Share

บทที่ 7

Penulis: มู่โร่ว
ทหารสิบนายเดินกลับมาจากบ้าน พวกเขาขอบตาแดงก่ำ ต่างผ่านการร้องไห้มา

เมื่อวานนี้สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนเต็มไปด้วยความโศกเศร้าปนความสิ้นหวัง

ทว่าตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ต่อให้ขอบตาจะแดงก่ำ แต่ปากกลับฉีกยิ้ม

พวกเขากำลังรอให้เย่มู่มู่ส่งน้ำมาให้!

ในเวลานี้ ที่หน้าประตูจวนแม่ทัพเกิดเสียงดังวุ่นวาย มีผู้ลี้ภัยกำลังสร้างปัญหา

จ้านเฉิงอิ้นให้เถียนฉินออกไปดู

พวกเขาออกไปได้ไม่นาน คนที่มารวมตัวกันสร้างปัญหาก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียงดังเข้ามาในจวนด้านในได้ยินกันชัดเจน

จ้านเฉิงอิ้นลุกขึ้น เพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงทุกคนร้องตะโกนว่า “ขอท่านแม่ทัพได้โปรดเปิดยุ้งฉางแจกจ่ายธัญพืชออกมาด้วยเถอะ”

“ท่านแม่ทัพ ทั้งที่จวนของท่านมีข้าวสาร เหตุใดต้องซ่อนไว้กินเพียงคนเดียว? หรือว่าท่านอยากจะมองดูชาวบ้านด่านเจิ้นกวนหิวตายทั้งเป็นไปต่อหน้าต่อตาหรือ?”

“ท่านแม่ทัพ ได้โปรดช่วยพวกชาวบ้านด้วยเถอะ พวกเราไม่อยากหิวตาย!”

หน้าประตูจวนแม่ทัพ ชาวบ้านที่สร้างปัญหาก็มีถึงสองร้อยคนแล้ว!

ผู้นำก็คือชายที่มีนามว่าหลิวซื่อ ภายใต้ใบหน้ายาวนั้นคือดวงตาสามขาวและโหนกแก้มโดดเด่น

เขารู้จักกับพ่อที่แลกเปลี่ยนลูกเมื่อวานนี้ เมื่อก่อนเคยเป็นอันธพาลในท้องที่เช่นเดียวกัน

ครั้นเขาเห็นจ้านเฉิงอิ้นเดินออกมาจากจวนแม่ทัพ ก็ร้องตะโกนเสียงดัง “ท่านแม่ทัพออกมาแล้ว ทุกคนขอร้องให้เขาแจกธัญพืชเถอะ พวกเราจะมีชีวิตรอดต่อไปหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับท่านแม่ทัพแล้ว!”

นัยน์ตาทั้งสองของจ้านเฉิงอิ้นมองไปยังกลุ่มคนที่สร้างปัญหาด้วยแววตามืดมน

“จวนแม่ทัพไม่มีข้าว รีบออกไปเสีย!”

หลิวซื่อหัวเราะฮ่า ๆ ทั้งกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ ท่านบอกว่าไม่มีข้าวก็คือไม่มีข้าวหรือ?”

เขาลากหญิงชราที่ถูกตีจนหน้าบวมเขียวช้ำออกมาจากมุม เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อายุสามขวบถูกนางกอดปกป้องเอาไว้แน่นในอ้อมอก

ใบหน้าของหญิงชราเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาขุ่นมัวคู่นั้นคลอไปด้วยน้ำตา รู้สึกผิดต่อแม่ทัพ ไม่กล้ามองไปที่เขา

หลิวซื่อล้วงกระดาษสีทองที่ใช้ห่อข้าวปั้นออกมาจากกระเป๋ากางเกง บนนั้นยังมีเมล็ดข้าวสีขาวติดอยู่

ชาวบ้านที่หิวโหยจนแทบหมดสติเห็นเมล็ดข้าวนั้น ต่างก็พากันกลืนน้ำลาย

นั่นคือข้าวขาวนี่!

ต่อให้จะมีแค่ไม่กี่เม็ด ใครบ้างจะไม่อยากกิน?

ตอนที่ยังไม่เกิดภัยแล้ง พวกเขายังอาลัยอาวรณ์ซื้อข้าวขาว ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เกิดความอดอยากไปทั่วทุกที่

“ท่านแม่ทัพ ท่านให้ข้าวปั้นกับหญิงชราตายยากผู้นี้กินได้ เหตุใดถึงไม่ให้พวกเรา[hk’ ทั้งที่ท่านก็มีธัญพืช”

“ท่านอยากให้ชาวบ้านทั้งเมืองหิวตายหรืออย่างไร?”

เมื่อหลิวซื่อกล่าวจบ ชาวบ้านทั้งหมดก็ตะโกนขึ้น “ขอท่านแม่ทัพแจกจ่ายธัญพืชด้วยเถอะ!”

“ได้โปรดท่านแม่ทัพแจกจ่ายธัญพืชด้วย...”

“ท่านแม่ทัพ ให้ทางรอดกับพวกเราด้วยเถอะ!”

คนหลายร้อยคนพากันคุกเข่า ขอร้องให้จ้านเฉิงอิ้นแจกจ่ายธัญพืช

แต่เขาเองก็ไม่มีธัญพืชเช่นกัน

ถุงเส้นหลายร้อยถุงเมื่อเช้านี้ ต้องส่งให้ค่ายทหารก่อน มิเช่นนั้นม้าศึกสองร้อยตัวสุดท้ายอาจจะรักษาไว้ไม่ได้แล้ว!

เรื่องนี้ เขาจะปล่อยปละละเลยไม่ได้

หลิวซื่อเห็นว่าจ้านเฉิงอิ้นนิ่งเฉย จึงผลักย่างเอ๋อร์และแม่ของเขาที่ถูกตีจนแทบจำไม่ได้ไปตรงหน้าจ้านเฉิงอิ้น

เขากล่าวอย่างดุร้าย “พูดมา แม่ทัพให้ข้าวปั้นกับพวกเจ้าใช่หรือไม่? ในข้าวปั้นห่อเนื้อไว้ด้วย!”

เมื่อได้ยินว่าข้าวปั้นมีเนื้อ ผู้คนมากมายต่างก็พากันกลืนน้ำลายอึก ๆ

หญิงชราถูกตีจนหายใจรวยริน ให้ตายก็ไม่ยอมเปิดปาก

ย่างเอ๋อร์ปกป้องแม่ของเขา หลิวซื่อด่าว่า “ท่านสมรู้ร่วมคิดกับท่านพ่อ กินน้องชายและน้องสาวของข้าไปแล้ว แม้แต่แม่ของข้าก็ไม่ยอมปล่อยไป ข้าจะฆ่าท่านเสีย!”

