Share

บทที่ 10

Author: มู่โร่ว
เย่มู่มู่ขับรถไปถึงตลาดสด และมองหารถบรรทุกขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกได้ถึงสามสิบตัน

เธอบอกว่าจะซื้อของบริจาคเพื่อส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย!

ไม่ว่าจะเป็น ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ผักกวางตุ้ง ผักกาดเล็ก หัวไชเท้า แครอท มันเทศ มันฝรั่ง และข้าวโพด…

เธอเหมาผักหมดทั้งตลาดแล้ว

พ่อค้าแม่ค้าผักเห็นเธอซื้อของมากขนาดนี้ ต่างรีบกรูเข้ามาล้อมเธอ พร้อมเสนอลดราคาขายให้เธอในราคาถูกกว่าปกติ!

เย่มู่มู่ซื้อของทั้งหมดในตลาดสดจนเกลี้ยง พร้อมจ้างรถบรรทุกสองคัน

จากนั้นเธอก็จัดหาคนมาช่วยขนของขึ้นรถ พร้อมให้ที่อยู่ของโกดังกับคนขับรถบรรทุก ให้พวกเขาขนของไปที่โกดัง

คุณลุงที่ดูแลโกดังอยู่ทั้งวันก็ยังคงเฝ้าประตูตามปกติ

หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ เย่มู่มู่จึงเดินทางไปร้านขายยา

ไม่ว่าจะเป็นผ้าก๊อซ แอลกอฮอล์ล้างแผล แหนบ คีม มีดผ่าตัด กรรไกร และไหมเย็บแผลเธอซื้อมาอย่างครบครัน

รวมถึงเข็มฉีดยา กระบอกฉีดยา ยาปฏิชีวนะ ยาห้ามเลือด และยาแผนตะวันตกอื่น ๆ ก็ซื้อไปหมด

นอกจากนี้ยังมียาแผนจีนแบบสำเร็จรูป เช่น อวิ๋นหนานไป๋เย่า[1] ยารักษาอาการฟกช้ำ ยาห้ามเลือดต่าง ๆ ยาลดการอักเสบ และยาช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อ…

เธอแวะร้านขายสมุนไพรจีนหลายร้าน และกว้านซื้อจนเกือบหมดร้าน

ยาเหล่านี้ถูกนำมาวางไว้ในรถกระบะของเธอ ตั้งแต่กระบะท้ายจนถึงเบาะหลังจนเต็มไปหมด

ขณะที่ขับรถผ่านร้านหนังสือ เธอจอดรถและลงไปซื้อแผ่นตารางโครงสร้างตัวอักษรจีนทั้งตัวเต็มและตัวย่อจำนวนสามสิบแผ่น

พจนานุกรมภาษาจีนซินหัวอีกสามสิบเล่ม

เธอยังซื้อหนังสือชุดยอดเทพข้ามมิติอีกสามชุด ซึ่งประกอบด้วย ‘คู่มือหมอเท้าเปล่า’ ‘คู่มือฝึกทหารอาสา’ และ ‘ตำราการใช้คนที่มีความสามารถ’

ทั้งหมดจำนวนสามสิบชุด

ล้วนแต่เป็นฉบับตัวย่อ ส่วนจ้านเฉิงอิ้นจะอ่านเข้าใจหรือไม่นั้น ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะต้องใส่ใจนัก

เมื่อเห็น ‘ตำราพิชัยสงครามซุนจื่อ[2]’ บนชั้นหนังสือ เธอก็ซื้อเพิ่มอีกสามสิบชุด

หลังจากบรรจุทุกอย่างขึ้นรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็ขับกลับบ้าน

เมื่อกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาบ่ายสองโมงแล้ว!

เมื่อถึงเวลาที่จะส่งข้าวสาร

เย่มู่มู่นอนลงบนโซฟาด้วยความเหนื่อยล้าจนแทบหมดแรง

หลังจากพักไปสักสิบกว่านาที เธอก็หยิบขนมปังมากิน และดื่มน้ำหนึ่งขวดเต็ม ๆ ก่อนจะปิดเครื่องสูบน้ำ

น้ำหยุดไหล และน้ำในถังเก็บน้ำก็แห้งสนิทไม่มีน้ำเหลือสักหยด

เธอเขียนโน้ตด้วยปากกาและส่งมันไปว่า

“ฉันซื้อยาและหนังสือบางอย่างไว้แล้ว จะส่งไปก่อน”

“หาที่แห้ง ๆ ในอาคาร ฉันจะเตรียมส่งยา”

“อีกหนึ่งชั่วโมง เตรียมพื้นที่กว้างใหญ่ เพราะฉันซื้อผักมาหกสิบตัน”

เย่มู่มู่คิดว่าฝั่งตรงข้ามอาจจะไม่ตอบกลับ แต่ไม่กี่นาทีต่อมา กระดาษแผ่นหนึ่งที่เขียนคำว่า “ตกลง!” ก็ถูกส่งกลับมา

ห้านาทีหลังจากนั้น ฝั่งตรงข้ามน่าจะเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว

เธอขับรถกระบะเข้ามาในลานจอดรถ และจอดไว้หน้าประตูห้องรับแขก จากนั้นเปิดกระบะท้ายออก ยาสมุนไพรนับไม่ถ้วนไหลลงมาจากกระบะ

เย่มู่มู่ลากแจกันไปที่ประตูและลูบเบา ๆ บนตัวแจกัน จากนั้นใช้จิตสั่งการให้ส่งยาทั้งหมดไปยังฝั่งตรงข้าม

เสียง "ฟู่~" ดังขึ้น ยาทั้งหมดในกระบะก็หายวับไปในทันที

เย่มู่มู่เปิดประตูรถออก ยาตะวันตกหล่นลงมาอย่างรวดเร็วและไหลเข้าสู่แจกันทั้งหมด

ต่อมาคือหนังสือและพจนานุกรมที่เธอวางไว้บนเบาะผู้โดยสารด้านหน้า เธออุ้มมันออกมาและโยนลงในแจกัน แจกันก็รับไว้ทั้งหมดอย่างรวดเร็ว

