Share

บทที่ 17

Author: มู่โร่ว
ที่เกิดเหตุมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งรุนแรง ซากศพนอนเกลื่อนกลาด

เมื่อจ้านเฉิงอิ้นเห็นภาพเช่นนี้ ดวงตาสองข้างของเขาก็แดงก่ำ เขาตะโกนว่า “ทุกคนจงหยุด!”

เหล่าผู้ลี้ภัยเห็นแม่ทัพพาทหารนับร้อยนายมาล้อมรอบพวกเขาไว้จากทุกทิศทุกทาง

การปล้นเสบียงทหารล้มเหลวแล้ว

พวกเขาหมดหวังอย่างสิ้นเชิง

เคร้ง อาวุธในมือของคนจำนวนไม่น้อยตกลงพื้น

พวกเขารู้ว่าการปล้นเสบียงจะมีผลอะไรตามมา พวกเขาไม่เสียใจที่ปล้นเสบียง!

แม้ว่าจะต้องตายก็ยอมรับ

สิ่งที่พวกเขาเสียใจคือ ก่อนตายพวกเขาไม่สามารถทำให้คนแก่และเด็กในบ้านที่กำลังจะอดตายได้กินข้าวสักคำ...

นี่มันสิ้นหวังกว่าการฆ่าพวกเขาซะอีก

ชายร่างใหญ่ในวัยสามสิบต้น ๆ ปล่อยมีดทำครัวในมือหล่นลงพื้น แล้วคุกเข่าลง

เขาพูดอย่างเศร้าโศกว่า: “ท่านแม่ทัพ เรารู้ว่าการปล้นเสบียงทหารจะมีผลอะไรตามมา แม้ข้าตายก็ไม่เป็นไร แต่ขอร้องท่านให้ลูกข้าได้กินสักหน่อย ลูกข้ากำลังจะอดตายแล้ว”

ส่วนภรรยาของเขาก็กอดลูกที่หายใจรวยริน มาขวางหน้าเกวียนไว้พร้อมร้องไห้โฮ “ท่านพี่ ถ้าท่านตาย ข้าและลูกก็จะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว!”

ภรรยาของเขาพูดไปพลางอุ้มลูกขึ้นมา กำลังจะวิ่งไปชนกำแพง

แต่ถู
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 18

    และยุยงให้พวกเขาปล้นธัญพืช ภายใต้สถานการณ์ที่ผู้คนกำลังจะอดตาย พวกเขากล้าทำทุกอย่าง แต่จ้าวโหย่วไฉ่ไม่ควรปล่อยให้คนชรา คนอ่อนแอ ผู้หญิง และเด็กไปขวางรถ ปล่อยให้ผู้หญิงกอดลูกมองดูสามีถูกฆ่าตาย เขาไม่ได้ปรึกษากับตนเองเลยตลอดกระบวนการ มันเป็นการรวมกลุ่มกันอย่างลับ ๆ โดยไม่ใส่ใจชีวิตของคนชรา คนอ่อนแอ ผู้หญิง และเด็ก! บัดนี้จวนแม่ทัพเต็มใจเปิดคลังแจกจ่ายอาหารแล้ว แต่เขากลับตื่นเต้นมาก ทำไม เขายังคิดจัดคนให้บุกเข้าไปในจวนแม่ทัพเพื่อปล้นเสบียงอีก? ในวินาทีถัดมา เขาก็โพล่งออกมาด้วยความตื่นเต้นอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ “พี่เหวย พวกเราจัดคนบุกจวนแม่ทัพ ลงมือทำงานใหญ่กันเถอะ!” ทันใดนั้น เหวยกวงก็บีบคอเขา พร้อมกัดฟันพูดด้วยความโกรธว่า “เจ้าเป็นคนเรียกคนที่ออกมาในวันนี้ทั้งหมดหรือ” จ้าวโหย่วไฉ่หัวเราะแห้ง ๆ สองสามครั้ง พยายามจะแกะมือของเหวยกวงออก เหวยกวงตัวสูง แม้ว่าตอนนี้จะผอมลงไม่น้อย แต่จ้าวโหย่วไฉ่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา “พี่เหวย หรือพี่ไม่อยากให้ทุกคนกินอิ่มหรือ?” เหวยกวงพูดอย่างโหดเหี้ยม: “จวนแม่ทัพเปิดคลังแจกจ่ายอาหารแล้ว ชาวเมืองทั้งเมืองจะได้กินข้าว” “มันมีประโ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 19

