แชร์

บทที่ 8

ผู้เขียน: มู่โร่ว
เมื่อพ่อได้ยินคำพูดนั้นก็โกรธเป็นอย่างมาก ไล่ญาติ ๆ ทุกคนออกจากบริษัท

แล้วก็จัดทำพินัยกรรมล่วงหน้า

ทรัพย์สินของเขา พี่น้องกับหลาน ๆ ไม่มีใครได้ไปสักสตางค์เดียว

พอพวกนั้นรู้ว่าไม่ได้อะไรจากพินัยกรรม พยายามโทรหาเย่มู่มู่ก็ไม่ติด ก็เลยเริ่มวนเวียนอยู่ที่หน้าหมู่บ้าน หวังจะเจอเธอ

เย่ซินไม่รู้ว่ารออยู่หน้าหมู่บ้านนานแค่ไหน จนสุดท้ายก็ดันเจอเธอที่กำลังจะออกไปข้างนอก

เขารีบพาผู้ชายวัยกลางคนมาพบเธอทันที

เย่มู่มู่ขมวดคิ้วถามเสียงเย็นชา “มีเรื่องอะไร?”

เย่ซินยิ้มอย่างกระตือรือร้น

“มู่มู่ เรามานั่งคุยกันหน่อย พี่จะแนะนำคนให้เธอรู้จัก คุณหวัง เขาเพิ่งหย่าเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้เป็นหนุ่มโสดสุดฮอตเลยนะ!”

“ดูสิ คุณหวังทั้งสุขุมและมั่นคง ภายนอกก็ดูภูมิฐาน เขาเป็นเจ้าของใหญ่ของหัวหวังกรุ๊ป...”

“เหมาะกับเธอที่สุดแล้ว!”

คุณหวังที่พูดถึงนั้นหัวล้านกลางศีรษะ พุงก็ใหญ่จนดูอ้วนกว่าปกติ ดูแล้วอายุมากกว่าพ่อของเธอเสียอีก

อายุอย่างน้อยก็คงห้าสิบห้าปีขึ้นไป

เขาสวมแหวนทองวงใหญ่ มืออ้วน ๆ ของเขาลูบคางแล้วมองเย่มู่มู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาหื่นกาม

เมื่อเห็นว่าเธอมีผิวขาวเนียน รูปร่างผอมเพรียว โดยเฉพาะใบหน้าเรียวเล็กที่มีริมฝีปากสีแดงระเรื่อและฟันขาวสะอาด ดวงตาดุจสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วง

ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือรูปร่าง เขาพอใจในตัวเย่มู่มู่เป็นอย่างมาก!

“เธอคือลูกสาวของเหล่าเย่ใช่ไหม ไม่คิดเลยว่าเขาจากไปแล้ว แต่ทิ้งลูกสาวแสนสวยขนาดนี้ไว้!”

“เอาล่ะ ฉันถูกใจเธอแล้ว คืนนี้ไปอยู่บ้านฉันเลยก็แล้วกัน”

“แม่ฉันไม่ชอบให้มีคนนอกอยู่ในบ้าน งานบ้านอย่างทำความสะอาด ซักผ้า ทำอาหาร...เธอต้องจัดการให้เรียบร้อย”

“ลูกชายฉันพาแฟนกลับมาบ้านทุกคืน เธอต้องคอยดูแลให้ดี ถ้าทำให้ลูกชายฉันโกรธ ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่!”

ชายแก่ที่อายุเกือบห้าสิบปลาย แก่จนใกล้จะลงโลงอยู่แล้ว กลับกล้าคิดจะแต่งคุณหนูผู้สูงศักดิ์อย่างเธอไปเป็นคนรับใช้

แถมยังต้องคอยดูแลทั้งครอบครัว รวมถึงแฟนของลูกชายเขาด้วย

เย่มู่มู่สบถออกมา “ประสาท!”

เธอหันหลังแล้วเดินจากไปทันที

เย่ซินกว่าจะได้เจอเย่มู่มู่นั้นไม่ง่ายเลย มีหรือจะยอมปล่อยให้เธอจากไปง่าย ๆ แบบนี้

เขาคว้าแขนเธอไว้ทันที ออกแรงบีบจนแทบจะทำให้กระดูกเธอแหลก

“มู่มู่ ปีนี้เธออายุยี่สิบแล้ว ถึงเวลาที่จะแต่งงานได้แล้ว พ่อกับย่าของฉันอุตส่าห์หาคนดี ๆ มาให้เธอ คืนนี้เธอก็ไปอยู่ที่บ้านเขาได้เลย”

“ตอนนี้พ่อแม่เธอตายแล้ว เรื่องการแต่งงานต้องให้ผู้ใหญ่จัดการ เงินค่าสินสอดก็ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เรื่องนี้เธอไม่มีสิทธิ์ขัดขืน!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย่มู่มู่ตวัดฝ่ามือตบหน้าเขาทันที

“พวกคุณทั้งบ้านคิดจะบังคับฉันเหรอ? บอกไว้เลยนะ ถ้าฉันโกรธขึ้นมา จะทำให้พวกคุณอยู่ในเมืองนี้ไม่ได้อีกต่อไป!”

เย่ซินเมื่อเห็นว่าเย่มู่มู่กล้าตบหน้าเขา แถมยังคิดจะหนี

เขามองเธอด้วยสายตาอำมหิต “ได้ พูดดีกับเธอดี ๆ แล้วไม่ฟังใช่ไหม แบบนี้ต้องใช้กำลังสินะ?”

เขาหันไปพูดกับคุณหวัง

“คุณหวัง จับตัวเธอไว้แล้วพากลับไปเลย เธอถือหุ้นของฟู่ลี่กรุ๊ปสามสิบหกเปอร์เซ็นต์ ถือว่าคุณได้ของดีแล้ว”

ประธานหวังที่ตอนแรกหมดความสนใจเพราะนิสัยของเธอ!

แต่พอได้ยินว่าเธอถือหุ้นฟู่ลี่กรุ๊ป ทั้งยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด

ทันใดนั้น ประธานหวังก็คว้าแขนอีกข้างของเย่มู่มู่ ตอนที่ทั้งสองคนเตรียมจะช่วยกันจับเธอมัดแล้วลากขึ้นรถนั้น...

บริเวณย่านการค้ามีตำรวจลาดตระเวนอยู่พอดี

ไม่นานก็มีรถตำรวจเข้ามาขวางพวกเขาไว้!

“พวกคุณทำอะไรกัน? กลางวันแสก ๆ ยังจะลักพาตัวผู้หญิงอีกเหรอ?”

