“ยัยหนู เธอคิดจะขายหรือไม่? จอกสุราปกติต้องมีเป็นคู่ ถ้าเธอมีครบคู่ ฉันจะเสนอราคาให้ถึงสองหมื่นห้าพันล้าน!”เย่มู่มู่รู้สึกเจ็บปวดในใจ เธอไม่อยากให้จ้านเฉิงอิ้นต้องมาตายตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้สองหมื่นห้าพันล้านเพียงพอที่จะเลี้ยงดูคนหนึ่งแสนคนได้แต่สำหรับให้ทหารสองหมื่นนายของเขาเอาชนะกองทัพคนเถื่อนสามแสนนาย คงไม่เพียงพอแน่!เย่มู่มู่กัดฟัน ก่อนจะหยิบจอกสุราอีกใบออกมา“ฉันมีสองใบ สองหมื่นห้าพันล้านน้อยเกินไป!”เมื่อผู้อาวุโสมู่มองเห็นว่าเย่มู่มู่มีจอกสุราครบทั้งสองใบจริง ๆ เขาก็ดีใจมากจนทำแว่นตาหลุดมือที่สั่นเทาของเขารีบหยิบจอกขึ้นมา ตรวจสอบด้วยแว่นขยายเขาตื่นเต้นจนริมฝีปากสั่นระริก “ใช่แล้ว ใช่เลย! นี่คือจอกสุราคู่ที่สภาพสมบูรณ์ และยังคงงดงามเป็นอย่างยิ่ง!”“เธอต้องการเท่าไหร่?”เย่มู่มู่ตอบว่า “ฉันต้องการเงินสด และราคาต้องถึงขีดสูงสุด”ผู้อาวุโสมู่เบิกตากว้าง “เธอต้องการสามหมื่นล้านเหรอ?”เย่มู่มู่พยักหน้าเขาเริ่มลังเลแล้ว!เมื่อเย่มู่มู่เห็นเช่นนั้น ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง “ถ้าคุณไม่มีปัญญาจ่าย ฉันไปถามร้านข้าง ๆ ก็ได้!”เธอลุกขึ้นเตรียมเก็บจอกสุราคืนแต่ผู้อาวุโสมู่
เย่มู่มู่ขับรถไปถึงตลาดสด และมองหารถบรรทุกขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกได้ถึงสามสิบตันเธอบอกว่าจะซื้อของบริจาคเพื่อส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย!ไม่ว่าจะเป็น ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ผักกวางตุ้ง ผักกาดเล็ก หัวไชเท้า แครอท มันเทศ มันฝรั่ง และข้าวโพด…เธอเหมาผักหมดทั้งตลาดแล้วพ่อค้าแม่ค้าผักเห็นเธอซื้อของมากขนาดนี้ ต่างรีบกรูเข้ามาล้อมเธอ พร้อมเสนอลดราคาขายให้เธอในราคาถูกกว่าปกติ!เย่มู่มู่ซื้อของทั้งหมดในตลาดสดจนเกลี้ยง พร้อมจ้างรถบรรทุกสองคันจากนั้นเธอก็จัดหาคนมาช่วยขนของขึ้นรถ พร้อมให้ที่อยู่ของโกดังกับคนขับรถบรรทุก ให้พวกเขาขนของไปที่โกดังคุณลุงที่ดูแลโกดังอยู่ทั้งวันก็ยังคงเฝ้าประตูตามปกติหลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ เย่มู่มู่จึงเดินทางไปร้านขายยาไม่ว่าจะเป็นผ้าก๊อซ แอลกอฮอล์ล้างแผล แหนบ คีม มีดผ่าตัด กรรไกร และไหมเย็บแผลเธอซื้อมาอย่างครบครันรวมถึงเข็มฉีดยา กระบอกฉีดยา ยาปฏิชีวนะ ยาห้ามเลือด และยาแผนตะวันตกอื่น ๆ ก็ซื้อไปหมดนอกจากนี้ยังมียาแผนจีนแบบสำเร็จรูป เช่น อวิ๋นหนานไป๋เย่า[1] ยารักษาอาการฟกช้ำ ยาห้ามเลือดต่าง ๆ ยาลดการอักเสบ และยาช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อ…เธอแวะร้านขายสมุ