    หญิงชราที่เขาเคยให้ข้าวปั้นก้อนเล็ก ๆ คราวก่อนอุ้มหลานสาวมาตรงต่อหน้าจ้านเฉิงอิ้น ดวงตาของนางไม่มีความสิ้นหวังเหมือนเมื่อก่อนแล้ว กลับมีชีวิตชีวาขึ้น นางและหลานสาวคุกเข่าลงต่อหน้าจ้านเฉิงอิ้น “ขอบคุณท่านแม่ทัพที่ช่วยชีวิตพวกเราสองคนย่าหลาน!” พูดพลางหญิงชราก็มอบแท่งหมึกครึ่งก้อนซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในตัวนางให้ไป “ท่านแม่ทัพ ข้าไม่มีอะไรที่พอจะเป็นประโยชน์ได้ นี่เป็นแท่นหมึกครึ่งก้อนที่ลูกชายของข้าทิ้งไว้เมื่อครั้งไปร่ำเรียน ตอนนี้ลูกชายกับลูกสะใภ้จากไปแล้ว เหลือไว้แต่หลานสาว ขอให้ท่านแม่ทัพรับไว้ด้วยเถิด!” เมื่อมีหญิงชราเป็นผู้ให้คนแรก ชาวบ้านที่เหลือก็มอบสิ่งของที่มีค่าที่สุดในสายตาของพวกเขาให้กับแม่ทัพด้วยเช่นกัน บางคนให้ม้วนไม้ไผ่ บางคนให้เหรียญทองแดง บางคนให้หยกที่สืบทอดกันมาในตระกูล พ่อค้าผู้มั่งคั่งที่เคยทำธุรกิจในด่านเจิ้นกวน ได้มอบเมล็ดแตงทองคำและถั่วทองคำ... แต่ส่วนใหญ่จะให้รากของผักป่า รากผักในเมืองทั้งหมดถูกขุดออกมาจนหมดเกลี้ยง ไม่รู้ว่าชาวบ้านเก็บสิ่งของเหล่านี้ไว้นานแค่ไหนแล้ว หญ้าเหี่ยวแห้ง รากผักเต็มไปด้วยทราย... จ้านเฉิงอิ้นไม่ได้รับรากผักเอาไว้

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 20

    เขาเปิด ‘คู่มือฝึกทหารอาสา’ ‘ตำราการใช้คนที่มีความสามารถ’ และ ‘ตำราพิชัยสงครามซุนจื่อ’ จุดตะเกียงอ่านหนังสือยามค่ำคืน*เย่มู่มู่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เครื่องสูบน้ำหยุดทำงานแล้ว เมื่อคืนเธอซื้อเครื่องสูบน้ำที่ใช้น้ำมันดีเซลเพิ่มอีกสามเครื่อง ท่อน้ำมีความหนาเป็นสองเท่าของท่อเดิม และให้ท่อสามท่อนสูบน้ำพร้อมกัน น้ำไหลเชี่ยวราวกับน้ำท่วม เมื่อน้ำมันดีเซลหมดแล้ว เครื่องสูบน้ำก็หยุดทำงานโดยอัตโนมัติ เธอเห็นห่อเล็ก ๆ ข้างแจกัน เมื่อเธอเปิดห่อออกมา ก็เห็นม้วนไม้ไผ่ หยก เมล็ดแตงทองคำ ถั่วทองคำ แท่นฝนหมึก แท่นหมึก ชามกระเบื้อง แก้วกระเบื้อง... แม้แต่ผ้าเช็ดหน้าของเด็กผู้หญิงก็ยังมี และมีจดหมายที่จ้านเฉิงอิ้นเขียนไว้ “ข้าได้เปิดโรงทานโจ๊กแล้ว ชาวเมืองทั้งเมืองกำลังต่อแถวรับโจ๊ก...” เขาบอกว่าของขวัญทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งของและเครื่องบรรณาการที่ชาวบ้านนำมามอบให้เพื่อขอบคุณเทพเจ้า หวังว่าเธอจะไม่รังเกียจ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของเก่า มีมูลค่ามหาศาล เธอจะรังเกียจได้ยังไง! เขายังกล่าวอีกว่า เมื่อเปิดเผยแล้ว จะไม่สามารถปิดบังเรื่องที่มีน้ำและเสบียงอาหารอยู่ในเมืองได้อีกต่อไป เผ่