ตำรวจลงจากรถอย่างรวดเร็วและจับทั้งสองคนไว้

ตำรวจคนหนึ่งถามเย่มู่มู่ด้วยความห่วงใย “คุณผู้หญิง คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”

เธอมองมือที่ถูกบีบจนเป็นรอยม่วงช้ำ น้ำตาคลออยู่ในดวงตา “ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ!”

ทั้งสองคนที่ถูกจับพยายามดิ้นรน ทั้งยังตะโกนแหกปาก

เย่ซินตะโกนว่า “เป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งหมด เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของผม ผมจะทำร้ายเธอหรือยังไง?”

คุณหวัง “ผมแค่จะนัดดูตัวกับเธอ ไม่มีเจตนาอื่นเลยครับ”

แต่ตำรวจไม่ฟังคำแก้ตัวของพวกเขา ทั้งสองถูกใส่กุญแจมือและจับกุมตัวไปแล้ว

เย่มู่มู่ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล ก่อนที่จะเข้ารับการตรวจ เธอขอตัวไปห้องน้ำ และเดินวนไปมาหลายสิบรอบในนั้น

หลังจากออกมาจากห้องน้ำ ร่างกายเริ่มโซเซ ยืนไม่มั่นคง รู้สึกเวียนหัวและตามัว อาเจียนออกมาหลายครั้ง

ผลตรวจร่างกายระบุว่าเธอมีอาการกระทบกระเทือนสมองอย่างรุนแรง ร่วมกับอาการเวียนหัวและอาเจียน ซึ่งจัดว่าเป็นการบาดเจ็บในระดับเบา!

เย่มู่มู่ถ่ายรูปผลตรวจร่างกายของตัวเอง จากนั้นก็ลบชื่อออกก่อนจะส่งให้กับนักข่าวท้องถิ่นที่กล้าหาญไม่ยอมจำนนต่ออำนาจเถื่อน

เธอให้ข่าวใหญ่กับเขาเรื่องหนึ่ง

บอสหวัง เจ้าของบริษัทหวังชางอินเตอร์เนชั่นแนล ลักพาตัวหญิงสาวกลางถนน บังคับพากลับไปกักขังในบ้าน!

มีทั้งสถานที่ที่เกิดเหตุและวิดีโอจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐาน

ในย่านใจกลางเมืองเต็มไปด้วยกล้องวงจรปิด นักข่าวสามารถตรวจสอบได้ง่าย ๆ ด้วยการค้นข้อมูลเพียงเล็กน้อย

หลังจากให้การเสร็จ เย่มู่มู่ก็รีบขับรถมุ่งหน้าไปยังถนนที่เป็นแหล่งรวมตัวร้านค้าเกี่ยวกับวัตถุโบราณในท้องถิ่น

เธอไม่เชี่ยวชาญเรื่องของโบราณนัก จึงต้องเข้าไปดูทีละร้าน

สังเกตขนาดของร้าน ดูความมั่งคั่ง และสายตาความเฉียบคมของเจ้าของร้าน…

ในร้านหนึ่งที่อยู่ในมุมเล็ก ๆ ไม่ค่อยโดดเด่น ในร้านมีชายชราคนหนึ่ง ใส่แว่นสายตายาวกำลังอ่านหนังสือพิมพ์

เมื่อเธอเดินเข้ามาในร้าน ชายชราเงยหน้าขึ้นมองเธอเพียงแวบหนึ่งก่อนจะกลับไปอ่านหนังสือพิมพ์ต่ออย่างสงบนิ่ง

เย่มู่มู่มองไปยังเครื่องประดับเพียงชิ้นเดียวบนชั้นวางของ

ชายชราถามเธอว่า “ชอบหรือ?”

เย่มู่มู่ส่ายหน้า “รูปแบบมันเป็นแบบโบราณ แต่เนื้อวัสดุไม่ใช่ทอง ดู ๆ ไปก็เหมือนของจริงอีก!”

มันเป็นสิ่งของที่ดูขัดแย้งกันอย่างมาก!

ชายชราวางหนังสือพิมพ์ลง พลันเกิดความสนใจถามขึ้นว่า “ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ?”

เย่มู่มู่ไม่ได้บอกว่าเธอมีเครื่องประดับที่คล้ายกันอยู่!

เธอนั่งลงตรงข้ามโต๊ะ “ที่นี่รับซื้อของโบราณไหมคะ?”

ชายชราขยับแว่นสายตาเล็กน้อย “ของอยู่ไหนล่ะ เอามาให้ฉันดูหน่อย!”

เย่มู่มู่หยิบกล่องเล็ก ๆ ออกมาแล้วเลื่อนไปตรงหน้าชายชรา

เมื่อเห็นว่ากล่องนั้นเป็นกล่องธรรมดาในแบบสมัยใหม่ ชายชราก็รู้สึกผิดหวังไปกว่าครึ่ง

แต่เมื่อเปิดกล่องออก เขาเห็นจอกสุราสามขาฝังอัญมณี ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างทันที

มือของเขาสั่นเล็กน้อยขณะหยิบจอกขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เขาตรวจสอบก้นจอก ละเอียดมองลวดลายมังกรพันรอบ ดูเนื้อทองคำและคุณภาพของอัญมณี

ขณะที่ตรวจสอบไปเรื่อย ๆ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้น

“นี่คือของที่มีอายุเกินสองพันปี ของดีนี่น่า! แม้แต่ในพิพิธภัณฑ์ใหญ่ ๆ ยังไม่มีเลย!”

“จอกสุราที่พบในยุคเดียวกันมักจะทำจากทองสัมฤทธิ์ ไม่ก็เครื่องเคลือบดินเผา หรือเหล็ก... แต่นี่เป็นจอกทองคำที่ทำด้วยเทคนิคการฝังอัญมณีและทำลายฉลุ นับว่ามีอายุมากที่สุดที่ฉันเคยเห็น”

“เดี๋ยวก่อน ที่ก้นจอกยังมีอักษรเขียนว่า ‘ของใช้ราชวงศ์ต้าฉี่!’”

ชายชราลุกขึ้นทันทีด้วยความตื่นเต้นจนแทบจะเสียสติ

น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “แคว้นต้าฉี่! ที่แท้แคว้นต้าฉี่มีอยู่จริง!”

“ในพงศาวดารไม่มีบันทึกไว้ แต่มีในตำนาน แคว้นต้าฉี่ดำรงอยู่เพียงห้าสิบปีเท่านั้น”

หัวใจของเย่มู่มู่กระตุกวูบเมื่อได้ยินคำว่า ห้าสิบปี!

นั่นหมายความว่า ในท้ายที่สุดหนิงกวนโหวตายหรือ?

และคนหนึ่งแสนในที่สุดก็ล้มตายในสงครามทั้งหมดหรือ?

ความอยากรู้อยากเห็นของเธอทวียิ่งขึ้น รีบถามชายชราทันทีว่า “จอกสุรานี้มีมูลค่าเท่าไหร่?”