จ้านเฉิงอิ้นยืนเฝ้าข้างแจกันไม่ห่างฉับพลันนั้นน้ำก็หยุดไหล เขาลุกขึ้นเดินไปหยุดยืนข้างแจกัน เห็นกระดาษสีขาวโปรยลงมาอักษรคมกริบ จดจำได้ง่ายเพียงแต่อักษรเหล่านี้ขาดแขนและขา จ้านเฉิงอิ้นอ่านปะติดปะต่อกันก็เข้าใจท่านเทพยาดากล่าวว่า ส่งยามาหนึ่งชุด!ยาหรือ!!!หากมียา ทหารน้อยซ่อมเกือกม้าเป็นก็จะรอดชีวิตแล้วประชาชนในเมืองอาจไม่ต้องหิวตาย เพราะขาดน้ำและอาหารร่างกายจึงย่ำแย่ แค่อาการหวัดเล็กน้อยก็สามารถคร่าชีวิตคนได้หากมียา ทหารห้าพันนายที่ตายไปในสมรภูมิครั้งก่อน อย่างน้อยก็คงช่วยชีวิตได้ครึ่งหนึ่ง!จ้านเฉิงอิ้นกำกระดาษไว้แน่น น้ำใส ๆ รื้นขอบตา เพียงส่งอาหารและน้ำมาก็เป็นความปรารถนาสูงสุดของเขาแล้วนึกไม่ถึงว่าท่านเทพยดาถึงขั้นส่งยามาให้ด้วยสิ่งที่กองทัพตระกูลจ้านขาดแคลนก็คือยา!จ้านเฉิงอิ้นน้ำเสียงแหบพร่า เอ่ยเสียงสะอื้นว่า “เถียนไท่ เรียกหมอทหารทุกคนมาที่นี่”เถียนไท่กับทหารนายอื่นได้ยิน ก็พลันลุกขึ้น รายล้อมเขาด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน“ท่านแม่ทัพ ท่านเทพยดาส่งยามาแล้วหรือขอรับ?”“จริงหรือขอรับ? หากมียา ทหารที่ได้รับบาดเจ็บอีกหลายร้อยคนในค่ายก็ไม่ต้องรอความตายอีกแล้ว!”“บา
เขาหยิบผ้าพันแผลที่อยู่บนพื้นขึ้นมา ยังมีสำลีฆ่าเชื้อ เข็มฉีดยา น้ำยาฆ่าเชื้อเตี่ยนฝู[1]…และมีอุปกรณ์ผ่าตัดนานาชนิด ทั้งมีดผ่าตัด คีมผ่าตัด…เขาตื่นเต้นจนพูดไม่เป็นประโยค “ท่านแม่ทัพ นะ นี่มันยาฆ่าเชื้อ ใช่…?”จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้าให้เขาซ่งอวิ๋นฮุยกำคีมผ่าตัดในมืออย่างตื้นตันจนไม่อาจบรรยาย!ท่านเทพยดามอบให้แก่พวกเขาท่านเทพยดาไม่เพียงส่งยามาให้ ยังส่งวิทยาการด้านการแพทย์ที่ล้ำยุคมาให้ด้วยคีมผ่าตัด กรรไกรผ่าตัด…เครื่องมือเหล่านี้ประณีตกว่าของในสำนักหมอหลวงหลายเท่า!จ้านเฉิงอิ้นมอบหนังสือ ‘คู่มือหมอเท้าเปล่า’ ให้ซ่งอวิ๋นฮุยหนึ่งเล่มเขาเปิดอ่านอย่างไม่รีรอ เห็นในตำรามีเทียบยาที่เอาไว้ใช้รับมือกับโรคระบาด ก็พลันดีใจอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง“ท่านแม่ทัพ มีเทียบยาที่เอาไว้ใช้รักษาโรคระบาดต่าง ๆ อยู่ด้วย! มีตำราเล่มนี้อยู่ หมอในแคว้นต้าฉี่ก็ไม่ต้องปวดหัวกับโรคระบาดอีกแล้ว!”จ้านเฉิงอิ้นยิ้มตอบ “หมอทหารซ่ง ท่านนำกลับไปศึกษาเสีย ยังมียาเหล่านี้อีก มีวิธีใช้เขียนติดอยู่บนถุง”ด้วยกลัวว่าเขาจะไม่รู้อักษร จึงได้มอบตารางโครงสร้างส่วนประกอบอักษรแบบใหม่ให้เขาด้วยส่วนหมอทหารที่เหลือ ก็ได้ร