เมื่อเคลื่อนย้ายของทั้งหมดออกจากรถเรียบร้อยแล้ว เธออุ้มแจกันขึ้น วางไว้บนเบาะผู้โดยสารด้านหน้า ใช้เชือกมัดให้แน่นหนา แล้วคาดเข็มขัดนิรภัยไว้

จากนั้นเธอขับรถออกไป พาแจกันไปยังโกดัง

*

จ้านเฉิงอิ้นเฝ้ารอข้าวสารจากเย่มู่มู่มาตลอดทั้งวัน

เมื่อวานนี้ เขาเพิ่งนำเนื้อสองร้อยชั่ง เส้นบะหมี่ห้าสิบถุง และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรวมหนึ่งกล่อง ออกมาให้ทหารกิน

ทุกคนกินไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง

พวกเขาคิดว่าแม่ทัพได้นำอาหารที่เก็บรักษาไว้ออกมาเพื่อให้กำลังใจกองทัพ

ประกอบกับที่เพิ่งแพ้ศึกมา

ทุกคนเชื่อว่านี่คืออาหารมื้อสุดท้าย

ก่อนที่จะบุกฝ่ากองทัพชนเผ่าหมานในวันพรุ่งนี้

ทหารสองหมื่นนายต้องบุกฝ่ากองทัพชนเผ่าหมานสามแสนนายนั้น แทบจะไม่มีโอกาสชนะเลย

แม้ว่าพวกเขาจะเสี่ยงชีวิตบุกฝ่าออกไปได้ ภายนอกก็ยังคงเกิดภาวะขาดแคลนอาหารอย่างหนัก ยากที่จะเอาชีวิตรอดเช่นกัน

แต่เช้าวันนี้ มีข่าวดีว่าน้ำมาถึงแล้ว!

เมื่อซาลาเปา หมั่นโถว และหมั่วโถวเกลียวถูกส่งมายังค่ายทหาร พวกเขาแบ่งกันกิน โดยทุกสี่คนแบ่งอาหารกันหนึ่งส่วน

ครั้งนี้ ทุกคนกินไปพร้อมน้ำตาอีกครั้ง

แต่ต่างจากเมื่อวานที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและหัวใจที่เย็นชา

วันนี้พวกเขากลับกินด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง!

ไม่เพียงแต่พวกเขาได้กินเปาจือ หมั่นโถว และขนมปังไส้เนื้อ พวกเขายังได้ซดข้าวต้มขาวร้อน ๆ ทุกคนได้ข้าวต้มขาวคนละชาม ซึ่งข้าวที่นำมาต้มเป็นขาวคุณภาพดี

ด้านบนยังโรยด้วยเกลือ!

พวกเขาไม่ได้ลิ้มรสเกลือขาวมานานแค่ไหนแล้วนะ!

อาหารในค่ายทหารดีขึ้นอย่างฉับพลันโดยไม่ทันได้ตั้งตัว!

ไม่ต้องออกไปขุดผักป่าหรือแย่งรากไม้กับชาวบ้านอีกต่อไป

ทหารทุกนายต่างฮึกเหิม มีขวัญกำลังใจเต็มเปี่ยม!

ทุกคนเริ่มมีความหวังว่าพวกเขาจะรอดชีวิตต่อไปได้!

[1] อวิ๋นหนานไป๋เย่า คือ ยาสมุนไพรจีนที่มีชื่อเสียง ใช้รักษาแผลฟกช้ำ ห้ามเลือด และช่วยบรรเทาอาการบาดเจ็บจากการถูกกระแทก

[2] ตำราพิชัยสงครามของซุนจื่อ (孙子兵法) เขียนโดยซุนวูหรือซุนจื่อ นักการทหารและนักยุทธศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของจีp ถือเป็นหนึ่งในตำราทางการทหารที่เก่าแก่และทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ทั้งยังนำไปประยุกต์ใช้ในหลายบริบท ทั้งการเมือง ธุรกิจ และการแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวัน
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (6)
goodnovel comment avatar
Pui Nattha
สนุกมากกกก
goodnovel comment avatar
วีระชัย สมพงษ์
บทที่11 ยังไม่ได้อ่าน แต่วงจรชีวิตจริง คือ รัก โลภ โกรธ หลง ที่เป็นกับดักของมนุษย์ที่ยากที่จะหลุดพ้น ยกเว้นผู้ทรงศีล ที่ปฏิบัติตามรอยองค์พระสนเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อหาความหลุดพ้น...ลงให้อ่านฟรีเยอะๆ หน่อยครับ
goodnovel comment avatar
วีระชัย สมพงษ์
คนเขียนฉลาดศึกษาประวัติศาสตร์มาอย่างดี ผูกโยงเรื่องราวระหว่างเรื่องราวโบราณ ที่อากง อาม้า บรรพบุรุษคนจีนที่อพยพ เคยกินใบไม้ ต้นไม้ ต้นหญ้า ชีวิตความเป็นอยู่ หน้าที่ผู้นำ ทหาร คนใช้ ชีวิตผู้คน ชาวบ้านธรรมดา พ่อค้า คนมีฐานะ การปกครอง ความเชื่อ ของวิเศษตัวเชื่อมมิติ ชีวิตผู้คนในโลกปัจจุบัน ดีครับ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 11