ชายชรากางสองนิ้วออกมา

เย่มู่มู่ถามต่อ “สิบล้าน?”

ชายชราส่ายหัว

“หนึ่งพันล้าน?”

ชายชราก็ยังส่ายหัวอีกครั้ง

เย่มู่มู่เบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ “หมื่นล้าน!!!”

ชายชรายิ้มพลางพยักหน้า “หมื่นล้านถือว่าเป็นราคาประเมินขั้นต่ำ ของโบราณจากแคว้นต้าฉี่ไม่เคยปรากฏในประเทศมาก่อนเลย แคว้นนี้มีบันทึกอยู่ในตำนานว่าล่มสลายเพราะภัยพิบัติ ภัยมนุษย์ ภัยสงคราม และความวุ่นวายภายใน”

“แคว้นต้าฉี่เคยมีแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถเทียบเท่ากับก้วนจวินโหว ฮั่วชวี่ปิ้ง[1] ในตำนานนั้นมีแต่การพรรณนาถึงแคว้นต้าฉี่ในแง่ลบ ว่าขุนนางกังฉินครองอำนาจ ฮ่องเต้เป็นเพียงหุ่นเชิด ฝนแล้งลงโทษ ประชาชนทุกข์ยากแสนสาหัส!”

“แต่แม่ทัพผู้นี้ถูกยกย่องอย่างสูง ราวกับมังกรฟ้าลงมาจุติ!”

เย่มู่มู่รีบถาม “แม่ทัพคนนั้นชื่ออะไร?”

“จ้านเฉิงอิ้น เขาได้เป็นขุนนางชั้นหนึ่งและถูกแต่งตั้งเป็นหนิงกวนโหวตอนอายุเพียงยี่สิบปี แต่เขากลับเสียชีวิตเมื่ออายุแค่ยี่สิบเอ็ด หลังจากเขาตายไม่นาน แคว้นต้าฉี่ก็ล่มสลาย”

เคร้ง เสียงโทรศัพท์ของเย่มู่มู่หล่นกระแทกกับโต๊ะชาไม้ เธอตกตะลึงจนพูดไม่ออก

หนิงกวนโหว!

คนที่เรียกเธอว่าเทพเจ้า คนที่ส่งจดหมายสื่อสารกับเธอ คนที่มอบทองกองโตให้เธอ...คือหนิงกวนโหว!

จ้านเฉิงอิ้น!

[1] ก้วนจวินโหว หรือฮั่วชวี่ปิ้ง คือ แม่ทัพผู้มีชื่อเสียงในราชวงศ์ฮั่นตะวันตก หนึ่งในแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จีน เนื่องจากมีบทบาทสำคัญในการรบกับชนเผ่าซยงหนู
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Ttnun Puatrakul
fantacy and fun
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 9

    “ยัยหนู เธอคิดจะขายหรือไม่? จอกสุราปกติต้องมีเป็นคู่ ถ้าเธอมีครบคู่ ฉันจะเสนอราคาให้ถึงสองหมื่นห้าพันล้าน!”เย่มู่มู่รู้สึกเจ็บปวดในใจ เธอไม่อยากให้จ้านเฉิงอิ้นต้องมาตายตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้สองหมื่นห้าพันล้านเพียงพอที่จะเลี้ยงดูคนหนึ่งแสนคนได้แต่สำหรับให้ทหารสองหมื่นนายของเขาเอาชนะกองทัพคนเถื่อนสามแสนนาย คงไม่เพียงพอแน่!เย่มู่มู่กัดฟัน ก่อนจะหยิบจอกสุราอีกใบออกมา“ฉันมีสองใบ สองหมื่นห้าพันล้านน้อยเกินไป!”เมื่อผู้อาวุโสมู่มองเห็นว่าเย่มู่มู่มีจอกสุราครบทั้งสองใบจริง ๆ เขาก็ดีใจมากจนทำแว่นตาหลุดมือที่สั่นเทาของเขารีบหยิบจอกขึ้นมา ตรวจสอบด้วยแว่นขยายเขาตื่นเต้นจนริมฝีปากสั่นระริก “ใช่แล้ว ใช่เลย! นี่คือจอกสุราคู่ที่สภาพสมบูรณ์ และยังคงงดงามเป็นอย่างยิ่ง!”“เธอต้องการเท่าไหร่?”เย่มู่มู่ตอบว่า “ฉันต้องการเงินสด และราคาต้องถึงขีดสูงสุด”ผู้อาวุโสมู่เบิกตากว้าง “เธอต้องการสามหมื่นล้านเหรอ?”เย่มู่มู่พยักหน้าเขาเริ่มลังเลแล้ว!เมื่อเย่มู่มู่เห็นเช่นนั้น ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง “ถ้าคุณไม่มีปัญญาจ่าย ฉันไปถามร้านข้าง ๆ ก็ได้!”เธอลุกขึ้นเตรียมเก็บจอกสุราคืนแต่ผู้อาวุโสมู่

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 10

    เย่มู่มู่ขับรถไปถึงตลาดสด และมองหารถบรรทุกขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกได้ถึงสามสิบตันเธอบอกว่าจะซื้อของบริจาคเพื่อส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย!ไม่ว่าจะเป็น ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ผักกวางตุ้ง ผักกาดเล็ก หัวไชเท้า แครอท มันเทศ มันฝรั่ง และข้าวโพด…เธอเหมาผักหมดทั้งตลาดแล้วพ่อค้าแม่ค้าผักเห็นเธอซื้อของมากขนาดนี้ ต่างรีบกรูเข้ามาล้อมเธอ พร้อมเสนอลดราคาขายให้เธอในราคาถูกกว่าปกติ!เย่มู่มู่ซื้อของทั้งหมดในตลาดสดจนเกลี้ยง พร้อมจ้างรถบรรทุกสองคันจากนั้นเธอก็จัดหาคนมาช่วยขนของขึ้นรถ พร้อมให้ที่อยู่ของโกดังกับคนขับรถบรรทุก ให้พวกเขาขนของไปที่โกดังคุณลุงที่ดูแลโกดังอยู่ทั้งวันก็ยังคงเฝ้าประตูตามปกติหลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ เย่มู่มู่จึงเดินทางไปร้านขายยาไม่ว่าจะเป็นผ้าก๊อซ แอลกอฮอล์ล้างแผล แหนบ คีม มีดผ่าตัด กรรไกร และไหมเย็บแผลเธอซื้อมาอย่างครบครันรวมถึงเข็มฉีดยา กระบอกฉีดยา ยาปฏิชีวนะ ยาห้ามเลือด และยาแผนตะวันตกอื่น ๆ ก็ซื้อไปหมดนอกจากนี้ยังมียาแผนจีนแบบสำเร็จรูป เช่น อวิ๋นหนานไป๋เย่า[1] ยารักษาอาการฟกช้ำ ยาห้ามเลือดต่าง ๆ ยาลดการอักเสบ และยาช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อ…เธอแวะร้านขายสมุ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 11