เฉินขุยเห็นจ้านเฉิงอิ้นสีหน้าไม่ค่อยดีนัก จึงถามอย่างเป็นห่วงว่า “ท่านแม่ทัพ ทางเมืองหลวงส่งข่าวอันใดมาหรือขอรับ?”จ้านเฉิงอิ้นยื่นจดหมายให้เขาเขาคลี่จดหมายออก ขณะที่นายทหารที่เหลือเองก็รุมล้อมเข้ามาดูด้วยเห็นเพียงข้อความหนึ่งเขียนไว้ว่า ‘ปกป้องสุดชีวิต’!เฉินขุยสบถออกมาด้วยความเดือดดาล “เดิมทีพวกข้ามีทหารหนึ่งหมื่นนาย ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่ร้อย ไม่ส่งอาหารส่งน้ำมา ไม่ส่งกำลังเสริมมาไม่พอ มิหนำซ้ำยังสั่งให้ปกป้องเมืองไว้สุดชีวิตอีกงั้นเรอะ!”“นี่เท่ากับสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปตายไม่ใช่หรือ?”อู๋ซานหลางขมวดคิ้วมุ่น “ท่านแม่ทัพ ไม่มีกำลังเสริมแล้วจริงหรือขอรับ?”ถึงแม้พวกเขามีเสบียงแล้ว แต่ทหารสองหมื่นนายจะทัดทานทหารสามแสนนายจากเผ่าหมานได้อย่างไร!หากเรื่องที่พวกเขามีเสบียงอาหารและน้ำแพร่งพรายออกไป เผ่าหมานจะต้องบุกรุกเข้ามายึดเมือง แย่งเสบียงอาหารทั้งหมดไปเป็นแน่บรรยากาศอึดอัดและตึงเครียดจนถึงขีดสุด!เฉินขุยเอ่ยต่อว่า “กองทัพหนึ่งแสนนายของแม่ทัพสวีหวยก็อยู่ห่างจากด่านเจิ้นกวานเพียงไม่กี่ร้อยลี้ เหตุใดฮ่องเต้น้อยจึงไม่มีราชโองการให้เขามาช่วยเหลือ หรือจะมองดูด่านเจิ้นกวนถูก
พวกเขาเลียนแบบนายกองจ้าวจง พากันยกหัวไชเท้าแดงขึ้นมาลองกัดอย่างระมัดระวังหนึ่งคำจากนั้นก็เบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ มีรสชาติหวานจริง ๆ!พวกเขากลืนกินหัวไชเท้าแดงหมดภายในไม่กี่คำ ถึงขั้นไม่ทันได้เคี้ยวให้ละเอียดด้วยซ้ำหลินต้าจวินเห็นพวกเขากินหมดแล้ว จึงกำชับพวกเขาว่า “เบาเสียงหน่อย ย้ายเสบียงไปที่ค่ายทหารก่อน!”พวกเขานำข้าวสารหนึ่งถุงใส่ตะกร้าก่อน จากนั้นก็ทับด้วยน้ำมันหนึ่งถัง แป้งสาลีหนึ่งถุง ตามด้วยเกลือทำอาหารอีกจำนวนหนึ่ง ปิดท้ายด้วยการวางผักกาดขาว และกะหล่ำปลีครั้นเห็นช่องว่างในตะกร้าก็เสียบมะเขือยาว มะเขือเทศและหัวไชเท้าแดงแซมเข้าไป…ตะกร้าไผ่กว้างมาก ทว่าพวกเขาก็ยังคงใส่ของมากเกินจนทำให้ปากตะกร้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยแต่พวกเขาไม่มีเวลาสนใจแล้ว ค่ายทหารอยู่ห่างจากค่ายทหารถึงสองลี้ ประตูด้านหลังมีเกวียนจอดอยู่ด้านนอกเกวียนหนึ่งเล่มสามารถใส่ตะกร้าได้สี่ตะกร้าพวกเขาใส่ของเต็มเกวียนสี่เล่ม อาศัยกำลังคนในการลากทั้งสิ้นในค่ายทหารมีม้า ทว่าม้าล้วนหิวจนผอมเหลือแต่กระดูก บางตัวก็ลุกไม่ไหว จึงทำได้เพียงอาศัยแรงคนเท่านั้นเพื่อปกป้องทรัพยกรชุดนี้ เฉินขุยกับหลินต้าจวินควบคุมการข
