จ้านเฉิงอิ้นยืนเฝ้าข้างแจกันไม่ห่างฉับพลันนั้นน้ำก็หยุดไหล เขาลุกขึ้นเดินไปหยุดยืนข้างแจกัน เห็นกระดาษสีขาวโปรยลงมาอักษรคมกริบ จดจำได้ง่ายเพียงแต่อักษรเหล่านี้ขาดแขนและขา จ้านเฉิงอิ้นอ่านปะติดปะต่อกันก็เข้าใจท่านเทพยาดากล่าวว่า ส่งยามาหนึ่งชุด!ยาหรือ!!!หากมียา ทหารน้อยซ่อมเกือกม้าเป็นก็จะรอดชีวิตแล้วประชาชนในเมืองอาจไม่ต้องหิวตาย เพราะขาดน้ำและอาหารร่างกายจึงย่ำแย่ แค่อาการหวัดเล็กน้อยก็สามารถคร่าชีวิตคนได้หากมียา ทหารห้าพันนายที่ตายไปในสมรภูมิครั้งก่อน อย่างน้อยก็คงช่วยชีวิตได้ครึ่งหนึ่ง!จ้านเฉิงอิ้นกำกระดาษไว้แน่น น้ำใส ๆ รื้นขอบตา เพียงส่งอาหารและน้ำมาก็เป็นความปรารถนาสูงสุดของเขาแล้วนึกไม่ถึงว่าท่านเทพยดาถึงขั้นส่งยามาให้ด้วยสิ่งที่กองทัพตระกูลจ้านขาดแคลนก็คือยา!จ้านเฉิงอิ้นน้ำเสียงแหบพร่า เอ่ยเสียงสะอื้นว่า “เถียนไท่ เรียกหมอทหารทุกคนมาที่นี่”เถียนไท่กับทหารนายอื่นได้ยิน ก็พลันลุกขึ้น รายล้อมเขาด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน“ท่านแม่ทัพ ท่านเทพยดาส่งยามาแล้วหรือขอรับ?”“จริงหรือขอรับ? หากมียา ทหารที่ได้รับบาดเจ็บอีกหลายร้อยคนในค่ายก็ไม่ต้องรอความตายอีกแล้ว!”“บา
เขาหยิบผ้าพันแผลที่อยู่บนพื้นขึ้นมา ยังมีสำลีฆ่าเชื้อ เข็มฉีดยา น้ำยาฆ่าเชื้อเตี่ยนฝู[1]…และมีอุปกรณ์ผ่าตัดนานาชนิด ทั้งมีดผ่าตัด คีมผ่าตัด…เขาตื่นเต้นจนพูดไม่เป็นประโยค “ท่านแม่ทัพ นะ นี่มันยาฆ่าเชื้อ ใช่…?”จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้าให้เขาซ่งอวิ๋นฮุยกำคีมผ่าตัดในมืออย่างตื้นตันจนไม่อาจบรรยาย!ท่านเทพยดามอบให้แก่พวกเขาท่านเทพยดาไม่เพียงส่งยามาให้ ยังส่งวิทยาการด้านการแพทย์ที่ล้ำยุคมาให้ด้วยคีมผ่าตัด กรรไกรผ่าตัด…เครื่องมือเหล่านี้ประณีตกว่าของในสำนักหมอหลวงหลายเท่า!จ้านเฉิงอิ้นมอบหนังสือ ‘คู่มือหมอเท้าเปล่า’ ให้ซ่งอวิ๋นฮุยหนึ่งเล่มเขาเปิดอ่านอย่างไม่รีรอ เห็นในตำรามีเทียบยาที่เอาไว้ใช้รับมือกับโรคระบาด ก็พลันดีใจอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง“ท่านแม่ทัพ มีเทียบยาที่เอาไว้ใช้รักษาโรคระบาดต่าง ๆ อยู่ด้วย! มีตำราเล่มนี้อยู่ หมอในแคว้นต้าฉี่ก็ไม่ต้องปวดหัวกับโรคระบาดอีกแล้ว!”จ้านเฉิงอิ้นยิ้มตอบ “หมอทหารซ่ง ท่านนำกลับไปศึกษาเสีย ยังมียาเหล่านี้อีก มีวิธีใช้เขียนติดอยู่บนถุง”ด้วยกลัวว่าเขาจะไม่รู้อักษร จึงได้มอบตารางโครงสร้างส่วนประกอบอักษรแบบใหม่ให้เขาด้วยส่วนหมอทหารที่เหลือ ก็ได้ร