    จ้านเฉิงอิ้นยืนเฝ้าข้างแจกันไม่ห่างฉับพลันนั้นน้ำก็หยุดไหล เขาลุกขึ้นเดินไปหยุดยืนข้างแจกัน เห็นกระดาษสีขาวโปรยลงมาอักษรคมกริบ จดจำได้ง่ายเพียงแต่อักษรเหล่านี้ขาดแขนและขา จ้านเฉิงอิ้นอ่านปะติดปะต่อกันก็เข้าใจท่านเทพยาดากล่าวว่า ส่งยามาหนึ่งชุด!ยาหรือ!!!หากมียา ทหารน้อยซ่อมเกือกม้าเป็นก็จะรอดชีวิตแล้วประชาชนในเมืองอาจไม่ต้องหิวตาย เพราะขาดน้ำและอาหารร่างกายจึงย่ำแย่ แค่อาการหวัดเล็กน้อยก็สามารถคร่าชีวิตคนได้หากมียา ทหารห้าพันนายที่ตายไปในสมรภูมิครั้งก่อน อย่างน้อยก็คงช่วยชีวิตได้ครึ่งหนึ่ง!จ้านเฉิงอิ้นกำกระดาษไว้แน่น น้ำใส ๆ รื้นขอบตา เพียงส่งอาหารและน้ำมาก็เป็นความปรารถนาสูงสุดของเขาแล้วนึกไม่ถึงว่าท่านเทพยดาถึงขั้นส่งยามาให้ด้วยสิ่งที่กองทัพตระกูลจ้านขาดแคลนก็คือยา!จ้านเฉิงอิ้นน้ำเสียงแหบพร่า เอ่ยเสียงสะอื้นว่า “เถียนไท่ เรียกหมอทหารทุกคนมาที่นี่”เถียนไท่กับทหารนายอื่นได้ยิน ก็พลันลุกขึ้น รายล้อมเขาด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน“ท่านแม่ทัพ ท่านเทพยดาส่งยามาแล้วหรือขอรับ?”“จริงหรือขอรับ? หากมียา ทหารที่ได้รับบาดเจ็บอีกหลายร้อยคนในค่ายก็ไม่ต้องรอความตายอีกแล้ว!”“บา

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 12

    เขาหยิบผ้าพันแผลที่อยู่บนพื้นขึ้นมา ยังมีสำลีฆ่าเชื้อ เข็มฉีดยา น้ำยาฆ่าเชื้อเตี่ยนฝู[1]…และมีอุปกรณ์ผ่าตัดนานาชนิด ทั้งมีดผ่าตัด คีมผ่าตัด…เขาตื่นเต้นจนพูดไม่เป็นประโยค “ท่านแม่ทัพ นะ นี่มันยาฆ่าเชื้อ ใช่…?”จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้าให้เขาซ่งอวิ๋นฮุยกำคีมผ่าตัดในมืออย่างตื้นตันจนไม่อาจบรรยาย!ท่านเทพยดามอบให้แก่พวกเขาท่านเทพยดาไม่เพียงส่งยามาให้ ยังส่งวิทยาการด้านการแพทย์ที่ล้ำยุคมาให้ด้วยคีมผ่าตัด กรรไกรผ่าตัด…เครื่องมือเหล่านี้ประณีตกว่าของในสำนักหมอหลวงหลายเท่า!จ้านเฉิงอิ้นมอบหนังสือ ‘คู่มือหมอเท้าเปล่า’ ให้ซ่งอวิ๋นฮุยหนึ่งเล่มเขาเปิดอ่านอย่างไม่รีรอ เห็นในตำรามีเทียบยาที่เอาไว้ใช้รับมือกับโรคระบาด ก็พลันดีใจอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง“ท่านแม่ทัพ มีเทียบยาที่เอาไว้ใช้รักษาโรคระบาดต่าง ๆ อยู่ด้วย! มีตำราเล่มนี้อยู่ หมอในแคว้นต้าฉี่ก็ไม่ต้องปวดหัวกับโรคระบาดอีกแล้ว!”จ้านเฉิงอิ้นยิ้มตอบ “หมอทหารซ่ง ท่านนำกลับไปศึกษาเสีย ยังมียาเหล่านี้อีก มีวิธีใช้เขียนติดอยู่บนถุง”ด้วยกลัวว่าเขาจะไม่รู้อักษร จึงได้มอบตารางโครงสร้างส่วนประกอบอักษรแบบใหม่ให้เขาด้วยส่วนหมอทหารที่เหลือ ก็ได้ร

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 13

    เฉินขุยเห็นจ้านเฉิงอิ้นสีหน้าไม่ค่อยดีนัก จึงถามอย่างเป็นห่วงว่า “ท่านแม่ทัพ ทางเมืองหลวงส่งข่าวอันใดมาหรือขอรับ?”จ้านเฉิงอิ้นยื่นจดหมายให้เขาเขาคลี่จดหมายออก ขณะที่นายทหารที่เหลือเองก็รุมล้อมเข้ามาดูด้วยเห็นเพียงข้อความหนึ่งเขียนไว้ว่า ‘ปกป้องสุดชีวิต’!เฉินขุยสบถออกมาด้วยความเดือดดาล “เดิมทีพวกข้ามีทหารหนึ่งหมื่นนาย ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่ร้อย ไม่ส่งอาหารส่งน้ำมา ไม่ส่งกำลังเสริมมาไม่พอ มิหนำซ้ำยังสั่งให้ปกป้องเมืองไว้สุดชีวิตอีกงั้นเรอะ!”“นี่เท่ากับสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปตายไม่ใช่หรือ?”อู๋ซานหลางขมวดคิ้วมุ่น “ท่านแม่ทัพ ไม่มีกำลังเสริมแล้วจริงหรือขอรับ?”ถึงแม้พวกเขามีเสบียงแล้ว แต่ทหารสองหมื่นนายจะทัดทานทหารสามแสนนายจากเผ่าหมานได้อย่างไร!หากเรื่องที่พวกเขามีเสบียงอาหารและน้ำแพร่งพรายออกไป เผ่าหมานจะต้องบุกรุกเข้ามายึดเมือง แย่งเสบียงอาหารทั้งหมดไปเป็นแน่บรรยากาศอึดอัดและตึงเครียดจนถึงขีดสุด!เฉินขุยเอ่ยต่อว่า “กองทัพหนึ่งแสนนายของแม่ทัพสวีหวยก็อยู่ห่างจากด่านเจิ้นกวานเพียงไม่กี่ร้อยลี้ เหตุใดฮ่องเต้น้อยจึงไม่มีราชโองการให้เขามาช่วยเหลือ หรือจะมองดูด่านเจิ้นกวนถูก