หลังผ่านไปครึ่งชั่วยาม จ้านเฉิงอิ้นได้รับถังทรงกลมขนาดใหญ่ที่มีตราสแตนเลสเกรดอาหารสามศูนย์สี่ประทับอยู่ถึงหนึ่งร้อยใบความใหญ่ของถังนั่นเทียบได้กับอ่างอาบน้ำทีเดียวหนำซ้ำยังใช้แต่เหล็กเนื้อดี ไม่ ทำมาจากเหล็กกล้าชั้นดีต่างหากผิวเหล็กเรียบลื่นจนเห็นเงาสะท้อนของคน ไม่มีรอยบุบแม้แต่น้อยวิทยาการในการผลิตล้ำยุค ทั่วทั้งแคว้นต้าฉี่ หรือแม้แต่ทั่วทั้งแผ่นดินหัวเซี่ย ล้วนหาฝีมือแบบนี้ไม่ได้ยังมีถาดทรงสี่เหลี่ยมอีกสามร้อยใบ ล้วนมีวัสดุเหมือนกันเหล่านายกองเห็นก็อดอุทานด้วยความแปลกใจไม่ได้เฉินขุยยกถังใหญ่ใบหนึ่งในนั้นขึ้นมา “ท่านแม่ทัพ หนักมาก หากนำเหล็กกล้าชั้นดีเยี่ยงนี้มาตีเป็นอาวุธ จะต้องตัดเหล็กได้ดุจดินเหนียว และมีกำลังต่อสู้เพิ่มขึ้นหลายเท่าเป็นแน่!”“ท่านเทพยดาถึงขั้นใช้ถังเหล็กกล้าเช่นนี้มาทำอาหาร ช่างเสียของจริง ๆ!”เหล่าทหารต่างก็รู้สึกเสียดายอย่างมากหากนำมาผลิตเป็นอาวุธจะดีสักแค่ไหนกันตอนนี้หัวหอกส่วนใหญ่ของเหล่าทหารล้วนทำมาจากทองสำริด ทองสำริดแข็งและคมสู้เหล็กกล้าไม่ได้อยู่แล้วซ่งตั๋วดูแลคลังอาวุธ ขอเพียงท่านแม่ทัพมีคำสั่ง เขาก็สามารถหาคนมานำอุปกรณ์เหล่านี้หลอมแล
แต่เมื่อเห็นอาหารปรุงสำเร็จเหล่านี้ เขาก็รู้สึกว่าชีวิตของเขาก็แค่นี้เอง ไม่ว่าจะเป็นอาหารจานไหน ไม่ต้องพูดถึงพ่อครัวของจวนแม่ทัพ ต่อให้เป็นพ่อครัวทั้งใต้หล้านี้ก็ไม่แน่ว่าจะจำส่วนผสมได้ทั้งหมด จ้านเฉิงอิ้นเอ่ย: “เก็บไว้ให้แม่ทัพหลินและแม่ทัพเฉินขุยหนึ่งชุด ส่วนที่เหลือก็ให้ทุกคนได้กินด้วยกัน” เมื่ออาหลี่ได้ยินเช่นนั้น เขาก็หยิบอาหารสองจานออกมา และเก็บข้าวไว้สองชาม! ขณะทุกคนกำลังถือชามและตะเกียบอยู่ในมือ เตรียมจะเริ่มกินนั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากนอกประตู “ท่านแม่ทัพ เสบียงถูกผู้ลี้ภัยปล้นไปแล้ว” ทันใดนั้น จ้านเฉิงอิ้นก็วางตะเกียบในมือลงและลุกขึ้นยืน นายทหารทั้งแปดวางชามและตะเกียบลง แล้วรีบเดินไปที่ประตูพร้อมกับแม่ทัพ นายทหารน้อยที่มาดูเหมือนจะอายุประมาณสิบกว่าปี ใบหน้ายังเหมือนเด็กอยู่ แขนของเขาได้รับบาดเจ็บ และมีเลือดไหลออกมา เขาพูดด้วยเสียงสั่นเทา: “ผู้ลี้ภัยกว่าร้อยคนสกัดกั้นเสบียงไว้ที่ท้ายตรอก แม่ทัพหลินยากที่จะก้าวเดินต่อไป แม่ทัพเฉินขุยสกัดกั้นอยู่ด้านหลัง มีทหารที่ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย” เมื่อจ้านเฉิงอิ้นได้ยินเช่นนี้ เขาก็สวมชุดเกราะและหยิบอาวุธ
ทหารเพิ่งเข้ามาในทัพ ยังไม่เคยผ่านการฝึกฝนระบบทางการ จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไร?สิ่งที่เขาต้องจัดการก็คือ ทหารผ่านศึกที่ผ่านมาร้อยสนามรบ มีประสบการณ์ที่จ้านเฉิงอิ้นพาออกมาจากด่านเจิ้นกวน อีกอย่างคือ ห้าหมื่นคนที่เซี่ยเวยนำไปยังแคว้นเยี่ยนที่สายของเขากล่าวในสาส์นลับ...ขอเพียงเขาไปขอให้ฮ่องเต้ต้าฉี่โยกย้ายกองทัพตระกูลจ้านแม้ฆ่าจ้านเฉิงอิ้นไม่ได้ ก็ยังทำให้เมืองหลวงต้าฉี่ว่างลงได้เขาแบ่งส่วนหนึ่งขึ้นเหนือ แล้วเอาเมืองหลวงที่ว่างลงมาโค่นล่มการปกครองของราชวงศ์ต้าฉี่!