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 21

    เย่มู่มู่เห็นข้อความจากจ้านเฉิงอิ้นแล้วถึงกับขำก๊าก!แท็บเล็ตเครื่องเล็ก ๆ เครื่องเดียวที่ลบฟังก์ชันส่วนใหญ่ออกไปแล้ว กลับทำให้คนโบราณตกตะลึงเสียจนร้องอุทานว่าปาฏิหาริย์เย่มู่มู่ตอบกลับไป “ไอแพดหรือเรียกอีกอย่างว่าแท็บเล็ต เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เห็นได้ทั่วไปในชีวิตคนยุคปัจจุบัน”“มันมีฟังก์ชันถ่ายรูป เจ้าค่อย ๆ ลองใช้ดูแล้วกัน ถ่ายบรรยากาศเมืองเจิ้นกวนมาให้ข้า ข้าจะได้รู้ว่าพวกเจ้ายังขาดเหลือสิ่งใด”เย่มู่มู่คิดดูแล้ว หากพวกเขาใช้วิธีสร้างกำแพงปูนซีเมนต์แบบยุคปัจจุบันจะต้องออกมาดีแน่ แต่หากเผ่าหมานรวมตัวกันบุกจู่โจมเมืองอย่างรวดเร็วการใช้ข้าวเหนียว ผงปูนขาวและหินคลุก จะช่วยให้คนโบราณลงมือทำได้ทันทีใช้ปูนซีเมนต์นั้นยังต้องเรียนรู้อีก เธอจึงจัดหาข้าวเหนียวกับหินปูนสักล็อตแล้วรีบส่งไปก่อนซ่อมกำแพงเมืองก่อน...“ขอบคุณท่านเทพยิ่ง พอจะส่งไม้ฟืนมาให้เราอีกสักชุดได้หรือไม่ ต้นไม้ทั้งเมืองถูกตัดโค่นจนหมดสิ้น ตอนนี้ไม้ที่ใช้หุงข้าวก่อไฟล้วนเป็นแผ่นไม้ที่รื้อมาจากบ้านเรือนที่เสียหาย”เย่มู่มู่เข้าใจถ่องแท้ในทันทีจินตนาการได้เลยว่าเมืองเจิ้นกวนคงไม่มีอะไรเหลือแล้วนอกจากราบคา

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 22

    ครั้งที่ร้ายแรงที่สุดคือคืนส่งท้ายปีเก่า เย่ซินผลักเธอตกจากบันไดต่อหน้าต่อตาทุก ๆ คนในตระกูล เธอสลบเหมือดไปในทันที ต้องนอนพักฟื้นอยู่โรงพยาบาลถึงสามวันกว่าจะฟื้นขึ้นมาวันนั้นแม่ตบหน้าพ่ออย่างแรง ทั้งยังโวยวายจะหย่าให้ได้!หากไม่ยอมหย่าให้ก็จะเผาพวกเขาให้วอดเสียทั้งตระกูล!หลังจากเธอถูกทำร้ายในครานั้น แม่ก็ไม่ยอมกล้ำกลืนฝืนทนอีกต่อไป ถึงกับโทรเรียกญาติพี่น้องฝั่งแม่ยกโขยงกันมาเต็มคันรถพากันอาละวาดทำลายข้าวของบ้านลุงใหญ่ไปยกใหญ่ ลุงใหญ่และเหล่าอาทั้งหลาย ต่างก็ถูกตบตีไปตาม ๆ กันหลังจากนั้นย่าของเธอก็สงบลงมากทีเดียวอีกทั้งทางบ้านลุงใหญ่ก็ไม่กล้าหาเรื่องอีกพ่อเลิกบังคับให้แม่และเย่มู่มู่ต้องกลับไปบ้านนอกในทุก ๆ ปีแล้วแน่นอนว่า พ่อยังคงกตัญญูได้อย่างโง่งมเช่นเคย ที่ยังคอยช่วยเหลือเรื่องเงินให้พวกลุงใหญ่อาเล็กอย่างลับ ๆ โดยที่แม่ได้แต่ปิดตาข้างหนึ่งไป!ทว่ามีข้อแม้ว่าเงินให้ยืมไปเท่าไหร่ล้วนต้องเขียนสัญญากู้ยืมในทุก ๆ ครั้ง ต้องมีพยานบุคคล รวมถึงต้องบันทึกภาพวิดีโอตลอดกระบวนการหากเรื่องถึงโรงถึงศาล จะได้เรียกร้องให้พวกเขาคืนมาให้จนได้สิบปียี่สิบปีมานี้ที่มีพ่อคอยช่วยเ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 23

    จ้านเฉิงอิ้นกลับถูกข้าวเหนียว และแป้งข้าวเหนียวทั้งหมดห้าสิบกว่าถุงดึงดูดเข้าให้ข้าวเหนียวพวกนี้หากต้มจนเหลวเป็นน้ำ ก็เป็นอันใช้สร้างกำแพงเมืองได้!เขาเอ่ยถามเฉินอู่ “ห้องโกดังยังเหลือปูนขาวอยู่หรือไม่?”“มีขอรับ อยู่ในโกดังใต้กำแพงเมือง!”“ขนข้าวเหนียวและแป้งข้าวเหนียวไปที่นั่น และรวมพลคนงานมาซ่อมแซมกำแพงเมือง!”“ขอรับท่านแม่ทัพ!”เฉินอู่เรียกพลทหารมาช่วยกันขนย้ายข้าวเหนียวและอาหารม้าออกไปวันนี้ที่เขาเดินทางมาจากค่ายทหาร เห็นว่าชาวบ้านในเมืองล้วนมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า ทั้งยังเปิดปากกล่าวทักทายด้วยความดีอกดีใจแม้ว่าใบหน้าของทุกคนจะซูบตอบ บางคนถึงขั้นหิวจนเดินแทบไม่ไหว แต่ก็ต่างช่วยประคับประคองกันไปต่อแถวรอรับโจ๊กพวกเขาไม่ได้สิ้นหวังหมดอาลัยอีกต่อไป ทว่าล้วนมีชีวิตชีวา นัยน์ตาเปี่ยมประกายความหวังสระน้ำหลังจวนแม่ทัพเดิมหวิดจะแห้งขอดเต็มที บัดนี้กลับมีน้ำใสเอ่อล้นเมื่อมีน้ำก็ย่อมมีความหวัง! ทุกคนได้อิ่มท้อง มีน้ำดื่ม แม้ว่าจะถูกกักล้อมอยู่ในเมือง แต่ก็ไม่สิ้นหวังหมดอาลัยอีก เพราะต่างมีความหวังที่จะรอดพ้น!เหล่าพลทหารแต่ละนายสีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปไม่น้อยเหตุเพราะวันนี

