Share

บทที่ 7

Author: มู่โร่ว
ทหารสิบนายเดินกลับมาจากบ้าน พวกเขาขอบตาแดงก่ำ ต่างผ่านการร้องไห้มา

เมื่อวานนี้สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนเต็มไปด้วยความโศกเศร้าปนความสิ้นหวัง

ทว่าตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ต่อให้ขอบตาจะแดงก่ำ แต่ปากกลับฉีกยิ้ม

พวกเขากำลังรอให้เย่มู่มู่ส่งน้ำมาให้!

ในเวลานี้ ที่หน้าประตูจวนแม่ทัพเกิดเสียงดังวุ่นวาย มีผู้ลี้ภัยกำลังสร้างปัญหา

จ้านเฉิงอิ้นให้เถียนฉินออกไปดู

พวกเขาออกไปได้ไม่นาน คนที่มารวมตัวกันสร้างปัญหาก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียงดังเข้ามาในจวนด้านในได้ยินกันชัดเจน

จ้านเฉิงอิ้นลุกขึ้น เพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงทุกคนร้องตะโกนว่า “ขอท่านแม่ทัพได้โปรดเปิดยุ้งฉางแจกจ่ายธัญพืชออกมาด้วยเถอะ”

“ท่านแม่ทัพ ทั้งที่จวนของท่านมีข้าวสาร เหตุใดต้องซ่อนไว้กินเพียงคนเดียว? หรือว่าท่านอยากจะมองดูชาวบ้านด่านเจิ้นกวนหิวตายทั้งเป็นไปต่อหน้าต่อตาหรือ?”

“ท่านแม่ทัพ ได้โปรดช่วยพวกชาวบ้านด้วยเถอะ พวกเราไม่อยากหิวตาย!”

หน้าประตูจวนแม่ทัพ ชาวบ้านที่สร้างปัญหาก็มีถึงสองร้อยคนแล้ว!

ผู้นำก็คือชายที่มีนามว่าหลิวซื่อ ภายใต้ใบหน้ายาวนั้นคือดวงตาสามขาวและโหนกแก้มโดดเด่น

เขารู้จักกับพ่อที่แลกเปลี่ยนลูกเมื่อวานนี้ เมื่อก่อนเคยเป็นอันธพาลในท้องที่เช่นเดียวกัน

ครั้นเขาเห็นจ้านเฉิงอิ้นเดินออกมาจากจวนแม่ทัพ ก็ร้องตะโกนเสียงดัง “ท่านแม่ทัพออกมาแล้ว ทุกคนขอร้องให้เขาแจกธัญพืชเถอะ พวกเราจะมีชีวิตรอดต่อไปหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับท่านแม่ทัพแล้ว!”

นัยน์ตาทั้งสองของจ้านเฉิงอิ้นมองไปยังกลุ่มคนที่สร้างปัญหาด้วยแววตามืดมน

“จวนแม่ทัพไม่มีข้าว รีบออกไปเสีย!”

หลิวซื่อหัวเราะฮ่า ๆ ทั้งกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ ท่านบอกว่าไม่มีข้าวก็คือไม่มีข้าวหรือ?”

เขาลากหญิงชราที่ถูกตีจนหน้าบวมเขียวช้ำออกมาจากมุม เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อายุสามขวบถูกนางกอดปกป้องเอาไว้แน่นในอ้อมอก

ใบหน้าของหญิงชราเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาขุ่นมัวคู่นั้นคลอไปด้วยน้ำตา รู้สึกผิดต่อแม่ทัพ ไม่กล้ามองไปที่เขา

หลิวซื่อล้วงกระดาษสีทองที่ใช้ห่อข้าวปั้นออกมาจากกระเป๋ากางเกง บนนั้นยังมีเมล็ดข้าวสีขาวติดอยู่

ชาวบ้านที่หิวโหยจนแทบหมดสติเห็นเมล็ดข้าวนั้น ต่างก็พากันกลืนน้ำลาย

นั่นคือข้าวขาวนี่!

ต่อให้จะมีแค่ไม่กี่เม็ด ใครบ้างจะไม่อยากกิน?

ตอนที่ยังไม่เกิดภัยแล้ง พวกเขายังอาลัยอาวรณ์ซื้อข้าวขาว ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เกิดความอดอยากไปทั่วทุกที่

“ท่านแม่ทัพ ท่านให้ข้าวปั้นกับหญิงชราตายยากผู้นี้กินได้ เหตุใดถึงไม่ให้พวกเรา[hk’ ทั้งที่ท่านก็มีธัญพืช”

“ท่านอยากให้ชาวบ้านทั้งเมืองหิวตายหรืออย่างไร?”

เมื่อหลิวซื่อกล่าวจบ ชาวบ้านทั้งหมดก็ตะโกนขึ้น “ขอท่านแม่ทัพแจกจ่ายธัญพืชด้วยเถอะ!”

“ได้โปรดท่านแม่ทัพแจกจ่ายธัญพืชด้วย...”

“ท่านแม่ทัพ ให้ทางรอดกับพวกเราด้วยเถอะ!”

คนหลายร้อยคนพากันคุกเข่า ขอร้องให้จ้านเฉิงอิ้นแจกจ่ายธัญพืช

แต่เขาเองก็ไม่มีธัญพืชเช่นกัน

ถุงเส้นหลายร้อยถุงเมื่อเช้านี้ ต้องส่งให้ค่ายทหารก่อน มิเช่นนั้นม้าศึกสองร้อยตัวสุดท้ายอาจจะรักษาไว้ไม่ได้แล้ว!

เรื่องนี้ เขาจะปล่อยปละละเลยไม่ได้

หลิวซื่อเห็นว่าจ้านเฉิงอิ้นนิ่งเฉย จึงผลักย่างเอ๋อร์และแม่ของเขาที่ถูกตีจนแทบจำไม่ได้ไปตรงหน้าจ้านเฉิงอิ้น

เขากล่าวอย่างดุร้าย “พูดมา แม่ทัพให้ข้าวปั้นกับพวกเจ้าใช่หรือไม่? ในข้าวปั้นห่อเนื้อไว้ด้วย!”

เมื่อได้ยินว่าข้าวปั้นมีเนื้อ ผู้คนมากมายต่างก็พากันกลืนน้ำลายอึก ๆ

หญิงชราถูกตีจนหายใจรวยริน ให้ตายก็ไม่ยอมเปิดปาก

ย่างเอ๋อร์ปกป้องแม่ของเขา หลิวซื่อด่าว่า “ท่านสมรู้ร่วมคิดกับท่านพ่อ กินน้องชายและน้องสาวของข้าไปแล้ว แม้แต่แม่ของข้าก็ไม่ยอมปล่อยไป ข้าจะฆ่าท่านเสีย!”