เขาแบ่งเป็นสองทางการจู่โจมจ้านเฉิงอิ้นไม่ใช่เป้าหมายหลัก เป้าหมายหลักก็คือการโจมตีเมืองหลวง ตั้งตนเป็นฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์สูงสุดทว่าตอนนี้...บางทีผู้นำใต้บัญชาของเขาอาจเข้าเมืองหลวงได้สำเร็จแต่เขาอาจจะไม่มีชีวิตรอดเขาประเมินจ้านเฉิงอิ้นต่ำเกินไปไม่คิดเลยว่าเขาจะรอจังหวะบุกโจมตี และซื้อตัวกองทัพลู่เจ๋อซื้อตัวหยางชิงเหอที่สมควรตายที่สุดก็คือ หยางชิงเหอผลิตปืนใหญ่ออกมา!ตอนนี้จะทำเช่นไร?เขาถูกองครักษ์ปกป้องเอาไว้ตรงกลาง หลีกเลี่ยงการเหยียบย่ำฝูงชน หลบไปทางที่คนน้อย ๆเขา จะได้อยู่ที่นี่ไม่ไ
เสียวอู่วางหน้าไม้ราชวงศ์ฉินลง เขายิงลูกศรสองดอกออกไปพร้อมกัน เรี่ยวแรงแข็งแกร่งไม่เท่าพี่หวังเซิ่ง เล็งเป้าบิดเบี้ยว...ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทัพใหญ่เจ็ดแสนก็ถูกทำให้ตกใจกลัวและหลับไปทั้งอย่างนี้เขาพลันเลื่อมใสในตัวแม่นางหยางผู้นี้ขึ้นมาวิธีนี้ของแม่นางหยาง ไม่เพียงช่วยกองทัพตระกูลจ้านเอาไว้ได้ แต่ยังช่วยชาวบ้านรอบ ๆ ไปด้วย...และยังดึงสุดยอดโรงงาน ภูเขาเหมืองกลับมา บุกเบิกที่หลายพันหมู่รอบ ๆชาวบ้านไม่ต้องเร่ร่อนไปทั่วอีกต่อไปสายตาของหยางชิงเหอมองไปที่เสียวอู่ “ยิงหน้าไม้ราชวงศ์ฉินได้ไม่เลวนี่ ข้าจะบอกกับท่านแม่ทัพใหญ่ ให้เขาตบรางวัลให้เจ้า!”พูดจบ หยางชิงเหอก็หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา แล้วเปิดช่องสื่อสาร“เห็นหรือไม่ พวกเขาถอยทัพแล้ว สกัดกั้นตอนนี้ยังทัน...”วินาทีถัดมาก็ได้ยินจ้านเฉิงอิ้นตะโกนขึ้นว่า “เตรียมหิน ผลัก...”หลังจากนั้นก็มีเสียงชาวบ้านพร้อมใจกันผลักดันแว่วดังขึ้นมาจากในวิทยุสื่อสารเสียงหินภูเขากลิ้งตกปนกับเสียงระเบิดเป็นบรรดาระเบิดกระบอกไม้ไผ่ที่ซื่อเมิ่งผลิตออกมาเมื่อวาน ตอนนี้ส่งไปใช้ในสนามรบหลังจากนั้น เสียงเข่นฆ่านานาชนิดก็แว่วดังขึ้นมา*บนเขา จ้านเฉ
ทัพใหญ่หยุดชะงักในฝูงชนแหวกออกเป็นทางขึ้นมาเส้นหนึ่งกองทัพธงเหลืองครั้นได้ยินว่าไม่ต้องทำศึกแล้ว ทั้งหมดก็ปกปิดรอยยิ้มแล้วออกไปตามมู่ฉีซิวพร้อมกันพวกเขาเป็นเพียงกองกำลังกบฏ แม้กองทัพตระกูลจ้านจะมีเพียงห้าหมื่นคนแต่ ได้ยินมาว่าอุปกรณ์สวมใส่ของกองทัพตระกูลจ้านดี!อาวุธของกองทัพตระกูลจ้านแหลมคมกองทัพตระกูลจ้านมีดินระเบิดที่มีพลานุภาพสูง...วันนี้นับว่าได้เห็นจะ ๆ กับตาแล้วดินระเบิดสองครั้ง ระเบิดพวกเขาไปยี่สิบกว่าคน หากตกลงท่ามกลางผู้คน คงจะระเบิดตายเป็นเบือมากขึ้นหากรู้ พวกเขาไม่ได้แตะกระทั่งชายเสื้อของกองทัพตระกูลจ้านผู้นำจะถอยทัพพวกเขาอยากรีบถอยทัพใจจะขาดพวกเขาทำเพื่อประทังชีวิตเท่านั้น เพื่อให้ได้มีชิวิตอยู่ในกลียุค ก็ล้วนเสียดายชีวิตมากทั้งสิ้น!ทหารเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยเห็นกองทัพธงเหลืองของมู่ฉีซิวไปแล้ว ต่างก็พากันมองไปที่หลัวซู่ม่อเป่ยอ๋อง...พวกเขาล้วนมีปมในใจเพราะดินระเบิดแล้ว!เมื่อครู่ยิงกระสุนปืนใหญ่มาสองครั้ง ทั้งหมดล้วนล้มตัวนอนลง พลางใช้สองมือกอดหัว หลบอยู่เบื้องหลังสิ่งกำบังความกลัวที่พวกเขามีต่อดินระเบิด ก่อตัวเป็นเงื่อนไขการตอบสนองกลับ มีการตอบส
ครั้นมู่ฉีซิวเห็นภาพนี้ นัยน์ตาก็สั่นเครือ เขาหันหัวม้า แล้วตะโกนกับอีกสามคนว่า“วิ่ง วิ่งเร็วเข้า สู้ไม่ไหว...”“พวกเขามีปืนใหญ่!”พูดจบเขาก็ควบม้าเผ่นแนบออกไปองครักษ์อย่างไม่คิดชีวิตเขาเพิ่งหนีออกไปได้ไม่ถึงยี่สิบเมตร หินก้อนใหญ่ตรงที่ยืนเมื่อครู่ ก็เกิดเสียงอึกทึกตึงตังหินก้อนใหญ่พลันระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระเด็นออก แตกกระจัดกระจายร่วงลงมานายทหารนับสิบที่ยืนอยู่ตรงนั้นถูกระเบิดได้รับบาดเจ็บหลายคนถูกระเบิดตายคาที่!ทว่าครั้นหลัวซู่ม่อเป่ยอ๋องเห็นภาพนี้ มือที่กุมบังเหียนอยู่ก็กำขึ้นเป็นหมัด เส้นเลือดดำที่หลังมือปูดขึ้นมาภาพนี้ เขาคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่งทัพกองกำลังหลักม่อเป่ยของเขา ก็พ่ายแพ้ให้กับดินระเบิดของกองทัพตระกูลจ้านตอนนี้ไม่คิดเลยว่าดินระเบิดของพวกเขาจะยกระดับแล้ว สามารถใช้อุปกรณ์ติดตั้งทำให้เกิดการลุกไหม้ได้ตลอดเวลา มิหนำซ้ำยังกำหนดจุดระเบิดได้อีกด้วยมู่ฉีซิวเองก็เกือบถูกระเบิดตายแล้วหากเขาช้าไปอีกก้าวหนึ่ง...ต้องถูกระเบิดตายอย่างแน่นอน!แม้ว่าตอนนี้ เหล่าองครักษ์ของเขาจะช่วยเขาสกัดกั้นควันหลงของดินระเบิดมีองครักษ์ถูกระเบิดตายส่วนหลังของเขาเต็มไป
กระบอกไม้ไผ่สิบกว่าอัน ใหญ่กว่าที่ทำเมื่อวานหนึ่งเท่าหยางชิงเหอเห็น ก็เป็นกังวลเล็กน้อย“ไม่แน่ว่าจะใส่หน้าไม้ราชวงศ์ได้!”หวังเซิ่งกล่าว “ข้าขอลองหน่อย!”เขาใช้สายสองเส้นตรึงกระบอกไม้ไผ่ก่อนยิงออกไป ดึงสายจุดไฟ...ครั้นยิงหน้าไม้ออกไป...มู่ฉีซิว เยี่ยนซวี่ แม่ทัพลั่ว หลัวซู่ม่อเป่ยอ๋องทุกคนอยู่หน้าสุดของกองกำลังพวกเขาเพิ่งเดินมาถึงใต้หุบเขาแห่งหนึ่ง...ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงอึกทึกดังตูมเสียงหนึ่งจู่ ๆ บนยอดเขาก็มีเสียงระเบิดดังอึกทึกหลังจากนั้น ม้าก็อยากวิ่งหนีไปทุกทิศทุกทาง ราวกับตกใจทว่าวินาทีถัดมา ก็มีหินก้อนมหึมากลิ้งตกลงมาจากบนยอดเขาเนื่องจากหลุมลึกที่เกิดจากการระเบิด ทำให้หินผุกร่อนกลิ้งตกลงมาอย่างต่อเนื่องม้าของทหารม้าด้านหน้า วิ่งเตลิดไปคนละทิศคนละทาง เหยียบทหารไปไม่น้อยส่วนทหารที่อยู่เบื้องหลัง ครั้นเห็นดังนั้นก็รีบถอยหลังคนที่อยู่ด้านหน้าถอยหลัง คนที่อยู่ด้านหลังเบียดไปด้านหน้า การเดินหน้าของทัพใหญ่พลันเข้าสู่การชะงักหลัวซู่ม่อเป่ยอ๋องรีบรั้งบังเหียน พร้อมตะโกน “ทุกคนทำให้ม้าสงบ สงบสติ...”เมื่อเยี่ยนซวี่ได้ยินเสียงแสนคุ้นเคยนี้ สีหน้าก็ซีดเผือด