    จ้านเฉิงอิ้นยืนเฝ้าข้างแจกันไม่ห่างฉับพลันนั้นน้ำก็หยุดไหล เขาลุกขึ้นเดินไปหยุดยืนข้างแจกัน เห็นกระดาษสีขาวโปรยลงมาอักษรคมกริบ จดจำได้ง่ายเพียงแต่อักษรเหล่านี้ขาดแขนและขา จ้านเฉิงอิ้นอ่านปะติดปะต่อกันก็เข้าใจท่านเทพยาดากล่าวว่า ส่งยามาหนึ่งชุด!ยาหรือ!!!หากมียา ทหารน้อยซ่อมเกือกม้าเป็นก็จะรอดชีวิตแล้วประชาชนในเมืองอาจไม่ต้องหิวตาย เพราะขาดน้ำและอาหารร่างกายจึงย่ำแย่ แค่อาการหวัดเล็กน้อยก็สามารถคร่าชีวิตคนได้หากมียา ทหารห้าพันนายที่ตายไปในสมรภูมิครั้งก่อน อย่างน้อยก็คงช่วยชีวิตได้ครึ่งหนึ่ง!จ้านเฉิงอิ้นกำกระดาษไว้แน่น น้ำใส ๆ รื้นขอบตา เพียงส่งอาหารและน้ำมาก็เป็นความปรารถนาสูงสุดของเขาแล้วนึกไม่ถึงว่าท่านเทพยดาถึงขั้นส่งยามาให้ด้วยสิ่งที่กองทัพตระกูลจ้านขาดแคลนก็คือยา!จ้านเฉิงอิ้นน้ำเสียงแหบพร่า เอ่ยเสียงสะอื้นว่า “เถียนไท่ เรียกหมอทหารทุกคนมาที่นี่”เถียนไท่กับทหารนายอื่นได้ยิน ก็พลันลุกขึ้น รายล้อมเขาด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน“ท่านแม่ทัพ ท่านเทพยดาส่งยามาแล้วหรือขอรับ?”“จริงหรือขอรับ? หากมียา ทหารที่ได้รับบาดเจ็บอีกหลายร้อยคนในค่ายก็ไม่ต้องรอความตายอีกแล้ว!”“บา

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 12

    เขาหยิบผ้าพันแผลที่อยู่บนพื้นขึ้นมา ยังมีสำลีฆ่าเชื้อ เข็มฉีดยา น้ำยาฆ่าเชื้อเตี่ยนฝู[1]…และมีอุปกรณ์ผ่าตัดนานาชนิด ทั้งมีดผ่าตัด คีมผ่าตัด…เขาตื่นเต้นจนพูดไม่เป็นประโยค “ท่านแม่ทัพ นะ นี่มันยาฆ่าเชื้อ ใช่…?”จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้าให้เขาซ่งอวิ๋นฮุยกำคีมผ่าตัดในมืออย่างตื้นตันจนไม่อาจบรรยาย!ท่านเทพยดามอบให้แก่พวกเขาท่านเทพยดาไม่เพียงส่งยามาให้ ยังส่งวิทยาการด้านการแพทย์ที่ล้ำยุคมาให้ด้วยคีมผ่าตัด กรรไกรผ่าตัด…เครื่องมือเหล่านี้ประณีตกว่าของในสำนักหมอหลวงหลายเท่า!จ้านเฉิงอิ้นมอบหนังสือ ‘คู่มือหมอเท้าเปล่า’ ให้ซ่งอวิ๋นฮุยหนึ่งเล่มเขาเปิดอ่านอย่างไม่รีรอ เห็นในตำรามีเทียบยาที่เอาไว้ใช้รับมือกับโรคระบาด ก็พลันดีใจอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง“ท่านแม่ทัพ มีเทียบยาที่เอาไว้ใช้รักษาโรคระบาดต่าง ๆ อยู่ด้วย! มีตำราเล่มนี้อยู่ หมอในแคว้นต้าฉี่ก็ไม่ต้องปวดหัวกับโรคระบาดอีกแล้ว!”จ้านเฉิงอิ้นยิ้มตอบ “หมอทหารซ่ง ท่านนำกลับไปศึกษาเสีย ยังมียาเหล่านี้อีก มีวิธีใช้เขียนติดอยู่บนถุง”ด้วยกลัวว่าเขาจะไม่รู้อักษร จึงได้มอบตารางโครงสร้างส่วนประกอบอักษรแบบใหม่ให้เขาด้วยส่วนหมอทหารที่เหลือ ก็ได้ร

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 13

    เฉินขุยเห็นจ้านเฉิงอิ้นสีหน้าไม่ค่อยดีนัก จึงถามอย่างเป็นห่วงว่า “ท่านแม่ทัพ ทางเมืองหลวงส่งข่าวอันใดมาหรือขอรับ?”จ้านเฉิงอิ้นยื่นจดหมายให้เขาเขาคลี่จดหมายออก ขณะที่นายทหารที่เหลือเองก็รุมล้อมเข้ามาดูด้วยเห็นเพียงข้อความหนึ่งเขียนไว้ว่า ‘ปกป้องสุดชีวิต’!เฉินขุยสบถออกมาด้วยความเดือดดาล “เดิมทีพวกข้ามีทหารหนึ่งหมื่นนาย ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่ร้อย ไม่ส่งอาหารส่งน้ำมา ไม่ส่งกำลังเสริมมาไม่พอ มิหนำซ้ำยังสั่งให้ปกป้องเมืองไว้สุดชีวิตอีกงั้นเรอะ!”“นี่เท่ากับสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปตายไม่ใช่หรือ?”อู๋ซานหลางขมวดคิ้วมุ่น “ท่านแม่ทัพ ไม่มีกำลังเสริมแล้วจริงหรือขอรับ?”ถึงแม้พวกเขามีเสบียงแล้ว แต่ทหารสองหมื่นนายจะทัดทานทหารสามแสนนายจากเผ่าหมานได้อย่างไร!หากเรื่องที่พวกเขามีเสบียงอาหารและน้ำแพร่งพรายออกไป เผ่าหมานจะต้องบุกรุกเข้ามายึดเมือง แย่งเสบียงอาหารทั้งหมดไปเป็นแน่บรรยากาศอึดอัดและตึงเครียดจนถึงขีดสุด!เฉินขุยเอ่ยต่อว่า “กองทัพหนึ่งแสนนายของแม่ทัพสวีหวยก็อยู่ห่างจากด่านเจิ้นกวานเพียงไม่กี่ร้อยลี้ เหตุใดฮ่องเต้น้อยจึงไม่มีราชโองการให้เขามาช่วยเหลือ หรือจะมองดูด่านเจิ้นกวนถูก