เด็กอายุสิบขวบคิดจะสู้อย่างสุดกำลังกับหลิวซื่อ แต่กลับถูกหลิวซื่อเตะกลิ้งออกไป

ขณะที่เขาคิดจะเหยียบไปที่หน้าอกของเด็กนั้น

ดาบแหลมคมของจ้านเฉิงอิ้นก็พุ่งเข้าไป ตัดไปที่คอของเขาในดาบเดียว

เลือดสีแดงฉานพุ่งออกมา ชาวบ้านหลายคนที่เดินหน้าเข้ามาสร้างปัญหาก่อนหน้านี้ ตื่นกลัวจนรีบหดหัวของตัวเอง แล้วถอยกลับไปอย่างต่อเนื่อง

คนที่ฆ่าบ่าวรับใช้ของจวนแม่ทัพคราวก่อน ก็ถูกลากไปที่สนามรบ และถูกฆ่าตายทั้งหมด!

แต่จวนแม่ทัพมีธัญพืช!

ออกไปก็หิวตาย ถูกลากไปที่สนามรบก็ตาย...

ไม่ว่าจะทางไหนก็ตาย

พวกเขาแค่อยากจะเป็นผีที่อิ่มท้อง!

จ้านเฉิงอิ้นสังหารคนจนสั่นสะเทือนสยบทุกผู้คนเอาไว้ได้

แต่กลับไม่มีใครออกไป

พวกเขายังคงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าจวนแม่ทัพ เชื่อมั่นว่าท่านแม่ทัพมีธัญพืช ถ้าได้กินสักคำ

ต่อให้ตาย พวกเขาก็ยอม!

มือข้างหนึ่งของจ้านเฉิงอิ้นกำด้ามกระบี่เอาไว้แน่นอย่างเอาเป็นเอาตาย!

มองไปที่ชาวบ้านที่กำลังคุกเข่าอยู่หน้าจวนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ!

ในขณะที่บรรยากาศกำลังร้อนระอุ ทั้งสองฝ่ายเริ่มทนไม่ไหว เฉินขุยเฉินอู่สองพี่น้องก็วิ่งออกมาดูข้างนอกด้วยความดีใจ

“ท่านแม่ทัพ น้ำมาแล้วขอรับ!”

ชาวบ้านที่ได้ยินก็เงยหน้าขึ้นทันที

คราวก่อนที่จวนแม่ทัพแจกจ่ายน้ำให้ ก็แจกจ่ายเพียงครึ่งวัน ทั้งครอบครัวดื่มไปไม่กี่จิบก็หมดแล้ว!

ตอนนี้ยังมีน้ำอีกหรือ?

ถ้ามีน้ำ ก็จะมีคนรอดชีวิตเพิ่มมากขึ้น น้ำสามารถต้มรากหญ้าเปลือกไม้กินได้

เฉินขุยนำกระดาษที่เย่มู่มู่ส่งมามอบให้กับจ้านเฉิงอิ้น

แล้วยังพูดกระซิบเสียงเบา ๆ ข้าง ๆ หูของจ้านเฉิงอิ้นด้วย “ท่านเทพส่งข้าวสารมาอีกสามถุงใหญ่ แป้งสาลีหนึ่งถุง ข้าวสารสามร้อยชั่ง แป้งสาลีห้าสิบชั่ง”

จ้านเฉิงอิ้นสั่งว่า “ส่งไปที่ค่ายทหารแล้วตั้งหม้อต้มโจ๊ก ให้พวกทหารได้กินก่อน”

เฉินขุยพยักหน้า “อีกหนึ่งชั่วยาม ก็ให้ชาวบ้านมาต่อแถวเอาน้ำ”

“ขอรับท่านแม่ทัพ!”

เฉิยขุยจึงตะโกนบอกพวกชาวบ้าน “เชิญทุกคนไปที่ประตูด้านหลังจวนแม่ทัพ อีกหนึ่งชั่วยามจะแจกจ่ายน้ำ ไม่จำกัดจำนวนคน ทุกคนไปต่อแถวตักน้ำ ใครมาก่อนได้ก่อน”

ชาวบ้านที่เดิมทีคุกเข่าอยู่ได้ยินว่ามีน้ำ ก็วิ่งไปที่ประตูด้านหลังราวกับฝูงผึ้ง

ชายผิวดำและผอมหลายคนคอยมองการเคลื่อนไหวของจวนแม่ทัพอยู่ที่มุมเลี้ยวหนึ่ง

เมื่อวานนี้ จ้าวโหย่วไฉ่เห็นแม่ทัพออกมาจากจวนก็ตามไป

เขาเห็นกับตาว่าแม่ทัพยัดของให้หญิงชรา!

หลังจากแม่ทัพไป เขาก็เข้าไปแย่งข้าวปั้น

เขาเป็นคนตีนางเอง หลิวซื่อเขาเป็นแค่นกที่จู่ ๆ ก็ยื่นหัวออกมาเอง

เขาเอาเรื่องที่จวนแม่ทัพมีธัญพืชไปบอกเหวยกวงอดีตอันธพาลดุร้ายบนถนน

เหวยกวงมีลูกน้องชื่อซุนหย่าปาที่สามารถอ่านปากได้ เขาบอกว่า “จวนแม่ทัพยังมีข้าวสารสามร้อยชั่ง แป้งสาลีห้าสิบชั่ง ต้องการจะนำไปที่ค่ายทหาร!”

เมื่อคนเหล่านั้นได้ยิน ก็ตะลึงงัน

จวนแม่ทัพมีข้าวสารจริง ๆ หรือ?

และยังมีถึงสามร้อยชั่งอีกด้วย!

ข้าวสารสามร้อยชั่งนี้เพียงพอให้พวกเขาพี่น้องประหยัดกินได้ถึงสามเดือน

คนตายเพราะทรัพย์ นกตายเพราะอาหาร

ในปีที่อดอยากนี้ ใครจะรู้ว่าจะตายวันไหน

พวกเขาอยากจะลองไปแย่งมันดู!

ต่อให้จะถูกจับและถูกฆ่าตายก็ยอม!

จ้าวโหย่วไฉ่เสนอความคิดเห็น “พี่เหวย พวกเราไปเรียกพี่น้องมาเพิ่มอีกสักหน่อย แล้วปล้นข้าวสารกลางทางกันเถอะ!”

เหวยกวงจ้องไปที่จวนแม่ทัพ สายตามืดมน “รออีกหน่อย!”

“จะต้องรออะไรอีกล่ะ ถ้ายังไม่ได้กินอีก เสี่ยวลิ่วจะอดตายแล้วนะ เมื่อวานนี้ทีแรกอยากจะแลกเด็ก พวกเราจะได้กินอิ่มสักมื้อ แต่สุดท้ายก็ถูกเขาทำเสียเรื่อง”

“พวกเราไปปล้นข้าวของเขาตอนนี้ ก็ถือว่าเสมอกันแล้ว”

เหวยกวงเหลือบมองจ้าวโหย่วไฉ่อย่างดุร้าย “เจ้าไม่เห็นหรือว่าหลิวซื่อตายอย่างไร? ยังอยากจะเข้าไปลองดูไหมล่ะ?”

