Share

บทที่ 7

ทหารสิบนายเดินกลับมาจากบ้าน พวกเขาขอบตาแดงก่ำ ต่างผ่านการร้องไห้มา

เมื่อวานนี้สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนเต็มไปด้วยความโศกเศร้าปนความสิ้นหวัง

ทว่าตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ต่อให้ขอบตาจะแดงก่ำ แต่ปากกลับฉีกยิ้ม

พวกเขากำลังรอให้เย่มู่มู่ส่งน้ำมาให้!

ในเวลานี้ ที่หน้าประตูจวนแม่ทัพเกิดเสียงดังวุ่นวาย มีผู้ลี้ภัยกำลังสร้างปัญหา

จ้านเฉิงอิ้นให้เถียนฉินออกไปดู

พวกเขาออกไปได้ไม่นาน คนที่มารวมตัวกันสร้างปัญหาก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียงดังเข้ามาในจวนด้านในได้ยินกันชัดเจน

จ้านเฉิงอิ้นลุกขึ้น เพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงทุกคนร้องตะโกนว่า “ขอท่านแม่ทัพได้โปรดเปิดยุ้งฉางแจกจ่ายธัญพืชออกมาด้วยเถอะ”

“ท่านแม่ทัพ ทั้งที่จวนของท่านมีข้าวสาร เหตุใดต้องซ่อนไว้กินเพียงคนเดียว? หรือว่าท่านอยากจะมองดูชาวบ้านด่านเจิ้นกวนหิวตายทั้งเป็นไปต่อหน้าต่อตาหรือ?”

“ท่านแม่ทัพ ได้โปรดช่วยพวกชาวบ้านด้วยเถอะ พวกเราไม่อยากหิวตาย!”

หน้าประตูจวนแม่ทัพ ชาวบ้านที่สร้างปัญหาก็มีถึงสองร้อยคนแล้ว!

ผู้นำก็คือชายที่มีนามว่าหลิวซื่อ ภายใต้ใบหน้ายาวนั้นคือดวงตาสามขาวและโหนกแก้มโดดเด่น

เขารู้จักกับพ่อที่แลกเปลี่ยนลูกเมื่อวานนี้ เมื่อก่อนเคยเป็นอันธพาลในท้องที่เช่นเดียวกัน

ครั้นเขาเห็นจ้านเฉิงอิ้นเดินออกมาจากจวนแม่ทัพ ก็ร้องตะโกนเสียงดัง “ท่านแม่ทัพออกมาแล้ว ทุกคนขอร้องให้เขาแจกธัญพืชเถอะ พวกเราจะมีชีวิตรอดต่อไปหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับท่านแม่ทัพแล้ว!”

นัยน์ตาทั้งสองของจ้านเฉิงอิ้นมองไปยังกลุ่มคนที่สร้างปัญหาด้วยแววตามืดมน

“จวนแม่ทัพไม่มีข้าว รีบออกไปเสีย!”

หลิวซื่อหัวเราะฮ่า ๆ ทั้งกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ ท่านบอกว่าไม่มีข้าวก็คือไม่มีข้าวหรือ?”

เขาลากหญิงชราที่ถูกตีจนหน้าบวมเขียวช้ำออกมาจากมุม เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อายุสามขวบถูกนางกอดปกป้องเอาไว้แน่นในอ้อมอก

ใบหน้าของหญิงชราเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาขุ่นมัวคู่นั้นคลอไปด้วยน้ำตา รู้สึกผิดต่อแม่ทัพ ไม่กล้ามองไปที่เขา

หลิวซื่อล้วงกระดาษสีทองที่ใช้ห่อข้าวปั้นออกมาจากกระเป๋ากางเกง บนนั้นยังมีเมล็ดข้าวสีขาวติดอยู่

ชาวบ้านที่หิวโหยจนแทบหมดสติเห็นเมล็ดข้าวนั้น ต่างก็พากันกลืนน้ำลาย

นั่นคือข้าวขาวนี่!

ต่อให้จะมีแค่ไม่กี่เม็ด ใครบ้างจะไม่อยากกิน?

ตอนที่ยังไม่เกิดภัยแล้ง พวกเขายังอาลัยอาวรณ์ซื้อข้าวขาว ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เกิดความอดอยากไปทั่วทุกที่

“ท่านแม่ทัพ ท่านให้ข้าวปั้นกับหญิงชราตายยากผู้นี้กินได้ เหตุใดถึงไม่ให้พวกเรา[hk’ ทั้งที่ท่านก็มีธัญพืช”

“ท่านอยากให้ชาวบ้านทั้งเมืองหิวตายหรืออย่างไร?”