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 24

    “ท่านแม่ทัพ นี่คือสิ่งใดกัน น่าอัศจรรย์โดยแท้!”จ้านเฉิงอิ้นส่งแท็บเล็ตให้เฉินขุย “เจ้าลองใช้มือสัมผัสดู”เพียงนิ้วมือหยาบกระด้างกร้านแผลเป็นของเฉินขุยแตะเบา ๆ ลงบนหน้าจอ วิดีโอก็หยุดลงทันทีว้าว...เหล่านายทหารทั้งหลายพลันร้องอุทานเสียงดังเฉินขุยแตะบนหน้าจออีกครั้ง วิดีโอก็เล่นต่อจากเดิมตาเขาเบิกออกโตอย่างแทบไม่อยากเชื่อสายตาตน“สมเป็นของวิเศษจากท่านเทพจริง ๆ คนธรรมดาเช่นเราเกรงว่าในพันปีก็คงไม่อาจสรรค์สร้างได้!”พลทหารนายอื่น ๆ ก็อดรนทนไม่ไหวอยากสัมผัสบ้างเช่นกัน“คนเราจะเข้าไปได้อย่างไร ทั้งเขายังหยุดการเคลื่อนไหวได้อีกด้วย!”“กระหม่อมคิดว่าเป็นวิชาดูดกลืนวิญญาณของท่านเทพ ที่ดูดวิญญาณเข้าไปภายใน เจ้าคนโฉดจึงได้เชื่อฟังคำสั่งเช่นนี้!”จ้านเฉิงอิ้นได้ยินนายทหารพูดคุยกันอย่างออกรสก็อดขำไม่ได้เขาศึกษาเข้าใจวิธีการถ่ายภาพและอัดวิดีโอแล้ว เขาเอื้อมหยิบแท็บเล็ตมา กดปุ่มเปิดใช้งานกล้องถ่ายรูปแชะ~และแล้วภาพแสนคมชัดของเหล่านายทหารทั้งห้านายที่มีสีหน้าต่างกันไปก็ปรากฏขึ้นมา เขาขยายภาพและส่งให้พวกพลทหารได้ดูพวกเขาต่างเบิกตากว้าง มองดูภาพของตนด้วยความประหลาดใจ“วาดได้สม

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 25

    กองทัพตระกูลจ้านเหลือทหารเพียงสองหมื่นนาย ไร้ทั้งม้าศึก ไร้ทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ดี ๆ ใช้หากข่าวที่ว่าในเมืองมีน้ำเล็ดรอดออกไป มั่วเป่ยหมานอ๋องจะต้องยกทัพมาโจมตีเมืองอย่างแน่นอน แม้ว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งมากค่ามากราคาเท่าใดก็ย่อมไม่หวั่นไหว เพราะนี่เป็นถึงสายน้ำแห่งชีวิต!จ้านเฉิงอิ้นลุกขึ้นยืน เรือนคิ้วดาบบนใบหน้าหล่อเหลาคมคายขมวดมุ่นเขาเดินไปมาในกระโจมด้วยกังวลในใจพลทหารเฝ้าประตูเห็นท่าทีแล้วก็รับรู้ได้ถึงความไม่สบายใจของท่านแม่ทัพจึงได้สั่งให้ทุกคนถอยห่าง อัปเปหิตนไกลจากกระโจมมาหลายหมี่[1]ทันใดนั้น เหนือกระโจมของจ้านเฉิงอิ้น ก็มีถุงถ่านหินและไม้ฟืนจำนวนนับไม่ถ้วนตกลงมาจากฟากฟ้าราวห่าฝนตุบ ตุบ ตุบ...ถ่านหินกองพะเนินอยู่เต็มกระโจม จนเมื่อกระโจมของเขารับน้ำหนักไม่ไหวอีกต่อไปก็ขาดแคว่กเสียงดัง ทั้งถ่านหินและไม้ฟืนราวหิมะถล่มก็มิปานแต่ละมวลแต่ละชิ้นหลุดทะลักทลายออกมาจากกระโจม กองพะเนินเต็มอาณาพื้นที่!“ท่านแม่ทัพ...”พลทหารที่ได้ยินเสียงต่างกุลีกุจอกันมาดู เห็นเพียงว่าภายในรัศมีสองหมี่รอบตัวจ้านเฉิงอิ้น หาได้มีสิ่งใดตกหล่นลงมา เขายังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างไร้ภัยย่างกราย

