาจะรอจังหวะบุกโจมตี และซื้อตัวกองทัพลู่เจ๋อซื้อตัวหยางชิงเหอที่สมควรตายที่สุดก็คือ หยางชิงเหอผลิตปืนใหญ่ออกมา!ตอนนี้จะทำเช่นไร?เขาถูกองครักษ์ปกป้องเอาไว้ตรงกลาง หลีกเลี่ยงการเหยียบย่ำฝูงชน หลบไปทางที่คนน้อย ๆเขา จะได้อยู่ที่นี่ไม่ไ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 579

    เสียวอู่วางหน้าไม้ราชวงศ์ฉินลง เขายิงลูกศรสองดอกออกไปพร้อมกัน เรี่ยวแรงแข็งแกร่งไม่เท่าพี่หวังเซิ่ง เล็งเป้าบิดเบี้ยว...ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทัพใหญ่เจ็ดแสนก็ถูกทำให้ตกใจกลัวและหลับไปทั้งอย่างนี้เขาพลันเลื่อมใสในตัวแม่นางหยางผู้นี้ขึ้นมาวิธีนี้ของแม่นางหยาง ไม่เพียงช่วยกองทัพตระกูลจ้านเอาไว้ได้ แต่ยังช่วยชาวบ้านรอบ ๆ ไปด้วย...และยังดึงสุดยอดโรงงาน ภูเขาเหมืองกลับมา บุกเบิกที่หลายพันหมู่รอบ ๆชาวบ้านไม่ต้องเร่ร่อนไปทั่วอีกต่อไปสายตาของหยางชิงเหอมองไปที่เสียวอู่ “ยิงหน้าไม้ราชวงศ์ฉินได้ไม่เลวนี่ ข้าจะบอกกับท่านแม่ทัพใหญ่ ให้เขาตบรางวัลให้เจ้า!”พูดจบ หยางชิงเหอก็หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา แล้วเปิดช่องสื่อสาร“เห็นหรือไม่ พวกเขาถอยทัพแล้ว สกัดกั้นตอนนี้ยังทัน...”วินาทีถัดมาก็ได้ยินจ้านเฉิงอิ้นตะโกนขึ้นว่า “เตรียมหิน ผลัก...”หลังจากนั้นก็มีเสียงชาวบ้านพร้อมใจกันผลักดันแว่วดังขึ้นมาจากในวิทยุสื่อสารเสียงหินภูเขากลิ้งตกปนกับเสียงระเบิดเป็นบรรดาระเบิดกระบอกไม้ไผ่ที่ซื่อเมิ่งผลิตออกมาเมื่อวาน ตอนนี้ส่งไปใช้ในสนามรบหลังจากนั้น เสียงเข่นฆ่านานาชนิดก็แว่วดังขึ้นมา*บนเขา จ้านเฉ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 578

    ทัพใหญ่หยุดชะงักในฝูงชนแหวกออกเป็นทางขึ้นมาเส้นหนึ่งกองทัพธงเหลืองครั้นได้ยินว่าไม่ต้องทำศึกแล้ว ทั้งหมดก็ปกปิดรอยยิ้มแล้วออกไปตามมู่ฉีซิวพร้อมกันพวกเขาเป็นเพียงกองกำลังกบฏ แม้กองทัพตระกูลจ้านจะมีเพียงห้าหมื่นคนแต่ ได้ยินมาว่าอุปกรณ์สวมใส่ของกองทัพตระกูลจ้านดี!อาวุธของกองทัพตระกูลจ้านแหลมคมกองทัพตระกูลจ้านมีดินระเบิดที่มีพลานุภาพสูง...วันนี้นับว่าได้เห็นจะ ๆ กับตาแล้วดินระเบิดสองครั้ง ระเบิดพวกเขาไปยี่สิบกว่าคน หากตกลงท่ามกลางผู้คน คงจะระเบิดตายเป็นเบือมากขึ้นหากรู้ พวกเขาไม่ได้แตะกระทั่งชายเสื้อของกองทัพตระกูลจ้านผู้นำจะถอยทัพพวกเขาอยากรีบถอยทัพใจจะขาดพวกเขาทำเพื่อประทังชีวิตเท่านั้น เพื่อให้ได้มีชิวิตอยู่ในกลียุค ก็ล้วนเสียดายชีวิตมากทั้งสิ้น!ทหารเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยเห็นกองทัพธงเหลืองของมู่ฉีซิวไปแล้ว ต่างก็พากันมองไปที่หลัวซู่ม่อเป่ยอ๋อง...พวกเขาล้วนมีปมในใจเพราะดินระเบิดแล้ว!เมื่อครู่ยิงกระสุนปืนใหญ่มาสองครั้ง ทั้งหมดล้วนล้มตัวนอนลง พลางใช้สองมือกอดหัว หลบอยู่เบื้องหลังสิ่งกำบังความกลัวที่พวกเขามีต่อดินระเบิด ก่อตัวเป็นเงื่อนไขการตอบสนองกลับ มีการตอบส