เมื่อหลิวซื่อกล่าวจบ ชาวบ้านทั้งหมดก็ตะโกนขึ้น “ขอท่านแม่ทัพแจกจ่ายธัญพืชด้วยเถอะ!”

“ได้โปรดท่านแม่ทัพแจกจ่ายธัญพืชด้วย...”

“ท่านแม่ทัพ ให้ทางรอดกับพวกเราด้วยเถอะ!”

คนหลายร้อยคนพากันคุกเข่า ขอร้องให้จ้านเฉิงอิ้นแจกจ่ายธัญพืช

แต่เขาเองก็ไม่มีธัญพืชเช่นกัน

ถุงเส้นหลายร้อยถุงเมื่อเช้านี้ ต้องส่งให้ค่ายทหารก่อน มิเช่นนั้นม้าศึกสองร้อยตัวสุดท้ายอาจจะรักษาไว้ไม่ได้แล้ว!

เรื่องนี้ เขาจะปล่อยปละละเลยไม่ได้

หลิวซื่อเห็นว่าจ้านเฉิงอิ้นนิ่งเฉย จึงผลักย่างเอ๋อร์และแม่ของเขาที่ถูกตีจนแทบจำไม่ได้ไปตรงหน้าจ้านเฉิงอิ้น

เขากล่าวอย่างดุร้าย “พูดมา แม่ทัพให้ข้าวปั้นกับพวกเจ้าใช่หรือไม่? ในข้าวปั้นห่อเนื้อไว้ด้วย!”

เมื่อได้ยินว่าข้าวปั้นมีเนื้อ ผู้คนมากมายต่างก็พากันกลืนน้ำลายอึก ๆ

หญิงชราถูกตีจนหายใจรวยริน ให้ตายก็ไม่ยอมเปิดปาก

ย่างเอ๋อร์ปกป้องแม่ของเขา หลิวซื่อด่าว่า “ท่านสมรู้ร่วมคิดกับท่านพ่อ กินน้องชายและน้องสาวของข้าไปแล้ว แม้แต่แม่ของข้าก็ไม่ยอมปล่อยไป ข้าจะฆ่าท่านเสีย!”

เด็กอายุสิบขวบคิดจะสู้อย่างสุดกำลังกับหลิวซื่อ แต่กลับถูกหลิวซื่อเตะกลิ้งออกไป

ขณะที่เขาคิดจะเหยียบไปที่หน้าอกของเด็กนั้น

ดาบแหลมคมของจ้านเฉิงอิ้นก็พุ่งเข้าไป ตัดไปที่คอของเขาในดาบเดียว

เลือดสีแดงฉานพุ่งออกมา ชาวบ้านหลายคนที่เดินหน้าเข้ามาสร้างปัญหาก่อนหน้านี้ ตื่นกลัวจนรีบหดหัวของตัวเอง แล้วถอยกลับไปอย่างต่อเนื่อง

คนที่ฆ่าบ่าวรับใช้ของจวนแม่ทัพคราวก่อน ก็ถูกลากไปที่สนามรบ และถูกฆ่าตายทั้งหมด!

แต่จวนแม่ทัพมีธัญพืช!

ออกไปก็หิวตาย ถูกลากไปที่สนามรบก็ตาย...

ไม่ว่าจะทางไหนก็ตาย

พวกเขาแค่อยากจะเป็นผีที่อิ่มท้อง!

จ้านเฉิงอิ้นสังหารคนจนสั่นสะเทือนสยบทุกผู้คนเอาไว้ได้

แต่กลับไม่มีใครออกไป

พวกเขายังคงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าจวนแม่ทัพ เชื่อมั่นว่าท่านแม่ทัพมีธัญพืช ถ้าได้กินสักคำ

ต่อให้ตาย พวกเขาก็ยอม!

มือข้างหนึ่งของจ้านเฉิงอิ้นกำด้ามกระบี่เอาไว้แน่นอย่างเอาเป็นเอาตาย!

มองไปที่ชาวบ้านที่กำลังคุกเข่าอยู่หน้าจวนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ!

ในขณะที่บรรยากาศกำลังร้อนระอุ ทั้งสองฝ่ายเริ่มทนไม่ไหว เฉินขุยเฉินอู่สองพี่น้องก็วิ่งออกมาดูข้างนอกด้วยความดีใจ

“ท่านแม่ทัพ น้ำมาแล้วขอรับ!”