“จ้านเฉิงอิ้นโดดเด่นเรื่องสงคราม เป็นแม่ทัพที่ฆ่าคนราวกับผักกับปลา การปล้นเสบียงใต้จมูกเขา เป็นการรนหาที่ตายชัด ๆ”

“แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ? หรือจะมองดูเสี่ยวลิ่วรอความตายเช่นนี้หรือ?” จ้าวโหย่วไฉ่เอ่ยด้วยเสียงไม่พอใจ

เหวยกวงกัดฟัน “ข้าจะไปที่ค่ายทหาร แบ่งโจ๊กมาหน่อย”

“พวกเจ้าก็ไปตักน้ำ แล้วจับตาดูจวนแม่ทัพต่อไป”

ทุกคนต่างพยักหน้า

เมื่อคนแยกย้ายไปแล้ว เสี่ยวหย่าปาก็ตามเหวยกวงไปพร้อมกับทำมือบางอย่าง

เหวยกวงตะลึง แล้วถามอย่างเหลือเชื่อ “จริงหรือ? ในโลกนี้มีท่านเทพจริง ๆ หรือ?”

เสี่ยวหย่าปาพยักหน้า

“ไม่นาน ทุกคนก็จะได้มีธัญพืชกินแล้ว”

เหวยกวงหยิบน้ำเต้าใส่น้ำออกมาจากอก “เอาไปตักน้ำ อย่าบอกใครทั้งนั้น จับตาดูจวนแม่ทัพเอาไว้!”

เสี่ยวหย่าปาก็กอดน้ำเต้าเอาไว้แล้วไปตักน้ำ

*

เย่มู่มู่นำชุดจอกสุราใส่เข้าไปในกระเป๋า

จากนั้นก็ขับรถกระบะออกไปจากโรงรถในบ้าน เพื่อให้สะดวกต่อการลากสินค้า

เธอขับรถไปที่ถนนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมือง ขณะที่ลงจากรถ ก็เห็นลูกพี่ลูกน้องพาคนวัยกลางคนอายุประมาณห้าสิบกว่าปีเดินเข้ามา

พวกเขาขวางทางเธอเอาไว้

“มู่มู่ ทำไมเธอไม่รับสายพี่เลยล่ะ? ดูสิว่าพี่พาใครมาหาเธอ?”

เย่มู่มู่ขมวดคิ้วมองไปที่พี่เย่ซินลูกพี่ลูกน้องของเธอ

เย่ซินเป็นลูกชายคนเดียวของลุงใหญ่ และเป็นที่รักของทุกคนในครอบครัวตั้งแต่เด็กจนโต

ถุงใต้ตาของเขาหนาและคล้ำ มีอาการซึม ๆ สภาพเหมือนถูกเหล้าและความต้องการทางเพศทำร้าย

นี่ทำให้เย่มู่มู่ขยะแขยงมาก

หลังจากที่พ่อของเธอร่ำรวย ก็ไม่ลืมจะประคับประคองพี่น้องทั้งหลาย ช่วยให้พวกเขาได้แต่งงาน หลังจากมีลูก ก็ยังซื้อบ้านที่อยู่ในเขตโรงเรียนให้ และจัดหาโรงเรียนที่ดีที่สุดให้

เขาช่วยเหลือทุกอย่าง แต่พี่น้องพวกนี้กลับไม่นึกถึงความดีของเขาเลย

คิดว่าเขามีลูกสาวคนเดียว เลยอยากให้ลูกชายของตัวเองไปเป็นลูกชายบุญธรรม

หลังจากแม่ปฏิเสธหัวเด็ดตีนขาด บรรดาพี่น้องของพ่อก็เบนความสนใจไปที่บริษัท อยากเข้าไปทำงานในบริษัท

พ่อจัดแจงพวกพี่น้องให้เข้าไปในบริษัทจริง ๆ

พวกเขาไม่กินเงินเดือนสูงกินค่าคอมมิชชั่นเยอะ ก็ทำเหมือนบริษัทเป็นทรัพย์สินของตัวเอง

แม้แต่เย่ซินก็ยังเคยพูดอย่างกล้าหาญว่า “รอให้อารองตายก่อนเถอะ บริษัทนี้ก็จะเป็นของฉัน พวกแกมีสิทธิ์อะไรไม่เชื่อฟังฉัน?”
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 8

    เมื่อพ่อได้ยินคำพูดนั้นก็โกรธเป็นอย่างมาก ไล่ญาติ ๆ ทุกคนออกจากบริษัทแล้วก็จัดทำพินัยกรรมล่วงหน้าทรัพย์สินของเขา พี่น้องกับหลาน ๆ ไม่มีใครได้ไปสักสตางค์เดียวพอพวกนั้นรู้ว่าไม่ได้อะไรจากพินัยกรรม พยายามโทรหาเย่มู่มู่ก็ไม่ติด ก็เลยเริ่มวนเวียนอยู่ที่หน้าหมู่บ้าน หวังจะเจอเธอเย่ซินไม่รู้ว่ารออยู่หน้าหมู่บ้านนานแค่ไหน จนสุดท้ายก็ดันเจอเธอที่กำลังจะออกไปข้างนอกเขารีบพาผู้ชายวัยกลางคนมาพบเธอทันทีเย่มู่มู่ขมวดคิ้วถามเสียงเย็นชา “มีเรื่องอะไร?”เย่ซินยิ้มอย่างกระตือรือร้น“มู่มู่ เรามานั่งคุยกันหน่อย พี่จะแนะนำคนให้เธอรู้จัก คุณหวัง เขาเพิ่งหย่าเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้เป็นหนุ่มโสดสุดฮอตเลยนะ!”“ดูสิ คุณหวังทั้งสุขุมและมั่นคง ภายนอกก็ดูภูมิฐาน เขาเป็นเจ้าของใหญ่ของหัวหวังกรุ๊ป...”“เหมาะกับเธอที่สุดแล้ว!”คุณหวังที่พูดถึงนั้นหัวล้านกลางศีรษะ พุงก็ใหญ่จนดูอ้วนกว่าปกติ ดูแล้วอายุมากกว่าพ่อของเธอเสียอีกอายุอย่างน้อยก็คงห้าสิบห้าปีขึ้นไปเขาสวมแหวนทองวงใหญ่ มืออ้วน ๆ ของเขาลูบคางแล้วมองเย่มู่มู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาหื่นกามเมื่อเห็นว่าเธอมีผิวขาวเนียน รูปร่างผอมเพรียว โดยเ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 9