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 14

    พวกเขาเลียนแบบนายกองจ้าวจง พากันยกหัวไชเท้าแดงขึ้นมาลองกัดอย่างระมัดระวังหนึ่งคำจากนั้นก็เบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ มีรสชาติหวานจริง ๆ!พวกเขากลืนกินหัวไชเท้าแดงหมดภายในไม่กี่คำ ถึงขั้นไม่ทันได้เคี้ยวให้ละเอียดด้วยซ้ำหลินต้าจวินเห็นพวกเขากินหมดแล้ว จึงกำชับพวกเขาว่า “เบาเสียงหน่อย ย้ายเสบียงไปที่ค่ายทหารก่อน!”พวกเขานำข้าวสารหนึ่งถุงใส่ตะกร้าก่อน จากนั้นก็ทับด้วยน้ำมันหนึ่งถัง แป้งสาลีหนึ่งถุง ตามด้วยเกลือทำอาหารอีกจำนวนหนึ่ง ปิดท้ายด้วยการวางผักกาดขาว และกะหล่ำปลีครั้นเห็นช่องว่างในตะกร้าก็เสียบมะเขือยาว มะเขือเทศและหัวไชเท้าแดงแซมเข้าไป…ตะกร้าไผ่กว้างมาก ทว่าพวกเขาก็ยังคงใส่ของมากเกินจนทำให้ปากตะกร้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยแต่พวกเขาไม่มีเวลาสนใจแล้ว ค่ายทหารอยู่ห่างจากค่ายทหารถึงสองลี้ ประตูด้านหลังมีเกวียนจอดอยู่ด้านนอกเกวียนหนึ่งเล่มสามารถใส่ตะกร้าได้สี่ตะกร้าพวกเขาใส่ของเต็มเกวียนสี่เล่ม อาศัยกำลังคนในการลากทั้งสิ้นในค่ายทหารมีม้า ทว่าม้าล้วนหิวจนผอมเหลือแต่กระดูก บางตัวก็ลุกไม่ไหว จึงทำได้เพียงอาศัยแรงคนเท่านั้นเพื่อปกป้องทรัพยกรชุดนี้ เฉินขุยกับหลินต้าจวินควบคุมการข

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 15

    หลังผ่านไปครึ่งชั่วยาม จ้านเฉิงอิ้นได้รับถังทรงกลมขนาดใหญ่ที่มีตราสแตนเลสเกรดอาหารสามศูนย์สี่ประทับอยู่ถึงหนึ่งร้อยใบความใหญ่ของถังนั่นเทียบได้กับอ่างอาบน้ำทีเดียวหนำซ้ำยังใช้แต่เหล็กเนื้อดี ไม่ ทำมาจากเหล็กกล้าชั้นดีต่างหากผิวเหล็กเรียบลื่นจนเห็นเงาสะท้อนของคน ไม่มีรอยบุบแม้แต่น้อยวิทยาการในการผลิตล้ำยุค ทั่วทั้งแคว้นต้าฉี่ หรือแม้แต่ทั่วทั้งแผ่นดินหัวเซี่ย ล้วนหาฝีมือแบบนี้ไม่ได้ยังมีถาดทรงสี่เหลี่ยมอีกสามร้อยใบ ล้วนมีวัสดุเหมือนกันเหล่านายกองเห็นก็อดอุทานด้วยความแปลกใจไม่ได้เฉินขุยยกถังใหญ่ใบหนึ่งในนั้นขึ้นมา “ท่านแม่ทัพ หนักมาก หากนำเหล็กกล้าชั้นดีเยี่ยงนี้มาตีเป็นอาวุธ จะต้องตัดเหล็กได้ดุจดินเหนียว และมีกำลังต่อสู้เพิ่มขึ้นหลายเท่าเป็นแน่!”“ท่านเทพยดาถึงขั้นใช้ถังเหล็กกล้าเช่นนี้มาทำอาหาร ช่างเสียของจริง ๆ!”เหล่าทหารต่างก็รู้สึกเสียดายอย่างมากหากนำมาผลิตเป็นอาวุธจะดีสักแค่ไหนกันตอนนี้หัวหอกส่วนใหญ่ของเหล่าทหารล้วนทำมาจากทองสำริด ทองสำริดแข็งและคมสู้เหล็กกล้าไม่ได้อยู่แล้วซ่งตั๋วดูแลคลังอาวุธ ขอเพียงท่านแม่ทัพมีคำสั่ง เขาก็สามารถหาคนมานำอุปกรณ์เหล่านี้หลอมแล

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 16

    แต่เมื่อเห็นอาหารปรุงสำเร็จเหล่านี้ เขาก็รู้สึกว่าชีวิตของเขาก็แค่นี้เอง ไม่ว่าจะเป็นอาหารจานไหน ไม่ต้องพูดถึงพ่อครัวของจวนแม่ทัพ ต่อให้เป็นพ่อครัวทั้งใต้หล้านี้ก็ไม่แน่ว่าจะจำส่วนผสมได้ทั้งหมด จ้านเฉิงอิ้นเอ่ย: “เก็บไว้ให้แม่ทัพหลินและแม่ทัพเฉินขุยหนึ่งชุด ส่วนที่เหลือก็ให้ทุกคนได้กินด้วยกัน” เมื่ออาหลี่ได้ยินเช่นนั้น เขาก็หยิบอาหารสองจานออกมา และเก็บข้าวไว้สองชาม! ขณะทุกคนกำลังถือชามและตะเกียบอยู่ในมือ เตรียมจะเริ่มกินนั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากนอกประตู “ท่านแม่ทัพ เสบียงถูกผู้ลี้ภัยปล้นไปแล้ว” ทันใดนั้น จ้านเฉิงอิ้นก็วางตะเกียบในมือลงและลุกขึ้นยืน นายทหารทั้งแปดวางชามและตะเกียบลง แล้วรีบเดินไปที่ประตูพร้อมกับแม่ทัพ นายทหารน้อยที่มาดูเหมือนจะอายุประมาณสิบกว่าปี ใบหน้ายังเหมือนเด็กอยู่ แขนของเขาได้รับบาดเจ็บ และมีเลือดไหลออกมา เขาพูดด้วยเสียงสั่นเทา: “ผู้ลี้ภัยกว่าร้อยคนสกัดกั้นเสบียงไว้ที่ท้ายตรอก แม่ทัพหลินยากที่จะก้าวเดินต่อไป แม่ทัพเฉินขุยสกัดกั้นอยู่ด้านหลัง มีทหารที่ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย” เมื่อจ้านเฉิงอิ้นได้ยินเช่นนี้ เขาก็สวมชุดเกราะและหยิบอาวุธ