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 14

    พวกเขาเลียนแบบนายกองจ้าวจง พากันยกหัวไชเท้าแดงขึ้นมาลองกัดอย่างระมัดระวังหนึ่งคำจากนั้นก็เบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ มีรสชาติหวานจริง ๆ!พวกเขากลืนกินหัวไชเท้าแดงหมดภายในไม่กี่คำ ถึงขั้นไม่ทันได้เคี้ยวให้ละเอียดด้วยซ้ำหลินต้าจวินเห็นพวกเขากินหมดแล้ว จึงกำชับพวกเขาว่า “เบาเสียงหน่อย ย้ายเสบียงไปที่ค่ายทหารก่อน!”พวกเขานำข้าวสารหนึ่งถุงใส่ตะกร้าก่อน จากนั้นก็ทับด้วยน้ำมันหนึ่งถัง แป้งสาลีหนึ่งถุง ตามด้วยเกลือทำอาหารอีกจำนวนหนึ่ง ปิดท้ายด้วยการวางผักกาดขาว และกะหล่ำปลีครั้นเห็นช่องว่างในตะกร้าก็เสียบมะเขือยาว มะเขือเทศและหัวไชเท้าแดงแซมเข้าไป…ตะกร้าไผ่กว้างมาก ทว่าพวกเขาก็ยังคงใส่ของมากเกินจนทำให้ปากตะกร้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยแต่พวกเขาไม่มีเวลาสนใจแล้ว ค่ายทหารอยู่ห่างจากค่ายทหารถึงสองลี้ ประตูด้านหลังมีเกวียนจอดอยู่ด้านนอกเกวียนหนึ่งเล่มสามารถใส่ตะกร้าได้สี่ตะกร้าพวกเขาใส่ของเต็มเกวียนสี่เล่ม อาศัยกำลังคนในการลากทั้งสิ้นในค่ายทหารมีม้า ทว่าม้าล้วนหิวจนผอมเหลือแต่กระดูก บางตัวก็ลุกไม่ไหว จึงทำได้เพียงอาศัยแรงคนเท่านั้นเพื่อปกป้องทรัพยกรชุดนี้ เฉินขุยกับหลินต้าจวินควบคุมการข

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 15

    หลังผ่านไปครึ่งชั่วยาม จ้านเฉิงอิ้นได้รับถังทรงกลมขนาดใหญ่ที่มีตราสแตนเลสเกรดอาหารสามศูนย์สี่ประทับอยู่ถึงหนึ่งร้อยใบความใหญ่ของถังนั่นเทียบได้กับอ่างอาบน้ำทีเดียวหนำซ้ำยังใช้แต่เหล็กเนื้อดี ไม่ ทำมาจากเหล็กกล้าชั้นดีต่างหากผิวเหล็กเรียบลื่นจนเห็นเงาสะท้อนของคน ไม่มีรอยบุบแม้แต่น้อยวิทยาการในการผลิตล้ำยุค ทั่วทั้งแคว้นต้าฉี่ หรือแม้แต่ทั่วทั้งแผ่นดินหัวเซี่ย ล้วนหาฝีมือแบบนี้ไม่ได้ยังมีถาดทรงสี่เหลี่ยมอีกสามร้อยใบ ล้วนมีวัสดุเหมือนกันเหล่านายกองเห็นก็อดอุทานด้วยความแปลกใจไม่ได้เฉินขุยยกถังใหญ่ใบหนึ่งในนั้นขึ้นมา “ท่านแม่ทัพ หนักมาก หากนำเหล็กกล้าชั้นดีเยี่ยงนี้มาตีเป็นอาวุธ จะต้องตัดเหล็กได้ดุจดินเหนียว และมีกำลังต่อสู้เพิ่มขึ้นหลายเท่าเป็นแน่!”“ท่านเทพยดาถึงขั้นใช้ถังเหล็กกล้าเช่นนี้มาทำอาหาร ช่างเสียของจริง ๆ!”เหล่าทหารต่างก็รู้สึกเสียดายอย่างมากหากนำมาผลิตเป็นอาวุธจะดีสักแค่ไหนกันตอนนี้หัวหอกส่วนใหญ่ของเหล่าทหารล้วนทำมาจากทองสำริด ทองสำริดแข็งและคมสู้เหล็กกล้าไม่ได้อยู่แล้วซ่งตั๋วดูแลคลังอาวุธ ขอเพียงท่านแม่ทัพมีคำสั่ง เขาก็สามารถหาคนมานำอุปกรณ์เหล่านี้หลอมแล

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 16

    แต่เมื่อเห็นอาหารปรุงสำเร็จเหล่านี้ เขาก็รู้สึกว่าชีวิตของเขาก็แค่นี้เอง ไม่ว่าจะเป็นอาหารจานไหน ไม่ต้องพูดถึงพ่อครัวของจวนแม่ทัพ ต่อให้เป็นพ่อครัวทั้งใต้หล้านี้ก็ไม่แน่ว่าจะจำส่วนผสมได้ทั้งหมด จ้านเฉิงอิ้นเอ่ย: “เก็บไว้ให้แม่ทัพหลินและแม่ทัพเฉินขุยหนึ่งชุด ส่วนที่เหลือก็ให้ทุกคนได้กินด้วยกัน” เมื่ออาหลี่ได้ยินเช่นนั้น เขาก็หยิบอาหารสองจานออกมา และเก็บข้าวไว้สองชาม! ขณะทุกคนกำลังถือชามและตะเกียบอยู่ในมือ เตรียมจะเริ่มกินนั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากนอกประตู “ท่านแม่ทัพ เสบียงถูกผู้ลี้ภัยปล้นไปแล้ว” ทันใดนั้น จ้านเฉิงอิ้นก็วางตะเกียบในมือลงและลุกขึ้นยืน นายทหารทั้งแปดวางชามและตะเกียบลง แล้วรีบเดินไปที่ประตูพร้อมกับแม่ทัพ นายทหารน้อยที่มาดูเหมือนจะอายุประมาณสิบกว่าปี ใบหน้ายังเหมือนเด็กอยู่ แขนของเขาได้รับบาดเจ็บ และมีเลือดไหลออกมา เขาพูดด้วยเสียงสั่นเทา: “ผู้ลี้ภัยกว่าร้อยคนสกัดกั้นเสบียงไว้ที่ท้ายตรอก แม่ทัพหลินยากที่จะก้าวเดินต่อไป แม่ทัพเฉินขุยสกัดกั้นอยู่ด้านหลัง มีทหารที่ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย” เมื่อจ้านเฉิงอิ้นได้ยินเช่นนี้ เขาก็สวมชุดเกราะและหยิบอาวุธ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 17