เฉินขุยเห็นจ้านเฉิงอิ้นสีหน้าไม่ค่อยดีนัก จึงถามอย่างเป็นห่วงว่า “ท่านแม่ทัพ ทางเมืองหลวงส่งข่าวอันใดมาหรือขอรับ?”จ้านเฉิงอิ้นยื่นจดหมายให้เขาเขาคลี่จดหมายออก ขณะที่นายทหารที่เหลือเองก็รุมล้อมเข้ามาดูด้วยเห็นเพียงข้อความหนึ่งเขียนไว้ว่า ‘ปกป้องสุดชีวิต’!เฉินขุยสบถออกมาด้วยความเดือดดาล “เดิมทีพวกข้ามีทหารหนึ่งหมื่นนาย ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่ร้อย ไม่ส่งอาหารส่งน้ำมา ไม่ส่งกำลังเสริมมาไม่พอ มิหนำซ้ำยังสั่งให้ปกป้องเมืองไว้สุดชีวิตอีกงั้นเรอะ!”“นี่เท่ากับสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปตายไม่ใช่หรือ?”อู๋ซานหลางขมวดคิ้วมุ่น “ท่านแม่ทัพ ไม่มีกำลังเสริมแล้วจริงหรือขอรับ?”ถึงแม้พวกเขามีเสบียงแล้ว แต่ทหารสองหมื่นนายจะทัดทานทหารสามแสนนายจากเผ่าหมานได้อย่างไร!หากเรื่องที่พวกเขามีเสบียงอาหารและน้ำแพร่งพรายออกไป เผ่าหมานจะต้องบุกรุกเข้ามายึดเมือง แย่งเสบียงอาหารทั้งหมดไปเป็นแน่บรรยากาศอึดอัดและตึงเครียดจนถึงขีดสุด!เฉินขุยเอ่ยต่อว่า “กองทัพหนึ่งแสนนายของแม่ทัพสวีหวยก็อยู่ห่างจากด่านเจิ้นกวานเพียงไม่กี่ร้อยลี้ เหตุใดฮ่องเต้น้อยจึงไม่มีราชโองการให้เขามาช่วยเหลือ หรือจะมองดูด่านเจิ้นกวนถูก
พวกเขาเลียนแบบนายกองจ้าวจง พากันยกหัวไชเท้าแดงขึ้นมาลองกัดอย่างระมัดระวังหนึ่งคำจากนั้นก็เบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ มีรสชาติหวานจริง ๆ!พวกเขากลืนกินหัวไชเท้าแดงหมดภายในไม่กี่คำ ถึงขั้นไม่ทันได้เคี้ยวให้ละเอียดด้วยซ้ำหลินต้าจวินเห็นพวกเขากินหมดแล้ว จึงกำชับพวกเขาว่า “เบาเสียงหน่อย ย้ายเสบียงไปที่ค่ายทหารก่อน!”พวกเขานำข้าวสารหนึ่งถุงใส่ตะกร้าก่อน จากนั้นก็ทับด้วยน้ำมันหนึ่งถัง แป้งสาลีหนึ่งถุง ตามด้วยเกลือทำอาหารอีกจำนวนหนึ่ง ปิดท้ายด้วยการวางผักกาดขาว และกะหล่ำปลีครั้นเห็นช่องว่างในตะกร้าก็เสียบมะเขือยาว มะเขือเทศและหัวไชเท้าแดงแซมเข้าไป…ตะกร้าไผ่กว้างมาก ทว่าพวกเขาก็ยังคงใส่ของมากเกินจนทำให้ปากตะกร้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยแต่พวกเขาไม่มีเวลาสนใจแล้ว ค่ายทหารอยู่ห่างจากค่ายทหารถึงสองลี้ ประตูด้านหลังมีเกวียนจอดอยู่ด้านนอกเกวียนหนึ่งเล่มสามารถใส่ตะกร้าได้สี่ตะกร้าพวกเขาใส่ของเต็มเกวียนสี่เล่ม อาศัยกำลังคนในการลากทั้งสิ้นในค่ายทหารมีม้า ทว่าม้าล้วนหิวจนผอมเหลือแต่กระดูก บางตัวก็ลุกไม่ไหว จึงทำได้เพียงอาศัยแรงคนเท่านั้นเพื่อปกป้องทรัพยกรชุดนี้ เฉินขุยกับหลินต้าจวินควบคุมการข