    “ยัยหนู เธอคิดจะขายหรือไม่? จอกสุราปกติต้องมีเป็นคู่ ถ้าเธอมีครบคู่ ฉันจะเสนอราคาให้ถึงสองหมื่นห้าพันล้าน!”เย่มู่มู่รู้สึกเจ็บปวดในใจ เธอไม่อยากให้จ้านเฉิงอิ้นต้องมาตายตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้สองหมื่นห้าพันล้านเพียงพอที่จะเลี้ยงดูคนหนึ่งแสนคนได้แต่สำหรับให้ทหารสองหมื่นนายของเขาเอาชนะกองทัพคนเถื่อนสามแสนนาย คงไม่เพียงพอแน่!เย่มู่มู่กัดฟัน ก่อนจะหยิบจอกสุราอีกใบออกมา“ฉันมีสองใบ สองหมื่นห้าพันล้านน้อยเกินไป!”เมื่อผู้อาวุโสมู่มองเห็นว่าเย่มู่มู่มีจอกสุราครบทั้งสองใบจริง ๆ เขาก็ดีใจมากจนทำแว่นตาหลุดมือที่สั่นเทาของเขารีบหยิบจอกขึ้นมา ตรวจสอบด้วยแว่นขยายเขาตื่นเต้นจนริมฝีปากสั่นระริก “ใช่แล้ว ใช่เลย! นี่คือจอกสุราคู่ที่สภาพสมบูรณ์ และยังคงงดงามเป็นอย่างยิ่ง!”“เธอต้องการเท่าไหร่?”เย่มู่มู่ตอบว่า “ฉันต้องการเงินสด และราคาต้องถึงขีดสูงสุด”ผู้อาวุโสมู่เบิกตากว้าง “เธอต้องการสามหมื่นล้านเหรอ?”เย่มู่มู่พยักหน้าเขาเริ่มลังเลแล้ว!เมื่อเย่มู่มู่เห็นเช่นนั้น ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง “ถ้าคุณไม่มีปัญญาจ่าย ฉันไปถามร้านข้าง ๆ ก็ได้!”เธอลุกขึ้นเตรียมเก็บจอกสุราคืนแต่ผู้อาวุโสมู่

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 10

    เย่มู่มู่ขับรถไปถึงตลาดสด และมองหารถบรรทุกขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกได้ถึงสามสิบตันเธอบอกว่าจะซื้อของบริจาคเพื่อส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย!ไม่ว่าจะเป็น ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ผักกวางตุ้ง ผักกาดเล็ก หัวไชเท้า แครอท มันเทศ มันฝรั่ง และข้าวโพด…เธอเหมาผักหมดทั้งตลาดแล้วพ่อค้าแม่ค้าผักเห็นเธอซื้อของมากขนาดนี้ ต่างรีบกรูเข้ามาล้อมเธอ พร้อมเสนอลดราคาขายให้เธอในราคาถูกกว่าปกติ!เย่มู่มู่ซื้อของทั้งหมดในตลาดสดจนเกลี้ยง พร้อมจ้างรถบรรทุกสองคันจากนั้นเธอก็จัดหาคนมาช่วยขนของขึ้นรถ พร้อมให้ที่อยู่ของโกดังกับคนขับรถบรรทุก ให้พวกเขาขนของไปที่โกดังคุณลุงที่ดูแลโกดังอยู่ทั้งวันก็ยังคงเฝ้าประตูตามปกติหลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ เย่มู่มู่จึงเดินทางไปร้านขายยาไม่ว่าจะเป็นผ้าก๊อซ แอลกอฮอล์ล้างแผล แหนบ คีม มีดผ่าตัด กรรไกร และไหมเย็บแผลเธอซื้อมาอย่างครบครันรวมถึงเข็มฉีดยา กระบอกฉีดยา ยาปฏิชีวนะ ยาห้ามเลือด และยาแผนตะวันตกอื่น ๆ ก็ซื้อไปหมดนอกจากนี้ยังมียาแผนจีนแบบสำเร็จรูป เช่น อวิ๋นหนานไป๋เย่า[1] ยารักษาอาการฟกช้ำ ยาห้ามเลือดต่าง ๆ ยาลดการอักเสบ และยาช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อ…เธอแวะร้านขายสมุ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 11

    จ้านเฉิงอิ้นยืนเฝ้าข้างแจกันไม่ห่างฉับพลันนั้นน้ำก็หยุดไหล เขาลุกขึ้นเดินไปหยุดยืนข้างแจกัน เห็นกระดาษสีขาวโปรยลงมาอักษรคมกริบ จดจำได้ง่ายเพียงแต่อักษรเหล่านี้ขาดแขนและขา จ้านเฉิงอิ้นอ่านปะติดปะต่อกันก็เข้าใจท่านเทพยาดากล่าวว่า ส่งยามาหนึ่งชุด!ยาหรือ!!!หากมียา ทหารน้อยซ่อมเกือกม้าเป็นก็จะรอดชีวิตแล้วประชาชนในเมืองอาจไม่ต้องหิวตาย เพราะขาดน้ำและอาหารร่างกายจึงย่ำแย่ แค่อาการหวัดเล็กน้อยก็สามารถคร่าชีวิตคนได้หากมียา ทหารห้าพันนายที่ตายไปในสมรภูมิครั้งก่อน อย่างน้อยก็คงช่วยชีวิตได้ครึ่งหนึ่ง!จ้านเฉิงอิ้นกำกระดาษไว้แน่น น้ำใส ๆ รื้นขอบตา เพียงส่งอาหารและน้ำมาก็เป็นความปรารถนาสูงสุดของเขาแล้วนึกไม่ถึงว่าท่านเทพยดาถึงขั้นส่งยามาให้ด้วยสิ่งที่กองทัพตระกูลจ้านขาดแคลนก็คือยา!จ้านเฉิงอิ้นน้ำเสียงแหบพร่า เอ่ยเสียงสะอื้นว่า “เถียนไท่ เรียกหมอทหารทุกคนมาที่นี่”เถียนไท่กับทหารนายอื่นได้ยิน ก็พลันลุกขึ้น รายล้อมเขาด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน“ท่านแม่ทัพ ท่านเทพยดาส่งยามาแล้วหรือขอรับ?”“จริงหรือขอรับ? หากมียา ทหารที่ได้รับบาดเจ็บอีกหลายร้อยคนในค่ายก็ไม่ต้องรอความตายอีกแล้ว!”“บา