    ที่เกิดเหตุมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งรุนแรง ซากศพนอนเกลื่อนกลาด เมื่อจ้านเฉิงอิ้นเห็นภาพเช่นนี้ ดวงตาสองข้างของเขาก็แดงก่ำ เขาตะโกนว่า “ทุกคนจงหยุด!” เหล่าผู้ลี้ภัยเห็นแม่ทัพพาทหารนับร้อยนายมาล้อมรอบพวกเขาไว้จากทุกทิศทุกทาง การปล้นเสบียงทหารล้มเหลวแล้ว พวกเขาหมดหวังอย่างสิ้นเชิง เคร้ง อาวุธในมือของคนจำนวนไม่น้อยตกลงพื้น พวกเขารู้ว่าการปล้นเสบียงจะมีผลอะไรตามมา พวกเขาไม่เสียใจที่ปล้นเสบียง! แม้ว่าจะต้องตายก็ยอมรับ สิ่งที่พวกเขาเสียใจคือ ก่อนตายพวกเขาไม่สามารถทำให้คนแก่และเด็กในบ้านที่กำลังจะอดตายได้กินข้าวสักคำ... นี่มันสิ้นหวังกว่าการฆ่าพวกเขาซะอีก ชายร่างใหญ่ในวัยสามสิบต้น ๆ ปล่อยมีดทำครัวในมือหล่นลงพื้น แล้วคุกเข่าลง เขาพูดอย่างเศร้าโศกว่า: “ท่านแม่ทัพ เรารู้ว่าการปล้นเสบียงทหารจะมีผลอะไรตามมา แม้ข้าตายก็ไม่เป็นไร แต่ขอร้องท่านให้ลูกข้าได้กินสักหน่อย ลูกข้ากำลังจะอดตายแล้ว” ส่วนภรรยาของเขาก็กอดลูกที่หายใจรวยริน มาขวางหน้าเกวียนไว้พร้อมร้องไห้โฮ “ท่านพี่ ถ้าท่านตาย ข้าและลูกก็จะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว!” ภรรยาของเขาพูดไปพลางอุ้มลูกขึ้นมา กำลังจะวิ่งไปชนกำแพง แต่ถู

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 18

    และยุยงให้พวกเขาปล้นธัญพืช ภายใต้สถานการณ์ที่ผู้คนกำลังจะอดตาย พวกเขากล้าทำทุกอย่าง แต่จ้าวโหย่วไฉ่ไม่ควรปล่อยให้คนชรา คนอ่อนแอ ผู้หญิง และเด็กไปขวางรถ ปล่อยให้ผู้หญิงกอดลูกมองดูสามีถูกฆ่าตาย เขาไม่ได้ปรึกษากับตนเองเลยตลอดกระบวนการ มันเป็นการรวมกลุ่มกันอย่างลับ ๆ โดยไม่ใส่ใจชีวิตของคนชรา คนอ่อนแอ ผู้หญิง และเด็ก! บัดนี้จวนแม่ทัพเต็มใจเปิดคลังแจกจ่ายอาหารแล้ว แต่เขากลับตื่นเต้นมาก ทำไม เขายังคิดจัดคนให้บุกเข้าไปในจวนแม่ทัพเพื่อปล้นเสบียงอีก? ในวินาทีถัดมา เขาก็โพล่งออกมาด้วยความตื่นเต้นอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ “พี่เหวย พวกเราจัดคนบุกจวนแม่ทัพ ลงมือทำงานใหญ่กันเถอะ!” ทันใดนั้น เหวยกวงก็บีบคอเขา พร้อมกัดฟันพูดด้วยความโกรธว่า “เจ้าเป็นคนเรียกคนที่ออกมาในวันนี้ทั้งหมดหรือ” จ้าวโหย่วไฉ่หัวเราะแห้ง ๆ สองสามครั้ง พยายามจะแกะมือของเหวยกวงออก เหวยกวงตัวสูง แม้ว่าตอนนี้จะผอมลงไม่น้อย แต่จ้าวโหย่วไฉ่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา “พี่เหวย หรือพี่ไม่อยากให้ทุกคนกินอิ่มหรือ?” เหวยกวงพูดอย่างโหดเหี้ยม: “จวนแม่ทัพเปิดคลังแจกจ่ายอาหารแล้ว ชาวเมืองทั้งเมืองจะได้กินข้าว” “มันมีประโ

Latest chapter

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 592

    “ถึงแม้จะถืออาวุธเหล็กกล้าก็ไม่มีประโยชน์!”“อาวุธเย็นไม่อาจสู้กับอาวุธร้อนได้ เจ้าคิดจะทำให้ชนเผ่าหมานม่อเป่ยกลายเป็นพวกที่ร้องรำทำเพลงหรืออย่างไร?"“รอให้ข้าสร้างปืนและปืนใหญ่ขึ้นมา ต่อไปพวกเขาจะต้องเต้นเก่งทุกคน!”เฉินขุย เฉินอู่ ซ่งตั๋ว รวมถึงจวงเหลียง...ทุกคนตาเป็นประกายเฉินอู่ถามอย่างสงสัย “จริงหรือ?”“แน่นอน แค่ทำให้พวกเขากลัว ข้าถึงต้องการท่อเหล็กหมื่นท่อ เพราะว่าแค่ไม่กี่ร้อยหรือพันท่อ ไม่สามารถข่มขู่คนเจ็ดแสนกว่าคนได้!”“ถ้ามีปืนใหญ่หมื่นกระบอก ก็เพียงพอที่จะข่มขู่มู่ฉีซิว เขาถึงจะถอยทัพ!”“บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ของเรามีคำกล่าวที่แพร่หลายว่า ความจริงอยู่ในระยะยิงของปืนใหญ่ ศักดิ์ศรีอยู่บนคมดาบ“มีอาวุธที่ทรงพลังพอ พวกเผ่าหมานจะกล้าสู้กับเราหรือไม่? พวกเขายังไม่ทันขี่ม้ามาถึงหน้าเรา ข้ายิงปืนใหญ่ทีเดียวก็ตายไปสิบกว่าคนแล้ว!”“ในอนาคตเจอเราก็ต้องวิ่งหนี!”จ้านเฉิงอิ้นครุ่นคิดถึงคำพูดของหยางชิงเหอที่ว่า ความจริงอยู่ในระยะยิงของปืนใหญ่ ศักดิ์ศรีอยู่บนคมดาบ...ตอนนี้อาวุธยุทโธปกรณ์ของเขาก็เหนือกว่าทุกแคว้นแล้ว แต่แคว้นเหล่านั้นยังไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาทำไม~