หลังผ่านไปครึ่งชั่วยาม จ้านเฉิงอิ้นได้รับถังทรงกลมขนาดใหญ่ที่มีตราสแตนเลสเกรดอาหารสามศูนย์สี่ประทับอยู่ถึงหนึ่งร้อยใบความใหญ่ของถังนั่นเทียบได้กับอ่างอาบน้ำทีเดียวหนำซ้ำยังใช้แต่เหล็กเนื้อดี ไม่ ทำมาจากเหล็กกล้าชั้นดีต่างหากผิวเหล็กเรียบลื่นจนเห็นเงาสะท้อนของคน ไม่มีรอยบุบแม้แต่น้อยวิทยาการในการผลิตล้ำยุค ทั่วทั้งแคว้นต้าฉี่ หรือแม้แต่ทั่วทั้งแผ่นดินหัวเซี่ย ล้วนหาฝีมือแบบนี้ไม่ได้ยังมีถาดทรงสี่เหลี่ยมอีกสามร้อยใบ ล้วนมีวัสดุเหมือนกันเหล่านายกองเห็นก็อดอุทานด้วยความแปลกใจไม่ได้เฉินขุยยกถังใหญ่ใบหนึ่งในนั้นขึ้นมา “ท่านแม่ทัพ หนักมาก หากนำเหล็กกล้าชั้นดีเยี่ยงนี้มาตีเป็นอาวุธ จะต้องตัดเหล็กได้ดุจดินเหนียว และมีกำลังต่อสู้เพิ่มขึ้นหลายเท่าเป็นแน่!”“ท่านเทพยดาถึงขั้นใช้ถังเหล็กกล้าเช่นนี้มาทำอาหาร ช่างเสียของจริง ๆ!”เหล่าทหารต่างก็รู้สึกเสียดายอย่างมากหากนำมาผลิตเป็นอาวุธจะดีสักแค่ไหนกันตอนนี้หัวหอกส่วนใหญ่ของเหล่าทหารล้วนทำมาจากทองสำริด ทองสำริดแข็งและคมสู้เหล็กกล้าไม่ได้อยู่แล้วซ่งตั๋วดูแลคลังอาวุธ ขอเพียงท่านแม่ทัพมีคำสั่ง เขาก็สามารถหาคนมานำอุปกรณ์เหล่านี้หลอมแล
แต่เมื่อเห็นอาหารปรุงสำเร็จเหล่านี้ เขาก็รู้สึกว่าชีวิตของเขาก็แค่นี้เอง ไม่ว่าจะเป็นอาหารจานไหน ไม่ต้องพูดถึงพ่อครัวของจวนแม่ทัพ ต่อให้เป็นพ่อครัวทั้งใต้หล้านี้ก็ไม่แน่ว่าจะจำส่วนผสมได้ทั้งหมด จ้านเฉิงอิ้นเอ่ย: “เก็บไว้ให้แม่ทัพหลินและแม่ทัพเฉินขุยหนึ่งชุด ส่วนที่เหลือก็ให้ทุกคนได้กินด้วยกัน” เมื่ออาหลี่ได้ยินเช่นนั้น เขาก็หยิบอาหารสองจานออกมา และเก็บข้าวไว้สองชาม! ขณะทุกคนกำลังถือชามและตะเกียบอยู่ในมือ เตรียมจะเริ่มกินนั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากนอกประตู “ท่านแม่ทัพ เสบียงถูกผู้ลี้ภัยปล้นไปแล้ว” ทันใดนั้น จ้านเฉิงอิ้นก็วางตะเกียบในมือลงและลุกขึ้นยืน นายทหารทั้งแปดวางชามและตะเกียบลง แล้วรีบเดินไปที่ประตูพร้อมกับแม่ทัพ นายทหารน้อยที่มาดูเหมือนจะอายุประมาณสิบกว่าปี ใบหน้ายังเหมือนเด็กอยู่ แขนของเขาได้รับบาดเจ็บ และมีเลือดไหลออกมา เขาพูดด้วยเสียงสั่นเทา: “ผู้ลี้ภัยกว่าร้อยคนสกัดกั้นเสบียงไว้ที่ท้ายตรอก แม่ทัพหลินยากที่จะก้าวเดินต่อไป แม่ทัพเฉินขุยสกัดกั้นอยู่ด้านหลัง มีทหารที่ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย” เมื่อจ้านเฉิงอิ้นได้ยินเช่นนี้ เขาก็สวมชุดเกราะและหยิบอาวุธ
ที่เกิดเหตุมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งรุนแรง ซากศพนอนเกลื่อนกลาด เมื่อจ้านเฉิงอิ้นเห็นภาพเช่นนี้ ดวงตาสองข้างของเขาก็แดงก่ำ เขาตะโกนว่า “ทุกคนจงหยุด!” เหล่าผู้ลี้ภัยเห็นแม่ทัพพาทหารนับร้อยนายมาล้อมรอบพวกเขาไว้จากทุกทิศทุกทาง การปล้นเสบียงทหารล้มเหลวแล้ว พวกเขาหมดหวังอย่างสิ้นเชิง เคร้ง อาวุธในมือของคนจำนวนไม่น้อยตกลงพื้น พวกเขารู้ว่าการปล้นเสบียงจะมีผลอะไรตามมา