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 12

    เขาหยิบผ้าพันแผลที่อยู่บนพื้นขึ้นมา ยังมีสำลีฆ่าเชื้อ เข็มฉีดยา น้ำยาฆ่าเชื้อเตี่ยนฝู[1]…และมีอุปกรณ์ผ่าตัดนานาชนิด ทั้งมีดผ่าตัด คีมผ่าตัด…เขาตื่นเต้นจนพูดไม่เป็นประโยค “ท่านแม่ทัพ นะ นี่มันยาฆ่าเชื้อ ใช่…?”จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้าให้เขาซ่งอวิ๋นฮุยกำคีมผ่าตัดในมืออย่างตื้นตันจนไม่อาจบรรยาย!ท่านเทพยดามอบให้แก่พวกเขาท่านเทพยดาไม่เพียงส่งยามาให้ ยังส่งวิทยาการด้านการแพทย์ที่ล้ำยุคมาให้ด้วยคีมผ่าตัด กรรไกรผ่าตัด…เครื่องมือเหล่านี้ประณีตกว่าของในสำนักหมอหลวงหลายเท่า!จ้านเฉิงอิ้นมอบหนังสือ ‘คู่มือหมอเท้าเปล่า’ ให้ซ่งอวิ๋นฮุยหนึ่งเล่มเขาเปิดอ่านอย่างไม่รีรอ เห็นในตำรามีเทียบยาที่เอาไว้ใช้รับมือกับโรคระบาด ก็พลันดีใจอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง“ท่านแม่ทัพ มีเทียบยาที่เอาไว้ใช้รักษาโรคระบาดต่าง ๆ อยู่ด้วย! มีตำราเล่มนี้อยู่ หมอในแคว้นต้าฉี่ก็ไม่ต้องปวดหัวกับโรคระบาดอีกแล้ว!”จ้านเฉิงอิ้นยิ้มตอบ “หมอทหารซ่ง ท่านนำกลับไปศึกษาเสีย ยังมียาเหล่านี้อีก มีวิธีใช้เขียนติดอยู่บนถุง”ด้วยกลัวว่าเขาจะไม่รู้อักษร จึงได้มอบตารางโครงสร้างส่วนประกอบอักษรแบบใหม่ให้เขาด้วยส่วนหมอทหารที่เหลือ ก็ได้ร

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 13

    เฉินขุยเห็นจ้านเฉิงอิ้นสีหน้าไม่ค่อยดีนัก จึงถามอย่างเป็นห่วงว่า “ท่านแม่ทัพ ทางเมืองหลวงส่งข่าวอันใดมาหรือขอรับ?”จ้านเฉิงอิ้นยื่นจดหมายให้เขาเขาคลี่จดหมายออก ขณะที่นายทหารที่เหลือเองก็รุมล้อมเข้ามาดูด้วยเห็นเพียงข้อความหนึ่งเขียนไว้ว่า ‘ปกป้องสุดชีวิต’!เฉินขุยสบถออกมาด้วยความเดือดดาล “เดิมทีพวกข้ามีทหารหนึ่งหมื่นนาย ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่ร้อย ไม่ส่งอาหารส่งน้ำมา ไม่ส่งกำลังเสริมมาไม่พอ มิหนำซ้ำยังสั่งให้ปกป้องเมืองไว้สุดชีวิตอีกงั้นเรอะ!”“นี่เท่ากับสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปตายไม่ใช่หรือ?”อู๋ซานหลางขมวดคิ้วมุ่น “ท่านแม่ทัพ ไม่มีกำลังเสริมแล้วจริงหรือขอรับ?”ถึงแม้พวกเขามีเสบียงแล้ว แต่ทหารสองหมื่นนายจะทัดทานทหารสามแสนนายจากเผ่าหมานได้อย่างไร!หากเรื่องที่พวกเขามีเสบียงอาหารและน้ำแพร่งพรายออกไป เผ่าหมานจะต้องบุกรุกเข้ามายึดเมือง แย่งเสบียงอาหารทั้งหมดไปเป็นแน่บรรยากาศอึดอัดและตึงเครียดจนถึงขีดสุด!เฉินขุยเอ่ยต่อว่า “กองทัพหนึ่งแสนนายของแม่ทัพสวีหวยก็อยู่ห่างจากด่านเจิ้นกวานเพียงไม่กี่ร้อยลี้ เหตุใดฮ่องเต้น้อยจึงไม่มีราชโองการให้เขามาช่วยเหลือ หรือจะมองดูด่านเจิ้นกวนถูก

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 14

    พวกเขาเลียนแบบนายกองจ้าวจง พากันยกหัวไชเท้าแดงขึ้นมาลองกัดอย่างระมัดระวังหนึ่งคำจากนั้นก็เบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ มีรสชาติหวานจริง ๆ!พวกเขากลืนกินหัวไชเท้าแดงหมดภายในไม่กี่คำ ถึงขั้นไม่ทันได้เคี้ยวให้ละเอียดด้วยซ้ำหลินต้าจวินเห็นพวกเขากินหมดแล้ว จึงกำชับพวกเขาว่า “เบาเสียงหน่อย ย้ายเสบียงไปที่ค่ายทหารก่อน!”พวกเขานำข้าวสารหนึ่งถุงใส่ตะกร้าก่อน จากนั้นก็ทับด้วยน้ำมันหนึ่งถัง แป้งสาลีหนึ่งถุง ตามด้วยเกลือทำอาหารอีกจำนวนหนึ่ง ปิดท้ายด้วยการวางผักกาดขาว และกะหล่ำปลีครั้นเห็นช่องว่างในตะกร้าก็เสียบมะเขือยาว มะเขือเทศและหัวไชเท้าแดงแซมเข้าไป…ตะกร้าไผ่กว้างมาก ทว่าพวกเขาก็ยังคงใส่ของมากเกินจนทำให้ปากตะกร้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยแต่พวกเขาไม่มีเวลาสนใจแล้ว ค่ายทหารอยู่ห่างจากค่ายทหารถึงสองลี้ ประตูด้านหลังมีเกวียนจอดอยู่ด้านนอกเกวียนหนึ่งเล่มสามารถใส่ตะกร้าได้สี่ตะกร้าพวกเขาใส่ของเต็มเกวียนสี่เล่ม อาศัยกำลังคนในการลากทั้งสิ้นในค่ายทหารมีม้า ทว่าม้าล้วนหิวจนผอมเหลือแต่กระดูก บางตัวก็ลุกไม่ไหว จึงทำได้เพียงอาศัยแรงคนเท่านั้นเพื่อปกป้องทรัพยกรชุดนี้ เฉินขุยกับหลินต้าจวินควบคุมการข