Latest chapter

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 636

    คนที่มาถึงก่อนคือฮ่าวอี้ หวังเสี่ยวเฉิง สวีเฟิงและพวกบอดี้การ์ดครั้นพวกเขาเห็นหลูหมิงซ้อมคนจนอยู่ในสภาพนี้ ก็รู้สึกเพียงจบเห่แล้วเขาต้องติดคุกแน่พวกเขาต่างจนปัญญาที่จะไปช่วยออกมา!ฮ่าวอี้ส่งสายตาให้พวกหวังเสี่ยวเฉิง พวกเขารีบล้อมนักศึกษาที่มามุงดูความสนุกเอาไว้ และขอให้พวกเขาทุกคนลบวิดีโอให้หมดกระทั่งฟอร์แมตมือถือทั้งเครื่องไปเลยการกระทำของหลูหมิง ทำเอานักศึกษาที่แสนบริสุทธิ์อึ้งกันไปตาม ๆ กันพวกเขาต่างผวากันไปหมดโดยเฉพาะภาพสุดท้ายของเขา สองมือกดศีรษะของผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ คิดจะหักคอของเธออำมหิตเกินไปแล้ว!น่ากลัวเกินไปแล้ว!ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ขอเพียงเป็นคนที่มามุงดู ต่างก็ส่งมือถือออกมาทั้งสั่นเทิ้ม และลบวิดีโอทั้งหมดทิ้งไป!หลังจากนั้น ตำรวจและรปภ.ของมหาวิทยาลัยก็มาถึงฮ่าวอี้กล่าวกับหลูหมิงว่า “เดี๋ยวหากถูกจับ จำเอาไว้ว่าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น รอทนายมา!”สีหน้าของเย่มู่มู่ซีดเผือด ถามฮ่าวอี้ “เขาจะถูกตัดสินนานเท่าไร!”ฮ่าวอี้มองไปที่หญิงสาวที่ร้องไห้โอดครวญ“กระดูกมือซ้ายของเธอหักแหลกเหลว กระดูกแขนขวาหัก...คงมีอาการบาดเจ็บภายในอื่นอีก แค่พิการระดับหนึ่งก็หนี

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 635

    หญิงสาวพุ่งเข้ามา เตรียมจะคว้าผมของเย่มู่มู่เอาไว้ ข่วนหน้าของเธอให้เป็นแผล ฉีกเสื้อผ้าของเธอ...ทำให้เธอสูญเสียทั้งฐานะและชื่อเสียง!ทว่าคนที่มุงดู ไม่มีใครเข้ามาโน้มน้าวเลยพวกผู้หญิงล้อมอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่ม ๆ เอามือปิดปากพลางหัวเราะ กระทั่งล้วงโทรศัพท์ออกมา เตรียมจะแชร์ภาพที่เย่มู่มู่ถูกตบสุดจะทนได้ลงในโซเชียลตอนที่ไม่มีใครสนใจเธอก่อนหน้านี้ พวกเธอไม่รู้ถึงการมีอยู่ของคนคนนี้เสียด้วยซ้ำทว่าตอนนี้ ทุกคนสนใจไปที่เธอ ล้วนกำลังแพร่ข่าวลือว่าเธอเป็นชู้กระทั่งถูกคนปล่อยข่าวบนกระดานสารภาพรักเธอเริ่มถูกคนมากมายด่าทว่าตามการกลับมหาวิทยาลัยของเธอ รูปภาพของเธอจะถูกปล่อยในเว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัย ปล่อยข่าวบนกำแพงสารภาพรัก ถูกคนด่าว่าชู้พวกเธอถึงได้รู้ว่า ในมหาวิทยาลัยมีผู้หญิงที่สวยขนาดนี้อยู่ด้วยแม้ว่าคำนินทาว่าร้ายของเธอในมหาวิทยาลัยจะมีเยอะมาก เธอราวกับไม่เป็นไร ไปมาลุกลี้ลุกลน และไปมาเพียงลำพังทุกวันกระทั่งมีผู้ชายบางคนชอบใบหน้าสะสวยจองเธอ คิดอยากจะขอไลน์ของเธอ อยากไปจีบเธอกระทั่งเธอไม่ชายตามองอีกฝ่ายเลยคงเพราะท่าทีถือตัวโอหังและเย็นชา จึงทำให้ไปยั่วโมโหพวกผู้ชายเข้า