เด็กอายุสิบขวบคิดจะสู้อย่างสุดกำลังกับหลิวซื่อ แต่กลับถูกหลิวซื่อเตะกลิ้งออกไป

ขณะที่เขาคิดจะเหยียบไปที่หน้าอกของเด็กนั้น

ดาบแหลมคมของจ้านเฉิงอิ้นก็พุ่งเข้าไป ตัดไปที่คอของเขาในดาบเดียว

เลือดสีแดงฉานพุ่งออกมา ชาวบ้านหลายคนที่เดินหน้าเข้ามาสร้างปัญหาก่อนหน้านี้ ตื่นกลัวจนรีบหดหัวของตัวเอง แล้วถอยกลับไปอย่างต่อเนื่อง

คนที่ฆ่าบ่าวรับใช้ของจวนแม่ทัพคราวก่อน ก็ถูกลากไปที่สนามรบ และถูกฆ่าตายทั้งหมด!

แต่จวนแม่ทัพมีธัญพืช!

ออกไปก็หิวตาย ถูกลากไปที่สนามรบก็ตาย...

ไม่ว่าจะทางไหนก็ตาย

พวกเขาแค่อยากจะเป็นผีที่อิ่มท้อง!

จ้านเฉิงอิ้นสังหารคนจนสั่นสะเทือนสยบทุกผู้คนเอาไว้ได้

แต่กลับไม่มีใครออกไป

พวกเขายังคงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าจวนแม่ทัพ เชื่อมั่นว่าท่านแม่ทัพมีธัญพืช ถ้าได้กินสักคำ

ต่อให้ตาย พวกเขาก็ยอม!

มือข้างหนึ่งของจ้านเฉิงอิ้นกำด้ามกระบี่เอาไว้แน่นอย่างเอาเป็นเอาตาย!

มองไปที่ชาวบ้านที่กำลังคุกเข่าอยู่หน้าจวนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ!

ในขณะที่บรรยากาศกำลังร้อนระอุ ทั้งสองฝ่ายเริ่มทนไม่ไหว เฉินขุยเฉินอู่สองพี่น้องก็วิ่งออกมาดูข้างนอกด้วยความดีใจ

“ท่านแม่ทัพ น้ำมาแล้วขอรับ!”

ชาวบ้านที่ได้ยินก็เงยหน้าขึ้นทันที

คราวก่อนที่จวนแม่ทัพแจกจ่ายน้ำให้ ก็แจกจ่ายเพียงครึ่งวัน ทั้งครอบครัวดื่มไปไม่กี่จิบก็หมดแล้ว!

ตอนนี้ยังมีน้ำอีกหรือ?

ถ้ามีน้ำ ก็จะมีคนรอดชีวิตเพิ่มมากขึ้น น้ำสามารถต้มรากหญ้าเปลือกไม้กินได้

เฉินขุยนำกระดาษที่เย่มู่มู่ส่งมามอบให้กับจ้านเฉิงอิ้น

แล้วยังพูดกระซิบเสียงเบา ๆ ข้าง ๆ หูของจ้านเฉิงอิ้นด้วย “ท่านเทพส่งข้าวสารมาอีกสามถุงใหญ่ แป้งสาลีหนึ่งถุง ข้าวสารสามร้อยชั่ง แป้งสาลีห้าสิบชั่ง”

จ้านเฉิงอิ้นสั่งว่า “ส่งไปที่ค่ายทหารแล้วตั้งหม้อต้มโจ๊ก ให้พวกทหารได้กินก่อน”

เฉินขุยพยักหน้า “อีกหนึ่งชั่วยาม ก็ให้ชาวบ้านมาต่อแถวเอาน้ำ”

“ขอรับท่านแม่ทัพ!”

เฉิยขุยจึงตะโกนบอกพวกชาวบ้าน “เชิญทุกคนไปที่ประตูด้านหลังจวนแม่ทัพ อีกหนึ่งชั่วยามจะแจกจ่ายน้ำ ไม่จำกัดจำนวนคน ทุกคนไปต่อแถวตักน้ำ ใครมาก่อนได้ก่อน”

ชาวบ้านที่เดิมทีคุกเข่าอยู่ได้ยินว่ามีน้ำ ก็วิ่งไปที่ประตูด้านหลังราวกับฝูงผึ้ง

ชายผิวดำและผอมหลายคนคอยมองการเคลื่อนไหวของจวนแม่ทัพอยู่ที่มุมเลี้ยวหนึ่ง

เมื่อวานนี้ จ้าวโหย่วไฉ่เห็นแม่ทัพออกมาจากจวนก็ตามไป

เขาเห็นกับตาว่าแม่ทัพยัดของให้หญิงชรา!

หลังจากแม่ทัพไป เขาก็เข้าไปแย่งข้าวปั้น

เขาเป็นคนตีนางเอง หลิวซื่อเขาเป็นแค่นกที่จู่ ๆ ก็ยื่นหัวออกมาเอง

เขาเอาเรื่องที่จวนแม่ทัพมีธัญพืชไปบอกเหวยกวงอดีตอันธพาลดุร้ายบนถนน

เหวยกวงมีลูกน้องชื่อซุนหย่าปาที่สามารถอ่านปากได้ เขาบอกว่า “จวนแม่ทัพยังมีข้าวสารสามร้อยชั่ง แป้งสาลีห้าสิบชั่ง ต้องการจะนำไปที่ค่ายทหาร!”

เมื่อคนเหล่านั้นได้ยิน ก็ตะลึงงัน

จวนแม่ทัพมีข้าวสารจริง ๆ หรือ?

และยังมีถึงสามร้อยชั่งอีกด้วย!

ข้าวสารสามร้อยชั่งนี้เพียงพอให้พวกเขาพี่น้องประหยัดกินได้ถึงสามเดือน

คนตายเพราะทรัพย์ นกตายเพราะอาหาร

ในปีที่อดอยากนี้ ใครจะรู้ว่าจะตายวันไหน

พวกเขาอยากจะลองไปแย่งมันดู!

ต่อให้จะถูกจับและถูกฆ่าตายก็ยอม!

จ้าวโหย่วไฉ่เสนอความคิดเห็น “พี่เหวย พวกเราไปเรียกพี่น้องมาเพิ่มอีกสักหน่อย แล้วปล้นข้าวสารกลางทางกันเถอะ!”

เหวยกวงจ้องไปที่จวนแม่ทัพ สายตามืดมน “รออีกหน่อย!”

“จะต้องรออะไรอีกล่ะ ถ้ายังไม่ได้กินอีก เสี่ยวลิ่วจะอดตายแล้วนะ เมื่อวานนี้ทีแรกอยากจะแลกเด็ก พวกเราจะได้กินอิ่มสักมื้อ แต่สุดท้ายก็ถูกเขาทำเสียเรื่อง”

“พวกเราไปปล้นข้าวของเขาตอนนี้ ก็ถือว่าเสมอกันแล้ว”

เหวยกวงเหลือบมองจ้าวโหย่วไฉ่อย่างดุร้าย “เจ้าไม่เห็นหรือว่าหลิวซื่อตายอย่างไร? ยังอยากจะเข้าไปลองดูไหมล่ะ?”