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 15

    หลังผ่านไปครึ่งชั่วยาม จ้านเฉิงอิ้นได้รับถังทรงกลมขนาดใหญ่ที่มีตราสแตนเลสเกรดอาหารสามศูนย์สี่ประทับอยู่ถึงหนึ่งร้อยใบความใหญ่ของถังนั่นเทียบได้กับอ่างอาบน้ำทีเดียวหนำซ้ำยังใช้แต่เหล็กเนื้อดี ไม่ ทำมาจากเหล็กกล้าชั้นดีต่างหากผิวเหล็กเรียบลื่นจนเห็นเงาสะท้อนของคน ไม่มีรอยบุบแม้แต่น้อยวิทยาการในการผลิตล้ำยุค ทั่วทั้งแคว้นต้าฉี่ หรือแม้แต่ทั่วทั้งแผ่นดินหัวเซี่ย ล้วนหาฝีมือแบบนี้ไม่ได้ยังมีถาดทรงสี่เหลี่ยมอีกสามร้อยใบ ล้วนมีวัสดุเหมือนกันเหล่านายกองเห็นก็อดอุทานด้วยความแปลกใจไม่ได้เฉินขุยยกถังใหญ่ใบหนึ่งในนั้นขึ้นมา “ท่านแม่ทัพ หนักมาก หากนำเหล็กกล้าชั้นดีเยี่ยงนี้มาตีเป็นอาวุธ จะต้องตัดเหล็กได้ดุจดินเหนียว และมีกำลังต่อสู้เพิ่มขึ้นหลายเท่าเป็นแน่!”“ท่านเทพยดาถึงขั้นใช้ถังเหล็กกล้าเช่นนี้มาทำอาหาร ช่างเสียของจริง ๆ!”เหล่าทหารต่างก็รู้สึกเสียดายอย่างมากหากนำมาผลิตเป็นอาวุธจะดีสักแค่ไหนกันตอนนี้หัวหอกส่วนใหญ่ของเหล่าทหารล้วนทำมาจากทองสำริด ทองสำริดแข็งและคมสู้เหล็กกล้าไม่ได้อยู่แล้วซ่งตั๋วดูแลคลังอาวุธ ขอเพียงท่านแม่ทัพมีคำสั่ง เขาก็สามารถหาคนมานำอุปกรณ์เหล่านี้หลอมแล

Bab terbaru

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 680

    หลังจากจางเฉินซีเซ็นสัญญาเข้าทำงานแล้ว เลขาที่ผู้อาวุโสมู่แนะนำไว้ก็มาถึงเดิมทีเย่มู่มู่คิดว่า จะเป็นประเภทเดียวกับเวินลี่ เป็นประเภทหญิงสาวที่ดูเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสามารถรอบด้านผู้ที่มาเป็นเด็กสาวที่มีใบหน้ากลมเล็ก ใส่แว่นตากรอบดำ สวมเสื้อฮู้ดสีขาว ดูเหมือนจะเป็นนักศึกษานึกไม่ถึงเลยว่าเลขาจะอาศัยอยู่ในประเทศที่สวยงามในแถบยุโรปมาตั้งแต่เด็ก และเติบโตที่นั่นเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยการเมืองและกฎหมายจีนตะวันออก เรียนจบและเข้าทำงานที่สำนักงานกฎหมายชั้นนำ มีใบอนุญาตทนายความความสามารถของเธอสามารถเปิดสำนักงานทนายความได้ด้วยตนเองสาวน้อยคนนี้เป็นคนที่เงียบอย่างมาก หน้าตาน่ารัก และเป็นสาวน้อยที่สวยคนหนึ่งพอพวกเขาเซ็นสัญญากันเรียบร้อยแล้ว ก็เดินตามเย่มู่มู่ไปเมื่อจางเฉิงซีมาถึงที่หน้ารถของเย่มู่มู่ ก็มองเห็นมายบัคแบบโบราณคันหนึ่ง จึงส่งเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ“ฉันไม่ได้ขับรถสับปะรังเคที่เก่าขนาดนี้มานานแค่ไหนแล้วเนี่ย!”พอเขากล่าวจบ ก็ถูกคุณปู่เขกด้วยไม้เท้าอีกครั้ง“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เฮลิคอปเตอร์ลำนั้นไม่ต้องขับแล้ว ให้มู่มู่ไป!”“คุณปู่ นั่นเป็นของขวัญวันเกิดที่คุณแม่ซื

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 679

    จางเฉินซีร้องออกมาพลางกล่าวว่า “คุณปู่ คุณปู่โดนเธอล้างสมองยังไงกันครับ ถึงกับให้หลานแท้ ๆ ไปเป็นผู้ช่วยให้เธอ!”ผู้อาวุโสจางโกรธเสียจนเอาไม่เท้าไปเคาะที่ศีรษะของหลานชายคนเล็ก“แกเงียบปากไปเลย แกจะรับปากหรือไม่รับปาก?”“งั้นผมต้องรู้ก่อนว่าทำไมถึงต้องเป็นเธอ!”แน่นอนว่า เขาไม่ได้ไม่ชอบเย่มู่มู่ ผู้เธอเป็นผู้หญิงที่สวย รูปร่างหน้าตาสมบูรณ์แบบมาโดยกำเนิด ไม่เหมือนกับความงามประดิษฐ์ที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้บุคลิกดี สะอาดใสบริสุทธิ์ทำงานเคียงข้างหญิงสาวที่สวยแบบนี้ คงอารมณ์ดีมีความสุขทุกวันแต่ว่า แค่นี้ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาละทิ้งชีวิตที่หรูหราฟุ้งเฟ้อที่เป็นอยู่ในตอนนี้ผู้อาวุโสจางโขกศีรษะจางเฉินซีอีกครั้ง“แกดูตัวเองซิ วัน ๆ ไม่ทำอะไรสักอย่าง ในบัตรของแกมียอดเงินอยู่เท่าไร?”“แกเป็นคนแต่ทำตัวเหมือนหมาไม่มีผิด เอาแต่รูดบัตรเครดิตของพ่อแม่แก มูลค่าของทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของแกก็ติดลบ”“ลองดูมู่มู่ซิ วันนี้เธอโอนเงินหนึ่งหมื่นล้านไปที่บัญชีกองทุนส่วนบุคคล!”“แกเอาแต่พูดว่าอยากจะเข้าบริษัท อยากจะรับช่วงต่อจากพ่อกับแม่ของแก วัน ๆ เอาแต่คุยโม้โอ้อวด แค่เพื่อนเลว ๆ ของแกพวกนั

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 678

    ไม่เช่นนั้นต่อไปพอทั้งสองคนแบ่งปันของดี ๆ กันแล้ว เขาก็คงจะไม่ได้อะไรทั้งนั้น! “เย่เย่ ตอนนี้คุณก็มีผู้จัดการกับมีเลขาแล้ว ขาดก็แต่ผู้ช่วย วางใจเถอะ ผมช่วยคุณเลือกผู้ช่วยเอาไว้แล้วละ!”“ผมให้คน ๆ นั้นเข้ามาแล้ว จะถึงในอีกครึ่งชั่วโมง ต่อจากนี้ไปหากมีเรื่องอะไร คุณให้ผู้ช่วยเป็นคนไปทำก็พอแล้ว!”เย่มู่มู่ “...”“การศึกษา ความสามารถในการทำงาน และประสบการณ์ไม่ได้ด้อยไปกว่าคนที่พวกเขาแนะนำมา หากคุณไม่พอใจ จะส่งคืนและเปลี่ยนคนก็ได้!”เย่มู่มู่ครุ่นคิด คนของผู้อาวุโสสวี่กับผู้อาวุโสมู่ต่างก็รับเอาไว้ทั้งหมดจึงไม่อาจปฏิบัติต่อผู้อาวุโสจางแตกต่างออกไปได้เธอพยักหน้า “ค่ะ งั้นก็มารายงานตัวได้เลย!”ผู้อาวุโสจางเผยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้ง พลางเหลือบมองไปยังชายชราทั้งสองคนไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ประมาณสิบกว่านาที ก็ได้ยินเสียงใบพัดเฮลิคอปเตอร์บินอยู่บนท้องฟ้าเหนือบ้านพักตากอากาศของผู้อาวุโสสวี่เกิดความเคลื่อนไหวขนานใหญ่เมื่อเย่มู่มู่กับผู้อาวุโสทั้งสามคนออกมาดูก็มองเห็นเฮลิคอปเตอร์ลงจอดตรงลานจอดอย่างมั่นคง มีชายหนุ่มรูปงามสวมชุดนักบินคนหนึ่งลงมากจากภายในห้องโดยสารเขาถอดหมวกกันน็อก