พวกเขาไม่เสียใจที่ปล้นเสบียง! แม้ว่าจะต้องตายก็ยอมรับ สิ่งที่พวกเขาเสียใจคือ ก่อนตายพวกเขาไม่สามารถทำให้คนแก่และเด็กในบ้านที่กำลังจะอดตายได้กินข้าวสักคำ... นี่มันสิ้นหวังกว่าการฆ่าพวกเขาซะอีก ชายร่างใหญ่ในวัยสามสิบต้น ๆ ปล่อยมีดทำครัวในมือหล่นลงพื้น แล้วคุกเข่าลง เขาพูดอย่างเศร้าโศกว่า: “ท่านแม่ทัพ เรารู้ว่าการปล้นเสบียงทหารจะมีผลอะไรตามมา แม้ข้าตายก็ไม่เป็นไร แต่ขอร้องท่านให้ลูกข้าได้กินสักหน่อย ลูกข้ากำลังจะอดตายแล้ว” ส่วนภรรยาของเขาก็กอดลูกที่หายใจรวยริน มาขวางหน้าเกวียนไว้พร้อมร้องไห้โฮ “ท่านพี่ ถ้าท่านตาย ข้าและลูกก็จะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว!” ภรรยาของเขาพูดไปพลางอุ้มลูกขึ้นมา กำลังจะวิ่งไปชนกำแพง แต่ถู
และยุยงให้พวกเขาปล้นธัญพืช ภายใต้สถานการณ์ที่ผู้คนกำลังจะอดตาย พวกเขากล้าทำทุกอย่าง แต่จ้าวโหย่วไฉ่ไม่ควรปล่อยให้คนชรา คนอ่อนแอ ผู้หญิง และเด็กไปขวางรถ ปล่อยให้ผู้หญิงกอดลูกมองดูสามีถูกฆ่าตาย เขาไม่ได้ปรึกษากับตนเองเลยตลอดกระบวนการ มันเป็นการรวมกลุ่มกันอย่างลับ ๆ โดยไม่ใส่ใจชีวิตของคนชรา คนอ่อนแอ ผู้หญิง และเด็ก! บัดนี้จวนแม่ทัพเต็มใจเปิดคลังแจกจ่ายอาหารแล้ว แต่เขากลับตื่นเต้นมาก ทำไม เขายังคิดจัดคนให้บุกเข้าไปในจวนแม่ทัพเพื่อปล้นเสบียงอีก? ในวินาทีถัดมา เขาก็โพล่งออกมาด้วยความตื่นเต้นอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ “พี่เหวย พวกเราจัดคนบุกจวนแม่ทัพ ลงมือทำงานใหญ่กันเถอะ!” ทันใดนั้น เหวยกวงก็บีบคอเขา พร้อมกัดฟันพูดด้วยความโกรธว่า “เจ้าเป็นคนเรียกคนที่ออกมาในวันนี้ทั้งหมดหรือ” จ้าวโหย่วไฉ่หัวเราะแห้ง ๆ สองสามครั้ง พยายามจะแกะมือของเหวยกวงออก เหวยกวงตัวสูง แม้ว่าตอนนี้จะผอมลงไม่น้อย แต่จ้าวโหย่วไฉ่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา “พี่เหวย หรือพี่ไม่อยากให้ทุกคนกินอิ่มหรือ?” เหวยกวงพูดอย่างโหดเหี้ยม: “จวนแม่ทัพเปิดคลังแจกจ่ายอาหารแล้ว ชาวเมืองทั้งเมืองจะได้กินข้าว” “มันมีประโ
คนที่มาถึงก่อนคือฮ่าวอี้ หวังเสี่ยวเฉิง สวีเฟิงและพวกบอดี้การ์ดครั้นพวกเขาเห็นหลูหมิงซ้อมคนจนอยู่ในสภาพนี้ ก็รู้สึกเพียงจบเห่แล้วเขาต้องติดคุกแน่พวกเขาต่างจนปัญญาที่จะไปช่วยออกมา!ฮ่าวอี้ส่งสายตาให้พวกหวังเสี่ยวเฉิง พวกเขารีบล้อมนักศึกษาที่มามุงดูความสนุกเอาไว้ และขอให้พวกเขาทุกคนลบวิดีโอให้หมดกระทั่งฟอร์แมตมือถือทั้งเครื่องไปเลยการกระทำของหลูหมิง ทำเอานักศึกษาที่แสนบริสุทธิ์อึ้งกันไปตาม ๆ กันพวกเขาต่างผวากันไปหมดโดยเฉพาะภาพสุดท้ายของเขา สองมือกดศีรษะของผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ คิดจะหักคอของเธออำมหิตเกินไปแล้ว!