“จ้านเฉิงอิ้นโดดเด่นเรื่องสงคราม เป็นแม่ทัพที่ฆ่าคนราวกับผักกับปลา การปล้นเสบียงใต้จมูกเขา เป็นการรนหาที่ตายชัด ๆ”

“แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ? หรือจะมองดูเสี่ยวลิ่วรอความตายเช่นนี้หรือ?” จ้าวโหย่วไฉ่เอ่ยด้วยเสียงไม่พอใจ

เหวยกวงกัดฟัน “ข้าจะไปที่ค่ายทหาร แบ่งโจ๊กมาหน่อย”

“พวกเจ้าก็ไปตักน้ำ แล้วจับตาดูจวนแม่ทัพต่อไป”

ทุกคนต่างพยักหน้า

เมื่อคนแยกย้ายไปแล้ว เสี่ยวหย่าปาก็ตามเหวยกวงไปพร้อมกับทำมือบางอย่าง

เหวยกวงตะลึง แล้วถามอย่างเหลือเชื่อ “จริงหรือ? ในโลกนี้มีท่านเทพจริง ๆ หรือ?”

เสี่ยวหย่าปาพยักหน้า

“ไม่นาน ทุกคนก็จะได้มีธัญพืชกินแล้ว”

เหวยกวงหยิบน้ำเต้าใส่น้ำออกมาจากอก “เอาไปตักน้ำ อย่าบอกใครทั้งนั้น จับตาดูจวนแม่ทัพเอาไว้!”

เสี่ยวหย่าปาก็กอดน้ำเต้าเอาไว้แล้วไปตักน้ำ

*

เย่มู่มู่นำชุดจอกสุราใส่เข้าไปในกระเป๋า

จากนั้นก็ขับรถกระบะออกไปจากโรงรถในบ้าน เพื่อให้สะดวกต่อการลากสินค้า

เธอขับรถไปที่ถนนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมือง ขณะที่ลงจากรถ ก็เห็นลูกพี่ลูกน้องพาคนวัยกลางคนอายุประมาณห้าสิบกว่าปีเดินเข้ามา

พวกเขาขวางทางเธอเอาไว้

“มู่มู่ ทำไมเธอไม่รับสายพี่เลยล่ะ? ดูสิว่าพี่พาใครมาหาเธอ?”

เย่มู่มู่ขมวดคิ้วมองไปที่พี่เย่ซินลูกพี่ลูกน้องของเธอ

เย่ซินเป็นลูกชายคนเดียวของลุงใหญ่ และเป็นที่รักของทุกคนในครอบครัวตั้งแต่เด็กจนโต

ถุงใต้ตาของเขาหนาและคล้ำ มีอาการซึม ๆ สภาพเหมือนถูกเหล้าและความต้องการทางเพศทำร้าย

นี่ทำให้เย่มู่มู่ขยะแขยงมาก

หลังจากที่พ่อของเธอร่ำรวย ก็ไม่ลืมจะประคับประคองพี่น้องทั้งหลาย ช่วยให้พวกเขาได้แต่งงาน หลังจากมีลูก ก็ยังซื้อบ้านที่อยู่ในเขตโรงเรียนให้ และจัดหาโรงเรียนที่ดีที่สุดให้

เขาช่วยเหลือทุกอย่าง แต่พี่น้องพวกนี้กลับไม่นึกถึงความดีของเขาเลย

คิดว่าเขามีลูกสาวคนเดียว เลยอยากให้ลูกชายของตัวเองไปเป็นลูกชายบุญธรรม

หลังจากแม่ปฏิเสธหัวเด็ดตีนขาด บรรดาพี่น้องของพ่อก็เบนความสนใจไปที่บริษัท อยากเข้าไปทำงานในบริษัท

พ่อจัดแจงพวกพี่น้องให้เข้าไปในบริษัทจริง ๆ

พวกเขาไม่กินเงินเดือนสูงกินค่าคอมมิชชั่นเยอะ ก็ทำเหมือนบริษัทเป็นทรัพย์สินของตัวเอง

แม้แต่เย่ซินก็ยังเคยพูดอย่างกล้าหาญว่า “รอให้อารองตายก่อนเถอะ บริษัทนี้ก็จะเป็นของฉัน พวกแกมีสิทธิ์อะไรไม่เชื่อฟังฉัน?”

Related chapters

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 8

    เมื่อพ่อได้ยินคำพูดนั้นก็โกรธเป็นอย่างมาก ไล่ญาติ ๆ ทุกคนออกจากบริษัทแล้วก็จัดทำพินัยกรรมล่วงหน้าทรัพย์สินของเขา พี่น้องกับหลาน ๆ ไม่มีใครได้ไปสักสตางค์เดียวพอพวกนั้นรู้ว่าไม่ได้อะไรจากพินัยกรรม พยายามโทรหาเย่มู่มู่ก็ไม่ติด ก็เลยเริ่มวนเวียนอยู่ที่หน้าหมู่บ้าน หวังจะเจอเธอเย่ซินไม่รู้ว่ารออยู่หน้าหมู่บ้านนานแค่ไหน จนสุดท้ายก็ดันเจอเธอที่กำลังจะออกไปข้างนอกเขารีบพาผู้ชายวัยกลางคนมาพบเธอทันทีเย่มู่มู่ขมวดคิ้วถามเสียงเย็นชา “มีเรื่องอะไร?”เย่ซินยิ้มอย่างกระตือรือร้น“มู่มู่ เรามานั่งคุยกันหน่อย พี่จะแนะนำคนให้เธอรู้จัก คุณหวัง เขาเพิ่งหย่าเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้เป็นหนุ่มโสดสุดฮอตเลยนะ!”“ดูสิ คุณหวังทั้งสุขุมและมั่นคง ภายนอกก็ดูภูมิฐาน เขาเป็นเจ้าของใหญ่ของหัวหวังกรุ๊ป...”“เหมาะกับเธอที่สุดแล้ว!”คุณหวังที่พูดถึงนั้นหัวล้านกลางศีรษะ พุงก็ใหญ่จนดูอ้วนกว่าปกติ ดูแล้วอายุมากกว่าพ่อของเธอเสียอีกอายุอย่างน้อยก็คงห้าสิบห้าปีขึ้นไปเขาสวมแหวนทองวงใหญ่ มืออ้วน ๆ ของเขาลูบคางแล้วมองเย่มู่มู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาหื่นกามเมื่อเห็นว่าเธอมีผิวขาวเนียน รูปร่างผอมเพรียว โดยเ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 9