บทล่าสุด

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 548

    ขณะหลี่หยวนจงเขียนจดหมาย ยังมีความกังวลใจเล็กน้อยว่ากันตามเหตุผล ทำความผิดเช่นนี้ เมื่อออกคำสั่งทางทหาร ที่ร้ายแรงอาจถูกบั่นคอสองทัพทำศึกใหญ่ ผู้บัญชาการพามาผิดทาง ความผิดที่ได้ทำร้ายแรงเพียงใดฉะนั้น ในจดหมายเขาอธิบายให้ตัวเองสารพัด วันนี้ยังดึงคนกองกำลังมาได้หนึ่งแสนคนนับว่าชดเชยความดีความชอบแล้ว!ไม่ว่าอย่างไร แม่ทัพใหญ่ก็ไม่คงลงโทษเขากระมัง!อันที่จริงอาจจะยังน่าเดือดดาลอยู่ เขาจึงหอบความหวังไปไว้ที่การซุ่มโจมตีสองหมื่นคน อีกฝ่ายสามแสนคน!จำนวนคนเหลื่อมล้ำ ไม่แน่ว่าเขาจะควบคุมได้ทว่า ไม่ลองจะรู้ได้อย่างไร ระเบิดกองทัพแคว้นฉู่ไม่ตาย?มิหนำซ้ำ ข่าวในเมืองก็คงไหลรั่วออกไปฮ่องเต้แคว้นฉู่คงได้รับข่าว และรีบกลับมาโดยเร็วเขาได้แต่รอจะถูกโบยลงโทษหรือนับเป็นผลงานทางทหาร จะสำเร็จหรือคว้าน้ำเหลวอยู่ที่ตรงนี้*ภูเขาเหมือง!จ้านเฉิงอิ้นได้รับจดหมายของหลี่หยวนจงในวันที่สิบห้าไม่คิดเลยว่าเขาจะไปผิดทาง?เขาไปเมืองหลวงแคว้นฉู่?ไม่คิดเลยว่ายังจะโจมตีเข้าไปด้วย!มิหนำซ้ำยังรับคนเข้ามาหนึ่งแสนคน!เรื่องไร้สาระเช่นนี้ เขาทำสำเร็จเสียด้วยนี่เป็นเมืองหลวงแคว้นฉู่เลยนะ!

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 547

    บางครั้งองครักษ์ที่เฝ้าเมืองก็คิดจะไล่พวกเขาเช่นกันทว่าสู้ไม่ได้แล้วจะทำอะไรได้!ทำได้เพียงมองดูพวกเขาปล้นคนรวยไปช่วยคนจนในเมือง และตั้งโรงทานโจ๊ก!กระทั่งชาวบ้านที่เข้าแถวซื้อโจ๊กยังขวางพวกเขา ตั้วตนเป็นศัตรูกับพวกเขา!ตอนนี้ คำสรรเสริญจากประชาชนในเมืองต่อพวกเขาดีเป็นอย่างมากหนึ่งคือเรื่องที่พวกเขาทำ ล้วนเป็นการผดุงธรรมแทนสวรรค์ แม้จะเป็นเสบียงอาหารที่ปล้นออกมาจากแต่ละจวนก็ตาม ทว่าล้วนแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่ไม่ได้กินข้าว มอบทางรอดชีวิตให้แก่พวกเขาและเนื่องจากผลพลอยจากการได้รับคำสรรเสริญของประชาชนในเมือง กระทั่งมีคนคิดจะเข้าร่วมกับพวกเขาตรงนั้นเลยภายในเวลาสองวัน จำนวนของผู้ที่เข้าร่วมกองทัพตระกูลจ้านมีมากถึงหนึ่งแสนคนมิหนำซ้ำหลี่หยวนจงไม่ปฏิเสธผู้ที่เข้ามา เพียงมีรูปร่างดีหน่อยก็สามารถเข้าร่วมกองทัพตระกูลจ้านได้แล้วเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนคน ทหารที่เฝ้าเมืองยิ่งไม่กล้ากระทำการบุ่มบ่าม เพียงแต่รีบส่งข่าวให้ฮ่องเต้แคว้นฉู่อย่างรวดเร็ว ให้เขารีบกลับมา!ไม่นานบัลลังก์ของเขาจะเปลี่ยนเจ้าของแล้วไม่นานหัวเมืองของเขาก็ถูกกองทัพตระกูลจ้านยึดครองจนหมดใช่แล้ว เหลวไหลสิ้นด

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 546

    เขามาผิดทางแล้ว จะทำภารกิจใดไม่แล้วเสร็จเลยไม่ได้เมื่อเทียบแคว้นฉู่และแคว้นเยี่ยน ในด้านกองกำลังแคว้นฉู่เหนือกว่า!หลังจากนั้นคำบอกเล่าของเถ้าแก่เจ้าของร้าน ก็ทำเอาเขาตกตะลึงไปเลย“ท่านแม่ทัพหลี่ เกรงว่าครั้งนี้ท่านจะคว้าน้ำเหลวแล้ว! ที่พวกท่านโจมตีเข้ามาในแคว้นฉู่ได้ ไม่ใช่เพราะทหารคุ้มกันของเมืองหลวงหละหลวม ทว่าทหารคุ้มกันในเมืองส่วนใหญ่ ตามฉู่อ๋องไปเซ่นไหว้ที่เขาเทพยดาต่างหาก!”“ราชวงศ์ตระกูลชนชั้นสูง ตระกูลทรงอิทธิพล ขุนนางใหญ่ในราชสำนัก ลูกหลานตระกูลสูงศักดิ์...ต่างไปในครานี้ ยกขบวนกันไปอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรสามแสนคน!”“เพื่อให้พวกเขาได้กินดีอยู่สบาย จึงนำข้าทาสส่วนใหญ่และทหารรักษาการณ์ไปด้วย!”หลี่หยวนจงปรบมือทีหนึ่ง “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง!”เช่นนี้ก็จัดการได้ง่ายมิใช่หรือ?พวกเขาไปเซ่นไหว้ที่เขาเทพยดา เช่นนั้นเขาไปขวางไว้กลางทาง ก็เท่ากับกวาดเรียบไม่มีเหลือไม่ใช่หรือ!เยี่ยม นี่เป็นวิธีที่ดี!เขารู้สึกว่าตนฉลาดหลักแหลมเป็นที่สุด!“แต่ว่าท่านแม่ทัพ นอกจากองครักษ์ในวังแล้ว ยังมีทหารประจำจวน และยังมีกองทหารหนึ่งแสนคนติดตามไปด้วย!”“ในสามแสนนายนี้ มีสองแสนนายเป็นทหาร