น่ากลัวเกินไปแล้ว!ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ขอเพียงเป็นคนที่มามุงดู ต่างก็ส่งมือถือออกมาทั้งสั่นเทิ้ม และลบวิดีโอทั้งหมดทิ้งไป!หลังจากนั้น ตำรวจและรปภ.ของมหาวิทยาลัยก็มาถึงฮ่าวอี้กล่าวกับหลูหมิงว่า “เดี๋ยวหากถูกจับ จำเอาไว้ว่าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น รอทนายมา!”สีหน้าของเย่มู่มู่ซีดเผือด ถามฮ่าวอี้ “เขาจะถูกตัดสินนานเท่าไร!”ฮ่าวอี้มองไปที่หญิงสาวที่ร้องไห้โอดครวญ“กระดูกมือซ้ายของเธอหักแหลกเหลว กระดูกแขนขวาหัก...คงมีอาการบาดเจ็บภายในอื่นอีก แค่พิการระดับหนึ่งก็หนี
หญิงสาวพุ่งเข้ามา เตรียมจะคว้าผมของเย่มู่มู่เอาไว้ ข่วนหน้าของเธอให้เป็นแผล ฉีกเสื้อผ้าของเธอ...ทำให้เธอสูญเสียทั้งฐานะและชื่อเสียง!ทว่าคนที่มุงดู ไม่มีใครเข้ามาโน้มน้าวเลยพวกผู้หญิงล้อมอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่ม ๆ เอามือปิดปากพลางหัวเราะ กระทั่งล้วงโทรศัพท์ออกมา เตรียมจะแชร์ภาพที่เย่มู่มู่ถูกตบสุดจะทนได้ลงในโซเชียลตอนที่ไม่มีใครสนใจเธอก่อนหน้านี้ พวกเธอไม่รู้ถึงการมีอยู่ของคนคนนี้เสียด้วยซ้ำทว่าตอนนี้ ทุกคนสนใจไปที่เธอ ล้วนกำลังแพร่ข่าวลือว่าเธอเป็นชู้กระทั่งถูกคนปล่อยข่าวบนกระดานสารภาพรักเธอเริ่มถูกคนมากมายด่าทว่าตามการกลับมหาวิทยาลัยของเธอ รูปภาพของเธอจะถูกปล่อยในเว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัย ปล่อยข่าวบนกำแพงสารภาพรัก ถูกคนด่าว่าชู้พวกเธอถึงได้รู้ว่า ในมหาวิทยาลัยมีผู้หญิงที่สวยขนาดนี้อยู่ด้วยแม้ว่าคำนินทาว่าร้ายของเธอในมหาวิทยาลัยจะมีเยอะมาก เธอราวกับไม่เป็นไร ไปมาลุกลี้ลุกลน และไปมาเพียงลำพังทุกวันกระทั่งมีผู้ชายบางคนชอบใบหน้าสะสวยจองเธอ คิดอยากจะขอไลน์ของเธอ อยากไปจีบเธอกระทั่งเธอไม่ชายตามองอีกฝ่ายเลยคงเพราะท่าทีถือตัวโอหังและเย็นชา จึงทำให้ไปยั่วโมโหพวกผู้ชายเข้า
“ตลอดทางที่เราเดินทางมาไม่ง่ายเลย หากไม่มีจ้านเฉิงอิ้น บางทีงานใหญ่ของเราคงสำเร็จไปนานแล้ว”“รอข้าได้ขึ้นครองตำแหน่งนั้น ก็จะแต่งตั้งเจ้าเป็นอ๋อง ประทานศักดินาที่เดิน ขอเพียงเป็นสตรีที่เจ้าถูกตาต้องใจ อัญมณี ขอแค่เจ้าชอบ ข้าก็ให้เจ้าได้ทั้งหมด!”“ดูสิ เบื้องหน้าก็คือเมืองหลวงแล้ว ความปรารถนาของเราใกล้จะบรรลุแล้ว!”