จ้านเฉิงอิ้นและเหล่าผู้นำ ทั้งหมดต่างยืนอยู่บนสิ่งปลูกสร้างที่สูงที่สุด ใช้กล้องส่องทางไกลมองไปพื้นที่ราบใต้ยอดเขาสองสามแห่ง เต็มไปด้วยผู้คนแน่นขนัดทัพใหญ่เจ็ดแสนนาย ยาวเหยียดเป็นกิโลเมตร มองไม่เห็นที่สิ้นสุดพวกเขาล้วนสวมชุดเกราะ มือถืออาวุธ บุกโจมตีเข้ามาทางฐานที่มั่นของกองทัพตระกูลจ้านส่วนกองทัพตระกูลจ้านที่เมื่อคืนเหน็ดเหนื่อยมาทั้งคืน และพวกชาวบ้าน ทุกคนสะดุ้งตื่นเพราะเสียงอึกทึกพวกเขาเพิ่งนอนได้ยังไม่ถึงสองชั่วยาม เบิกตาสะลึมสะลือพลางลนลานสวมชุดเกราะ พกอาวุธติดตัว และถูกผลักไปบนสนามรบอันโหดร้ายทั้งอย่างนี้หยางชิงเหอคิดไม่ถึงว่า มู่ฉีซิวจะบุกโจมตีเข้ามาจริง ๆคนของเขาต้องยังไม่ถึงเมืองหลวงเป็นแน่ก้าวนี้ของเขา เป็นการเสี่ยงอันตรายเพราะเข้าตาจนจ้านเฉิงอิ้นมองทัพศัตรูที่ทอดสายตามองไปไม่เห็นจุดสิ้นสุด พลางถามหยางชิงเหอ “เจ้าบอกว่า เมื่อมู่ฉีซิวเห็นกระบอกเหล็กเหล่านี้จะถอยทัพ!”หยางชิงเหอพยักหน้า “ใช่!”“หากเป็นเมื่อวาน มีความเป็นไปได้เพียงหกส่วน เช่นนั้นวันนี้มีความเป็นไปได้เก้าส่วนที่จะถอยทัพ!”เนื่องจากทัพกองกำลังหลักของมู่ฉีซิวไม่ได้มา กำลังอยู่ระหว่างทางไปเมืองห
“ขอรับ ท่านแม่ทัพ ข้าคลุกคลีอยู่กับกองทัพธงเหลืองมากที่สุด ในค่ายทหารเลื่อนขั้นเร็วที่สุด พวกเขาเป็นล่อหรือเป็นม้า ในใจข้ารู้ดีที่สุด”เมื่อเป็นเช่นนี้ จ้านเฉิงอิ้นจึงกล่าวว่า “เฉินอู่ หวังเซิ่ง ฟังคำสั่ง พวกเจ้าสองคนนำทหารผ่านศึกห้าหมื่นนาย นั่งรถไปห้าร้อยคัน ด้านล่างบรรทุกสิ่งของและยุทธภัณฑ์ ด้านบนให้คนนั่ง สกัดกั้นกองทัพธงเหลืองให้ได้!”“หากวันนี้พวกเขาไม่โจมตีเมือง คืนนี้ก็คุ้มกันพวกเจ้าออกเดินทาง!”“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”เฉินขุยกล่าวขึ้นด้วยความสงสัย “แต่ว่าท่านแม่ทัพ เราเพิ่งจะมีรถเพียงสองร้อยคันเท่านั้น!”“ท่านเทพบอกไว้ว่าจะส่งมาคืนนี้...”ครั้นสิ้นเสียง ก็มีกระดาษขาวใบหนึ่งลอยลงมาจากปากแจกันเถียนฉินหยิบขึ้นมาส่งให้จ้านเฉิงอิ้นเห็นเพียงในนั้นเขียนไว้ว่า “จ้านเฉิงอิ้น ส่งรถบรรทุกที่เหลือสามร้อยคันไปแล้ว”“รถบรรทุกน้ำมันหามาได้แค่ยี่สิบคัน ประหยัดหน่อยนะ!”“อีกยี่สิบนาทีจะส่งมา!”จ้านเฉิงอิ้นพลันฉีกยิ้มดูสิ ท่านเทพไม่มีทางผิดคำพูดเป็นอันขาดหยางชิงเหอมองกระดาษแผ่นนั้นทีหนึ่ง ก่อนจะพึมพำขึ้นมาประโยคหนึ่ง “คุณหนูเย่ผู้นี้ ช่างดีกับท่านแม่ทัพใหญ่ยิ่งนัก!”เมื่อมั่วฝานได