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 545

    หลี่หยวนจงคิดไม่ถึงเลยว่า พวกเขาจะบุกเข้าเมืองหลวงได้อย่างราบรื่นเช่นนี้ มิหนำซ้ำยังขโมยของจวนท่านอ๋องได้หลายจวนอีกด้วยเขาเพียงมาถึงยังเมืองหลวงแคว้นฉู่ เพราะมาผิดทางจึงเลยตามเลยมาแล้วก็ทำศึกสักหน่อย...สุดท้ายกลับมาพร้อมข้าวของเต็มลำใช่แล้ว เพียงโกดังยุ้งฉางในจวนขุนนางใหญ่และองค์ชายไม่กี่จวน ก็ใส่จนเต็มรถแล้วชาวบ้านนับไม่ถ้วนนอกเมืองอดจนผอมแห้งเหลือแต่กระดูกพวกเขาร่ำไห้ขอให้ทหารคุ้มกันเปิดประตูปล่อยพวกเขาเข้าเมืองอยู่หน้าประตูเมือง ทหารคุ้มกันมองดูชาวบ้านอ้อนวอนอย่างเย็นชา ทนมองพวกเขาอดตายทั้งเป็น ไม่สนใจใยดี!หากในเมืองเสบียงอาหารร่อยหรอก็ช่างมันเถอะทว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลยพวกเขายึดจวนของขุนนางใหญ่สองสามจวน!เสบียงอาหารในยุ้งฉางเต็มจนล้นออกมาแล้วมิหนำซ้ำไม่ได้มีแค่ข้าวโพดธรรมดา ๆ ยังมีข้าวฟ่าง ถั่วเหลือง...หลากหลายมากมาย ขอให้เป็นธัญพืชในตลาดล้วนมีทุกอย่าง!หลี่หยวนจงไม่รู้ว่าพวกเขาเอาธัญพืชมากมายเช่นนี้มาจากที่ใด!สิ่งที่ยิ่งทำให้เขาตกตะลึงก็คือ โกดังของพวกเขามีมากมายหนึ่งจวนมีสามสี่โกดังทุกโกดังล้วนอัดแน่นจนเต็มบนรถสองสามคันที่ว่าง ครั้นขนเครื่องประดับ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 544

    ตอนนี้ในดินแดนแคว้นฉู่ยังมีให้ใช้อีกสี่แสนคนสองแสนคนเบื้องล่างเจียงเหว่ย หนึ่งแสนไปโจมตีแคว้นเยี่ยนสุดท้ายกลับมาพร้อมกับความพ่ายแพ้!อีกหนึ่งแสนคนคุ้มครองฉู่อ๋องไปเซ่นไหว้ที่เขาเทพยดาก่อนหน้านี้เทพสงครามหลิงเซี่ยวเฟิงโรยราอย่างสมบูรณ์ หลังจากนั้นเจียงเหว่ยก็กลับมาพร้อมกับความพ่ายแพ้จากช่องเขาเป้าเสีย...ฉู่อ๋องรู้สึกว่าช่วงนี้ดวงของแคว้นฉู่ไม่ค่อยดีนักก่อนหน้านี้รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ตอนนี้ชนะครั้งเดียวยังยากพร้อมกับพาขุนนางในราชสำนัก วังหลัง องครักษ์สองสามหมื่นนายจากในวัง มุ่งหน้าไปเซ่นไหว้ยังเขาเทพยดาที่สูงเป็นอันดับหนึ่งของแคว้นฉู่อย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรก่อกองดินที่เขาเทพยดา ฝังหนังสือแผนภูมิหยก...ขุนนางในราชสำนัก วังหลัง กราบไหว้บูชา!หนึ่งหมื่นคนที่คุ้มกันไปคือคนของเจียงเหว่ยส่วนเมืองหลวงยังมีอีกสองแสนคนหนึ่งในนั้นแปดหมื่นทั้งหมดมายังประตูทิศตะวันตก คุ้มกันประตูเมืองเกรงว่าทั้งราชวงศ์แคว้นฉู่ มิมีผู้ใดนึกเลยว่า หลี่หยวนจง...ไม่คิดเลยว่ารองแม่ทัพใต้อาณัติจ้านเฉิงอิ้นผู้หนึ่ง จะนำกำลังคนสองหมื่นคน เป่าหูและรวบรวมคนมาตลอดทั้งทาง นำราษฎรหกหมื่นคนก่อกบฏ...ไม

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 543

    แม้ทหารใหม่ที่เข้ามาจะเยอะ เนื่องจากไม่มีประสบการณ์การสู้รบพวกเขาฟังคำบัญชาการจากหลี่หยวนจงมาตลอดทั้งทาง จนชินไปแล้ว!ทุกคนต่างถอยหลัง ถอยจนกระทั่งห่างออกไปหลายร้อยเมตร ไกลจากศูนย์กลางการทำสงครามในขณะนี้ เหล่าทหารใหม่เพิ่งจะเห็นความโหดร้ายของการทำสงครามแปดหมื่นคน ต่อสู้กับสองหมื่นคน...ส่วนใหญ่ยังเป็นกองกำลังกบฏชาวนาของอู๋ลี่ พวกเขาฝึกซ้อมกันมาสองเดือนกว่า คงเป็นเพราะง่วนอยู่กับการเพาะปลูก เดี๋ยวฝึกซ้อมเดี๋ยวเลิกฝึกซ้อมผู้ที่กล้าหาญจริง ๆ คือทหารผ่านศึกสองพันของกองทัพตระกูลจ้านที่ผ่านการรบมามากมาย กำดาบม่อเตาพุ่งไปอยู่หน้าสุดครั้นยกดาบขึ้นและฟันลงมา ศีรษะคนก็ตกลงมาบนพื้น!เลือดไหลทะลักออกมา...ทีแรกคิดว่าเมื่อเหล่าทหารใหม่ต้องเผชิญกับความตาย จะตื่นตระหนกและกลัวแต่คิดไม่ถึงเลยว่าความสนใจของพวกเขา จะไปอยู่ที่คำขวัญบุกโจมตีข้าศึกของหลี่หยวนจง“ตอนท่านแม่ทัพบุกทัพศัตรู ตะโกนว่าอะไร...”ทหารใหม่ที่เลื่อนขั้นเป็นนายกองคนหนึ่ง ถามทหารชั้นผู้น้อยที่อยู่ข้าง ๆ“หัวคน ท่านแม่ทัพกำลังตะโกนว่า หัวคนหนึ่งหัวแลกเสบียงอาหารได้สิบชั่ง หัวคนสองคน เสบียงอาหารยี่สิบชั่ง...”“และยังมีร