    “ยัยหนู เธอคิดจะขายหรือไม่? จอกสุราปกติต้องมีเป็นคู่ ถ้าเธอมีครบคู่ ฉันจะเสนอราคาให้ถึงสองหมื่นห้าพันล้าน!”เย่มู่มู่รู้สึกเจ็บปวดในใจ เธอไม่อยากให้จ้านเฉิงอิ้นต้องมาตายตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้สองหมื่นห้าพันล้านเพียงพอที่จะเลี้ยงดูคนหนึ่งแสนคนได้แต่สำหรับให้ทหารสองหมื่นนายของเขาเอาชนะกองทัพคนเถื่อนสามแสนนาย คงไม่เพียงพอแน่!เย่มู่มู่กัดฟัน ก่อนจะหยิบจอกสุราอีกใบออกมา“ฉันมีสองใบ สองหมื่นห้าพันล้านน้อยเกินไป!”เมื่อผู้อาวุโสมู่มองเห็นว่าเย่มู่มู่มีจอกสุราครบทั้งสองใบจริง ๆ เขาก็ดีใจมากจนทำแว่นตาหลุดมือที่สั่นเทาของเขารีบหยิบจอกขึ้นมา ตรวจสอบด้วยแว่นขยายเขาตื่นเต้นจนริมฝีปากสั่นระริก “ใช่แล้ว ใช่เลย! นี่คือจอกสุราคู่ที่สภาพสมบูรณ์ และยังคงงดงามเป็นอย่างยิ่ง!”“เธอต้องการเท่าไหร่?”เย่มู่มู่ตอบว่า “ฉันต้องการเงินสด และราคาต้องถึงขีดสูงสุด”ผู้อาวุโสมู่เบิกตากว้าง “เธอต้องการสามหมื่นล้านเหรอ?”เย่มู่มู่พยักหน้าเขาเริ่มลังเลแล้ว!เมื่อเย่มู่มู่เห็นเช่นนั้น ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง “ถ้าคุณไม่มีปัญญาจ่าย ฉันไปถามร้านข้าง ๆ ก็ได้!”เธอลุกขึ้นเตรียมเก็บจอกสุราคืนแต่ผู้อาวุโสมู่

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 10

    เย่มู่มู่ขับรถไปถึงตลาดสด และมองหารถบรรทุกขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกได้ถึงสามสิบตันเธอบอกว่าจะซื้อของบริจาคเพื่อส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย!ไม่ว่าจะเป็น ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ผักกวางตุ้ง ผักกาดเล็ก หัวไชเท้า แครอท มันเทศ มันฝรั่ง และข้าวโพด…เธอเหมาผักหมดทั้งตลาดแล้วพ่อค้าแม่ค้าผักเห็นเธอซื้อของมากขนาดนี้ ต่างรีบกรูเข้ามาล้อมเธอ พร้อมเสนอลดราคาขายให้เธอในราคาถูกกว่าปกติ!เย่มู่มู่ซื้อของทั้งหมดในตลาดสดจนเกลี้ยง พร้อมจ้างรถบรรทุกสองคันจากนั้นเธอก็จัดหาคนมาช่วยขนของขึ้นรถ พร้อมให้ที่อยู่ของโกดังกับคนขับรถบรรทุก ให้พวกเขาขนของไปที่โกดังคุณลุงที่ดูแลโกดังอยู่ทั้งวันก็ยังคงเฝ้าประตูตามปกติหลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ เย่มู่มู่จึงเดินทางไปร้านขายยาไม่ว่าจะเป็นผ้าก๊อซ แอลกอฮอล์ล้างแผล แหนบ คีม มีดผ่าตัด กรรไกร และไหมเย็บแผลเธอซื้อมาอย่างครบครันรวมถึงเข็มฉีดยา กระบอกฉีดยา ยาปฏิชีวนะ ยาห้ามเลือด และยาแผนตะวันตกอื่น ๆ ก็ซื้อไปหมดนอกจากนี้ยังมียาแผนจีนแบบสำเร็จรูป เช่น อวิ๋นหนานไป๋เย่า[1] ยารักษาอาการฟกช้ำ ยาห้ามเลือดต่าง ๆ ยาลดการอักเสบ และยาช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อ…เธอแวะร้านขายสมุ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 11

    จ้านเฉิงอิ้นยืนเฝ้าข้างแจกันไม่ห่างฉับพลันนั้นน้ำก็หยุดไหล เขาลุกขึ้นเดินไปหยุดยืนข้างแจกัน เห็นกระดาษสีขาวโปรยลงมาอักษรคมกริบ จดจำได้ง่ายเพียงแต่อักษรเหล่านี้ขาดแขนและขา จ้านเฉิงอิ้นอ่านปะติดปะต่อกันก็เข้าใจท่านเทพยาดากล่าวว่า ส่งยามาหนึ่งชุด!ยาหรือ!!!หากมียา ทหารน้อยซ่อมเกือกม้าเป็นก็จะรอดชีวิตแล้วประชาชนในเมืองอาจไม่ต้องหิวตาย เพราะขาดน้ำและอาหารร่างกายจึงย่ำแย่ แค่อาการหวัดเล็กน้อยก็สามารถคร่าชีวิตคนได้หากมียา ทหารห้าพันนายที่ตายไปในสมรภูมิครั้งก่อน อย่างน้อยก็คงช่วยชีวิตได้ครึ่งหนึ่ง!จ้านเฉิงอิ้นกำกระดาษไว้แน่น น้ำใส ๆ รื้นขอบตา เพียงส่งอาหารและน้ำมาก็เป็นความปรารถนาสูงสุดของเขาแล้วนึกไม่ถึงว่าท่านเทพยดาถึงขั้นส่งยามาให้ด้วยสิ่งที่กองทัพตระกูลจ้านขาดแคลนก็คือยา!จ้านเฉิงอิ้นน้ำเสียงแหบพร่า เอ่ยเสียงสะอื้นว่า “เถียนไท่ เรียกหมอทหารทุกคนมาที่นี่”เถียนไท่กับทหารนายอื่นได้ยิน ก็พลันลุกขึ้น รายล้อมเขาด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน“ท่านแม่ทัพ ท่านเทพยดาส่งยามาแล้วหรือขอรับ?”“จริงหรือขอรับ? หากมียา ทหารที่ได้รับบาดเจ็บอีกหลายร้อยคนในค่ายก็ไม่ต้องรอความตายอีกแล้ว!”“บา