ชาวบ้านที่ได้ยินก็เงยหน้าขึ้นทันที

คราวก่อนที่จวนแม่ทัพแจกจ่ายน้ำให้ ก็แจกจ่ายเพียงครึ่งวัน ทั้งครอบครัวดื่มไปไม่กี่จิบก็หมดแล้ว!

ตอนนี้ยังมีน้ำอีกหรือ?

ถ้ามีน้ำ ก็จะมีคนรอดชีวิตเพิ่มมากขึ้น น้ำสามารถต้มรากหญ้าเปลือกไม้กินได้

เฉินขุยนำกระดาษที่เย่มู่มู่ส่งมามอบให้กับจ้านเฉิงอิ้น

แล้วยังพูดกระซิบเสียงเบา ๆ ข้าง ๆ หูของจ้านเฉิงอิ้นด้วย “ท่านเทพส่งข้าวสารมาอีกสามถุงใหญ่ แป้งสาลีหนึ่งถุง ข้าวสารสามร้อยชั่ง แป้งสาลีห้าสิบชั่ง”

จ้านเฉิงอิ้นสั่งว่า “ส่งไปที่ค่ายทหารแล้วตั้งหม้อต้มโจ๊ก ให้พวกทหารได้กินก่อน”

เฉินขุยพยักหน้า “อีกหนึ่งชั่วยาม ก็ให้ชาวบ้านมาต่อแถวเอาน้ำ”

“ขอรับท่านแม่ทัพ!”

เฉิยขุยจึงตะโกนบอกพวกชาวบ้าน “เชิญทุกคนไปที่ประตูด้านหลังจวนแม่ทัพ อีกหนึ่งชั่วยามจะแจกจ่ายน้ำ ไม่จำกัดจำนวนคน ทุกคนไปต่อแถวตักน้ำ ใครมาก่อนได้ก่อน”

ชาวบ้านที่เดิมทีคุกเข่าอยู่ได้ยินว่ามีน้ำ ก็วิ่งไปที่ประตูด้านหลังราวกับฝูงผึ้ง

ชายผิวดำและผอมหลายคนคอยมองการเคลื่อนไหวของจวนแม่ทัพอยู่ที่มุมเลี้ยวหนึ่ง

เมื่อวานนี้ จ้าวโหย่วไฉ่เห็นแม่ทัพออกมาจากจวนก็ตามไป

เขาเห็นกับตาว่าแม่ทัพยัดของให้หญิงชรา!

หลังจากแม่ทัพไป เขาก็เข้าไปแย่งข้าวปั้น

เขาเป็นคนตีนางเอง หลิวซื่อเขาเป็นแค่นกที่จู่ ๆ ก็ยื่นหัวออกมาเอง

เขาเอาเรื่องที่จวนแม่ทัพมีธัญพืชไปบอกเหวยกวงอดีตอันธพาลดุร้ายบนถนน

เหวยกวงมีลูกน้องชื่อซุนหย่าปาที่สามารถอ่านปากได้ เขาบอกว่า “จวนแม่ทัพยังมีข้าวสารสามร้อยชั่ง แป้งสาลีห้าสิบชั่ง ต้องการจะนำไปที่ค่ายทหาร!”

เมื่อคนเหล่านั้นได้ยิน ก็ตะลึงงัน

จวนแม่ทัพมีข้าวสารจริง ๆ หรือ?

และยังมีถึงสามร้อยชั่งอีกด้วย!

ข้าวสารสามร้อยชั่งนี้เพียงพอให้พวกเขาพี่น้องประหยัดกินได้ถึงสามเดือน

คนตายเพราะทรัพย์ นกตายเพราะอาหาร

ในปีที่อดอยากนี้ ใครจะรู้ว่าจะตายวันไหน

พวกเขาอยากจะลองไปแย่งมันดู!

ต่อให้จะถูกจับและถูกฆ่าตายก็ยอม!

จ้าวโหย่วไฉ่เสนอความคิดเห็น “พี่เหวย พวกเราไปเรียกพี่น้องมาเพิ่มอีกสักหน่อย แล้วปล้นข้าวสารกลางทางกันเถอะ!”

เหวยกวงจ้องไปที่จวนแม่ทัพ สายตามืดมน “รออีกหน่อย!”

“จะต้องรออะไรอีกล่ะ ถ้ายังไม่ได้กินอีก เสี่ยวลิ่วจะอดตายแล้วนะ เมื่อวานนี้ทีแรกอยากจะแลกเด็ก พวกเราจะได้กินอิ่มสักมื้อ แต่สุดท้ายก็ถูกเขาทำเสียเรื่อง”

“พวกเราไปปล้นข้าวของเขาตอนนี้ ก็ถือว่าเสมอกันแล้ว”

เหวยกวงเหลือบมองจ้าวโหย่วไฉ่อย่างดุร้าย “เจ้าไม่เห็นหรือว่าหลิวซื่อตายอย่างไร? ยังอยากจะเข้าไปลองดูไหมล่ะ?”