ซาเทียนอี้มองไปที่ยังทิศทางของเมืองหลวง ใกล้แล้ว เหลืออีกเพียงสองร้อยลี้เท่านั้น พวกเขาก็จะโจมตีเข้าไปในเมืองหลวงได้แล้วบิดาที่ทิ้งลูกทิ้งเมียไปของเขาผู้นั้น เป็นขุนนางอยู่ที่เมืองหลวงเขาเอาสินเดิมของมารดาไปจนเกลี้ยง ขายที่ดินผืนนาถูก ๆ จำนองจวนกับพวกอันธพาลพาอนุและลูกของอนุมาถึงยังเมืองหลวงอย่างปีกกล้าขาแข็งปล่อยให้เขากับมารดาเร่ร่อนอยู่ข้างถนนมารดาเพื่อเลี้ยงดูเขา ยินยอมขายตัวเองที่หอโคมเขียว ถูกแขกที่มาเที่ยวหอนางโลมข่มเหงจนตายเขาเพิ่งอายุสิบสอง ฆ่าแขกที่มาเที่ยวหอนางโลม แล้วก็หนีออกมาหลังจากนั้นก็เร่ร่อนมาตลอดทาง เคยทำมาหมดแล้วทุกอย่างเพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไป เกียรติและคุณธรรมต่างทิ้งไปทั้งหมดหลังจากนั้นใต้หล้าก็เกิดภัยแล้ง เขาเข้าร่วมกองทัพธงเหลืองเร็
แม่ทัพข้างกายเขาคือซาเทียนอี้และเซวียเหวินเต๋อสีหน้าของเซวียเหวินเต๋อเคร่งขรึม บางทีเขาอาจจะไม่เห็นด้วย มู่ฉีซิวเป็นพวกเดียวกับเผ่าหมาน สังหารหมู่ราษฎรต้าฉี่ เห็นราษฎรเป็นอาหาร...ทว่าหากไม่ร่วมมือกับเผ่าหมาน พวกเขาก็ไม่สามารถมั่นใจได้ บุกเข้าเมืองหลวง พลิกการปกครองของฮ่องเต้ต้าฉี่ ระหว่างทาง เขาอีรุงตุงนังมาตลอดซาเทียนอี้มีความทะเยอะทะยานเขาคิดว่า สังหารหมู่ชาวบ้านสองสามหมื่นคนเป็นอาหารก็เท่านั้น ขอเพียงเผ่าหมานเป็นบริวารหน้ารถม้า ช่วยพวกเขากำจัดอุปสรรค เสียสละแค่นี้จะเป็นไรไป?ผู้กระทำการใหญ่ ไม่สนใจเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่ที่พวกเขาจะทำคือเปลี่ยนแผ่นดินไม่มีทางปล่อยให้ผู้อื่นมาทำเสียเรื่องอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังมีภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดแฝงอยู่ นั่นก็คือกองทัพตระกูลจ้านกองทัพตระกูลจ้านไม่ถูกละเว้นเลยแม้แต่วันเดียว แม้พวกเขาจะเอาราชวงศ์ต้าฉี่มาได้ ก็ยังอันตรายอยู่ดีเนื่องจากจ้านเฉิงอิ้นสามารถโค่นล้มราชวงศ์ใหม่ที่พวกเขาสร้างขึ้นได้ทุกเมื่อศัตรูตัวฉกาจที่สุดของพวกเขาก็คือกองทัพตระกูลจ้าน คือจ้านเฉิงอิ้นส่วนเผ่าหมาน มีเพียงความสัมพันธ์เป็นประโยชน์ต่อกันเท่าน
ไม่ว่าจะเป็นโจ๊กข้าว หรือเนื้อตุ๋น หรือว่าน้ำใสสะอาดคนตงโจวที่หิวมาครึ่งปีกว่า ผู้ใดจะอดกลั้นได้พวกชาวบ้านถือหม้อไหถ้วยชามออกมาจากบ้าน จากนั้นก็เดินตามรถไปมั่วฝานให้พวกเขาออกจากเมือง...แจกจ่ายโจ๊กตรงหน้าประตูเมืองทั้งสี่ขณะที่พวกเขาถือหม้อเดินไปยังประตูเมือง มองไปจากไกล ๆ พบว่ามีถังเหล็กวางอยู่จริง ๆคนที่วิ่งไหว วิ่งไปข้างหน้าราวกับผึ้งแตกรังคนที่วิ่งไม่ไหว ถูกคนทั้งครอบครัวพยุงเดินไปยังประตูเมืองยังมีบางคนแม้แต่คลานยังคลานไม่ไหว ถูกกองทัพตระกูลจ้านลากขึ้นมาบนรถบรรทุก ยัดเข้าไปในรถโดยตรงเลยพวกชาวบ้านต่างวิ่งไปที่หน้าประตูเมืองราวกับผึ้งแตกรัง คิดว่าในถังมีของกิน ทว่าคิดไม่ถึง ถังที่ประตูเมืองล้วนมีฝาปิดเอาไว้แต่ทหารที่แก้มมีเนื้อหนัง กลับเรียกให้พวกเขาขึ้นรถเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นรถยนต์ ที่สูงและใหญ่ขนาดนี้มีสี่ล้อ ประหลาดเป็นอย่างมาก!แต่บนรถกลับมีอาหาร!มิหนำซ้ำ ยังมีขนม มีแหล่งน้ำ มีทหารบนรถเรียกพวกเขา...“ขึ้นมารับตรงนี้!”เขายังตักน้ำสะอาดให้พวกเขาดูหนึ่งกระบวยพวกชาวบ้านริมฝีปากแห้งแตก คนมากมายไม่ได้ดื่มแหล่งน้ำสะอาดมานานอยู่มาได้จนถึงตอนนี้ ร่างก