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 12

    เขาหยิบผ้าพันแผลที่อยู่บนพื้นขึ้นมา ยังมีสำลีฆ่าเชื้อ เข็มฉีดยา น้ำยาฆ่าเชื้อเตี่ยนฝู[1]…และมีอุปกรณ์ผ่าตัดนานาชนิด ทั้งมีดผ่าตัด คีมผ่าตัด…เขาตื่นเต้นจนพูดไม่เป็นประโยค “ท่านแม่ทัพ นะ นี่มันยาฆ่าเชื้อ ใช่…?”จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้าให้เขาซ่งอวิ๋นฮุยกำคีมผ่าตัดในมืออย่างตื้นตันจนไม่อาจบรรยาย!ท่านเทพยดามอบให้แก่พวกเขาท่านเทพยดาไม่เพียงส่งยามาให้ ยังส่งวิทยาการด้านการแพทย์ที่ล้ำยุคมาให้ด้วยคีมผ่าตัด กรรไกรผ่าตัด…เครื่องมือเหล่านี้ประณีตกว่าของในสำนักหมอหลวงหลายเท่า!จ้านเฉิงอิ้นมอบหนังสือ ‘คู่มือหมอเท้าเปล่า’ ให้ซ่งอวิ๋นฮุยหนึ่งเล่มเขาเปิดอ่านอย่างไม่รีรอ เห็นในตำรามีเทียบยาที่เอาไว้ใช้รับมือกับโรคระบาด ก็พลันดีใจอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง“ท่านแม่ทัพ มีเทียบยาที่เอาไว้ใช้รักษาโรคระบาดต่าง ๆ อยู่ด้วย! มีตำราเล่มนี้อยู่ หมอในแคว้นต้าฉี่ก็ไม่ต้องปวดหัวกับโรคระบาดอีกแล้ว!”จ้านเฉิงอิ้นยิ้มตอบ “หมอทหารซ่ง ท่านนำกลับไปศึกษาเสีย ยังมียาเหล่านี้อีก มีวิธีใช้เขียนติดอยู่บนถุง”ด้วยกลัวว่าเขาจะไม่รู้อักษร จึงได้มอบตารางโครงสร้างส่วนประกอบอักษรแบบใหม่ให้เขาด้วยส่วนหมอทหารที่เหลือ ก็ได้ร

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 13

    เฉินขุยเห็นจ้านเฉิงอิ้นสีหน้าไม่ค่อยดีนัก จึงถามอย่างเป็นห่วงว่า “ท่านแม่ทัพ ทางเมืองหลวงส่งข่าวอันใดมาหรือขอรับ?”จ้านเฉิงอิ้นยื่นจดหมายให้เขาเขาคลี่จดหมายออก ขณะที่นายทหารที่เหลือเองก็รุมล้อมเข้ามาดูด้วยเห็นเพียงข้อความหนึ่งเขียนไว้ว่า ‘ปกป้องสุดชีวิต’!เฉินขุยสบถออกมาด้วยความเดือดดาล “เดิมทีพวกข้ามีทหารหนึ่งหมื่นนาย ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่ร้อย ไม่ส่งอาหารส่งน้ำมา ไม่ส่งกำลังเสริมมาไม่พอ มิหนำซ้ำยังสั่งให้ปกป้องเมืองไว้สุดชีวิตอีกงั้นเรอะ!”“นี่เท่ากับสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปตายไม่ใช่หรือ?”อู๋ซานหลางขมวดคิ้วมุ่น “ท่านแม่ทัพ ไม่มีกำลังเสริมแล้วจริงหรือขอรับ?”ถึงแม้พวกเขามีเสบียงแล้ว แต่ทหารสองหมื่นนายจะทัดทานทหารสามแสนนายจากเผ่าหมานได้อย่างไร!หากเรื่องที่พวกเขามีเสบียงอาหารและน้ำแพร่งพรายออกไป เผ่าหมานจะต้องบุกรุกเข้ามายึดเมือง แย่งเสบียงอาหารทั้งหมดไปเป็นแน่บรรยากาศอึดอัดและตึงเครียดจนถึงขีดสุด!เฉินขุยเอ่ยต่อว่า “กองทัพหนึ่งแสนนายของแม่ทัพสวีหวยก็อยู่ห่างจากด่านเจิ้นกวานเพียงไม่กี่ร้อยลี้ เหตุใดฮ่องเต้น้อยจึงไม่มีราชโองการให้เขามาช่วยเหลือ หรือจะมองดูด่านเจิ้นกวนถูก

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 14

    พวกเขาเลียนแบบนายกองจ้าวจง พากันยกหัวไชเท้าแดงขึ้นมาลองกัดอย่างระมัดระวังหนึ่งคำจากนั้นก็เบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ มีรสชาติหวานจริง ๆ!พวกเขากลืนกินหัวไชเท้าแดงหมดภายในไม่กี่คำ ถึงขั้นไม่ทันได้เคี้ยวให้ละเอียดด้วยซ้ำหลินต้าจวินเห็นพวกเขากินหมดแล้ว จึงกำชับพวกเขาว่า “เบาเสียงหน่อย ย้ายเสบียงไปที่ค่ายทหารก่อน!”พวกเขานำข้าวสารหนึ่งถุงใส่ตะกร้าก่อน จากนั้นก็ทับด้วยน้ำมันหนึ่งถัง แป้งสาลีหนึ่งถุง ตามด้วยเกลือทำอาหารอีกจำนวนหนึ่ง ปิดท้ายด้วยการวางผักกาดขาว และกะหล่ำปลีครั้นเห็นช่องว่างในตะกร้าก็เสียบมะเขือยาว มะเขือเทศและหัวไชเท้าแดงแซมเข้าไป…ตะกร้าไผ่กว้างมาก ทว่าพวกเขาก็ยังคงใส่ของมากเกินจนทำให้ปากตะกร้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยแต่พวกเขาไม่มีเวลาสนใจแล้ว ค่ายทหารอยู่ห่างจากค่ายทหารถึงสองลี้ ประตูด้านหลังมีเกวียนจอดอยู่ด้านนอกเกวียนหนึ่งเล่มสามารถใส่ตะกร้าได้สี่ตะกร้าพวกเขาใส่ของเต็มเกวียนสี่เล่ม อาศัยกำลังคนในการลากทั้งสิ้นในค่ายทหารมีม้า ทว่าม้าล้วนหิวจนผอมเหลือแต่กระดูก บางตัวก็ลุกไม่ไหว จึงทำได้เพียงอาศัยแรงคนเท่านั้นเพื่อปกป้องทรัพยกรชุดนี้ เฉินขุยกับหลินต้าจวินควบคุมการข

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 15

    หลังผ่านไปครึ่งชั่วยาม จ้านเฉิงอิ้นได้รับถังทรงกลมขนาดใหญ่ที่มีตราสแตนเลสเกรดอาหารสามศูนย์สี่ประทับอยู่ถึงหนึ่งร้อยใบความใหญ่ของถังนั่นเทียบได้กับอ่างอาบน้ำทีเดียวหนำซ้ำยังใช้แต่เหล็กเนื้อดี ไม่ ทำมาจากเหล็กกล้าชั้นดีต่างหากผิวเหล็กเรียบลื่นจนเห็นเงาสะท้อนของคน ไม่มีรอยบุบแม้แต่น้อยวิทยาการในการผลิตล้ำยุค ทั่วทั้งแคว้นต้าฉี่ หรือแม้แต่ทั่วทั้งแผ่นดินหัวเซี่ย ล้วนหาฝีมือแบบนี้ไม่ได้ยังมีถาดทรงสี่เหลี่ยมอีกสามร้อยใบ ล้วนมีวัสดุเหมือนกันเหล่านายกองเห็นก็อดอุทานด้วยความแปลกใจไม่ได้เฉินขุยยกถังใหญ่ใบหนึ่งในนั้นขึ้นมา “ท่านแม่ทัพ หนักมาก หากนำเหล็กกล้าชั้นดีเยี่ยงนี้มาตีเป็นอาวุธ จะต้องตัดเหล็กได้ดุจดินเหนียว และมีกำลังต่อสู้เพิ่มขึ้นหลายเท่าเป็นแน่!”“ท่านเทพยดาถึงขั้นใช้ถังเหล็กกล้าเช่นนี้มาทำอาหาร ช่างเสียของจริง ๆ!”เหล่าทหารต่างก็รู้สึกเสียดายอย่างมากหากนำมาผลิตเป็นอาวุธจะดีสักแค่ไหนกันตอนนี้หัวหอกส่วนใหญ่ของเหล่าทหารล้วนทำมาจากทองสำริด ทองสำริดแข็งและคมสู้เหล็กกล้าไม่ได้อยู่แล้วซ่งตั๋วดูแลคลังอาวุธ ขอเพียงท่านแม่ทัพมีคำสั่ง เขาก็สามารถหาคนมานำอุปกรณ์เหล่านี้หลอมแล