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 634

    “ตลอดทางที่เราเดินทางมาไม่ง่ายเลย หากไม่มีจ้านเฉิงอิ้น บางทีงานใหญ่ของเราคงสำเร็จไปนานแล้ว”“รอข้าได้ขึ้นครองตำแหน่งนั้น ก็จะแต่งตั้งเจ้าเป็นอ๋อง ประทานศักดินาที่เดิน ขอเพียงเป็นสตรีที่เจ้าถูกตาต้องใจ อัญมณี ขอแค่เจ้าชอบ ข้าก็ให้เจ้าได้ทั้งหมด!”“ดูสิ เบื้องหน้าก็คือเมืองหลวงแล้ว ความปรารถนาของเราใกล้จะบรรลุแล้ว!”ซาเทียนอี้มองไปที่ยังทิศทางของเมืองหลวง ใกล้แล้ว เหลืออีกเพียงสองร้อยลี้เท่านั้น พวกเขาก็จะโจมตีเข้าไปในเมืองหลวงได้แล้วบิดาที่ทิ้งลูกทิ้งเมียไปของเขาผู้นั้น เป็นขุนนางอยู่ที่เมืองหลวงเขาเอาสินเดิมของมารดาไปจนเกลี้ยง ขายที่ดินผืนนาถูก ๆ จำนองจวนกับพวกอันธพาลพาอนุและลูกของอนุมาถึงยังเมืองหลวงอย่างปีกกล้าขาแข็งปล่อยให้เขากับมารดาเร่ร่อนอยู่ข้างถนนมารดาเพื่อเลี้ยงดูเขา ยินยอมขายตัวเองที่หอโคมเขียว ถูกแขกที่มาเที่ยวหอนางโลมข่มเหงจนตายเขาเพิ่งอายุสิบสอง ฆ่าแขกที่มาเที่ยวหอนางโลม แล้วก็หนีออกมาหลังจากนั้นก็เร่ร่อนมาตลอดทาง เคยทำมาหมดแล้วทุกอย่างเพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไป เกียรติและคุณธรรมต่างทิ้งไปทั้งหมดหลังจากนั้นใต้หล้าก็เกิดภัยแล้ง เขาเข้าร่วมกองทัพธงเหลืองเร็

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 633

    แม่ทัพข้างกายเขาคือซาเทียนอี้และเซวียเหวินเต๋อสีหน้าของเซวียเหวินเต๋อเคร่งขรึม บางทีเขาอาจจะไม่เห็นด้วย มู่ฉีซิวเป็นพวกเดียวกับเผ่าหมาน สังหารหมู่ราษฎรต้าฉี่ เห็นราษฎรเป็นอาหาร...ทว่าหากไม่ร่วมมือกับเผ่าหมาน พวกเขาก็ไม่สามารถมั่นใจได้ บุกเข้าเมืองหลวง พลิกการปกครองของฮ่องเต้ต้าฉี่ ระหว่างทาง เขาอีรุงตุงนังมาตลอดซาเทียนอี้มีความทะเยอะทะยานเขาคิดว่า สังหารหมู่ชาวบ้านสองสามหมื่นคนเป็นอาหารก็เท่านั้น ขอเพียงเผ่าหมานเป็นบริวารหน้ารถม้า ช่วยพวกเขากำจัดอุปสรรค เสียสละแค่นี้จะเป็นไรไป?ผู้กระทำการใหญ่ ไม่สนใจเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่ที่พวกเขาจะทำคือเปลี่ยนแผ่นดินไม่มีทางปล่อยให้ผู้อื่นมาทำเสียเรื่องอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังมีภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดแฝงอยู่ นั่นก็คือกองทัพตระกูลจ้านกองทัพตระกูลจ้านไม่ถูกละเว้นเลยแม้แต่วันเดียว แม้พวกเขาจะเอาราชวงศ์ต้าฉี่มาได้ ก็ยังอันตรายอยู่ดีเนื่องจากจ้านเฉิงอิ้นสามารถโค่นล้มราชวงศ์ใหม่ที่พวกเขาสร้างขึ้นได้ทุกเมื่อศัตรูตัวฉกาจที่สุดของพวกเขาก็คือกองทัพตระกูลจ้าน คือจ้านเฉิงอิ้นส่วนเผ่าหมาน มีเพียงความสัมพันธ์เป็นประโยชน์ต่อกันเท่าน

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 632

    ไม่ว่าจะเป็นโจ๊กข้าว หรือเนื้อตุ๋น หรือว่าน้ำใสสะอาดคนตงโจวที่หิวมาครึ่งปีกว่า ผู้ใดจะอดกลั้นได้พวกชาวบ้านถือหม้อไหถ้วยชามออกมาจากบ้าน จากนั้นก็เดินตามรถไปมั่วฝานให้พวกเขาออกจากเมือง...แจกจ่ายโจ๊กตรงหน้าประตูเมืองทั้งสี่ขณะที่พวกเขาถือหม้อเดินไปยังประตูเมือง มองไปจากไกล ๆ พบว่ามีถังเหล็กวางอยู่จริง ๆคนที่วิ่งไหว วิ่งไปข้างหน้าราวกับผึ้งแตกรังคนที่วิ่งไม่ไหว ถูกคนทั้งครอบครัวพยุงเดินไปยังประตูเมืองยังมีบางคนแม้แต่คลานยังคลานไม่ไหว ถูกกองทัพตระกูลจ้านลากขึ้นมาบนรถบรรทุก ยัดเข้าไปในรถโดยตรงเลยพวกชาวบ้านต่างวิ่งไปที่หน้าประตูเมืองราวกับผึ้งแตกรัง คิดว่าในถังมีของกิน ทว่าคิดไม่ถึง ถังที่ประตูเมืองล้วนมีฝาปิดเอาไว้แต่ทหารที่แก้มมีเนื้อหนัง กลับเรียกให้พวกเขาขึ้นรถเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นรถยนต์ ที่สูงและใหญ่ขนาดนี้มีสี่ล้อ ประหลาดเป็นอย่างมาก!แต่บนรถกลับมีอาหาร!มิหนำซ้ำ ยังมีขนม มีแหล่งน้ำ มีทหารบนรถเรียกพวกเขา...“ขึ้นมารับตรงนี้!”เขายังตักน้ำสะอาดให้พวกเขาดูหนึ่งกระบวยพวกชาวบ้านริมฝีปากแห้งแตก คนมากมายไม่ได้ดื่มแหล่งน้ำสะอาดมานานอยู่มาได้จนถึงตอนนี้ ร่างก