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 677

    ยังมีสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกไม่กี่อย่าง พวกเขาแบ่งสิ่งของร่วมกันของเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ ไม่ใช่สิ่งของของแคว้าต้าฉี่ แต่เป็นสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ ของแคว้นไม่กี่แคว้นที่อยู่โดยรอบมีความล้ำค่าและเป็นสิ่งของที่มีคุณค่าทางการศึกษาวิจัยอย่างยิ่งเมื่อวานส่งขวัญขวัญให้ฟรี วันนี้ยังส่งของโบราณหนึ่งกล่องมาถึงหน้าประตูอีกสาวน้อยคนนี้รู้จักทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยความจริงใจ จนเป็นที่ชื่นชอบของชายชราทั้งหลายแน่นอนว่า ยอดรวมหลังจากการชำระเงินครั้งสุดท้าย เธอทำเงินได้มากกว่าสองหมื่นกว่าล้านบาทสิ่งของในครั้งนี้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ยกตัวอย่างเช่นดาบประจำพระองค์ของฮ่องเต้าแคว้นฉี่ บนโลกนี้มีเพียงดาบประจำพระองค์เล่มนี้เท่านั้นที่มีอายุสองพันหกร้อยกว่าปี บวกกับงานฝีมือตกแต่งที่ประดับประดาด้วยอัญมณีได้อย่างสมบูรณ์แบบหากนำไปประมูล จะต้องมีมูลค่ามากกว่าห้าพันล้านบาทอย่างแน่นอนดังนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงรู้สึกว่าตนเองทำเงินได้มากแล้วเย่มู่มู่นำเงินหนึ่งหมื่นล้านบาทที่อยู่ในสองหมื่นสามพันล้านบาทให้กับผู้อาวุโสจาง ณ ตรงนั้น เพื่อลงทุนในกองทุนส่วนบุคคล และให้ผู้อาวุโสจางเป็นผู้ทำการซื้อขายให้กับเธอแน่

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 676

    ฝักดาบประดับด้วยอัญมณีล้ำค่า เมื่อดึงฝักดาบออก แสงสีเงินอันเย็นยะเยือกสะท้อนอยู่บนตัวดาบที่ตกแต่งด้วยไหมสีเงิน…ผู้อาวุโสจางอดรนทนไม่ไหว เมื่อหยิบเล่มนี้ดาบขึ้นมาก็มองเห็นด้านบนเขียนเพียงว่า ‘ดาบจงกั๋วกง ฮ่องเต้แห่งแคว้นฉู่ทรงพระราชทาน’ “ดาบเล่มนี้ฮ่องเต้แคว้นฉู่เป็นผู้ทรงพระราชทาน ฮ่องเต้แคว้นฉู่ทรงพระราชทาน!”“ฮ่าฮ่าฮ่า ได้ เรื่องของคุณผมจะจัดการให้เอง เตรียมเงินเอาไว้ห้าพันล้าน อย่างมากที่สุดครึ่งเดือนผมจะทำให้คุณได้กำไรเป็นเท่าตัว!”เย่มู่มู่ดีใจกับเรื่องที่คาดไม่ถึงนี้ “ขอบคุณมากค่ะผู้อาวุโสจาง!”ผู้อาวุโสสวี่มองดูดาบด้วยใจที่คันคะเยอ เขาก็อยากได้เหมือนกันนี่นาของที่ดีขนาดนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าสาวน้อยจะมีของล้ำค่าอยู่ก้นหีบ ทั้งยังเอาเสื้อคลุมสองตัวมาปิดเอาไว้อีกหลอกลวงกันนี่นาผู้อาวุโสจางหัวเราะพลางกล่าวว่า “เบื้องหลังของเหล่าสวี่แข็งแกร่งกว่าพวกเรามาก แม้ว่าผมจะมั่งคั่งร่ำรวย ก็เป็นเพียงนักธุรกิจที่ไร้อำนาจเท่านั้น ไม่เหมือนกันกับเขา”“ก่อนที่จะเกษียณ ตอนที่เขาอยู่ที่กองทัพก็เป็นแบบนี้ ลูก ๆ ของเขาทำได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งในแวดวงธุรกิจ การเมืองแล้วก็การทหาร ทั้งยังเชื่

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 675

    ผู้อาวุโสสวี่กับผู้อาวุโสจางรู้ดีว่าทำไมเย่มู่มู่ถึงได้ต้องการขายของเก่าดูเหมือนว่าเธอจะขาดเงินอย่างหนัก ต้องการเงินเป็นจำนวนมากว่ากันตามเหตุผลแล้ว ของโบราณที่เธอขายในช่วงสามเดือนมานี้ มีมูลค่าห้าหมื่นล้านบาทเข้าไปแล้วสาวน้อยเพียงคนเดียว ถึงจะใช้เงินเก่งแค่ไหน แต่จะใช้เงินหลายหมื่นล้านหมดภายในสามเดือนเชียวเหรอ?แต่ว่าเธอดันใช้จ่ายไปแล้ว!และก็ใช้ไปจนหมดแล้วด้วย!นี่ก็เอาของโบราณมาขายอีกหนึ่งกล่องแล้วเธอทำอะไรกันแน่?ถึงได้ใช้เงินเก่งขนาดนี้!ต่อให้ลงทุนในบริษัทไลฟ์ช่วยเหลือเกษตรกร บริษัทก็มีกำไร และกำไรก็ไม่ได้ต่ำด้วย สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองหลวง พวกต่างก็ลงทุนไปแล้ว เงินพวกนี้เพียงพอที่จะครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายในการเช่าอาคารเธอยังลงทุนในตลาดสินค้าเกษตรของหมู่บ้านและเมืองต่าง ๆ อีกด้วย ไม่กี่ล้านบาทนั่นก็เพียงพอแล้วต่อให้ลงทุนกับหน่วยขนส่ง หน่วยขนส่งใหม่ทั้งหมดบวกกับเงินเดือนและค่าน้ำมัน ห้าสิบกว่าล้านก็นับว่าสูงแล้วเธอทำอะไรกันแน่ชายชราทั้งสามคนต่างก็สงสัยเป็นอย่างมาก!ตอนนี้ เธอเอาของโบราณมาหนึ่งกล่อง บวกกับของขวัญที่ส่งมาเมื่อวานก็ถือว่าได้แสดงความความจริงใจ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 674