มู่ฉีซิวฉีกยิ้มพลางทำท่าคารวะ “คำยินดีของเยี่ยนอ๋อง ข้ารับไว้ก่อนแล้ว!”“ฉะนั้น ไม่เห็นจำเป็นต้องแตกหักกับม่อเป่ยอ๋องเลย มา ข้าจะไปไกล่เกลี่ยให้ ท่านกับม่อเป่ยอ๋องยิ้มแย้มให้กันความขุ่นเคืองก็ลืมมันไปเถิด!”มู่ฉีซิวกล่าวจบ ก็โน้มน้าวเยี่ยนซวี่กลับไปแต่เยี่ยนซวี่ไม่กระดุกกระดิก กลับกันยังถามเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมอีกด้วย“เจ้าจะยังโจมตีจ้านเฉิงอิ้นหรือไม่?”“โจมตี โจมตีอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นข้าจะอุตส่าห์ตรากตรำเชิญทุกท่านมาที่นี่ทำไม!”เยี่ยวซวี่ถึงถูกมู่ฉีซิวโน้มน้าวกลับไปพวกเขาเข้าไปในกระโจม อากาศยานไร้คนขับไม่สามารถถ่ายภาพต่อจากนี้ได้ มองอะไรไม่เห็นหลังภาพตัดไป ทหารทุกนายก็พากันเงียบพวกเขาไม่เคยเห็นลูกศิษย์ที่ไร้ยางอายและโหดเหี้ยมเช่นมู่ฉีซิวเช่นนี้มาก่อน!หยางชิงเหอที่เพิ่งได้รับตำแหน่งแม่ทัพเงียบไปอยู่นานสองนาน จู่ ๆ ก็เอ่ยปากขึ้นมาว่า“ทุกคนเห็นชัดกันแล้วว่ามู่ฉีซิวเป็นคนเช่นไร!”“สำหรับเขาแล้ว การโจมตีกองทัพตระกูลจ้านมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย จึงตั้งทัพร่วมกับเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยและแคว้นเยี่ยนรุมโจมตีกองทัพตระกูลจ้าน”“แต่เขาก็ยังมีวิธีเล่นอย่างที่สอง หากแพ้ขึ้นมา! เขาย
“ฉันรับของไว้แล้ว แล้วเจอกันค่ะ!”ทั้งสองคนไปส่งเวินลี่กลับที่หน้าประตู ทว่าไม่ได้ย่างเท้าออกจากคฤหาสน์เวินลี่ทองสองหนุ่มจากกระจกมองหลัง ไม่รู้ว่าคุณหนูเย่ไปหาบอดี้การ์ดมาจากไหนอายุยังน้อย แถมยังจงรักภักดีมากทีเดียว!*ต้าฉี่ ภูเขาเหมืองฟ้าสว่างแล้ว ชาวบ้านทั้งเมืองทำงานกันทั้งคืนตอนนี้ บนกำแพงเมืองมีปืนใหญ่วางเรียงรายอยู่เป็นหน้าตับแน่นอนว่า ล้วนเป็นปืนใหญ่ของปลอมที่ทำกันทั้งคืน!บรรดาชาวบ้านและทหารเองก็ไม่รู้ว่ามีประโยชน์อันใดเพียงแค่ขนย้ายขึ้นไป พวกเขาก็สูญเสียพละกำลังไปมหาศาลแล้วขนย้ายทั้งคืน ชาวบ้านล้วนเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดตอนนี้ไปนอนกันหมดแล้วโจ๊กที่พ่อครัวต้มตอนเช้า ไม่มีใครกินเลยสักคนผู้ชายไม่น้อยนอนแผ่กับพื้นโดยตรงกระทั่งพวกเฉินขุยเฉินอู่ ล้อมปืนใหญ่กระบอกหนึ่งพลางขบคิดเฉินขุยค้อมตัวลงพลางมองยางรถเปล่า!“ยางรถนี่อ่อนนุ่มนิ่ม เดิมทีประคองท่อเหล็กไม่ไหวอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะชั้นตรงกลาง ยางรถก็ยุ่ยไปนานแล้ว”เฉินอู่ลูบคาง “ข้ามองไม่ออกจริง ๆ ว่าเจ้าสิ่งนี้มีประโยชน์อะไร?”ทั้งสองคนมองไปที่จวงเหลียงผู้มีสติปัญญาเฉียบแหลมจวงเหลียงหมดคำพูด มือเขาสัม