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 591

    ทหารผ่านศึกเหนื่อยล้าจากการต่อสู้ตลอดทั้งคืน แต่พวกเขาก็ยังคงฮึกเหิมในการต่อสู้ในวันนี้ คนส่วนใหญ่กินไปก็หลับไปคนที่ยังดื่มได้ก็ดื่มไปไม่กี่แก้วแล้วก็ฟุบหลับไปบนโต๊ะพวกชาวบ้านกลับกินกันอย่างเอร็ดอร่อยพืชที่ปลูกยังไม่ถึงเวลาเก็บเกี่ยว กองทัพตระกูลจ้านเป็นผู้ดูแลเรื่องอาหาร แต่ปกติแล้วทุกคนกินแค่ขนมปังแป้งสาลีและโจ๊กเนื้อ... บางครั้งก็ต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับเส้นบะหมี่รวมกัน อาหารเหล่านั้นดีกว่าก่อนภัยแล้งเสียอีก!ตั้งแต่เกิดมาพวกเขาไม่เคยกินอาหารที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้มาก่อน!ทันใดนั้นพวกเขาก็มีความสุข กินและหยิบอาหารกลับบ้าน!ทหารผ่านศึกที่ยังกินอยู่บนโต๊ะก็ไม่ได้ห้าม ปล่อยพวกเขาไปทหารแคว้นเยี่ยนที่มาถึงคนสุดท้าย อาหารและเครื่องดื่มบนโต๊ะหนึ่งร้อยยี่สิบตัว เป็นของพวกเขาทหารผ่านศึกกินไม่หมดก็รีบกลับไปนอน เหลืออาหารบนโต๊ะขนาดใหญ่พวกเขาและชาวบ้านก็เหมือนกัน ไปที่โต๊ะข้าง ๆ กินและหยิบอาหารทหารแคว้นเยี่ยนบางคนเปิดถุงใสที่คลุมโต๊ะออก งานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยสีสัน กลิ่น และรสชาติก็ปรากฏแก่สายตาหมูหันย่างตัวนั้น พวกเขาหยิบหนังกรอบมากินชิ้นหนึ่งเคี้ยวจนเสียงกรอบดังออกมา...

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 590

    เพียงพอที่จะทำให้ชั่วชีวิตไม่ต้องกังวลเรื่องเสื้อผ้าและอาหาร ทั้งยังสามารถนำพาให้ครอบครัวไปสู่ความมั่งคั่งได้ด้วยหากพวกเขาลังเล ก็คงเป็นแค่คนโง่เง่าเท่านั้นทุกคนคุกเข่าลง พลางกล่าวกับเฉินขุยอย่างพร้อมเพรียงกันว่า “พวกข้าน้อยยินดีเข้าร่วมกับกองทัพตระกูลจ้าน แม้เป็นตายก็ไม่กลัวขอรับ!”“ท่านแม่ทัพใหญ่ให้พวกข้าน้อยทำอันใด พวกเราก็จะทำทั้งนั้น!”“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเราคือทหารภายใต้ธงของกองทัพตระกูลจ้าน!”เฉินขุยพึงพออย่างยิ่งกับท่าทีของเหล่าเชลยศึกมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กำลังลังเลตอนที่กลับมาพวกเขาก็ไม่ให้ความร่วมมือ คุมตัวกลับมาต่างก็ต้องผลักดันให้กลับพอถามจึงได้รู้ว่าเป็นองครักษ์คนสนิทของแม่ทัพผู้เฒ่าถึงกระนั้น เฉินขุยก็ไม่ได้ฝืนใจพวกเขา ให้ทหารแคว้นเยี่ยนคนอื่น ๆ นำตัวมาที่ด้านหน้าของโอ่งน้ำเมื่อพวกเขามองเห็นโอ่งน้ำเป็นแถวเป็นแนว ก็สงสัยในตัวเองเป็นอย่างแรกในตอนแรกค่อนข้างดื้อดึงดีทีเดียวทว่าเมื่อมองเห็นคนอื่นดื่มน้ำ ก็ไม่ใส่ใจศักดิ์ศรีและก้มศีรษะลงเพื่อดื่มน้ำด้วยคำพูดของเฉินขุยเมื่อครู่นี้ ทำให้เชลยศึกทั้งหมดของกองทัพแคว้นเยี่ยนคลายความสงสัย และสมัตรใจเ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 589