    และหลูซีจะถูกพวกเขาตราหน้าว่ามีภูมิหลังของครอบครัวในระดับที่ต่ำที่สุดแน่นอนว่าหลูซีไม่ถึงขั้นที่จะเกิดเรื่อง ด้วยฝีมือของเขา เย่มู่มู่เป็นห่วงว่าฝ่ายตรงข้ามจะเกิดเรื่องเสียมากกว่าดังนั้น จึงพยายามที่จะมารับไปส่งเขาเท่าที่จะทำได้และบอกกับนักเรียนคนอื่น ๆ ว่าไม่ใช่ว่าเขาไม่มี แต่เขาแค่ไม่ยินยอมเท่านั้น!สาวน้อยน่ารักคนนั้นร่ำลาเย่มู่มู่ “พี่สาวลาก่อนค่ะ?”เย่มู่มู่ยิ้มพลางกล่าวว่า “ลาก่อน!”หลังจากที่หลูซีเข้าประตูโรงเรียนไปแล้ว เย่มู่มู่ถึงได้ไปเยี่ยมเยียนผู้อาวุโสสวี่เมื่อมาถึงคฤหาสน์ของผู้อาวุโสสวี่...ว้าว คฤหาสน์ใหญ่มากจริง ๆ !ที่ดินในเมืองทุกตารางนิ้วล้วนมีราคาสูง คฤหาสน์ที่ใหญ่โตหรูหรา และครอบคลุมพื้นที่เกือบสิบไร่เช่นนี้ ไม่อาจวัดมูลค่าได้ภูเขาที่อยู่ด้านหลังของคฤหาสน์ พื้นที่เพาะปลูกขนาดใหญ่ ล้วนแต่เป็นของผู้อาวุโสสวี่ทันทีที่รถของเย่มู่มู่ขับเข้าประตู ผู้อาวุโสสวี่กับผู้ช่วยพ่อบ้านก็ออกมาตอนรับพร้อมกันเย่มู่มู่รีบลงมาจากรถสวี่หมิงที่อยู่ข้าง ๆ เธอ กำลังถือกล่องไม้กล่องหนึ่งด้วยมือทั้งสองข้างลวดลายแกะสลักสไตล์โบราณบนกล่องไม้ ทำให้ดวงตาของผู้อาวุโสสวี่เป็น

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 673

    เย่มู่มู่กำลังคิดว่าข่าวของผู้อาวุโสมู่ค่อนข้างเร็วทีเดียววันนี้เธอนำสิ่งของหลายอย่างมาเยี่ยมเยียนท่านผู้เฒ่าทั้งสองจริง ๆ นางต้องการสนับสนุนจ้านเฉิงอิ้นฟื้นฟูดินแดนรกร้าง กักตุนเสบียงอาหาร ยึดครองเมืองหลวงแห่งแคว้นต้าฉี่ และพิชิตใต้หล้าต้องใช้การลงทุนจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง!เงินพวกนี้พึ่งพาการขายของโบราณเพียงอย่างเดียงคงเป็นไปได้ยากเธอต้องหาเงิน!หาเงินให้มากพอที่จะสนับสนุนให้จ้านเฉิงอิ้นรวมชาติได้ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าผู้อาวุโสสวี่กับผู้อาวุโสจางมีเบื้องหลังเช่นไร ทว่าครั้งก่อนที่ร้านขายวัตถุโบราณเปิดกิจการ มีผู้ทรงอิทธิพลมากมายที่ปรากฎอยู่ในภาคการเงินและเศรษฐกิจ มาขอเข้าพบพวกเขาเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าทั้งสองคนมีเบื้องลึกที่ไม่ธรรมดา!วันนี้เธอจึงตั้งใจเลือกของขวัญมาหนึ่งกล่องชุดน้ำชาทองคำที่ฮ่องเต้ทรงใช้ กาน้ำชาฉลุลายมังกรขดที่ทำมาจากทองคำหนึ่งใบถ้วยชาลายมังกรทองสี่ใบชุดน้ำชาชุดนี้ยังมีถาดทองคำอีกหนึ่งใบด้วยเป็นชุดที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ภายนอกเป็นรูปแบบโบราณที่เรียบง่ายและงดงาม ฝีมือประณีตสามารถหลงเหลือชุดน้ำชาในสมัยโบราณที่ประณีตและงดงามขนาดนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 672

    หยางชิงเหอแย้มยิ้มในฉับพลัน “ไปไปไป พวกเราไปเลือกรถกัน ข้าเห็นว่ามีรถบ้านขนาดใหญ่อยู่ด้วย”“สามารถอยู่กับชีเหนียง หยางซี แล้วก็เสี่ยวเถาได้แล้ว...ต่อไปนี้พวกเขาก็ไม่ต้องใช้กระโจม นอนกลางดินกินกลางทรายอีกแล้ว”หยางชิงเหอขี่รถสามล้อไฟฟ้า แล้วเลือกรถบ้านขนาดใหญ่ไปหนึ่งคันรถบ้านขนาดใหญ่มีโครงสร้างสูง สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีห้องส่วนตัว และโซฟามีห้องทั้งหมดสองห้องนางอยู่หนึ่งห้อง ชีเหนียง และเสี่ยวเถาอยู่หนึ่งห้องส่วนหยางซีนอนโซฟาชั้นบนสุดของรถนอน ปูด้วยแผงไฟพลังงานแสงอาทิตย์ และท้ายรถยังมีรถจักรยานยนต์แขวนไว้หนึ่งคันด้วยไม่ใช่รถไฟฟ้า แต่เป็นรถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมันแล้วก็มีห้องครัวแบบเปิด กับตู้เย็นตั้งพื้นด้วย!ระบบทำความเย็นมีอยู่อย่างเพียงพอกระทั่งโทรทัศน์ก็ยังใหญ่กว่ารถบ้านทั่ว ๆ ถึงหนึ่งเท่าตอนที่พวกนางทั้งสี่คนย้ายเข้ามา จึงดีใจอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเสี่ยวเถากับชีเหนียง พวกนางสามารถอาบน้ำในห้องน้ำบนรถได้ โดยไม่ต้องไปกางกระโจมกลางดินกลางทรายเวลาลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำกลางดึกก็ต้องระมัดระวังอย่างมากแต่ว่าตอนนี้แก้ไขได้ด้วยห้องน้ำที่อยู่บนรถบ้านแล้วสามาร

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status