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 631

    ครั้นเฉินอู่ ซ่งตั๋ว และมั่วฝานเห็นภาพเช่นนี้ ขอบตาของทุกคนก็แดงก่ำเห็นประชาชนต้าฉี่เป็นอาหาร ในดินแดนต้าฉี่...พวกเขาล้วนเป็นบุรุษแข็งแกร่งห้าวหาญ จะอดกลั้นได้อย่างไรหนำซ้ำยังเป็นแม่ทัพพ่ายแพ้ที่ถูกผู้ใต้บัญชาของกองทัพตระกูลจ้านรบพ่ายติดต่อกันสองสามคราพวกเขากล้าได้อย่างไร!หลัวซู่ เขากล้าได้อย่างไร?ชาวบ้านที่ถูกมัดมือทั้งสองด้วยเชือกและมัดเชื่อมต่อกันมีเยอะมาก กะประมาณคร่าว ๆ หลายหมื่นคนพวกเขามาถึงเมืองตงแล้ว ยังมีอีกหลายหมื่นนายบุรุษสตรีคนแก่และยังมีเด็กเล็กอีกด้วยในนั้นมีสตรีเยอะที่สุด รองลงมาคือเด็ก บุรุษน้อย บุรุษยิ่งน้อย...เช่นนั้น หลัวซู่ฆ่าเผาปล้นสะดมมาตลอดทั้งทาง อย่างน้อยก็เข่นฆ่าประชาชนชาวต้าฉี่ไปมากกว่าล้านคนตอนนี้สตรีและเด็กที่ยังมีชีวิตอยู่น้อยมาก ๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าทัพใหญ่เผ่าหมานจะจับมาได้เยอะขนาดนี้!นี่เป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ประชากรเท่าหนึ่งเมืองใหญ่ไม่ได้เป็นเพราะอดตาย ทว่าเป็นเพราะแม่ทัพเหล่านี้ประมาทเลินเล่อ จึงนำไปสู่โศกนาฏกรรมขอบตาของจ้านเฉิงอิ้นมีน้ำตากลิ้งไปมาเขาหันหลังไป กดเสียงต่ำแหบพร่าอย่างเจ็บปวด“แพร่ลงไป เตรียมวัตถุระเบิดใ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 630

    หลังจากที่เย่มู่มู่ทำความรู้จักกับทุกคนแล้ว ก็ได้เรียกประชุมพนักงานขยายปั๊มน้ำมัน สร้างมินิมาร์ทและศูนย์ล้างรถขึ้นมา รวมถึงจัดสร้างสำนักงานให้เรียบร้อยถังเก็บน้ำมันของปั๊มน้ำมันเล็กเกินไป ต้องเพิ่มความจุอีกเท่าตัวมอบหมายให้ผู้จัดการเป็นผู้ดำเนินการ แน่นอนว่าจะให้เวินลี่แต่งตั้งคนที่ไว้ใจได้มาคอยกำกับดูแลหลังจบการประชุม ให้ขึ้นเงินเดือนพนักงานทุกคน เพิ่มอีกห้าพันผู้จัดการได้เงินเดือนขึ้นหนึ่งหมื่นต่อไปยังมีค่าคอมมิชชั่นให้ด้วยพนักงานดีใจกันมาก แต่ผู้จัดการกลับเป็นกังวลอย่างหนักเขาคิดว่าเย่มู่มู่ทำเรื่องเหลวไหล สภาพของปั๊มน้ำมันเป็นอย่างไร เขารู้ดียิ่งกว่าใคร ขาดทุนแทบทุกเดือน จนแทบจะไม่มีเงินจ่ายค่าจ้างอยู่แล้วแต่กลับยังกล้าขยายกิจการอย่างใหญ่โต!เขานึกว่าเย่มู่มู่เป็นลูกคุณหนูผู้มั่งคั่ง ไม่มีอะไรทำเลยอยากซื้อปั๊มน้ำมันมาเล่นสนุกแต่แนวทางที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น กลับทำให้ผู้จัดการต้องอึ้งตาค้างวันที่สอง เย่มู่มู่ก็สั่งซื้อถังเก็บน้ำมันเปล่าหลายสิบใบ แล้วนำไปวางไว้ในโกดังที่อยู่ไม่ไกลจากปั๊มน้ำมันเธอให้เหตุผลว่า “เก็บน้ำมันสำรองไว้ก่อน พอปั๊มน้ำมันตกแต่งเสร็จ จะได