Latest chapter

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 580

    ทหารเพิ่งเข้ามาในทัพ ยังไม่เคยผ่านการฝึกฝนระบบทางการ จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไร?สิ่งที่เขาต้องจัดการก็คือ ทหารผ่านศึกที่ผ่านมาร้อยสนามรบ มีประสบการณ์ที่จ้านเฉิงอิ้นพาออกมาจากด่านเจิ้นกวน อีกอย่างคือ ห้าหมื่นคนที่เซี่ยเวยนำไปยังแคว้นเยี่ยนที่สายของเขากล่าวในสาส์นลับ...ขอเพียงเขาไปขอให้ฮ่องเต้ต้าฉี่โยกย้ายกองทัพตระกูลจ้านแม้ฆ่าจ้านเฉิงอิ้นไม่ได้ ก็ยังทำให้เมืองหลวงต้าฉี่ว่างลงได้เขาแบ่งส่วนหนึ่งขึ้นเหนือ แล้วเอาเมืองหลวงที่ว่างลงมาโค่นล่มการปกครองของราชวงศ์ต้าฉี่!เขาแบ่งเป็นสองทางการจู่โจมจ้านเฉิงอิ้นไม่ใช่เป้าหมายหลัก เป้าหมายหลักก็คือการโจมตีเมืองหลวง ตั้งตนเป็นฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์สูงสุดทว่าตอนนี้...บางทีผู้นำใต้บัญชาของเขาอาจเข้าเมืองหลวงได้สำเร็จแต่เขาอาจจะไม่มีชีวิตรอดเขาประเมินจ้านเฉิงอิ้นต่ำเกินไปไม่คิดเลยว่าเขาจะรอจังหวะบุกโจมตี และซื้อตัวกองทัพลู่เจ๋อซื้อตัวหยางชิงเหอที่สมควรตายที่สุดก็คือ หยางชิงเหอผลิตปืนใหญ่ออกมา!ตอนนี้จะทำเช่นไร?เขาถูกองครักษ์ปกป้องเอาไว้ตรงกลาง หลีกเลี่ยงการเหยียบย่ำฝูงชน หลบไปทางที่คนน้อย ๆเขา จะได้อยู่ที่นี่ไม่ไ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 579

    เสียวอู่วางหน้าไม้ราชวงศ์ฉินลง เขายิงลูกศรสองดอกออกไปพร้อมกัน เรี่ยวแรงแข็งแกร่งไม่เท่าพี่หวังเซิ่ง เล็งเป้าบิดเบี้ยว...ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทัพใหญ่เจ็ดแสนก็ถูกทำให้ตกใจกลัวและหลับไปทั้งอย่างนี้เขาพลันเลื่อมใสในตัวแม่นางหยางผู้นี้ขึ้นมาวิธีนี้ของแม่นางหยาง ไม่เพียงช่วยกองทัพตระกูลจ้านเอาไว้ได้ แต่ยังช่วยชาวบ้านรอบ ๆ ไปด้วย...และยังดึงสุดยอดโรงงาน ภูเขาเหมืองกลับมา บุกเบิกที่หลายพันหมู่รอบ ๆชาวบ้านไม่ต้องเร่ร่อนไปทั่วอีกต่อไปสายตาของหยางชิงเหอมองไปที่เสียวอู่ “ยิงหน้าไม้ราชวงศ์ฉินได้ไม่เลวนี่ ข้าจะบอกกับท่านแม่ทัพใหญ่ ให้เขาตบรางวัลให้เจ้า!”พูดจบ หยางชิงเหอก็หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา แล้วเปิดช่องสื่อสาร“เห็นหรือไม่ พวกเขาถอยทัพแล้ว สกัดกั้นตอนนี้ยังทัน...”วินาทีถัดมาก็ได้ยินจ้านเฉิงอิ้นตะโกนขึ้นว่า “เตรียมหิน ผลัก...”หลังจากนั้นก็มีเสียงชาวบ้านพร้อมใจกันผลักดันแว่วดังขึ้นมาจากในวิทยุสื่อสารเสียงหินภูเขากลิ้งตกปนกับเสียงระเบิดเป็นบรรดาระเบิดกระบอกไม้ไผ่ที่ซื่อเมิ่งผลิตออกมาเมื่อวาน ตอนนี้ส่งไปใช้ในสนามรบหลังจากนั้น เสียงเข่นฆ่านานาชนิดก็แว่วดังขึ้นมา*บนเขา จ้านเฉ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 578

    ทัพใหญ่หยุดชะงักในฝูงชนแหวกออกเป็นทางขึ้นมาเส้นหนึ่งกองทัพธงเหลืองครั้นได้ยินว่าไม่ต้องทำศึกแล้ว ทั้งหมดก็ปกปิดรอยยิ้มแล้วออกไปตามมู่ฉีซิวพร้อมกันพวกเขาเป็นเพียงกองกำลังกบฏ แม้กองทัพตระกูลจ้านจะมีเพียงห้าหมื่นคนแต่ ได้ยินมาว่าอุปกรณ์สวมใส่ของกองทัพตระกูลจ้านดี!อาวุธของกองทัพตระกูลจ้านแหลมคมกองทัพตระกูลจ้านมีดินระเบิดที่มีพลานุภาพสูง...วันนี้นับว่าได้เห็นจะ ๆ กับตาแล้วดินระเบิดสองครั้ง ระเบิดพวกเขาไปยี่สิบกว่าคน หากตกลงท่ามกลางผู้คน คงจะระเบิดตายเป็นเบือมากขึ้นหากรู้ พวกเขาไม่ได้แตะกระทั่งชายเสื้อของกองทัพตระกูลจ้านผู้นำจะถอยทัพพวกเขาอยากรีบถอยทัพใจจะขาดพวกเขาทำเพื่อประทังชีวิตเท่านั้น เพื่อให้ได้มีชิวิตอยู่ในกลียุค ก็ล้วนเสียดายชีวิตมากทั้งสิ้น!ทหารเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยเห็นกองทัพธงเหลืองของมู่ฉีซิวไปแล้ว ต่างก็พากันมองไปที่หลัวซู่ม่อเป่ยอ๋อง...พวกเขาล้วนมีปมในใจเพราะดินระเบิดแล้ว!เมื่อครู่ยิงกระสุนปืนใหญ่มาสองครั้ง ทั้งหมดล้วนล้มตัวนอนลง พลางใช้สองมือกอดหัว หลบอยู่เบื้องหลังสิ่งกำบังความกลัวที่พวกเขามีต่อดินระเบิด ก่อตัวเป็นเงื่อนไขการตอบสนองกลับ มีการตอบส