    ทหารชั้นผู้น้อยคนนี้ผอมแห้ง อีกทั้งยังอยู่ในวัยผู้ใหญ่ ทว่าเตี้ยกว่าคนอื่น ๆ หนึ่งช่วงหัวเป็นผู้ที่มีชีวิตยากลำบากคนหนึ่งเฉินขุยให้ทหารพยุงเขาขึ้นมาเมื่อเขามองไปก็เห็นเหล่าทหารจำนวนมาก ดื่มน้ำไปถอดทอนใจไปมีบางคนที่ได้กลิ่นหอมของเนื้อ ทว่าเมื่อคิดถึงจุบจบว่าอาจจะถูกฝังทั้งเป็นหรือถูกทำงานหนักจนตายพวกเขาแต่ละคนก็ไร้ชีวิตชีวาแม้ว่าจะดื่มน้ำจนพอแล้ว แต่จุดจบของเชลยศึกล้วนไม่ค่อยดีนักเมื่อสองพันกว่าปีก่อน จุดจบของเชลยศึกจะต้องตกไปเป็นทาสทาสจำนวนมากมักจะถูกสังหารเพื่อใช้เป็นเครื่องสังเวยตั้งแต่อายุยังน้อยจุดจบของพวกเขา คงจะหนีไม่พ้นการถูกสังหารเพื่อนำไปเป็นเครื่องบูชายัญ!อย่างไรก็ตาม เฉินขุยเคยอ่านหนังสือที่มาจากยุคปัจจุบันมาหลายเล่ม คนในยุคปัจจุบันนั้นเท่าเทียมกัน ทว่าที่ต้าฉี่ยังไม่สามารถกระทำได้ในช่วงเวลาอันสั้นแต่การเห็นผู้อื่นเป็นมนุษย์นั้น จะไม่สามารถปฏิบัติต่อผู้อื่นเป็นเหมือนทาสได้อีกท่านแม่ทัพใหญ่เคยพูดไว้ด้วยว่า เขาจะหาวิธียกเลิกการสังหารทาสเพื่อมาเป็นเครื่องบูชายัญดังนั้นเขาจึงหยิบลำโพงประกาศเสียงขนาดใหญ่ แล้วพูดกับเชลยศึกด้วยเสียงอันเปี่ยมพลังว่า“ตาม

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 588

    ทหารผ่านศึกหลายคนอาศัยอยู่ในห้องเดียวกัน บนหลังคาติดตั้งแผงไฟโซลาร์เซลล์ มีหน้าต่างกระจก จุดตะเกียง และพัดลมเพดาน…เมื่อเข้ามาข้างในไม่ร้อนอบอ้าวเลยแม้แต่น้อย นอกจากจะเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศแล้ว ยังมีพัดลมเพดานที่สามารถพัดได้ด้วยเตียงของพวกเขาล้วนแต่ทำมาจากโครงเหล็กเสื่อของพวกเขา สานมาจากไม้ไผ่อีกทั้งแต่ละคนต่างก็มีแก้วน้ำที่ทำมาจากเหล็กผ้าขนหนูหนึ่งผืน กะละมังเคลือบเซรามิกหนึ่งใบ แก้วน้ำพลาสติกหนึ่งใบ ที่ภายในใส่แปรงสีฟันและยาสีฟันเอาไว้เฉียนเซียงตัวหยิบยาสีฟันและแปรงสีฟันขึ้นมา แล้วถามมั่วฝานด้วยความสงสัย“สหายมั่ว สิ่งนี้คืออันใดกัน?”มั่วฝานหัวเราะพลางหยิบแท็บเล็ตขึ้นมา แล้วเล่นโฆษณายาสีฟันชิ้นหนึ่งในจอภาพนั้น สตรีงดงามนางหนึ่งกำลังบีบยาสีฟัน หลังจากนั้นก็เป็นฉากแปรงฟันเฉียนเซียงตัวตะลึงจนอ้าปากค้าง สายตาถูกสาวงามดึงดูดไปอย่างสมบูรณ์เขาเดินไปอย่างงุนงง พลางใช้มือสัมผัสไปที่หน้าจอวิดีโอหยุดลงจากนั้นเมื่อแตะเบา ๆ อีกครั้ง วิดีโอก็เล่นต่อเขาประหลาดใจถึงขีดสุด “นะ นี่มันคือสิ่งใดกันแน่ ช่างอัศจรรย์เกินไปแล้ว!”“ใส่คนลงไปข้างในได้ด้วยงั้นหรือ?”มั่วฝานเปิ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 587

    เย่มู่มู่เพิ่งจะได้รับข่าวเมื่อช่วงบ่ายว่าจ้านเฉิงอิ้นชนะศึก…เธอไม่กล้าจินตนาการเลยว่าพวกเขาจะชนะกองทัพศัตรูที่มีถึงเจ็ดแสนคน !นั้นเป็นการผนึกกำลังกันของสี่กองทัพ เผ่าหมาน แคว้นเยี่ยน กองทัพธงเหลือง และทหารต้าฉี่…จำนวนคนเมื่อนับรวมกันแล้วมีถึงเจ็ดแสนกว่าคนนึกไม่ถึงว่าจะถูกหยางชิงเหอใช้ปืนใหญ่ที่ติดอยู่บนกำแพงเมืองทำให้ตกใจจนวิ่งหนีไปทว่าปืนใหญ่พวกนั้นเป็นของปลอมนี่น่า!ใช้ยางรถยนต์เก่ากับโครงเหล็กประคองขึ้นมา ไม่สามารถยิงกระสุนปืนใหญ่ได้ทว่ามู่ฉีซิวก็ถูกทำให้หวาดกลัวจนหนีไปเสียแล้วกระสุนปืนใหญ่ทำขึ้นมาจากกระบอกไม้ไผ่อย่างง่าย ๆ แล้วนำท่อเหล็กไหลหยางมาทำเป็นกระบอกปืน ทำให้ทหารเกรงกลัวจนถอยทัพเรื่องราวตลกและไร้สาระขนาดนี้เชียวพวกเขายังถูกทหารผ่านศึกของจ้านเฉิงอิ้นและกองทัพลู่เจ๋อซุ่มโจมตีด้วยเยี่ยนซวี่ถูกยิงตายวิธีตายเรียบง่ายไปหน่อยถูกจ้านเฉิงอิ้นใช้หน้าไม้ราชวงศ์ฉินยิงตาย!พร้อมกับความสิ้นหวังของเยี่ยนซวี่ แคว้นเยี่ยนก็กลายเป็นแคว้นที่ไร้ซึ่งผู้นำ…ไม่ต้องพูดถึงแคว้นฉู่และแคว้นฉี เกรงว่าเผ่าหมานที่หนีไปคงไม่กลับไปที่ม่อเป่ย ทว่าคงรวมตัวอีกครั้งเพื่อไปเก็บกวาดแ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 586