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 542

    ขนาดของแปดหมื่นคน ก็สามารถตัดสินแพ้ชนะกับทหารคุ้มกันเมืองหลวงได้แล้ว!เพียงแต่พวกเขาจะอธิบายกับท่านแม่ทัพใหญ่อย่างไร?ท่านแม่ทัพใหญ่ให้พวกเขากำจัดกำลังทหารของแคว้นเยี่ยน!ผู้ใดจะไปคิดว่า พวกเขาจะยกทัพทหารมาก่อกบฏที่เมืองหลวงข้าง ๆ แทน!หกหมื่นนายที่มาพร้อมเขาตลอดทาง ล้วนเป็นราษฎรแคว้นฉู่ทั้งสิ้น!เรื่องนี้จัดการได้ยากแล้วตลอดทั้งชีวิตของหลี่หยวนจงนี่เป็นครั้งแรกที่ปรากฏความรู้สึกสับสนโจมตีหรือว่าไม่โจมตี?โจมตี ทว่าที่นี่คือแคว้นฉู่?พวกเขาจะสู้ได้หรือไม่?โจมตีเข้าไปได้หรือไม่?ทว่าหากไม่โจมตี เขาจะอธิบายกับท่านแม่ทัพใหญ่อย่างไรถึงอย่างไร กองกำลังห้าหมื่นนายที่เซี่ยเวยและจ้าวเฉียนนำมาก็ถึงแคว้นเยี่ยนแล้วภายใต้การร่วมแรงของทั้งสองฝ่าย ทำให้แคว้นเยี่ยนกลายเป็นแคว้นใต้อาณัติของกองทัพตระกูลจ้าน แม้จะไม่สามารถทำให้แคว้นเยี่ยนผลัดเปลี่ยนแผ่นดินได้ ทว่าก็สามารถกำจัดฮ่องเต้และตระกูลขุนนางทรงอิทธิพลเบื้องบนได้วันหน้าขณะโจมตีเข้าไปในแคว้นเยี่ยน คงไม่มีแรงต้านทานมากมายขนาดนี้แล้วทว่า...เขามาผิดที่แล้วมิหนำซ้ำยังรับราษฎรแคว้นฉู่หกหมื่นคนเข้าร่วมกองทัพแล้วจะอธิบายกับท่าน

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 541

    ในเมืองไม่น้อยยังพอมีเสบียงอาหารแก้ปัญหาเรื่องเสบียงอาหาร จากการมีคนเข้าร่วมทัพกลางทางอย่างต่อเนื่องได้สมบูรณ์!ทว่าขุนนางกังฉินทำร้ายประชาชนของแคว้นฉู่ก็มีไม่น้อย ประชาชนด้านนอกอดจนผอมเห็นกระดูก บางคนแย่งเด็กมาเผากินบนถนนเลยภายในยุ้งฉางของเจ้าเมือง เสบียงอาหารในโกดังล้นจนยัดไม่ลงหนูกินจนอ้วนท้วมตัวจ้ำม่ำ!เพียงแค่ด้านนอกคั่นด้วยกำแพง ก็มีหนึ่งร้อยคนที่อดตายทั้งเป็นเนื่องจากการกินดินขาวแล้วทว่าด้านในครั้นเปิดยุ้งฉาง เสบียงอาหารก็เทกระจาดออกมาเมื่อหลี่หยวนจงเห็นสภาพที่น่าเวทนาเช่นนี้ ก็ก่นด่าว่าฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนมิใช่คนทหารใหม่ที่ก่อกบฏร่วมกับเขา ก็กลัดกลุ้มอย่างมากเช่นกันเหตุใดเขาจึงก่นด่าฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนในเขตแดนแคว้นฉู่!นี่เกี่ยวข้องอะไรกับฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนหรือ?ฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนไม่ได้เป็นคนกักตุนเสบียงเสียหน่อย!กระทั่งพวกเขาจู่โจมเมืองหลวงแคว้นฉู่ได้...หลี่หยวนจงถึงค้นพบในฉับพลัน...คล้ายกับเขามาผิดทางแล้วใช่แล้ว ในที่สุดเขาก็เห็นมังกรดำเลื่อมงดงามที่อยู่บนธงชัดเจน!เป็นธงที่เป็นสัญลักษณ์ของแคว้นฉู่ ธงมังกรดำ!ฉะนั้นที่พวกเขาเดินทัพมาอย่างยิ่งใหญ่เกรีย

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 540

    ชาวบ้านต่างพากันนำทางพวกเขาไปยังถ้ำ แล้วเดินลึกลงไปอีกภาพของบ่อน้ำขนาดมหึมาปรากฏขึ้นเนื่องจากอยู่ลึกจากพื้นดินมาก แสงแดดส่องไม่ถึง และผนังหินช่วยป้องกันการระเหย น้ำจึงยังคงอยู่ ไม่แห้งขอดหลี่หยวนจงและเหล่าทหารดีใจมากที่เห็นน้ำมากมายขนาดนี้โชคดีที่พวกเขานำเครื่องสูบน้ำมาด้วย!พวกเขาดึงท่อสูบน้ำยาว ๆ สองท่อไปที่ปากถ้ำ ตั้งหม้อขนาดใหญ่ แล้วต้มข้าวต้มแจกจ่ายให้ทุกคน!เนื่องจากหลายคนอดอยากมานาน จึงให้คนละเพียงเล็กน้อยถึงอย่างนั้น ก็ใช้เสบียงของกองทัพไปไม่น้อยชาวเมืองทั้งเมืองอิ่มหนำสำราญ ต่างก็ดีใจอาหารมื้อนี้ช่วยให้พวกเขาไม่ต้องอดตายไปอีกสองวันเมื่อรู้ว่าหลี่หยวนจงและคณะกำลังจะไปเมืองหลวง ชาวบ้านก็อาสาเป็นผู้นำทาง...แม้แต่ชายฉกรรจ์ก็อาสาเข้าร่วมกับพวกเขา เพียงเพื่อแลกกับอาหาร!ในบรรดาประชากรกว่าสองแสนคน ที่รอดชีวิตมาได้ห้าหมื่นคน ส่วนใหญ่เป็นชายฉกรรจ์ คนชรา ผู้หญิง และเด็กมีไม่ถึงหนึ่งในสามหลี่หยวนจงมองดูผู้คนที่สวมเสื้อผ้าขาดวิ่น ถึงแม้จะกินข้าวต้มหมดแล้ว ก็ยังเลียชามอยู่...ผู้หญิงแต่ละคนหน้าเหลืองซีดเซียว ท้องป่องโต หลบอยู่ตามมุมเด็ก ๆ ยิ่งไม่กล้าเข้าใกล้ หลบอย

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status