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 577

    ครั้นมู่ฉีซิวเห็นภาพนี้ นัยน์ตาก็สั่นเครือ เขาหันหัวม้า แล้วตะโกนกับอีกสามคนว่า“วิ่ง วิ่งเร็วเข้า สู้ไม่ไหว...”“พวกเขามีปืนใหญ่!”พูดจบเขาก็ควบม้าเผ่นแนบออกไปองครักษ์อย่างไม่คิดชีวิตเขาเพิ่งหนีออกไปได้ไม่ถึงยี่สิบเมตร หินก้อนใหญ่ตรงที่ยืนเมื่อครู่ ก็เกิดเสียงอึกทึกตึงตังหินก้อนใหญ่พลันระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระเด็นออก แตกกระจัดกระจายร่วงลงมานายทหารนับสิบที่ยืนอยู่ตรงนั้นถูกระเบิดได้รับบาดเจ็บหลายคนถูกระเบิดตายคาที่!ทว่าครั้นหลัวซู่ม่อเป่ยอ๋องเห็นภาพนี้ มือที่กุมบังเหียนอยู่ก็กำขึ้นเป็นหมัด เส้นเลือดดำที่หลังมือปูดขึ้นมาภาพนี้ เขาคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่งทัพกองกำลังหลักม่อเป่ยของเขา ก็พ่ายแพ้ให้กับดินระเบิดของกองทัพตระกูลจ้านตอนนี้ไม่คิดเลยว่าดินระเบิดของพวกเขาจะยกระดับแล้ว สามารถใช้อุปกรณ์ติดตั้งทำให้เกิดการลุกไหม้ได้ตลอดเวลา มิหนำซ้ำยังกำหนดจุดระเบิดได้อีกด้วยมู่ฉีซิวเองก็เกือบถูกระเบิดตายแล้วหากเขาช้าไปอีกก้าวหนึ่ง...ต้องถูกระเบิดตายอย่างแน่นอน!แม้ว่าตอนนี้ เหล่าองครักษ์ของเขาจะช่วยเขาสกัดกั้นควันหลงของดินระเบิดมีองครักษ์ถูกระเบิดตายส่วนหลังของเขาเต็มไป

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 576

    กระบอกไม้ไผ่สิบกว่าอัน ใหญ่กว่าที่ทำเมื่อวานหนึ่งเท่าหยางชิงเหอเห็น ก็เป็นกังวลเล็กน้อย“ไม่แน่ว่าจะใส่หน้าไม้ราชวงศ์ได้!”หวังเซิ่งกล่าว “ข้าขอลองหน่อย!”เขาใช้สายสองเส้นตรึงกระบอกไม้ไผ่ก่อนยิงออกไป ดึงสายจุดไฟ...ครั้นยิงหน้าไม้ออกไป...มู่ฉีซิว เยี่ยนซวี่ แม่ทัพลั่ว หลัวซู่ม่อเป่ยอ๋องทุกคนอยู่หน้าสุดของกองกำลังพวกเขาเพิ่งเดินมาถึงใต้หุบเขาแห่งหนึ่ง...ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงอึกทึกดังตูมเสียงหนึ่งจู่ ๆ บนยอดเขาก็มีเสียงระเบิดดังอึกทึกหลังจากนั้น ม้าก็อยากวิ่งหนีไปทุกทิศทุกทาง ราวกับตกใจทว่าวินาทีถัดมา ก็มีหินก้อนมหึมากลิ้งตกลงมาจากบนยอดเขาเนื่องจากหลุมลึกที่เกิดจากการระเบิด ทำให้หินผุกร่อนกลิ้งตกลงมาอย่างต่อเนื่องม้าของทหารม้าด้านหน้า วิ่งเตลิดไปคนละทิศคนละทาง เหยียบทหารไปไม่น้อยส่วนทหารที่อยู่เบื้องหลัง ครั้นเห็นดังนั้นก็รีบถอยหลังคนที่อยู่ด้านหน้าถอยหลัง คนที่อยู่ด้านหลังเบียดไปด้านหน้า การเดินหน้าของทัพใหญ่พลันเข้าสู่การชะงักหลัวซู่ม่อเป่ยอ๋องรีบรั้งบังเหียน พร้อมตะโกน “ทุกคนทำให้ม้าสงบ สงบสติ...”เมื่อเยี่ยนซวี่ได้ยินเสียงแสนคุ้นเคยนี้ สีหน้าก็ซีดเผือด

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 575

    จ้านเฉิงอิ้นและเหล่าผู้นำ ทั้งหมดต่างยืนอยู่บนสิ่งปลูกสร้างที่สูงที่สุด ใช้กล้องส่องทางไกลมองไปพื้นที่ราบใต้ยอดเขาสองสามแห่ง เต็มไปด้วยผู้คนแน่นขนัดทัพใหญ่เจ็ดแสนนาย ยาวเหยียดเป็นกิโลเมตร มองไม่เห็นที่สิ้นสุดพวกเขาล้วนสวมชุดเกราะ มือถืออาวุธ บุกโจมตีเข้ามาทางฐานที่มั่นของกองทัพตระกูลจ้านส่วนกองทัพตระกูลจ้านที่เมื่อคืนเหน็ดเหนื่อยมาทั้งคืน และพวกชาวบ้าน ทุกคนสะดุ้งตื่นเพราะเสียงอึกทึกพวกเขาเพิ่งนอนได้ยังไม่ถึงสองชั่วยาม เบิกตาสะลึมสะลือพลางลนลานสวมชุดเกราะ พกอาวุธติดตัว และถูกผลักไปบนสนามรบอันโหดร้ายทั้งอย่างนี้หยางชิงเหอคิดไม่ถึงว่า มู่ฉีซิวจะบุกโจมตีเข้ามาจริง ๆคนของเขาต้องยังไม่ถึงเมืองหลวงเป็นแน่ก้าวนี้ของเขา เป็นการเสี่ยงอันตรายเพราะเข้าตาจนจ้านเฉิงอิ้นมองทัพศัตรูที่ทอดสายตามองไปไม่เห็นจุดสิ้นสุด พลางถามหยางชิงเหอ “เจ้าบอกว่า เมื่อมู่ฉีซิวเห็นกระบอกเหล็กเหล่านี้จะถอยทัพ!”หยางชิงเหอพยักหน้า “ใช่!”“หากเป็นเมื่อวาน มีความเป็นไปได้เพียงหกส่วน เช่นนั้นวันนี้มีความเป็นไปได้เก้าส่วนที่จะถอยทัพ!”เนื่องจากทัพกองกำลังหลักของมู่ฉีซิวไม่ได้มา กำลังอยู่ระหว่างทางไปเมืองห