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารแคว้นเยี่ยน เมื่อวานซืนพวกเขามีแป้งทอดรากไม้กับแกลบอาหารของเมื่อวานนี้พวกเขาก็ขุดรากไม้ แทะเปลือกไม้กินเพื่อประทังความหิวก่อนที่จะมีศึกใหญ่ในวันนี้ เยี่ยนซวี่สั่งการให้สังหารม้าศึกหลายพันตัว เพื่อให้ทหารได้อิ่มท้องสักมื้อ พวกเขาถึงได้กินอาหารจานเนื้อเป็นมื้อแรกในรอบครึ่งปีเนื้อของม้าศึกทั้งเหนียวและคาวอย่างมาก ไม่มีรสชาติ พอย่างสุกแล้วกินไปสองสามคำ แทบจะกลืนไม่ลงถึงกระนั้น ก็เป็นอาหารจานเนื้อมื้อแรกที่พวกเขาได้กินในรอบครึ่งปีพวกเขารู้ว่า เมื่อกินเสร็จแล้ว มีสงครามที่ดุเดือดที่ต้องสู้รบ หากทำได้ไม่ดีอาจต้องทิ้งชีวิตไว้ในที่แห่งนี้ก็เป็นได้ หลายคนกินไปร้องไห้ไปทว่าตอนนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าอาหารของกองทัพตระกูลจ้านจะเป็นซาลาเปาไส้เนื้อทั้งยังมีหมั่นโถว หมั่วโถวเกลียว และแป้งทอดด้วย...และยังมีน้ำให้อย่างไม่จำกัดเฉินขุยเห็นหลายคนดวงตาแดงก่ำ ไม่เชื่อว่าสิ่งที่อากาศยานไร้คนขับประกาศออกมาจะเป็นความจริงเข้ายิ้มออกมาอย่างสดใสพลางกล่าวว่า “ไป ไปที่ค่ายทหารกันให้หมด พ่อครัวเตรียมอาหารไว้พร้อมแล้ว”“ชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ในวันนี้ แม่ทัพคงไม่เย็นลง ถ้าไม่ได้ให้ทุ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 585

    จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้า ให้มั่วฝานพาพวกเขาไปที่โรงงานมั่วฝานมองไปยังเฉียนเซียงตัว ชายอ้วนผู้นี้สวมชุดเกราะเงิน เข็มขัดที่อยู่รอบเอวใกล้จะแตกออกมันมีขนาดเล็กกว่ารอบเอวของเขาทว่าเขาไม่รังเกียจผู้ที่มีชาติกำเนิดมาจากพ่อค้า ผู้ที่สามารถเป็นถึงผู้นำอันดับสองของกองกำลังกบฏได้ ย่อมไม่ใช่พวกปัญญานิ่มเขาชี้ไปที่อากาศยานไร้คนขับที่บินวนอย่างต่อเนื่องอยู่บนท้องฟ้า และถามเฉียนเซียงตัวว่า“มองเห็นเครื่องที่บินได้นั่นหรือไม่?”เฉียนเซียงตัวเงยหน้าขึ้น เขามองเห็นมันตั้งนานแล้ว!แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ถึงสามารถกระจายเสียงผ่านลำโพงขนาดใหญ่ได้ เสียงนั่นดังมาก จนยอดเขาหลายแห่งสามารถได้ยินเขาตอบตามความจริง “มองเห็นแล้ว!”“ดี ในเมื่อพวกเจ้าทั้งหมดเข้าร่วมกับกองทัพตระกูลจ้านแล้ว ถือว่าเป็นของขวัญยามพบหน้า ข้าจะมอบอากาศยานไร้คนขับขนาดกลางให้กับพวกเจ้า ลำโพงขนาดใหญ่หนึ่งตัว และลำโพงประกาศเสียงอันใหญ่แปดตัว...”เฉียนเซียงตัวไม่อยากจะเชื่อเลยว่า สิ่งที่มั่วฝานพูดจะเป็นเรื่องจริงเขาตกตะลึงไปหลายวินาที แล้วมองไปที่อากาศยานไร้คนขับที่บินวนอยู่อีกครั้งในเวลานี้ เสียงของอากาศยานไร้คนขับก็ดังขึ้นเสี

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 584

    คนพวกนี้ ท้ายที่สุดแล้วก็เอาชีวิตมากฝังกลบไว้ที่นี่มู่ฉีซิวพาคนมาด้วยราว ๆ หนึ่งแสนห้าหมื่นคน ไม่เกินสองแสนเขานำพาคนจำนวนสี่หมื่นคนฝ่าวงล้อมออกไป แล้วทิ้งคนเอาไว้หนึ่งแสนคน ที่ท้ายที่สุดแล้วก็จะถูกฝังเอาไว้บนภูเขาตลอดกาลนี่เป็นครั้งแรกที่กองทัพตระกูลจ้านกับกองทัพลู่เจ๋อมาบรรจบกันผู้นำของกองทัพลู่เจ๋อ เป็นชายอ้วนพุงพลุ้ยผู้หนึ่งเป็นคนอ้วนที่อายุสามสิบกว่าปี และก่อนหน้านี้ทำการค้าเดิมทีกองทัพลู่เจ๋อเป็นพวกบรรดาพ่อค้า ที่ออกเงินก่อตั้งกองกำลังกบฏชาวนา ทหารส่วนใหญ่มาจากเขตลู่เจ๋อ!ชายอ้วนผู้นี้มีชื่อว่าเฉียนเซียงตัว...บิดาของเขาลงทุนมากที่สุด เขาจึงถูกผลักดันให้เป็นผู้นำของกองทัพลู่เจ๋อในช่วงแรก บิดาของเขาสามารถสนับสนุนเงินได้อย่างต่อเนื่องทว่าเมื่อเนิ่นนานไป ในจวนไม่มีข้าว และไม่มีเงินสนับสนุนกองกำลังกบฏอีกต่อไปแล้วเดิมทีเขาคิดจะกลับบ้านทว่าเมื่อทุกคนมองดูแล้ว ก็เห็นว่าผู้นำคนนี้ไม่มีสิ่งใดที่ไม่ดีถึงจะบอกว่าผู้มีเมตตาไม่สามารถปกครองทหารได้ ทว่าเขาเป็นคนใจดี ไม่เคยแตกคอกับผู้อื่นไม่ว่านายทหารหรือว่าทหารชั้นผู้น้อยจะทะเลาะกัน เขาล้วนทำหน้าที่เป็นผู้รักษาสันติทุ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status