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 629

    เย่มู่มู่ไปที่ตลาดรถบ้านมือสองและพบรถบ้านกับรถบรรทุกใหญ่จำนวนมากตลาดในเมืองหลวงมีขนาดใหญ่พ่อค้ารถมือสองที่นี่ไม่เหมือนกับบ้านเกิดของเธอ ที่มักมีสต็อกเพียงสิบหรือยี่สิบคัน...แต่พ่อค้ารถมือสองแถบชานเมืองหลวง หากมีสต็อกรถร้อยกว่าคัน ก็ถือว่าเป็นร้านขนาดเล็กแล้วที่มีสต็อกสี่ถึงห้าร้อยคันก็มีอยู่มากยิ่งไปกว่านั้น ยังมีพ่อค้าที่มีรถในสต็อกถึงพันหรือสองพันคัน กระจายส่งไปทั่วประเทศ!ยานพาหนะมีจำนวนมาก ราคาค่อนข้างถูก และการแข่งขันสูงเย่มู่มู่เดินสำรวจย่านรถมือสอง กวาดซื้อเกือบทั่วทั้งถนนเย่มู่มู่เดินอยู่ในย่านรถมือสอง ราวกับกวาดซื้อรถบรรทุกคันใหญ่เกือบทั้งถนนเธอให้ทางร้านจัดส่งไปยังโกดังชานเมือง ซึ่งมีคนรับเรื่องอยู่แล้วแน่นอนว่ารถบ้านมือสอง โดยเฉพาะรุ่นขนาดใหญ่นั้นหายาก แต่รถบ้านขนาดเล็กที่ใช้ใบขับขี่ประเภท C กลับมีอยู่มากช่วงนี้ตลาดรถบ้านมือสองล้นตลาด พ่อค้าหลายรายปล่อยรถค้างสต็อกมานานจนขายไม่ออกเย่มู่มู่จึงกวาดซื้อทั้งหมดมาไว้เองรถบ้านราคาหนึ่งล้านห้าแสนกว่า ๆ ตอนนี้เหลือแค่ราว ๆ ห้าแสน ลดไปกว่าครึ่ง เรียกได้ว่าคุ้มสุด ๆ!เย่มู่มู่กวาดซื้อรถบ้านมือสองขนาดกลางและเล็

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 628

    หากไม่มีการเสริมกำลังคน ไม่ว่าอุปกรณ์สวมใส่จะดีแค่ไหน ก็ต้องตายหมดไม่ว่าช้าก็เร็วหลัวซู่อาจไม่เห็นค่าแคว้นเยี่ยน แต่ถ้ามีโอกาสบุกเข้ายึดเมืองหลวงของแคว้นต้าฉี่ เขาจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปแน่นอน ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งคือ เผ่าหมานม่อเป่ยอาจกำลังบุกเข้าเมืองหลวงเมื่อคิดถึงจุดนี้ จ้านเฉิงอิ้นก็รู้สึกว่าการตั้งรับที่หมิ่นโจวอาจไม่ใช่ทางเลือกที่มั่นคงเขาพูดกับซ่งตั๋วว่า “แจ้งออกไป ให้ย้ายจากหมิ่นโจวไปตงโจวคืนนี้”แม่ทัพหลายคนมองหน้ากันด้วยความสงสัย ทำไมต้องย้ายไปตงโจวตงโจวมีคนน้อยกว่า การค้าไม่เจริญเท่าหมิ่นโจว ประชากรก็เบาบางที่นั่นแม้จะมีเส้นทางสายหลักที่นำเข้าสู่เมืองหลวง แต่~มู่ฉีซิวมีถนนการค้าอยู่ในหมิ่นโจว เขาจะอ้อมไปตงโจวทำไม?ถึงแม้หมิ่นโจวและตงโจวจะเป็นเมืองป้องกันเมืองหลวงเหมือนกันแต่ระยะทางตรงนั้นแปดร้อยลี้การขี่ม้ารอบทางอ้อมต้องใช้เวลาเพิ่มอีกสิบวันในยุคที่ขาดแคลนเสบียง นี่เป็นราคาที่แพงมากเฉินอู่ดูเหมือนจะเข้าใจเจตนาของจ้านเฉิงอิ้นเขาขมวดคิ้วถามว่า “ท่านแม่ทัพ ท่านคิดว่าเผ่าหมานจะบุกเข้าเมืองหลวงจากทางตงโจวหรือ?”“ใช่!”“แต่เขาพาทหารที่

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status