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 577

    ครั้นมู่ฉีซิวเห็นภาพนี้ นัยน์ตาก็สั่นเครือ เขาหันหัวม้า แล้วตะโกนกับอีกสามคนว่า“วิ่ง วิ่งเร็วเข้า สู้ไม่ไหว...”“พวกเขามีปืนใหญ่!”พูดจบเขาก็ควบม้าเผ่นแนบออกไปองครักษ์อย่างไม่คิดชีวิตเขาเพิ่งหนีออกไปได้ไม่ถึงยี่สิบเมตร หินก้อนใหญ่ตรงที่ยืนเมื่อครู่ ก็เกิดเสียงอึกทึกตึงตังหินก้อนใหญ่พลันระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระเด็นออก แตกกระจัดกระจายร่วงลงมานายทหารนับสิบที่ยืนอยู่ตรงนั้นถูกระเบิดได้รับบาดเจ็บหลายคนถูกระเบิดตายคาที่!ทว่าครั้นหลัวซู่ม่อเป่ยอ๋องเห็นภาพนี้ มือที่กุมบังเหียนอยู่ก็กำขึ้นเป็นหมัด เส้นเลือดดำที่หลังมือปูดขึ้นมาภาพนี้ เขาคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่งทัพกองกำลังหลักม่อเป่ยของเขา ก็พ่ายแพ้ให้กับดินระเบิดของกองทัพตระกูลจ้านตอนนี้ไม่คิดเลยว่าดินระเบิดของพวกเขาจะยกระดับแล้ว สามารถใช้อุปกรณ์ติดตั้งทำให้เกิดการลุกไหม้ได้ตลอดเวลา มิหนำซ้ำยังกำหนดจุดระเบิดได้อีกด้วยมู่ฉีซิวเองก็เกือบถูกระเบิดตายแล้วหากเขาช้าไปอีกก้าวหนึ่ง...ต้องถูกระเบิดตายอย่างแน่นอน!แม้ว่าตอนนี้ เหล่าองครักษ์ของเขาจะช่วยเขาสกัดกั้นควันหลงของดินระเบิดมีองครักษ์ถูกระเบิดตายส่วนหลังของเขาเต็มไป

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 576

    กระบอกไม้ไผ่สิบกว่าอัน ใหญ่กว่าที่ทำเมื่อวานหนึ่งเท่าหยางชิงเหอเห็น ก็เป็นกังวลเล็กน้อย“ไม่แน่ว่าจะใส่หน้าไม้ราชวงศ์ได้!”หวังเซิ่งกล่าว “ข้าขอลองหน่อย!”เขาใช้สายสองเส้นตรึงกระบอกไม้ไผ่ก่อนยิงออกไป ดึงสายจุดไฟ...ครั้นยิงหน้าไม้ออกไป...มู่ฉีซิว เยี่ยนซวี่ แม่ทัพลั่ว หลัวซู่ม่อเป่ยอ๋องทุกคนอยู่หน้าสุดของกองกำลังพวกเขาเพิ่งเดินมาถึงใต้หุบเขาแห่งหนึ่ง...ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงอึกทึกดังตูมเสียงหนึ่งจู่ ๆ บนยอดเขาก็มีเสียงระเบิดดังอึกทึกหลังจากนั้น ม้าก็อยากวิ่งหนีไปทุกทิศทุกทาง ราวกับตกใจทว่าวินาทีถัดมา ก็มีหินก้อนมหึมากลิ้งตกลงมาจากบนยอดเขาเนื่องจากหลุมลึกที่เกิดจากการระเบิด ทำให้หินผุกร่อนกลิ้งตกลงมาอย่างต่อเนื่องม้าของทหารม้าด้านหน้า วิ่งเตลิดไปคนละทิศคนละทาง เหยียบทหารไปไม่น้อยส่วนทหารที่อยู่เบื้องหลัง ครั้นเห็นดังนั้นก็รีบถอยหลังคนที่อยู่ด้านหน้าถอยหลัง คนที่อยู่ด้านหลังเบียดไปด้านหน้า การเดินหน้าของทัพใหญ่พลันเข้าสู่การชะงักหลัวซู่ม่อเป่ยอ๋องรีบรั้งบังเหียน พร้อมตะโกน “ทุกคนทำให้ม้าสงบ สงบสติ...”เมื่อเยี่ยนซวี่ได้ยินเสียงแสนคุ้นเคยนี้ สีหน้าก็ซีดเผือด