ครั้นเฉินอู่ ซ่งตั๋ว และมั่วฝานเห็นภาพเช่นนี้ ขอบตาของทุกคนก็แดงก่ำเห็นประชาชนต้าฉี่เป็นอาหาร ในดินแดนต้าฉี่...พวกเขาล้วนเป็นบุรุษแข็งแกร่งห้าวหาญ จะอดกลั้นได้อย่างไรหนำซ้ำยังเป็นแม่ทัพพ่ายแพ้ที่ถูกผู้ใต้บัญชาของกองทัพตระกูลจ้านรบพ่ายติดต่อกันสองสามคราพวกเขากล้าได้อย่างไร!หลัวซู่ เขากล้าได้อย่างไร?ชาวบ้านที่ถูกมัดมือทั้งสองด้วยเชือกและมัดเชื่อมต่อกันมีเยอะมาก กะประมาณคร่าว ๆ หลายหมื่นคนพวกเขามาถึงเมืองตงแล้ว ยังมีอีกหลายหมื่นนายบุรุษสตรีคนแก่และยังมีเด็กเล็กอีกด้วยในนั้นมีสตรีเยอะที่สุด รองลงมาคือเด็ก บุรุษน้อย บุรุษยิ่งน้อย...เช่นนั้น หลัวซู่ฆ่าเผาปล้นสะดมมาตลอดทั้งทาง อย่างน้อยก็เข่นฆ่าประชาชนชาวต้าฉี่ไปมากกว่าล้านคนตอนนี้สตรีและเด็กที่ยังมีชีวิตอยู่น้อยมาก ๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าทัพใหญ่เผ่าหมานจะจับมาได้เยอะขนาดนี้!นี่เป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ประชากรเท่าหนึ่งเมืองใหญ่ไม่ได้เป็นเพราะอดตาย ทว่าเป็นเพราะแม่ทัพเหล่านี้ประมาทเลินเล่อ จึงนำไปสู่โศกนาฏกรรมขอบตาของจ้านเฉิงอิ้นมีน้ำตากลิ้งไปมาเขาหันหลังไป กดเสียงต่ำแหบพร่าอย่างเจ็บปวด“แพร่ลงไป เตรียมวัตถุระเบิดใ
หลังจากที่เย่มู่มู่ทำความรู้จักกับทุกคนแล้ว ก็ได้เรียกประชุมพนักงานขยายปั๊มน้ำมัน สร้างมินิมาร์ทและศูนย์ล้างรถขึ้นมา รวมถึงจัดสร้างสำนักงานให้เรียบร้อยถังเก็บน้ำมันของปั๊มน้ำมันเล็กเกินไป ต้องเพิ่มความจุอีกเท่าตัวมอบหมายให้ผู้จัดการเป็นผู้ดำเนินการ แน่นอนว่าจะให้เวินลี่แต่งตั้งคนที่ไว้ใจได้มาคอยกำกับดูแลหลังจบการประชุม ให้ขึ้นเงินเดือนพนักงานทุกคน เพิ่มอีกห้าพันผู้จัดการได้เงินเดือนขึ้นหนึ่งหมื่นต่อไปยังมีค่าคอมมิชชั่นให้ด้วยพนักงานดีใจกันมาก แต่ผู้จัดการกลับเป็นกังวลอย่างหนักเขาคิดว่าเย่มู่มู่ทำเรื่องเหลวไหล สภาพของปั๊มน้ำมันเป็นอย่างไร เขารู้ดียิ่งกว่าใคร ขาดทุนแทบทุกเดือน จนแทบจะไม่มีเงินจ่ายค่าจ้างอยู่แล้วแต่กลับยังกล้าขยายกิจการอย่างใหญ่โต!เขานึกว่าเย่มู่มู่เป็นลูกคุณหนูผู้มั่งคั่ง ไม่มีอะไรทำเลยอยากซื้อปั๊มน้ำมันมาเล่นสนุกแต่แนวทางที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น กลับทำให้ผู้จัดการต้องอึ้งตาค้างวันที่สอง เย่มู่มู่ก็สั่งซื้อถังเก็บน้ำมันเปล่าหลายสิบใบ แล้วนำไปวางไว้ในโกดังที่อยู่ไม่ไกลจากปั๊มน้ำมันเธอให้เหตุผลว่า “เก็บน้ำมันสำรองไว้ก่อน พอปั๊มน้ำมันตกแต่งเสร็จ จะได