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 574

    “ขอรับ ท่านแม่ทัพ ข้าคลุกคลีอยู่กับกองทัพธงเหลืองมากที่สุด ในค่ายทหารเลื่อนขั้นเร็วที่สุด พวกเขาเป็นล่อหรือเป็นม้า ในใจข้ารู้ดีที่สุด”เมื่อเป็นเช่นนี้ จ้านเฉิงอิ้นจึงกล่าวว่า “เฉินอู่ หวังเซิ่ง ฟังคำสั่ง พวกเจ้าสองคนนำทหารผ่านศึกห้าหมื่นนาย นั่งรถไปห้าร้อยคัน ด้านล่างบรรทุกสิ่งของและยุทธภัณฑ์ ด้านบนให้คนนั่ง สกัดกั้นกองทัพธงเหลืองให้ได้!”“หากวันนี้พวกเขาไม่โจมตีเมือง คืนนี้ก็คุ้มกันพวกเจ้าออกเดินทาง!”“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”เฉินขุยกล่าวขึ้นด้วยความสงสัย “แต่ว่าท่านแม่ทัพ เราเพิ่งจะมีรถเพียงสองร้อยคันเท่านั้น!”“ท่านเทพบอกไว้ว่าจะส่งมาคืนนี้...”ครั้นสิ้นเสียง ก็มีกระดาษขาวใบหนึ่งลอยลงมาจากปากแจกันเถียนฉินหยิบขึ้นมาส่งให้จ้านเฉิงอิ้นเห็นเพียงในนั้นเขียนไว้ว่า “จ้านเฉิงอิ้น ส่งรถบรรทุกที่เหลือสามร้อยคันไปแล้ว”“รถบรรทุกน้ำมันหามาได้แค่ยี่สิบคัน ประหยัดหน่อยนะ!”“อีกยี่สิบนาทีจะส่งมา!”จ้านเฉิงอิ้นพลันฉีกยิ้มดูสิ ท่านเทพไม่มีทางผิดคำพูดเป็นอันขาดหยางชิงเหอมองกระดาษแผ่นนั้นทีหนึ่ง ก่อนจะพึมพำขึ้นมาประโยคหนึ่ง “คุณหนูเย่ผู้นี้ ช่างดีกับท่านแม่ทัพใหญ่ยิ่งนัก!”เมื่อมั่วฝานได

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 573

    มู่ฉีซิวฉีกยิ้มพลางทำท่าคารวะ “คำยินดีของเยี่ยนอ๋อง ข้ารับไว้ก่อนแล้ว!”“ฉะนั้น ไม่เห็นจำเป็นต้องแตกหักกับม่อเป่ยอ๋องเลย มา ข้าจะไปไกล่เกลี่ยให้ ท่านกับม่อเป่ยอ๋องยิ้มแย้มให้กันความขุ่นเคืองก็ลืมมันไปเถิด!”มู่ฉีซิวกล่าวจบ ก็โน้มน้าวเยี่ยนซวี่กลับไปแต่เยี่ยนซวี่ไม่กระดุกกระดิก กลับกันยังถามเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมอีกด้วย“เจ้าจะยังโจมตีจ้านเฉิงอิ้นหรือไม่?”“โจมตี โจมตีอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นข้าจะอุตส่าห์ตรากตรำเชิญทุกท่านมาที่นี่ทำไม!”เยี่ยวซวี่ถึงถูกมู่ฉีซิวโน้มน้าวกลับไปพวกเขาเข้าไปในกระโจม อากาศยานไร้คนขับไม่สามารถถ่ายภาพต่อจากนี้ได้ มองอะไรไม่เห็นหลังภาพตัดไป ทหารทุกนายก็พากันเงียบพวกเขาไม่เคยเห็นลูกศิษย์ที่ไร้ยางอายและโหดเหี้ยมเช่นมู่ฉีซิวเช่นนี้มาก่อน!หยางชิงเหอที่เพิ่งได้รับตำแหน่งแม่ทัพเงียบไปอยู่นานสองนาน จู่ ๆ ก็เอ่ยปากขึ้นมาว่า“ทุกคนเห็นชัดกันแล้วว่ามู่ฉีซิวเป็นคนเช่นไร!”“สำหรับเขาแล้ว การโจมตีกองทัพตระกูลจ้านมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย จึงตั้งทัพร่วมกับเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยและแคว้นเยี่ยนรุมโจมตีกองทัพตระกูลจ้าน”“แต่เขาก็ยังมีวิธีเล่นอย่างที่สอง หากแพ้ขึ้นมา! เขาย

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 572

    “ฉันรับของไว้แล้ว แล้วเจอกันค่ะ!”ทั้งสองคนไปส่งเวินลี่กลับที่หน้าประตู ทว่าไม่ได้ย่างเท้าออกจากคฤหาสน์เวินลี่ทองสองหนุ่มจากกระจกมองหลัง ไม่รู้ว่าคุณหนูเย่ไปหาบอดี้การ์ดมาจากไหนอายุยังน้อย แถมยังจงรักภักดีมากทีเดียว!*ต้าฉี่ ภูเขาเหมืองฟ้าสว่างแล้ว ชาวบ้านทั้งเมืองทำงานกันทั้งคืนตอนนี้ บนกำแพงเมืองมีปืนใหญ่วางเรียงรายอยู่เป็นหน้าตับแน่นอนว่า ล้วนเป็นปืนใหญ่ของปลอมที่ทำกันทั้งคืน!บรรดาชาวบ้านและทหารเองก็ไม่รู้ว่ามีประโยชน์อันใดเพียงแค่ขนย้ายขึ้นไป พวกเขาก็สูญเสียพละกำลังไปมหาศาลแล้วขนย้ายทั้งคืน ชาวบ้านล้วนเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดตอนนี้ไปนอนกันหมดแล้วโจ๊กที่พ่อครัวต้มตอนเช้า ไม่มีใครกินเลยสักคนผู้ชายไม่น้อยนอนแผ่กับพื้นโดยตรงกระทั่งพวกเฉินขุยเฉินอู่ ล้อมปืนใหญ่กระบอกหนึ่งพลางขบคิดเฉินขุยค้อมตัวลงพลางมองยางรถเปล่า!“ยางรถนี่อ่อนนุ่มนิ่ม เดิมทีประคองท่อเหล็กไม่ไหวอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะชั้นตรงกลาง ยางรถก็ยุ่ยไปนานแล้ว”เฉินอู่ลูบคาง “ข้ามองไม่ออกจริง ๆ ว่าเจ้าสิ่งนี้มีประโยชน์อะไร?”ทั้งสองคนมองไปที่จวงเหลียงผู้มีสติปัญญาเฉียบแหลมจวงเหลียงหมดคำพูด มือเขาสัม

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status