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 575

    จ้านเฉิงอิ้นและเหล่าผู้นำ ทั้งหมดต่างยืนอยู่บนสิ่งปลูกสร้างที่สูงที่สุด ใช้กล้องส่องทางไกลมองไปพื้นที่ราบใต้ยอดเขาสองสามแห่ง เต็มไปด้วยผู้คนแน่นขนัดทัพใหญ่เจ็ดแสนนาย ยาวเหยียดเป็นกิโลเมตร มองไม่เห็นที่สิ้นสุดพวกเขาล้วนสวมชุดเกราะ มือถืออาวุธ บุกโจมตีเข้ามาทางฐานที่มั่นของกองทัพตระกูลจ้านส่วนกองทัพตระกูลจ้านที่เมื่อคืนเหน็ดเหนื่อยมาทั้งคืน และพวกชาวบ้าน ทุกคนสะดุ้งตื่นเพราะเสียงอึกทึกพวกเขาเพิ่งนอนได้ยังไม่ถึงสองชั่วยาม เบิกตาสะลึมสะลือพลางลนลานสวมชุดเกราะ พกอาวุธติดตัว และถูกผลักไปบนสนามรบอันโหดร้ายทั้งอย่างนี้หยางชิงเหอคิดไม่ถึงว่า มู่ฉีซิวจะบุกโจมตีเข้ามาจริง ๆคนของเขาต้องยังไม่ถึงเมืองหลวงเป็นแน่ก้าวนี้ของเขา เป็นการเสี่ยงอันตรายเพราะเข้าตาจนจ้านเฉิงอิ้นมองทัพศัตรูที่ทอดสายตามองไปไม่เห็นจุดสิ้นสุด พลางถามหยางชิงเหอ “เจ้าบอกว่า เมื่อมู่ฉีซิวเห็นกระบอกเหล็กเหล่านี้จะถอยทัพ!”หยางชิงเหอพยักหน้า “ใช่!”“หากเป็นเมื่อวาน มีความเป็นไปได้เพียงหกส่วน เช่นนั้นวันนี้มีความเป็นไปได้เก้าส่วนที่จะถอยทัพ!”เนื่องจากทัพกองกำลังหลักของมู่ฉีซิวไม่ได้มา กำลังอยู่ระหว่างทางไปเมืองห

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 574

    “ขอรับ ท่านแม่ทัพ ข้าคลุกคลีอยู่กับกองทัพธงเหลืองมากที่สุด ในค่ายทหารเลื่อนขั้นเร็วที่สุด พวกเขาเป็นล่อหรือเป็นม้า ในใจข้ารู้ดีที่สุด”เมื่อเป็นเช่นนี้ จ้านเฉิงอิ้นจึงกล่าวว่า “เฉินอู่ หวังเซิ่ง ฟังคำสั่ง พวกเจ้าสองคนนำทหารผ่านศึกห้าหมื่นนาย นั่งรถไปห้าร้อยคัน ด้านล่างบรรทุกสิ่งของและยุทธภัณฑ์ ด้านบนให้คนนั่ง สกัดกั้นกองทัพธงเหลืองให้ได้!”“หากวันนี้พวกเขาไม่โจมตีเมือง คืนนี้ก็คุ้มกันพวกเจ้าออกเดินทาง!”“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”เฉินขุยกล่าวขึ้นด้วยความสงสัย “แต่ว่าท่านแม่ทัพ เราเพิ่งจะมีรถเพียงสองร้อยคันเท่านั้น!”“ท่านเทพบอกไว้ว่าจะส่งมาคืนนี้...”ครั้นสิ้นเสียง ก็มีกระดาษขาวใบหนึ่งลอยลงมาจากปากแจกันเถียนฉินหยิบขึ้นมาส่งให้จ้านเฉิงอิ้นเห็นเพียงในนั้นเขียนไว้ว่า “จ้านเฉิงอิ้น ส่งรถบรรทุกที่เหลือสามร้อยคันไปแล้ว”“รถบรรทุกน้ำมันหามาได้แค่ยี่สิบคัน ประหยัดหน่อยนะ!”“อีกยี่สิบนาทีจะส่งมา!”จ้านเฉิงอิ้นพลันฉีกยิ้มดูสิ ท่านเทพไม่มีทางผิดคำพูดเป็นอันขาดหยางชิงเหอมองกระดาษแผ่นนั้นทีหนึ่ง ก่อนจะพึมพำขึ้นมาประโยคหนึ่ง “คุณหนูเย่ผู้นี้ ช่างดีกับท่านแม่ทัพใหญ่ยิ่งนัก!”เมื่อมั่วฝานได