เย่มู่มู่ไปที่ตลาดรถบ้านมือสองและพบรถบ้านกับรถบรรทุกใหญ่จำนวนมากตลาดในเมืองหลวงมีขนาดใหญ่พ่อค้ารถมือสองที่นี่ไม่เหมือนกับบ้านเกิดของเธอ ที่มักมีสต็อกเพียงสิบหรือยี่สิบคัน...แต่พ่อค้ารถมือสองแถบชานเมืองหลวง หากมีสต็อกรถร้อยกว่าคัน ก็ถือว่าเป็นร้านขนาดเล็กแล้วที่มีสต็อกสี่ถึงห้าร้อยคันก็มีอยู่มากยิ่งไปกว่านั้น ยังมีพ่อค้าที่มีรถในสต็อกถึงพันหรือสองพันคัน กระจายส่งไปทั่วประเทศ!ยานพาหนะมีจำนวนมาก ราคาค่อนข้างถูก และการแข่งขันสูงเย่มู่มู่เดินสำรวจย่านรถมือสอง กวาดซื้อเกือบทั่วทั้งถนนเย่มู่มู่เดินอยู่ในย่านรถมือสอง ราวกับกวาดซื้อรถบรรทุกคันใหญ่เกือบทั้งถนนเธอให้ทางร้านจัดส่งไปยังโกดังชานเมือง ซึ่งมีคนรับเรื่องอยู่แล้วแน่นอนว่ารถบ้านมือสอง โดยเฉพาะรุ่นขนาดใหญ่นั้นหายาก แต่รถบ้านขนาดเล็กที่ใช้ใบขับขี่ประเภท C กลับมีอยู่มากช่วงนี้ตลาดรถบ้านมือสองล้นตลาด พ่อค้าหลายรายปล่อยรถค้างสต็อกมานานจนขายไม่ออกเย่มู่มู่จึงกวาดซื้อทั้งหมดมาไว้เองรถบ้านราคาหนึ่งล้านห้าแสนกว่า ๆ ตอนนี้เหลือแค่ราว ๆ ห้าแสน ลดไปกว่าครึ่ง เรียกได้ว่าคุ้มสุด ๆ!เย่มู่มู่กวาดซื้อรถบ้านมือสองขนาดกลางและเล็
หากไม่มีการเสริมกำลังคน ไม่ว่าอุปกรณ์สวมใส่จะดีแค่ไหน ก็ต้องตายหมดไม่ว่าช้าก็เร็วหลัวซู่อาจไม่เห็นค่าแคว้นเยี่ยน แต่ถ้ามีโอกาสบุกเข้ายึดเมืองหลวงของแคว้นต้าฉี่ เขาจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปแน่นอน ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งคือ เผ่าหมานม่อเป่ยอาจกำลังบุกเข้าเมืองหลวงเมื่อคิดถึงจุดนี้ จ้านเฉิงอิ้นก็รู้สึกว่าการตั้งรับที่หมิ่นโจวอาจไม่ใช่ทางเลือกที่มั่นคงเขาพูดกับซ่งตั๋วว่า “แจ้งออกไป ให้ย้ายจากหมิ่นโจวไปตงโจวคืนนี้”แม่ทัพหลายคนมองหน้ากันด้วยความสงสัย ทำไมต้องย้ายไปตงโจวตงโจวมีคนน้อยกว่า การค้าไม่เจริญเท่าหมิ่นโจว ประชากรก็เบาบางที่นั่นแม้จะมีเส้นทางสายหลักที่นำเข้าสู่เมืองหลวง แต่~มู่ฉีซิวมีถนนการค้าอยู่ในหมิ่นโจว เขาจะอ้อมไปตงโจวทำไม?ถึงแม้หมิ่นโจวและตงโจวจะเป็นเมืองป้องกันเมืองหลวงเหมือนกันแต่ระยะทางตรงนั้นแปดร้อยลี้การขี่ม้ารอบทางอ้อมต้องใช้เวลาเพิ่มอีกสิบวันในยุคที่ขาดแคลนเสบียง นี่เป็นราคาที่แพงมากเฉินอู่ดูเหมือนจะเข้าใจเจตนาของจ้านเฉิงอิ้นเขาขมวดคิ้วถามว่า “ท่านแม่ทัพ ท่านคิดว่าเผ่าหมานจะบุกเข้าเมืองหลวงจากทางตงโจวหรือ?”“ใช่!”“แต่เขาพาทหารที่