“จ้านเฉิงอิ้นโดดเด่นเรื่องสงคราม เป็นแม่ทัพที่ฆ่าคนราวกับผักกับปลา การปล้นเสบียงใต้จมูกเขา เป็นการรนหาที่ตายชัด ๆ”

“แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ? หรือจะมองดูเสี่ยวลิ่วรอความตายเช่นนี้หรือ?” จ้าวโหย่วไฉ่เอ่ยด้วยเสียงไม่พอใจ

เหวยกวงกัดฟัน “ข้าจะไปที่ค่ายทหาร แบ่งโจ๊กมาหน่อย”

“พวกเจ้าก็ไปตักน้ำ แล้วจับตาดูจวนแม่ทัพต่อไป”

ทุกคนต่างพยักหน้า

เมื่อคนแยกย้ายไปแล้ว เสี่ยวหย่าปาก็ตามเหวยกวงไปพร้อมกับทำมือบางอย่าง

เหวยกวงตะลึง แล้วถามอย่างเหลือเชื่อ “จริงหรือ? ในโลกนี้มีท่านเทพจริง ๆ หรือ?”

เสี่ยวหย่าปาพยักหน้า

“ไม่นาน ทุกคนก็จะได้มีธัญพืชกินแล้ว”

เหวยกวงหยิบน้ำเต้าใส่น้ำออกมาจากอก “เอาไปตักน้ำ อย่าบอกใครทั้งนั้น จับตาดูจวนแม่ทัพเอาไว้!”

เสี่ยวหย่าปาก็กอดน้ำเต้าเอาไว้แล้วไปตักน้ำ

*

เย่มู่มู่นำชุดจอกสุราใส่เข้าไปในกระเป๋า

จากนั้นก็ขับรถกระบะออกไปจากโรงรถในบ้าน เพื่อให้สะดวกต่อการลากสินค้า

เธอขับรถไปที่ถนนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมือง ขณะที่ลงจากรถ ก็เห็นลูกพี่ลูกน้องพาคนวัยกลางคนอายุประมาณห้าสิบกว่าปีเดินเข้ามา

พวกเขาขวางทางเธอเอาไว้

“มู่มู่ ทำไมเธอไม่รับสายพี่เลยล่ะ? ดูสิว่าพี่พาใครมาหาเธอ?”

เย่มู่มู่ขมวดคิ้วมองไปที่พี่เย่ซินลูกพี่ลูกน้องของเธอ

เย่ซินเป็นลูกชายคนเดียวของลุงใหญ่ และเป็นที่รักของทุกคนในครอบครัวตั้งแต่เด็กจนโต

ถุงใต้ตาของเขาหนาและคล้ำ มีอาการซึม ๆ สภาพเหมือนถูกเหล้าและความต้องการทางเพศทำร้าย

นี่ทำให้เย่มู่มู่ขยะแขยงมาก

หลังจากที่พ่อของเธอร่ำรวย ก็ไม่ลืมจะประคับประคองพี่น้องทั้งหลาย ช่วยให้พวกเขาได้แต่งงาน หลังจากมีลูก ก็ยังซื้อบ้านที่อยู่ในเขตโรงเรียนให้ และจัดหาโรงเรียนที่ดีที่สุดให้

เขาช่วยเหลือทุกอย่าง แต่พี่น้องพวกนี้กลับไม่นึกถึงความดีของเขาเลย

คิดว่าเขามีลูกสาวคนเดียว เลยอยากให้ลูกชายของตัวเองไปเป็นลูกชายบุญธรรม

หลังจากแม่ปฏิเสธหัวเด็ดตีนขาด บรรดาพี่น้องของพ่อก็เบนความสนใจไปที่บริษัท อยากเข้าไปทำงานในบริษัท

พ่อจัดแจงพวกพี่น้องให้เข้าไปในบริษัทจริง ๆ

พวกเขาไม่กินเงินเดือนสูงกินค่าคอมมิชชั่นเยอะ ก็ทำเหมือนบริษัทเป็นทรัพย์สินของตัวเอง

แม้แต่เย่ซินก็ยังเคยพูดอย่างกล้าหาญว่า “รอให้อารองตายก่อนเถอะ บริษัทนี้ก็จะเป็นของฉัน พวกแกมีสิทธิ์อะไรไม่เชื่อฟังฉัน?”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status