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 573

    มู่ฉีซิวฉีกยิ้มพลางทำท่าคารวะ “คำยินดีของเยี่ยนอ๋อง ข้ารับไว้ก่อนแล้ว!”“ฉะนั้น ไม่เห็นจำเป็นต้องแตกหักกับม่อเป่ยอ๋องเลย มา ข้าจะไปไกล่เกลี่ยให้ ท่านกับม่อเป่ยอ๋องยิ้มแย้มให้กันความขุ่นเคืองก็ลืมมันไปเถิด!”มู่ฉีซิวกล่าวจบ ก็โน้มน้าวเยี่ยนซวี่กลับไปแต่เยี่ยนซวี่ไม่กระดุกกระดิก กลับกันยังถามเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมอีกด้วย“เจ้าจะยังโจมตีจ้านเฉิงอิ้นหรือไม่?”“โจมตี โจมตีอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นข้าจะอุตส่าห์ตรากตรำเชิญทุกท่านมาที่นี่ทำไม!”เยี่ยวซวี่ถึงถูกมู่ฉีซิวโน้มน้าวกลับไปพวกเขาเข้าไปในกระโจม อากาศยานไร้คนขับไม่สามารถถ่ายภาพต่อจากนี้ได้ มองอะไรไม่เห็นหลังภาพตัดไป ทหารทุกนายก็พากันเงียบพวกเขาไม่เคยเห็นลูกศิษย์ที่ไร้ยางอายและโหดเหี้ยมเช่นมู่ฉีซิวเช่นนี้มาก่อน!หยางชิงเหอที่เพิ่งได้รับตำแหน่งแม่ทัพเงียบไปอยู่นานสองนาน จู่ ๆ ก็เอ่ยปากขึ้นมาว่า“ทุกคนเห็นชัดกันแล้วว่ามู่ฉีซิวเป็นคนเช่นไร!”“สำหรับเขาแล้ว การโจมตีกองทัพตระกูลจ้านมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย จึงตั้งทัพร่วมกับเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยและแคว้นเยี่ยนรุมโจมตีกองทัพตระกูลจ้าน”“แต่เขาก็ยังมีวิธีเล่นอย่างที่สอง หากแพ้ขึ้นมา! เขาย

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 572

    “ฉันรับของไว้แล้ว แล้วเจอกันค่ะ!”ทั้งสองคนไปส่งเวินลี่กลับที่หน้าประตู ทว่าไม่ได้ย่างเท้าออกจากคฤหาสน์เวินลี่ทองสองหนุ่มจากกระจกมองหลัง ไม่รู้ว่าคุณหนูเย่ไปหาบอดี้การ์ดมาจากไหนอายุยังน้อย แถมยังจงรักภักดีมากทีเดียว!*ต้าฉี่ ภูเขาเหมืองฟ้าสว่างแล้ว ชาวบ้านทั้งเมืองทำงานกันทั้งคืนตอนนี้ บนกำแพงเมืองมีปืนใหญ่วางเรียงรายอยู่เป็นหน้าตับแน่นอนว่า ล้วนเป็นปืนใหญ่ของปลอมที่ทำกันทั้งคืน!บรรดาชาวบ้านและทหารเองก็ไม่รู้ว่ามีประโยชน์อันใดเพียงแค่ขนย้ายขึ้นไป พวกเขาก็สูญเสียพละกำลังไปมหาศาลแล้วขนย้ายทั้งคืน ชาวบ้านล้วนเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดตอนนี้ไปนอนกันหมดแล้วโจ๊กที่พ่อครัวต้มตอนเช้า ไม่มีใครกินเลยสักคนผู้ชายไม่น้อยนอนแผ่กับพื้นโดยตรงกระทั่งพวกเฉินขุยเฉินอู่ ล้อมปืนใหญ่กระบอกหนึ่งพลางขบคิดเฉินขุยค้อมตัวลงพลางมองยางรถเปล่า!“ยางรถนี่อ่อนนุ่มนิ่ม เดิมทีประคองท่อเหล็กไม่ไหวอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะชั้นตรงกลาง ยางรถก็ยุ่ยไปนานแล้ว”เฉินอู่ลูบคาง “ข้ามองไม่ออกจริง ๆ ว่าเจ้าสิ่งนี้มีประโยชน์อะไร?”ทั้งสองคนมองไปที่จวงเหลียงผู้มีสติปัญญาเฉียบแหลมจวงเหลียงหมดคำพูด มือเขาสัม

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status